ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    depth passage ห้องต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #27 : Project G [รุ่นทดลอง]

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 57


                    “ลูกค้าท่านต่อไปเชิญเลยค่ะ”

                    เสียงสังเคราะห์จากระบบดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอกแจกจอแจของผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งๆที่เหตุการณ์นี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในล๊อบบี้ของ K.N.O.T บริษัทด้านเทคโนโลยีเกมยักษ์ใหญ่ของโลก และด้วยจำนวนผู้คนที่แห่แหนกันมาไม่ขาดสายราวกับน้ำหลาก ทำให้ล๊อบบี้ที่กว้างขวางดูแคบไปถนัดตา

                    ซึ่งสาเหตุที่เป็นอย่างนี้นั้น.. มีสองประการด้วยกัน

                    หนึ่ง วันนี้เป็นวันที่เครื่องเล่นรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ion ที่สามารถถ่ายทอดทั้งความรู้สึกและประสบการณ์ราวกับไปสัมผัสจริงๆให้กับผู้เล่นจะออกวางขายในรอบบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเหล่าเกมเมอร์และผู้คนทั่วไปให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งสื่อมวลชนขนานดังอีกด้วย

                    และ..สอง วันนี้เป็นวันเปิดตัวของเกม Monster Universe Online(MUO) เกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์จากค่ายเกมชื่อดังทำให้ถูกจับตามองอยู่แล้ว แถมมันยังเป็นเกมออนไลน์เกมแรกที่ใช้ Ion เล่น! ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เกมที่ควรจะดังเป็นพลุแตกอยู่แล้วกลายเป็น Talk of the town ภายในเวลาไม่นาน

                    และมันก็เป็นเหตุผลที่กวินท์มาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน..

                    เด็กหนุ่มร่างสันทัดนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการอัพเดทเทคโนโลยีอย่างเงียบๆพลางลูบผมสีดำยุ่งเหยิงที่ตัดกับใบหน้ารูปไข่ของเขาตามความเคยชิน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนภายใต้แว่นกรอบหนาจ้องมองเนื้อหาในหนังสือ สลับกับเหลือบมองเคาท์เตอร์ภายในห้องผ่านกระจกอย่างร้อนรน

                    “ลูกค้าท่านต่อไปเชิญค่ะ”

                    เสียงสังเคราะห์ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับเด็กชายร่างท้วมที่เดินถือถุงสีดำสนิทที่มีโลโก้ของเกมMUOเด่นหรา กวินท์ที่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นจากม้านั่งทันที แล้วเดินเข้าห้องไปอย่างตื่นเต้น

                    เขาพบว่าภายในห้องนั้นกว้างขวางกว่าที่เขาคะเนไว้อยู่มากโข มันถูกตกแต่งอย่างง่ายด้วยสีเบจซึ่งให้อารมณ์อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ผนังของห้องนั้นมีโปสเตอร์ของเกม MUO แปะเอาไว้เป็นระยะๆยาวจนไปถึงเคาท์เตอร์

                    “เอ่อ...ขอซื้อเซต Monster Universe Normal Set ครับ”กวินท์พูดด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ เพราะว่ามันไม่ได้มีทุกๆวันหรอกที่จะได้สั่งซื้อเครื่องเกมที่มีราคาเฉียดแสน หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือมันเป็นครั้งแรกของกวินท์ด้วยซ้ำที่จ่ายเงินซื้อของหนักขนาดนี้

                    และนั่นมันทำให้กวินท์เกร็งเป็นอย่างมาก ถึงจะพยายามแสดงสีหน้าว่าไม่เป็นไรเถอะนะ แต่ทว่าแค่มองปร๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มกำลังรู้สึกยังไงอยู่

                    “โอเคค่ะ”พนักงานสาวตอบรับสั้นๆพร้อมยิ้มให้กวินท์อย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปหยิบกล่องกระดาษสีดำขลับที่มีตัวอักษรสีเงินเขียนเป็นชื่อสินค้าอย่างสวยงามขึ้นมาวาง ตามมาด้วยตลับที่ใหญ่ประมาณผ่ามือที่มีชื่อเกมและโลโก้แปะเอาไว้อย่างชัดเจนมาวางตรงหน้าของเด็กหนุ่ม

                    หลังจากนั้นพนักงานสาวก็เช็คความเรียบร้อยของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าหนุ่มดูอย่างชำนาญ ก่อนจะจัดการเก็บทั้งหมดนั้นใส่ถุงสีดำเช่นเดียวกับที่เด็กชายที่เดินออกมาก่อนหน้าเขาแล้ววางบนเคาท์เตอร์

                    “ทั้งหมด 102720 บาทถ้วนค่ะ”พนักงานสาวแจ้งราคาหลังจากจัดการหีบห่อเรียนร้อยแล้ว ประโยคนั้นทำเอากวินท์ถึงกับชะงักค้าง ก่อนจะมองโบชัวร์ในมือสลับกับพนักงานสาวอย่างไม่เข้าใจ

                    “เอ่อ..ในโบชัวร์มันบอกว่าราคา 96000 บาทนี่ครับ”กวินท์พูดพลางชี้ราคาในโบชัวร์ให้พนักงานสาวดูทันที

                    “อ๋อ นั่นเป็นราคาที่ยังไม่รวม VAT ค่ะ ส่วนตอนรวม VAT 7% แล้วก็จะเป็น 102720 บาทค่ะ”พนักงานสาวพูดพร้อมๆกับชี้คำว่าราคาดิบที่อยู่ด้านล่างๆของโบชัวร์ ก่อนจะโชว์เครื่องคิดเลขที่มีตัวเลขหกหลักเด่นหราให้กวินท์ดูพลางยิ้มให้บางๆ ผิดกับกวินท์ที่ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆจนน่าเป็นห่วง

                    ก็แหงล่ะ.. เขาเตรียมเงินมาเพียงแสนถ้วนๆเท่านั้นเองนี่นา...

                    “สรุปจะยังเอาไหมคะ?”เธอถามซ้ำ ทำเอากวินท์ที่กำลังคิดคำนวณหาทางออกสะดุ้งเฮือก แต่เขาก็ยังไม่รู้ที่จะตอบยังไงอยู่ดี เพราะการที่พลาดการซื้อในครั้งนี้ก็หมายถึงอาจจะต้องรอไปถึงสต๊อกเดือนหน้า ซึ่งมันก็ขัดกับความตั้งใจของกวินท์ที่จะเล่นเกมนี้เป็นกลุ่มแรกเต็มๆ

                    หรือจะซื้อแค่ตัวเครื่องก่อนดี? ไม่ดีกว่า เพราะการที่มีเครื่อง Ion แต่ไม่มีตัวเกมที่จะเอาไว้ใช้เล่นก็ไม่ต่างกับการเอากล่องเหล็กไปวางทิ้งไว้เฉยๆเลย

                    “เอ่อ...คือ..”กวินท์ที่อับจนหนทางพูดติดๆขัดๆพลางก้มหน้าไม่ยอมสบสายตากับพนักงานสาว ทำให้เธอเริ่มเกิดอารมณ์รำคาญขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าประเภทนี้จะมีเงินไม่พอและสุดท้ายก็ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เธอจึงเอื้อมมือเพื่อหวังจะไปกดปุ่มกระจายเสียงอิเล็คโทรนิกส์เพื่อเรียกลูกค้าคนต่อไปให้เข้ามาแทนลูกค้าตรงหน้า แต่ทว่าเสียงของใครบางคนก็ได้ดังขึ้นมาเสียก่อน

                    “ถ้างั้น ส่วนที่เป็น VAT ผมจะออกให้น้องเขาก็แล้วกันนะครับ”

                    เสียงนั้นฉุดกวินท์ที่กำลังลนลานทำอะไรไม่ถูกให้กลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงสวรรค์ที่พึ่งดังขึ้นเมื่อครู่ทันที

                    เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราวๆ25ปี สังเกตได้จากบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างเห็นได้ชัดของเขา เขาสวมชุดสูทสีดำสนิทเช่นเดียวกับผมสีดำสนิทยาวเล็กน้อยที่ตัดกับใบหน้ารูปไข่ของเขาอย่างลงตัว นัยน์ตาสีน้ำทะเลดูอบอุ่นจ้องมายังกวินท์อย่างเป็นมิตร แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความเยือเย็นและสุขุมที่กวินท์ไม่สามารถอธิบายได้ถูก พร้อมๆกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฎบนริมฝีปากที่เป็นกระจับได้รูป ซึ่งถ้าไม่ติดว่าที่ปกเสื้อของเขามีเข็มกลัดที่มีตราของ K.N.O.T. ติดอยู่ กวินท์คงจะคิดว่าเป็นนายแบบหลงแคทวอล์กอย่างแน่นอน

                    “กรี๊ด! ท่านประธานขา”พนักงานสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่หยดย้อยราวกับน้ำตาล ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเลยที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะแม้แต่กวินท์ที่เป็นผู้ชายยังเผลอมองตาไม่กระพริบเช่นกัน

                    ผู้ชายอะไรฟะ หล่อ รวย ฉลาด เพอร์เฟคชะมัด..

                    กวินท์คิดในใจพลางเหลือบมองประธานหนุ่มที่ยิ้มรับพนักงานสาวน้อยๆตามมารยาท แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ มันก็ยังทำเอาพนักงานสาวกรี๊ดลั่นห้องราวกับเจอดาราเกาหลี แถมยังจ้องประธานหนุ่มตาเป็นมันอีกด้วย

                    นี่มันสายตาตอนล่าเหยื่อชัดๆ..

                    กวินท์คิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

                    “เอาเป็นว่า ผมจะออกเงินส่วนที่เป็น VAT ให้กับน้องคนนี้แล้วกันนะครับ เขาพูดพลางหยิบกระเป๋าตังขึ้นมา แล้วหยิบแบงก์สีเงินออกมา7ใบ แล้ววางบนเคาท์เตอร์เบาๆ กวินท์ที่เห็นดังนั้นจึงหยิบเงินส่วนของตนวางบนเคาท์เตอร์เบาๆ ก่อนจะก้มหน้างุด เพราะการที่จู่ๆก็มีใครไม่รู้มาจ่ายเงินให้มันก็รู้สึกผิดมากอยู่แล้ว แถมนี่ยังเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 7000 บาท ทำให้กวินท์รู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก

                    “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจช่วยน่ะ”ประธานหนุ่มตบไหล่กวินท์เบาๆเชิงให้กำลังใจ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้กวินท์รู้สึกผิดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย ประธานหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดออกมา

                    “ถ้าอย่างนั้น มาช่วยทดสอบเกมให้ผมหน่อยสิครับ ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเงินที่ผมจ่ายไปให้”

                    “เอ๋?”กวินท์เงยหน้ามองประธานหนุ่มด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ทำเอาประธานหนุ่มหลุดขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขา

                    “ครับ ทดสอบเกมขั้นสุดท้ายให้ผมหน่อย ผมอยากเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่นไปน่ะครับ เพราะถ้ามีผมจะได้ทำแพทซ์ไว้สำหรับแก้ไขในภายหลังครับ”ประธานหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็นและพยายามเลือกสรรคำที่เข้าใจง่ายมาใช้เพื่อที่กวินท์จะได้ไม่งงมากนัก

                    “อ่า...”เด็กหนุ่มอ้าปากกำลังจะตอบ แต่ทว่าเขาก็เริ่มรู้สึกถึงไฟริศยาที่ลามออกมาจากพนักงานสาวที่จ้องเขม็งตรงมาที่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทำเอากวินท์เสียวสันหลังวาบ ทั้งนี้ก็คงเพราะตัวเด็กหนุ่มนั้นไปแย่งความสนใจของประธานหนุ่มเสียหมด ทำให้กวินท์เริ่มกลัวจนตัวสั่นรีบพยักหน้าหงึกๆตอบไปทันที

                    เพราะอย่างน้อยตายคาเกมก็คงจะดีกว่าถูกไฟริศยาย่างสดล่ะมั้ง..

                    ประธานหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงหยิบถุงที่บรรจุเครื่องเล่นเกมของกวินท์ขึ้นมา แล้วเดินไปยังประตูเล็กๆที่เขียนป้ายแปะไว้ว่า’ห้องทดลองเกมอย่างสบายใจ ราวกับไม่รู้ว่าตอนนี้เพลิงริศยาได้แผ่รังสีความร้อน(ที่น่าจะเรียกว่ารังสีอำมหิต)ออกมาจนกวินท์แทบจะละลายกลายเป็นของเหลวได้แล้ว เด็กหนุ่มจึงรีบจ้ำอ้าวทันทีก่อนที่จะโดนเพลิงริศยาที่อบอวลทั่วห้องเผาตายเสียก่อน

                    หลังจากเข้ามาภายในแล้ว กวินท์ก็พบว่ามันเป็นห้องเล็กๆที่มีการตกแต่งไม่มากนั้น ซึ่งดูเหมือนจะค่อนไปทางรกมากกว่า เห็นได้จากสายไฟที่กวินท์นับได้ไม่ต่ำกว่า30เส้น ไหนจะอุปกรณ์แปลกๆที่วางอยู่เต็มโต๊ะอีก

                    แต่ที่ดูสะดุดตาที่สุดก็คือเตียงรูปร่างประหลาดที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง มันมีลักษณะคล้ายๆกับเตียงคนไข้ แต่กลับหนากว่ามาก ข้างๆนั้นก็มีหมวกรูปทรงคล้ายหมวกกันน๊อควางอยู่ ซึ่งทั้งสองนั้นถูกเสียบไปด้วยสายระโยงระยางจนลายตาไปหมด

                    “นั่นเป็น Ion รุ่นแรกสุดน่ะครับ”ประธานหนุ่มพูดพลางประกอบเครื่องเกมของกวินท์อย่างคล่องแคล่ว เด็กหนุ่มพบว่าตัวเครื่องนั้นมีขนาดไม่ต่างอะไรกับกล่องจิ๊กซอว์ แถมสายไฟที่เสียบก็ไม่ได้มีเยอะเช่นเดียวกับตัวรุ่นแรก มีเพียงที่เสียบสายสำหรับเสียบให้ไฟเข้า ที่เสียบแผ่นเกม และที่เสียบสายอุปกรณ์เสริมเท่านั้น

                    ส่วนอุปกรณ์เสริมนั้นมีรูปร่างคล้ายๆกับหูฟังแบบ Headgear แต่ทว่ามีแผ่นกระจกสีชามาครอบบริเวณดวงตาเอาไว้เท่านั้น ซึ่งดูยังไง๊ยังไงก็ต่างกับอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องรุ่นแรกลิบลับ

                    “เอา..ล่ะ เสร็จแล้ว”ประธานหนุ่มพูดพร้อมๆกับเสียบ’ตัวเกมที่มีรูปร่างคล้ายๆ Thump drive กับตัวเครื่อง ก่อนไฟสีเขียวจะสว่างขึ้นมา บ่งบอกว่ามันอ่านข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นประธานหนุ่มจึงเดินไปยังเตียงหนาๆที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นเครื่องเล่นเกม Ion ยุคเริ่มต้น แล้วคว้าอุปกรณ์เสริมมาใส่ทันที กวินท์ที่เห็นดังนั้นจึงหยิบอุปกรณ์เสริมของตนเองมาสวมบ้าง ก่อนเขาจะมองเห็นแถบดาวน์โหลดที่ค่อยๆเคลื่อนไปทีละน้อย แต่ก็ไม่มีชะงัก

                    “ว่าแต่.. การทดสอบที่ว่าคืออะไรหรอครับ”กวินท์ถามชายหนุ่มทันทีเมื่อนึกออก เพราะตั้งแต่เข้ามาที่ห้องนี้จนจะเริ่มเกมแล้ว เขายังไม่รู้เลยว่าการทดสอบที่ชายหนุ่มว่าคืออะไร

                    “ก็ง่ายๆนะ.. แค่นายมา PvP กับฉันเท่านั้นเอง...”

                    เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แต่ทว่าเนื้อความกลับไม่ทำให้กวินท์สบายใจเลยซักนิด เด็กหนุ่มถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเจอขอเสนอนี้ ก่อนจะอ้าปากเพื่อที่จะโต้แย้ง แต่ทว่าเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ว ที่แถบดาวน์โหลดกลับเต็มพอดี ทำให้เขาถูกดึงเข้าไปสู่ตัวเกมอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมๆกับเสียงร่ำไห้ในใจของเด็กหนุ่ม

                    โธ่.. แล้วคนที่ไม่เคยแตะเกมนี้ซักครั้งจะมาสู้คนพัฒนาเกมได้ยังไงล่ะคร้าบบ

                   

                    “Game Loading  100%....”

                    “Preparing Graphic… Complete

                    Entering Testing mode (User:Test002)

                    แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นบนหน้าจอของกวินท์ทันทีเมื่อข้อความสำหรับปฏิบัติการจบ ก่อนเขาจะพบว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่ในห้องเล็กๆด้านหลังแล้ว

                    เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏซากปรักหักพังที่กระจายตัวไปทั่วราวกับเคยผ่านสงครามมาแล้ว ดวงจันทร์สีเงินยวงทอแสงลงมาทำให้สามารถเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ชัดขึ้นเล็กน้อย สายลมราตรีพัดผ่านร่างของเขาเบาๆพร้อมกับพัดพากลิ่นใบหญ้าอ่อนๆมาด้วย

                    ทั้งหมดนี่เป็นแค่กราฟิกหรอ? ทำไมมันถึงเหมือนจริงได้ขนาดนี้ล่ะ?

                    กวินท์คิดในใจพลางมองรอบๆเพื่อสำรวจพื้นที่ต่อ เขาพบว่าไม่ใช่เพียงรูปร่างเท่านั้น สัมผัสของวัตถุต่างๆในฉากก็เหมือนจริงซะจนไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นแค่เกม

                    “สวยใช้ไหมล่ะครับ คุณ.. กวินท์”เสียงนั้นทำเอากวินท์ที่กำลังชมนกชมไม้จนเพลินถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียงทันที ก่อนเขาจะพบว่าประธานหนุ่มอยู่ไม่ไกลเขานัก เขาสวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลดูโทรมๆทับกับเสื้อยืดสีขาวแทนที่จะเป็นเสื้อสูท และสวมกางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแมงแทนกางเกงแสล็คสีดำเนี้ยบ ทำให้ภาพลักษณ์ของประธานหนุ่มเปลี่ยนไปมาก แต่ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่ดูสุขุมเอาไว้ไม่เสื่อมคลาย แต่ทว่าสิ่งที่กวินท์สนใจตอนนี้หาใช่บุคลิกของเขาไม่..

                    แต่ที่เด็กหนุ่มสนใจก็คือ ชายตรงหน้าจะเริ่มการ PvP เลยไหม? ถ้าใช่จะเข้ามายังไงกัน?

                    เมื่อคิดได้ดังนั้นกวินท์จึงถอยห่างประธานหนุ่มเล็กน้อยทันทีตามสัญชาติญาณ เพราะเขาเองก็เคยผ่านการ PvP กับผู้คนมากมายในหลายๆเกมที่เขาเคยเล่น แต่ถึงยังไงก็ตามเขาเองก็ไม่เคยสัมผัสการ PvP ในเกมที่สมจริงขนาดนี้มาก่อน ประกอบกับการที่คู่ต่อสู้เป็นถึงผู้ที่พัฒนาเครื่องเล่นเกมนี้ขึ้นมา

                    ซึ่งก็สามารถมองอีกความหมายหนึ่งได้ว่า คนตรงหน้ามีความสามารถในการควบคุมเกมนี้ในระดับสูงเช่นกัน..

                    เมื่อคิดได้ดังนั้น นัยน์ตาสีน้ำตาอ่อนใต้กรอบแว่นจึงฉายแวววิตกกังวลไม่น้อย เพราะถ้าจะต้องสู้กันจริงๆ เด็กหนุ่มคงจะสู้ด้วยฝีมือทั้งหมด แต่จะแพ้หรือชนะก็ค่อยว่ากันอีกที

                    “ใจเย็นๆสิครับ รอให้ผมสอนการบังคับพื้นฐานเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยสู้กันก็ยังไม่สายนี่ครับ”ประธานหนุ่มพูดออกมาด้วยทีท่าสบายๆ ก่อนจะพูดต่อ “จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่... ผมชื่ออารักษ์ครับ เป็น CEO ของบริษัทนี้อย่างที่คุณน่าจะรู้อยู่แล้ว ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณกวินท์”กวินท์ที่ได้ยินดังนั้นถึงกับเหวอ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆตอบรับ ไปอย่างเกร็งๆ

                    “ถ้างั้นก็เริ่มเลยนะครับ คุณกวินท์ครับ ลองดีดนิ้วเบาๆสิครับ”เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนแถบเมนูรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะปรากฎขึ้นมาจากอณูอากาศ มันเป็นแถบระบุค่าพื้นฐานแบบมาตรฐานของเกม MMORPG ด้านบนมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า Inventory และ Skillเรียนกันตามลำดับ แต่ที่ดูน่าสนใจที่สุดก็คือหน้าจอที่แสดงแก่กวินท์ในตอนนี้ ซึ่งภายในระบุค่าพื้นฐานของผู้เล่นไว้อย่างชัดเจน

                    [Player: Test002]

                    Lv.1000 [Max]

                    STR 99999 [Max]

                    AGI 99999[Max]

                    INT 99999 [Max]

                    LUCK 99999 [Max]

                    HP 9999999/9999999 [Max]

                    MP 9999999/9999999 [Max]

                    กวินท์ถึงกับเหวอเมื่อเห็นค่าพื้นฐานของตนที่ผิดมนุษย์มนาขนาดนี้ เขาจึงหันไปมองอารักษ์พลางส่งสายตาเชิงขอคำตอบทันที

                    “นี่เป็นตัวละครสำหรับเทสเกมน่ะครับ เราเลยปรับค่าสถานะของตัวละครให้เต็มทุกค่า จะได้ไม่เผลอตายระหว่างเทสยังไงล่ะครับ ซึ่งพอคุณเอากลับไปเล่นที่บ้านก็จะกลับเป็นตัวละครปกติแหละครับ”อารักษ์หลุดหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าเหวอของกวินท์ ทำให้เด็กหนุ่มรีบหลบตาแล้วพยักหน้ากลบเกลื่อนทันที

                    “ถ้าอย่างนั้นผมจะสอนใช้สกิลเลยนะครับ ตอนนี้คุณกวินท์ลองกดเข้าไปที่แถบที่เขียนว่า Skill หน่อยสิครับ”กวินท์กดเข้าไปตามที่อารักษ์บอกทันที

                    หน้าต่างสกิลนั้นแตกต่างกับหน้าต่างสเตตัสอย่างสิ้นเชิง ในหน้าต่างนั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์รูปร่างต่างๆนับสิบกระจายตัวอยู่เต็ม แถมดูเหมือนจะไม่ได้มีเพียงหน้าเดียวอีกด้วย

                    “ที่คุณเห็นนั่นคือสายต่างๆของเกมครับ โดยจะสามารถปลดล๊อกสกิลใดได้นั้นก็ต่อเมื่อเงื่อนไขครบครับ วิธีใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณคิดชื่อสกิลไว้ในใจ แล้วทำตามท่าทางที่กำหนดไว้เองครับ”อารักษ์อธิบาย ก่อนจะจ้องมองมาที่กวินท์ด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์ ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ

                    “มาเริ่ม..กันดีกว่าครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×