ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #27 : ( SF ) PROMISE : 02

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 60


    2

     

     

    หนึ่งรอยยิ้มอาจแปลได้ล้านความหมาย

     

    แต่สำหรับโอเซฮุนที่มองสีหน้าต่างๆ ของลู่หานมาตลอดสี่ปีแล้ว เขาเข้าใจสิ่งที่คนตัวเล็กต้องการสื่อได้โดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใดเลย

     

    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หัวเราะแผ่วเบา หากดันดวงตาเรียวคมเป็นขีดโค้ง

     

    ป่ะ

     

    เจ้าของใบหน้าหวานเงยสบตา ไล่มองจนถึงฝ่ามือที่ยื่นออกไปหาเจ้าตัว

     

    ลู่หานยิ้มอีกครั้ง ทั้งใบหน้ายังแดงก่ำจากการร้องไห้เมื่อครู่

     

    ไปสิ

     

    จับแน่นๆ ล่ะ

     

    ต้องจับแน่นๆ ด้วยเหรอ นี่มือเซฮุนหรือแฮนด์มอเตอร์ไซค์

     

    กวนนะเราอ่ะ

     

    แกล้งบอกดุๆ แต่คนฟังกลับหัวเราะเอิ้กอ้ากไร้ทีท่าหวาดกลัว เซฮุนสอดประสานเรียวนิ้วตัวเองกับลู่หานเข้าด้วยกัน ก่อนร่างเล็กจะแกว่งมันไปมาช้าๆ ตามจังหวะก้าวเดินของพวกเขาสองคน

     

    ส่วนลึกในใจต่างภาวนาให้ถนนเส้นนี้ทอดยาวต่อไปอีกสักหน่อย

     

     

     

    *

     

     

     

    แฟนที่ดีคืออะไร?

     

    โอเซฮุนได้แต่ถามตัวเองในใจอย่างโง่เขลา ทั้งที่เอ่ยปากจะสอนให้ลู่หานได้รู้จักราวกับมั่นใจนักหนา แต่เซฮุนก็รู้ตัวเองดีว่าอาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

     

    เพราะเขาไม่เคยเป็นแฟนที่ดีของใครเลยสักคน

     

    ยิ่งกว่านั้น เซฮุนขอลู่หานเป็นแฟนตอนดวงอาทิตย์คล้อยต่ำใกล้ลับลาขอบฟ้า เท่ากับว่าที่จริงแล้วเวลาระหว่างเขากับลู่หานช่างแสนสั้น

     

    ยังคงช้าเสมอ

     

    ช้าเกินไปเสมอ

     

    “เซ...ฮุน...”

     

    “หืม”

     

    “ขับ...ช้า...หน่อย...”

     

    “ไม่ได้ยิน”

     

    รอบกายปกคลุมด้วยความมืดมิดยามพลบค่ำ สายลมแรงตีแสกหน้าทำให้ไม่อาจได้ยินเสียงคนด้านหลังชัดเจน อีกทั้งศีรษะกลมก็อยู่ใต้หมวกกันน็อคจึงไม่เห็นสีหน้าลู่หานผ่านกระจกมองหลังเช่นกัน มือใหญ่ขยับพลิก พามอเตอร์ไซค์คันเก่งที่ใช้สำรองเวลาส่งลูกคนโตเข้าศูนย์สู่ลานกว้างใกล้สวนสาธารณะในหมู่บ้านเขาเอง

     

    ชายหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อคตัวเองออก ก่อนช่วยปลดมันจากศีรษะลู่หานเช่นกัน

     

    “ว้าว”

     

    ทันทีที่เป็นอิสระจากหมวกกันน็อคกับมอเตอร์ไซค์ลู่หานก็หมุนรอบตัวสำรวจบรรยากาศรอบข้าง แสงไฟริมทางส่องสว่างให้เห็นสนามบาสเก่าๆ ไร้ผู้คน

     

    “พามาเสียเหงื่อเหรอ”

     

    “คิดว่าไง” เซฮุนเลิกคิ้ว “คิมจงอินน่ะ เป็นนักบอลใช่ไหม”

     

    “อื้อ”

     

    “ดีเลย ฉันพานายมาเล่นบาส”

     

    ลู่หานอ้าปากหวอ แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างง่ายดายจนเซฮุนอดนึกถึงตอนคนตรงหน้าเสียน้ำตาไม่ได้...

     

    “ขำอะไร แฟนที่ดีก็ต้องพากันรักสุขภาพ”

     

    “แต่ฉันเล่นบาสไม่เป็น”

     

    “เดี๋ยวสอน”

     

    จากทีแรกที่ตั้งใจปฏิเสธหลังชนฝา ลู่หานกลับหยุดชะงักเมื่อเซฮุนบอกสั้นๆ ผ่านน้ำเสียงหนักแน่น

     

    คำพูดของเซฮุนชวนให้ลู่หานนึกถึงคิมจงอินขึ้นมา

     

     

     

    “ลู่หานน่ะ แค่นั่งเป็นกำลังใจให้ฉันก็พอ”

     

    “แต่ฉันอยากเล่นด้วย”

     

    “คอยเชียร์ฉันก็พอน่า”

     

     

     

    ซึ่งทุกครั้งก็จบลงที่ลู่หานนั่งสัปหงกรอจงอินวิ่งไล่ลูกฟุตบอลอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ เสมอ

     

    “ยืนเหม่ออีก มานี่เร็ว!

     

    เสียงทุ้มต่ำตะโกนเรียกจากกลางลานกว้างที่มีแป้นบาสเก่าๆ สองอันตั้งอยู่ เซฮุนถอดเสื้อเชิ้ตออก ท่อนบนชายหนุ่มเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีดำตัดกับผิวขาว มองเห็นกล้ามแขนและกล้ามอกชัดเจน

     

    “เล่นยังไง”

     

    “ดูนี่”

     

    แกล้งล็อคคอเข้ามาใกล้จนคนตัวเล็กเซตามแรงรั้ง พอโดนลู่หานฟาดเซฮุนก็หัวเราะอย่างพอใจ เขากลับมายืนตัวตรง ปลายนิ้วกดน้ำหนักบนลูกบาสแล้วเดาะด้วยมือข้างเดียวซ้ำๆ

     

    ร่างสูงเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว และวิ่งไปชู้ตลงห่วงง่ายดายยิ่งกว่าจับวาง

     

    “เก่งอ่ะ!

     

    “ตานายแล้ว ทำให้ดูหน่อย”

     

    “แบบที่เซฮุนทำเมื่อกี้น่ะเหรอ”

     

    “อือ”

     

    มือใหญ่ส่งลูกบาสให้รวดเร็วจนคนตัวเล็กเกือบตะครุบไว้ไม่ทัน ลู่หานยิ้มนิดๆ ดวงตาคู่สวยวาววับคล้ายกำลังนึกสนุก

     

    “ลองเดาะดู”

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    “ทำได้นี่ วิ่งไปชู้ตเลย!

     

    “โอเค!

     

    เสียงหวานรับคำดังลั่น ลู่หานเดาะลูกกับพื้นเพื่อความชัวร์อีกสองสามครั้ง ก่อนจะวิ่งไปชู้ตบาสตามคำสั่ง

     

    ทว่า

     

    “ลู่หาน เฮ้ย...ฮ่าๆๆ”

     

    “อ...อะไร”

     

    “ฉันหมายถึงวิ่งเลี้ยงไปชู้ต ไม่ใช่อุ้มลูกบาสวิ่งแบบนั้น ตลกว่ะ”

     

    “ก็ไม่รู้นี่!

     

    สงครามย่อยๆ อุบัติขึ้นทันทีที่เซฮุนขำกลิ้งจนลงไปนอนตัวงอกับพื้น ภาพลู่หานอุ้มลูกบาสวิ่งเหมือนเด็กขโมยแตงโมติดตาเขาจนหยุดหัวเราะไม่ได้ ขณะคนตัวเล็กถึงกับควันออกหู โยนลูกบาสใส่แผ่นหลังกว้างแรงๆ อย่างไม่กลัวร่างสูงจะเจ็บ

     

    “หยุดหัวเราะเลยนะ”

     

    “ฮ่าๆๆ”

     

    “โอเซฮุน”

     

    “ฮะ...หึๆๆ”

     

     

     

    “หยุดขำเดี๋ยวนี้เลย ไหนบอกจะเป็นแฟนที่ดีไง!

     

     

     

    เพียงประโยคเดียวทั่วทั้งลานกว้างก็เงียบกริบราวกับเสกสั่ง เซฮุนกลืนน้ำลายลงคอ ชูสองมือเสมออกแทนคำบอกว่าเขายอมแพ้ ก่อนยันตัวลุกจากพื้นด้วยท่าทางจริงจังกว่าเดิม

     

    “โอเคๆ เข้าใจแล้ว”

     

    “นิสัยไม่ดี”

     

    “ขอโทษครับ ขอโทษ”

     

    ช่วงขายาวย่อลงกระทั่งส่วนสูงของเขาเสมอกับร่างบางตรงหน้า เซฮุนยิ้มตาหยี เกลี่ยปลายจมูกลู่หานเบาๆ ซ้ำๆ สุดท้ายคนหน้ามุ่ยก็หลุดยิ้มออกมาจนได้

     

    “งั้นแฟนที่ดีจะสอนลู่หานเล่นบาสเองนะ”

     

    “สอนดีๆ ด้วย ถ้าขำอีกจะโดนตี”

     

    “ยอมให้ชู้ตบาสใส่หน้าเลยครับ”

     

    ลู่หานคว้ามือเซฮุนมาเกี่ยวก้อยสัญญาเสร็จสรรพ ไม่วายจ้องดุๆ อย่างคาดโทษ บอกให้รู้ว่าลู่หานพร้อมโยนบาสใส่หน้าหล่อๆ ตลอดเวลา

     

    “คราวนี้จริงจังนะ”

     

    “อื้อ”

     

    “เลี้ยงลูกให้ดูอีกรอบหน่อย ใช้มือข้างเดียวพอ”

     

    “แบบนี้เหรอ”

     

    “ควบคุมด้วยนิ้ว ไม่ใช่ฝ่ามือ”

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    “ต้องเลี้ยงข้างตัวลู่หาน ไม่ใช่ข้างหน้า นั่นล่ะ...ค่อยๆ ย้ายมา”

     

    ลูกบาสกลมๆ เคลื่อนที่พร้อมกับร่างสูงใหญ่ เซฮุนเดินอ้อมไปซ้อนหลังคนตัวเล็กในระยะประชิด ใกล้จนลู่หานได้กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวของชายหนุ่มจนเกือบเผลอทำลูกหลุดมือ

     

    “มือต่ำลงหน่อย”

     

    ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงทุ้มต่ำกระซิบริมหู มือใหญ่กดฝ่ามือเขาลงอย่างรวดเร็ว

     

    ไม่รู้ทำไม ทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังเกิดขึ้น ลู่หานรู้สึกว่ามัน...อันตรายเหลือเกิน

     

    “ลู่หาน”

     

    “อ...อื้อ”

     

    “อย่ามองลูกสิ”

     

    แผ่นหลังบางหยัดตรง ร่างกายแข็งเกร็งราวกับหุ่นยนต์ ใบหน้าสวยเห่อแดงและร้อนผ่าวจนอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันทีที่เซฮุนส่งแขนพาดมาด้านหน้า จับปลายคางเขาให้แหงนเงย

     

    “ลู่หานต้องมองตรงไปข้างหน้า”

     

    “.........”

     

    “ถ้าเอาแต่ก้มมองลูก นายก็จะไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามน่ะสิ”

     

    ริมฝีปากได้รูปพร่ำสอนเทคนิคต่างๆ โดยหารู้ไม่ว่าคนฟังหูอื้อไปหมดแล้ว

     

    และแน่นอน...เซฮุนไม่รู้ เช่นเดียวกับที่ลู่หานก็ไม่รู้

     

    มือข้างหนึ่งของโค้ชคนเก่งก็กำลังกำหมัดแน่นเช่นกัน

     

    “ซ...เซฮุน ฉันว่าเรามาลองแข่งกันเถอะ”

     

    “เอางั้นเหรอ”

     

    “นายเลี้ยงลูก แล้วฉันก็คอยแย่งดีไหม น่าสนุกนะ”

     

    “ได้สิ”

     

    สองร่างผละห่างจากความใกล้ชิดแสนอันตราย ลู่หานรู้ตัวว่าเผลอกลั้นหายใจก็ตอนได้สูดลมหายใจลึกจนเต็มปอด พวกเขามองตากัน เซฮุนยิ้มนิดๆ แล้วเริ่มเลี้ยงบาสตามคำขอ

     

    เสียงพูดคุยปะปนเสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากเกมเริ่มต้น เซฮุนแกล้งหลอกล่อลู่หานให้เข้ามาหาด้วยการเลี้ยงบาสสลับซ้ายขวาช้าๆ พอคนตัวเล็กจะชิงลูกเขาก็ไขว้มันไปด้านหลังเปลี่ยนทิศทางไปอีกด้านอย่างคล่องแคล่ว

     

    “ขี้โกง!

     

    “เขาเรียกว่าเทคนิค”

     

    “เซฮุนอ่ะ ส่งมาเลยนะ”

     

    “อยากได้ก็ตามมาเอาดิ”

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    ช่วงขายาวขยับวิ่งทั้งเดาะลูกกลมๆ ในมือตามจังหวะ กวักมืออีกข้างเรียกลู่หานอย่างจงใจยั่วโมโห

     

    “มาเร็วน้องขาสั้น”

     

    “ใครน้อง ใครขาสั้น”

     

    “ใครชื่อลู่หานก็คนนั้น”

     

    “ย๊า อย่าวิ่งหนีนะ!

     

    เซฮุนหัวเราะ ชะลอจังหวะหลังจากวิ่งหลอกล่อลู่หานรอบสนามจนคนตัวเล็กหอบแฮ่ก ชายหนุ่มยืดตัวตรงเต็มความสูง เดาะบาสไว้ข้างตัวช้าๆ คล้ายพร้อมให้ลู่หานเข้ามาช่วงชิงเต็มที่

     

    “มาสิ เร็ว”

     

    “ให้แน่นะ”

     

    “ครับ ยอมแล้ว”

     

    ริมฝีปากแดงคลายยิ้มกว้าง วิ่งมาจากอีกฟากหลังจากหยุดยืนเพราะหอบเหนื่อย สองขาเรียวขยับรวดเร็วให้ลมเย็นๆ ตีหน้า เส้นผมสีอ่อนกระจายไม่เป็นทรง

     

    ทว่า ทันทีที่เอื้อมแขนจะเกี่ยวลูกบาสมาไว้ในมือนั่นเอง

     

    หมับ

     

    ตึก ตึก ตึก

     

    ลูกกลมๆ ถูกมือใหญ่โยนไปอีกฝั่งจนเกิดเสียงกระทบพื้น สิ่งที่ลู่หานได้มาจึงไม่ใช่บาส หากแต่เป็นอ้อมกอดของโอเซฮุนต่างหาก

     

    แขนแกร่งโอบรอบเอวบาง ไม่แน่นหนา แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น...อ่อนโยน...ตรึงคนถูกกอดให้นิ่งงัน

     

    “เซฮุน...”

     

    “กับแฟนน่ะ เขาก็เล่นกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ”

     

    พวกเขาผละห่าง ไม่ใช่เพื่อปล่อยอีกคนเป็นอิสระ แต่เพื่อสบตากันให้ชัดเจน ใบหน้าพราวหยาดเหงื่อของคนทั้งคู่ใกล้ชิดกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

     

    อะไรบางอย่างสั่งให้ลู่หานหลับตาลงเมื่อเซฮุนโน้มตัวเข้าใกล้

     

    “ลู่หาน”

     

    “ว...ว่าไง”

     

    “ฉัน

     

     

     

    “เซฮุน!

     

     

     

    เปลือกตาบางเปิดขึ้น ลู่หานดีดตัวออกจากอ้อมแขนคนตรงหน้าทันทีที่เสียงหนึ่งดังจากด้านหลัง

     

    จองแชยอน

     

    หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าแฟนเซฮุนกำลังยืนอยู่หน้ามอเตอร์ไซค์ของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตแข็งกร้าวบ่งบอกทุกความรู้สึก

     

    เนิ่นนานชั่วกัปชั่วกัลป์สำหรับลู่หาน...ยามเซฮุนเดินห่างจากเขาไปหาเธอ

     

    และพริบตาเดียวเท่านั้นที่เสียงสนั่นดังขึ้น

     

    เพี๊ยะ!

     

     

     

    *

     

     

     

    กีฬาในสนามจบสิ้นหลังจองแชยอนขับรถออกไปรวดเร็วราวกับพายุ หญิงสาวตั้งใจมาหาเซฮุนที่บ้านเพื่อเคลียร์เรื่องราวบาดหมางระหว่างคนทั้งคู่ให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างกลับดิ่งสู่เหวเมื่อเธอจำมอเตอร์ไซค์แฟนหนุ่มได้และจอดรถลงมา เพียงเพื่อพบว่าแฟนของเธอกำลังจะจูบคนอื่น

     

    “เซฮุน...เอ่อ...โอเคไหม”

     

    “ไม่โอเคดิ ปากแตกเลย”

     

    “ไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย หมายถึงแฟนนายต่างหากเล่า”

     

    ชายหนุ่มยักไหล่ ยังคงทีท่าสบายๆ ตามนิสัยเหมือนเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหนา

     

    แน่นอน มันเป็นแค่เศษฝุ่นสำหรับโอเซฮุนจริงๆ

     

    เมื่อเทียบกับนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง

     

    “ช่างเถอะ”

     

    “แต่

     

    “เดี๋ยวขับรถพ่อพานายไปส่งบ้าน”

     

    ยี่สิบนาทีต่อมานักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ปีสุดท้ายทั้งสองก็อยู่บนท้องถนนที่ทอดยาว เซฮุนไม่ปริปากถึงเหตุการณ์เมื่อครู่สักนิด ไม่เล่าว่าแชยอนพูดอะไรกับเขา และเขาตอบอะไรกับเธอถึงได้ถูกตบจนปากแตกแบบนั้น

     

    ความเงียบปกคลุมห้องโดยสารครู่ใหญ่ เสียงทุ้มถึงทำลายบรรยากาศอึมครึมลง

     

    “นายชอบอยู่แต่บ้าน ไม่เบื่อบ้างเหรอ

     

    ร่างสูงบังคับพวงมาลัยสู่เส้นทางตรงไปยังบ้านขนาดกลางบริเวณชานเมือง ลู่หานเคยให้เหตุผลที่ไม่ยอมอยู่หอว่าชอบนั่งรถนานๆ ได้มองถนน วิวข้างทาง ภาพตึกสูงใหญ่ระหว่างทางให้เวลาตัวเองได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย

     

    ฉันชอบอยู่บ้านนี่นา เซฮุนเบื่อเหรอ

     

    บางที ฉันมันพวกไม่อยู่เฉยไม่เป็น

     

    “นั่นสินะ”

     

    “ไว้จะพาไปเที่ยว

     

    “...เที่ยว?”

     

    ทะเล ภูเขา ดำน้ำ ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์

     

    เปลือกตาบางกระพริบถี่ เติบโตจนจะเรียนจบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ลู่หานกลับยังไม่เคยใช้ชีวิตโลดโผนแบบที่เซฮุนว่าสักครั้ง ซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มคิดว่ามัน...

     

    น่าสนุกดี

     

    เป็นแฟนฉันน่ะสนุกจะตาย

     

    “มั่นใจเนาะ”

     

    ลู่หานส่ายหัว ระยะเวลาความสัมพันธ์ในฐานะ แฟน ระหว่างพวกเขากำลังจะสิ้นสุดในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า มันไม่มากพอให้เซฮุนพาไปไหนต่อไหนอย่างที่เจ้าตัวบอกได้หรอก

     

    พวกเขาพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ใช้ทุกวินาทีที่เหลืออย่างคุ้มค่า ลู่หานมองมือข้างหนึ่งที่กำลังถูกกอบกุมหลวมๆ บีบกระชับกลับไปเล็กน้อยเมื่อเซฮุนประสานทุกเรียวนิ้วเข้าด้วยกัน

     

    ส่วนลึกในใจต่างภาวนาให้ถนนเส้นนี้ทอดยาวกว่าเดิม...อีกครั้ง

     

    .

    .

     

    Audi R8 จอดสนิทหน้ารั้วบ้านแห่งหนึ่งในเวลาห้าทุ่มห้าสิบนาที

     

    ต่อให้จงใจขับอ้อมเส้นทางหรือกระทั่งขับช้ากว่าที่เคยมากแค่ไหน ต่อให้พยายามยื้อเวลาระหว่างกันให้นานกว่าเดิมเพียงไร เซฮุนก็ไม่อาจหยุดเข็มนาฬิกาซึ่งทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ได้เลย

     

    ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันโดยไร้คำพูด มือพวกเขายังคงเกาะเกี่ยวอยู่อย่างนั้น

     

    ความทรงจำแสนมีค่าตลอดสี่ปีที่ต่างพยายามไม่นึกถึงค่อยๆ ฉายชัดเข้ามาในสมอง กัดกร่อนให้หัวใจบีบตัวจนทรมาน

     

    “ขอบคุณนะเซฮุน”

     

    “เรื่องอะไร”

     

    “ทุกเรื่อง” ลู่หานยิ้ม “ทั้งคอยแกล้งกวนประสาทให้ฉันหัวเราะ คอยโทรมาหาบ่อยๆ เหมือนรู้ว่าฉันนอนไม่หลับ คอยช่วยติววิชาที่ไม่ถนัดด้วย แล้วก็...ที่สอนเล่นบาสน่ะ สนุกมากเลย”

     

    คนฟังหัวเราะ หากไร้ความร่าเริงในดวงตาคมโดยสิ้นเชิง

     

    “ทำไมต้องพูดเหมือนจะสั่งลาแบบนั้น”

     

    “เซฮุนได้งานแล้วนี่นา...”

     

    “แล้ว?”

     

    “พอเรียนจบนายก็ทำงาน ส่วนฉันเลือกเรียนต่อ ไม่รู้ว่าเส้นทางของเราจะวนกลับมาเจอกันอีกไหม”

     

    “ตราบใดที่นายอยู่เกาหลีเราก็ต้องได้เจอกันแหละน่า แต่เอาเถอะ...” เซฮุนยักไหล่ “ฉันเองก็ขอบคุณเหมือนกัน ทุกครั้งที่ชานยอลกวนตีน ทุกครั้งที่เบื่อเสียงจู้จี้ของคยองซู ทุกครั้งที่รำคาญไอ้แบคฮยอนมันวอแว พอหันไปเห็นรอยยิ้มของนายทีไรมันก็ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลย”

     

    “.........”

     

    “รอยยิ้มของนายน่ะ สวยมากจริงๆ นะ เพราะฉะนั้น...”

     

    “.........”

     

    “อย่าทำให้มันต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาอีกเลย”

     

    ลู่หานไม่ได้ตอบรับผ่านถ้อยคำ หากดวงตาคู่สวยกำลังพร่ำบอกอะไรเซฮุนมากมาย

     

    เป็นครั้งแรกที่เซฮุนมีความคิดโง่ๆ อย่างเช่น อยากให้ดวงตามีเสียง เพราะเขาอยากได้ยินอะไรบางอย่างจากลู่หาน

     

    บางอย่างที่มากกว่าคำว่าขอบคุณ

     

    “เซฮุน”

     

    “ว่าไง”

     

    “หมดเวลาแล้ว...”

     

     

     

    เที่ยงคืนตรง

     

     

     

    Rrr - - Rrr - -

     

     

     

    นอกจากเข็มนาฬิกาปลุกจากห้วงความฝัน โทรศัพท์ที่วางบนตักลู่หานก็กระชากพวกเขาสู่โลกความเป็นจริง

     

    ชื่อใครคนหนึ่งบนหน้าจอทำให้แววตาที่สบประสานหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม

     

    คิมจงอิน

     

    “หมดเวลาจริงๆ ด้วย”

     

    “.........”

     

    “แต่...ถ้าฉันขอต่อเวลาอีกนิดล่ะ”

     

    “ก็เท่ากับว่านายโกง”

     

    “งั้นเหรอ”

     

    “.........”

     

    “...โกงก็โกงสิ ช่างหัวแม่งปะไร”

     

    แค่พริบตาเดียวเท่านั้นที่สองแขนเซฮุนคว้าลู่หานเข้ามาในอ้อมกอด ไม่สนใจโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราด ริมฝีปากได้รูปบดจูบเรียวปากนิ่มอย่างเอาแต่ใจ ความหวานล้ำที่ขยับตอบโต้กลับมาพร้อมสองแขนเล็กโอบรอบคอเขาสั่งให้เซฮุนด่ำดิ่งยิ่งขึ้น เสียงสัมผัสอย่างดูดดื่มดังชัดเจนในห้องโดยสารเงียบสนิท

     

    อาจเรียกได้ว่าความผิดพลาด

     

    เพราะแค่จูบเดียวเท่านั้น ต่างก็รู้ถึงหัวใจอีกคนจนฝืนผละจากกันอย่างยากลำบากเหลือเกิน จูบเดียวเท่านั้นก็สามารถขุดคุ้ยกล่องแห่งความลับที่ต่างฝ่ายต่างเก็บซ่อนมาตลอดสี่ปี

     

    “ฉัน...ต้องไปแล้ว”

     

    “เดี๋ยว”

     

    ปากแดงวาดยิ้มจาง “ไม่มีต่อเวลาแล้วนะเซฮุน”

     

    “ไม่ได้ขอต่อเวลา แค่อยากขอให้นายสัญญา”

     

    “.........”

     

    “อนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะอีกกี่ปีต่อจากนี้...ถึงตอนนั้นหากเราไม่มีใคร...”

     

    “.........”

     

    “ถ้าขอต่อเวลา ฉันอยากให้นายตอบตกลง”

     

    .

    .

     

    “ฉันสัญญา”

     

     

     

    *

     

     

    ค่ำคืนแสนหวานจบลงที่ชายหนุ่มร่างเล็กหันหลังลงจากรถ ฝืนก้าวเท้าเข้าบ้านอย่างไม่มั่นคง และแนบหลังพิงประตูทันที่ที่มันปิดสนิท

     

    เปลือกตาหลับพริ้ม หยดน้ำอุ่นที่ไหลรินเป็นทาง

     

     

    เข้าใจทุกความรู้สึกในวันที่สายเกินไป

     

     

    ขณะชายหนุ่มอีกคนซบหน้ากับพวงมาลัยรถ ปลายเท้าไม่คิดแตะคันเร่งพาตัวเองออกจากจุดเดิมแต่อย่างใด เขาหลับตาและถอนหายใจช้า...หนัก...คล้ายพยายามหักใจอย่างยากลำบาก

     

    เจ็บปวดเหมือนคนที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อครู่ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท

     

     

    หากแต่เป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตเขาเอง

     

     

     

     

    To be continued.

     

     

    จากคอมเม้นตอนเก่า ทำไมทุกคนดูหวาดกลัวตอนจบ เราเคยทำร้ายใครที่ไหนกันนน 55555555

    พยายามสอดแทรกความรู้สึกของลู่หานลงไป พอสังเกตได้ไหมว่าทั้งที่ร้องไห้เพราะจงอินตอนที่แล้ว ทำไมตอนนี้ลู่หานถึงดูพิเศษๆ กับเซฮุน

    แต่ส่วนของพี่ฮุนคงไม่ต้องเดาเยอะละ ค่อนข้างชัดเจนอยู่นะ ฮา

    แล้วเจอกันตอนจบ กำลังใจจากทุกคนทำให้สมองเราไหลเร็วนะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นกับทุกแท็กเลยยยย

    #promisehunhan



     

     

     

     

    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×