คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Coffee Prince εїз
Coffee Prince
คุณรู้ใช่มั้ยว่าการแอบรักใครสักคนมันเจ็บปวดแค่ไหน
แล้วยิ่งถ้าคนที่คุณแอบรักเขาไม่มีที่ท่าว่าจะรักคุณเลย
คุณจะยิ่งเจ็บปวดเพิ่มกว่าเดิมอีกใช่มั้ย
นัมฮันจู..
เธอมันโง่
โง่ที่สุด
“ฮันจู เฮ้! ฮันจู เดี๋ยวก่อนสิ!”
ซึงฮยอนวิ่งตามไล่หลังฉันพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อฉันอยู่ไม่ขาดสาย จากที่เคยหันหลังเดินเร็วๆหนีเขาไปกลับกลายเป็นวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เขาตามฉันทัน มือข้างนึงจับกระเป๋าที่รกเกะกะในตอนนี้จนทำให้ฉันแทบจะเหวี่ยงออกไปไกลๆ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นปาดน้ำตาที่คอยไหลลงมาบังทางอยู่เรื่อยๆไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด
“ฮันจู!! ฉันบอกให้เธอหยุดวิ่งไง ยัยบ้าเอ้ย!”ซึงฮยอนเกือบจะคว้ากระเป๋าฉันไว้ทัน โชคดีที่ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบเขาก่อนที่จะตั้งท่าวิ่งให้เร็วที่สุดเมื่อเห็นว่าเขามาทันฉันแล้ว
“แสดงว่าเธอลืมกฎของร้านไปแล้วใช่มั้ยฮันจู!”
ด้วยคำพูดนั้นที่เขาตะโกนไล่หลังมาทำให้ฉันชะงัก ก่อนจะหยุดวิ่ง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะหันหลังกลับเดินไปหาเขาแต่โดยดี ซ้ำกลับยังวิ่งต่อไป
“กลับมาคุยให้รู้เรื่องก่อนได้มั้ย ฉันขอร้องล่ะ”
“ฉันก็บอกเหตุผลนายไปแล้วไงเว้ย!”
“ถ้างั้นเธอเคารพกฎของร้านหน่อยก็ได้!”
“แจ้งลาออกแล้วต้องกลับไปทำงานต่อให้ครบวันงั้นเหรอ แต่ตอนนี้ร้านก็ปิดแล้วไม่ใช่รึไงฮะ!”
“ใจคอจะให้ฉันกวาดร้านคนเดียวใช่มั้ย”ฉันถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันหลังไปมองเขา ซึงฮยอนยกยิ้มจางๆก่อนจะเดินเข้ามาหา “ฉันวิ่งตามเธอก็ตั้งไกล จะเอาแรงที่ไหนทำงานแบบนั้นคนเดียว”
ฉันไม่พูดอะไร นอกจากจะเดินย้อนทางที่เคยวิ่งหนีเขามานำเขาไป
“ลืมไปรึไงว่าฉันก็สั่งให้เธอมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องด้วย”
“นี่นายจะเอายังไงกับฉันอีกฮะเนี้ย” ฉันหันไปเบ้ปากใส่เขา “เดินเร็วๆสิ ฉันจะได้กลับบ้านซะที”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะเชื่อที่เธอพูดรึไง เหตุผลงี่เง่าพรรค์นั้นน่ะ ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะ คิดจะโกหกฉันก็หาข้ออ้างให้มันดีๆก่อนเถอะ”
“ทำไม? ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องอยู่บ้านดูแลแม่ แม่ฉันป่วยหนักกว่าเดิมดูแลตัวเองก็ไม่ค่อยจะได้ ใจคอนายจะโหดร้ายให้ฉันทำงานต่อแล้วปล่อยแม่ฉันไว้คนเดียวงั้นรึไง”
“โกหก”
“คำโกหก สองคำก็โกหก ถามนายหน่อยเถอะว่าเคยเชื่อที่อะไรที่ฉันบอกบ้างมั้ยล่ะ”ฉันเลี่ยงหลบสายตาเขาขณะพูด
“ถามตัวเองเถอะ เธอทำอะไรก็รู้ตัวดีอยู่นี่ฮันจู”
“
”
“ก็ได้ ฉันยอมให้เธอลาออกก็ได้ ถ้าเธอบอกเหตุผลดีๆมาสักข้อ” บทสนทนาระหว่างฉันกับเขาเป็นแบบเดินไปพูดไป คนนึงต่างหลบหน้า ส่วนอีกคนนึงพยายามจะจ้องหน้าอีกฝ่ายให้ชัดที่สุด ฉันได้แต่ทำตัวรีบๆ กระชับเสื้อหนาวให้แน่นขึ้น
“แม่ฉันป่วย”
“โกหก”
“แม่ฉันป่วยหนักกว่าเดิม”
“โกหก”
“แม่ฉันป่วยหนักกว่าเดิมฉันเลยต้องไปดูแลแม่ ชัดมั้ย!”ฉันหันไปตะโกนใส่หูเขา แต่เหมือนเขาจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน กลับจับหน้าฉันให้มามองหน้าเขาชัดๆ
“ร้องไห้? ยัยบ๊องเอ้ย เธอร้องไห้ทำไมฮะ”
“ใครร้องไห้ ไม่มีซะหน่อย”
“ก็มีฉันกับเธอคุยกันสองคน ไม่น่าถาม”
“พอเถอะน่า”ฉันเสหน้าหันไปอีกทาง และหยุดเดินอยู่ตรงนั้น
ฉันเกลียดเวลาที่นายเป็นห่วงฉันที่สุด
มันทำให้ฉันคิด..คิดไปไกล
จู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกๆเข้ามาในใจ
ทำไมนะ.. ทำไมกัน..
“เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ฉันเดาอารมณ์เธอไม่ถูกเลยชะมัด”
“นายอยากรู้เหตุผลจริงๆเลยงั้นเหรอ”
“แล้วเธอจะให้ฉันคิดยังไง ในเมื่ออยู่ๆเธอก็เดินมาบอกกับฉันขอลาออกเฉยๆเลยอย่างนั้นน่ะ แล้วฉันก็จะย้ำอีกครั้งว่าฉันไม่เชื่อข้ออ้างนั่นหรอก”
“อยากรู้มาก
ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ว่าเหตุผลไหนถ้ามันเป็นความจริงฉันก็รับได้ทั้งนั้นล่ะฮันจู”แววตาที่ซึงฮยอนจ้องมองฉันมานั้นเปี่ยมไปด้วยความจริงจังและอยากรู้ ฉันได้แต่มองตรงไปข้างหน้า
“รับได้? ฮะๆ นายจะรับได้เหรอ..”ฉันหันไปมองหน้าเขา ไม่รู้เลย ไม่รู้ทำไมเสียงของฉันมันถึงเบาลงไปเรื่อยๆ อะไรไม่รู้จุกอยู่ที่คอลำบากเกินกว่าที่ฉันจะพูดแต่ละถ้อยคำออกไป ได้แต่พยายามกลั้นน้ำตาใสๆให้อยู่แค่เพียงขอบตา ไม่สามารถแม้แต่จะให้มันไหลลงมา
“ทำไมฉันจะรับฟังปัญหาของเพื่อนร่วมงานที่ดีอย่างเธอไม่ได้ล่ะฮันจู”
“นายเห็นฉันเป็นอะไร
”
ไม่สามารถ
แม้แต่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่น
ทำไม่ได้เลย
“นายเห็นฉันเป็นอะไร ซึงฮยอน
เห็นฉันเป็นอะไร!”ฉันพยายามแผดเสียงออกไป น้ำตาที่เคยกลั้นเอาไว้กลับยิ่งไหลออกมา ต่อให้ฉันปาดมันทิ้งออกไปเท่าไร ทำไม.. ทำไมมันยิ่งเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เพื่อนร่วมงานงั้นเหรอ เพื่อน
นายเห็นฉันเป็นเพื่อนใช่มั้ย”
“
”
“ฉันควรทำยังไงดีซึงฮยอน ฉันควรทำยังไง ในเมื่อ
ในเมื่อฉันไม่เคยเห็นนายเป็นเพื่อนฉันเลย ..สักครั้ง”
“ฮันจู ฉัน
”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นล่ะซึงฮยอน! นี่ไง นี่ไงเหตุผลที่นายอยากจะรู้ ถึงตอนนี้นายยังอยากจะรู้อะไรจากเพื่อนคนนี้อีกมั้ย!”
“ฉันขอโทษ”
“ฮึก
”เสียงสะอื้นของฉันกลบเสียงขอโทษที่เขาพูดออกมาเบาๆไปจนหมด ฉันปาดน้ำตาทิ้งอีกครั้งก่อนจะรีบเดินไปข้างหน้า
“แต่ยังไง
ฉันก็เห็นเธอเป็นแค่เพื่อน”
“ฉันรู้
ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไรกับฉันนอกจากนั้นเลยจริงๆ”
“ฮันจู
”ซึงฮยอนเอ่ยชื่อฉันเบาๆ หยุดยืนอยู่ที่เดิม
“ขอบคุณที่ช่วยย้ำฉันนะซึงฮยอน อย่างน้อยนายก็ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว”ฉันหันไปมองซึงฮยอนที่ยืนก้มหน้านิ่ง ฉันเกลียดอากาศหนาวเหน็บนี่ชะมัด
“ส่วนที่ร้านน่ะ ไม่ไปเก็บร้านสักวันนึงคงไม่เป็นไรใช่มั้ย..”
“
”
“เพราะนายคงไม่มีฉันไปช่วยเก็บร้านหรอก”
“เธอจะ
ไปไหน ฮันจู”ซึงฮยอนเดินเข้ามาใกล้ๆฉันพร้อมกับคว้าข้อมือฉันไว้ ฉันก้มลงไปมองมือของเขา จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง และรอบนี้ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะหยุดมั้ย
“ฉันจะกลับบ้าน ขอตัวนะ”มือนั้นที่เขาจับไว้ถูกฉันค่อยๆดึงออก ก่อนจะเดินกลับบ้านฉันไปอีกทาง
ฉันเดินหันหลังให้เขาไปโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปมองอีกเลย
“นัม ฮันจู พนักงานคนนี้จะไม่ไปให้นายเห็นอีกแล้วนะ
”
“โทรหาฮันจูดิ๊ควังแทง!”
“รู้แล้วพี่ รู้แล้วววว ผมโทรอยู่นี่ไง”ควังแทง รับโทรศัพท์จากชอนซูที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่กะจิตกะใจจะทำกาแฟหรืออะไรเลย ชอนซูเดินมานั่งข้างๆควังแทงพร้อมกับกุมมือตั้งใจรอบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อ
“ฮันจูไม่รับอ่ะพี่”
“ก็โทรไปจนกว่าเขาจะรับสิวะ”
“โห พี่ชอนซู เราโทรหาฮันจูกี่ทีแล้วฮะพี่ เป็นสิบๆรอบก็ไม่มีวี่แววจะรับเลยด้วยซ้ำ”ควังแทงโยนโทรศัพท์คืน เล่นเอาชอนซูรับเกือบไม่ทัน ชอนซูหันไปโบกหัวเจ้าเด็กทะเล้นทีนึงก่อนจะวางโทรศัพท์ข้างๆตัว
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงฮะควังแทง แกก็รู้นี่ว่าฮันจูเป็นคนแรกที่มาเปิดร้านเลยด้วยซ้ำ แถมยังเป็นคนจิกหัวเราถ้ามาช้าอีกมั้ง”
“ฮันจูอาจจะไม่สบายก็ได้นี่ฮะ = =”
“เออว่ะ..”ชอนซูเงียบไปเหมือนนึกขึ้นได้ แต่แล้วก็พูดอะไรบางอย่างออกมาจนทำให้คนฟังถึงกับสะดุด “หรือว่าจะมีเรื่องกับซึงฮยอน”
“กับพี่ซึงฮยอนเนี้ยนะฮะ จะมีเรื่องอะไรล่ะ -*-“
“จำไม่ได้รึไง ก็ตอนที่เราขอออกจากร้านก่อนร้านปิดน่ะ ฮันจูเรียกซึงฮยอนไปคุยตัดหน้าไม่ใช่รึไง”
“จริงด้วยแฮะ
”ควังแทงพึมพำเบาๆ “งั้นต้องรีบโทรๆๆ”
“เร็วๆเลยควังแทง!”
“ฮันจูเขาไม่มาหรอก”
“พี่ซึงฮยอน? หมายความว่าไงฮะพี่”
“โทรไปยังไงเขาก็ไม่มาหรอก”
“อะไร? เกิดอะไรขึ้นซึงฮยอน? อธิบายมาให้ฉันฟังสิ”ชอนซูลุกขึ้นก่อนจะจับไหล่ซึงฮยอนเป็นเชิงคาดคั้นเอาคำตอบ สายตาของเขามักจริงจังเสมอ
“ฮันจูเขาขอลาออกครับพี่ชอนซู”
ถึงตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามบนหน้าของทั้งสองคน ไม่มีใครที่จะอ้าปากถามต่อ ไม่ใช่ไม่อยากรู้ในใจน่ะอยากรู้มาก แต่คงเป็นเพราะกำลังอึ้งมากกว่า
“ลาออก? ลาออกทำไม”ชอนซูเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอฮะ”
“
”
“อ้าวเฮ้ย อย่าเงียบสิซึงฮยอน”ชอนซูเรียกชื่อซึงฮยอนที่จู่ๆก็ก้มหน้านิ่งเงียบไป พลางเอามือแตะไหล่เบาๆให้กำลังใจ
ควังแทงหันไปมองหน้าชอนซูโดยที่ใบหน้าของเขานั้นเหมือนแฝงคำตอบอะไรบางอย่างไว้ ชอนซูหันไปสบตาควังแทงก่อนจะค่อยๆลดมือลง พยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ
“พี่ไม่รู้เลยเหรอฮะว่าฮันจูรักพี่มากแค่ไหน”
เจ็บ..
เจ็บทุกครั้งที่ได้ยิน คำนี้
ทั้งๆที่ในใจก็คิด ว่าเป็นแค่เพื่อนกัน..
“ฮันจูเขารักนายมากนะ แกไม่รู้เลยใช่มั้ยซึงฮยอน”
“ผมไม่รู้
ไม่รู้เลย”
“วันนั้นที่เขาวิ่งตั้งไกลเพื่อตามแก แกรู้บ้างมั้ยว่าฮันจูเขาเสียใจแค่ไหน”
“
”
“ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วซึงฮยอน แต่ถ้าแกคิดกับฮันจูแค่เพื่อนจริงๆ”
ยังไงเธอกับฉันก็เป็นแค่เพื่อน
ทั้งที่ในใจก็คิดแบบนั้น
“แกก็ยอมรับสิ่งที่เกิดในอนาคตให้ได้แล้วกัน”
แต่ทำไมมันรู้สึกผิดไปทั้งหัวใจ
สองวันที่ฮันจูไม่มาทำงาน ซึงฮยอนได้แต่นั่งรอที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม เสียงเจ้ากี้เจ้าการที่เขามักจะดุเจ้าตัวแสบในร้านทุกวันเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆจนแทบจะกลายเป็นคนไม่พูดอะไรเลย ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเข้าสู่วันที่สามวันที่สี่ ฮันจูก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็นที่ร้านอีกเลย ถึงแม้ซึงฮยอนจะไปหาฮันจูถึงที่บ้านแต่ก็ได้รับคำตอบที่น่าผิดหวังกลับมาทุกครั้ง
‘ฮันจูไปทำงานยังไม่กลับมาเลยจ๊ะ’
จนตอนนี้มันก็สองเดือนแล้วที่ไม่มีพนักงานที่ชื่อ นัม ฮันจู
“พี่ซึงฮยอน อ่า
พี่ชอนซูฮะ ให้เปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น Close เลยมั้ยฮะ”และดูเหมือนว่า โก ชอนซู จะกลายเป็นผู้จัดการร้านคนใหม่ไปซะแล้ว
ก็ซึงฮยอนทำงานไม่ได้เรื่องเลยน่ะสิ
“ไปเปลี่ยนเลย แล้วมาช่วยกันเก็บร้านด้วย เฮ้ย ซึงฮยอน! แกก็มาช่วยกันเก็บด้วย นู้นๆไปหยิบไม้กวาดมาดิ๊”
ซึงฮยอนลุกขึ้นไปหยิบไม้กวาดที่พิงไว้กับกำแพงปูนสีทาเพ้นท์ลายดอกทานตะวันดอกใหญ่ ก่อนจะมากวาดพื้นโต๊ะแถวๆนั้น
“ควังแทง! ทำไมไปเปลี่ยนป้ายนานจังวะฮะ”
ชอนซูที่เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเคาท์เตอร์แคชเชียร์อยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมองไปข้างนอกก่อนจะตะโกนเรียนควังแทงที่เห็นว่าออกไปเปลี่ยนป้ายหน้าร้านอยู่นาน
“ได้ยินที่ฉันพูดมั้ยเนี้ยควังแทง”ชอนซูสบถกับตัวเองๆเบา แต่เมื่อเห็นควังแทงหยุดยืนมองอะไรสักอย่างข้างนอกร้าน เขาก็เริ่มที่จะสงสัย แต่ไม่ทันที่จะให้ตะโกนถามอีกครั้ง ควังแทงก็รีบวิ่งลุกลี้ลุกลนมาหาซึงฮยอนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่
“พี่ซึงฮยอนนนนนน! ผมเห็น
ผมเห็นฮันจูอยู่หน้าร้าน!”
เป็นไปตามที่ทั้งคู่คิด ซึงฮยอนรีบวางผ้าแล้ววิ่งไปหน้าร้านทันทีทิ้งให้ชอนซูกับควังแทงเก็บร้านกันอยู่สองคน
“ไม่ตามไปดูเหรอฮะ”
“เดี๊ยะ! ปล่อยให้สองคนนั้นคุยกันไปเหอะ ฉันก็อยากจะให้เรื่องจบไวๆ”ชอนซูทำท่าจะโบกหัวควังแทงไปทีนึง เล่นเอาคนโดนดุหน้าเบ้
“ก็ผมอยากรู้นี่นา”
“เก็บร้านเลยไอ้เด็กนี่!”
“=_________________=”
ฉันต้องหนีอีกแล้วเหรอเนี่ย!!
บ้าชะมัด!
ฉันหันไปมองซึงฮยอนที่เดินตามหลังฉันมาระหว่างทางที่จะเดินกลับบ้าน ฉันคิดว่าร้านปิดไปแล้วซะอีกที่ไหนได้ควังแทงเพิ่งจะออกมาเปลี่ยนป้ายอยู่เลยด้วยซ้ำ
ฉันสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แม้ในใจจะรู้ดีว่ายังไงเขาก็ตามฉันทันก็ตามเถอะ
“อ้าว
”
แต่ปรากฎว่าเขาหายไปแล้ว?
“เฮ้อ”ฉันถอนหายใจเบาๆ เดินตามทางพลางเหวี่ยงกระเป๋าไปมาเล่น
Rrrr..Rrr
โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ฉันหยุดเดินก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ ในใจนึกหงุดหงิดว่าทำไมต้องมาสั่นเอาตอนนี้ด้วยนะ ไฟสีส้มข้างทางที่พอจะส่องให้เห็นอะไรบ้างมันไม่พอสำหรับจะหาของในกระเป๋าหรอก ฉันปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังไปก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เจอกับใครบางคน
“ไม่
ไม่ไปเก็บร้านเหรอ?”
ซึงฮยอน
ฉันเอ่ยปากถามเขาออกไป เขาเงียบก่อนจะจ้องหน้าฉัน
“ทำไมไม่ไปที่ร้าน?”
“ฉันก็บอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไปให้เห็นอีก นายจำไม่ได้รึไง แล้วอีกอย่างนึงฉันก็ลาออกไปแล้ว ฉันไปที่ร้านทำไมล่ะซึงฮยอน”
“ไปหาควังแทงกับชอนซูก็ได้ พวกนั้น
คิดถึงเธอนะ”
“ใช่ ฉันรู้ว่าพวกเขาคิดถึงฉัน แต่ไม่ใช่นาย!”
“ฉันคิดยังไง ฉันต้องการอะไร เธอไม่รู้เลยรึไง เธอไม่รู้เลยใช่มั้ย!”
ซึงฮยอนตะโกนใส่ฉัน น้ำตาที่มีอยู่เหมือนจะเริ่มไหลรินออกมา ฉันปาดน้ำตาบ้านั่นออกไปก่อนจะแผดเสียงใส่เขากลับ
“ฉันรักนาย! ซึงฮยอน ฉันรักนาย
”รู้สึกแสบที่คอไปหมด เจ็บจนไม่อยากจะพูดออกมาต่อให้อยากจะบอกอะไรกับเขาสักแค่ไหน “แต่นายก็เป็นแค่เพื่อนของฉัน ฉันไม่อยาก
จะไปเจอหน้านายอีกเลยซึงฮยอน!”
“ตั้งใจที่ฉันจะพูดให้ดีนะฮันจู จริงอยู่ ที่ฉันบอกว่าฉันคิดกับเธอแค่เพื่อน แต่ตอนนี้
ตอนนี้ความสัมพันธ์บ้านั่นฉันไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว มันเปลี่ยนแล้วไปฮันจู ฉันไม่สนแล้วว่าระหว่างเรามันจะอยู่ในฐานะอะไร”น้ำเสียงจริงจังของซึงฮยอนดังก้องอยู่ในหูของฉัน ตอนนี้มัน
อื้ออึงไปหมดจนแทบจะไม่รู้สึกอะไร
ซึงฮยอนเงียบไปสักพัก ก่อนจะจ้องหน้าฉันอีกครั้ง
“ฉันชอบเธอ
”
ฝัน
ฝันใช่มั้ย
“มันไม่มีอะไรที่จะขวางเราแล้วฮันจู!”
มือทั้งสองที่เย็นเฉียบของเขาประคองใบหน้าฉันไว้ ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าประทับริมฝีปากของเขาที่ฉัน ฉันค่อยๆหลับตาลงรับจูบอ่อนโยนนั้นที่เขามอบให้ ต่างคนต่างกอบโกยความหวานนั้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ซึงฮยอนผละจากใบหน้าฉันไปช้าๆพร้อมกับลืมตาคู่นั้น มือที่เคยประคองใบหน้าฉันเอาไว้เลื่อนขึ้นมาซับน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ
“กลับไปทำงานต่อเถอะนะฮันจู
”เขาดึงฉันมากอดเอาไว้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นที่เขาทำแบบนี้ ฉันมักจะรู้สึกอยู่ในใจว่าเขาไม่ควรกอดฉันเอาไว้เลย
แต่ตอนนี้
ฉันดีใจที่เขากอดฉันไว้แบบนี้
“จะให้เริ่มงานวันไหนล่ะ”
“วันนี้เลย ไปช่วยฉันเก็บร้าน ถือซะว่าทำงานชดใช้ที่เธอผิดกฎคราวนั้นแล้วกันนะ”
“งั้นก็
ไปกันสิ”ฉันยิ้มบางๆ ก่อนจะดึงมือเขาให้เดินตามฉันไป
ผมอยากจะมีฮันจูอยู่เคียงข้าง
แม้ว่าเราจะอยู่ในฐานะเพื่อนกันก็ตาม
ความคิดเห็น