ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #128 : Last Hope: ตัวละคร & บทนำ (ฆาตกร)

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 64


    Last Hope
    Inspiration: Maou 「魔王」 (Drama, 2008) & Last Hope 「ラストホープ」 (Drama, 2013)
    Playlist: ARASHI – Calling (Last Hope Theme Song)

     
     
    _________________________________________________________________________________











    .

    เขายังคงเร่งฝีเท้า ออกวิ่งไปตามท้องถนน ทั้งที่สายฝนจะยังคงโหมกระหน่ำดุจดั่งฟ้าดินกำลังพิโรธต่อความผิดที่เขาเป็นผู้ก่อ ถึงแม้ว่าหยาดฝนที่ตกกระทบลงมาเป็นสายจะส่งความแรงบาดผิวเนื้อให้ได้รู้สึกเจ็บแสบ เขาก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่ง ถึงต่อให้มันจะเสียดแทงเข้าไปข้างในจนร่างกายของเขาปริแยกแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เขาก็จะไม่ยอมหยุดวิ่ง

    นัยน์ตาที่เบิกกว้าง คิ้วที่ขมวดเข้าหากัน และริมฝีปากที่พยายามจะขยับเป็นคำพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับไร้สุ้มเสียง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนที่ร่างตรงหน้าจะร่วงหล่น ไม่ต่างอะไรจากหุ่นกระบอกที่ถูกตัดเส้นเชือกแห่งชีวิตออกไป ของเหลวสีแดงสดคละเคล้าไปกับหยาดน้ำใสของสายฝนที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น หลอมละลายกลายเป็นสีชมพูเจื่อนจาง ก่อนที่จะค่อยๆ กลืนหายไป กระทั่งตนเองก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา มีเพียงใบมีดที่เปื้อนหยาดสีชาดซึ่งกำลังถูกสายฝนชะล้าง ก่อนร่วงหล่นลงไปตกกระทบบนพื้นคอนกรีตแทรกที่ผ่านเสียงอื้ออึงของสายฝนเข้ามาในโสตสดับ กระนั้นมันก็สามารถหวนเรียกสติที่ขาดหายไปให้กลับคืนมาได้ ต่อร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่างจากปลายเท้า นัยน์ตาสีดำสนิทที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณภายในนั้นจับจ้องมองเขาคล้ายกับจะคาดโทษ ความรู้สึกปวดมวนท้องกำลังเคลื่อนขึ้นมาจนถึงคอ เขายกมือขึ้นปิดปาก หมุนตัวและออกวิ่งด้วยรองเท้าหนังสีดำคู่เก่าอย่างสุดแรง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าระดับน้ำจะทำให้ถุงเท้าของเขาเฉอะแฉะหรือเนื้อตัวจะเปียกปอน สิ่งเดียวที่เขาคิดออกคือต้องวิ่ง วิ่งไปให้พ้นจากสายตาคู่นั้น วิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่สองเท้าจะพาเขาก้าวไปไหว แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจสลัดเอาสายตาคู่นั้นออกไปจากหัวสมองได้พ้น

    สุดท้ายแล้วเขาก็ล้มลง ยกมือขึ้นปิดปากที่น้ำเหนียวๆ เริ่มไหลออกมา ก่อนที่จะไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีก นอกจากขย้อนเอาของเหนียวๆ นั้นออกมาทั้งที่จะรู้สึกทรมาน

    บนท้องถนนที่ร้างราผู้คน เขากรีดร้องออกมาสุดเสียงแข่งกับสายฝนที่ยังคงสาดซัดลงมา โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง

    ในเมื่อตอนนี้...เขาได้ฆ่าคนตายไปแล้ว

     

     

    ฟ้าเริ่มคล้อยต่ำลงที่นอกบานหน้าต่าง สาดสะท้อนเป็นสีส้มเรืองรองสู่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวอุดอู้อันน่าเบื่อหน่ายภายในเขตโรงพยาบาลแห่งนี้ เมื่อฮาตาโนะ คานาเอะผินใบหน้าจาก ก็เป็นเวลาเดียวกับที่บานประตูจะถูกผลักเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กสาวที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงของผู้เป็นแม่

    “ลูกคนนี้นี่ แม่บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำตึงตัง เดี๋ยวก็ถูกคุณพยาบาลว่าเข้าให้เหมือนคราวก่อนหรอก” หล่อนอดไม่ได้ที่จะเอ็ดอึง แต่เด็กสาวก็ยังคงยิ้มเผล่เป็นทองไม่รู้ร้อน จนคานาเอะทำได้แค่ส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความไม่รู้จักโตของบุตรสาววัยสิบเก้า ที่ยังรักจะเป็นเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ

    “แม่จ๋า หนูมีข่าวดีจะมาบอกด้วยแหละ แม่จำที่หนูเคยพูดเกี่ยวกับการสอบเข้าฝึกงานทางช่องทีวีโตเกียวได้ไหม?” น้ำเสียงของเด็กสาวกระตือรือร้น ไม่รีรอให้หล่อนได้พยักหน้าด้วยซ้ำ เธอก็จะเอ่ยต่อด้วยใบหน้าที่วาดเป็นรอยยิ้มกว้างกว่าเดิมว่า “หนูทำได้แล้วนะแม่! ในที่สุดหนูก็สอบผ่านแล้ว!

    “จริงเหรอจ๊ะ! ตายแล้ว! โคบาโตะลูกแม่เก่งที่สุดเลย!” หล่อนเองก็อดตื่นเต้นยินดีไปด้วยไม่ได้ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่กำลังส่องต้องเข้ามา ทำให้เธอเปรียบเหมือนนางฟ้าแห่งความหวังที่เข้ามาเติมเต็มความสิ้นหวังของคานาเอะได้อย่างเต็มปรี่ ตลอดสิบห้าปีที่เลี้ยงดูฮาตาโนะ โคบาโตะมาด้วยตัวเองลำพัง การได้มองเห็นลูกน้อยเติบโตมาอย่างแข็งแรง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จในเส้นทางที่วาดฝันเหมือนเช่นทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งมีค่าอันยากจะหาใดมาแทนทดในชีวิตที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยตลอดมาของหล่อนมากเกินพอแล้ว

    “แม่จ๋า” โคบาโตะแตะมือที่เหี่ยวกร้านทั้งจากกาลเวลาและงานเย็บผ้าขึ้นมาจับไว้ เธอรู้ดีว่าแม่ต้องทำงานหนักเพียงไรในการส่งเสียเธอให้ได้เข้าศึกษายังหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแบบนี้ “ต่อจากนี้หนูจะเป็นคนทำงานหาเงินมาดูแลแม่เองนะ หนูจะหาเงินมาช่วยค่าผ่าตัดของแม่ แล้วแม่จะต้องสบายดี”

    คำพูดที่แสดงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้คานาเอะตื้นตันใจจนน้ำตาไหลริน

     

    เมื่อภายนอกถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด อายุรแพทย์อาเบะ เรียวเฮก็อดไม่ได้ที่จะปราดสายตามองไปยังเข็มนาฬิกาบนฝาผนังภายในห้องรับรองที่กำลังเดินผ่าน ใกล้จะสามทุ่ม วันนี้ยังไม่มีงานหนักอะไรนอกจากการตรวจรักษาคนไข้ อย่างอารมณ์ดี เขาคิดว่าจะให้รางวัลกับวันที่ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดีทั้งแก่เขาและคนไข้ด้วยเยลลี่กาแฟขึ้นชื่อที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างล่าง

    เป็นที่รู้กันดีของบุคลากรของโรงพยาบาลในเครือของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทโตคุ ว่าคุณหมออาเบะเป็นโรคเสพติดของหวาน นับตั้งแต่จำความได้ เขาก็กลายมาเสพติดมันโดยที่ร่างกายไม่อ้วนท้วนเลย นับเป็นโชคดี จนเมื่อร่างกายเริ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน เขาจึงค่อยๆ ลดการกินลง ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถเลิกขาดได้เสียทีเดียว

    “คุณหมออาเบะคะ!” ด้วยเสียงตะโกนร้องเรียกอย่างสดใสพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งทั่กๆ มาตามทางเดิน ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าเขา

    “อ้าว โคบาโตะจัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” แม้คำถามจะแสดงความประหลาดใจ แต่รอยยิ้มกลับระบายอยู่ทั่วใบหน้า

    “เมื่อหัวค่ำนี่เองค่ะ โชคดีจัง นึกว่าวันนี้จะไม่เจอคุณหมอซะแล้ว” แล้วโคบาโตะก็ค่อยๆ ล้วงหยิบเอาลูกอมจากกระเป๋าเสื้อคาร์ดิแกนที่สวมใส่อยู่ขึ้นมา ห่อลูกอมรสนมที่แพคเกจไม่ใคร่จะคุ้นตาคนรักของหวานเท่าใดนักถูกหยิบยื่นให้ท่ามกลางความสงสัย “เผอิญวันนี้มีเพื่อนในคลาสเพิ่งกลับมาจากฮกไกโดค่ะ ได้ยินว่าคุณหมอชอบกินของหวาน ก็เลย...” ท่าทีเอียงอายตามประสาเด็กสาวของเธอ พวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อกับเสียงหัวเราะน้อยๆ กลบเกลื่อนการกระทำของตนเองนั้นช่างน่าเอ็นดูไม่น้อย

    ใช่ว่าจะดูไม่ออก แต่เรียวเฮคิดว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะมีเด็กสาวมานึกชื่นชมหรือชอบพอ โคบาโตะเพิ่งจะอายุสิบเก้า และเด็กสาววัยขนาดนี้คงจะไม่นึกจริงจังอะไรกับผู้ชายที่แก่กว่าเกือบจะสิบปีอย่างเขาอยู่แล้ว












    2021年03月14日
    _______________
    ★ ฟิคในตำนานโว้ย คิดมาตั้งนานแล้วว่ายังไงก็ต้องเอาที่แต่งได้แค่นิดเดียวนี่แหละมาลงอวดเพราะมันดียังไงล่ะ มีตอนที่หนึ่งกระจึ๋งหนึ่งด้วยนะ และบทพระเอกที่วางอาเบะจังแทนไอบะจังตั้งแต่แรกแล้วด้วย อย่างในคาตาร์สิสบทอาเบะจังก็เป็นอายุรแพทย์ซึ่งเราก็บอกว่าเอามาจากลาสต์โฮปนี่แหละ บทชอบขนมหวานก็เหมือนไอบะในเรื่อง ขนาดดูไปแค่ตอนเดียวคือได้พล็อตมาเป็นเรื่องเป็นราวเลยว่ะ แต่ภาษาตอนช่วงปี 2013 นั่นค่อนข้างเห่ย เพราะกูเพิ่งจะพัฒนาช่วงสองสามปีหลัง พยายามแก้เกลาเพิ่มนิดหน่อยแล้วแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ไม่งั้นก็แต่งใหม่ไปเลยดีกว่าซึ่งแต่งแนวนี้ไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่าถ้ายังรู้สึกเห่ยอยู่ก็ขอโทษ ขายพล็อตขายเพลงขายนักแสดงเอาหน้ารอดไปวันๆ แบบนี้แหละ ยูปี้ดาโยะ!
    ★ ช่วงสปอยล์ที่เอาจริงๆ เราก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่พล็อตใหญ่ๆ มาจากเรื่องมาโอ แค่เปลี่ยนจากบทตำรวจมาเป็นหมอ คนที่ฆ่าเพื่อนคืออาเบะจัง แบบว่าอาเบะจังอยู่ในกลุ่มเพื่อนเลวๆ ตัวเองก็ไม่ได้นิสัยดีนักหรอก ตอนแรกก็แค่แบบเอามีดขู่ แต่ทีนี้ก็ดันพลั้งมือทำเพื่อนตายจริง ทุกคนในกลุ่มเลยหนีมาและสัญญาว่าจะปกปิดเป็นความลับตลอดไป พอโตขึ้นอาเบะจังก็ได้เป็นหมอ ดูแลอาการป่วยของแม่โคบาโตะ แม่ที่พยายามหาเงินมารักษาตัวเองและให้ลูกก็ดันมาถูกโกงแชร์ลูกโซ่เลยฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากเป็นภาระให้ลูก (อันนี้เราเอามาจาก Liar Game บทแม่พระเอก จะว่าไปช่วงปีสองพันกว่าๆ นี่แชร์ลูกโซ่บูมจริงว่ะ ระยำตำบอน ขายตรงตามห้างในไทยก็เฟื่องฟู) โคบาโตะที่ตอนแรกจะได้เป็นนักข่าวก็ถูกแย่งตำแหน่งไปด้วยเส้นสาย (จากคินดะอิจิที่เป็นคดีฆาตกรรมในห้องกระจกที่สวนสนุก) เลยใช้ชีวิตอยู่กับความสิ้นหวังและความแค้น / ส่วนบทฟุกกะคือเป็นทนายแบบโอจังโว้ย หล่อสัสๆ (หมายถึงโอจังหล่อ ไม่จาง) เป็นพี่ของคนที่อาเบะจังฆ่าแล้วมาไล่คิดบัญชีทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะมีส่วนช่วยคิมิแก้แค้นด้วยเพราะสงสาร ส่วนอาซาฮิก็บทเดียวกับชิโอริเลยคือเป็นคนดีและปกติที่สุดในเรื่อง คงสนิทกับอาเบะจังด้วยแหละสักทาง ตอนจบเราว่าตายทั้งฟุกกะทั้งอาเบะ โคบาโตะถ้าไม่รอดก็คงเป็นบ้า แต่กลางทางก็คือไม่น่ามีใครได้กันสักคู่ เพราะโคบาโตะก็มุ่งแต่การแก้แค้น อาเบะก็เหมือนจะแค่เป็นห่วงไม่อยากให้โคบาโตะซ้ำรอยเดิมตัวเอง ฟุกกะได้แต่เก็บไว้ในใจเพราะตัวเองไม่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างอาซาฮิ อาซาฮิก็ไม่กล้าแสดงออกว่าชอบฟุกกะที่ปิดตัวเอง โอ้โหสมัยก่อนกูก็วางพล็อตแบบไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ได้จริง แต่สมัยนี้ไม่ได้แล้ว โลกขับเคลื่อนด้วยความรัก
    ★ อีเหี้ยไม่ไหวละขอชมตัวเองหน่อยนะ เมื่อก่อนนี่ยุครุ่งเรืองของไอเดียและการแต่งฟิคกูจริงๆ แบบที่พล็อตฉลาดๆ ไม่ได้มีแต่แนวรักซ้ำซากเหมือนทุกวันนี้ ขนาดพล็อตมาจากหลายเรื่องยังเอามาเนียนด้วยกันได้ โชคดีไปนะที่ตอนนั้นฮิงาชิโนะยังไม่บูมในไทย ไม่งั้นกูอาจเดินคนละเส้นทางกับตอนนี้เลยก็ได้แม่โว้ย (แต่ตอนนี้บูมแล้วกูก็ไม่อ่าน แหะๆ)  ว่าไปละคิดถึงสมัย Calling/Breathless จริงว่ะ มึงก็ Platina Data ของนิโนะไรงี้ เออจำได้ไหม ตอนซิงนี้ออกใหม่ๆ เราสัญญาว่าจะแบ่งกันแปลคนละเพลงแต่สุดท้ายกูก็ไม่ได้แปลเพราะตอแหลอยากแปลแต่จากภาษาญี่ปุ่นที่ศัพท์ยากจังแย่จัง ส่วนมึงอิ๊งซับไปก่อนกูแล้วแปลดีกูเลยท้อ เหมือนตอนนี้ที่มึงแต่งฟิคดีกว่ากูกูเลยท้อจริง ไปแนวที่มึงไม่แต่งแทน สันดานกูไม่เปลี่ยนจริงว่ะ เสมอต้นเสมอปลาย 55555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×