ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #26 : บทเกริ่น [SS2]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 64


    TB

    บทเกริ่น

     

    ไกลออกไปหลายสิบไมล์ หมอกควันหนาที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำสกปรกอันแสนคดเคี้ยว สองฝั่งเต็มไปด้วยพุ่มไม้และเศษขยะ ปล่องไฟขนาดใหญ่ของโรงทอผ้าที่เจ๊งไปแล้วตั้งตระหง่านเป็นเงาทะมึนดูน่ากลัวพิกล ไม่มีเสียงอื่นใดในที่นี้นอกจากเสียงของกระแสน้ำสีดำคล้ำที่ไหลริน

    แต่แล้วเสียงดัง ป๊อบ  เบาๆ พร้อมกับร่างผอมบางที่มีผ้าคลุมศีรษะก็ปรากฏขึ้นมาที่ริมแม่น้ำ ร่างนั้นดูเหมือนจะจับทิศทางอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเริ่มออกเดินด้วยก้าวยาวๆ อย่างรวดเร็วและแผ่วเบา เสื้อคลุมตัวยาวส่งเสียงสวบสาบยามที่สองเท้าก้าวเหยียบลงบนพื้นหญ้า

    อึดใจต่อมาเสียง ป๊อบ ดังกว่าหนแรกพร้อมกับร่างคลุมศีรษะอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลัง

    “รอเดี๋ยวก่อน!” คนที่ถูกเรียกหยุดเดินและหันกลับไปมอง “ซิสซี่นาร์ซิสซาร์!! ฟังฉันก่อนสิ!!!

    เสียงผู้หญิงดังออกมาจากร่างสวมผ้าคลุมนั้นหลังจากที่เธอรีบวิ่งตามร่างแรกไปอย่างรวดเร็วและคว้าแขนของหล่อนเอาไว้ แต่อีกคนนั้นกลับสะบัดออกและเดินต่อไปอย่างไม่ใยดี

    “กลับไปซะเบลล่า!

    “แต่เธอต้องฟังฉัน!!

    “ฉันฟังแล้วฉันตัดสินใจแล้ว ปล่อยฉันเถอะ” นาร์ซิสซาร์เดินเลี้ยวเข้าตรอกไปอย่างรวดเร็ว เบลาทริกซ์รีบเดินตามเธอไปในทันที ทั้งสองเดินตามกันไปจนถึงตึกแถวก่ออิฐรูปร่างทรุดโทรมผ่านที่นั่นไปแถวแล้วแถวเล่า หน้าต่างแถวนั้นล้วนหม่นหมองและมืดมิด

    “เขาอยู่ที่นี่หรอ?” เบลาทริกซ์เอ่ยเสียงเหยียด “ที่กองขยะของพวกมักเกิ้ลเนี่ยนะนี่เราต้องเป็นพวกแรกที่เหยียบย่างเท้ามาถึง...”

    นาร์ซิสซาร์ไม่ได้สนใจฟัง เธอรีบก้าวข้ามถนนไปอย่างเร่งรีบ

    “ซีสซี่รอก่อนสิ!!

    เบลาทริกซ์เดินตามไป เสื้อคลุมปลิวสะบัด เธอมองเห็นนาร์ซิสซาร์เดินผ่านตรอกระหว่างบ้านเรือนไปอีกตรอกหนึ่ง เข้าไปในตรอกที่สองซึ่งดูเหมือนตรอกแรกไม่มีผิดเพี้ยนอย่างกับคัดลอกและวาง ทั้งสองวิ่งผ่านช่วงถนนที่สว่างและมืดมืด ในที่สุดเบลาทริกซ์ก็คว้าเอาแขนของนาร์ซิสซาร์ไว้ได้ทัน

    “ซิสซี่ เธออย่าทำแบบนี้นะเธอไว้ใจเขาไม่...”

    “แต่จอมมารไว้ใจเขา!

    “เขาก็ผิดพลาดได้เหมือนกัน!” เบลาทริกซ์พูดเสียงหอบ ดวงตามองสอดส่องดูว่ามีเพียงทั้งสองคนอยู่ตามลำพังหรือเปล่า “อีกอย่าง เราห้ามพูดเรื่องแผนนี้กับใคร ทำแบบนี้เหมือนกับทรยศต่อจอมมาร...”

    “ปล่อยฉันเบลล่า!!

    นาร์ซิสซาร์สะบัดแขนออกก่อนจะเดินต่อโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเบลาทริกซ์ที่เดินตามเธอมาเรื่อยๆ ในที่สุดทั้งสองก็เดินเข้าไปในหมู่ตึกก่ออิฐรกร้างและวกวน นาร์ซิสซาร์เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในตรอกที่เรียกว่าตรอกช่างปั่นฝ้ายซึ่งมีปล่องไฟสูงตระหง่านของโรงทอผ้าตั้งค้ำอยู่

    จนกระทั่งเธอเดินมาถึงบ้านหลังสุดท้ายในตรอก บนหน้าต่างมีแสงไฟสลัวๆ ส่องริบหรี่ผ่านม่านหน้าต่างออกมาจากห้องชั้นล่าง เธอเคาะประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่เบลาทริกซ์จะเข้ามาห้ามได้ทัน หล่อนสบถออกมาเบาๆ และยืนคอยพร้อมกับน้องสาว

    กลิ่นแม่น้ำสกปรกถูกลมพัดโชยมาเข้าจมูกชวนอ้วก หลังจากนั้นไม่กี่นาทีประตูก็ถูกเปิดออก ร่างเสี้ยวหนึ่งของชายที่มีผมสีดำยาวแหวกเหมือนม่านรอบใบหน้าซีดเซียวและดวงตาสีดำสนิท นาร์ซิสซาร์ปัดผ้าคลุมศีรษะไปด้านหลัง ผิวขาวซีดราวกับจะส่องแสงได้ในความมืด ผมยาวสีบลอนด์ที่แผ่สยายอยู่ด้านหลังทำให้ชายตรงหน้าค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ

    “นาร์ซิสซาร์?” ชายคนนั้นเอ่ยก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกกว้างขึ้นอีกหน่อย แสงไฟในบ้านจึงส่องออกมาต้องใบหน้าของเธอและเบลาทริกซ์ “น่าแปลกใจที่คุณมาที่นี่”

    “เซเวอรัส ฉันขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม เป็นเรื่องด่วน”

    “แน่นอน เชิญสิ”

    เขาถอยหลังไปเพื่อให้เธอเดินเข้าไปในบ้าน เบลาทริกซ์ปัดผ้าคลุมออกก่อนจะเดินตามนาร์ซิสซาร์เข้าไปโดยไม่รอคำเชิญก่อนที่เขาจะปิดประตูตามหลังเสียงดังกึก

    ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ผนังทุกด้านปลุกคลุมไปด้วยชั้นหนังสือมากมายราวกับห้องสมุด เก้าอี้โซฟาเก่าๆ และโต๊ะกาแฟดูโยกเยกจวนจะพังตั้งรวมกลุ่มกันอยู่ในแสงไฟสลัวๆ ที่ส่องมาจากโคมไฟห้องอยู่เหนือศีรษะ บรรยากาศเหมือนกับห้องที่ถูกทิ้งร้างไม่มีใครพักอาศัยอยู่

    สเนปเชื้อเชิญให้นาร์ซิสซาร์นั่งที่โซฟา เธอถอดเสื้อคลุมมาถือก่อนจะนั่งลงและประสานมืออันสั่นเทาเอาไว้บนหน้าตัก เบลาทริกซ์ยืนมองหน้าสเนปไม่วางตาในขณะที่เคลื่อนตัวมายืนด้านหลังของนาร์ซิสซาร์

    “ผมจะทำอะไรให้คุณได้บ้างล่ะ” สเนปว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เท้าแขนตรงข้ามสองพี่น้อง

    “เรา... อยู่ตามลำพังใช่ไหม” นาร์ซิสซาร์กระซิบถาม

    “แน่นอนอ้อ หางหนอนก็อยู่นี่ แต่ก็คงไม่นับสัตว์จำพวกหนูใช่ไหมล่ะ”

    สเนปชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่กำแพงหนังสือทางด้านหลังพร้อมกับเสียงปังที่ดังขึ้นและประตูที่ถูกซ่อนเอาไว้เปิดอ้าออก เผยให้เห็นช่องแคบๆ ที่มีชายร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

    “เซเวอรัส ฉันขอโทษที่มาแบบนี้ แต่ฉันจำเป็นจะต้องพบคุณ ฉันคิดว่าคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้”

    สเนปยกมือขึ้นปรามนาร์ซิสซาร์ เขาโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้งไปทางหางหนอนก่อนที่ประตูจะปิดลงอย่างแรงและผลักหางนอนลงบันไดด้านหลังไปพร้อมกับเสียงร้องแหลมสูงและเสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งเผ่นหนีไป

    “ขอโทษที” สเนปเอ่ย “คุณกำลังจะพูดอะไรนะนาร์ซิสซาร์”

    เธอหลายใจเข้าลึกๆ ร่างกายผอมบางสั่นเทาก่อนจะเริ่มพูดออกมาอีกครั้ง

    “ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรมาที่นี่ ฉันได้รับคำสั่งไม่ให้พูดอะไรกับใครทั้งนั้นแต่ว่า...”

    “แบบนั้นเธอก็ควรจะหุบปากไว้นะซิสซี่!” เบลาทริกซ์ตวาด “โดยเฉพาะกับหมอนี่!!

    “หมอนี่?” สเนปทวนคำด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ให้ผมเข้าใจว่าไงเบลาทริกซ์”

    “ฉันไม่ไว้ใจแกไงสเนปแกก็รู้ดีอยู่แล้ว” เบลาทริกซ์คำรามแต่สเนปกลับส่งยิ้มให้เธอ

    “นาร์ซิสซาร์ ผมคิดว่าคุณควรฟังก่อนว่าเบลาทริกซ์อยากจะพูดอะไร จะได้ไม่ถูกขัดจังหวะอย่างน่ารำคาญแบบนี้” เขาว่าแล้วหรี่ตามองเบลาทริกซ์ “ทำไมถึงไม่เชื่อใจผมล่ะ”

    “จะให้เริ่มตรงไหนดีทำไมแกไม่เคยตามหาตอนที่จอมมารหายตัวไป แกทำอะไรอยู่ในตลอดเวลาหลายปีที่ซุกหัวอยู่ภายใต้ผ้าหลุมของดัมเบิ้ลดอร์ ทำไมแกถึงหยุดยั้งจอมมารไม่ให้เอาศิลาอาถรรพ์มาได้ แกอยู่ที่ไหนมาตอนที่เราต่อสู้เพื่อชิงลูกแก้ว แล้วอีกเรื่องหนึ่ง...” เบลาทริกซ์เว้นระยะหายใจ

    “ทำไมไอ้เด็กแฝดพอตเตอร์ถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งที่มันอยู่ภายใต้ความเมตตาของแกมาตลอดห้าปี!!

    นาร์ซิสซาร์นั่งฟังนิ่งไม่กระดุกกระดิก สเนปยิ้มออกมานิดหน่อย

    “ก่อนที่ผมจะตอบคำถาม... คุณจะได้เอาคำพูดของผมไปบอกคนอื่นๆ ที่กระซิบลับหลังผมที่ว่าผมทรยศไปฟ้องจอมมาร ผมขอถามคุณกลับบ้างนะ” เขาผ่อนลมหายใจออกมานิดหน่อย “คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าจอมมารก็เคยถามคำถามพวกนี้กับผมมาก่อน แล้วคุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมไม่สามารถหาคำตอบที่น่าพอใจก่อนจะมานั่งคุยกับพวกคุณตรงนี้”

    “ฉันรู้ว่าท่านเชื่อแกแต่...”

    “คุณคิดว่าผมตบตาจอมมารได้งั้นเหรอ?”

    เบลาทริกซ์เงียบเสียงไป สเนปไม่บีบคั้นเธอก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของเบลาทริกซ์

    “คุณถามว่าผมไปอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่ฮอกวอตส์เพราะท่านต้องการให้ผมจับตาดูอัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ จอมมารพอใจที่ผมไม่เคยละทิ้งหน้าที่ ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับดัมเบิ้ลดอร์ตลอดสิบแปดปีเต็มที่อยู่ที่นั่นมามอบให้ท่าน เป็นของขวัญที่มีประโยชน์มากกว่าความทรงจำในคุกอัซคาบันเป็นไหนๆ”

    “นี่แก...!!

    “ผมมีงานสบายๆ ที่ชอบมากกว่าในคุก” สเนปตอบน้ำเสียงเริ่มเอนเอียงไปทางรำคาญใจ “ดัมเบิ้ลดอร์ช่วยปกป้องผมไม่ให้ต้องไปติดคุก มันสะดวกมากโดยการใช้โอกาสนั้น จอมมารไม่ว่าอะไรเลยที่ผมอยู่ที่นั่น”

    “และผมคิดว่าคุณคงอยากรู้อีก” ประโยคนั้นทำให้เบลาทริกซ์กัดริมฝีปากล่างแรงจนห้อเลือด

    “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเราไม่เห็นได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์จากแกเลย!!” เบลาทริกซ์ขึ้นเสียง

    “ข้อมูลข้องผมส่งตรงถึงจอมมาร” สเนปเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “ท่านคงเลือกจะไม่บอก...”

    “เขาบอกฉันทุกอย่าง!” เบลาทริกซ์ตวาดและดูหัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที “ท่านบอกว่าฉันซื่อสัตย์ที่สุด!

    “ตอนนี้ด้วยเหรอ?” สเนปถามเสียงสูง “หลังจากความล้มเหลวที่กระทรวง?”

    “นั่นไม่ใช่ความผิดฉันถ้าลูเซียสไม่โง่พอจะทำแบบนั้น ก็สมควรแล้วที่จะตาย!!

    “อย่าบังอาจมาโทษสามีฉัน!!” นาร์ซิสซาร์พูดเสียงเขียวเงยหน้าขึ้นมองพี่สาว

    “ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเถียงกันว่าเป็นความผิดใคร” สเนปถอนใจ “เพราะมันผ่านไปแล้ว”

    “แกยังหลีกเลี่ยงคำถามสุดท้ายของฉันนะสเนปไอ้เด็กแฝดนั่น!! แกจะฆ่ามันเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดห้าปี แต่แกไม่ทำทำไมสเนป!!

    “คุณได้คุยเรื่องนี้กับจอมมารรึยัง” สเนปเอ่ยถามเสียงเรียบ

    “ฉันกำลังถามแกสเนป!!” เบลาทริกซ์ขึ้นเสียงดัง

    “ถ้าผมฆ่าสองแฝดพอตเตอร์ จอมมารก็ไม่สามารถใช้เลือดของพวกเขามาสร้างร่างใหม่ที่ทำให้ไม่มีใครสามารถชนะท่าได้”

    “นี่คือข้ออ้างของแกงั้นสิ!” เธอพูดเยาะเย้ย

    “ผมก็ไม่ได้อ้างนะ ผมไม่เคยรู้เรื่องแผนการของท่าน ผมสารภาพว่าผมคิดว่าจอมมารตายไปแล้ว ผมแค่พยายามอธิบายว่าทำไมจอมมารถึงไม่เสียใจที่เด็กแฝดนั่นยังรอดตาย อย่างน้อยก็จนถึงตอนที่ได้เลือดยัยเด็กคนน้องนั่นมา...”

    “แล้วทำไมแกถึงยังปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่!

    “นี่คุณไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ผมอธิบายรึไง? เพราะดัมเบิ้ลดอร์ปกป้องผมไม่ให้เข้าไปอยู่ในคุกอัซคาบัน คุณไม่คิดเหรอว่าการฆ่านักเรียนคนโปรดของเขาจะทำให้เขามาเป็นศัตรูของผมแล้วก็ยังมีเหตุผลอื่นอีก” เบลาทริกซ์เงียบเสียงลงรอฟัง

    “เรื่องเล่ามากมายที่บอกว่าสองพี่น้องนั่นจะกลายมาเป็นพ่อมดแม่มดศาสตร์มืดผู้ยิ่งใหญ่เป็นเหตุผลที่พวกเขารอดตายจากการโจมตีของจอมมารมาได้ สมุนของจอมมารหลายคนคิดแบบนี้กันทั้งนั้นว่าพี่น้องพอตเตอร์อาจจะเป็นธงชัยคันใหม่ให้พวกเขากลับมารวมกำลังกัน” สเนปทิ้งระยะพูด “ผมเองก็อยากรู้ ผมยอมรับ ก็เลยไม่อยากจะฆ่าพวกเขาในทันทีที่เข้ามาถึงฮอกวอตส์”

    “แน่นอนว่าผมเห็นได้ชัดในทันทีว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรเลยเขาน่ะแสนธรรมดาสามัญแม้ว่าจะน่ารังเกียจและหลงตัวเองเหมือนกับพ่อของเขาก็ตาม”

    “แล้วเฮเลน พอตเตอร์ล่ะแกหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงยัยเด็กนั่นรึไง!!

    สเนปเงียบเสียงไปพลางครุ่นคิด “เด็กนั่นถึงจะพิเศษกว่าหน่อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีอะไรน่าสนใจหรือว่าจะกลายมาเป็นแกนนำให้กับพวกเราได้เลย”

    “พิเศษกว่า?”

    “ใช่เด็กนั่นมีความสามารถพิเศษในด้านการพยากรณ์ล่วงหน้าพอๆ กับซีบิล ทรีลอว์นีย์และถ้าหากคอยดูให้นานกว่านี้ บางทีเธออาจจะเป็นคนที่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา จริงๆ แล้วผมพยายามเต็มที่ให้พวกเขาถูกไล่ออกจากฮอกวอตส์ ที่ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาไม่สมควรจะมาอยู่ แต่การฆ่าพวกเขาหรือปล่อยให้ถูกฆ่าคงเป็นเรื่องโง่มากที่จะเสี่ยงเมื่อผมอยู่ใต้จมูกของอัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์”

    “เราจะต้องเชื่อด้วยเหรอว่าดัมเบิ้ลดอร์ไม่เคยสงสัยคนอย่างแกเลย?” เบลาทริกซ์ถามอีก “เขาไม่เคยรู้เลยเหรอว่าความจงรักภัคดีที่แท้จริงของแกนั่นอยู่ที่ไหน”

    “เพราะผมแสดงบทบาทของผมได้ดีน่ะสิ” สเนปตอบ “แล้วคุณก็มองข้ามจุดอ่อนของดัมเบิ้ลดอร์ไป เพราะเขามักจะเชื่อว่าทุกคนมีส่วนดีอยู่ในตัว ผมแต่งนิทานหลอกเด็กให้เขาฟังจากชีวิตผู้เสพย์ความตายแล้วเขาก็อ้าแขนรับผม แต่ก็อย่างว่า... เขาไม่เคยให้ผมเข้าใกล้ศาสตร์มืดเลยเท่าที่จะทำได้...ตลอดหลายปีมานี้เขาไม่เคยหยุดไว้วางใจเซเวอรัส สเนปและนี่คือข้อมูลสูงค่าที่ผมมอบให้กับจอมมาร”

    เบลาทริกซ์ยังคงชักสีหน้าไม่พอใจแต่ดูเหมือนเธอจะคิดไม่ออกแล้วว่าจะหาคำพูดไหนมาโจมตีใส่เขาดี สเนปถือโอกาสในจังหวะนี้หันไปพูดกับนาร์ซิสซาร์

    “เอาล่ะ คุณจะให้ผมช่วยอะไร” นาร์ซิสซาร์มองหน้าเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

    “ฉันคิดว่าคุณจะเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้ ลูเซียสตายแล้วและ...” หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองของเธอ “จอมมารห้ามไม่ให้ฉันพูดเรื่องนี้ มันเป็นความลับ แต่ว่า...”

    “ถ้าเขาสั่งห้าม คุณก็ไม่ควรพูด” สเนปตอบทันควัน “คำสั่งของเขาคือที่สุด”

    นาร์ซิสซาร์ผงะราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นเฉียบ เบลาทริกซ์มีสีหน้าพอใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่นี่

    “แม้แต่สเนปยังพูดแบบนี้เพราะฉะนั้นก็เงียบซะซิสซี่!!

    “แต่บังเอิญว่าผมรู้แผนนี้” สเนปพูดเสียงต่ำ “ผมเป็นหนึ่งในผู้ที่จอมมารเล่าให้ฟัง ยังไงก็ตามถ้าผมไม่ได้อยู่ในแผนนี้ด้วยคุณก็จะมีความผิดในฐานะผู้ทรยศต่อจอมมารนะ”

    “ฉันคิดอยู่แล้วว่าเขาต้องรู้!” นาร์ซิสซาร์โพลงขึ้น “ท่านเชื่อใจคุณ...”

    “แกรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!?” เบลาทริกซ์เปลี่ยนสีหน้า

    “แน่นอน” สเนปยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “แต่คุณต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรล่ะนาร์ซิสซาร์ แต่ผมคงเปลี่ยนใจจอมมารไม่ได้หรอก ไม่มีหวังอย่างแน่นอน”

    “เซเวอรัส” เธอกระซิบ “ลูกชายคนเดียวของฉัน... ลูกชายที่เหลือคนสุดท้ายในครอบครัวฉัน”

    “เธอควรจะภูมิใจเดรโกก็ด้วย!!” เบลาทริกซ์พูดอย่างไม่แยแส “จอมมารมอบเกียรติอัยยิ่งใหญ่ให้กับเขา ฉันต้องชมเดรโกนะที่เขาไม่ได้หดหัวหนีจากหน้าที่!

    นาร์ซิสซาร์เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เฝ้ามองสเนปอย่างขอความเมตตา

    “นั่นเพราะเขาอายุแค่สิบแปดเขาไม่รู้เลยว่าอะไรที่รอเขาอยู่ ทำไมต้องเดรโกทำไมต้องลูกชายฉัน!!

    สเนปไม่พูดอะไร เขาเบือนหน้าหนีน้ำตาของเธอแต่ไม่อาจะเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเธอได้

    “เพื่อลงโทษที่ลูเซียสทำพลาด นั่นคือสาเหตุที่ท่านเลือกเดรโก”

    “ถ้าเขาทำสเร็จ” สเนปตอบทั้งที่ยังไม่หันไปมองเธอ “เขาจะได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่”

    “แต่เขาไม่มีทางทำสำเร็จ!!” นาร์ซิสซาร์สะอื้นไห้ “เขาจะทำได้ยังไงกันในเมื่อจอมมารเองยัง...”

    เบลาทริกซ์อ้าปากค้างที่ได้ยินประโยคนั้นจากปากน้องสาว นาร์ซิสซาร์หยุดพูดและก้มหน้าร้องไห้

    “ผมไม่โง่พอที่จะเกลี้ยกล่อมจอมมาร” สเนปพูดอย่างเฉยเมย “จอมมารไม่โกรธลูเซียสไม่ได้เพราะเขาเป็นหัวหน้านำทีมแต่กลับมาตายพร้อมกับคนอื่นที่ถูกจับอีก แถมลูกแก้วพยากรณ์ยังมาแตก เขาคงโกรธมากเลยทีเดียวนาร์ซิสซาร์”

    “งั้นท่านก็ต้องการให้เดรโกถูกฆ่าในขณะที่กำลังพยายามทำใช่ไหม!!

    สเนปไม่ได้ว่าอะไรต่อ นาร์ซิสซาร์รู้สึกเหมือนสูญสิ้นทุกอย่างไป เธอลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหาสเนปคว้าเสื้อคลุมของเขาเอาไว้ น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูลงไปบนเสื้อของเขา

    “คุณทำได้” เธอพูดปนสะอื้น “คุณทำแทนเดรโกได้ คุณจะทำสำเร็จแล้วท่านจะให้รางวัลคุณ...”

    สเนปดึงมือเธออก เขาเงยหน้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นและพูดอย่างช้าๆ

    “ท่านตั้งใจให้ผมทำในท้ายที่สุด ในกรณีที่เดรโกทำได้สำเร็จ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่ผมก็ยังคงมีเวลาอยู่ที่ฮอกวอตส์ต่ออีกหน่อย ทำหน้าที่สายลับของผมต่อไป” สเนปเว้นระยะ “พูดอีกอย่าง ท่านไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะถูกฆ่า!

    “ท่านไม่ได้ฟังคำพยากรณ์ คุณก็รู้ดีว่าท่านไม่ยกโทษให้ง่ายๆ หรอก”

    นาร์ซิสซาร์ทรุดตัวลงไปนั่งแทบเท้า สะอึกสะอื้นคร่ำครวญอย่างน่าสมเพช

    “เขาเป็นแค่เด็ก... เป็นลูกชายคนเดียวที่ฉันมี”

    นาร์ซิสซาร์กรีดร้องอย่างหมดหวัง สเนปพยุงเธอขึ้นและพากลับไปนั่งที่โซฟา

    “พอได้แล้วนาร์ซิสซาร์ ฟังผม” สเนปเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วพูดขึ้น “ผมอาจจะช่วยเดรโกได้”

    “คุณจะช่วยเขา?”

    “ผมจะพยายาม” เธอเลื่อนตัวลงจากโซฟาอย่างรวดเร็วลงมานั่งคุกเข่าแทบเท้าสเนป สองมือคว้าขาของเขามากุมเอาไว้

    “นี่เธอไม่ได้ฟังรึไงซิสซี่ว่าเขาแค่จะพยายามมันก็แค่คำพูดไร้ความหมาย มันก็แค่หาทางหนีเท่านั้นแหละ”

    สเนปไม่ได้หันไปมองเบลาทริกซ์ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงตรงหน้าในขณะที่สองมือเธอกุมขาขวาของเขาเอาไว้แน่น

    “ผมจะทำปฏิญาณไม่คืนคำ” เขาพูดเบาๆ เบลาทริกซ์อ้าปากค้าง สเนปดึงมือนาร์ซิสซาร์ออกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้ามกับเธอ ทั้งสองกุมมือขวาเข้าด้วยกันแน่น

    “คุณอาจจะต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ของคุณนะเบลาทริกซ์” สเนปพูดเสียงเย็น “แล้วขยับมาตรงนี้ด้วย”

    ใบหน้าพิศวงของเบลาทริกซ์ท่ามกลางแสงเจิดจ้าที่พุ่งจากไม้กายสิทธิ์ซึ่งบิดตวัดเกี่ยวพันผูกรัดกันเป็นเส้นหน้าอยู่รอบมือของทั้งสองที่เกาะกุมกันแน่นดุจดั่งงูกำลังลุกโชตช่วงราวกับไฟ

     

     

    ติดตามตอนต่อไป...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×