ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    depth passage ห้องต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #25 : [Fic DN]me & Teluna เมื่อผมเป็นเพื่อนกับดาร์กเอลฟ์

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 57


                    สายลมทะเลอ่อนๆพัดพากลิ่มเค็มๆของน้ำทะเลให้ลอยเข้ามาในประสาทรับกลิ่นของเด็กหนุ่ม เขามองไปยังท้องฟ้าสีครามพลางปาดเหงื่อออก ผมสีฟ้าแบบเดียวกับท้องฟ้าเดือนเมษาปลิวสะบัดน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆด้วยความเหนื่อยหน่าย

                    “จะใช้อะไรกันนักหนาฟะ นี่มันรอบที่3แล้วนะ”เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดพอดู เพราะตั้งแต่เช้าเขาต้องวิ่งไปๆมาๆที่ถ้ำแปลกๆที่มีชื่อว่าRuins of lost timeมาสามรอบแล้ว เนื่องจากคำขอร้องแกมบังคับของพวกเขา ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ก่อนเขาจะหยิบดาบสีเงินสะท้อนแสงขึ้นมามองอย่างพินิจวิเคราะห์ว่าไม่ได้มีรอยบิ่นที่ทำให้ความคมของดาบลดลงไป ก่อนจะลูกชื่อที่สลักอยู่ที่ดาบเบาๆ

                    ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นฮู้ดแปลกๆที่เป็นเอกลักษณ์ของดาร์กเอลฟ์กำลังปลิวสะบัดน้อยๆหลังพุ่มไม้นั่น พร้อมๆกับกลิ่นของปลาย่างที่โชยออกมา เขาจึงตัดสินใจกระชับดาบแน่น ก่อนจะพุ่งตรงไปยังพุ่งไม้นั้นทันที

                    แคว่ก!

                    เสียงเนื้อผ้าแบบพิเศษขาดดังลั่น ทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะตามที่เขาคิดไว้ ตอนนี้คมดาบนั้นควรจะสะบั้นศีรษะของดาร์กเอลฟ์โชคร้ายออกเป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่ามันกับไม่มีแม้แต่เสียงเนื้อฉีกขาดออกจากกัน หรือแม้กระทั่งเลือดที่ควรจะทะลักออกมาสักหยด ทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองปลายดาบอย่างแปลกใจ ก่อนเขาจะพบว่าที่เขาฟันขาดสะบั้นไปนั้นเป็นเพียงชุดคลุมสีม่วงที่แขวนอยู่บนต้นไม้ ปลอกแขนรูปร่างประหลาดถูกวางไว้บนก้อนหินอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างแปลกใจเพื่อหาเจ้าของชุด ก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของชุดเข้าจนได้

                    เธอเป็นดาร์กเอลฟ์สาวอายุพอๆกับเอลิน่าที่เขาเคยพบเจอที่Calderlock villageผมสีดำขลับของเธอตัดกับผิวขาวซีดที่อยู่เหนือผืนน้ำเป็นประกายนั่น ดวงตากลมสีฟ้าอ่อนแสดงถึงความร่าเริงที่เด็กหนุ่มไม่เคยจะพบเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวจากเอลิน่า ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นทำเอาเด็กหนุ่มมึนงงๆไปชั่วขณะพร้อมๆกับลดดาบลงอย่างควบคุมไม่ได้ จนปลายดาบของเขาไปปัดเอาปลอกแขนของเธอตกลงบนพื้น ก่อนเสียงแก๊งแสบแก้วหูจะดังก้องไปทั่ว ทำให้ดาร์กเอลฟ์สาวหันกลับมาหาต้นเสียงทันที

                    “กะ......กรี้ด!!!! คนโรคจิต!!!!

                    กว่าจะพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นให้ดาร์กเอลฟ์สาวฟังจบก็กินเวลาไปถึงสามชั่วโมง ทำให้ดวงตะวันที่เคยอยู่ตรงหัวของเขาค่อยๆคล้อยลับไปสู่เส้นขอบฟ้าอย่างชั่วไม่ได้ พร้อมๆกับแปล่งแสงสีส้มจางออกมาบ่งบอกว่าช่วงเวลาใกล้ค่ำได้มาถึงแล้ว

                    “น่าๆข้าขอโทษ”เด็กหนุ่มพยายามขอโทษขอโพยดาร์กเอลฟ์สาวที่กำลังนั่งทำหน้าบึ้งอยู่ตรงข้ากับเขา แต่ทว่าเธอก็ยังคงไม่สนใจเขาซักที ทำให้นักดาบหนุ่มได้เพียงเกาหัวแกร๊กๆพลางหัวเราะแห้งๆ

                    แล้วนี้เราง้อดาร์กเอลฟ์ทำไมฟะ?

                    เด็กหนุ่มพูดพลางหัวเราะในลำคอเบาๆเนื่องจากตลกในความบ้าบิ่นของตัวเอง ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมาเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนเสียงท้องร้องของเธอจะดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้ใบหน้าขาวซีดของเธอเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย นัยน์ตาสีฟ้าจ้องไปยังคนแปลกหน้าอย่างหวาดระแวงพลางกลอกไปมาราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ

                    “เจ้า....เจ้าชื่ออะไรหรอ”เธอพูดด้วยเสียงตะกุกตะกักเนื่องจากไม่เคยคุยกับมนุษย์แบบนี้มาก่อน อีกทั้งยังเป็นมนุษย์ที่เห็นเธอกำลังเล่นน้ำแบบนั้น ทำให้เธอรู้สึกประหม่ากว่าเดิมเป็นเท่าตัว

                    “เอ่อ...ผมคิริสึ.... คิริสึ  ไอจิ แล้วเธอล่ะ”คิริสึพูดพลางยิ้มให้ดาร์กเอลฟ์สาวน้อยๆ

                    “ข้า....ข้าเทลูน่า...เอ่อ....ยินดีที่ได้รู้จักนะ”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกร็งๆต่างจากเด็กหนุ่มที่คุณชินกับการคุยกับสิ่งที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของตนเองแล้วอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขายิ้มออกมาเบาๆ เนื่องจากรู้สึกดีใจนิดๆที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่ศัตรู ก่อนเขาจะเริ่มเปิดเป้ใบใหญ่แล้วหยิบเสบียงของเขาออกมาวางตรงหน้าของดาร์กเอลฟ์สาว ทำให้เธอถึงกับตาวาวทันที

                    “นะ....นั่นมันนมรสไวน์นี่ เจ้าเอามาจากไหนหรอ!!”เธอพูดพลางมองไปยังขวดบรรจุของเหลวสีแดงอ่อนอย่างหลงไหล

                    “อ๊ะ....อ๋อ ไอ้นี่น่ะหรอ เอาไปสิครับ”คิริสึพูดพลางยื่นขวดนมรสไวน์ให้เธอ ซึ่งดาร์กเอลฟ์สาวก็รับมันมาแล้วดื่นอย่างไม่เกรงใจใคร ก่อนจะยิ้มร่าราวกับเด็กได้ของเล่น ทำให้คิริสึได้เพียงหัวเราะในลำคอเบาๆพลางส่ายหัวกับความต๊องของดาร์กเอลฟ์ตรงหน้า ก่อนเขาจะฉุกคิดเรื่องๆหนึ่งได้

                    แต่ยังไง....เราก็เป็นศัตรูกันอยู่ดี....

                    เขาคิดพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ทำให้เทลูน่าหันมามองเขาพลางเอียงคอน้อยๆอย่างไร้เดียงสา แล้วยื่นนมรสไวน์ที่เหลือให้พลางมองด้วยความเป็นห่วง

                    “นี่ คิริสึเป็นอะไรไปหรอ?”เธอถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดอะไรออกมาได้

                    “อ๋อ เมื่อยหรอ งั้นเรามาเล่นวิ่งแข่งกัน ใครถึงก่อนชนะ!”เธอพูดพลางยิ้มร่า แล้ววิ่งเขาไปยังทางเข้าถ้ำอันเป็นจุดหมายของเด็กหนุ่มอย่างไม่รอใคร ทำให้ถึงเวลานั้นเขาอยากจะห้ามก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ทำให้เด็กหนุ่มได้เพียงส่ายหัวเบาๆ

                    “เอาเถอะ....ยังไงก็จุดหมายเดียวกันล่ะนะ...”

                    เด็กหนุ่มพูด ก่อนจะสะพายดาบแล้วเดินเข้าไปในถ้ำทันที

                    ฉัวะ!

                    เสียงดาบกรีดเข้าไปในเกล็ดแข็งๆกลางลำตัวของตะกวดสีขาวตัวใหญ่ที่เขาคุ้นเคยดีว่าเป็นมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่แถบนี้จนขาดสะบันออกจากกัน ก่อนร่างทั้งสองสวนจะตกลงสู่พื้นดินอย่างไร้พิษสง พร้อมๆกับเลือดกลิ่นฉุนที่เจิ่งนองไปทั่วทำเอาคิริสึต้องปิดจมูกแล้วเดินออกห่างจากร่างนั้นทันที

                    “โห เจ้าเก่งจัง....”เสียงใสๆของดาร์กเอลฟ์ดังขึ้นด้านหลังของเขา ทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมองทันที ก่อนเขาจะพบกับร่างของเทลูน่าที่โบกมือหยอยๆพร้อมๆกับยิ้มร่าอย่างไร้เดียงสาในซอกหินซอกหนึ่งที่พอดีกับร่างบางอย่างน่าแปลกใจ

                    หลังจากนั้นเด็กหนุ่มและดาร์กเอลฟ์สาวก็ได้ออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย ตลอดทางพวกเขาคุยถึงเรื่องสับเพเหระต่างๆนาๆจนทั้งคู่รู้สึกผูกพันกันมากขึ้นอย่างมาก จนลืมแม้แต่ขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์ที่ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกัน เธอนั้นมักจะนำหนังสือนิตยสารเล่มเดียวกับที่เด็กสาวแม่ค้าของCalderlock villageมาเปิดอ่านและชวนให้คิริสึหาของที่เธออยากได้ให้บ่อยๆ รวมถึงเล่นสนุกกับเขาอีกด้วย

                    “นี่ๆ คราวนี้ข้าอยากได้นี่ล่ะ”เทลูน่าพูดพลางชี้ไปยังผ้าเช็ดหน้าในนิตยสาร ก่อนจะพูดถึงสรรพคุณยาวเหยียด แล้วจบด้วยการจ้องเด็กหนุ่มด้วยนัยน์ตาไร้เดียวสา ทำให้เขาได้เพียงหัวเราะออกมาเบาๆ

                    “เข้าใจแล้ว ผมจะรีบหาให้นะ”

                    คิริสึรับปาก ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองSaint Havenที่ไกลจากบริเวณที่เทลูน่าอยู่พอสมควร ก่อนเขาจะกวาดสายตามองไปรอบๆ

                    ร้านขายของเบ็ตเตล็ดอาจจะมีนะ

                    เมื่อเด็กหนุ่มคิดได้ดังนั้น จึงตรงไปยังร้านขายของทันที ก่อนจะยิ้มตอบให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าร้าน

                    “เอ่อ....มีผ้าเช็ดหน้ารายแบบนี้ไหมครับคุณแคลลี่”คิริสึถามพลางเอาภาพลายที่เขาขอให้เทลูน่าลอกลายให้เจ้าของร้านดู ซึ่งหญิงสาวก็มองเด็กหนุ่มสลับกับภาพในกระดาษอย่างแปลกใจ

                    “ไม่มีผ้าเช็ดหน้าแบบนี้แล้วล่ะ มันเป็นของตั้ง50ปีแล้วนี่”เธอพูด ทำให้คิริสึได้แต่ถอนหายใจเบาๆพลางคิดไปว่าถ้าหากเป็นเมย์ แม่ค้าแห่งCalderlock ที่มีนิตยสารเล่มเดียวกับเทลูน่าก็คงจะพอช่วยอะไรได้ ทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะขึ้นเรือเหาะกลับไปหาเธอ แต่ทว่า...

                    “ถ้าทำใหม่ก็พอได้อยู่ล่ะนะ.....แต่วัตถุดิบไม่พอน่ะสิปัญหา”ประโยคนั้นทำเอาคิริสึหูพึ่งทันที ก่อนจะถามแม่ค้าสาวอย่างรีบร้อนถึงวัตถุดิบที่ขาดไป ซึ่งเธอก็นำแผนที่ของคิริสึมากางแล้ววงสถานที่ให้อย่างงงๆ

                    “เอาหญ้าจากที่นี่มาเพื่อใช้ในการย้อมสีน่ะ”เธออธิบาย คิริสึจึงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะบอกลาแคลลี่แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่วงเอาไว้ทันที

                    “นี่ครับของที่ว่า”คิริสึกลับมาพร้อมๆกับถุงบรรจุหญ้า ทำให้แคลลีรีบฉวยมันมาแล้วมองดูอย่างพินิจวิเคราะห์ ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับคิริสึ

                    “เดี๋ยวไปย้อมสีให้นะ”เธอพูด ก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านพร้อมๆกับหญ้าในมือพักใหญ่ ก่อนเธอจะกลับมาพร้อมๆกับผ้าเช็ดหน้าที่มีลวดรายโบราณปักอยู่แล้วยื่นให้คิริสึ

                    “นี่จ๊ะผ้าเช็ดหน้า ว่าแต่.....เธอจะเอาไปให้ใครหรอ”แคลลี่ถามพลางเอียงคอน้อยๆ

                    “อ๋อ เอลฟ์น่ะครับ”เขาพูดไปอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากความแตกว่าเขาติดต่อกับดาร์กเอลฟ์แล้ว คงจะมีใครไปรังควาญเทลูน่าอย่างแน่นอน ซึ่งเขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น

                    “เดี๋ยวๆ เธอพูดว่าเอลฟ์ใช่ไหม”แคลลี่พูดอย่างร้อนรนราวกับมีอะไรบางอย่างในใจ ท่าทีของเธอดูตื่นเต้นขึ้นมาก ก่อนหญิงสาวจะรีบค้นอะไรบางอย่าง ก่อนจะยื่นให้คิริสึพร้อมๆกับผ้าเช็ดหน้า ซึ่งเมื่อเด็กหนุ่มรับมาแล้ว เขาก็พบว่ามันเป็นจดหมายซองหนึ่ง

                    “ข้าน่ะ อยากเป็นเพื่อนทางจดหมายของเอลฟ์ที่อยู่นอกเมืองมาตั้งนานแล้วล่ะ”แคลลี่พูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในหัวของเธอจินตนาการไปถึงฉากรักโรแมนติกของชายหนุ่มกับเอลฟืสาว ทำให้คิริสึได้เพียงแต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากเมืองไป

                    การเดินทางไปหาเทลูน่าใช้เวลาอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนเขาจะไปถึงเทลูน่าที่กำลังผิงไฟอยู่ ดาร์กเอลฟ์สาวจึงหันมามองคิริสึน้อยๆแล้วยิ้มให้

                    “นี่ ผ้าเช็ดหน้าที่เธอต้องการ”คิริสึพูดพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเทลูน่า ซึ่งเธอก็รับมันไว้แล้วก็กอดคิริสึแน่นด้วยความดีใจ ก่อนจะกอดแน่นขึ้นอีกเมื่อเธอรู้ว่าเธอมีเพื่อเป็นมนุษย์ที่อยู่ในเมือง ทำให้คิริสึหัวเราะออกมาพร้อมๆกับยิ้มด้วยความรู้สึกดีพลางมองเทลูน่าวี๊ดว้ายกับผ้าเช็ดหน้าใหม่เงียบๆ

                    “เจ้านี่ต่างจากเอลิน่าจริงๆนะ....”คิริสึพูดออกมาลอยๆพลางส่ายหัวเบาๆกับความไร้เดียงสาของเทลูน่า ทำให้เธอมองมาอย่างเราอย่างแปลกใจ

                    “นี่นายรู้จักกับท่านแม่ด้วยหรอ!”เธอพูดออกมาอย่างแปลกใจ ทำให้คิริสึถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปั้นยิ้มมาเพื่อกลบเกลื่อนทันที

                    “อะ....อ้อ...เปล่า เพียงแค่ได้ยินชื่อมาน่า”เขาตัดสินใจโกหกไป เพราะถ้าหากเขาพูดถึงเรื่องเอลิน่าให้เธอฟัง คงจะไม่ดีต่อจิตใจที่ไร้เดียงสาของเธออย่างแน่นอน

                    “ท่านแม่น่ะเก่งมากเลยนะ ท่านพยายามจะช่วยพวกเราเหล่าดาร์กเอลฟ์มาตลอด”เทลูน่าเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เอลิน่าทำ แต่ทว่ากลับไม่มีแม้แต่เรื่องที่เอลิน่าทำกับเมืองCalderlockเลยแม้แต่น้อย

                    “ท่านแม่น่ะใจดีต่อข้ามาก....เหมือนเจ้าเลยนะ”เทลูน่าพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ขอบคุณนะ ที่ยอมเป็นเพื่อนกับดาร์กเอลฟ์อย่างข้า”

                    คิริสึนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

                    “ไม่เป็นไรหรอก....ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา.....”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×