ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #25 : ( SF ) ALL WE KNOW : 03

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 59








    CHAPTER 3

     

     


    “วันนี้วันอะไร”

     

    “ก็...วันครบรอบ”

     

    “แล้วยังไง”

     

    “นั่นแหละ...”

     

    “นั่นแหละอะไร”

     

    “ก็รู้อยู่แล้วป่ะ ทำไมชอบให้พูดบ่อยๆ”

     

    “.........”

     

    “อย่างอนดิ...ก็เหมือนลู่หานไง”

     

    “.........”

     

    “เออ รักไง พอใจยัง”

     

    ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน โอเซฮุนก็ยังคงเป็นโอเซฮุนไม่เปลี่ยนแปลง

     

    ผู้ชายปากเสียที่ช่างสรรหาถ้อยคำมาทำให้ลู่หานหงุดหงิดจนเผลอลงไม้ลงมือใส่บ่อยๆ แต่กลับเขินอายจนหน้าแดงหูแดงเสมอเมื่อต้องเอ่ยคำหวานตรงๆ

     

    ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อคืน

     

     

    “คนขี้แพ้ที่อยากบอกว่า...”

     

    “ผมยังเหมือนเดิม”

     

     

    ประโยคแสนสั้นดังในความทรงจำตั้งแต่ลืมตาตื่น ทำให้ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายเต้นด้วยจังหวะแปลกออกไปจนลู่หานนึกโกรธตัวเอง

     

    ถ้าเซฮุนเป็นคนขี้แพ้ ลู่หานก็คงเป็นคนหัวใจไม่รักดี

     

    หัวใจไม่รักดีที่เอาแต่มีปฏิกิริยากับเรื่องราวของโอเซฮุนตลอดมา

     

    มือเล็กคว้ากระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ กับหนังสือสองเล่มบนโต๊ะเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยเหมือนทุกวัน ร่างเล็กกอดลาผู้เป็นมารดา ก่อนหยิบรองเท้าผ้าใบวิ่งออกจากบ้านเพราะสายมากแล้ว

     

    ทว่า ถึงแม้จะรีบแค่ไหนก็ยังช้ากว่าใครบางคนเสมอ

     

    “เร่งมือนะลู่หาน น้องจอดรถรอนานแล้ว”

     

    “ครับ?”

     

    ประโยคบอกเล่าตะโกนออกมาจากห้องครัวทำเอาคนฟังหยุดกึก แต่ความตกตะลึงก็ยังน้อยนักเมื่อเทียบกับยามสบตาใครบางคนที่ยืนเท้าแขนกับรั้วบ้าน

     

     

     

    “ไง”

     

     

     

    โอเซฮุนยักคิ้วทักทาย ลู่หานนิ่งอึ้งเสี้ยววินาที ก่อนจะทำเมินด้วยการกระชับหนังสือสองเล่มเข้าหาตัว มือข้างหนึ่งเปิดประตูรั้วแล้วเดินผ่านร่างสูงคล้ายมองไม่เห็น

     

    และแน่นอนว่าไม่สำเร็จ

     

    “โอ๊ย!

     

    ความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นทันทีที่ไหล่บางโดนกระชาก ลู่หานพยายามสะบัดตัวออกจากมือใหญ่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก แต่เซฮุนก็ยื้อไว้ด้วยแรงที่มากกว่าจนลู่หานต้องกัดฟันข่มความเจ็บอย่างช่วยไม่ได้

     

    “ไปด้วยกัน”

     

    “อย่ามาเนียนนะ”

     

    “อย่าดื้อ”

     

    เซฮุนเปิดประตูรถ ดันลู่หานล้มแหมะบนเบาะข้างคนขับ พอคนตัวเล็กทำท่าจะลุกเขาก็กดไหล่ทั้งสองข้างไว้ ออกคำสั่งทางสายตาให้อดีตคนรักหยุดพยศเสียที

     

    ครู่ต่อมารถยนต์คันสวยที่โอเซฮุนได้เป็นของขวัญหลังสอบเข้ามหาลัยสำเร็จก็ทะยานสู่ท้องถนน ระหว่างพวกเขากลับกลายเป็นความเงียบอีกครั้ง ลู่หานนั่งคอแข็งไม่หันมองคนข้างกาย ต่างกับเซฮุนที่เหล่ตามองตุ๊กตาหน้ารถเป็นระยะ

     

    “จับมือหน่อย”

     

    “.........”

     

    “หูตึงเหรอ”

     

    ไฟจราจรสีแดงราวกับสัญญาณสั่งให้ร่างสูงปฏิบัติการก่อกวน เซฮุนพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง เมื่อลู่หานไม่ตอบรับเขาก็ฉวยมือบางมาจับไว้เสียเอง

     

    “ทำไมต้องไปพร้อมกัน”

     

    “ก็อยาก”

     

    “แล้วจับมือทำไม ไม่รังเกียจหรือไง คนที่เปลี่ยนผู้ชายบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนชั้นในแบบฉันน่ะ”

     

    “.........”

     

    “ไม่ต้องอยากไปส่งหรอก แค่มหาลัยเอง ฉันไปไหนมาไหนคนเดียวได้ตั้งหกเดือนโดยที่ไม่มีนาย”

     

    “.........”

     

    “เรายังมีชีวิต ยังหายใจได้ตั้งหกเดือน เพราะฉะนั้น

     

    รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วหลังสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนเซฮุนจะหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เด็กหนุ่มคว้าแขนลู่หานให้หันมาเผชิญหน้า ใช้ดวงตาค้นหาสิ่งที่คนตัวเล็กซุกซ่อนไว้ภายใต้คำพูดตัดรอน

     

    เขาพบกับความน้อยใจที่ลู่หานไม่อาจปกปิดได้มิดชิด

     

    “ถ้ากลับมาทำดีด้วยเพราะสงสารเรื่องฮยองวอนก็ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เจ็บปวดอะไร”

     

    “.........”

     

    “เข้าใจที่พูด...อื้อ!

     

    ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มือทั้งสองข้างชะงักค้างกลางอากาศ ลู่หานหลับตาปี๋ทันทีที่มือใหญ่คว้าท้ายทอยเขา เบียดริมฝีปากลงมาอย่างไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว

     

    ไร้ความดุดันรุนแรงใดๆ ริมฝีปากหยักทาบทับกลีบปากแดงอย่างนิ่มนวล วนเวียนกดย้ำคล้ายส่งผ่านทุกความรู้สึกที่อัดแน่นในใจตลอดหกเดือนที่ผ่านมา

     

    เซฮุนพูดไม่เก่งนัก ยังคงไม่เอาไหนในเรื่องสื่อสารความในใจให้อีกฝ่ายรับรู้เสมอ

     

    เขาจึงได้แต่หวังว่าจูบนี้จะช่วยส่งใจเขาถึงลู่หานใจได้บ้าง

     

    “ก็อาจใช่ เราก็ไม่ตายถึงจะไม่ได้อยู่ข้างๆ กันมาตั้งนาน แต่ว่า...ผม...”

     

    “.........”

     

    “คิดถึง”

     

    “.........”

     

    “ทุกวัน”

     

    ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์กับความรู้สึกอย่างที่น้อยครั้งนักจะทำ

     

    ลู่หานก้มหน้า ตอบกลับแผ่วเบา

     

    “แต่นายเกลียดฉัน”

     

    “นั่นมันพี่ต่างหาก”

     

    “ไม่จริง นายนั่นแหละ”

     

    คร้านจะเถียงคนดื้อดึง เซฮุนประทับจูบอีกครั้ง ครานี้เขาสอดแทรกเรียวลิ้นเก็บเกี่ยวรสชาติที่ห่างหายและโหยหามาตลอด มือใหญ่ลูบแก้มนิ่ม ลำคอ ถึงแผ่นหลังบางจนคนถูกกระทำยอมจูบตอบทั้งใบหน้าแดงก่ำ

     

    “ลู่หาน”

     

    “...อื้อ”

     

    “ผม...ง้อนะ”

     

    แพขนตายาวกระพริบถี่ราวกับไม่เชื่อหู ใบหน้าน่ารักฉายแววตกตะลึงให้คนมองนึกเอ็นดูจนอดไม่ไหว

     

    จูบครั้งที่สามของพวกเขาเริ่มต้นในนาทีนั้นเอง

     

     

     

    *

     

     

     

    “เกลียดมาก เกลียดที่สุด ชาตินี้ยังไงก็ไม่มีทางญาติดีด้วย”

     

    “คยองซูอ่า...”

     

    “เลิกแล้วเลิกเลย ขาดกัน หน้าก็จะไม่มีวันมอง”

     

    ลู่หานยกมืออุดหู หันหน้าหนีแถมให้คยองซูหัวเราะเสียงใส

     

    สองเพื่อนสนิทก้าวลงจากอาคารเรียน พากันเดินไปยังโรงอาหารของคณะที่บางตาเหลือเกินในยามสิบนาฬิกา พวกเขาซื้อกาแฟคนละแก้ว นั่งเล่นฆ่าเวลารอเรียนในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

     

    “ตกลงยังไง”

     

    “ก็ไม่ยังไง...”

     

    “นั่นสินะ” ริมฝีปากรูปหัวใจยิ้มกว้าง “เดินจับมือกันเข้ามาถึงคณะก็ชัดเจนพอละ”

     

    “ยังไม่ได้คบกันนะ แค่...กลับมาคุยกันดีๆ เฉยๆ”

     

    “แล้วรออะไร” คยองซูเลิกคิ้ว “เจอกันทีไรคนนึงก็ทำหน้าบึ้ง อีกคนก็ปากเสียใส่ ทั้งที่ผลัดกันแอบมองตลอดแท้ๆ”

     

    ลู่หานยิ้มแห้ง ก่อนร่างเล็กที่นอนซบแขนตัวเองจะลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันทีที่เห็นพยอนแบคฮยอนเดินเข้ามา

     

    “สวัสดีครับพี่”

     

    แบคฮยอนนั่งลงฝั่งคยองซู เด็กหนุ่มนักศึกษาปีหนึ่งบีบแก้มคนข้างกายแทนคำทักทาย

     

    “มีเรียนบ่ายนี่นา ทำไมมาเร็ว”

     

    “ไอ้ฮุนโทรตาม”

     

    “แล้วเซฮุนไปไหน”

     

    “พี่ปีสี่เรียกไปช่วยงานครับ สักพักคงตามมา”

     

    คยองซูพยักหน้ารับรู้ เหล่มองลู่หานที่ทำเป็นไม่ถามถึงแต่จ้องแบคฮยอนเขม็งระหว่างฟังคำตอบ

     

    บทสนทนาบนโต๊ะกลายเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ เสียงหัวเราะปกคลุมระหว่างพวกเขาทั้งสามคน นึกดีใจกับเพื่อนสนิทที่อาการประหม่าของคยองซูลดน้อยลง อีกไม่นานเพื่อนเขาคงไปไหนมาไหนกับพยอนแบคฮยอนสองคนได้สักที

     

     

     

    “ลู่หาน”

     

     

     

    นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ทั้งสามหยุดชะงัก พวกเขาหันตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องนิ่งงัน

     

     

     

    “ฮยองวอน”

     

     

     

    ริมฝีปากแชฮยองวอนไม่ติดรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนอย่างเคย ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ นัยน์ตาลุ่มลึกไร้อารมณ์ ตรงข้ามกับน้ำเสียงกดต่ำแฝงด้วยความโกรธจนคนถูกเรียกรู้สึกชัดเจน

     

    “มาคุยกันหน่อย”

     

    “ยังต้องคุยอะไร ก็บอกแล้ว

     

    “บอกแล้วว่าไม่เลิก! มานี่!!

     

    พยอนแบคฮยอนลุกพรวดทันทีที่ฮยองวอนคว้าแขนลู่หาน แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าใครบางคนที่โผล่เข้ามากระชากไหล่เด็กวิศวะอย่างรวดเร็ว

     

     

     

    “ถอย!

     

     

     

    “เซฮุน...”

     

    “มึง!

     

    เสียงทุ้มต่ำตวาดลั่น ฮยองวอนกัดฟันกรอด รอยช้ำบนใบหน้ายังไม่จางลงจนนึกแค้นไอ้เด็กปีหนึ่งตรงหน้าไม่หาย แต่เหล่านักศึกษาที่เริ่มพากันหันมองก็ทำให้เขาต้องข่มอารมณ์ไว้

     

    “กูจะคุยกับลู่หาน มึงอย่าเสือก”

     

    “อยากคุยกับลู่หาน?” คิ้วเข้มเลิกสูง ริมฝีปากหยักกดยิ้มร้าย “ได้สิ...”

     

    “.........”

     

    “แต่ต้องผ่านตีนกูก่อนว่ะ”

     

    “เซฮุน อย่า!

     

    ชายหนุ่มตัวโตทำท่าจะโผเข้าใส่กันอย่างไม่สนใจคนรอบข้างอีกต่อไป ซึ่งเมื่อเซฮุนเงื้อหมัดลู่หานก็ตรงเข้าแทรกกลางระหว่างแฟนเก่าทั้งสองคนทันที

     

    คนตัวเล็กหันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่มปีหนึ่ง ลู่หานสั่นศีรษะรัวๆ

     

    “อย่ามีเรื่องกัน”

     

    สาบานได้...

     

    ลู่หานเหมือนเห็นกองไฟในดวงตาเซฮุนด้วยซ้ำ

     

    “ถอย”

     

    “ไม่”

     

    “แล้วจะเอายังไง!

     

    “ฉันจะคุยกับเขา” บอกเสียงอ่อน “แค่แป๊บเดียว”

     

    “.........”

     

    “ครั้งสุดท้าย...นะ”

     

    น่าเสียดายที่ลู่หานไม่ได้คำตอบนั้น

     

    โอเซฮุนกระแทกลมหายใจ ก่อนหันหลังเดินจากไปทันที

     

     

     

    *

     

     

     

    เกือบสิบสองชั่วโมงแล้วที่โอเซฮุนหายไป

     

    พยอนแบคฮยอนบอกว่าเพื่อนตัวสูงไม่ได้เข้าเรียนคาบบ่าย โทรศัพท์มือถือติดต่อไม่ได้ ตั้งแต่สิบโมงเช้าจนกระทั่งตอนนี้ที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท

     

    นาฬิกาฝาริมผนังบอกเวลาสามทุ่มตรง

     

    ลู่หานที่สวมชุดนอนแต่ไร้ความง่วงงุนใดๆ ก้าวเดินวนไปวนมา ท้ายที่สุดเขาก็ทรุดหน้าตุ๊กตาคิตตี้ตัวโต ลู่หานมองมันนิ่งๆ แล้วทิ้งตัวใส่จนล้มลงบนเตียงกว้าง

     

    แค่กลับมาคุยกันดีๆ วันแรกก็พบปัญหาเสียแล้ว

     

    แต่ถึงอย่างนั้น...ความคิดจะปล่อยมืออีกครั้งก็ไม่มีในสมองเลย

     

    การปรับความเข้าใจอาจยาก หากย่อมง่ายกว่าการใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีกันและกัน

     

     

     

    Rrr - - Rrr - -

     

     

     

    “ว่าไงแบคฮยอน?”

     

    ( พี่ลู่หาน มาที่บ้านไอ้ฮุนได้ไหม )

     

    “เซฮุนอยู่บ้านเหรอ”

     

    ลู่หานดีดตัวลุกจากที่นอนราวกับติดสปริง มือเล็กแหวกผ้าม่านตรงระเบียงออกก็เห็นเงาคนเคลื่อนไหว

     

    ( ครับ มันนอนอยู่...แต่ยังไม่หลับหรอก )

     

    “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

     

    ( ก็นิดหน่อย...คือ... )

     

    “แบคฮยอน”

     

     

     

    ( เซฮุนมันโดนซ้อมครับพี่ )

     

     

     

    อาจเป็นการวิ่งที่เร็วที่สุดในชีวิตเขา

     

    ลู่หานไม่สนใจโทรศัพท์ที่ร่วงหล่นจากมือ ร่างเล็กตะโกนบอกแม่ว่าจะไปบ้านข้างๆ ก่อนออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจเต้นกระหน่ำ มือสองข้างสั่นไหว ชั่วระยะเวลาไม่กี่นาทีลู่หานก็กระชากเปิดประตูห้องนอนที่เคยคุ้น

     

    “เซฮุน!

     

    “อือ”

     

    “ท...ทำไม...”

     

    ร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเกลี้ยงเกลากลับปรากฏรอยแผลแตกและคราบเลือด ทั้งหางคิ้ว โหนกแก้ม กระทั่งมุมปาก

     

    “บอกแล้วว่าไม่ต้องตาม”

     

    เด็กหนุ่มเอ็ดเพื่อน หากพยอนแบคฮยอนกลับยักไหล่ “มึงไม่ยอมแดกยาสักที จะให้กูทำไง”

     

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครทำ”

     

    “.........”

     

    “ตอบสิ!

     

    “ไอ้เหี้ยแชฮยองวอน”

     

    ลู่หานชาไปทั้งกาย

     

    ทั้งที่ตกลงกันแล้วแท้ๆ

     

    ทั้งที่ยอมจบทุกอย่างด้วยดีแล้วแท้ๆ

     

    แต่พอลับหลังเขา ฮยองวอนกลับ...

     

    “มันหมาหมู่” แบคฮยอนว่า “ยกกันมาเป็นกลุ่มไปดักรอไอ้ฮุน ดีนะแม่งไม่เอาถึงตาย”

     

    “กูไม่จบแค่นี้แน่”

     

    เซฮุนย้ำเสียงเครียด เส้นเลือดข้างขมับปูดโปนอย่างน่ากลัว ฝ่ามือกำหมัดเข้าหากันแน่น ก่อนจะชะงักเมื่อลู่หานทรุดนั่งแล้วกอบกุมมือนั้น

     

    “อย่าเลย ไปแจ้งความก็ได้ แต่อย่าเอาคืนด้วยการใช้กำลัง

     

    “พี่ก็ห่วงแต่มัน!!

     

    เสียงทุ้มตวาดลั่น สถานการณ์ตึงเครียดทำให้แบคฮยอนถอนหายใจ ค่อยๆ สืบเท้าออกจากห้องนอนปล่อยให้อดีตคู่รักได้เคลียร์กันเงียบๆ

     

    “เมื่อเช้าพี่ก็เลือกมัน ปกป้องมัน จนถึงตอนนี้ก็ยังห่วงแต่มัน!

     

    “ไม่ใช่

     

    “รักมันมาก อาลัยอาวรณ์มันมากก็ไปหามันสิ นั่งอยู่ตรงนี้ทำไม!

     

    ลู่หานไม่ได้ตอบถ้อยคำร้ายกาจในทันที

     

    ดวงตากลมโตสะท้อนความผิดหวัง ทันทีที่หยดน้ำตาร่วงหล่นร่างเล็กก็ลุกออกจากเตียงนอนของคนที่นึกห่วงสุดหัวใจอย่างไม่ลังเล

     

     

     

    กึก

     

     

     

    “อย่าไป!

     

    มือบางแตะลูกบิดแค่เสี้ยววินาทีร่างสูงใหญ่ที่เอ่ยปากไล่ก็ตามมากอดไว้ทางด้านหลัง ลู่หานก้มหน้า กายบางสั่นไหวทั้งไร้เสียงสะอื้น

     

    “ขอโทษ ผมผิดเอง”

     

    “.........”

     

    “ผมรู้ว่าลู่หานเป็นห่วง แต่...”

     

    “ไม่ เซฮุนไม่รู้” ลู่หานสั่นศีรษะ “ไม่เคยรู้เลย...ไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง...”

     

    ฝ่ามือที่มีรอยช้ำพลิกกายบางให้หันมาหา นิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดหยดน้ำตาแผ่วเบา ยิ่งลู่หานเงยหน้าสบตา ประกายไหวระริกก็ยิ่งทำให้เซฮุนรู้สึกผิดทั้งใจ

     

    “รุ่นพี่คริส...ผมสีบลอนด์”

     

    “.........”

     

    “มินโฮ...ชอบกินช็อคโกแลตมากๆ”

     

    “.........”

     

    “ส่วนแชฮยองวอน...ฉันเจอเขาครั้งแรก...หน้าร้านเกมที่เซฮุนเคยชอบไป”

     

    “.........”

     

    “เซฮุนน่ะ...ไม่เคยรู้อะไรสักอย่างเลยด้วยซ้ำ”

     

    น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าของคนพูดรินไหลจนขอบตาคนฟังร้อนผ่าว เซฮุนสวมกอดลู่หานแน่น เขาซบหน้ากับกลุ่มผมนิ่ม หลับตาลงพลางพร่างพรูลมหายใจยาว

     

    เขามันคนโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ

     

    คนที่เขากล่าวหาว่า เปลี่ยนผู้ชายบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนชั้นใน หากชั้นในที่เขาปากเสียเปรียบเทียบนั่น...กลับมีส่วนหนึ่งที่เหมือนกับเขาทุกคน

     

    ลู่หานจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

     

    ถ้าไม่ใช่เพราะคนตัวเล็กไม่เคยลืมเขาได้...เช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจตัดใจลงแม้สักเสี้ยววินาที

     

    “เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งคงจะเจอใครสักคนที่เหมือนนาย...แต่...ก็ไม่เคย...”

     

    “ทำไมถึงยังอยากเจอผู้ชายไม่ได้เรื่องพรรค์นั้นอีก ลืมมันซะเถอะ”

     

    “เซฮุน...”

     

    “ลืมไอ้เซฮุนคนนั้นไป”

     

    “.........”

     

    “แล้วมองเซฮุนคนนี้”

     

    ริมฝีปากได้รูปแต้มจูบเปลือกตาบางทั้งสองข้าง

     

    “เซฮุนคนนี้ที่จะสัญญาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี...”

     

    “.........”

     

    “ถ้าลู่หานให้โอกาส ผมจะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุด”

     

    ร่างสูงกลืนน้ำลายช้าๆ มือสองข้างที่วางบนไหล่แคบสั่นไหวจนรุ่นพี่ตัวเล็กต้องแอบยิ้มทั้งน้ำตา

     

    ลู่หานมองหน้าเซฮุน รอฟังคนพูดไม่เก่งอย่างใจเย็น

     

     

     

    “กลับมาคบกันนะ กลับมาดูแลกันอีกครั้งนะครับ”

     

     

     

    “.........”

     

     

     

    “กลับมาหาคนที่ไม่เคยรักใครนอกจากลู่หานเถอะนะ”

     

     

     

    คำตอบคืออ้อมกอดกับจูบแสนหวานที่หลอมละลายโอเซฮุนได้ทั้งใจ

     

     

     

    *

     

     

     

    Epilogue

     

     

    บริเวณลานหน้าคณะนิเทศศาสตร์ในเย็นวันหนึ่ง ปรากฏภาพนักศึกษาต่างชั้นปีสี่คนที่มักอยู่ด้วยกันเสมอจนกลายเป็นภาพชินตา

     

    ร่างเล็กเจ้าของใบหน้าหวานนั่งท้าวคาง ฟังเพื่อนสนิทวางแผนไปเที่ยววันหยุดยาวกับแฟนสองคน (สักที)

     

    “อยากไปทะเล”

     

    “ปีนเขาดีกว่า”

     

    “ทะเลดีกว่า เนอะลู่หาน”

     

    ลู่หานยิ้มขำ ปล่อยให้คยองซูทะเลาะกับแบคฮยอนต่อ ร่างเล็กหันไปหาแฟนตัวโตที่กำลังวุ่นวายกับหนังสือการ์ตูนแทน

     

    มองได้สักพัก ปลายนิ้วก็สะกิดต้นแขนอีกคนเบาๆ

     

    “วันนี้วันอะไร”

     

    “...หืม?

     

    “วันนี้วันอะไร”

     

    “วันศุกร์”

     

    “โอเซฮุน”

     

    “.........”

     

    “นี่ ลืมเหรอ”

     

    เซฮุนหัวเราะ ความตั้งใจจะแกล้งล้มเหลวไปเป็นท่าเมื่อปากแดงเม้มแน่น ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์

     

    “วันครบรอบสามปีไง จำได้น่า”

     

    “แล้ว?

     

    “อะไร” ยื่นหน้าหล่อๆ เข้าใกล้ “จะฟังตรงนี้เลย?

     

    ลู่หานไม่ตอบ เพียงแค่แย่งหนังสือการ์ตูนในมือเซฮุนยัดใส่กระเป๋าตัวเองราวกับยึดเป็นตัวประกัน

     

    “ตัวแสบเอ้ย”

     

    “ว่าใคร”

     

    “ผมรักใครก็คนนั้น”

     

    “.........”

     

    “พี่ใช่คนที่ผมรักป่ะล่ะ”

     

    กระซิบถามสั้นๆ ผ่านท่าทางกวนประสาท หากแต่เรียกรอยยิ้มน่ารักเต็มสองแก้ม ลู่หานเอียงคอพิงไหล่เซฮุน พยักเพยิดไปทางแบคฮยอนกับคยองซูคล้ายจะอ้อนว่าอยากไปเที่ยวแบบคู่นั้นบ้าง

     

    มือใหญ่ลูบปลายคางมนเบาๆ อย่างรับรู้

     

    ตั้งแต่ได้กอดความรักเต็มสองแขนอีกครั้ง เซฮุนก็บอกตัวเองทุกเช้าที่ลืมตาตื่นว่า เขาจะใช้เวลาในทุกๆ วันเพื่อทำทุกอย่างเพื่อคนๆ นี้

     

    เพราะผู้ชายปากแข็งแบบเขามีความลับข้อหนึ่งที่ไม่เคยบอกลู่หานเลยสักครั้ง

     

     

     

    ถ้าลู่หานรักเขาจนตามหาความเป็นโอเซฮุนจากทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

     

    เหตุผลที่เขาตามกวนใจลู่หานจนไม่ยอมคบใครใหม่ ก็เพราะสองตาที่มีมันมองเห็นแค่ลู่หานคนเดียวเท่านั้นเช่นกัน

     


     

     

    END.

     

     

    เดินทางมาจนถึงตอนจบ แบบแฮปปี้เอนดิ้ง เย้ *จุดพลุ*

    อย่างที่เคยบอก เป็นครั้งแรกที่เราลองแต่งพล็อตแฟนเก่า ดีใจมากๆ ที่ทุกคนชอบเรื่องนี้ถึงขั้นอยากให้เป็นเรื่องยาว ฮา

    แล้วเจอกันใหม่ ถ้ามีโอกาสค่ะ ^^

    ขอบคุณทุกคอมเมนท์กับทุกแท็กเลยยยย

    #allweknowhh

     


    O W E N TM.

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×