ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #194 : Subject Two

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 66


    Subject Two
    Inspiration: Ito Junji: Frankenstein「フランケンジュタイン」 (Manga, 1994)
    Playlist: BUCK-TICK – Jukai 「樹海」 












    .

    ฮตตะ คาซึโนะ ตกหลุมรักอุกิโช ฮิดากะ นับตั้งแต่แรกพบ หรือก็คือหนึ่งปีก่อนที่เธอจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าแห่งนี้เพื่อจะได้เข้าไปเป็นรุ่นน้องที่เดียวกันกับเขา ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเรียนพิเศษที่แม่ไปถามหาจากลูกชายเพื่อนให้เป็นธุระเคี่ยวเข็ญ สร้างความขุ่นข้องใจให้ลูกสาวที่ใช่ว่าเป็นเด็กหัวทึบโง่เง่าไม่เอาไหน คาซึโนะก็แค่เกลียดการเรียนที่น่าเบื่อหน่ายในรั้วโรงเรียนจนมีปากเสียงทะเลาะกับแม่เสียใหญ่โตกว่าครึ่งค่อนคืน ถึงแม้ว่าเธอจะหาเรื่องทะเลาะกับคนที่บ้านเป็นปกติอยู่แล้วก็ตาม ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาดูดีเกินกว่าใครที่คาซึโนะได้เคยพบเจอมาทั้งชีวิตในผมสีเทาจนเกือบขาวซึ่งช่วยขับรอยยิ้มกว้างให้สว่างไสวของเขาซึ่งนั่งรออยู่กับแม่บนโซฟาในห้องรับแขก เธอก็คล้ายกับว่าจะไม่หลงเหลือความเกลียดชังให้กับโลกใบนี้อีกต่อไป เวลาสองชั่วโมงทุกเย็นวันพุธและศุกร์คือสิ่งที่เด็กสาวตั้งตารอ คำพูดใดๆ ของเขาก็ล้วนแล้วแต่มีเวทมนตร์ดลใจ แค่เขาบอกว่า “คาซึโนะจังต้องทำได้!” เธอก็แน่ใจเลยว่าตัวเองต้องทำได้ ถึงแม้ว่าหัวสมองของเธอจะไม่ได้ดีพอที่จะเข้าศึกษาคณะยากๆ อย่างนิติศาสตร์เหมือนเขา แต่อย่างน้อยๆ คณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาวรรณคดีอังกฤษก็ไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

    แม้หลังสิ้นสุดฐานะของลูกศิษย์กับอาจารย์สอนพิเศษแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้ห่างเหินกันเลย เมื่อคาซึโนะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นด้วยการย้ายออกจากบ้านมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ในละแวกเดียวกัน บ้างบางครั้งที่บังเอิญเจอกันระหว่างเส้นทาง หรือถ้าใครคนใดคนหนึ่งว่าง ก็จะชวนกันไปเดินเล่น กินข้าว ช้อปปิ้ง ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ นานา มีบ่อยครั้งที่คาซึโนะจะหาข้ออ้างกับฮิดากะที่เก่งไปซะทุกเรื่องให้ช่วยติวหนังสือหรือสอบทานถึงวรรณกรรมต่างประเทศตามภาควิชาของเธอ ที่ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่เคยผ่านตาเขามาด้วยกันทั้งสิ้น

    ความสัมพันธ์ของเธอกับฮิดากะเคยเป็นไปด้วยดีในแบบนั้น จวบกระทั่งการมาถึงของอดีตเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้นที่ก็ใช่ว่าเคยสนิทสนมอะไรกันอย่างอาโซ คานาโกะ เด็กสาวหน้าตาน่ารัก ร่าเริง หัวดี เป็นลูกรักของครู เป็นที่รักของเพื่อน ไหนจะฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมากชนิดที่แตกต่างจากเธอลิบโลกราวฟ้ากับเหว แต่คงเป็นเพราะการได้เจอคนรู้จักที่คุ้นหน้า ทำให้หล่อนปรี่เข้ามาทักทายเธอกับฮิดากะที่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับวรรณกรรม เรื่องวิปลาสของด็อกเตอร์จีคอลกับมิสเตอร์ไฮด์หลังจากโรงภาพยนตร์นำหนังฉบับปี 1941 กลับมาฉายใหม่เมื่อวานด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น นอกจากส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นกับการแต่งหน้าแต่งตัวที่สวยเฉี่ยวผิดแผกไปจากสมัยเรียนแล้ว ทุกอย่างของคานาโกะก็ยังคงไม่ผิดแผกไปจากเด็กสาวเพื่อนร่วมห้องที่คาซึโนะจำจดได้เลยแม้แต่น้อย

    และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่คาซึโนะได้รับรู้ว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่เธอจะสามารถทำได้ อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่สามารถแทรกกลางคนทั้งสองที่ข้ามขั้นไปถึงการวิเคราะห์วรรณกรรมและภาพยนตร์อย่างชาญฉลาดได้ ทั้งที่คานาโกะศึกษาอยู่ภาควิชาศาสนศาสตร์แท้ๆ (คาซึโนะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหล่อนเป็นคริสเตียน)

    แต่นั่นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน ก็ใช่ว่ามีใครกีดกันบุคคลที่สาม สี่ หรือห้า เมื่อพวกเขาก็ยังคงชักชวนเธอให้เข้าไปรวมกลุ่มสนทนาด้วยในตอนที่เจอหน้าหรือว่าสวนทางกันในมหาวิทยาลัย หากเป็นคาซึโนะเองต่างหากที่พยายามหาข้ออ้างปัดปฏิเสธต่างๆ นานา เธอไม่อยากรู้สึกเป็นส่วนเกินจากความโง่เขลาให้ได้ยิ่งตอกย้ำตัวเอง แม้หัวใจจะรู้สึกเจ็บปวดจนกลับมานอนร้องไห้ตลอดทั้งคืน เมื่อได้ตระหนักว่าเธอไม่มีทางสุขสมหวังกับชายผู้เป็นที่รัก...ชายที่เธอไม่ควรคู่

    หลังผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน พร้อมกับความคิดแน่วแน่ที่ใคร่ครวญมาเป็นอย่างดี ในที่สุดคาซึโนะก็ตัดสินใจว่าจะสารภาพความนัยออกไปให้เขาได้รับรู้ เพื่อที่จะได้ตัดใจจากความรักที่ไม่มีทางเป็นจริงไปได้ให้เด็ดขาดไปตลอดกาล มันจึงเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายใดๆ ที่เมื่อเธอสารภาพรักออกไปอย่างเรียบง่ายเพียงแค่ว่า “ฉันชอบรุ่นพี่ฮิดากะ” กระนั้นก็ต้องใช้ความกล้ามากกว่าการกระทำอื่นใดในชีวิตเสียจนคาซึโนะไม่อาจควบคุมน้ำเสียงและแววตาไม่ให้สั่นระริกไหว ระหว่างที่ไปดักรอเขาอยู่หน้าอาคารห้องสมุดตอนเย็นย่ำที่ผู้คนเริ่มจะบางตา ฮิดากะก็ไม่ได้เสียเวลาแม้สักวินาทีเดียวในการเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มไปเป็นความประหลาดใจ หนักใจ หรืออะไรก็ตามแต่ในแง่ลบอย่างที่คาซึโนะคิดว่าจะได้รับมัน

    เขาตอบรับคำสารภาพด้วยคำขอบคุณ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้เธอตกหลุมรัก พร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นในระยะที่ใกล้ชิดที่สุดและแนบแน่นที่สุดให้เธอได้มั่นใจ

    ก่อนความสุขเพียงชั่วยามจะแตกกระจาย แทนที่ด้วยหัวใจอันแหลกสลาย ในตอนที่เขาได้รับสายทางไกลจากแม่ แจ้งข่าวเรื่องการตายของพี่สาวที่ถูกรถชนเสียชีวิตระหว่างทางกลับบ้าน ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้เพราะเป็นเหตุชนแล้วหนี คืนนั้นเขาตัดสินใจขับรถกลับบ้านเกิดที่ไอจิ และอาจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกันมาที่ฮิดากะปฏิเสธคำขอของคาซึโนะด้วยการไม่ยอมให้เธอไปด้วยกัน แม้จะเป็นกังวลกับสีหน้าเคร่งเครียดที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนมากแค่ไหน คาซึโนะก็ทำได้แค่เฝ้ารอคอย นอนหลับๆ ตื่นๆ โดยไม่มีการติดต่อจากเขาตลอดทั้งคืน...หรือจะเป็นในอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ที่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อหาเขากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับ จนเธอถอดใจแม้แต่การฝากข้อความเสียง

     

    ขณะที่เดินลัดเลาะผ่านอาคารเพื่อไปถามที่อยู่ของเขาจากห้องทะเบียน ความที่มัวแต่จดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง ทำให้คาซึโนะไม่ทันได้สนใจคนที่เดินเลี้ยวออกมาจากตรงหัวมุม ใบหน้าของเธอไม่ทันได้กระแทกเข้ากับแผ่นอกของชายผู้นั้น เพราะมือที่เอื้อมมาจับไหล่ข้างหนึ่งของเธอไว้เหมือนกับเบรก

    คำขอโทษที่หลุดรอดออกมาพลันถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจในวินาทีที่คาซึโนะเงยมองขึ้นไป แล้วเห็นเป็นเพื่อนร่วมภาควิชาที่ใช้คำว่าแทบไม่รู้จักกันได้เลยเพราะไม่เคยพูดคุยกันสักประโยค ถึงอย่างนั้นคาซึโนะก็รู้จักชื่อของเขา เหมือนที่เขาสวนย้อนคืนมาด้วยนามสกุลของเธอเฉกเช่นกัน

    “คุณนาสุ”

    “คุณฮตตะ”

    ก่อนคาซึโนะจะได้ยินเสียงเรียกชื่อต้นของตนและคนตรงหน้าทั้ง “ยูโตะ! คาซึโนะ!” ราวกับการช่วยต่อประโยคให้สมบูรณ์ ที่เมื่อเจ้าตัวหันหลังกลับไปมองหลังน้ำหนักบนไหล่ที่ถูกปล่อยจาก คาซึโนะก็จะได้เห็นคานาโกะกำลังโบกมือเหยงๆ ให้ เธอกำลังจะอ้าปากตอบรับอยู่แล้วถ้าไม่ได้เห็นชายคนที่เคียงข้างหล่อนมาด้วยกัน สีหน้าของฮิดากะกลับไปยิ้มแย้มเป็นปกติ เอ่ยทักทายเธอด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำที่เป็นปกติ เหมือนกับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลไม่ว่าจะดีร้ายเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา หรือแม้แต่กับคานาโกะที่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้เพียงนิด ราวกับว่ามันคือความฝัน หรือไม่คาซึโนะก็อาจแปลความหมายของอ้อมกอดจากเขาผิดไป มันอาจไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าความรู้สึกขอบคุณอย่างคำว่าของเขาจริงๆ การได้เห็นเขากับคานาโกะอยู่ด้วยกันเหมือนที่เป็นมาจะทำให้ความไม่พอใจแล่นริ้วขึ้นมา กระนั้นคาซึโนะก็ยังพยายามรักษาสีหน้าราบเรียบเช่นเดิมไว้ แม้ในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงตัวเธอและเพื่อนร่วมภาควิชา ก่อนคานาโกะจะเปลี่ยนเป้าหมายไปดึงท่อนแขนของชายหนุ่มอีกคนในที่นี้แทน

    “พวกเราก็ไปกันเถอะยูโตะ! อย่าอยู่เป็นกขค.เลย”

    คาซึโนะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองไปรู้จักถึงขั้นสนิทสนมกันตอนไหน แต่เธอในเวลานี้ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเรื่องอื่นใด กระทั่งคำหยอกล้อและนัยน์ตาที่หลิ่วให้เป็นนัยของคานาโกะอย่างคนรู้ทัน ก็ไม่อาจเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าจากศีรษะที่กดก้มลงไปเป็นเชิงบอกลาให้คนทั้งคู่ได้เลย

    “ฉันโทร.ไปหารุ่นพี่ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ฝากข้อความตั้งไม่รู้กี่หน แต่รุ่นพี่ก็ไม่เคยโทร.กลับมาเลย!

    แต่เธอรู้ว่าควรจะถามไถ่ถึงเรื่องพี่สาวของเขา กระนั้นสิ่งที่เลื่อนไหลออกไปคือสิ่งแรกที่เธอนึกคิดจนกลั่นกลายมาเป็นการตัดพ้อ ไม่ปิดบังน้ำเสียงประชดประชันเป็นครั้งแรกกับคนข้างกายไปว่า “แล้วรุ่นพี่กลับมาเมื่อไหร่ทำไมฉัน...” — ที่เป็นคนรัก คาซึโนะคิดว่าจะพูดแบบนั้น หากก็ตัดสินใจเก็บกลืนมันกลับลงคอไปด้วยความไม่แน่ใจในอะไรอีกต่อไปแล้ว “ถึงไม่รู้ แต่เป็นคานาโกะที่รู้?”

    ทว่าฮิดากะกลับเพิกเฉยไม่ยอมตอบทั้งสองคำถามนั้นแล้วเข้ามาโอบกอดเธอไว้กับถ้อยประโยคที่เอ่ยต่อ แค่เพียงเท่านั้น ความคิดในแง่ร้ายทั้งหมดของคาซึโนะก็จะปลิวหายไปโดยสิ้นเชิง

    “มาอยู่ด้วยกันนะคาซึโนะ”

    ที่เธอไม่แม้แต่จะนึกเคลือบแคลงสงสัยในเจตนาของเขาเลย ยามตอบรับคำขอที่เหมือนฝันไป












    2023年10月26日
    _______________
     เพราะนี่คือฟิคเรื่องแรกที่ทำให้เราเริ่มต้นฟังวงนี้ จึงตัดสินใจเอามาลงเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณอัตสึชิที่เสียไปในวันที่ 19 ที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับการเป็นหนึ่งในวงบุกเบิกเจร็อควิชวลเคย์และเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
     เอาลงครั้งแรกวันที่ 1 กุมภา 21 เพราะฝันถึงอาเบะจัง ที่ก็บังเอิญว่าไม่กี่วันก่อนกูก็ฝันถึงอาเบะจังกับมุไคเพราะเสพข่าวตอนเค้ามาถ่ายโซเระสุโนที่ไทยพอดี ว้าวนะ บังเอิญมาก กูก็แอบแฟรงเกนสไตน์ก่อนกาลนะ แต่ไม่มีต่อแล้วจ้าเพราะลืมหมดแล้ว ไม่ใช่แนวที่กูจะแต่งหรือว่าแต่งได้โตยบ่ะ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ ตอนนั้นกูเลือกคณะทั้งหมดมาจากม.โซเฟียของอาเบะจัง (เฮ้ย! กูไปเสิร์ชมาเมื่อกี้ถึงรำลึกได้ว่าอาเบะจังเรียนคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์! แล้วเครื่องบินกระดาษสองชั้นมันคืออะไรวะ!) ที่ตอนนั้นทำไมกูเลือกนิติก็ไม่รู้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า...อุกิโชเรียนนิติจริง! เย้ดแม่ม! สาบานว่าเลือกคนนี้ก่อนกูแปลงชื่ออีก อู๊ยย ขนลุก ส่วนนาสุเรียนรัฐศาสตร์จ้าา จริงๆ บทเดิมต้องเดิ้งเลยนะเพราะเป็นเมกุโระ ตอนแรกจะเป็นไทโชแหละแต่ก็คิดว่าควิซคลับๆ! จะเอาควิซคลับ! เลยเลือกอุกินาสึไปเลยให้มันจบๆ ส่วนคอนเส้ปโปสกูก็เป็นสีน้ำเงินมาตั้งแต่เวอร์ต้นฉบับแล้ว ไม่ใช่สีเหลือง บ่ T_T
     สมัยนั้นกูบอกว่าแต่งเรื่องนี้เพราะอยากเล่นกับความเชื่อและการทดลอง และเพราะแฟรงเกนสไตน์ขัดต่อศาสนาเลยให้อีกสองคนเรียนสาขานี้ ที่คนศรัทธาเงียบอย่างกูจะไปแต่งได้อย่างใดบ่ะ ไม่ใช่มึงนะที่ต้องตกนรกเพราะไฟบาป >_< สมัยนั้นกูน่าจะเพิ่งซื้อหนังสือมิสเตอร์ไฮด์มาอ่านด้วยเลยอิน (แปลดีมากกกกกๆๆๆ ว่าแต่ตอนนี้หนังสือมันหายไปไหนนิ) เนี่ยอีดอก แต่ฟีลกูแอบบอกใบ้เหมือนในเรื่องสแนทเชอร์ไหมว่าอุกิอาจทดลองจนเป็นบ้าแล้วมีสองบุคลิก (ไม่ใช่หรอก) / และอีกเรื่องบังเอิญอย่างเช่นว่าเมื่อสองวันกูเพิ่งขุดเรื่องมนุษย์ชิ้นส่วนของจินตวีร์มาอ่าน เป็นเรื่องแนววิทย์ของการตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์กับพืช แล้วในเรื่องก็มีพูดถึงแฟรงเกนสไตน์ (ไม่ใช่รีเบคกาละนะ) เพราะสัตว์ประหลาดในเรื่องคือการนำชิ้นส่วนมาประกอบกัน
     พล็อตต่อจากนี้เท่าที่กูจำได้คือพอย้ายไปอยู่ด้วยกัน แล้วคาซึโนะก็จะเริ่มเอะใจแปลกๆ ว่าทำไมแฟนตัวเองดูหมกมุ่นกับอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็จะได้รู้ว่าอุกิโชจะฟื้นคืนชีพให้พี่สาวด้วยการฆ่าคนเอาชิ้นส่วนมา แต่ยังไงต่อกูก็จำไม่ได้แล้วว่ะ อุกิชวนนางเอกมาอยู่ด้วยทำไมไม่รู้ คานาโกะกับยูโตะมีบทบาทยังไงต่อก็ไม่รู้ แต่เอาเท่าที่กูจำได้ลางๆ แบบล๊างลางเลยนะคืออุกิโชอ่ะมีสองบุคลิกจริง และไม่ได้รักพี่ในแง่ชู้สาวจริงๆ แค่ว่ารักมากเพราะเป็นครอบครัวเดียวกันที่มีกันแค่นี้เลยรักมากกว่าแฟนตัวเอง ยอมสละแฟนตัวเองเพื่อพี่สาวได้ ทำนองนี้ แต่นอกนั้นก็จำอะไรไม่ได้สักอย่าง / เพิ่งจำได้ตอนอ่านทอล์คเก่าว่ากูเอาชื่อเรื่องมาจากหนังปี 2006 ที่ก็คารวะให้แฟรงเกนสไตน์ แต่ดูหน้าหนังแล้วก็คิดว่าไม่น่าว่ะมึง สวัสดี
            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×