คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : ANEMOIA CHAPTER 4: A Cuckoo Clock (I)
นับตั้งแต่วินาทีที่ฟุคุโมโตะ ไทเซย์แหงนเงยใบหน้าขึ้นขณะกำลังจัดเรียงของที่เชลฟ์ด้านล่างไปหาเธอที่ก้มลงมาถามว่าซีเรียลเคลือบน้ำตาลจะมีมาเติมไหม ด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มที่หยดย้อยยิ่งกว่าน้ำตาลรสหวานที่สุดในโลกใดๆ ขับใบหน้าขาวกระจ่างและเรือนผมสีน้ำตาลทองสว่างประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้ากว่าหน้าร้อนไหน ซึ่งอาจแผดเผาเขาจนตายได้เลยในตอนที่หยิบซีเรียลออกมาให้เธอที่จะกกกอดมันไว้แนบอก อย่างที่เขาอยากจะเป็นฝ่ายกกกอดเธอมากกว่านั้นเองมากกว่า ถึงเรื่องเดียวที่น่าหงุดหงิดใจเป็นบ้าจะเป็นไอ้หนุ่มรูปหล่อหน้าตาดี กับส่วนสูงที่ชะลูดเสียจนเธอที่เดินหัวร่อต่อกระซิกด้วยความเริงร่าไปด้วยกันจะยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก กระนั้นมันก็คือส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบเมื่ออยู่เคียงกัน เพราะพวกลูกเศรษฐีย่อมเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรอกหรือ ไทเซย์รู้ได้จากแฟชั่นเสื้อผ้าฉูดฉาดพะยี่ห้อตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายคนนั้น ไหนจะสายตาริษยาของสาวแคชเชียร์ที่พล่ามพูดเรื่องแบรนด์เนมผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอคนนั้นให้เขาฟังไม่ได้หยุดหย่อน
อย่างไรก็ตาม เธอคนนั้นก็ได้ทำให้หัวใจที่เคยหยุดนิ่งเสียจนเขาคิดว่ามันด้านชาลงไปกลับมาเต้นรัวแรงได้อีกครั้ง มากเสียจนแทบจะกระเด้งกระดอนออกมานอกอก เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งไทเซย์เคยรู้สึกต่อเพื่อนร่วมงานที่ชื่อโรมิ ซูซูกิ — หญิงสาวที่ไทเซย์เคยตกหลุมรักอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิต หากก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความเคืองแค้นได้เทียมเท่ากันยามถูกเหยียบย่ำทำลายหัวใจและศักดิ์ศรีซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น ทั้งที่หล่อนก็อยู่ในระดับล่างไม่ได้ต่างจากเขาเลยสักนิดแล้วยังมีหน้ามาถือดี ความตายจากการถูกทิ่มแทงด้วยคมมีดเหมือนกับที่เขาต้องทนปากตะไกรของหล่อนทิ่มแทงมานานพอยังสาสมน้อยไปเลยด้วยซ้ำ แต่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว และไทเซย์ก็ไม่ได้ให้ค่าความสนใจต่อเรื่องราวของโรมิที่เขาเป็นคนฆ่าเองกับมืออีก
หากเธอคนนั้นก็ได้ช่วยเรียกคืนชิ้นส่วนความทรงจำและช่วงเวลาเหล่านั้นให้หวนกลับคืนมา และไทเซย์ก็หมายถึงความรักจะเป็นจะตาย ที่แค่เพียงนึกจินตนาการถึงใบหน้าและน้ำเสียงสดใสของเธอก็ทำให้เนื้อตัวของเขาสั่นสะท้านแทบตายได้เลย จนต้องหลบไปนั่งคุดคู้กอดเข่าตัวเองในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกดกลั้น ด้วยความรู้สึกที่แทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
ที่เขาไม่จำเป็นต้องกดกลั้นมันไว้อีกต่อไปในตอนที่หล่อนเคาะประตูห้องเรียกเขาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นหลังจากโทร.หา ผมของหล่อนเป็นสีเข้มจัดและส้นสูงแค่สองนิ้วก็ทำให้ส่วนสูงเทียมเท่ากับเขาได้เลยโดยไม่ต้องแหงนเงยมอง เสื้อผ้าที่ห่มคลุมก็ราคาถูกถึงจะไม่ปฏิเสธว่ารสนิยมของหล่อนดีพอที่จะไม่ทำให้มันออกมาดูไร้ราคา แม้แต่ใบหน้าที่แต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะอยู่เสมอก็สะสวยพอที่จะดึงดูดทั้งคนหนุ่มคนแก่ที่หล่อนจะแสร้งยิ้มแย้มหยอกเย้าอย่างมีจริตแล้วเอามาหัวเราะเยาะลับหลังกับเพื่อนร่วมงานว่ามีแต่พวกน่าขยะแขยงได้ ทั้งหมดเหล่านั้นก็ชัดเจนแล้วว่าสาวแคชเชียร์ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา...และโรมิ...อย่างอลิกิ ยานากะไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับคุณหนูที่อยู่ในใจเขาไม่วางวายผู้นั้น
ลิปสติกของหล่อนรสชาติฝืดเฝื่อนเป็นบ้าจนไทเซย์ที่ผละออกต้องใช้นิ้วโป้งเช็ดมันทิ้งให้หมดโดยไม่สนใจเสียงหวีดร้องของอลิกิที่ด่าว่าเขาทำบ้าอะไร ใบหน้าขาวของหล่อนเปรอะไปด้วยสีแดงของสารเคมีสังเคราะห์ที่ถูกละเลง แต่บนริมฝีปากของหล่อนกลับมาเป็นธรรมชาติอย่างที่เขาคิดว่าเธอคนนั้นน่าจะเป็น มันน่ารำคาญนิดหน่อยที่หล่อนตอบโต้กลับมาด้วยความชำนาญอย่างที่เธอคนนั้นไม่มีวันเป็น แต่ไทเซย์ก็ไม่อยากเสียเวลากลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่เพราะความรู้สึกอึดอัดจากสิ่งที่คับแน่นอยู่ในกางเกงที่ก็แทบจะทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
ไทเซย์ยอมเสียเวลาแค่รูดซิปกางเกงของตัวเองและดึงชั้นในออกจากกระโปรงยีนตัวสั้นของหล่อน ไม่มีการโลมเล้ามากไปกว่านั้น แต่เขาก็รู้ว่าแค่จูบแลกลิ้นและมือที่เข้าไปลูบไล้สัมผัสกับผิวหนังใต้ร่มผ้าก็ทำให้หล่อนแฉะได้แล้ว กระนั้นก็เป็นอีกครั้งที่อลิกิจะหวีดร้องออกมากับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาเป็นชายหนุ่มประเภทเร่าร้อนแต่ไม่เคยถึงขนาดรีบร้อนแบบนี้ต่อให้จะเป็นเซ็กซ์นอกสถานที่ที่รวดเร็วแค่ไหน หากการรุกล้ำเข้ามาในคราวเดียวและกระแทกกระทั้นไม่หยุดยั้งก็ทำให้เธอ...และเขา...เสร็จได้ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นจนเหมือนกับการระเบิด ขนาดที่อลิกิต้องโผเข้ากอดรัดเขาที่ก็กกกอดเธอไว้อย่างแนบแน่นยาวนาน จนถึงช่วงสุดท้ายที่ทำให้หล่อนคิดว่าอาจจะถูกร่างกายที่แข็งแรงนั้นบีบรัดกระดูกให้ป่นปี้เป็นผุยผงจนตายไปเลยก็ได้
หรือไม่เขาก็อาจจะทำแบบนั้นจริง ในตอนที่ดันร่างกายท่อนบนออกห่างหากไม่ยอมถอนตัวตนออกตาม แล้วก้มลงมาปิดปากหล่อนที่ยังคงราบคาบอยู่ใต้ร่างบนพื้นพรมในห้องนั่งเล่นนั้น หนนี้อลิกิคล้ายว่าจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงในการตอบรับแล้วปล่อยให้เขาเสาะสำรวจด้วยลิ้นที่รุกไล่ คำว่า “เด็กดี” ที่เขาเอ่ยเสียงพร่าเมื่อหยุดแล้วเปลี่ยนไปกดแนบริมฝีปากที่ลำคอ ก่อนเขยิบต่ำลงไปเป็นปลายลิ้นที่หน้าอกซึ่งจะทำให้หัวใจสูบฉีดของอลิกิพลุ่งพล่านไปด้วยแรงอารมณ์ ปลายเล็บที่เกาะเกี่ยวหาหลักยึดบนแผ่นหลังสีขาวจัดของเขาจะทิ้งรอยข่วนเอาไว้เหมือนกับครั้งก่อนๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน หากก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่การได้หลับนอนกับเขาจะทำให้อลิกิทั้งสุขสมระคนไปกับความทรมานได้เช่นนี้ สิ่งที่อยู่ในร่างกายของหล่อนกลับมาขยายขึ้นอีกครั้ง หากมันก็ไม่ได้ช่วยเติมเต็มเมื่อเขาไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว ทั้งยังหยุดการเคลื่อนไหวของหล่อนที่พยายามเป็นฝ่ายเริ่มด้วยมือทั้งสองข้างที่เอื้อมมือมากอบกุมลำคอ
กระทั่งเขาได้เห็นมือที่ปาดป่ายไปมาเพื่อหาหลักยึดหากก็เอื้อมมาไม่ถึงเขา ใบหน้าบิดเบี้ยวที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำด้วยน้ำตาที่ไหลหยดลงจากหางตา การได้เห็นสภาพของหล่อนที่ไร้ทางสู้ได้ทำให้ความหฤหรรษ์ของเขาพลุ่งพล่านจนถึงขีดสุดเหมือนกับวินาทีที่ปลายมีดทิ่มแทงลงไปบนเนื้อหนังของผู้หญิงที่เขาเคยรักตั้งมากมายคนนั้น ขณะที่ไทเซย์เริ่มต้นทิ่มแทงผู้หญิงที่รักเขาตั้งมากมายคนนี้ด้วยความรุนแรงที่เบื้องล่าง มันบีบรัดชัดเจนและความร้อนผ่าวก็ทำให้ไทเซย์รู้ได้ว่าหล่อนเองก็เสร็จจากท่วงท่านี้ เขาปล่อยมือจากให้หล่อนได้ปล่อยเสียงไอค่อกแค่กและกอบโกยเอาอากาศหายใจทั้งหมดที่มีเข้าไป เหมือนกับที่เขาจะปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในตัวหล่อนหลังจากจังหวะความเร็วสุดท้ายกับเสียงครางต่ำของเขา
เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่ทำให้เขาซึ่งทิ้งตัวลงไปบนพื้นข้างกันกับหล่อนหลับสนิทได้ในทันที
แสงจากหลอดไฟติดเพดานซึ่งลอดผ่านดวงตาที่กำลังจะลืมตื่นถูกบดบังด้วยเงาร่างของใครบางคนที่กำลังก้มหน้ามองดูเขาซึ่งนอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบด้วยความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความสับสน เพียงได้เห็นใบหน้าที่ค่อยๆ ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนของหญิงสาวคนที่เขาเฝ้าฝันมานับแต่วินาทีแรกในดวงตาก็จะทำให้ไทเซย์รีบผุดลุกขึ้นนั่ง ครั้นเหลียวมองไปรอบตัวจึงได้รู้ว่ามันคือห้างสรรพสินค้าเดียวกับที่เขาทำงานอยู่ — กับที่โรมิเคยได้มาเยือนในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต — เหมือนกับที่ตัวเขาเองก็อยู่ในชุดเครื่องแบบที่คงจะดูน่าขันมากเมื่อเทียบกับชุดกระโปรงแขนตุ๊กตาสีขาวที่เป็นแบรนด์เนมหัวจรดเท้าของเธอที่ถอยกลับไปยืนตัวตรง ไพล่มือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เปล่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมากับทีท่าของเขา
“คุณไม่ใช่มิสเตอร์แซนด์แมนสักหน่อย” ตรงกันข้ามกับไทเซย์ที่ได้แต่จ้องตอบเธอด้วยสีหน้างุนงง กระนั้นเธอก็หาได้สนใจเมื่อเอ่ยต่อไปว่า “คุณไม่เห็นนำพาฝันดีมาให้ใครเลย”
“ความฝันเหรอ?”
หัวใจของไทเซย์เต้นรัวแรงขึ้นกว่าเดิมเมื่อตระหนักได้ว่าการโต้ตอบระหว่างเธอคือ ‘ความฝัน’ เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้กำหนด แม้ว่าครั้งครานี้อาจจะยังไม่ใช่ แต่ตราบเท่าที่ความฝันดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่เขายังมี...สิ่งนั้น อีกไม่ช้าเขาก็จะสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ดั่งใจ
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอจะยอกย้อนกลับมาด้วยคำถาม กลั้วไปกับเสียงหัวเราะขบขันเสียเต็มประดาราวกับอ่านใจเขาออกว่า
“เรื่องนั้นคุณแน่ใจแล้วเหรอ?”
ความคิดของไทเซย์เตลิดทั้งจากสีหน้า น้ำเสียง และทุกอย่างที่ประกอบรวมกันเป็นเธอเบื้องหน้าในยามนี้ คนที่อีกไม่นานจะต้องมาสยบอยู่ใต้ร่างเมื่อเขาไล่จับเธอได้ในที่สุด ไม่ว่าเธอที่อยู่ในความฝันของเขาคนนี้จะเป็นใครก็ตาม
“เธอหนีฉันไม่พ้นอยู่แล้ว”
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะหนีสักหน่อย” ไม่ว่าเปล่า เธอยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนไทเซย์รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนของลมหายใจที่รดบนใบหน้า “แต่คุณล่ะ คิดว่าจะหนีสัตว์ประหลาดของฉันพ้นไหม?”
พลันนั้นเองที่ไทเซย์จะได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกลๆ ราวกับเสียงครวญครางด้วยความทรมานที่แผดดังขึ้นเรื่อยๆ บาดลึกเสียดแทงเข้าไปข้างในโสตประสาทให้เขาต้องยกมือทั้งสองขึ้นปิด กระนั้นสิ่งมีชีวิตเดียวในระยะสายตาที่เขาได้มองเห็นก็คือเธอที่ผละห่างออกไปและยืนยิ้มอยู่กับที่เช่นเดิมราวกับไม่รู้สึกรู้สา ทว่าในตอนที่ไทเซย์พยายามจะเอื้อมมือออกไปเพื่อไขว่คว้า ร่างของเขาก็กลับล้มคะมำไปข้างหน้า แล้วเมื่อนั้นไทเซย์จะก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อกาฬที่ไหลท่วมตัว เฉกเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นรัวแรงอย่างบ้าคลั่ง จนเขาต้องนอนคู้ตัวเพื่อกดกลั้นความเจ็บปวดของอวัยวะที่อาจจะระเบิดอยู่ข้างใน หากก็แลกมาด้วยความพึงพอใจที่เธอคนนั้นทำให้เขาสั่นสะท้านขึ้นมาอีกจนได้
_______________
_______________
ความคิดเห็น