คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 21 : จดหมายฉบับที่ 7 ของ เราสองคน (อมยิ้ม)
“ไอ้ฮั่น! ทำไมแกไม่บอกฉันวะว่ายัยเด็กแสบนั่นมันมานอนค้างที่ห้องน้องแกง”
“บอกแก...แล้วแกจะทำอะไรได้วะ” ฮั่นว่าพลางเปิดฝาหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดปุด ๆ ควันสีขาวที่ลอยออกมา เรียกมืออีกข้างของชายหนุ่มให้หยิบใบเตยที่เขาล้างสะอาดแล้วใส่ลงไปในหม้อข้าวต้มกุ๊ยสีขาวสวย
ใบเตยเมื่อโดนความร้อนก็ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมา
“อ๊ายยยยยย ฉันก็จะไปนอนที่ห้องน้องแกงมั่งน่ะสิ! ชิ...ทำไมแกงน้อยถึงปล่อยให้ยัยเด็กนั่นไปค้างที่ห้องได้วะ สนิทกันขนาดนั้นเลยหรอ” จ๋าถามก่อนจะหยิบไข่ที่วางในถาดมาตีลงถ้วย แต่...เปลือกไข่ที่หล่นไปพร้อมกับเนื้อไข่ ทำให้จ๋ารีบเทไข่ในถ้วยนั้นลงถังขยะอย่างรวดเร็ว
อ๋าย...ไอ้ฮั่นเห็นเปล่าวะ...
ป๊อก!
มะเหงกที่เขกลงกลางหน้าผาก ทำให้จ๋ารู้ว่า...เมื่อสักครู่นี้ที่เธอตีไข่ลงไปพร้อมเปลือกนั้นฮั่นเห็น!
“แค่ตีไข่แกยังตีไม่ได้เลยไอ้จ๋า แล้วจะไปหาแฟน โถ๊!!!! ส่วนเรื่องแกงเนี่ย...เห็นว่าสนิทกับกวางมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนมหาลัยน่ะ สนิทกันมาก นอนอยู่ห้องเดียวกันประจำตอนออกค่ายอาสาด้วยกัน”
“โหยไอ้ฮั่น ก็ฉันไม่ได้ถนัดทำกับข้าวเหมือนแกนี่หว่า ชิ! ว่าแต่...ฉันชักจะหมั่นไส้ยัยเด็กกวางนี่มาก ๆ แล้วนะ!!!! สนิทกับน้องแกงของฉันมากเกินไปแล้ว นอนห้องเดียวกันสมัยเรียน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สมัยนู้นโว้ย!!! มาทำให้น้องสาวฉันเสียใจไม่พอ ยังจะมาทำให้ฉันหงุดหงิดอีก อยากตบคนเว้ย!!! หมั่นไส้!!!”
“หมั่นไส้ใครหรอป้า”
“ก็หมั่นไส้ยัยเด็กกวางน่ะสิ เฮ้ย!!!!!!”
จ๋าถึงกับตกใจทันทีเมื่อหันหน้ามาตอบคำถามของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ยัยกวาง!!!”
“ก็ใช่น่ะสิคะ...ป้าคิดว่าเป็นอั้มพัชราภาหรือไง!!” คำตอบยียวนที่มาพร้อมกับใบหน้ากวนประสาท ทำให้จ๋านึกอยากจะปล่อยหมัดใส่หน้าคนพูดนัก แต่เพราะใบหน้าหวานของคนที่เดินตามมายืนอยู่เบื้องหลังที่ทำให้จ๋าต้องสงบอารมณ์ลง
“เฮอะ! เห็นหน้าเธอแล้วอารมณ์เสียแต่เช้าเลย”
“โอ๊ย...คิดว่าหนูเห็นหน้าป้าแล้วอารมณ์ดีหรอคะ”
“ยัยเด็กบ้า!”
“จ๋า...ไม่เอาน่ะ ไปตามหมิวออกมากินข้าวไป” ฮั่นว่าก่อนจะเดินไปผลักไหล่เพื่อนสาวให้เดินไปยังห้องของหมิว จ๋าที่ตอนแรกทำท่าจะไม่ยอมต้องจำใจเดินไป แต่มิวายหญิงสาวแอบมองคนที่ยืนทำหน้ากวนด้วยดวงตาอาฆาต
ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเด็กแสบ! แค้นนี้ต้องชำระ!
“พี่กวาง...ทำไมต้องไปกวนประสาทพี่จ๋าเค้าแบบนั้นด้วยครับ โรคจิตจริง ๆ เลย” แกงส้มว่าพลางเดินไปมองอาหารที่วางหลากหลายอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัว
“โหพี่ฮั่น...น่ากินทั้งนั้นเลยครับ”
“น่ากินก็กินสิ แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ ตอนนี้แกงยกไปวางที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวพี่ขอเจียวไข่อีกอย่างหนึ่ง...” พูดจบ ฮั่นก็ยกยิ้มพลางวางมือบนศีรษะทุยแล้วโยกเบา ๆ
“รับทราบครับผม ว่าแต่...เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเลยอ่ะพี่ฮั่น”
“หืม...ทำไมอ่ะครับ”
“ก็...เจ็บท้องอ่ะ แต่ว่าก็ดีขึ้นแล้วนะ”
“จริงดิ! แล้วนี่ทายาหรือยัง ให้พี่ช่วยทาให้อีกไหม...” คำถามท้ายประโยคที่มาพร้อมกับใบหน้าคมที่ก้มลงมาจนชิดใบหูทำให้คนที่ยืนมองอยู่ถึงกับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน กวางจึงค่อย ๆ ดีลีทตัวเองออกมาจากตรงนั้นด้วยการยกถ้วยไข่เค็มและจานผัดผักบุ้งไฟแดงออกมาวางที่โต๊ะทานอาหาร ก่อนที่เธอจะทรุดตัวลงนั่งแกว่งขารอคนอื่น ๆ
เหมือนจะเหงา ๆ แฮะ...
กวางคิดในใจก่อนจะหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงพลางมองรูปถ่ายที่อยู่บนหน้าจอด้วยดวงตาที่เศร้าหมองลง
เราจะได้เจอกันอีกไหมนะ...ฉันอยากเจอคุณจัง...
“พี่ฮั่นอ่ะ...ดูสิ พี่ทำพี่กวางไม่กล้ามองเราจนดีลีทตัวเองออกไปเลย” แกงส้มว่าก่อนจะเขยิบก้าวถอยหลังออกมา แต่ฮั่นก็ใช้วงแขนรั้งคนตรงหน้าให้เขยิบเข้ามายืนที่เดิม
“อะไรก็พี่กวางอีกแล้วนะ แล้วพี่ฮั่นล่ะ...ไม่สำคัญเลยหรือไง” ใบหน้าที่ติดจะดูดีของคนที่กำลังทำหน้างอน ทำให้คนมองยิ้มออกมา ก่อนที่แกงส้มจะเอามือไปหยิกแก้มคนพูดแรง ๆ หนึ่งที
“บ้าหรอพี่ฮั่น พูดอะไรของพี่เนี่ย ทำหน้าน้อยใจผมแต่เช้าเลยนะ”
“ก็มันน่าน้อยใจไหมล่ะ”
“พี่กวางกับผมเราสนิทกันแบบพี่น้องครับ ไม่ได้มีอะไรมากเกินไปกว่านั้นนะฮะ”
“เชื่อได้หรอ...”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ไปเจียวไข่เลยไป”
“ไม่เจียวแล้ว...อยากทายาให้แกงส้มมากกว่า” ฮั่นว่าพลางก้มใบหน้าลงมาก่อนที่เขาจะถกเสื้อแกงส้มขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำที่ยังไม่จางลง
“ดูสิน่ะ...ยังช้ำอยู่เลย พี่ว่าเราไปทายาดีกว่า”
แม้จะยังงอนอยู่นิด ๆ แต่เมื่อเห็นรอยช้ำของคนตรงหน้า ความงอนที่มีก็คล้ายจะอันตธานหายไป
“ผมทามาแล้วคร้าบบบบบบ จริง ๆ นะ...” แกงส้มว่าก่อนจะดึงเสื้อที่ถูกถกขึ้นลง พลางยิ้มหวานให้คนตรงหน้าเป็นเชิงสนับสนุนคำพูดของเขา
“อืม...เชื่อก็ได้ ถ้างั้น...พี่ไปทอดไข่เจียวและ แกงยกกับข้าวออกไปเถอะ”
“ครับ...” แต่ก่อนที่แกงส้มจะได้เดินออกไป ฮั่นก็รั้งเอวแกงส้มไว้
“ฮื้อออออออ อะไรอีกอ่ะพี่ฮั่น”
“เมื่อคืนพี่ลืม...”
“ลืมอะไรครับ ?”
“ลืมว่าที่แก้มของแกงก็มีรอยช้ำจากการโดนต่อยนี่นา...พี่ยังไม่ได้เป่าให้แกงเลย” พูดจบ คนพูดก็ก้มใบหน้าลงมาแล้วจรดริมฝีปากของตัวเองไปที่รอยช้ำจาง ๆ บริเวณแก้มใสเบา ๆ จากนั้นฮั่นก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะเป่าลมอุ่น ๆ ซ้ำไปที่รอยช้ำนั้นอีกทีหนึ่ง
อากัปกิริยาที่แสนอ่อนโยนนี้ของฮั่นทำให้แกงส้มถึงกับหน้าร้อนวูบขึ้นมา หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
พี่ฮั่นบ้า!!! ทำเขาหัวใจจะวายอีกแล้วนะ!!!
เมื่อคืนก็จูบรอยช้ำที่ท้อง วันนี้ก็จูบรอยช้ำที่แก้ม...
อ๊ากกกกกกกก เขินโว้ย!!!!
“ทำไมแก้มแกงร้อนจัง...เป็นไข้หรือเปล่า”
“บะ บ้า! เป็นไข้อะไรล่ะพี่ ผมเขินพี่โว้ย...ถึงได้แก้มร้อนขนาดนี้” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังแสดงอาการที่ฮั่นสามารถมองออกได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเขินอย่างที่เจ้าตัวพูดจริง ๆ ฮั่นหัวเราะออกมานิดหน่อย ก่อนที่เขาจะปล่อยร่างโปร่งให้เป็นอิสระ
“โอเค...พี่ทำภารกิจเป่ามนต์ให้แกงส้มของพี่หายเจ็บเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นพี่คงได้เวลาทอดไข่เจียวจริง ๆ และ”
แล้วร่างสูงก็หยิบไข่ออกมาจากถาดก่อนจะจัดการตามวิธีของตน แกงส้มที่ยืนมองอยู่ย่นจมูกใส่คนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าว ก่อนที่เขาจะยกจานยำปลาสลิดและปลาหมึกทอดกรอบออกไปจากห้องครัว
ฮั่นที่กำลังตีไข่อยู่เงยหน้าขึ้นจากถ้วยไข่พลางมองแผ่นหลังของคนที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้มหวาน
ได้หอมคนน่ารักแต่เช้า...อารมณ์ดีทั้งวันแน่ไอ้ฮั่นเอ๊ย!!!
“โอ้โห...อาหารเต็มโต๊ะเหมือนเดิมเลยนะเจ้าฮั่น” บิดาของแกงส้มว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพลางสูดกลิ่นของข้าวต้มใบเตยที่ส่งกลิ่นหอมฉุยตรงหน้า
“ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวเสียชื่อเชฟฮั่นหมด ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ถ้อยคำหยอกล้อที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใสทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างมีความสุข
แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ลงมือทานอาหารเช้า เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนจะมาพร้อมกับร่างสูงของโตโน่
“ขอฝากท้องสำหรับเช้านี้ด้วยคนสิครับ”
และไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยชวน คนพูดก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามหญิงสาวผมยาวที่เมินสายตาหนีเขาทันที
ดูสิว่านั่งตรงข้ามกันขนาดนี้จะยังเมินหน้าหนีกันได้อีกไหม!
“หมิว...ตักข้าวต้มให้โตโน่หน่อยสิ” ฮั่นที่นั่งอยู่เอ่ยสั่งหมิว แต่...
“...มาเองก็ตักเองสิคะ...!”
“ไม่เป็นไรหรอกน้องหมิว เดี๋ยวพี่กวางตักให้เฮียเอง” พูดจบ คนพูดก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปตักข้าวต้มให้กับคนที่มาใหม่ แต่ระหว่างที่เธอเดินผ่านจ๋าซึ่งนั่งถัดจากเธอ หญิงสาวก็โดนสกัดขาจนหน้าเกือบคะมำ แต่โชคดีที่โตโน่อยู่ตรงนั้นพอดี ทำให้เขารับร่างของกวางไว้ได้
อ๊าย!!!! ไอ้หมิว...พี่ขอโทษ...!
จ๋าเอ่ยขอโทษหมิวในใจก่อนที่เธอจะกัดปากตัวเองอย่างนึกเคือง...
ทำไมยัยเด็กแสบมันต้องไปล้มตรงโตโน่พอดีเลยนะ!
แผนสูงจริง!
“กวางไปนั่งกินเถอะ เดี๋ยวพี่ตักเอง”
“ก็ได้ค่ะ” กวางรับคำก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม คราวนี้หญิงสาวแกล้งเดินเฉียดเข้าไปใกล้กับจ๋าก่อนจะยกศอกขึ้นไปทิ่มเต็ม ๆ แผ่นหลังของคนที่ทำเป็นนั่งนิ่ง
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ พอดียกมือขึ้นมาปัดยุง”
“ยัยเด็กบ้า!!!!!”
“จ๋า...ไม่เอาน่ะ” ฮั่นเอ่ยปรามเพื่อนตัวเอง แน่นอนว่าจ๋าไม่ฟัง เธอทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดการกับคนที่ทำกับเธอแบบนี้ทันที แต่...
“พี่จ๋าครับ...ผมขอโทษแทนพี่กวางด้วยนะครับ พี่กวางเค้าคงไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ พี่จ๋าอย่าโกรธพี่กวางเลยนะครับ” คำขอร้องของแกงส้มทำให้จ๋าจำต้องยอมหยุดอาการเหวี่ยงที่เกิดขึ้นของเธอ
ฮึ่ม...ยัยกวาง...หล่อนโดนฉันจัดหนักแน่!!!!!
แล้วสงครามก็หยุดลงเพียงเท่านั้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็กลับมาเหมือนเดิม
“ป๊า...เดี๋ยวพรุ่งนี้ป๊าก็กลับบ้านแล้ว อยากไปเที่ยวไหนไหมฮะวันนี้” แกงส้มเอ่ยถามบิดาในระหว่างที่เขากำลังยืนเก็บจานเพื่อจะนำไปล้าง
“อยากไป!”
“ผมไม่ได้ถามพี่นะพี่กวาง” แกงส้มว่าก่อนจะต้องเขยิบตัวหลบปลายเท้าที่เหวี่ยงมาของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“แต่พี่อยากตอบ” กวางตอบพลางส่งยิ้มกวนไปให้แกงส้ม คนเป็นน้องทำปากจู๋ใส่เธอทันที กวางเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู
เจ้าแกงเอ๊ย...เด็กน้อยจริง ๆ
“พอ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน ป๊าอยากไปทะเล”
“หา!!!! อยากไปทะเลหน้าฝนเนี่ยนะป๊า”
“ทำไมล่ะเจ้าแกง ก็ป๊าอยากไปนี่” จบคำพูดของผู้เป็นบิดา แกงส้มก็หันมามองหน้าคนที่เพิ่งเดินมาถึงทันที
“พี่ฮั่นดูป๊าดิ อยากไปทะเลตอนหน้าฝนอ่ะ”
“ทำไมล่ะแกง...ก็ไปสิ ไปตอนนี้เลยไหมครับป๊า” ฮั่นหันไปถามบิดาของแกงส้ม ก่อนที่เขาจะต้องระบายยิ้มออกมา เมื่อบุคคลที่สูงวัยกว่าตรงหน้าพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“งั้นเราก็ไปทะเลกัน!”
“วู้~~ ทะเล ๆ ๆ ๆ”
เสียงร้องตะโกนของหญิงสาวผมยาวที่วิ่งนำหน้าทุกคนไปยังท้องทะเลสีฟ้าครามตรงหน้าทำให้คนที่ลงรถตามเธอมา ต้องเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“ใครให้ยัยแสบนี่มาด้วยเนี่ย ชิ! ส่วนเกินชัด ๆ”
“ไม่เอาน่ะจ๋า มาเที่ยวทะเลทั้งทีมาหลาย ๆ คนสนุกดีออก เนอะแกงเนอะ” ฮั่นหันไปถามความเห็นจากคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ
“ผมเข้าใจพี่จ๋านะครับ แต่พี่กวางเค้าก็เกรียนแบบนี้แหล่ะฮะ แต่จริง ๆ แล้วเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
“ไม่เลวร้ายแต่ทำให้น้องสาวพี่ร้องไห้ไม่เลิกไม่ราแบบนี้น่ะหรอ” จ๋าว่าพลางหันไปมองร่างบางของหมิวที่เดินทอดน่องไปตามชายหาด โดยมีร่างสูงของโตโน่เดินตามไปห่าง ๆ
“พี่จ๋าลองสังเกตดูดี ๆ สิครับ...ตอนนี้พี่กวางเค้าสนใจพี่โน่ซะที่ไหน วิ่งลงทะเลไปแล้วนั่น ไม่ได้มองเลยว่าพี่โน่เค้ากำลังเดินตามหมิวอยู่น่ะ”
เออเนอะ...เอ๊ะ! ยัยเด็กนี่มันยังไงเนี่ย...!?!
“แล้วตกลงกวางมันอะไรยังไงล่ะแกง” คิมซึ่งยืนเงียบมานานเอ่ยถามออกมา โดยมีบิดาของแกงส้มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รอฟังคำตอบนั้นด้วย
“ก็...จริง ๆ แล้วพี่กวางกับพี่โน่เค้าไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่เราเข้าใจหรอกครับ แต่ที่พี่เค้าชอบทำตัวร้าย ๆ และหวงพี่โน่จนออกนอกหน้าน่ะ เค้าก็แค่หวงพี่โน่ในฐานะพี่ชายเท่านั้น ที่สำคัญพี่เค้าก็แค่จะแกล้งหมิวเล่น ๆ ด้วย ไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรหมิวจริงจังหรอกครับ”
คำอธิบายที่ออกมาจากริมฝีปากสวยของแกงส้ม ทำให้คนฟังทั้งสี่คนถึงกับกุมขมับขึ้นมาทันที
ยัยเด็กกวางนี่...เกรียนจริง!
“แล้วยัยแสบไปหมั่นไส้อะไรไอ้หมิวมันนัก ถึงได้แกล้งมันแรงขนาดนี้” จ๋าเอ่ยถามพลางนึกอยากจะบีบคอไอ้คนที่แกล้งน้องสาวเขานัก...
ไม่ได้เกลียด แต่หมั่นไส้...มันก็ความหมายเดียวกันนั่นแหล่ะแต่แค่หมั่นไส้มันดูเบากว่าเกลียดเท่านั้นเอง!
“ผมก็ไม่รู้พี่กวางเค้าเหมือนกันครับ แต่ผมพูดจริง ๆ นะฮะ ว่าพี่กวางเค้าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถึงจะดูน่าหมั่นไส้และน่าถีบไปหน่อยก็เถอะ...”
แล้วคำพูดของแกงส้มก็ทำให้คนที่นิ่งฟังอย่างคิมและจ๋าต้องหันมามองหน้ากัน สรุปว่ายัยเด็กกวางไม่ได้มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง
โล่งอกไปที...
งั้นฉันจะยังไม่จัดหนักเธอก็ได้ยัยกวาง...ชิ!
ทางด้านหมิวที่เดินทอดน่องไปตามชายหาด ก็รู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่ตามมา หญิงสาวหันไปมองก่อนที่เธอจะรีบหันกลับแล้วจ้ำเร็ว ๆ เพื่อหนีคนที่เดินตามหลัง แต่...มือหนาของโตโน่ที่คว้าข้อศอกไว้ ทำให้หมิวต้องหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“ปล่อยค่ะ เดี๋ยวแฟนเฮียมาเห็นแล้วเค้าจะเข้าใจผิด”
“แฟนเฮีย ? ใครกัน ?”
“ก็พี่กวางไงคะ!”
“เฮียไม่เคยบอกนะว่ากวางเป็นแฟนเฮีย” โตโน่ว่าก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือของตัวเองไปกุมมือของหมิวไว้ทั้งสองข้าง ดวงตาที่มองสบลงมาของชายหนุ่มทำให้คนถูกมองไม่กล้าที่จะหลบสายตา
เพราะสายตาแบบนี้...ที่ทำให้เธอไม่สามารถตัดใจไปจากผู้ชายคนนี้...
เพราะสายตาแบบนี้...ที่ทำให้เธอยังอยู่ตรงนี้โดยไม่สามารถไปจากคน ๆ นี้ได้
เพราะสายตาแบบนี้...
“หมิว...ฟังเฮียให้ดีนะ...กวางกับเฮียเราไม่ได้เป็นแฟนกัน...ไม่เคยเป็นทั้งก่อนที่กวางจะไปทำงานที่ไร่ชาจนกระทั่งกวางกลับมา...”
“แล้วสิ่งที่หมิวเห็นมาโดยตลอดล่ะคะมันคืออะไร...สิ่งที่พวกพี่สองคนแสดงออกต่อกัน ถ้าไม่เรียกว่าแฟนแล้วจะเรียกว่าอะไรคะ” หมิวถามพลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะหันหลังและก้าวเดินอีกครั้ง หากแต่ร่างสูงที่เดินตามมาพลางใช้สองแขนโอบรัดรอบเอวของหมิวไว้ก็ทำให้หญิงสาวต้องหยุดเดินพลางดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลัง
“เราสองคนสนิทกันมากเพราะว่าทางบ้านของเรารู้จักกัน อีกทั้งกวางเองก็เป็นแกนหลักในการตั้งชมรมขึ้นมาพร้อม ๆ กับพี่ ทำให้เราสองคนยิ่งสนิทกันมาก เรารู้ใจกันดีทุกอย่างจนเหมือนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา แต่เราไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรต่อกันสักนิด กวางไม่ได้รักเฮียแบบคนรักเหมือนอย่างที่เฮียเองก็ไม่ได้รักกวางแบบคนรักเหมือนกัน เพราะคนที่เฮียรักมาโดยตลอดก็คือคนที่เฮียกำลังกอดอยู่นี้...”
จบคำพูดประโยคยืดยาว หมิวก็หยุดดิ้น ก่อนที่เธอจะน้ำตาร่วงออกมา...
เธอร้องไห้เพราะกำลังดีใจ...
ดีใจที่ได้ยินว่าคนที่พี่โตโน่รักคือเธอ...
ดีใจที่เธอได้ยินคำนี้จากปากของเขาเสียที...
และดีใจที่ในที่สุด...เธอก็ได้รับ ‘ความชัดเจน’ จากสายตาที่มองมา...
“หมิว...จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอครับ รู้ไหมว่าตอนนี้เฮียเขินจนพูดอะไรไม่ออกแล้วนะ...” คนที่กำลังเขินค่อย ๆ ปลดมือที่โอบรัดรอบเอวบางออก ก่อนที่เขาจะจับคนตรงหน้าให้หมุนตัวมาสบตาเขา
ใบหน้าสวยที่มีน้ำตาไหลมาอาบสองแก้ม เรียกนิ้วโป้งของโตโน่ให้ไล่เช็ดอย่างแผ่วเบา
“ร้องไห้ทำไมครับหมิว...เฮียพูดอะไรที่ทำให้หมิวเสียใจหรอครับ...”
“เปล่าค่ะ...เฮียไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้หมิวเสียใจ แต่หมิวกำลังดีใจที่เฮียยอมชัดเจนกับหมิวสักที หมิวรอคำนี้มานานแล้วนะคะ นานมากจนเกือบท้อ...”
“แต่หมิวก็ไม่ท้อ...”
“ก็เพราะว่าหมิวรู้ว่าปลายทางของสิ่งที่รอยังมีความหวังให้หมิวไงคะ” จบคำพูดของหมิว หญิงสาวก็โผเข้ากอดร่างสูงเต็มแรง
อ้อมกอดที่อบอุ่นของคนที่รักให้ความรู้สึกที่ดีจนเกินบรรยาย ซึ่งแสงแดดที่ร้อนระอุไม่สามารถทำให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจางหายไปได้เลย
แต่ถึงแม้ว่าหมิวจะรู้สึกดีที่โตโน่ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ตาม แต่การที่เธอต้องร้องไห้ให้กับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ทำให้หญิงสาวนึกอย่างจะแกล้งชายหนุ่ม
คิดว่าจะยอมคืนดีง่าย ๆ หรอเฮีย...ไม่มีทางหรอก!
พลั่ก!
จากที่กำลังกอดอยู่ดี ๆ หมิวก็ผลักร่างของคนตรงหน้าให้ออกห่างตัวทันที
“แต่ถึงเฮียจะชัดเจนในความรู้สึกแล้ว แต่หมิวก็ยังโกรธเฮียเรื่องที่เฮียทำให้หมิวต้องร้องไห้หลายครั้งอยู่ค่ะ”
“ง่ะ! แล้วเฮียต้องทำยังไงหมิวถึงจะยอมหายโกรธเฮียล่ะครับ”
“คิดเอาเองสิคะ ต้องให้หมิวบอกหรอ”
“ก็ถ้าหมิวบอก เฮียจะได้ง้อหมิวแล้วหมิวหายงอนง่าย ๆ ไงครับ”
“หมิวไม่บอกเฮียหรอก...หมิวไม่อยากหายงอนง่าย ๆ และถ้าเฮียคิดไม่ได้ เราก็ไม่ต้องมาคุยกัน” พูดจบ หมิวก็หมุนตัวออกเดินไปตามหาดทรายที่ทอดยาวอีกครั้ง หากแต่การเดินในครั้งนี้ ทุกย่างก้าวที่เดินมีแต่ความสุขที่เดินตามหลังมา
เพราะการที่คนรักกันได้อธิบายเรื่องราวที่ทำให้เข้าใจผิดกันจนเข้าใจแล้ว ย่อมทำให้ความรู้สึกหม่นหมองในใจค่อย ๆ ลดน้อยลงไป หากแต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาอีก ขอแค่ยอมรับฟังในเหตุผลของกันและกัน ต่อให้เรื่องราวเหล่านั้นจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่คนสองคนก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน ด้วยก้าวที่มั่นคง...
ไม่มีคำอธิบายไหนที่จะแสดงออกมาให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดเท่ากับการอธิบายด้วยคำพูด...คำพูดที่มาจากความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจ ไม่ใช่คำพูดที่เสแสร้งเพื่อหลอกให้ตายใจไปวัน ๆ
“หมิว...รอเฮียด้วย”
แล้วคนสองคนก็เดินคลอเคลียกันไปพร้อมกับไอแดดที่แผดเผาความเศร้าที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
“ไม่ไปเล่นน้ำกับกวางหรอกแกง”
“ไม่อ่ะครับ ร้อน...”
“แล้วปล่อยให้กวางเล่นน้ำคนเดียวเนี่ยนะ เป็นน้องยังไงเนี่ยเรา” ฮั่นว่าพลางผลักศีรษะของคนที่นั่งตาหยีมองแดด
“พี่นี่ยังไงเนี่ยพี่ฮั่น พอผมไปอยู่ใกล้พี่กวาง พี่ก็น้อยใจผม แต่พอผมไม่ไปอยู่ใกล้พี่กวาง พี่ก็ผลักให้ผมไป...ตกลงจะเอายังไงคร้าบบบบบบบ” แกงส้มถามพลางเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ก็พี่เห็นเจ้ากวางมันเล่นน้ำอยู่คนเดียว ก็คิดว่าแกงจะไปเล่นเป็นเพื่อน ฮ่ะ เฮ้ย!” ฮั่นยังพูดไม่ทันจบประโยคดี คนที่นั่งข้าง ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน ก่อนที่แกงส้มจะยื่นมือมาเบื้องหน้าเขา
“เราไปเล่นน้ำกันพี่ฮั่น”
“หืม...ไหนเมื่อกี้บอกว่าร้อนไง”
“เปลี่ยนใจแล้วครับ มาทะเลทั้งทีแต่ไม่เล่นน้ำทะเล มันก็เหมือนมาไม่ถึงทะเลสิครับ” พูดจบ แกงส้มก็คว้าแขนของคนที่นั่งอยู่พลางออกแรงฉุดให้ลุกขึ้น ฮั่นยอมลุกขึ้นแต่โดยดี
“ถ้างั้นก็...Let’ go!!!”
แล้วคนสองคนก็จับมือกันวิ่งไปทางท้องทะเลกว้างที่มีผืนน้ำส่องประกายล้อกับแสงแดดในยามใกล้เที่ยง คนที่มองตามอย่างคิมและจ๋าต้องหันมามองใบหน้าของคนที่สูงวัยกว่าอย่างบิดาแกงส้มสลับกับมองคนสองคนที่เพิ่งวิ่งลงทะเลไป
“พี่หนู...นี่พี่ปลงได้กับเจ้าแกงและฮั่นนี่แล้วใช่ไหมคะ”
“อย่าเรียกว่าปลงได้ดีกว่านะคิม แต่เรียกว่า...เข้าใจจะดีกว่า...คนเราเลือกที่จะกำหนดชีวิตของตัวเองได้มากพอ ๆ กับเลือกที่จะรักใครสักคนได้...ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิดไม่ว่าจะรักคนต่างฐานะ ต่างเชื้อชาติ ต่างเพศหรือเพศเดียวกัน...เพราะทุกความรักสวยงามเสมอในหัวใจของคนที่รักกัน...ขอแค่สามารถดูแลกันและกันไปได้ตลอด...แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตของคน ๆ หนึ่ง...”
คมมาก!
“คิมดีใจที่พี่คิดแบบนี้นะพี่หนู”
“อื้ม...กลับไปคราวนี้คงมีเรื่องเล่าให้แม่จ๋าฟังยาวเลย”
“แต่คิมเห็นพี่ก็เล่าให้แม่จ๋าของพี่ฟังยาวทุกวันนะ” คิมเอ่ยแซวก่อนจะอมยิ้มออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของคนเป็นพี่ชายระบายไปด้วยรอยยิ้มเขิน
อายุก็ปูนนี้แล้ว...แต่ก็ยังหวานได้อีก...
น่านับถือจริง ๆ
“คนเรานะเว้ยไอ้คิม ถ้าจะรักกัน...ไม่จำเป็นต้องหวานแค่เฉพาะวันพิเศษ แค่วันธรรมดา ๆ ก็หวานได้ตลอด เพราะความรักไม่ได้จำกัดความหวานนี่...!”
“พี่โน่!!! ลงมาเล่นน้ำกันค่ะ” คำชวนที่มาพร้อมกับร่างที่เปียกปอนไปด้วยน้ำทะเล ทำให้โตโน่ต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หมิวเสสายตาไปมองต้นมะพร้าว แต่หูก็ยังฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้น
“เอ่อ...พี่ไม่อยากเล่นอ่ะ กลัวเปียก...”
“ไม่อยากเล่นหรือว่ากลัวคนข้าง ๆ จะโกรธคะ”
“เอ่อก็...”
“เฮียไปเล่นน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวหมิวรออยู่ข้างบน” คำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานทำให้กวางรับรู้ได้ว่าสองคนนี้ดีกันแล้ว
หึ ๆ...ดีกันแล้วก็เลยคิดจะเยาะเย้ยกันหรอหมิวน้อย...เดี๋ยวเจอกัน!
พรืด ๆ ๆ ๆ กวางออกแรงลากร่างสูงของโตโน่ให้ลงไปในทะเลโดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ตั้งตัว ผลคือโตโน่โดนคนลากออกแรงเหวี่ยงจนล้มลงไปในทะเล จากนั้นกวางก็วิ่งกลับมาลากแขนของหมิวให้ลงไปในทะเลด้วยอีกคน สุดท้ายคนสามคนก็เปียกปอนเหมือนกัน
“เปียกเท่ากันแล้ว งั้นก็เล่นน้ำด้วยกันเลย”
“นิสัยไม่ดี!” หมิวโพล่งขึ้นมาก่อนจะมองคนที่ลากเธอลงทะเลด้วยดวงตาที่เขียวปั้ด แต่กวางก็หากลัวไม่ หญิงสาวส่งสายตาท้าทายกลับไป
“ยอมรับ”
“กวนประสาท!”
“ยอมรับ”
“ไม่ไหวแล้วโว้ย!” หมิวอุทานออกมา ก่อนจะจัดการลากแขนคนที่ยืนทำหน้ากวนประสาทใกล้ ๆ ให้เดินลงไปในทะเลด้วยกันจนถึงระดับน้ำทะเลที่ลึกกว่าเดิมจนท่วมสูงถึงเอว ก่อนที่เธอจะวักน้ำในทะเลสาดใส่ใบหน้าของคนที่กวนประสาทเธอเมื่อสักครู่นี้ ความเค็มของน้ำทะเลที่เข้าไปในลูกตาและโพรงจมูกทำให้กวางรู้สึกแสบไปหมด
“อ๊ากกกกกกก ยัยหมิวบ้า! แสบนะเว้ย! เล่นแรงไปแล้วนะ” กวางโวยวายออกมาก่อนจะเอามือที่เปื้อนน้ำทะเลลูบไปที่ใบหน้า
ยิ่งลูบก็ยิ่งแสบ...ฮึ่ย!
“ทีพี่ทำให้หมิวกับเฮียเข้าใจผิดกันตั้งนาน ไม่แรงหรอคะ”
“แรง! แต่พี่อยากให้คนสองคนผูกพันกันลึกซึ้งนี่” กวางว่าพลางพยายามลืมตาขึ้น แม้จะแสบมากแค่ไหน แต่เธอก็อยากจะลืมตาเพื่ออธิบายสิ่งที่เธอทำมาตลอด
“แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรอคะว่าสิ่งที่พี่ทำมันอาจจะทำให้หมิวกับพี่โน่เข้าใจผิดจนเลิกรักกันไปเลยก็ได้”
“คิด...แต่สิ่งที่พี่ทำมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้รู้ว่า...ความรู้สึกที่เรากับพี่โน่มีให้กันมันผูกพันลึกซึ้งแค่ไหน ถ้าไม่มีพี่...ถามหน่อยเถอะว่าเราจะรู้ใจตัวเองได้มากเท่านี้ไหม!”
“แต่วิธีการของพี่มันก็โรคจิตไปนะคะ!!!!”
“เฮอะ! คนเรามันก็มีวิธีการพิสูจน์ความรู้สึกไม่เหมือนกันนี่นา”
“แต่หมิวว่า...พี่ก็ยังโรคจิตอยู่ดีนั่นแหล่ะ”
“เออ...พี่โรคจิตแล้วทำไมล่ะ”
“พอแล้วม้างงงงงง เลิกเถียงกันเถอะ” โตโน่ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเอ่ยขัดขึ้นมา ก่อนที่สองสาวจะเถียงไอ้เรื่องโรคจิตไม่โรคจิตนี่ยันบ่าย
“ไม่ใช่เรื่องของเฮียค่ะ!!!!!” คนสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ พร้อมใจกันพูดประโยคนี้ขึ้นมาทันที เล่นเอาคนที่เหมือนจะเป็นคนกลางตกใจ
ผู้หญิงบางทีก็เป็นเพศที่เข้าใจยากนะ...บทจะไม่ชอบขี้หน้ากันก็ตบตีทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย
แต่บทจะดีกันขึ้นมา ก็พร้อมใจกันซะ!
“ถ้าจะเถียงกันแบบนี้ งั้นเฮียขอตัวก่อนนะ”
“ไม่ได้ค่ะ! เพราะเฮียนั่นแหล่ะที่ไม่ยอมชัดเจน ปล่อยให้หมิวต้องคิดมากแล้วเข้าใจพี่กวางผิดแบบนี้...เฮียต้องโดนลงโทษ!!!!” พูดจบ หมิวก็เดินอ้อมไปที่ด้านหลังของโตโน่ก่อนที่เธอจะจับต้นคอของเขาแล้วออกแรงกดจนใบหน้าของชายหนุ่มจมลงไปในน้ำทะเล
“นี่แน่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ซ่า~
“แค่ก ๆ ๆ หมิว...เฮียหายใจไม่นะครับ เฮ้ยยยยยยยยย บุ๋ง ๆ ๆ” แล้วโตโน่ก็โดนหมิวกดน้ำลงไปอีกครั้ง โดยที่มีกวางยืนมองอยู่ใกล้ แต่ไม่เข้าไปช่วยอะไร
“เฮือก! แค่ก ๆ ๆ กวางช่วยพี่ด้วยยยยยย”
“ไม่ช่วยอ่ะพี่โน่ หนูสะใจดี ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” แล้วกวางก็ยืนมองหมิวจับโตโน่กดน้ำด้วยความรู้สึกสนุกสนาน
จริง ๆ แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดเพราะเธอก็จริง แต่ถ้าคนกลางอย่างโตโน่กล้าที่จะชัดเจน เรื่องราวก็คงจะไม่บานปลายจนทำให้เกิดอะไรมากมายจนถึงทุกวันนี้
แค่เพราะ ‘ความไม่ชัดเจน’ ที่ทำให้คนหนึ่งคนต้องมี ‘น้ำตา’...
หากการที่เราจะรู้สึกดีหรือรักใครสักคน...เราก็ไม่จำเป็นต้องไปกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปอย่างนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถแสดงออกได้มาจากคำพูด แต่ก็สามารถแสดงออกได้ทางการกระทำ แม้ว่าจะไม่สามารถแสดงออกมาได้จากการกระทำ แต่ก็สามารถแสดงออกมาได้ทางสายตา...
หากเรามัวแต่กลัวที่จะแสดงออก แล้ววันหนึ่งต้องสูญเสียเขาไป...ต่อให้เรามานั่งเสียใจ มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย!
ในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ
เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน จากหัวใจ จากนี้ไปมีแต่เธอ
เสียงเพลงที่ดังมาจากร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่ริมชายหาดต้องยกยิ้มขึ้นมา ใบหน้าคมหันมามองคนที่อยู่ข้างตัว สลับกับแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์สีเหลืองเด่นกลมโต
“วันนี้เราจะกลับบ้านกันกี่ทุ่มเนี่ยพี่ฮั่น” แกงส้มหันมาถามคนที่นั่งข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะรู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อพบว่าสายตาคมกำลังมองจ้องเข้าอย่างพยายามสื่อความรู้สึกบางอย่าง
ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ต่างไปจากเขา...
“กลับบ้านกี่ทุ่มไม่รู้...รู้แต่ว่าตอนนี้พี่อยากใช้เวลาอยู่กับแกงให้มากที่สุด พี่ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย เพราะเมื่อถึงวันพรุ่งนี้ พี่ก็จะไม่ได้เป็นแฟนกับแกงแล้ว พี่จะเป็นเพียงแค่คนรู้จักของแกงเท่านั้น...ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พี่ไม่ปรารถนาสักนิด”
คำพูดที่มาพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมากุมมือไว้ ทำให้แกงส้มหัวใจเต้นรัว
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน
“เมื่อถึงวันพรุ่งนี้...อาจจะมีเรื่องดี ๆ มากกว่าวันนี้ก็ได้นะครับพี่ฮั่น”
“พี่ไม่กล้าคิดหรอกแกง เพราะวันพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับพี่ก็ได้...”
“ทำไมพี่ถึงพูดและคิดแบบนี้ครับ!”
“เพราะใด ๆ ในโลกนี้ก็ไม่แน่นอนไงแกง...ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ต่างหากคือสิ่งที่เรากำลังประสบพบเจออยู่...” ฮั่นว่าพลางเอนหลังลงนอนกับพื้นทราย ชายหนุ่มกระตุกมือเบา ๆ เป็นเชิงให้คนที่อยู่ข้าง ๆ นอนแบบเดียวกับเขา แกงส้มยิ้มออกนิดหน่อยก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนโดยใช้แผ่นอกกว้างของคนที่นอนลงไปก่อนแทนหมอนหนุน
เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ทำให้คนที่นอนหนุนบนอก ได้ยินชัดทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ...
จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ
“ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้...คือวันที่ผมมีความสุขมากครับ วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายสำหรับการเป็นแฟนของเราสองคน แต่ผมเชื่อว่ามันจะไม่ใช่วันสุดท้ายของการเริ่มต้นในทุกความรู้สึกดี ๆ ที่เรามีให้กันครับ”
แกงส้มว่าก่อนจะหันนอนตะแคงและโอบกอดร่างหนาไว้ โดยที่ศีรษะยังวางแนบอยู่ที่เดิม ฮั่นเลื่อนมือมาลูบเรือนผมสวยอย่างเบามือ พลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิทที่มีดวงดาวส่องประกายระยิบระยับพลางนึกอธิษฐานในใจ
หากขอพรได้...เขาก็อยากจะขอให้เวลาหยุดอยู่แค่เพียงตอนนี้...
เพราะความรู้สึกดี ๆ ที่มีในหัวใจทำให้เขารู้สึกอบอุ่นจนไม่อยากจะให้เวลาต้องผ่านเลยไปจนถึงวันพรุ่งนี้...วันพรุ่งนี้ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป
“เราเป็นแฟนกันต่อได้ไหมแกง...”
เมื่อเห็นว่าความเงียบได้โรยตัวจนเกินพอดีแล้ว ฮั่นก็เลือกทำลายความเงียบนั้นด้วยการเอ่ยถามประโยคนี้ออกมา ก่อนที่เขาจะได้รับความเงียบและลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอของคนที่ถูกถาม
“หลับไปแล้วหรอ...หึ...เด็กน้อยเอ๊ย” ฮั่นว่าก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นเบาที่สุด พลางโอบประคองคนที่หลับคอพับคออ่อนให้ค่อย ๆ ลุกตามเขา จากนั้นฮั่นก็ตบเบา ๆ ไปที่แก้มของคนที่หลับอยู่
“แกง...แกงครับ...ตื่นเถอะ เดี๋ยวเรากลับบ้านกัน”
“อืม...กลับแล้วหรอครับ”
“อื้อ! กลับแล้ว...ลุกไหวไหม”
“ไหวครับ...” คนที่ยังไม่ลืมตาดีเอ่ยตอบก่อนที่เขาจะต่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือ จากนั้นฮั่นก็ปัดทรายที่เลอะตามตัวของคนเป็นน้องก่อนจะมาปัดของตัวเอง แล้วเขาก็โอบประคองคนที่ยังไม่ตื่นดีให้เดินไปที่รถ อย่างทุลักทุเล
ทิ้งตัวมาซะขนาดนี้ ถ้าตัวเล็กกว่านี้หน่อยจะอุ้มขึ้นบ่าเลย...
“แกง...”
“ครับ...”
“พี่ว่าแกงขี่หลังพี่ไปดีกว่า เดินแบบนี้กว่าจะถึงรถคงเช้าพอดี” ฮั่นว่าก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยให้แกงส้มยืนเองแล้วเขาก็ย่อตัวลง คนที่ยังไม่ตื่นดีมีท่าทีลังเล ก่อนที่เขาจะยอมขึ้นหลังคนเป็นพี่
จากนั้นคนสองคนก็เดินไปด้วยกันตามทางเดินที่ทอดยาว สายลมที่พัดหอบเอาความเย็นจากไอทะเลลอยมาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น กลิ่นของอาหารทะเลเผาที่ส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยของคนทั้งสองให้ทำงาน แม้จะทานอาหารเย็นมาแล้วก็ตาม ดวงจันทร์และดวงดาวที่อยู่เป็นเพื่อนกันบนฟากฟ้าสีดำทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรู้สึกดี ๆ
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้ เวลานี้ นาทีนี้...เขาสองคนมีความรู้สึกที่ดี ๆ ให้กัน...
ความรู้สึกดี ๆ ที่ทำให้หัวใจสองดวงยิ่งผูกพันกันมากขึ้น...มากขึ้น...ทุกวินาที
ถึง พี่หมีฮั่น
ผมได้ยินนะครับกับประโยคสุดท้ายที่พี่ถามผมวันนี้...
“เราเป็นแฟนกันต่อได้ไหมแกง...”
...ผมอยากตอบว่า...เป็นครับ...จัง...
แต่ผมก็ทำเป็นเงียบนิ่ง...เพราะอะไรพี่รู้ไหมครับ...
เพราะผมอยากให้พี่มาขอผมพรุ่งนี้ไง...!!!!
ฮ่า ๆ ๆ แลดูผมเป็นคนลีลามากเรื่องเนอะ แต่ผมอยากให้พี่ได้รู้ว่า...การที่เราได้อะไรมายาก ๆ มันก็จะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่ง ๆ นั้น ผมเองก็อยากจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของพี่...
หวังว่าพี่คงจะไม่ถอดใจและก็ท้อไปก่อนนะครับ!
วันนี้เราเล่นน้ำกันจนตัวเปื่อยและดำขึ้นเป็นกองเลย เอิ๊ก ๆ
ผมไม่ได้เล่นน้ำสนุก ๆ แบบนี้มานานแล้วนะครับ...มีความสุขมาก ๆ เลย >.<
มีความสุขจนลืมไปเลยว่าตัวเองมีรอยช้ำอยู่ที่ท้องและแก้ม ฮ่า ๆ ๆ ๆ
นี่แหล่ะน้า...ที่เขาบอกว่าช่วงเวลาที่เรามีความสุข เรามักจะไม่ค่อยนึกถึงสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วช่วงที่เวลาที่เรามีความสุขเราก็ควรจะนึกถึงช่วงเวลาที่เราทุกข์บ้าง เพราะเราจะได้ไม่สุขจนเกินพอดี เพราะการสุขจนเกินพอดีจะทำให้เราเหลิงจนเกินไป...เมื่อถึงเวลาที่เรามีความทุกข์เราก็จะทำใจให้ยอมรับความทุกข์นี้ไม่ได้ แต่หากเราสุขแบบพอดี ทุกข์แบบพอดี ชีวิตเราก็จะพอดี ๆ...
ฮ่ะ ๆ ๆ ดูผมเป็นคิดอะไรเยอะเนอะ....แต่มันคือสัจธรรมข้อหนึ่งของชีวิตนะพี่
พรุ่งนี้แล้วสินะครับ...ผมกะว่าจะซื้ออะไรไปเซอร์ไพร์สพี่ด้วยนะครับ
แต่จะเป็นอะไรนั้น...ผมขออุบไม่บอก รอให้พี่ไปลุ้นเอาเองแล้วกัน
แต่รับรองว่าพี่ต้องถูกใจกดไลค์แบบรัว ๆ อย่างแน่นอน...
พี่ฮั่นครับ...ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ...ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนพี่ยังไงให้มากพอกับทุกสิ่งที่พี่ทำให้ผม...ผมก็ขอตอบแทนด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีให้พี่นะครับ...
รอฟังคำตอบดี ๆ จากผมพรุ่งนี้นะครับ...
จาก เคเอสที่ย่อมาจากแกงส้ม ^^
ปล. คิดไปก่อนได้ไหมครับว่า...เราคงจะ ‘เขิน’ กันก่อนเป็นอันดับแรกตอนที่เจอหน้ากันแน่นอน!
แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ...
แกงส้มยิ้มออกมาเมื่อจรดปลายปากกาที่ตัวอักษรตัวสุดท้าย จากนั้นชายหนุ่มก็พับกระดาษแผ่นนี้ใส่ซองจดหมายที่เขาเตรียมไว้ ก่อนที่เขาจะหยิบจดหมายอีกหกฉบับที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้มารวมกับฉบับปัจจุบัน แล้วแกงส้มก็หยิบกล่องกระดาษสีส้มที่มีลายดอกไม้สีชมพูอ่อนตัดกับสีเขียวของต้นหญ้าที่เขาเพ้นท์เองกับมือขึ้นมาจากใต้โต๊ะ
“พรุ่งนี้จะพวกแกก็จะได้ไปหาเจ้าของที่แท้จริงแล้วนะเจ้าจดหมายน้อย...” แกงส้มว่าพลางหย่อนจดหมายทั้งเจ็ดฉบับลงไปในกล่องใบนั้น ก่อนที่เขาจะปิดผนึกพวกมัน แล้วผูกด้วยโบว์สีขาวสวยงาม
“ฝันดีนะครับพี่ฮั่น...แล้วพรุ่งนี้เจอกันครับ”
แล้วแกงส้มก็วางกล่องใบนี้ไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนที่เขาจะเดินไปมุดตัวในผ้าห่มผืนหนา พลางนอนตะแคงหันออกไปมองแสงไฟที่ตึก
...พรุ่งนี้แล้วสินะ...
ถึง แกงส้ม...ของพี่หมีฮั่น
ทำไมพี่ถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้มแก้มไม่หุบแบบนี้นะแกง...เป็นเพราะวันนี้เราได้ไปเที่ยวทะเลด้วยกันแน่ ๆ เลย
แกงจะน่ารักไปไหนนะ...โอ๊ย! พี่เพ้อมากเลยนะตอนนี้...
บางทีพี่ก็กลัวว่าจะต้องพบเจอกับวันพรุ่งนี้นะ...แต่พี่ก็รู้ว่า...ไม่ว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้หรือวันนี้หรือวันไหน ๆ แต่คนที่ทำให้พี่ยิ้มได้ หัวเราะได้ และมีความสุขได้ขนาดนี้ก็คือแกง...
และมันจะเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พี่รู้ว่าแกงยังไม่หลับตอนที่พี่ถามว่า
“เราเป็นแฟนกันต่อได้ไหมแกง...”
ทำไมพี่ถึงรู้น่ะหรอ...
ก็เพราะตอนที่พี่ถามแกงสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งจนพี่จับความรู้สึกได้...แต่แกงก็ยังทำเป็นเนียนเหมือนว่าหลับอยู่...
พี่รู้ว่าแกงยังไม่พร้อมที่จะตอบพี่...ซึ่งพี่ก็รอแกงได้เสมอครับ...
พี่ไม่เคยท้อที่จะต้องรอให้แกงพร้อม เพราะว่า...ความรู้สึกดี ๆ ที่พี่มีให้แกง แม้จะต้องใช้เวลาพิสูจน์ทั้งชีวิต แต่พี่ก็พร้อมที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตนั้นพิสูจน์ให้แกงเห็นครับ...
เพราะอะไรรู้ไหมครับ...ก็เพราะว่าพี่รู้สึก ‘พิเศษ’ กับแกงยังไงล่ะครับ...
แกงคือคนพิเศษ...พิเศษที่สุดในหัวใจ
เพราะฉะนั้นพี่ก็รอฟังคำที่แกงจะบอกกับพี่ว่า...
พี่เองก็คือ ‘คนพิเศษสำหรับแกง’ อยู่นะครับ ^^~
จาก พี่ฮั่น...ไม่สิ...ต้องพี่หมีฮั่น
ปล.พรุ่งนี้พี่มีของขวัญสุดพิเศษมาให้คนพิเศษอย่างแกงด้วยนะครับ รอรับนะ...
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้คนที่กำลังเขียนจดหมายอยู่มีความสุขมากแค่ไหน...
วันเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่ความจริงแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของคนสองคน พรุ่งนี้คงเป็นวันที่ดี...ที่คนสองคนจะได้มาเปิดเผยความรู้สึกดีที่ให้กัน
ฮั่นพับกระดาษเขียนจดหมายนี้ใส่ลงไปในซองที่เตรียมไว้ ก่อนที่เขาจะหยิบจดหมายฉบับนี้ไปใส่รวมไว้กับกล่องไม้สีน้ำตาลอ่อนที่เขาทำเองกับมือ ตุ๊กตาป๊อบอัพเป็นรูปหมีน้อยตัวเล็ก ๆ น่ารักที่เด้งขึ้นมาจากกล่องทำให้คนที่มองยิ้มออกมา
“หวังว่าแกงจะชอบกล่องนี้นะ...”
พูดกับตัวเองเสร็จ ฮั่นก็วางกล่องไม้นั้นไว้ที่เดิม แล้วเขาก็เอนหลังลงนอนกับเตียง พลางหันหน้าไปมองทางผนังกำแพงห้อง
มองแบบที่อยากจะให้กำแพงนี้ทะลุไปถึงห้องของคนที่อยู่ตรงข้าม
“ฝันดีนะแกง...แล้วพรุ่งนี้เจอกันครับ...”
...พรุ่งนี้...ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
พรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ วันนี้ก็คือวันนี้ เมื่อวานนี้ก็คือเมื่อวานนี้...ทุกสิ่งล้วนเรียงตามอนาคต ปัจจุบัน และอดีต...ทุกช่วงเวลาต่างมีความสำคัญในตัวของมันเอง แต่หากจะถามว่าช่วงเวลาไหนที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น...วันนี้...เพราะว่าวันนี้คือช่วงเวลาปัจจุบัน...คือช่วงเวลาที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับมัน...จงทำช่วงเวลาปัจจุบันที่เรามีให้ดีที่สุด...อดีตเป็นเพียงช่วงเวลาที่เราเคยผ่านมา มันมีค่าพอแค่ให้เราได้ทบทวนความทรงจำแต่มันไม่มีค่าพอให้เราเดินกลับไป...เช่นเดียวกับอนาคต...มันเป็นช่วงเวลาที่มีไว้ให้เรามองแล้วจินตนาการเท่านั้น แต่มันจะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่...ก็ขึ้นอยู่กับปัจจุบันที่เราทำต่างหาก...
//ไม่รู้ว่าฟิคตอนนี้จะถูกใจกันมากแค่ไหนนะคะ...มันดูแปลก ๆ นะในความรู้สึกของกวาง (เอ๊ะ! หรือว่ากวางคิดไปเองคะ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เอาเป็นว่า...กวางยังไม่หายป่วยดี ยังเป็นหวัด มีไข้ขึ้นลงสลับกับอากาศ เจ็บคอจนเสียงเหมือนเป็ด (น่าเกลียดมาก) และมีรายงานมากองทับถมจนแทบจะไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนได้ นอกจากปั่นฟิคกับปั่นรายงานสลับกัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ดังนั้นกวางขอบคุณสำหรับทุกความห่วงใยของคนอ่านทุกคนนะคะ (รู้นะว่าเป็นห่วงเค้าเพราะกลัวไม่มีคนเขียนฟิคให้อ่านใช่ไหมคะ...?) ฮ่า ๆ ๆ แซวเล่นน้า...เค้าขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ><
ไม่รู้ว่าจะเป็นการบอกกล่าวให้เตรียมตัวล่วงหน้าหรือเปล่านะคะ แต่ถ้าหากว่าอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ข้างหน้านี้กวางคงจะไม่ได้มาอัพบ่อยได้เท่านี้ (นี่อัพบ่อยแล้วใช่ไหม...?) ฮ่า ๆ ๆ คือคงแบบอาทิตย์หนึ่งอัพได้แค่ตอนสองตอนเท่านั้น...เพราะกวางต้องอ่านหนังสือสอบแล้วค่ะ กวางเรียนบัญชี เพราะฉะนั้นมันก็จำเป็นต้องอ่านเยอะ ๆ ทำแบบฝึกหัดแยะ ๆ เพราะงั้น...คนอ่านที่รักเข้าใจเค้าน้า....
แต่เค้าจะพยายามมาอัพให้ได้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ช่วงอาทิตย์นี้ยังได้อยู่ค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ขอบคุณที่รออ่านนะคะ...ขอบคุณที่ไปทวง (มันแปลว่าทุกคนรออ่านฟิคเค้า) ><
เอ่อ...จริง ๆ แล้วก็ไปพูดคุยกันที่ https://twitter.com/Jao_Kwang นะคะ
ทักทายได้ตลอดค่ะ...หรือจะสะดวกคุยกันในนี้ก็ได้เนอะ...
เวิ่นมาเยอะ...เรื่องราวในตอนนี้ลากยาวมากๆ เลย...ก็อย่าเบื่อและเหนื่อยที่จะอ่านนะคะ ^^ โน่หมิวในตอนนี้เยอะมากจริง ๆ (คือกวางอยากค่อย ๆ คลี่คลายไปให้มันกระจ่างน่ะค่ะ) ยังไงก็ขอให้สนุกกับฟิคตอนนี้นะคะ ติดตามลุ้นกันต่อไปเรื่อย ๆ น้า...รักคนอ่านทุกคนค่ะ...มาก ๆ...
ความคิดเห็น