คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : TOM (or) BOY - 21
TOM (or) BOY
21
นิ้วมือที่จับปากกาลายการ์ตูนค่อยๆ คลายออก ตาคู่เรียวปรือลงด้วยความง่วงนอนเต็มที แต่ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา คนตัวเล็กก็ถูกมือปริศนาโยกมาทำร้ายร่างกาย นิ้วมือขาวๆ นั้นบรรจงหยิกลงที่แก้มใสเข้าอย่างจัง ซ้ำยังส่งแววตาดุเข้าขู่ใส่อีกต่างหาก
คชาได้แต่ถ่างตาเรียนต่อไปทั้งๆ ที่อยากจะฟุบลงหลับตั้งแต่หลายนาทีก่อน เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่อ่านการ์ตูนเลยอยู่ในอาการนี้ แต่ครั้นจะบอกเหตุผลก็ไม่กล้า เพราะคนให้ยืมการ์ตูนที่ว่าน่ะ คือคนเดียวกับที่คอยเตือนไม่ให้หลับ!
โดนว่าน่ะไม่เท่าไหร่ ที่กลัวจริงๆ คือกลัวไม่ได้ยืมนารูโตะมาอ่านต่างหาก! จริงๆ การ์ตูนเป็นของน้องเต๋อแท้ๆ แต่คนพี่นี่สิคอยบงการตลอด
ถ้าเช่าร้านตั้งเล่มละห้าบาทเชียว แถมร้านก็ไม่ได้ใกล้หอสักเท่าไหร่
“ตั้งใจเรียนสิ อีกสองอาทิตย์จะสอบแล้วไม่ใช่หรอ?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามแม้จะฟังดูตำหนินิดหน่อยแต่แววตาคนถามกลับส่งความห่วงใยไม่ปกปิด
“อ้าว อีกสองอาทิตย์หรอ” หากแต่คนฟังกลับไม่ได้สังเกต คชาทำหน้างงใส่ก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าเบลอๆ อย่างคนนอนไม่พอเช่นเดิมด้วยความที่ไม่คิดอะไร... สองอาทิตย์แล้วไงล่ะ อีกตั้งนานนี่นา
“นี่ไม่ได้ฟังที่อาจารย์พูดเลยใช่ไหมเนี่ย” เต๋าทำหน้าหน่ายๆ ตาก็เหลือบมองสมุดโน้ตเล่มบางบนโต๊ะที่จดเล็กเชอร์ด้วยลายมือเป็ดเขี่ยเอาไว้ คิ้วหนาขมวดมองมันอย่างพิจารณา “เดี๋ยวจดให้” ว่าแล้วก็หยิบอุปกรณ์การเรียนของอีกคนไปโดยไม่ที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ เจ้าเกมแองกรี้เบิร์ดที่ถูกหยิบขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาจึงกลายเป็นหมันไปโดยปริยาย
“ตั้งใจฟังอาจารย์สอนล่ะ” เต๋าพูดทิ้งท้ายโดยมีเสียงตอบรับเบาๆ ของอีกคนในลำคอ
มือหนากำปากกาตั้งใจจดเลกเชอร์มือเป็นระวิง ตาก็มองสไลด์หูก็ฟังเสียงบรรยายของอาจารย์ที่หน้าห้อง จนกระทั่งไหล่กว้างสัมผัสกับปลายผมเส้นบางของคนข้างๆ นั่นแหละจึงรู้สึก
คชาหลับตา ศีรษะโงนเงนจนกระทั่งมาเบียดไหล่ของอีกคน พอชนเข้าจังๆ ก็กระเด้งไปนั่นตัวตรงอย่างเดิมทั้งที่ตายังหลับสนิท เต๋าเหลือบมองเจ้าชายน้อยที่นอนหลับสะลึมสะลือไม่รู้เรื่องรู้ราว... ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเป็นกังวล
อีกสองอาทิตย์คชาจะสอบกลางภาคแล้ว...
เช่นเดียวกัน... อีกสองอาทิตย์ นักศึกษาหลักสูตรนานาชาติอย่างเต๋าก็จะเปิดภาคเรียนจริงๆ หลังหมดคอร์สเรียนซัมเมอร์ และนั่นหมายถึงเต๋าไม่มีโอกาสมาตามกำกับดูแลอีกคนเหมือนอย่างตอนนี้อีกต่อไป
เต๋ายกมือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะจัดแจงให้ศีรษะฟุบลงบนแขนที่เจ้าตัววางไว้บนโต๊ะ
เฮ้อ...จะไหวไหมเนี่ย???
อาหารมื้อเที่ยงวันนี้คชาหลบมาที่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์กับเต๋าสองคน คงเพราะวันนี้เลิกก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงเลยยอมเดินไกลมาถึงนี่ และยังไม่ไกลจากตึกเรียนของเต๋าในตอนบ่ายมากนัก
“อาทิตย์หน้าไม่มานั่งเรียนด้วยแล้วนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าอีกคนที่นิ่งเงียบไปถนัดหลังจากได้ยิน “เรียนซัมเมอร์จบแล้วน่ะ พวกไอ้น้ำแข็งมันชวนไปเที่ยว”
“อ่าวหรอ” คชาตอบกลับอีกฝ่าย มือซ้ายยังคีบตะเกียบหยิบลูกชิ้นในจาน
“ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ อาทิตย์หน้าหนสุดท้ายก่อนมิดเทอมแล้ว”
“รู้น่า สั่งยังกะเป็นแม่” คชายู่หน้าก่อนจะเคี้ยวลูกชิ้นปลา ตาคู่ใสหลบลี้จากพิกัดสายตาของอีกคน ไอ้การที่เต๋ามานั่งเรียนด้วย ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ กลัวอาจารย์จับได้แล้วจะโดนว่า แล้วก็อายเพื่อนๆ อีก
แต่พอเจ้าตัวบอกจะไม่มานี่สิ มันกลับโหวงๆ ชอบกล
“แล้วไปเที่ยวที่ไหนอะ?” คชาเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคิดอะไรให้มากไปกว่านี้
“ไม่รู้พวกไอ้น้ำแข็งมันเหมือนกัน” เต๋าตอบ “อยากไปด้วยไหม?”
“หา...เอ่อ ไม่ดีมั้ง” คำตอบนั้นทำเอาคนถามขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “จะสอบแล้วไง ต้องอ่านหนังสือสิ”
สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของนายนนทนันท์ตัวจริงเสียงจริง... และนั่นทำเอาเต๋ายิ้มรับบางๆ “ดีแล้ว...” เขาพูดแค่นั้นโดยหารู้ไม่ว่าที่จริงอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
มันก็แค่เรื่องไม่สำคัญ...
- - -
ตั๋วหนังสองใบรอบวันศุกร์บ่ายเป็นการพักผ่อนครั้งสุดท้ายก่อนคชาจะเข้าสู่ช่วงสอบ ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ของโปรดคนตัวเล็กถูกเลือกมาสำหรับโอกาสนี้ เต๋าเห็นอีกคนนั่งมองจอภาพยนตร์ตาแทบไม่กะพริบก็อดยิ้มขำไม่ได้ ดูตาแวววับนั่นสิ ยังกับเด็กน้อยนั่งเฝ้าหน้าจอทีวีดูการ์ตูนตอนเช้าวันเสาร์
เขาว่ากันว่า ความเป็นเด็กมีอยู่ในตัวทุกๆ คน สำหรับคชา...อาจจะมีเยอะหน่อยล่ะมั้ง
“โหยเต๋า โคตรสนุกเลยอะ อยากดูอีกรอบชะมัด” ขนาดที่ว่าเดินออกจากโรงจนมาขึ้นแท็กซี่แล้วยังโม้ไม่เลิกนี่แหละ
“อืม... ก็ดี”
“ก็ดงก็ดีอะไร สนุกจะตาย” คชาพูดสวนทันควัน “ไว้ชวนพวกเฟรมมาดูดีกว่า” คนพูดเอ่ยลอยๆ อย่างไม่ได้คิดอะไรนัก แต่คนฟังน่ะยิ่งกว่าคิด
“ทำไมต้องดูกับเฟรม?”
“อ้าว แล้วจะให้ดูกับใครล่ะ?”
เต๋าไม่ได้ตอบหากแต่นั่งนิ่งเผื่อว่าอีกคนจะเข้าใจเองเสียบ้าง แต่สุดท้ายก็ทนมองอีกคนทำหน้าเป็นหมาขี้สงสัยไม่ไหว เลยยกนิ้วมาชี้ที่ตัวเอง “ดู กับ เต๋า”
เพียงเท่านั้นก็เรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้ไม่น้อย... แม้ข้อสงสัยบางประการจะยังคงอยู่ “แต่วันนี้ดูไปแล้วนี่ จะดูอีกหรอ?”
“ก็แล้วใครล่ะอยากดูรอบสอง”
“ก็เราชอบหนิ” คชาเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะยู่ปาก “แต่เต๋าบอกแค่ ‘ก็ดี’ เอง”
“มันไม่เกี่ยวกับหนังเสมอไปหรอก”
ไม่ทันที่คนตัวเล็กได้พูดตอบอะไร รถแท็กซี่ก็มาจอดเลียบถนนทางเข้าตรอกบ้านเต๋าเสียแล้ว... ทั้งคู่ลงมาจากรถเดินมาไม่นานก็ถึงบ้านของเต๋า
แน่นอน... คชามานอนบ้านเต๋าทุกอาทิตย์จนเป็นกิจวัตรไปซะแล้ว
ไม่นานนัก ไฟบนห้องชั้นสี่ก็ถูกปิดลงพร้อมๆ กับการเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันของคนสองคน
คืนนี้เป็นคืนที่ดี...
แสงตะวันยามเช้าที่ส่องแยงตาผ่านรอยต่อของผ้าม่านไม่มีผลใดๆ เมื่อคนตัวเล็กขยับใบหน้าหนี คชายังคงซุกกอดเจ้าของห้องต่างหมอนข้างด้วยความเคยชิน ในยามไม่ได้สติ ใบหน้าหวานขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายราวกับจะยั่วเย้า โดยเฉพาะปลายจมูกรั้นที่ลากผ่านแก้มขาวสว่างของลูกชายคนโต
เต๋าอมยิ้มน้อยๆ มองดูเวลาจากนาฬิกาที่ฝาผนังก่อนจะยกมือลูบศีรษะคนตัวเล็กเบาๆ
“ตื่นได้แล้ว” เพิ่มระดับเสียงเพื่อปลุกคนขี้เซา “ตื่นเร็ว อาบน้ำกินข้าวเสร็จจะได้มาอ่านสอบไง”
“อ...อือ” หากแต่ผลตอบรับมีเพียงตาคู่เรียวที่หรี่มองเขาก่อนจะขยับตัวหนีไม่สนใจ
“ชา... อย่าว่ายากสิ” กดเสียงดุแต่ที่ทำเพราะความเป็นห่วงไม่ใช่อะไร เต๋าลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้มลงประชิดใบหน้าของเด็กดื้อ เห็นสีหน้าตื่นๆ ของคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่อยากลุกแล้วก็นึกสนุกขึ้นมา
“จะตื่นได้รึยังครับ?” คำถามที่สุภาพเป็นพิเศษยิ่งฟังดูเจ้าเล่ห์ขึ้นกว่าเดิม ตาคู่คมจ้องมองใบหน้านิ่งกับตาที่เบิกโตขึ้นก็ยิ้มกริ่ม
“คนตื่นสาย ต้องโดนลงโทษ”
“ลงโทษ...อ..อะไร?” คนตัวเล็กหน้าเหวอแต่เช้า คิ้วขมวดเป็นปม แก้มขึ้นสีจางเมื่ออีกคนกำลังเข้าใกล้กว่าเดิม ตาจ้องมองริมฝีปากแดงสุขภาพดีแทบไม่กะพริบ
ถึงจะเคย(จูบกัน) แต่เอาจริงๆ มันก็ยังไม่ชิน ตาคู่เรียวหลับลงยอมรับโทษแต่โดยดี
‘เป๊าะ!’
แต่ผิดคาด แทนที่จะเป็นเสียงจ๊วบจ๊าบ(?) ดันกลายเป็นเสียงดีดหน้าผากเข้าอย่างจัง คนถูกกะทำลืมตามองอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ยกมือลูบหน้าผากมนพลางค้อนใส่ทันทีที่เห็นอีกคนยิ้มล้อเลียน
คงหาว่าเขาคิดทะลึ่งอยู่แน่ๆ …เปล่านะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีประสบการณ์นี่นา!
บรรยากาศบ้านครอบครัวเพียงพอในวันเสาร์ยังคงเป็นไปอย่างสบายๆ คชานั่งอ่านหนังสือสอบอยู่ที่โซฟาด้านล่าง ข้างๆ กันมีคุณลูกชายคนโตที่มานั่งเป็นเพื่อน
ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มหนาในมือมันมีเวทมนตร์อะไร คชาถึงรู้สึกเหมือนถูกเสกให้ง่วงทุกครั้งที่เข้าใกล้แบบนี้... เพิ่งอ่านไปได้ 20 กว่าหน้าเองนะ
ออกสอบร้อยกว่าหน้า... แล้วยังต้องจำให้ได้อีก!
หากแต่เมื่อคชาหันไปหาคนข้างๆ ก็ต้องเบิ่งตาโต
‘นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ’ หรือที่เรียกกันตามชื่อตัวละครหลักว่า ‘นารูโตะ’!!!
“อ่านมั่งดิเต๋า” คชาพูดเสียงเอื่อยๆ กับคนที่นั่งอ่านการ์ตูนสบายใจเฉิบ “นะนะนะ” สะกิดแขนเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ
“อ่านหนังสือให้จบก่อนสิ” เต๋าหันมาตอบเรียบๆ อย่างเป็นต่อ
“ไม่เอา น่าเบื่อจะตาย” ทำหน้าย่นแสดงอาการเบื่อหน่ายเต็มประดา “เต๋ารู้ป้ะ ตอนม.ปลายเราชอบอ่านเรื่องนี้มากเลย แต่พอจะสอบเอ็นท์เลยหยุดอ่านไป” แต่พอพูดถึงการ์ตูนที่ว่า ดวงตากลับสดใสเป็นประกาย
“ให้อ่านหน่อยนะ นิดเดียวเอง”
“ก็ได้” ว่าจะไม่ใจอ่อนแล้วเชียว แต่ก็ต้องยอมแพ้จนได้ ใครใช้ให้มาทำตาแป๋วน่าสงสารใส่แบบนี้ล่ะ
ถึงจริงๆ แล้วมันจะน่า...อย่างอื่น... มากกว่าก็เถอะนะ
วันเสาร์...เป็นปกติที่น้องเต๋อน้องต๋อสองแสบจะออกไปเรียนพิเศษ เหลือก็แต่พ่อต๋อยแม่เต่าที่นั่งดูทีวีสบายๆ อยู่ที่บ้าน คชาเลยย้ายถิ่นฐานกลับไปบนห้องของเต๋าเหมือนเคยด้วยความเกรงใจ ชีทเรียนความหนาพอประมาณกระจายเต็มพื้นที่โต๊ะเขียนหนังสือไม้ตัวเก่า คนตัวเล็กเพียงแลมันด้วยหางตา ริมฝีปากแย้มยิ้มสบายใจ
เพราะในมือมีการ์ตูนอยู่นี่เอง!
จบเล่มที่สามแล้ว ถ้าทำแบบนี้ได้กับหนังสือเรียนคงเก็ทเอทุกวิชา!
“ชา... แม่ให้เอาขนมมาให้” เต๋าที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นว่าอีกคนยังคงอ่านการ์ตูน
“ชา...ไปอ่านหนังสือได้แล้ว”
“ก็อ่านอยู่ไง”
“หมายถึงหนังสือเรียน”
“เดี๋ยวก่อนน่ะ กำลังได้ที่เลย”
“ชา...” เต๋าทำหน้าดุ น้ำเสียงก็เย็นเยียบ หากแต่มันไม่มีความหมายเลยตราบที่อีกคนไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว
“ชา... พอได้แล้ว”
แล้วเขาก็ได้รู้ว่า ไอ้คนที่ยืนอยู่ตัวเป็นๆ เทียบความสำคัญกับไอ้ตัวการ์ตูนขาวดำผมตั้งนั่นไม่ได้สักนิด
มือหนากระชากหนังสือการ์ตูนเล่มนั้นออกมาอย่างสุดจะทนก่อนจะโยนมันออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“เฮ้ย! เต๋า ทำไมแบบนี้อะ!?” คนกำลังเพลินโวยวายทันทีที่เห็นใบหน้าดุๆ เข้ามาแทน
“ก็แล้วใครล่ะ ที่ไม่ยอมฟังกันบ้างเลย”
“เราก็อ่านของเราดีๆ นี่ เต๋าจะห้ามเราทำไม”
“แล้วมะรืนนี้ ใครกันล่ะที่มีสอบ”
“จะใครล่ะ... ก็คชาไง!” เจ้าตัวจัดการเฉลยคำตอบที่คนถามรู้ดี หากแต่แววตาคู่นั้นยังฉายความดื้อรั้นอย่างเต็มเปี่ยม “เราดูแลตัวเองได้น่ะ เรื่องแค่นี้จะมาอะไรกันนักกันหนา” ขาเรียวลุกขึ้นไปหาเจ้าการ์ตูนเล่มนั้น ทว่ากลับถูกอีกคนเข้ามาขวางไว้
“จะหวงอะไรนักหนา กะอีแค่การ์ตูน” คนตัวเล็กยังคงสีหน้าบึ้งๆ เอาไว้เหมือนเคย ก่อนจะหันหลังไปเก็บชีทที่วางเกลื่อนอยู่ที่โต๊ะ
“ได้... จะไปอ่านหนังสือเดี๋ยวนี้แหละ” พูดไปมือก็เก็บมันใส่กระเป๋า... อยากให้อ่านนักก็ได้ คชาอ่านแน่ แต่ไม่ใช่ที่นี่เท่านั้นเอง
เบื่อ! เซ็ง! หมดอารมณ์!
“ไม่ได้หวงการ์ตูน แค่ห่วงจะอ่านไม่ทัน” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นขณะที่อีกคนคว้าลูกบิดประตู มีผลเพียงแค่ให้คนตัวเล็กหยุดชะงักลงชั่วคราว
“โตแล้วน่ะ” เสียงใสตอบทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้ “เดี๋ยวไปหอสมุด นัดพวกไอ้เฟรมไว้” จริงๆ นัดกันบ่ายสอง แต่ไปรอก่อนก็ได้วะ
ดูเหมือนขนมปังปิ้งกับนมบนโต๊ะจะต้องกลายเป็นหมันซะแล้ว...
เที่ยงวันเสาร์ หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยเริ่มหนาตาไปด้วยเหล่านักศึกษา คชาที่เพิ่งมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรกมองสถานที่แห่งนี้ด้วยความรู้สึกชอบใจ มันถูกตกแต่งภายในอย่างเรียบง่ายแต่มองดูสบายตาและอบอุ่นดี และคงเป็นโชคดีไม่น้อยที่นักศึกษากลุ่มหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะพอดี คชาจึงรีบเสียบแทนที่โดยพลัน
การออกมาอย่างกะทันหันจากบ้านเต๋ายังคงทำให้ความรู้สึกยังค้างคา... ถึงที่นี่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ก็ไม่เท่า ‘บ้าน’ ทว่ามวลความหงุดหงิดบางอย่างก็ยังไม่ถูกลบเลือนไป
ก็รู้ว่าเป็นห่วง... แต่ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ! ฮึ่ยยยยยยยยยยยยย ขัดใจ!
“เมนส์ไม่มารึไงวะชา?” เสียงทักทายดังขึ้นจากเพื่อนซี้ที่นัดพบไว้หลังจากนั่งรอมาร่วมสองชั่วโมง เฟรมที่มาพร้อมกับแพรวา กำลังยิ้มร่าดูแล้วโคตรน่าหมั่นไส้
ไอ้บ้านี่ อย่ามาล้อแบบเดียวกับที่เคยโดนใครบางคนล้อสิวะ!
คชาทำตาขวางใส่เพื่อนซี้ร่วมหอที่นัดมาติวหนังสือ เหตุที่ไม่นัดติวที่หอไปเลย เพราะยังมีแพรวา แอ้น โปเต้ด้วยไงล่ะ ถึงสองรายหลังจะกำลังเดินทางอยู่ก็ตาม
“อ่านถึงไหนแล้วเนี่ย?” แพรวาถามขึ้น เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “เราอ่านจบแล้วแต่ยังจำไม่ได้เลย เนื้อหาเยอะสุดๆ”
“หา...จบแล้วหรอ? เรายังอ่านไม่ถึงครึ่งเลย”
“อื้ม จะสอบวันจันทร์อยู่แล้วนะชา ต้องเร่งหน่อยสิ” และคำตอบของแพรวาก็ทำเอาคนฟังรู้สึกแทงใจดำไม่น้อย
แทงใจดำจริงๆ... รู้สึกใจดำ..ที่เดินปั้นปึ่งออกมาจากบ้านเขาหลังจากไปอาศัยนอนซ้ำยังกินข้าวนั่งเล่นอยู่นานสองนาน นี่ยังไม่ทันบอกลาพ่อแม่เขาด้วยซ้ำไป
แต่อีกด้านหนึ่ง... คชายังนึกหงุดหงิดที่ไม่ถูกอีกคนตามใจเหมือนเคย… เขาทำผิดตรงไหน อยู่ดีๆ มาโยนการ์ตูนออกไปอย่างนั้นมันใช้ได้ที่ไหนกันเล่า!!!
คนตัวเล็กทำปากบู้บี้อยู่คนเดียวซะจนถูกเพื่อนทั้งสองล้อเลียน พอรู้สึกตัวเข้าก็โวยใส่นิดหน่อย ...กับเพื่อนๆ คชายังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงมากนัก มันต่างออกไปเมื่ออยู่กับใครบางคน... ไม่รู้ว่าเขาไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน แต่คงเพราะที่อีกฝ่ายทำให้เขามากเกินไปจนเคยตัว
คชาเปลี่ยนความคิดมาสนใจชีทเรียนบนโต๊ะเมื่อเพื่อนอีกสองคนมาถึง มือเปิดสมุดเลกเชอร์เล่มบางของตัวเองเข้าประกอบ เปิดดูผ่านๆ แต่กลับสะดุดเข้าตรงลายมือแปลกๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง เนื้อหาที่เรียนในวันนั้นถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ลายมือแม้ไม่สวยแต่ก็อ่านรู้เรื่องดี
แต่ยิ่งอ่าน...ยิ่งนึกถึงคนที่จดให้...และยิ่งรู้สึกจุกๆ ข้างใน
‘ใครก็ไม่รู้นั่งหลับซะน่าหมั่นเขี้ยว หวงจัง ห่วงด้วย...อย่าหลับบ่อยๆ นะ’ เต๋าคงเขียนไว้ตั้งแต่วันที่นั่งจดให้ แต่เขาไม่เคยสนใจอ่านมัน
‘ตั้งใจอ่านหนังสือนะชา สู้ๆ ครับ ;)’
ไอ้บ้าเอ๊ย!!! ทำไมชอบทำให้เขารู้สึกผิดนัก!
คชานั่งมองที่ว่างข้างๆ กาย... ถ้าเขาไม่หุนหันพลันแล่นออกมาแบบนี้ คงได้ชวนอีกคนมาหอสมุดด้วยกันแล้ว
TBC
ขอโทษคนอ่านทุกท่านที่มาต่อช้า แต่เอาน่า มาช้ายังดีกว่ามาสาย มาสายยังดีกว่าไม่มา แหะๆ
นี่มันใกล้จบจริงๆ หรอ #ถามตัวเอง
ขอบคุณทุกคนที่ตามทวงและเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ อิอิ รักคนอ่านทุกคน จะดีมากเลยถ้าเม้นกันสักนิด 555 อยากรู้ฟีดแบคอะว่าที่แต่งไปน่ะคิดยังไงบ้าง (ตอนนี้แต่งตั้งสามรอบแน่ะ เปลี่ยนไปๆมาๆ)
สุดท้าย ขอโปรโมท 'ละครนิเทศ จุฬาฯ' เรื่อง วงกฎ ด้วย ใครอยู่กทม.มาดูกันนะคะ
รายละเอียด คลิกเลยจ้า (ฝากกดไลค์กันด้วยนะ)
ขายบัตรวันแรกวันจันทร์ที่ 16 ก.ค. นี้แล้ว >w< มาดูกันเยอะๆ นะจ๊ะ
ใครจะมาดูบอกคนแต่งด้วยเดี๋ยวไปหา อิอิ
ป.ล. อยากอ่านตอนพิเศษอะไร / ฉากอะไร ก็บอกกันได้นะจ๊ะ >w<
ความคิดเห็น