ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #22 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 20

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 55


    TOM (or) BOY

    20

     

     

     

     

     

    ห้องเรียนขนาดใหญ่ในเวลาก่อนเข้าเรียนยังคงเงียบสงบเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเรียน  วันนี้คชามาถึงแต่เช้าเนื่องด้วยว่าจะมานั่งงีบรออาจารย์ คชานั่งลงบนเก้าอี้แถวกลางของห้องในฝั่งซ้ายมือ ก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ... หนุ่มหล่อคนดังของคณะบริหารอินเตอร์ที่บอกจะแวะมาส่ง แต่ไม่ยอมกลับไปเสียที

    “ไปดิ... จะนั่งทำแมวอะไร?”  คชาออกปากไล่คนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ  เพราะเมื่อคืนเขายังไม่ได้นอนที่หอใหม่แต่ค้างบ้านเต๋าอีกวัน ผลลัพธ์เลยคือการที่อีกคนมาส่งเขาแบบนี้แหละ  “เดี๋ยวอาจารย์จะมาแล้วเนี่ย ออกไปเร็ว”

    “ไม่เอา วันนี้จะเรียนด้วย”

    “ตัวเองไม่มีเรียนรึไง?”

    “ไม่มี อาจารย์ยกเลิกคลาสตอนเช้า...”  เต๋าพูดพลางถอดกระเป๋าสะพายของตนลงวางบนพื้นข้างๆ  “ชาว่างตอนบ่ายไม่ใช่หรอ? เที่ยงกินข้าวเสร็จแล้วไปส่งเราที่คณะหน่อยสิ”

    “หมายความว่าจะนั่งอยู่นี่ยันเที่ยง”

    “ไม่ได้หรอ?”  เต๋าถามเสียงอ้อน  “เรากำลังศึกษาดูใจกันอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

    คชานิ่งไปเมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำปากยื่น... ศึกษาดูใจหรอ คือจะว่าไงล่ะ ไอ้คำนี้มันก็ไม่ผิดนักหรอก เขาเป็นคนบอกเต๋าไปเองว่าอยากรู้จักกันให้มากกว่านี้  แต่อย่ามาทำหน้าจริงจังเกินไปแบบนี้สิวะ

    คนมันเขินนะเว่ย!

    “เออ... ก็..ตามใจละกัน” 

    เพราะเขารู้ ถึงห้ามยังไง เต๋าก็รั้นไม่ไปอยู่ดีนั่นแหละ...แล้วอีกอย่าง อยู่ด้วยกันแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน...

     

    วันนี้คชามาถึงห้องเรียนก่อนเวลาเรียนสิบห้านาทีคนจึงน้อยอยู่ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป นักศึกษาก็ค่อยๆ ทยอยเดินเข้ามาพร้อมด้วยเสียงซุบซิบไม่ขาดสาย

    จะเพราะอะไรล่ะ... ถ้าไม่ใช่...

    “แหมๆ ตัวติดกันเลยนะ”  เป็นเฟรมที่เอ่ยคำนี้เมื่อเห็นพวกเขานั่งอยู่ก่อน  เฟรมวางของลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ คชา หากแต่ยื่นหน้าไปทักทายอีกคน  “หวัดดีเต๋า...มาส่งไอ้ชาหรอเนี่ย”

    “อืม... แต่ว่างๆ ไม่มีไรทำเลยว่าจะมานั่งเรียนด้วยอะ” 

    “อ้าวชา...พากิ๊กมาหรอวะ?”  ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก... โปเต้เดินเข้ามาร่วมวงพอดี

    “เปล่า... ไม่ใช่กิ๊ก”  หากแต่ท่าทีนิ่งๆ ของเต๋าทำเอาใบหน้าทะเล้นของโปเต้ที่เอ่ยแซวต้องชะงักไป  “ตอนนี้เป็นเพื่อน แต่เดี๋ยวจะเป็นมากกว่านั้น”  เต๋าเอ่ยพลางหันมามองหน้าคชาอย่างมีความหมาย จนโปเต้กับเฟรมแอบส่งเสียงโห่ฮิ้วให้อีกระลอก

    “ไอ้พวกนี้... หุบปากไปเลย คนเขามองกันทั้งห้องแล้ว”  คชาส่งเสียงขู่ๆ ออกไป ใบหน้าหวานๆ ทำเข้มใส่เพื่อนซี้ร่วมก๊วนทั้งสอง

    “อะไรว้า... หวงเต๋าหรอ ไม่เอาน่าน้องทอม”

    “ไหนว่ายังไม่เป็นแฟนกันไง หึงซะแล้ว”

    “กูเปล่าหวงแต่กูอายว้อย!!!!!!!!

    กว่าเสียงหัวเราะและรอยยิ้มล้อเลียนจากเพื่อนทั้งสองจะสงบลงได้ก็เป็นตอนที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน  ด้วยนิสัยเด็กนิเทศที่มาสายอยู่บ่อยๆ ทำให้นักศึกษาเริ่มทยอยกันเข้ามามากขึ้นหลังเวลาจริงสิบห้านาที ไม่เว้นแพรวาและแอ้น

    เขาหันไปทักทายพวกเธอตามปกติ  รอยยิ้มของแพรวาที่ส่งกลับมาฉายแววล้อเลียนอยู่น้อยๆ ทว่าไม่ทำให้เขารู้สึกเก้อเขิน  ต่างจากรอยยิ้มของแอ้นที่มองดูแล้วเศร้าสร้อยพิกล

    แต่จะให้คชาทำยังไง... ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้

    หวังว่า เวลาคงช่วยให้อะไรๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

     

    ความง่วงเข้ามาเยือนอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปได้เกือบหนึ่งชั่วโมง... วิชานี้เลิกเรียนตอนเที่ยง และตอนนี้เพิ่งสิบนาฬิกาตรง นั่นหมายความว่าอีกสองชั่วโมงที่เขาต้องนั่งอยู่แบบนี้  เมื่อคืนเขานอนดึกเพราะมัวแต่เล่นเกมกับเต๋าจนตาค้าง ซ้ำยังนอนคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นานสองนาน

    เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงซ่อนตาดำจนหมดสิ้น  มือที่จับปากกาพอเป็นพิธีก็วางลงโดยอัตโนมัติ

    เขากำลังจะงีบหลับในคาบเรียนเหมือนกับทุกครั้งที่ง่วง

    “โอ๊ย!”  หากแต่ถูกอีกคนหยิกเข้าที่แก้มเสียเต็มแรง  คชาลืมตาตื่นพลางลูบแก้มตัวเองป้อยๆ  หันไปทำหน้าย่นใส่คนมือดี

    “เจ็บนะ”  คนตัวเล็กบ่นเสียงหงุงหงิงในลำคอ

    “จะได้ไม่หลับไง”

    “ง่วง”

    “ตอนบ่ายค่อยหลับก็ได้ ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ?”

    “ก็ง่วงตอนนี้”

    “เดี๋ยวทำข้อสอบไม่ได้นะชา”

    “เดี๋ยวจะสอบค่อยให้เพื่อนติว”

    “ตามใจ... ถ้าไม่ห่วงก็ไม่ห้ามหรอก”

    ทั้งคำตอบและสายตาคู่นั้นทำเอาคนฟังเบือนหน้าหนี  เขาเถียงอีกคนไม่ออก แต่จะให้มองหน้าเต๋าต่อไปมันก็เขิน สุดท้ายเลยต้องทำเมินแล้วหันไปสนใจอาจารย์แทน


     

    กว่าจะพักเที่ยง คชาก็ถูกคนข้างๆ หยิกแก้มตอนสะลึมสะลือไปหลายต่อหลายครั้ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาบ่อยๆ จนถูกอีกคนคว้าไปเล่นเกมแทน จึงกลายเป็นว่าวันนี้เป็นวันที่เขาตั้งใจเรียนอีกวัน

    วันนี้เต๋ามาร่วมวงทานมื้อเที่ยงกับเขาและเพื่อนๆ ที่โรงอาหาร  ด้วยความที่เต๋าเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนอื่นง่าย ทุกคนจึงคุยกันอย่างถูกคอ  สาวๆ หลายคนผลัดเวียนมาทักทายหนุ่มรูปหล่อต่างคณะ คชาที่กินข้าวเสร็จพอดีจึงลุกเอาจานไปเก็บก่อนจะแวะเดินไปซื้อน้ำ

    เพราะเป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ  ร้านน้ำที่มีเพียงสองร้านจึงคิวยาวเหยียด  เขายืนรอน้ำปั่นอย่างใจเย็นพลางหันไปมองที่โต๊ะเป็นระยะ แอบหมั่นไส้ไอ้คนหล่อที่ยังคงมีสาวแท้สาวเทียมมาพูดคุยทักทายไม่หยุดหย่อน จนตอนนี้ถึงขั้นมีคนมานั่งตรงที่ของเขาไปแล้วทั้งๆ ที่ยังวางกระเป๋าเอาไว้อยู่

    “คชากินอะไร?”  จนกระทั่งเสียงทักทายจากเพื่อนร่วมคณะอีกคนดึงความสนใจกลับมา

    “สตรอเบอร์รี่ปั่น แต่คิวยาวเลย แล้วแฟงล่ะ?”  เขาพูดตอบเธอ... แฟงเป็นสาวสวยร่างเล็ก ท่าทางคุณหนูผู้ดี เรียนเก่ง แถมยังเป็นขวัญใจหนุ่มๆ รุ่นพี่อีกด้วย

    “ชาเขียวปั่นจ้ะ... ว่าแต่คนนั้นใครหรอคชา เห็นตั้งแต่ในห้องแล้ว หล่อจัง”  เธอถามโดยไร้ท่าทีเก้อเขินแม้แต่น้อย

    วกเข้ามาเรื่องนี้จนได้หล่อตรงไหนวะ ก็งั้นๆ แหละ แค่ขาวกับสูงเอง!

    “ชื่อเต๋าน่ะ อยู่บริหารอินเตอร์”  เขาตอบไปเพื่อตัดบท พอได้ยินเสียงคุณลุงร้านน้ำเรียกก็หันไปจ่ายเงินแล้วรับสตรอเบอร์รี่ปั่นมาถือแทน

    “ไปก่อนนะแฟง”

    “เดี๋ยวชา...”  ไม่ทันได้หันหลังเขาก็ถูกเธอรั้งเอาไว้เสียก่อน  แฟงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ  “แล้วเต๋ามีแฟนรึยัง?”

    ...เต๋ามีแฟนรึยัง...

    คำถามตรงประเด็นสุดๆ ทำเอาคชาถึงกับยืนนิ่ง  สมองประมวลผลคำถามนั้นออกมาก่อนจะตอบออกไป

    “ไม่มีหรอกแฟง”  และคำตอบนั้นก็เรียกรอยยิ้มของคนถามได้เป็นอย่างดี

    “แต่เต๋ามีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ อีกไม่นานก็คง..ลงเอยกัน  ได้ยินว่าฝ่ายนั้นก็..เอ่อ..มีใจให้เต๋าอยู่”

    ไม่ได้หวงเลยนะ... แต่คชาก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่นา

     

     

    สตรอเบอร์รี่ปั่นในมือพร่องลงไปมากซ้ำยังเริ่มละลายเป็นน้ำเหลวๆ เมื่อเขาเดินออกมาตากแดดเปรี้ยงยามเที่ยงวันด้วยเพราะต้องมาส่งเต๋าที่ตึกเรียนอีกฟากหนึ่งของมหาวิทยาลัย

    อันที่จริง ตอนแรกเขาก็ขี้เกียจเพราะแดดมันร้อน หากแต่อีกคนเอาแต่พูดอ้อนรอให้เขาไปส่ง ซ้ำยังทำท่าจะไม่ลุกง่ายๆ ถ้าเขาไม่ไปด้วย สุดท้ายก็เลยต้องยอม  ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก...แต่หมั่นไส้ไอ้คนหน้าตาดีที่มีแต่สาวๆ เข้าหา คอยดูเหอะ วันหลังจะไม่ให้มาแล้วจริงๆ

    ริมฝีปากดูดน้ำปั่นในมือ ตาก็มองแผ่นหลังของคนข้างหน้าไป  นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มาเดินด้วยกันในมหาวิทยาลัย  แล้วคชาก็ได้รู้ว่าเต๋ามีเสน่ห์เหลือร้าย เดินไปทางไหนก็มีแต่คนเหลียวมอง ยิ่งนึกถึงรอยยิ้มอีกคน...บางครั้งดูขี้เล่น บางครั้งอบอุ่น และบางครั้งก็ทำเอาหัวใจสั่นไหวได้เสียดื้อๆ

    ว่าแต่ตอนนี้ล่ะ เต๋ากำลังโปรยยิ้มให้ใครอยู่รึเปล่า?

    เพราะเขายืนอยู่ข้างหลัง จึงมองไม่เห็นอะไรเลย

    คชาครุ่นคิดอยู่ไม่นาน ใบหน้าอีกคนก็หันควับมาหาราวกับรู้ทัน  “ขาสั้นหรือไงเรา.. เดินช้าจัง”  เต๋าหยุดเดินพลางหันมาสบตา... รอยยิ้มบนใบหน้ายังทะเล้นแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นเหมือนเดิม

    “ไม่ได้เตี้ยสักหน่อย... ก็เดินต่อสิไม่เห็นต้องรอเลย”

    “รอได้เสมอแหละถ้าเป็นคชา”  มือหนาเอื้อมมาจับข้อมืออีกคนไว้ ดึงให้ไปเดินข้างๆ กัน  “เดินไปด้วยกันนะ...”  ข้อมือของเขาถูกบีบเบาๆ ก่อนที่จะถูกปล่อยเป็นอิสระ

    เราเดินไปด้วยกันช้าๆ ไม่มีคำพูดมากมาย  หากแต่ระยะทางไม่ได้ยาวไกลเหมือนที่ควรจะเป็น  เพียงไม่นาน ตึกเรียนของเต๋าก็มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

    “เบน บอส... พอดีเลย นี่คชานะ”  เต๋าเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นเพื่อนซี้กับแฟนที่นั่งอยู่ใต้ตึก  ส่งสายตาบอกกันเพียงไม่นานเบนก็เข้าใจสถานะของอีกคน  เมื่อดูนาฬิกาพบว่ายังไม่ถึงเวลาเรียนเต๋าจึงนั่งลงกับเพื่อนๆ ก่อน  หากแต่คุยกันไม่นาน อีกสองคนก็ลุกขึ้นเสียก่อน

    “เดี๋ยวกูไปส่งบอสที่คณะก่อน เจอกันบนห้องนะ”  เบนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป  ทิ้งความสงสัยเล็กๆ ไว้กับคนมาใหม่อย่างคชา

    “บอสอยู่เศรษฐศาสตร์น่ะ เป็นแฟนเบน”  ก่อนจะถูกเฉลยโดยเต๋านี่เอง... เป็นแฟนกันจริงๆ ด้วยแฮะ  เพราะงั้นที่เต๋ารู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายเลยไม่คิดมากเท่ากับเขาสินะ

    “ชา...ยังง่วงอยู่รึเปล่า?”

                “นิดนึง ร้อนมากกว่า”

                “ดีเลย งั้นขึ้นไปตากแอร์เย็นๆ กัน”

                “บนห้องเรียน?”

                “อืม”  เต๋าพยักหน้า

                “ไม่เอา เดี๋ยวโดนอาจารย์ว่าหรอก”

                “แต่เต๋าคิดถึงชา”

                “ยังไม่ทันไปไหนเลย... อีกอย่างก็อยู่ด้วยกันมาตั้งสองวันแล้วเหอะ”  เพราะวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากคชาไปง้อเต๋าก็อยู่ด้วยกันเกือบจะตลอด... เอาง่ายๆ ว่าไปค้างบ้านเต๋ามาแล้วสามคืนติดน่ะ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์

                “แค่สองวันเอง”

                “ห่างๆ กันบ้างน่ะเต๋า เดี๋ยวก็เบื่อหรอก”  คชาเอ่ยเรียบๆ  ยอมรับว่ากลัวอีกคนจะเบื่อกันซะก่อน  โดยเฉพาะถ้าต้องอยู่ด้วยกันนานๆ

    “เดี๋ยวเรากลับหอก่อนละกัน ยังจัดของไม่เสร็จดีเลย ว่าจะกลับไปงีบด้วย”  เพราะตั้งแต่ย้ายหอก็ยังไม่เคยไปนอนเลยสักครั้งนี่นา

    ขอกลับไปนอนคิดอะไรก่อนนะ... ตอนนี้มันเหนื่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้


     

    - - -


     

                ห้องเบอร์ 603 ดูเงียบงันวังเวงในความคิด มันตอกย้ำความหม่นหมองบางอย่างในใจให้มากขึ้นกว่าเดิม  ยิ่งนึกถึงใบหน้าใครบางคนที่ช่วยเขาขนของจากบ้านโปเต้มาที่นี่มันก็พาให้ความรู้สึกในใจยิ่งชัดเจน  เมื่อวาน ตอนที่เต๋าช่วยจัดของวางนู่นทำนี่ให้เขามีความสุขแค่ไหนนะ

                น่าแปลกดีที่ตอนนั้นรู้สึกเฉยๆ แต่พอนั่งนึกย้อนไป ตอนนั้นเขามีความสุขมากมายจริงๆ

                คชาลงมือจัดข้าวของให้เป็นระเบียบขึ้นนิดหน่อยก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ  ก็เมื่อวานอีกแหละที่เพิ่งช่วยกันเอาผ้าปูที่นอนไปซัก ไม่งั้นจะกลิ่นหอมแบบนี้หรอ  ตาเรียวสวยค่อยๆ หลับลง มือกอดหมอนข้างใบนุ่มไว้แน่นราวกับเป็นตัวแทนของใคร

                คิด...ถึง...


     

                หลับไปนานขนาดนี้เชียว...

                ร่างเล็กตื่นขึ้นมาพร้อมกับดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว  เมื่อครู่เขานอนจนเพลิน ฝันอะไรสักอย่างถึงเต๋าด้วยแต่จำไม่ได้เพราะมันลางเลือนเต็มที

                ให้ตายเถอะ... คนบ้าอะไรวะ พอตัวไม่อยู่ก็ตามมาหาถึงในฝัน  รู้บ้างไหมว่ามันทำให้เขายิ่งอยากเจอตัวจริง  นิ้วมือค่อยๆ เลื่อนกดดูโทรศัพท์ที่ว่างอยู่ข้างเตียง ไม่มีใครโทรมา... ใจแป้วเล็กๆ หากแต่ก็กดไปที่รายชื่อก่อนจะไล่หาอยู่นาน

                แต่ไม่เจอ!

                ชื่อ เผือก ในมือถือหายไปไหนได้? เขาไม่ได้กดลบออกไปสักหน่อย

                ลองกดดูหมายเลขที่โทรออกล่าสุดเขาจึงพบความจริง

                ‘@love’ 

    สงสัยแอบเปลี่ยนให้ตอนในคาบเรียนแหงๆ  ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมชอบทำตัวน้ำเน่าใส่เขานักวะ

                ทำแบบนี้...มันถอนตัวไม่ขึ้นนะรู้ไหม?

                นั่งอมยิ้มมองอยู่ไม่นาน คชาก็กดโทรออกไปหาปลายสาย  ไม่ปล่อยให้รอนาน แอทเลิฟคนนั้นก็รับโทรศัพท์

                “เต๋าหรอ?”  เขาพูดออกไปได้แค่นั้น เพราะหัวใจที่เต้นโครมครามไม่หยุด

                “ว่าไงชา”  ยิ่งได้ยินเสียงมันยิ่งตื่นเต้น... ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โทรหากันสักหน่อย

                “กินข้าวรึยัง?”

                “กำลังกินอยู่เลย มากับพวกไอ้เบนนั่นแหละ มีอะไรหรอ?”

                “เปล่า ไม่มีอะไร งั้นแค่นี้นะ”

                มือกดวางสายไปทันทีหลังจากที่พูดจบ... แค่อยากชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนตอนที่เขายังพักอยู่ที่หอเพียงพอ แต่เต๋าไปกินกับเพื่อนแล้วมันก็คงเปล่าประโยชน์

                ไม่ได้โกรธเลยนะ... แต่ว่ามัน...

                ไม่เข้าใจตัวเองเลย ความรู้สึกนี้ เหมือนลูกโป่งใบใหญ่ๆ ที่ค่อยๆ ฟีบลงล่ะมั้ง  มันไม่ได้แตก ปัง!’ ออกเป็นเสี่ยงๆ แต่เหมือนมันมีรูเล็กๆ ให้ลมค่อยๆ รั่วออกต่างหาก

                ตอนนี้ ลูกโป่งใบนั้น หดลงเหลือเล็กนิดเดียว

                กินข้าวคนเดียวก็ได้...ไม่เหงาสักหน่อย ไม่ได้คิดถึงเลยด้วย เพิ่งเจอกันเอง ตอนกลางวันก็ยังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย

                คชาหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะ ปิดสวิตช์ไฟ แล้วเดินออกมา...


               

                ว่าจะหาอะไรกินแถวๆ หอใหม่  แต่สุดท้าย ขามันก็พามาแถวนี้จนได้... ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมที่เคยมาฝากท้องไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ากรุง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันอยู่แถวๆ หอพักเพียงพอ

                กินข้าวคนเดียว...ปกติจะตาย!

                นั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวไปได้ไม่นาน เสียงร้องหงิงๆ ที่ปลายเท้าก็ดึงความสนใจไปเสียก่อน  เจ้าหมาตะวันที่ตัวโตขึ้นกว่าเดิม มันมาร้องขอของกินจากเขาเหมือนอย่างที่เคยทำ

                รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก  คชาค่อยๆ คีบลูกชิ้นในชามก่อนจะโยนให้มันบนพื้น  เห็นมันเคี้ยวเพียงนิดเดียวก็กลืนอย่างรวดเร็วแล้วมานั่งจ๋องขอของกินต่อ

                แม้จะกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว แต่เจ้าสมุนตัวน้อยยังคงเดินตามคชาไม่หยุดหย่อน มันคงจะคิดถึงเขา ตั้งอาทิตย์กว่าที่ไม่ได้เจอมัน ถึงจะรู้ว่าเจ้าตะวันยังอยู่ดีเพราะคุณป้าหน้าปากซอยเอาข้าวมาให้มันกินประจำ แต่จริงๆ ก็อดคิดถึงมันไม่ได้

                สุดท้าย คชาเลยเดินไปซื้อขนมจากร้านโชว์ห่วยของอาแปะมาแบ่งให้มันกิน  เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นปูนตรงหน้าหอพักที่เดิม ตาเหลือบมองบ้านฝั่งตรงข้ามแล้วก็แอบถอนหายใจ

                บนชั้นสี่ปิดไฟสนิท... ทำไมต้องทำตัวเหมือนมาจีบลูกสาวคนอื่นด้วยวะเรา ไม่เจอตัวก็มาชะเง้อหาที่หน้าบ้านเขา บ้าไปแล้วหรือไง?

                ขนมในมือหมดแล้ว  คชาแอบทำปากยื่นคนเดียวก่อนจะลุกขึ้นยืน... ไม่มีเหตุผลที่ต้องนั่งอยู่ต่อไป  เขามาแถวนี้ก็เพราะมาหาข้าวกินหรอก! แล้วที่มานั่งตรงนี้ก็เพราะมาให้ขนมเจ้าตะวัน!

                “ชา!”  ทว่าเสียงคุ้นเคยที่เรียกไว้ทำให้หัวใจเต้นแรง... ใครคนนั้นวิ่งตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว  “โทรไปหาทำไมไม่รับ แล้วนี่มารอหรอ?”

                “ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มา เปล่ารอ”  คชาปฏิเสธทันควัน  “แวะมากินข้าวแถวนี้เฉยๆ กำลังจะกลับหอแล้ว”

                “เดินไปส่งไหม?”  เต๋ารีบเสนอตัว  “คิดถึงชาจัง”  แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบไหล่ของเขาอย่างมีความสุข

                “ไม่ต้องหรอก”  คชาปฏิเสธทั้งๆ ที่หัวใจเต้นดัง... จริงๆ ก็อยากอยู่ด้วยกันนานๆ แต่เพราะไม่อยากรบกวน ไม่อยากให้เต๋าต้องเหนื่อยเสียเวลาเดินกลับไปกลับมา  เขาไม่ใช่สาวน้อยสักหน่อยที่ต้องให้ใครไปส่งหรือกลัวใครจะมาทำมิดีมิร้าย เขาไม่ได้อ่อนแอหรือบอบบางขนาดนั้นเลย

                “เรากลับเองดีกว่า ไปก่อนนะเต๋า”  เขาส่งยิ้มบางๆ ให้อีกคน แล้วหันหลังเดินจากมา

                “เดี๋ยวสิ”  ไม่พูดเปล่าแต่มือยาวยังยื่นมาดึงไหล่อีกคนเอาไว้  “ไม่อยากให้เราไปส่งหรอ?”  เสียงทุ้มเสียงเดิมสั่นไหวเพียงเล็กน้อย  “หรือว่าเบื่อ... เราวุ่นวายกับคชาเกินไปรึเปล่า?”

                “เปล่านะ”

                “แล้วทำไม?”

                “เราแค่เกรงใจ  เต๋าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเบื่อเรา”  ได้ยินแบบนั้น ร่างสูงจึงรีบเดินไปดักหน้าอีกคนทันที... เขาอยากมองให้ชัด ว่าคชาทำหน้ายังไงอยู่ อยากรู้...ว่าคชากำลังคิดอะไร

                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะชา?”

                “เราน่าเบื่อจะตาย”

                ได้ยินคนตัวเล็กพูดตอบแบบนั้น เต๋าก็นึกอยากจะดีดหน้าผากแรงๆ สักที  “คิดเองเออเอง”

                “แต่เราคุยไม่เก่ง เอาใจก็ไม่เป็น ทำตัวน่ารักแบบผู้หญิงไม่เป็นหรอกนะ”  คชาทำปากยื่นน้อยๆ เมื่อพูดออกมา  ยิ่งคิดถึงสาวๆ ที่เข้ามาชอบเต๋าดูแล้วหน้าตาน่ารักกันทุกคน  ดูอย่างแฟงสิ... ทั้งๆ ที่เธอมีรุ่นพี่มาขายขนมจีบให้ตั้งเยอะ  แต่ไม่ยักจะสนใจ

    เต๋าอมยิ้มมองคนคิดมากที่ทำหน้ามู่ทู่ใส่  เห็นแก้มป่องๆ นั่นแล้วมันหมั่นเขี้ยวซะจนอยากจะหยิกแรงๆ เหมือนในคาบเรียน  “แค่นี้ก็น่ารักจะแย่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรหรอกชา”  

    ทันทีที่เขาพูดออกมา อีกคนก็แสดงความเก้อเขินออกมาอย่างปกปิดไม่มิด ทั้งดวงหน้าที่คลายกังวลแล้วขึ้นสีชมพูจางๆ ทั้งมือบางที่ยกขึ้นขยี้ผมตัวเองแก้เก้อ

    นี่ไงล่ะ ที่บอกว่า น่ารักโดยไม่ต้องพยายาม

                “ให้เต๋าไปส่งนะ”

                “อ..อืม”


               

                แม้ท้องฟ้าจะมืดแล้วหากแต่คชากลับไม่รู้สึกเงียบเหงาหรือว้าเหว่เมื่อมีอีกคนอยู่ใกล้ๆ  เต๋ากำลังเล่าเรื่องของตัวเองในวันนี้  วิชาเรียนเป็นยังไง ตอนเย็นไปกินอะไรมา คิดถึงคชาแค่ไหน  แม้จะได้ยินคนฟังบ่นอุบว่า “น้ำเน่า”  หากแต่รอยยิ้มบางๆ ที่ริมฝีปากนั่นกลับดึงดูดให้เต๋ามองแล้วยิ้มตาม... น่าเสียดายที่ระยะทางจากบ้านเต๋าไปหอพักคชาไม่ได้ไกลกันนัก เพราะเพียงไม่นาน ตึกสูงสิบกว่าชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว

    “ชา...มีไรจะบอก”  เต๋าขยับตัวไปใกล้ จ่อริมฝีปากที่ข้างใบหู 

    - - ฟู่ววววววววว - -  ก่อนจะเป่าลมเข้าไปในหูอีกคนเสียเต็มแรง

    “แกล้งหรอ!”  คนตัวเล็กไม่พูดเปล่ามือก็ฟาดใส่แขนอีกคนไปด้วย ...ไอ้เป่าหูน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มาแกล้งหลอกให้ตื่นเต้นดีใจคิดว่ามีอะไรสำคัญนี่สิ มันน่านัก!

    เต๋ายืนอมยิ้มมองอีกคนที่ทำหน้าดุที่ไม่น่ากลัวเลยสักนิด แล้วจึงพูดขึ้นต่อ  “เอาหูมาอีกทีสิ... คราวนี้จะบอกจริงๆ แล้ว”

    “มีอะไร?”  เสียงใสเอ่ยพลางเอียงหูให้อีกคนแต่โดยดี  โสตประสาตในตอนนี้จดจ่อกับการฟังเสียงของอีกคนอีกครั้ง

    และเสียงทุ้มแผ่วเบานั้นกลับดังชัดเจนในทุกๆ คำ

    “วันนี้คิดถึงมากเลยนะ ดีใจมากด้วยตอนกลับบ้านมาเจอชาอยู่ตรงนั้นน่ะ”

    “เหมือนคนบ้าเลยเนอะ ห่างกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเองก็คิดถึงแล้ว”

    “ต่อไปนี้อย่าคิดมากอีกนะ เราไม่เบื่อชาหรอก”

    “อย่าเบื่อเราก่อนก็แล้วกัน”

    น้ำหยดลงหิน หินมันยังกร่อน... นับประสาอะไรกับหัวใจก้อนเท่ากำปั้นที่ขยันเต้นรัวอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยนี่ล่ะ

    คชาหยักหน้าลงช้าๆ เป็นคำตอบจะเบื่อได้ยังไง ในเมื่อเขามีความสุขขนาดนี้

    เห็นอีกคนทำตัวน่ารักแบบไม่ได้ตั้งใจ  คนตัวโตกว่าก็อดใจไม่ได้... ริมฝีปากหนาขยับเข้าช่วงชิงความหอมจากแก้มแดงๆ นั่นส่งท้าย มือลูบศีรษะอีกคนแผ่วเบา

    “ฝันดีนะคะชา”  เต๋าพูดก่อนจะค่อยๆ เดินจากไป  ทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น  ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งยิ้มให้ยังคงตราตรึง สัมผัสที่ข้างแก้มยังอุ่นๆ อยู่เลย

    ไอ้เต๋า...อย่าทำให้เขากลายเป็นสาวน้อยม.ต้นเพิ่งหัดมีรักครั้งแรกได้ไหม ไอ้หน้าไม่อาย มาหอมอะไรตรงนี้เล่า โอ๊ย...คนมันเขินนะเว้ยยยยยย T//T 

    แล้วเดินหนีไปแบบนี้คิดว่าเท่นักรึไง ไอ้บ้า...กลับมาให้ด่าเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!

               

     





    TBC

    โทษทีค่ะ หายไปนาน พอดีเปิดเทอมมีเรื่องยุ่งๆ แต่ตอนนี้ยุ่งน้อยลงแล้ว ฮี่ๆๆ
    ตอนนี้มันยาวๆ เวิ่นๆ อย่างบอกไม่ถูก... ใครอ่านแล้วงงหรือไม่เข้าใจบอกได้นะจะได้ปรับแก้ ติชมเสนอแนะกันได้นะ
    และมันยังไม่ใช่ตอนจบอีกแล้วสิ  โปรดติดตามตอนต่อไปว่าจะจบรึยัง 55555 (อีกไม่นานหรอก)

    ทุกคนเห็นข่าวคอนคู่แล้วใช่ไหม ดีใจแทบบ้า >///<  จะรวมเล่มให้ทันคอนคู่นะจ๊ะ อิอิ  ถ้าใครมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับตอนพิเศษก็บอกมาได้นะ ยินดีรับฟังจ้า

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมายาวนาน ตอนยี่สิบแว้วววววว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×