ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : + + Chapter 21 + + [Fixed : แก้คำผิด] + (BG Music)
“รุกฆาตร
”
เจสสิก้าพูดพร้อมกับขยับปืนลูกซองนั้นจ่อเข้าไปจนติดกับแผ่นหลังของชายตรงหน้า
“ทิ้งปืนซะ !!”
เธอออกคำสั่งไปยังชายตรงหน้า ก่อนที่ซีโร่จะยิ้มออกมาและทิ้งปืนในมือเสีย
ตุบบ
“เอามือไพร่กันไว้เหนือศรีษะด้วย อย่าตุกติก ไม่งั้นชั้นยิงจริงๆ ด้วย !”
เจสสิก้าขู่พร้อมกับใช้ปืนจี้เข้าไปให้ชายตรงหน้านั้นทำตามคำสั่ง เธอค่อยๆ วนมาทางด้านหน้าของชายคนนั้น ปืนลูกซองนั้นยังคงอยู่ประจำที่และพร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อ
แก๊งงง !!!
เธอเตะปืนพกที่หล่นอยู่ตรงหน้าออกไปให้ห่างจากรัศมีก่อนที่จะเบนความสนใจมาที่ซีโร่อีกครั้ง
พลั่คคค !!!
เธอจัดการเตะเข้าที่ขาพับอย่างแรงจนทรุดลงเข่ากระแทกพื้นและลดปากกระบอกปืนลงจ่อไปที่ลำตัวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า แต่ใบหน้าของซีโร่นั้นดูไม่เหมือนกับผู้แพ้เอาเสียเลย แววตาของเขายังคงจ้องจะเอาชีวิตของเธอตลอดเวลา อีกทั้งรอยิ้มเย็นๆ ที่ดูน่าขนลุกนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นได้ไม่น้อย
แต่รอยยิ้มดังกล่าวนั้น ทำให้เธอนึกไปถึงคนๆ หนึ่ง
ยูริ คนรักของเธอนั่นเอง
หลายต่อหลายครั้งที่ยูริมักจะยิ้มออกมาในลักษณะนี้
ซีโร่อาศัยช่วงเวลาที่เจสสิก้ากำลังเหม่อ พยายามที่จะขัดขืนและแย่งปืนของเธอ แต่เพราะเธอได้สติก่อน เธอจึงจัดการกระแทกปืนไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นอย่างแรง
พลั่คคค !!
โครมมมมม !!!
ร่างของซีโร่ที่เซล้มลงไปกระแทกกับกองอุปกรณ์ต่างๆ อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
“ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าขยับ
”
“หึหึ
ฮะๆ ฮะ
”
อยู่ๆ ชายตรงหน้าก็หัวเราะขึ้นมา ทำเอาเจสสิก้ารู้สึกกลัวขึ้นมาแว่บหนึ่งก่อนที่เธอจะมองอย่างสังสัยและถามขึ้น
“มีอะไรน่าขำนักรึไง ?”
ทั้งสีหน้าและแววตาของซีโร่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้งและนั่นก็ทำให้เจสสิก้าลงมือใช้ปืนกระแทกใส่ที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง
พลั่คคค !!!
จนร่างของซีโร่นั้นนอนแผ่ลงไปกับพื้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไม่ยอมหยุดอยู่ดี
“หยุดอยู่เฉยๆ ได้แล้ว !!!”
“ฮะๆ ไม่ว่าใครก็หยุดชั้นไม่ได้
แม้แต่พระเจ้าก็ตาม
”
ซีโร่ตอบกลับพร้อมกับจ้องใบหน้าของเจสสิก้าเขม็งอย่างเอาเรื่อง
พลั่คคคคค !!!
“ชั้นบอกให้หยุดไง !!” เธอตะโกนขึ้นอย่างโมโห ก่อนที่จะจัดการใช้ขาของเธอเตะซ้ำเข้าที่ลำตัวอย่างแรง เพื่อหวังจะให้ชายคนนั้นหยุดแสดงท่าทีดังกล่าวออกมาสักที จนร่างของเขานอนแผ่ไปกับพื้น
“บ้าชะมัด !”
เธอบ่นกับตัวเอง พร้อมกับลดปืนลงและควานหากุญแจมือที่อยู่ในกระเป๋า
“อ่อคคค !!”
อยู่ๆ ซีโร่ที่ลุกขึ้นมาก็จัดการต่อยเข้าที่กลางลำตัวของเจสสิก้าอย่างแรง จนรู้สึกได้ถึงเครื่องในที่กำลังปั่นป่วน ความรู้สึกจุกจนหายใจไม่ออกตรงเข้าเล่นงานเธอเสียจนแทบจะไร้เรี่ยวแรงในทันที
ซีโร่มองร่างของเจสสิก้าที่ทรุดลงไปนอนกุมท้องอยู่ที่พื้นอย่างเหยียดๆ
“ก็บอกแล้ว
ไม่ว่าใครก็หยุดชั้นไม่ได้”
“แน่ใจรึ ?”
เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงปืนหนึ่งนัด
ปังงงง !!!!!
กระสุนวิ่งตรงเข้าตัดขั้วหัวใจของซีโร่ทำให้เขานั้นเสียชีวิตในทันที ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเจ้าของเสียงที่เข้ามาช่วยชีวิตของเธอเอาไว้
“ม
แมท แมทธิว”
http://www.youtube.com/watch?v=rf4BhmmEzgI&feature=related [Background Music]
แมทธิวตรงเข้ามาและพยุงร่างของเจสสิก้าขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับใช้สายตามองสำรวจอาการบาดเจ็บของเธอไปด้วยในตัว ซึ่งพอดูๆ แล้ว ร่างกายของเธอนั้นมีรอยฟกช้ำและบาดแผลจากการต่อสู้อยู่จนเต็มไปหมด
ทำไมเธอถึงได้ยอมเอาตัวเข้าแลกแบบนี้นะเจสสิก้า
แมทธิวมองดูหญิงสาวตรงหน้าอย่างเจ็บปวด อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้นมันเริ่มจะชัดเจนมากขึ้นๆ จนทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับเธอ
“ไม่เป็นอะไรนะเจส ?”
แมทธิวถามขึ้นพร้อมกับก้มลงไปหยิบปืนพกของเจสสิก้าที่หล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมาและส่งมันคืนให้กับเธอ
“ขอบใจนะ
ถ้าไม่ได้นายนี่ชั้นคงแย่
”
เธอพูดพร้อมกับปัดฝุ่นออกจากร่างกาย อาการจุกที่มีนั้นถึงแม้จะลดลงไปบ้างแล้ว แต่มันก็ยังยากเกินไปสำหรับเธอที่จะลุกเดินไปด้วยตัวเอง เพราะเรี่ยวแรงของเธอนั้นราวกับถูกดูดออกไปจนหมดเลยทีเดียว
แมทธิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นดังนั้นจึงตรงเข้าไปประคองเพื่อนสาวเอาไว้ และพากันเดินออกไปสมทบกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่อไป
แมทธิวพาเจสสิก้าเดินออกมาจากอาคารและตรงไปยังหน่วยพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ถึงแม้มันจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม เจสสิก้ามองดูเพื่อนร่วมงานอย่างงงๆ กับท่าทีที่ดูเปลี่ยนไปของเขา แต่เธอก็เงียบเอาไว้ไม่ได้พูดอะไร
หวังว่ามันคงจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ
เจสสิก้านึกในใจ ก่อนที่แมทธิวจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
“หาตัวหมอนั่นพบรึยัง ?”
เอฟเวอร์ลีนถามขึ้นทันทีที่เห็นมิลล่าเพื่อนสาว แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ยังไม่พบตัวเป้าหมายสักทีก่อนที่เธอจะเหลือบมามองดูบันไดทางขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า ซึ่งเหลือที่นี่เพียงที่เดียวแล้ว
เธอเดินนำลูกน้องขึ้นมาตามทางเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จาก FBI นั้นจะตามขึ้นมาสมทบ
เอฟเวอร์ลีนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับเพื่อนสาวของเธอ ขณะที่เอาหลังพิงกำแพงเอาไว้และเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตูเตรียมที่จะเปิดออกไป
3
2
1
กึกกก !!! กึก กึก !!!
ประตูที่ถูกล๊อคเอาไว้ทำให้เธอรู้ทันทีว่านายอิวานคอฟต้องอยู่ด้านหลังของประตูนี้เป็นแน่
“ล
ลูกพี่ !!! พวกตำรวจมันมากันแล้ว !”
ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนขึ้นบอกนายอิวานคอฟ ซึ่งตอนนี้กำลังร้อนรนเป็นอย่างมากเพราะเฮลิคอปเตอร์นั้นยังไม่ยอมมารับตนเสียที
“พวกแกก็หาทางถ่วงเวลาเอาไว้สิ เจ้าโง่ !!!”
เขาตวาดกลับพร้อมกับเกาหัวอย่างหงุดหงิด
เสียงที่ดังลอดผ่านประตูเข้ามาทำให้เอฟเวอร์ลีนยิ้มออกมาทันที เพราะตอนนี้เธอรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของอิวานคอฟแล้วนั่นเอง อีกทั้งชั้นดาดฟ้านี้ยังไม่มีทางหนีไปไหนได้อีกด้วยนั่นเองเพราะงั้น ในตอนนี้นายอิวานคอฟก็แทบไม่ต่างอะไรกับหมาจนตรอกเท่านั้น
กึกก
กึกก
“ยังเปิดไม่ได้อีกเหรอ ?”
เธอถามขึ้น
“ยังครับ อีกฝั่งคงจะเอาของมันขวางประตูเอาไว้สะกัดไม่ให้เราออกไป
”
ลูกน้องคนหนึ่งพูดอธิบาย ก่อนที่แมทธิวที่เพิ่งจะเดินตามขึ้นมาพร้อมกับหน่วยสวาทอีก 2 นาย
“ผมแมทธิว เจ้าหน้าที่พิเศษจาก FBI
” เขาพูดแนะนำตัวกับคนอื่นๆ ในบริเวณนั้น
“ชั้นเอฟเวอร์ลีน, เอฟเวอร์ลีน ซอลท์ เจ้าหน้าที่พิเศษจาก CIA”
“มิลล่า จาก CIA เช่นเดียวกัน
” มิลล่าตอบกลับก่อนที่จะหันไปทางเพื่อนสาวของเธออีกครั้ง และเริ่มวางแผนในการบุกออกไป แมทธิวจึงเข้าไปร่วมรับฟังด้วย
“
ก็อย่างที่ว่าไป จะใช้ระเบิดเปิดทางก่อน แล้วค่อยแบ่งทีมออกบุก”
เอฟเวอร์ลีนพูดขึ้นและหันมาทางหน่วยสวาทที่จะรับผิดชอบในการติดตั้งระเบิดในครั้งนี้
“เอาล่ะ พร้อมยัง ?”
เธอถามอีกครั้ง ก่อนที่จะได้เริ่มลงมือจริง
ตูมมมมมมมมม !!!!!
เสียงระเบิดที่ดังขึ้นทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านนอกนั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แรงอัดของระเบิดนั้นพัดเอาสิ่งของต่างๆ ที่ขวางไว้กระเด็นออกอย่างง่ายดาย ราวกับสิ่งทำไปนั้นมันสูญเปล่าไปในทันที
ปังง ปังงง ปังงงง !!!
“อ๊ากกก !!!”
“จับเป็นนายอิวานคอฟ ไปๆ !!” เอฟเวอร์ลีนตะโกนสั่งลูกน้องของตน ก่อนที่เธอและมิลล่าจะพากันวิ่งก้มตัวออกไปและหาที่กำบัง ซึ่งแมทธิวที่อยู่แนวหลังนั้นต้องคอยยิงสนับสนุนให้กับพวกเธอ
ปังง ปังงง ปังงงง !!!
“ยอมให้จับซะดีๆ เถอะ แกหมดทางหนีแล้ว !!”
เอฟเวอร์ลีนตะโกนบอกขณะที่กำลังทำการเปลี่ยนแม๊กกาซีนไปด้วย
แกร๊กกก !!!
“ยอมโดนจับให้โง่น่ะสิ !!”
อิวานคอฟตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมๆ กับที่ยิงสวนกลับไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ปังง !!!
ปังง ปังงง ปังงงง !!!
การยิงตอบโต้กันยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ทางตำรวจนั้นค่อยๆ เขยิบไล่ขึ้นไปทีละนิดๆ จนทางฝ่ายของผู้ก่อการร้ายนั้นแทบจะไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว
“แกหมดทางหนีแล้ว ! ยอมให้จับดีๆ เถอะ !!”
ปังง ปังงงง !!!
อิวานคอฟจัดการยิงสวนกลับไปพร้อมกับค่อยๆ ถอยร่นไปเรื่อยๆ และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงของเฮลิคอปเตอร์นั้นดังขึ้น เขาหันกลับไปดูทางด้านหลัง และเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังพยายามจะเทียบจอดข้างๆ ตัวอาคารยังจุดที่เขาอยู่
“อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ !!”
เอฟเวอร์ลีนพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปและยิงไปทางนายอิวานคอฟทันที
ปังง ปังงง !!!
กระสุนสองนัดถูกเข้าที่ตัวของผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งที่นายอิวานคอฟใช้เป็นโล่กำบังให้กับตน ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปยังคอปเตอร์ลำนั้นทันที
ตุบบ !!
“เวรเอ๊ย !!”
ปังง ปังงง ปังงงง !!!!
ทางตำรวจยังคงยิงกระสุนใส่เขาต่อไป ก่อนที่นายอิวานคอฟจะลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ก้มหลบกระสุนไปเมื่อครู่ พร้อมกับพูดขึ้น
“ลาก่อน...”
แกร๊กกก !!
ปืนพกที่ถูกจ่อเข้าที่กลางศรีษะ ทำให้นายอิวานคอฟรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และค่อยๆ ยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณของตน
“ทิ้งปืนในมือซะ...”
เจสสิก้าพูดขึ้น ก่อนที่จะทำการล๊อคตัวนายอิวานคอฟเอาไว้ และจัดการใส่กุญแจมือเสีย
แกร๊กก !!
“บัดซบ !!!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ขณะที่เจสสิก้ากำลังใส่กุญแจมือและเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อยๆ ลดเพดานบินลงมายังดาดฟ้าชั้น 10
แมทธิวที่เห็นเพื่อนสาวของเขาอยู่ตรงหน้าทำให้เขาเองรู้สึกสับสนไม่น้อย เพราะเขาเพิ่งจะเป็นคนพาเธอออกไปจากอาคารดังกล่าวเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ...
ทำไมเจสสิก้าถึงได้ขึ้นไปอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นได้...
“เธอขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไงน่ะเจส !?”
แมทธิวถามขึ้นทันทีหลังจากที่เร่องทุกอย่างสงบลงแล้ว เจสสิก้าหันกลับมาหาเพื่อนร่วมงาน และเหลือบไปเห็นเอฟเวอร์ลีนเดินเข้ามาพอดี
“เป็นไปตามแผนพอดีเลยนะ ^^”
“อ่าค่ะ...” เจสสิก้าตอบกลับไป
“แผนอะไร ? พวกคุณวางแผนกันให้คนบาดเจ็บไปเสี่ยงแบบนั้นน่ะเหรอ ? แล้วตอนที่คุณยิงใส่เฮลิคอปเตอร์ ถ้าเกิดพลาดเกิดอะไรขึ้นมาล่ะ !?”
แมทธิวเริ่มโวยวายจนทำให้เจสสิก้ารู้สึกงงกับเขาไม่น้อย เพราะปกตินั้นทั้งเขาและเธอต่างก็ลุยงานมานักต่อนักแล้ว แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดจาแบบนี้ให้เธอได้ยิน
“ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าหน้าที่แมท, ใช่ไหม ?”
เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่เอฟเวอร์ลีนจะเริ่มทำการอธิบายทุกอย่างให้เขาได้ฟัง
“ทุกอย่างมันเริ่มที่เจสสิก้าได้แจ้งเข้ามาว่าเธอพบนายอิวานคอฟ และรู้ว่าเธอกำลังตามสะกดรอยอยู่... แล้วเธอก็เปิดระบบ GPS ให้เราได้รู้ถึงพิกัดที่อยู่ของเธอ...”
เธอเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะเล่าต่อ
“แล้วพอรู้พิกัด เราก็ใช้งานระบบดาวเทียมสแกนหาพื้นที่ดังกล่าว จนมาพบกับอาคารนี้เข้า ทาง CIA จึงได้วิเคราะห์ถึงโครงสร้างของอาคารดู แล้วก็ความเป็นไปได้ที่คนร้ายจะใช้หลบหนี...”
“ตอนแรกเราก็ไม่รู้ จนมีรายงานว่าพบเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งไม่ทราบฝ่ายบินมุ่งหน้าตรงเข้ามาในพื้นที่ เราจึงได้แจ้งไปทางเจ้าหน้าที่จองจาก FBI และแจ้งไปทางสำนักงานตำรวจให้จัดการสะกัดเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเอาไว้ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่จองมุ่งหน้าไปยังพิกัดที่เราสะกัดเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นได้ และให้เธอคอยทำการจับกุมคนร้ายอยู่บนนั้น...”
มิลล่าอธิบายต่อ
“ต้องขอบใจนะ ที่นายมาทัน ตอนที่เราส่งเธอไปที่นั่น...”
“ก็อย่างที่เพื่อนชั้นมันพูด... เพราะงั้นตอนที่เล็งยิง เราจึงเล็งไปที่คนแทน ไม่ได้เล็งไปที่เฮลิคอปเตอร์...”
เอฟเวอร์ลีนพูดจบก็โบกมือให้กับแมทธิวก่อนที่จะเดินตามมิลล่าเพื่อนสาวไป
“เอ้อใช่ !”
เธอพูดขึ้นก่อนที่จะหันหลังกลับมาทางเจสสิก้า
“เอาไว้ว่างๆ เราไปฉลองกันดีกว่า ^^”
“ขอบคุณที่ชวนนะคะ...” เธอตอบกลับไป ก่อนที่ต่างฝ่ายจะพากันแยกย้ายกลับไปยังที่ของตน
ทั้งเจสสิก้าและแมทธิวต่างก็พากันเดินออกมาจากบริเวณนั้น ก่อนที่เธอจะเดินย้อนกลับมายังรถของตนที่ได้จอดทิ้งเอาไว้และสตาร์ทเครื่อง
บรืนนนน...
รถสปอร์ตคันงามของเจสสิก้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณปั๊มน้ำมัน โดยที่มีแมทธิวมองตามไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งรถของเธอนั้นหายลับไปจากสายตา
http://www.youtube.com/watch?v=8jpzQxHoHR0 [Background Music]
เจสสิก้าขับรถกลับมาตามทางเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาติดอยู่ที่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง
เธอคิดย้อนกลับไปถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของแมทธิว เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แต่ทำไมล่ะ อยู่ๆ เขาถึงได้เปลี่ยนไป...
เจสสิก้าเอามือขึ้นเสยผมตัวเองและเบนหน้าหันออกมานอกกระจกไปยังวิวที่แสนจะสวยงามยามค่ำคืน ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนเอากระจกลงปล่อยให้สายลมตามธรรมชาตินั้นพัดผ่านเข้ามา
ป่านนี้ยูริจะเป็นยังไงบ้างนะ...
เธอคิดในใจสักพัก ก่อนที่จะขับรถต่อไปทันทีเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เธอจะรู้ไหมนะ... ว่าชั้นคิดถึงเธอแค่ไหน ยูริอา...
เธอใช้เวลาไม่นานนักก็ขับรถกลับมาถึงที่บ้านพักของตัวเอง ถึงแม้บาดแผลจะทำให้รู้สึกเจ็บ แต่ความเจ็บนั้นก็ไม่เท่ากับที่เธอกำลังเจ็บปวดเพราะคนรักของตัวเองเลย
ถึงแม้ว่าจะพยายามโทรติดต่อไปยังไง ก็ไม่มีวี่แววว่าคนรักของเธอจะยอมรับสายเลย
/กรุณาฝากข้อความหลังจากที่ได้ยินเสียงสัญญาณ.../
เจสสิก้าแทบจะปล่อยให้โทรศัพท์ในมือนั้นหล่นลงพื้น เพราะเธอแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว ความอ่อนล้าทางกายนั้นไม่เท่ากับสิ่งที่หัวใจของเธอนั้นได้รับเลยแม้แต่น้อย
กับการโทรครั้งที่ 68... เจสสิก้าถึงตัดสินใจฝากข้อความไว้กับระบบตอบรับนั้น
/กรุณาฝากข้อความหลังจากที่ได้ยินเสียงสัญญาณ.../
ตื๊ด...
“ยูล... ยูล ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน...”
เจสสิก้าเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมๆ กับที่น้ำตาใสๆ ค่อยๆ ไหลซึมออกมา
“เธออยู่ที่ไหนกันยูล... ฮือๆ”
โทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือก่อนที่จะค่อยๆ ตกลงกระทบพื้นอย่างช้าๆ ราวกับเป็นภาพสโลว์โมชั่น และเหมือนกับเวลานั้นได้ไหลไปอย่างช้าๆ จนแทบจะหยุดนิ่ง
น้ำตาไหลรินออกมาจนเธอไม่สามารถหักห้ามเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ฮือๆ ยูล... ฮือๆ”
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องทำให้บรรยากาศในตอนนี้ช่างเงียบเหงายิ่งนัก ห้องทั้งห้องนั้นไม่มีเสียงอื่นเลยนอกจากเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของเจสสิก้า... เท่านั้น
“บ้าเอ๊ย !”
ยูริบ่นกับตัวเองขณะที่กำลังก้มดูบาดแผลของเธอ เลือดสีแดงสดยังคงไหลออกมาจนเธอเองเริ่มรู้สึกจะไม่ไหวแล้ว ยูริจอดรถแวะที่ห้องน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง พร้อมกับเดินเข้าไปด้านใน
พลันสายตาของเธอเหลือบไปเห็นตู้ขายผ้าอนามัยอยู่ทางด้านข้าง เธอจึงใช้ขาของเธอถีบใส่มันอย่างแรง หลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดมันก็หลุดร่วงลงมา
เธอก้มลงไปเก็บเอาผ้าอนามัยนั้นฉีกซองออกและนำมาแปะไว้กับบาดแผลของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ดีเท่าไรนัก แต่ผ้าอนามัยนั้นก็สามารถซับเลือดได้เป็นอย่างดี
ยูริเหลือบมองไปที่ห้องน้ำทางด้านในและเห็นชุดคลุมสีเทาพาดเอาไว้เหนือขอบประตู เธอจึงเดินไปหยิบมาและออกมาจากห้องน้ำนั้นทันที
ทางด้านชองมาเชล หลังจากที่เธอได้ใช้เวลาตามหาตัวของยูริมานานในที่สุดเธอก็พบ
รอยยิ้มเย็นๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เธอจะขับรถออกมาจากบริเวณนั้น และมุ่งหน้าตรงไปหายูริทันที
บรืนนนนนน...
.
.
.
รอก่อนเถอะ... ควอนยูริ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น