ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter18 : ความทรมาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      0
      22 ส.ค. 53

     

    Chapter18  ความทรมาน

     

     

     

     

     

     

                ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องจะพูด หากแต่คำพูดแต่ละคำนั้นมันคงทำร้ายจิตใจใครซักคนหากพูดออกไป

     

                    คยูฮยอนขับรถมาตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้ผ่านมากว่าสองชั่วโมงแล้ว เขาไม่ได้ขับไปอย่างไม่มีจุดหมาย หากแต่จุดหมายของเขานั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากที่ที่เขาอยู่และเขาคิดว่ามันเป็นที่ที่มีความหมายกับคนที่เขาพาด้วยมากถึงมากที่สุด

     

                    วิวข้างทางที่เปลี่ยนจากป่าและต้นไม้เป็นหมู่บ้าน มีผู้คนเดินอยู่ตามข้างทางประปรายเรียกความสนใจจากซองมินได้เป็นอย่างมาก ความรู้สึกคุ้นเคยเริ่มแทรกเข้ามาในความทรงจำทีละนิด ซองมินเบนสายตามองไปยังคนขับที่เอาแต่จ้องมองไปยังทางด้านหน้าไม่มีวอกแวกเลยซักนิด คนๆนี้จะพาเขาไปไหนกัน

     

                    เข้ามาในเขตหมู่บ้านได้ไม่นานรถคันหรูก็จอดสนิทอยู่ที่หน้าสุสานแห่งหนึ่ง แท่นหินสีขาวที่บ่งบอกถึงความเป็นความตายของบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วเรียงรายไปทั่วพื้นที่ ให้ความรู้สึกสงบและเศร้าไปในเวลาเดียวกัน

     

                    ที่นี่มัน ริมฝีปากบางพึมพำออกมาเบาๆ สายตาทอดมองไปไกลแสนไกลด้วยความล่องลอย ซองมินอยากจะเอื้อมมือไปเปิดประตูหากแต่มือทั้งสองข้างยังถูกมัดไว้อยู่

     

                    ประตูที่ถูกเปิดออกทำให้ซองมินเรียกสติของตัวเองกลับมาดังเดิม ใบหน้าเรียบเฉยของคยูฮยอนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า แต่แล้วหน้านิ่งๆนั้นกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆให้กับเขา รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน เหมือนกับต้องการปลอบใจ

     

                    ลงมาสิครับ ผมคิดว่าพี่คงอยากมาที่นี่ เนคไทด์ที่พันธนาการข้อมือทั้งสองข้างไว้อยู่คลายออก คยูฮยอนรั้งข้อมือซองมินเบาๆให้ลงมาจากรถ

     

                    เราไปหาพ่อพี่กันนะครับ บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะโอบไหล่บางพาเดินไป ทำอย่างกับว่ารู้ที่ทางที่นี่เป็นอย่างดี

     

                    ซองมินเหงนหน้าขึ้นมามองคยูฮยอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ความไม่เข้าใจ คนๆนี้รู้จักที่แห่งนี้ได้ยังไง รู้ได้ยังไงว่าที่แห่งนี่คือสุสานที่ฝั่งศพพ่อของเขาเอาไว้ ทั้งที่ครอบครัวเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ในพิธฝั่งศพก็มีเพียงครอบครัวเขาสามคนเท่านั้น

     

                    ขอบตาสวยร้อนผ่าวทันทีเมื่อเห็นป้ายหินอ่อนที่อยู่ด้านหน้า นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้มาที่นี่ คิดถึงเหลือเกิน

     

                    พ่อ พึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาที่ล่วงหล่นลงมาเลอะแก้มเนียนสวย ซองมินเดินเข้าไปใกล้หลุมศพพ่อของตนช้าๆก่อนจะคุกเข่าลง สายตามองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย เขาคงเป็นลูกชายที่ไม่ได้เรื่องเลยสินะ หลุมศพพ่อตัวเองยังต้องให้คนอื่นมาพาแบบนี้

     

                    พี่ครับ มือของคยูฮยอนแตะที่ไหล่เบาๆเมื่อเห็นว่าซองมินเริ่มสะอื้นหนัก

     

                    นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง น้ำเสียงปนสะอื้นถามออกมา ซองมินก้มหน้านิ่งปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกที่หลากหลายเริ่มกลับมาทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายอีกครั้ง หลายคำถามผุดขึ้นมาโดยที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ในเวลานี้

     

                    ลำแขนที่เข้ามาสวมกอดจากด้านหลังทำให้ซองมินสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร อยู่ๆความรู้สึกอบอุ่นก็แทรกเข้ามาในใจอย่างน่าประหลาด เหมือนกับอ้อมกอดของพ่อที่เขาไม่สัมผัสมันมานาแสนนาน

     

    คยูฮยอนโอบกอดซองมินไว้หลวมๆ ดันให้ตัวของซองมินเอนพิงหน้าอกของตนก่อนจะเกยคางบนไหล่บาง เขาไม่อยากให้ซองมินรู้สึกเศร้าไปมากกว่านี้ หวังว่าอ้อมกอดและคำพูดของเขาจะทำให้คนที่เขารู้สึกดีด้วย สบายใจและรู้สึกดีขึ้นบ้าง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถพูดว่ารักได้เต็มปากก็ตาม

     

                    ที่จริงผมเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว มาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ พ่อของผมบอกว่าคนสำคัญของพ่ออยู่ที่นี่ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคนสำคัญของพ่อนั้นเป็นใคร จนกระทั่งไม่นานมานี้ ผมถึงได้รู้ว่าคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าผมนี้สำคัญมากแค่ไหน น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ รอยยิ้มเผยขึ้นบางเบาเมื่อนึกถึงวันเก่าๆที่พ่อของเขาเคยพามาในที่แห่งนี้ พ่อไม่เคยบอกเขาว่าพามาทำไม ไม่เคยบอกว่าคนๆนี้เป็นใคร พ่อพูดเพียงว่า เขาเป็นคนสำคัญของพ่อ

     

                    ฮึก...ได้ฟังเรื่องที่คยูฮยอนพูดซองมินกลับยิ่งสะอื้นหนักกว่าเดิม ความสับสนเริ่มทำให้สมองต้องทำงานหนักอีกครั้ง โจฮยอนจินมาไหว้หลุมศพพ่อของเขา แต่กลับไม่เคยโผล่หน้าไปให้ครอบครัวของเขาเห็นเลย ที่พูดมานั้นจะให้เขาคิดว่าฮยอนจินยังเห็นครอบครัวเขาสำคัญงั้นเหรอ หรือเห็นแค่พ่อของเขาสำคัญเท่านั้น

     

                    อ้อมกอดของคยูฮยอนคลายออกช้าๆ ก่อนเจ้าตัวจะลุกออกไป ซองมินก้มหน้านิ่งปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาเรื่อยๆโดยไม่คิดจะเช็ดมันออก อ้อมกอดที่คลายออกมันทำให้ซองมินรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนทิ้งไปอีกครั้ง แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ ในเมื่อคยูฮยอนไม่ใช่พ่อของเขา อ้อมกอดเมื่อกี้ไม่ใช่ของพ่อเขา

     

                    ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้มากับดอกไม้ช่อโตเหมือนทุกครั้ง และถึงแม้วันนี้พ่อผมจะไม่ได้มาด้วย แต่ผมพาคนสำคัญของคุณลุงมาด้วย ผมรู้ว่าคุณลุงคงอยากเจอเขามากที่สุด คำพูดของคยูฮยอนที่ดังขึ้นอยู่ข้างๆทำให้ซองมินต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง

     

                    ดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆถูกวางลงด้านหน้าป้ายหินอ่อน ซองมินเม้มปากแน่นมองภาพตรงหน้า สายตาของคยูฮยอนที่เต็มไปด้วยความจริงจังอ่อนโยนแต่มันกลับแฝงไปด้วยความเศร้า

     

                    ยกโทษให้เราด้วย อยู่ๆคยูฮยอนก็หันหน้ากลับมาทางซองมิน ก้มหัวให้เหมือนต้องการขอร้อง เขาไม่ต้องการให้ลีซองวอนยกโทษให้ แต่เขาต้องการให้คนตรงหน้านี้ยกโทษให้กับครอบครัวของเขา คนตายไม่สามารถมากำหนดอะไรได้อีกแล้ว แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถกำหนดได้ว่าชีวิตจะเดินไปในทางไหน

     

                    ซองมินเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากได้ยินคำที่คยูฮยอนเอื้อนเอ่ยออกมา ถึงจะมาพูดกับเขามันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

     

                    คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆออกมา เขาไม่ได้คิดว่าซองมินจะยกโทษให้อยู่แล้ว เพียงแค่อยากให้รู้ว่าพ่อของเขาก็ยังรักลีซองวอนไม่เคยเปลี่ยนแปลง และเขาก็ยังให้ความเคารพกับลีซองวอนเหมือนเดิมเช่นกัน เพียงแต่พ่อเขาไม่กล้าที่จะแสดงออกมาเท่านั้น เพราะกลัวความผิดที่ตนได้ทำลงไปกับคนๆนี้

     

                    ไปกันเถอะครับ เงียบไปกันซักพักคยูฮยอนจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้น ซองมินถูกดึงให้ลุกขึ้นตาม คนเอ่ยชวนเดินจูงมือซองมินออกจากสุสาน เดินไปตามถนนที่ทอดยาวออกไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

     

                    ซองมินยังคงก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา ไม่คิดจะซักถามว่าคยูฮยอนจะพาตนไปไหน น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจบัดนี้หยุดไหลแล้วเหลือเพียงคราบที่เปรอะเปื้อนบนแก้มใส่เท่านั้น

     

                    ช่วงขายาวก้าวมาหยุดอยู่ที่หน้าโบสถ์สีขาว บาทหลวงท่านหนึ่งที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นตามฤดูกาลหันมามองก่อนจะยิ้มให้บางๆ คยูฮยอนยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะปล่อยมือซองมินเดินไปยังก๊อกน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

     

                    คนที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่นานเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดนทิ้งอีกครั้ง กวาดสายตาไปรอบบริเวณ ทั้งโบสถ์ ต้นไม้และบาทหลวง ไม่ได้ทำให้ซองมินสนใจมากนัก ตอนนี้เขาเพ่งมองไปยังคยูฮยอนที่กำลังเดินตรงกลับมาหาเขา

     

                    ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆถูกวางลงบนใบหน้าของซองมินเบาๆ ก่อนจะลูบไล้ไปทั่วบริเวณของใบหน้า คยูฮยอนเผยรอยยิ้มบางๆให้เมื่อซองมินจ้องมองกลับมา ความรู้สึกเย็นสบายทำให้ซองมินอยากจะหลับตาลง อยากจะหลับพักผ่อนบ้าง แต่ตอนนี้เขาคงทำมันไม่ได้

     

                    ขอบคุณ เอ่ยออกมาเบาๆเมื่อคยูฮยอนเอาผ้าออก และได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนตอบกลับมา

     

                    เราไปหาหลวงพ่อกันนะครับ ไม่รอให้อีกคนตอบตกลงคยูฮยอนก็จับข้อมือซองมินให้เดินไปด้วยกันอีกครั้ง

     

                    เสียงเท้าที่เดินย่ำเข้ามาใกล้ทำให้บาทหลวงหยุดการกระทำที่ทำอยู่ ไม้กวาดถูกวางพิงไว้กับต้นไม้ก่อนจะเดินมาหาบุคคลทั้งสองด้วยท่าทางที่สำรวมและใจเย็น

     

                    ลูกนี่เอง เป็นยังไงบ้างล่ะ บาทหลวงทักขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆ ซองมินนิ่งเงียบไปแต่แล้วก็ยิ้มตอบเช่นเดียวกับคยูฮยอน บาทหลวงคนนี้ คนที่เขาเจอตอนที่มาทำพิธีฝังศพพ่อของเขาเมื่อห้าปีก่อน

     

                    ซองมินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะคิดคำตอบที่สมควรจะตอบออกไปไม่ได้ จะตอบว่าสบายดี แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องโกหก

     

                    หยุดซะเถอะนะ หยุดมันแล้วลูกจะดีขึ้น แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความทุกข์ของซองมินถูกหลวงพ่อมองทะลุจนหมดสิ้น มันไม่ต่างกับเมื่อห้าปีก่อนเลยแม้แต่น้อย แววตาของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น น้ำตาแห่งความโศกเศร้าที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย กับคำพูดของพี่ชายที่คอยตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าต้องกลับไปแก้แค้นให้จงได้

     

                    มันไม่มีทางดีขึ้นได้หรอกครับหลวงพ่อ ถึงผมหยุด แต่พี่ชายกับแม่ผม เขาคงไม่หยุดง่ายๆแน่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มันกลับแฝงไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวดกับเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่ คนที่ปลูกฝั่งเขาเรื่องการแก้แค้นคือฮีชอล และแน่นอนว่าไม่มีทางที่ฮีชอลจะยอมหยุดเรื่องนี้ง่ายๆอย่างแน่นอน

     

                    เขาไม่หยุดความทุกข์ก็ยังคงอยู่กับเขาคนนั้น ถ้าลูกอยากพ้นจากทุกข์ลูกจงหยุดทำมันเสียเถิด เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นเช่นกันหากยังทำต่อไป

     

                    ซองมินไม่ตอบอะไรออกมาอีก จะให้เขาทำอะไรได้ในเมื่อตอนนี้เขายังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ เขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้ ถ้าคนในครอบครัวเขาไม่หยุด เขาคงไม่สามารถทรยศแล้วหยุดเรื่องพวกนี้ได้

     

     

     

     

     

     

                    นั่งรถด้วยกันมากว่าสองสามชั่วโมงแต่ตุ๊กตาหน้ารถที่พามาด้วยกับไม่เอ่ยคำพูดใดๆออกมาซักคำ แน่นอว่าอึนฮยอกยังคงโกรธเรื่องที่ทำให้ตามคยูฮยอนไปไม่ทันไม่หาย แต่ก็ใช่ว่าฮันคยองจะสนใจแต่อย่างใด พูดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยเพราะทนนั่งเงียบๆไม่ค่อยได้ เพราะถ้าเกิดอึนฮยอกรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติกับเส้นทางที่เขากำลังจะพาไปเมื่อไหร่คงจะยอมเอ่ยปากพูดออกมาเอง

     

                    จะพาฉันไปไหน คิดยังไม่ทันไรอึนฮยอกก็ถามขึ้น สายตาที่แสนจะเย็นชามองเส้นทางที่อยู่ด้านหน้าแล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่น

     

                    ไปสอบปากคำ ตอบคำของฮันคยองทำเอาอึนฮยอกหันควับไปมองในทันที สอบปากคำ ถ้าเขาจำไม่ผิดทางนี้ก็คือทางไปห้องพักของฮันคยอง

     

                    จอดเดี๋ยวนี้!” ว่าแล้วก็ออกคำสั่งเสียงดัง แต่ฮันคยองกลับหันมายิ้มกวนประสาทให้

     

                    อะไรกันคุณ พาไปตามผมก็ขับไปให้ นี่ก็ขับมาส่ง ยังจะมาสั่งนู้นสั่งนี้อีก

     

                    จะจอดไม่จอด ตวาดเสียงดังอีกครั้งทำท่าจะชักปืนออกมา แต่ปืนกระบอกเก่งกลับไม่อยู่ในที่ที่มันควรจะอยู่

     

                    คราวนี้คุณคงเอาปืนมาขู่ผมไม่ได้แล้วล่ะ ฮันคยองหยิบปืนของอึนฮยอกที่ยึดมาก่อนจะขับรถกลับมาออกมาโชว์แล้วยิ้มยั่ว อยากรู้ว่าคุณมือปืนเลือดเย็นคนนี้จะทำยังไง ปกติมีอปืนก็ไม่เคยยิงเขาได้ซักครั้ง คราวนี้แม้อาวุธซักชิ้นก็ไม่มี คงจะมีแค่ปากเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเขาได้

     

                    ไอ้... เพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำด่าออกมาด่าอึนฮยอกเลยเลือกที่จะเงียบไปซะ เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนที่พูดเก่งหรือมีคำพูดที่สร้างสรรค์อะไรมากนัก โดนยั่วแล้วทำอะไรไม่ได้แบบนี้มันน่าเจ็บใจชะมัด โดยเฉพาะกับคนๆนี้ ถ้าปืนยังอยู่กับเขาคราวนี้คงไม่ใช่แค่ขู่แน่

     

                    ขับมาอีกไม่นานก็มาถึงที่หมาย และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ฮันคยองเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากชินดงว่าตามฮีชอลไปไม่ทันแต่เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนัก เพราะความสนใจของเขาตอนนี้พุ่งนี้ไปที่ความจริงที่จะต้องเค้นเอาจากปากของอึนฮยอกมากกว่า

     

                    ใช้เวลากระชากลากถูกันอยู่นานกว่าฮันคยองจะพาอึนฮยอกขึ้นมาบนห้องได้ ถ้าเลือกเขาคงอยากให้อึนฮยอกสลบเหมือนวันแรกที่พามา จะได้ไม่ต้องมาสู้รบปรบมือกันให้เหนื่อยแบบนี้

     

                    เมื่อเปิดประตูมาได้คนที่เอาแต่ขัดขืนก็มาเหวี่ยงเข้ามาในห้อง อึนฮยอกเซไปเล็กน้อยเพราะฮันคยองก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก

     

                    เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง ถ้าคุณให้ความร่วมมือผมจะปล่อยคุณไป แล้วฮันคยองก็เริ่มเปิดประเด็นทันทีด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังเพื่อให้อึนฮยอกรู้สึกเกรงกลัวเขาบ้าง แต่มันกลับไม่เลย คนอย่างอึนฮยอกไม่เคยคิดจะเกรงกลัวใครโดยเฉพาะเขา

     

                    ฝันไปเถอะ สั้นๆง่ายๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก อึนฮยอกหย่อนตัวนั่งลงที่เตียงด้วยท่าทางที่ดูสบายๆขัดกับหน้าตาที่แทบจะเขมือบฮันคยองเข้าไปได้ทั้งตัว

     

                    เล่ามาเถอะคุณ เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้านายคุณเอง ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลฮันคยองเลยลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง พูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง แต่มันก็ยังไม่ได้ผลเหมือนเดิม

     

                    อึนฮยอกใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำพูดใดๆออกมา ไม่มีทางที่เขาจะเล่าเรื่องให้ฮันคยองฟังเด็ดขาด ถ้าเล่าก็เท่ากับว่าทรยศ  ตำรวจกับโจกรุ๊ปอยู่ร่วมกันไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องความปลอดภัยที่ฮันคยองอ้างมาไม่มีทางที่เขาจะเชื่อมันหรอก

     

                    เรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับครอบครัวของลีซองวอนพ่อของลีซองมินใช่มั้ย ฮันคยองเปลี่ยนคำถามเหมือนกับการตะล่อม เผื่อว่าอึนอยอกจะลืมตัวพยักหน้าตอบคำถามเขาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

     

                    อึนฮยอกยังคงนิ่งเหมือนเดิม แถมใบหน้ายังดูมึนตึงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก จากสายตาที่แสนเย็นชาอยู่แล้ว สายตาตอนนี้สามารถแช่แข็งฮันคยองได้เลยก็ว่าได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอึนฮยอกไม่อยากให้ฮันคยองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ถึงจะชื่นชมในความพยายาม แต่กลับรู้สึกเกลียดความพยายามที่ไม่มีสิ้นสุดของฮันคยอง

     

                    งั้นสงสัยผมคงต้องออกหมายจับโจฮยอนจินแล้วล่ะมั้ง ข้อหาอะไรผมคงไม่ต้องบอกคิดมุกอะไรไม่ออกฮันคยยงเลยเอาชื่อเจ้านายเข้ามาขู่ แต่อึนฮยอกก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม

     

                    ไม่เล่าแล้วตามใจคุณแล้วกัน ผมคงต้องออกไปทำงานก่อน อาจจะกลับมาตอนเช้า คุณก็อยู่ในนี้ไปก่อนแล้วกันนะ ถอนหายใจออกมาเมื่อไม่รู้จะทำยังไงให้อึนฮยอกยอมเล่าเรื่องออกมา ฮันคยองก้มหน้านาฬิกาข้อมือก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

     

    ใครจะอยู่ที่แบบนี้ พอได้ยินว่าตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่คนเดียวอึนฮยอกก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที เขาคงมาหมกตัวอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้พวกครอบครัวลีกำลังโจมตีโจกรุ๊ปอย่างหนัก แถมคยูฮยอนยังหายไปกับซองมิน เขาต้องกลับไป

     

    ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ คุณก็เคยอยู่มาตั้งหลายวัน แล้วผมจะรีบกลับมานะ ไม่รอให้อึนฮยอกเดินมาถึงประตู ฮันคยองก็ปิดประตูล็อกกลอนไว้เสียก่อน และยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนก็มีเสียงทุบประตูดังขึ้นมา ตามด้วยเสียงโวยวายของอึนฮยอก

     

    ของกินอยู่ในตู้เย็นนะคุณ ตามสบาย พูดจบก็เดินออกมา ริมฝีปากยกยิ้มอย่างพอใจ อีกครั้งแล้วสินะที่เขาปราบอึนฮยอกได้ถึงมันจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตามที ถึงแม้เรื่องที่เขาเป็นคนยิงพ่ออึนฮยอกตายมันจะทำให้เขารู้สึกผิดกับคนๆนี้ และมันก็ไม่อาจทำให้อึนฮยอกทำดีกับเขาได้ แต่มันก็คือหน้าที่ที่เขาทำลงไป อย่างน้อยถ้าเขาทำให้อึนฮยอกเข้าใจในหน้าที่การงานของเขา เราคงจะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสงบสุขได้ซักวัน

     

     

     

     

     

     

    หายไปไหนมาทั้งวัน เพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของฮยอนจินน้ำเสียงราบเรียบของเจ้านายก็ดังขึ้น ทำเอาคนที่เป็นแค่เพียงลูกน้องอย่างทงแฮเสียวสันหลังวาบ

     

    ทงแฮเพิ่งจะรู้ข่าวว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่บริษัทจึงได้รีบกลับมาพบฮยอนจิน เพราะวันนี้ทั้งวันเขาอยู่กับคิบอมตลอด ความรู้สึกสบายใจทำให้เขาลืมนึกถึงเรื่องที่บริษัทไปเสียสนิทว่าเหตุการณ์ตอนนี้มันไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย

     

    ทำไมไม่ตอบ!” ครั้งแรกที่ฮยอนจินตวาดใส่ทงแฮด้วยความโมโห ที่ผ่านมาทงแฮเป็นคนโปรดของฮยอนจินก็จริงถึงแม้จะไม่ได้เข้ามาวุ่นวายเรื่องที่บริษัทหรือที่บ่อนมากนักแต่ก็รับความรักความเอ็นดูเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงนี้ที่สถานการณ์คับขันแบบนี้กลับทำให้ฮยอนจินรู้สึกหงุดหงิด ตั้งแต่เกิดเรื่องอึนฮยอกก็หายตัวไปยังไม่กลับมา อีทึกกับเยซองก็โดนจับตัวไป แล้ววันนี้ทงแฮกลับหายไปทั้งวันอีก

     

    โดนตวาดใส่แบบนี้ทงแฮเลยได้แต่เงียบ เขาบอกไม่ได้หรอกว่าวันนี้ทั้งวันเขาหายไปไหนมา ตอนนี้ความรู้สึกผิดมันจุกขึ้นมาเต็มอก ไหนจะความกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้ยินคำพูดของฮยอนจินที่เอ่ยออกมาคำแรก

     

    ต่อไปนี้ห้ามหายไปไหนโดยไม่บอกฉันอีก ห้ามหายไปจากโจกรุ๊ปอีก ถึงแม้จะดุจะด่าหรือตวาดยังไง แต่ฮยอนจินก็ยังคงเป็นห่วงลูกน้องเสมอ ไม่ว่าจะอีทึก เยซอง อึนฮยอกหรือทงแฮ คำพูดประโยคเหมือนกับการขอร้อง ขอร้องให้ทงแฮอยู่กับโจกรุ๊ป อย่าทิ้งไปไหนอีก

     

    ครับ ขอโทษครับ ตอบรับคำเบาๆ ด้วยความรู้สึกโล่งอก ทงแฮจ้องมองฮยอนจินด้วยสายตาสำนึกผิด ต่อไปนี้เขาจะไม่ทิ้งโจกรุ๊ปไปไหนอีกแล้ว

     

    ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันกำลังหงุดหงิด ขอโทษด้วยที่ตะคอก ยังไงฉันฝากไปบอกคนให้ออกตามหาคยูฮยอนด้วยแล้วกัน มีคนบอกว่าเห็นเขาพาซองมินออกไป ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ฮยอนจินถอนหายใจออกมาเบาๆ ปัญหาที่เข้ามารุมเร้า ทำให้ปัญหาสุขภาพของเขาไม่ดีขึ้นนัก ถึงแม้ตอนนี้เขาอาจะดูเหมือนคนที่ร่างกายแข็งแรงปกติทั่วไป แต่ตอนนี้เขากำลังฝืนสังขารตัวเอง และไม่รู้ว่าเขาจะฝืนต่อไปแบบนี้ได้ถึงเมื่อไหร่

     

    ครับ รับคำหนักแน่นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง สั่งการตามที่ฮยอนจินบอกมา

     

    ลูกน้องระดับล่างรับคำสั่งเสร็จก็พากันออกไปทันที ทงแฮยังคงยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าหวานตอนนี้ดูเคร่งเครียดต่างจากทงแฮที่ยิ้มร่าเริงเมื่อตอนกลางวันที่อยู่กับคิบอม เขาไม่อยู่เพียงวันเดียวเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ ต่อจากนี้เขาคงไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นปกติอีกวันที่เรียวอุกเข้ามาหาเยซองพร้อมกับอาหารและน้ำ แต่ถึงจะเอามาให้ใหม่ทุกวันเยซองกลับไม่เคยคิดจะแตะมันเลยซักนิด จนสภาพร่างกายจากที่เคยดูแข็งแรงกลับดูโทรมจนไม่ดูออกว่าคือคนๆเดียวกันกับเมื่อหลายวันก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ แขนขาที่ดูอ่อนแรงจนคิดว่ามันจะขยับไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

     

    ทานอะไรหน่อยนะครับพี่เยซอง เรียวอุกยังคงขอร้องคำเดิมอยู่ทุกๆวัน ถึงแม้จะโดนปฏิบัติไม่ดีกลับมาทุกครั้ง แต่ก็ไม่คิดจะหยุดทำมัน เขาไม่อยากให้เยซองมีสภาพแบบนี้ เขาไม่อยากให้คนๆนี้ต้องมาตายอยู่ที่นี่

     

    ออกไปซะ เอ่ยออกมาเสียงแหบพร่า เหลือบตาขึ้นมามองอย่างคนหมดแรง เขาไม่อยากไล่ตะเพิดเด็กคนนี้เหมือนคราวที่แล้วอีก

     

    ผมจะไม่ออกจนกว่าพี่จะยอมทาน จะแค่นิดเดียวก็ยังดี ผมไม่อยากเห็นพี่ในสภาพแบบนี้ บอกน้ำเสียงหนักแน่นหากแต่กลับฟังดูเศร้า ทำยังไงเยซองถึงจะยอมเชื่อเขาบ้าง

     

    ก็เพราะใครล่ะฉันถึงเป็นแบบนี้ กัดฟันกรอดด้วยความโมโหที่เริ่มจะปะทุอีกครั้งเพราะคำพูดของคนตัวเล็ก

     

    ผมยอมรับว่าผมหลอกพี่ เพราะตอนนั้นผมแค่อยากช่วยเหลือคนที่มีพระคุณกับผม ผมหลอกพี่เพราะผมอยากได้ข้อมูลจากพี่ ผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผม...ผมขอโทษ พยายามพูดทุกอย่างเพื่อให้เยซองเข้าใจแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ใบหน้าของเรียวอุกตอนนี้เหมือนคนที่ใกล้จะร้องไห้เต็มที สายตาคู่สวยฉายแววความเศร้าและสำนึกผิดออกมาอย่างชัดเจน

     

    อย่ามาพูดว่าขอโทษ!! ฉันไม่อยากได้ยิน!!” เพราะอารมณ์ที่มันพุ่งสูงทำให้แขนที่ไม่มีแรงมันกลับมีแรงขึ้นมา แก้วน้ำถูกยกขึ้นปากระแทกกับพื้นจนแตกกระจาย น้ำที่ถูกใส่มาเกือบเต็มแก้วหกเปียกพื้นเป็นวงกว้าง

     

    โอ้ย!” เสียงร้องของเรียวอุกดังขึ้นในเวลาต่อมาเมื่อเศษแก้วที่เยซองปาแตกมันดันกระเด็นมาปาดเข้าที่แก้ม มือเล็กยกขึ้นกุมแผลเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดใสไหลอาบแก้มออกมาจนดูน่ากลัวเพราะเศษแก้วยังคงฝังอยู่ในเนื้อนิ่มๆนั้น

     

    ระ...เรียวอุก เยซองดูจะตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ตั้งใจปาให้มันไปโดนเรียวอุกแบบนี้ ที่ทำไปเพราะอารมณ์ทั้งนั้น

     

    เยซองพยายามพยุงตัวเองเพื่อเข้าไปดูเรียวอุก แต่ประตูห้องกลับถูกเปิดขึ้นพร้อมกับฮีชอลที่เดินเข้ามา ใบหน้าสวยที่ดุร้ายกาจจับจ้องไปที่เรียวอุกสลับกับเยซอง รอยน้ำที่เปื้อนกับเศษแก้วที่กระจายอยู่เต็มพื้นทำให้ฮีชอลรีบเดินเข้ามาหาเรียวอุกทันที

     

    เกิดอะไรขึ้น!” กระชากถามเสียงดัง คนตัวเล็กก้มหน้าต่ำพยายามปกปิดแผลของตัวเองไม่ให้ฮีชอลเห็น พยายามอดทนกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องแสดงความเจ็บปวดออกไป แต่เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจนตอนนี้เลอะมือที่กุมแผลที่แก้มไว้อยู่ทำให้ฮีชอลตกใจเป็นอย่างมาก

     

    ไอ้เยซอง! แกทำอะไรน้องฉัน ไม่ต้องเดาเหตุการณ์ก็รู้ว่าแผลที่แก้มของเรียวอุกเป็นฝีมือใคร ฮีชอลตรงเข้าไปกระชากคอเยซองถามอย่างเอาเรื่องจนร่างที่ไร้เรียวแรงเซมาตามแรงกระชาก

     

    ไม่มีใครตอบอะไรนอกจากความเงียบ ฮีชอลโมโหจัดโยนเยซองจนล้มลงไปนอนกระแทกกับพื้น เรียวอุกเงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ไหนจะแผลที่แก้มที่มันเริ่มเจ็บแสบขึ้นมาเรื่อยๆ เลือดที่ไหลออกมามันเยอะมากจนตัวเขาเองยังกลัวว่ามันจะไหลออกมาจนหมดตัวเสียก่อน

     

    เลี้ยงให้อยู่ดีๆ ไม่ชอบใช่มั้ย!” กัดฟันถามด้วยความโกรธถึงที่สุด ฮีชอลหยิบมีดพกในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะกระชากคอเสื้อเยซองขึ้นมาอีกครั้ง

     

    พี่ฮีชอล อย่า!” เรียวอุกเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าฮีชอลกำลังคิดจะทำอะไร มีดเล่มงามเงาวับกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของเยซองเรื่อยๆ โดยที่เยซองไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขัดขืนเลยซักนิด

     

    ฮีชอลไม่ฟังคำพูดของเรียวอุกแต่อย่างใด ปลายแหลมของมีดถูกกดลงที่แก้มของเยซองอย่างใจเย็น ก่อนจะออกแรงกดให้จมไปกับเนื้อจนมีเลือดไหลซึมออกมา

     

    เรียวอุกก้มหน้าหลับตาแน่นไม่อยากมองภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า เยซองส่งเสียงร้องแหบพร่าออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อฮีชอลลากใบมีดกรีดผ่านบริเวณแก้มอย่างช้าๆ กลิ่นคาวของเลือดคลุ้งออกมาบางเบาเมื่อเลือดสีแดงสดไหลเยิ้มออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

     

    เสียงสะอื้นดังออกมาเบาๆจากคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าอยู่ ฮีชอลหันกลับมามองเรียวอุกก่อนจะผลักเยซองออกไป เพราะเข้าใจว่าเรียวอุกคงจะเจ็บแผลจนทนไม่ไหวเลยร้องไห้ออกมา แต่ความจริงแล้วคนตัวเล็กร้องไห้เพราะไม่อยากเห็นฮีชอลทำกับเยซองแบบนี้

     

    หวังว่าแผลนี่จะทำให้แกเลิกอวดดีซักทีนะ เช็ดคราบเลือดที่เปื้อนมีดออกก่อนจะพับมันเก็บที่เดิม ฮีชอลเข้ามาดูเรียวอุกพยายามดึงมือคนตัวเล็กที่กุมแผลออก แต่เรียวอุกกลับไม่ยอมปล่อย

     

    เรียวอุก เรียกชื่อคนตัวเล็กออกไปเบาๆเท่านั้น มือที่กุมอยู่ก็ยอมปล่อยทันที แต่กลับสะอื้นหนักมากขึ้น ตอนนี้เรียวอุกอยากจะหันไปมองเยซองใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้

     

    ฮีชอลใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดให้เรียวอุกเบาๆและก็พบว่ามีเศษแก้วฝังอยู่จึงดึงออกมาทำให้คนตัวเล็กร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เยซองที่แทบจะไม่มีแรงลุกพยายามหันไปมองว่าตอนนี้อาการเรียวอุกเป็นอย่างไรบ้าง รอยแผลที่เขาทำมันไปโดยไม่ได้ตั้งใจคงไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นน่าเกลียดๆบนหน้าใสๆนั่น

     

    หึ! ถ้าเรียวอุกเป็นแผลขึ้นมาล่ะก็ แกอย่าหวังว่าแกจะมีหน้าตาเหมือนปกติเลย ปาเศษแก้วที่ดึงออกมาจากแผลเรียวอุกใส่เยซองก่อนจะพยุงคนตัวเล็กออกไป

     

    เยซองกัดฟันแน่นทนความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานที่ทำให้เขาแทบไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป มือสกปรกยกขึ้นมาแตะที่แผลเบาๆ ก่อนมือที่เปื้อนเลือดนั้นจะถูกยกกลับมาดู เยซองหันไปมองแก้วน้ำให้นึ่งที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ซึ่งคนตัวเล็กเอามาให้ไว้ตั้งแต่ตอนเช้า ก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำแก้วนั้นแล้วลาดมาที่แผลของตัวเอง

     

    เสียงซี๊ดซ๊าดเพราะเจ็บปวดดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนแก้วน้ำที่อยู่ในมือเยซองจะล่วงลงสู่พื้น ยังดีที่มันไม่แตก ไม่งั้นคืนนี้เขาไม่มีที่จะนอนเป็นแน่ เพราะห้องแคบๆตอนนี้เต็มไปด้วยของที่ไม่ได้ใช้ ไหนจะเศษอาหารที่ที่หกเรี่ยราดอีก ถึงแม้เรียวอุกจะเข้ามาเก็บกวาดให้บ้างแต่เขาก็ทำมันรกอีก

     

    เยซองฉีกชายเสื้อของตัวเอง พับให้หนาแล้วมาวางกดที่บริเวณแผลเอาไว้เพื่อหยุดเลือด ก่อนจะเอนตัวนอนลงด้วยความเหนื่อยล้า เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตเขาต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ สภาพเขาตอนนี้ใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นขอทานข้างถนนเป็นแน่


    ---------------------------------------------------


    kr...Talk
    สวัสดีนะจ๊ะทุกคน มาอัพเรียบร้อย
    ขอโทษที่ไม่ได้อัพพร้องกับเรื่องอลวนรัก หอพักสุดเพี้ยนนะ
    เพราะเน็ตที่ม.ของไรเตอร์ ยิ่งกว่าตังโกไปหน่อย
    แถมมันยังไม่ยอมให้อัพทะเลาะอยู่ตั้งนาน
    ก็เลยมาอัพวันนี้อย่างที่เห็น ตอนตี5
    ไรเตอร์ยังไม่ได้นอนนะเนี่ย นั่งเล่นคอมไปเรื่อย

    ตอนนี้น่าสงสารพี่เย่มากมายจับใจ
    รู้สึกเรื่องนี้ไรเตอร์จะทำร้ายพี่เย่มาก แต่เพราะรักนะ อย่าโกรธกัน
    แต่ความทรมานเพียงแค่นี้อาจจะยังไม่พอ ต้องรอติดตามกันต่อนะ
    หลายคนสงสัยว่ามินจะฆ่าพ่อคยู แต่ทำไมถึงได้ใจเย็นไม่ทำอะไรเลย
    เพราะว่าคยูเรื่องนี้ของเราดีมาก(ตรงข้ามความจริง)
    ใครก็คงทำคนที่รักไม่ลงใช่ไหม

    ไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปงานฟิค อย่าลืมไปอุดหนุนนะ
    เจอกันจ้า จะพยายามอัพบ่อยๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×