คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #300 : The Midnight Dreams
เมื่อคุณพบความรัก คุณจะพบบทเพลงของคุณ
— ลอสต์ แอนด์ ฟาวนด์, เดอะ มิดไนท์
ปกติแล้ว งานปาร์ตี้ของบริษัทที่คึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาไม่ใช่อะไรที่คนรักสันโดษอย่างทาคุยะ นิชิมูระจะนึกนิยม และไม่ใช่เพราะการบังคับขู่เข็ญจากหัวหน้าที่สนใจแต่เรื่องของตัวเองกับผลประโยชน์ของบริษัท อย่างที่ทาคุยะแน่ใจได้ว่าเขาจะสามารถคิดหาข้อแก้ตัว พร้อมหลักฐานที่ครั้งนี้อาจเป็นเฝือกขาจากการจงใจร่วงตกลงจากบันไดสักห้าขั้นให้ปฏิเสธก็โหดร้ายเกินไปแล้วมา หากเป็นเพราะว่านับตั้งแต่วินาทีที่แผนกความเป็นมนุษย์ได้ต้อนรับพนักงานใหม่อย่างเมย์เลีย โคเรนากะ ก็ดูเหมือนความนึกคิดและจิตใจของทาคุยะจะได้รู้สึกถึง ‘ความเป็นมนุษย์’ ครั้งแรกนับตั้งแต่นั้น
ทาคุยะเกิดมาในครอบครัวพ่อแม่ลูกที่เป็นแบบแผนปกติ ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเป็นปกติ จนเมื่อขึ้นเกรดสาม ทุกคนรอบข้างถึงได้แน่ใจว่าเขามีมันสมองมากกว่าปกติ จริงอยู่ที่ภายนอกของเขาอาจไม่ได้ผิดแปลกไปจากปุถุชนคนทั่วไป แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่าภายในใจอันด้านชาของเขากลับเต็มไปด้วยความหยามเหยียดต่อมนุษย์ที่ด้อยกว่า...ซึ่งนั่นอาจหมายถึงทุกคนที่เขาได้พานพบเจอ
เพราะอย่างนั้นบริษัทผลิตแอนดรอยด์จึงดูเหมือนจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเขาที่สุด แม้ว่าเขาจะได้ประสบกับเรื่องน่ารำคาญที่สุดจากมนุษย์อย่างหัวหน้าโจอิจิโร่ ฟูจิวาระ หลังจากการทุ่มเถียงความเห็นที่ขัดแย้งกันในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่เขาเข้าบรรจุ กระทั่งเลยเถิดไปเป็นความเกลียดชังกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่าพวกเขาจะยังคงความเป็นมืออาชีพและทำงานร่วมกันได้โดยไม่ถือเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งที่ทาคุยะนึกอยากต่อยใบหน้าเย่อหยิ่งของหัวหน้าฟูจิวาระให้สาแก่ใจไปข้าง เผื่อว่าจะได้ลดอีโก้ที่สูงเสียดฟ้าลงมาบ้าง
ทว่าไม่ใช่ความรุนแรงที่ขัดเกลามัน แต่เป็นความอ่อนโยนของหญิงสาวผมสีแดงที่แนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มกว้าง หัวหน้าฟูจิวาระไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทาคุยะนึกอิจฉาความเป็นมนุษย์...แม้จะอย่างโง่เง่า...กับความพยายามรุกคืบเข้าหาอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าเมย์เลียจะไม่ได้ตอบรับมันมากไปกว่าไมตรีที่มอบให้คนอื่นๆ เลยก็ตาม
นั่นรวมถึงตอนที่เธอเอ่ยปากถามเขาระหว่างนั่งดื่มกาแฟด้วยกันในช่วงพักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “ทาคุยะชอบฟังเพลงไหม?”
เขาจำได้ว่าเงยหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนเมย์เลียจะเสริมต่อด้วยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “ฉันเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ เผอิญว่าเดอะ มิดไนท์จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่คลับในเมือง ที่จริงให้ไปคนเดียวก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วยก็คงดี ก็เลย...”
“ก็เลยมาชวนฉัน?”
“เพราะว่าเราทำงานอยู่แผนกเดียวกันไงล่ะ!” เมย์เลียตะโกนสวนย้อนอย่างเร็วรี่ “แล้วก็...ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าเราน่าจะสนิทกันได้”
แม้ชื่อของหัวหน้าฟูจิวาระจะแล่นปราดเข้ามา แต่ปากที่ไม่ได้ไวไปกว่าความคิดของเขาก็ขยับตอบกลับไปเพียงแค่
“อื้อ เอาสิ”
เพราะอย่างนั้นทาคุยะถึงได้กำลังขับรถไปรับเธอในคืนวันเสาร์ แม้อพาร์ตเมนต์ของเธอจะอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับเขาก็ไม่ใช่ปัญหา ความตื่นเต้นพุ่งสูงขึ้นทุกขณะเมื่อผ่านระยะเวลาเกือบสี่สิบห้านาทีอย่างไม่เร่งรีบ และการได้เห็นเมย์เลียในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์สบายๆ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนัง กับเปลือกตาสีดำและริมฝีปากสีแดงก่ำตัดกับใบหน้าขาวและผมสีแดงสว่างที่แตกต่างจากเวลาไปทำงานอย่างกับเป็นคนละคน แต่อย่างไรนั่นก็ได้ทำให้หัวใจของทาคุยะเต้นรัวแรงได้ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ของเขา...ร่างกายเขา...อีกต่อไป
เมย์เลียทำให้ทุกช่วงเวลาที่ผันผ่านไปไม่ต่างจากความฝัน เธอสรรหาเรื่องราวโน่นนี่มาพูดคุยถามไถ่ได้อย่างไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมืองใหญ่ คอนเสิร์ตที่กำลังจะไป กระทั่งชีวิตของพวกเขาเอง ทาคุยะชอบเวลาที่เธอหันมาจดจ้อง พยักหน้าและตอบรับเสมอเพื่อให้รู้ว่าเธอตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องของเขา ทาคุยะรักรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ราวกับจะสร้างโลกทั้งใบ
โลกที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่เขาได้รู้จักกับเธอ
เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของฉันเสมอ เธอมอบบทเพลงให้ฉันขับขาน
— เมมโมรีส์, เดอะ มิดไนท์
ฟูกะ โอนิชิแน่ใจว่าได้ยินเสียงเพลงแว่วดังมาหลังลุกขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คร่ำเครียดอยู่กับการแก้โค้ดมาตลอดทั้งวัน...ทั้งคืน กว่าผลงานจะออกมาเป็นที่น่าพอใจมากพอให้เขาได้พักยืดเส้นยืดสาย คิดว่าจะไปชงกาแฟดื่ม ต้มบะหมี่รองท้อง แล้วกลับมาทำส่วนที่เหลือต่อให้เสร็จ ใช่ว่าเป็นงานด่วนมาก แค่ว่าเขาไม่ชอบปล่อยให้มันค้างคา เห็นทีว่าคืนนี้คงจะได้กลับบ้านเอาตอนรุ่งสาง แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับเขาตลอดสองปีที่เข้าทำงานที่นี่
ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ในตอนที่เขาเดินผ่านห้องสันทนาการแล้วได้มองเห็นเธอนอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ ข้างกับเครื่องเล่นเพลงที่ไม่ได้เสียบต่อกับหูฟังซึ่งยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน หากฟูกะก็ไม่คิดจะขัดจังหวะนั้นเมื่อผลักบานประตูเข้าไป หยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอเพื่อชะโงกมองดูชื่อเพลงที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม
ไม่ใช่ว่าเขารู้ว่ามันคือเพลงอะไร แต่เขารู้ว่าเธอชอบศิลปินวงไหน
และเพลง ‘อาร์เคด ดรีมส์’ ของเดอะ มิดไนท์ ก็ทำให้ฟูกะคิดว่าเธอที่นอนหลับอยู่อาจจะกำลังฝันถึงมัน หนึ่งในสถานที่โปรดของเธอไม่ว่าจะในเมืองเล็กที่เติบโตมาหรือในเมืองใหญ่อย่างที่กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ อย่างมีความสุขอยู่กับชายคนรักของเธอที่มีชื่อว่าเคียวเฮ ทากาฮาชิ คนที่ฟูกะรู้จักแค่ในฐานะเดียวคือหัวหน้า ผู้ครองตำแหน่งซีทีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเกมอินดี้ขนาดเล็กนี้ ด้วยพนักงานจำนวนน้อยนิดที่มีไม่ถึงสามสิบคนดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากว่าจะมีใครถูกตาต้องใจกัน
เหมือนกับการมาถึงของไลร่า เมกุโระ ฝ่ายอาร์ติสต์คนใหม่ ที่ทำให้เกิดเรื่องราวอันแปลกประหลาดสำหรับทุกคนในบริษัท ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เคยมึนตึง เย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่ว่ากับใครของเคียวเฮ ในตอนที่ตอบรับประโยคแนะนำตัวผ่านรอยยิ้มประหม่าที่ติดจะเขินอายของเธอ
แต่ไม่ใช่กับเขาที่เธอบังเอิญได้สบประสานสายตา หากก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนจะหันขวับกลับไป และฟูกะก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากสิ่งที่ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกระทำต่อเธอ
ผ่านมากว่าเจ็ดปีได้แล้วที่เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนของพ่อรบกวนฝากฝังลูกสาวคนเดียวให้มาพักอาศัยอยู่ด้วยระหว่างที่ไปทำงานต่างประเทศชั่วคราว ขณะที่ลูกชายคนเดียวของบ้านโอนิชิเองก็ไม่ได้นึกยินดียินร้ายอะไร เพราะช่วงนั้นฟูกะมีบ้านไว้แค่เป็นที่ซุกหัวนอนจากการมุอ่านหนังสือในช่วงปีสุดท้าย รวมถึงทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นการมีอยู่ของเธอจึงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเขา จนเมื่อเธอพยายามพาตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตของเขามากจนเกินไป ทั้งแวะเวียนไปห้องสมุดสาธารณะที่เขาชอบไปติว ฝากตัวเป็นลูกค้าร้านอาหารที่เขาต้องไปทำ ถึงขนาดรอเขากลับบ้านจนผล็อยหลับไปที่หน้าโซฟากับโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ตอนดึกดื่นเพียงเพื่อจะได้บอกราตรีสวัสดิ์หรืออยู่กินมื้อดึกด้วยกัน ต่อให้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำก็ตาม ไลร่าอายุอ่อนกว่าสองปี ย้อมผมสีแดงฉูดฉาด รักการแต่งหน้าแต่งตัว หน้าตาไม่ดีไม่แย่ก็แค่ไม่ใช่สเปคของเขา แต่ที่ทำให้ฟูกะเหลือรับเลยก็คือนิสัยน่ารำคาญกับความพยายามที่สูญเปล่าทั้งหมดเหล่านั้น
เพราะอย่างนั้นคืนหนึ่ง เขาที่เจอกับวันแย่ๆ ผนวกกับความหงุดหงิดที่สั่งสม จึงแผดตะโกนใส่หน้าเธอที่รีบลุกพรวดพราดเพื่อจะไปเตรียมมื้อดึกให้เขาว่า “พอสักทีเหอะไลร่า! ฉันเบื่อทั้งรอยยิ้มโง่เง่ากับความงี่เง่าของเธอจะตายอยู่แล้ว! ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่มีวันชอบเธอด้วย! เพราะงั้นก็ช่วยเลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันได้แล้ว!”
แม้กระทั่งบัดนี้ ฟูกะก็ยังคงจดจำใบหน้าที่นิ่งค้าง ดวงตาที่เลิกกว้าง กับรอยยิ้มที่หุบลงไปได้ เขาคิดว่าเธอจะระเบิดน้ำตาออกมาเพราะดูเหมือนไลร่า เมกุโระจะเป็นคนอ่อนไหวแบบนั้น แต่สิ่งที่เด็กสาวทำก็คือการจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ยากจะบอกความหมาย...หรือไม่ก็อาจเป็นเขาเองที่ไม่สนใจอยากเข้าใจความหมาย...ก่อนวิ่งกลับขึ้นห้องนอนไป ฟูกะไม่ได้สนใจให้ค่าเลยแม้แต่นิดว่าเธอจะหลบไปทำอะไรหรือรู้สึกยังไง แค่ว่าในอีกสองวันให้หลังที่เขาบังเอิญได้เจอเธอก่อนออกไปทำงานตอนเช้าวันเสาร์ ฟูกะถึงได้มองเห็นร่องรอยของขอบตาที่บวมเป่ง
แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรอื่นอีก ไลร่าเลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาอย่างที่ร้องขอ ไม่แม้แต่จะมองหน้า สบตา หรือพยายามสนทนาด้วยแม้แต่การเอ่ยปากทักทาย เธอกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง เที่ยวเล่นที่ห้างและอาร์เคดกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ สองสามคน เข้านอนแต่หัววัน หรือไม่ในคืนวันศุกร์ก็จะนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องรับแขกโดยไม่สนใจการมีอยู่ในตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน ฟูกะไม่เคยได้เห็นแม้แต่เงาร่างของเธอผ่านห้องสมุดหรือร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่อีกเลย เธอกินอิ่ม นอนหลับ ดูสุขสบายดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเขา ไม่แสดงความโหยหาอาวรณ์ถึงเขา
จนวันที่ฟูกะได้เจอไลร่าในงานคอนเสิร์ตของเดอะ มิดไนท์ที่มาเล่นในเมือง ส่วนเขารีบโดดคว้างานสตาฟฟ์รายได้ดีไว้ เธอไม่ได้มากับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงชั้นปีเดียวกัน แต่เป็นเด็กหนุ่มร่วมชั้นปีเดียวกับเขาที่ฟูกะไม่รู้จักชื่อ ผู้ชายตัวสูง หน้าตาดี มีเพื่อนแยะ แต่สมองทึบเพราะวันๆ เอาแต่เล่นเกมไม่ก็ทำอะไรที่ล้วนแล้วแต่เปลืองเปล่า ทั้งที่ฟูกะควรคิดว่าในที่สุดไลร่าก็ได้เจอกับผู้ชายที่คู่ควรแล้ว แต่ทำไมหัวใจของเขาถึงได้บีบรัดด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา นี่น่ะหรือคือความรู้สึกของเธอในตอนที่ถูกเขาปฏิเสธ หากแต่รสชาติของมันที่ฟูกะกำลังเผชิญอาจจะหนักหน่วงยิ่งกว่า เพราะรอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวร่อต่อกระซิกของเธอ หลังจากจูบกับผู้ชายคนนั้นที่เขาบังเอิญไปเห็นเข้า และรู้ว่าหลังจากนี้มันจะดำเนินไปมากกว่านั้น
บัดนี้ คนที่กลายเป็นเด็กหลงทางก็คือเขา เมื่อได้พบกับความรัก...ที่เขาปล่อยมันหลุดมือไปเอง...กับเธอ
_______________
ความคิดเห็น