ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #213 : The Midnight Dreams

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 66


    The Midnight Dreams
    Playlist: The Midnight – Brooklyn. Friday. Love / The Midnight – Memories












    .

    เมื่อคุณพบความรัก คุณจะพบบทเพลงของคุณ

    — ลอสต์ แอนด์ ฟาวนด์, เดอะ มิดไนท์

     

    ปกติแล้ว งานปาร์ตี้ของบริษัทที่คึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาไม่ใช่อะไรที่คนรักสันโดษอย่างโจอิจิโร่ ฟูจิวาระจะนึกนิยม และไม่ใช่เพราะการบังคับขู่เข็ญจากหัวหน้าที่สนใจแต่เรื่องของตัวเองกับผลประโยชน์ของบริษัท อย่างที่โจอิจิโร่แน่ใจได้ว่าเขาจะสามารถคิดหาข้อแก้ตัว พร้อมหลักฐานที่ครั้งนี้อาจเป็นเฝือกขาจากการจงใจร่วงตกลงจากบันไดสักห้าขั้นให้ปฏิเสธก็โหดร้ายเกินไปแล้วมา หากเป็นเพราะว่านับตั้งแต่วินาทีที่แผนกความเป็นมนุษย์ได้ต้อนรับพนักงานใหม่อย่างอลาสก้า ทสึกิโมริ ก็ดูเหมือนความนึกคิดและจิตใจของโจอิจิโร่จะได้รู้สึกถึง ความเป็นมนุษย์ ครั้งแรกนับตั้งแต่นั้น

    โจอิจิโร่เกิดมาในครอบครัวพ่อแม่ลูกที่เป็นแบบแผนปกติ ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเป็นปกติ จนเมื่อขึ้นเกรดสาม ทุกคนรอบข้างถึงได้แน่ใจว่าเขามีมันสมองมากกว่าปกติ จริงอยู่ที่ภายนอกของเขาอาจไม่ได้ผิดแปลกไปจากปุถุชนคนทั่วไป แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่าภายในใจอันด้านชาของเขากลับเต็มไปด้วยความหยามเหยียดต่อมนุษย์ที่ด้อยกว่า...ซึ่งนั่นอาจหมายถึงทุกคนที่เขาได้พานพบเจอ

    เพราะอย่างนั้นบริษัทผลิตแอนดรอยด์จึงดูเหมือนจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเขาที่สุด แม้ว่าเขาจะได้ประสบกับเรื่องน่ารำคาญที่สุดจากมนุษย์อย่างหัวหน้านาสุ ยูโตะ หลังจากการทุ่มเถียงความเห็นที่ขัดแย้งกันในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่เขาเข้าบรรจุ กระทั่งเลยเถิดไปเป็นความเกลียดชังกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่าพวกเขาจะยังคงความเป็นมืออาชีพและทำงานร่วมกันได้โดยไม่ถือเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งที่โจอิจิโร่นึกอยากต่อยใบหน้าเย่อหยิ่งของหัวหน้านาสุให้สาแก่ใจไปข้าง เผื่อว่าจะได้ลดอีโก้ที่สูงเสียดฟ้าลงมาบ้าง

    ทว่าไม่ใช่ความรุนแรงที่ขัดเกลามัน แต่เป็นความอ่อนโยนของหญิงสาวผมสีน้ำเงินที่แนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มกว้าง หัวหน้านาสุไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่โจอจิโร่นึกอิจฉาความเป็นมนุษย์...แม้จะอย่างโง่เง่า...กับความพยายามรุกคืบเข้าหาอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าอลาสก้าจะไม่ได้ตอบรับมันมากไปกว่าไมตรีที่มอบให้คนอื่นๆ เลยก็ตาม

     

    นั่นรวมถึงตอนที่เธอเอ่ยปากถามเขาระหว่างนั่งดื่มกาแฟด้วยกันในช่วงพักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “โจอิจิโร่ชอบฟังเพลงไหม?”

    เขาจำได้ว่าเงยหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนอลาสก้าจะเสริมต่อด้วยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “ฉันเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ เผอิญว่าเดอะ มิดไนท์จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่คลับในเมือง ที่จริงให้ไปคนเดียวก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วยก็คงดี ก็เลย...”

    “ก็เลยมาชวนฉัน?

    “เพราะว่าเราทำงานอยู่แผนกเดียวกันไงล่ะ!” อลาสก้าตะโกนสวนย้อนอย่างเร็วรี่ “แล้วก็...ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าเราน่าจะสนิทกันได้”

    แม้ชื่อของหัวหน้านาสุจะแล่นปราดเข้ามา แต่ปากที่ไม่ได้ไวไปกว่าความคิดของเขาก็ขยับตอบกลับไปเพียงแค่ “อื้อ เอาสิ”

     

    เพราะอย่างนั้นโจอิจิโร่ถึงได้กำลังขับรถไปรับเธอในคืนวันเสาร์ แม้อพาร์ตเมนต์ของเธอจะอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับเขาก็ไม่ใช่ปัญหา ความตื่นเต้นพุ่งสูงขึ้นทุกขณะเมื่อผ่านระยะเวลาเกือบสี่สิบห้านาทีอย่างไม่เร่งรีบ และการได้เห็นอลาสก้าในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์สบายๆ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนัง กับเปลือกตาสีดำและริมฝีปากสีแดงก่ำตัดกับใบหน้าขาวและผมสีน้ำเงินที่แตกต่างจากเวลาไปทำงานอย่างกับเป็นคนละคน แต่อย่างไรนั่นก็ได้ทำให้หัวใจของโจอิจิโร่เต้นรัวแรงได้ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ของเขา...ร่างกายเขา...อีกต่อไป

    อลาสก้าทำให้ทุกช่วงเวลาที่ผันผ่านไปไม่ต่างจากความฝัน เธอสรรหาเรื่องราวโน่นนี่มาพูดคุยถามไถ่ได้อย่างไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมืองใหญ่ คอนเสิร์ตที่กำลังจะไป กระทั่งชีวิตของพวกเขาเอง โจอิจิโร่ชอบเวลาที่เธอหันมาจดจ้อง พยักหน้าและตอบรับเสมอเพื่อให้รู้ว่าเธอตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องของเขา โจอิจิโร่รักรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ราวกับจะสร้างโลกทั้งใบ

    โลกที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่เขาได้รู้จักกับเธอ



     

    เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของฉันเสมอ เธอมอบบทเพลงให้ฉันขับขาน

    — เมมโมรีส์, เดอะ มิดไนท์

     

    อิซเซย์ คานาซาชิแน่ใจว่าได้ยินเสียงเพลงแว่วดังมาหลังลุกขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คร่ำเครียดอยู่กับการแก้โค้ดมาตลอดทั้งวัน...ทั้งคืน กว่าผลงานจะออกมาเป็นที่น่าพอใจมากพอให้เขาได้พักยืดเส้นยืดสาย คิดว่าจะไปชงกาแฟดื่ม ต้มบะหมี่รองท้อง แล้วกลับมาทำส่วนที่เหลือต่อให้เสร็จ ใช่ว่าเป็นงานด่วนมาก แค่ว่าเขาไม่ชอบปล่อยให้มันค้างคา เห็นทีว่าคืนนี้คงจะได้กลับบ้านเอาตอนรุ่งสาง แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับเขาตลอดสองปีที่เข้าทำงานที่นี่

    ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ในตอนที่เขาเดินผ่านห้องสันทนาการแล้วได้มองเห็นเธอนอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ ข้างกับเครื่องเล่นเพลงที่ไม่ได้เสียบต่อกับหูฟังซึ่งยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน หากอิซเซย์ก็ไม่คิดจะขัดจังหวะนั้นเมื่อผลักบานประตูเข้าไป หยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอเพื่อชะโงกมองดูชื่อเพลงที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม

    ไม่ใช่ว่าเขารู้ว่ามันคือเพลงอะไร แต่เขารู้ว่าเธอชอบศิลปินวงไหน

    และเพลง อาร์เคด ดรีมส์ของเดอะ มิดไนท์ ก็ทำให้อิซเซย์คิดว่าเธอที่นอนหลับอยู่อาจจะกำลังฝันถึงมัน หนึ่งในสถานที่โปรดของเธอ ไม่ว่าจะในเมืองเล็กที่เติบโตมาหรือในเมืองใหญ่อย่างที่กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ อย่างมีความสุขอยู่กับชายคนรักของเธอที่มีชื่อว่าเคียวเฮ ทากาฮาชิ คนที่อิซเซย์รู้จักแค่ในฐานะเดียวคือหัวหน้า ผู้ครองตำแหน่งซีทีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเกมอินดี้ขนาดเล็กนี้ ด้วยพนักงานจำนวนน้อยนิดที่มีไม่ถึงสามสิบคนดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากว่าจะมีใครถูกตาต้องใจกัน

    เหมือนกับการมาถึงของไลร่า เมกุโระ ฝ่ายอาร์ติสต์คนใหม่ ที่ทำให้เกิดเรื่องราวอันแปลกประหลาดสำหรับทุกคนในบริษัท ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เคยมึนตึง เย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่ว่ากับใครของเคียวเฮ ในตอนที่ตอบรับประโยคแนะนำตัวผ่านรอยยิ้มประหม่าที่ติดจะเขินอายของเธอ

    แต่ไม่ใช่กับเขาที่เธอบังเอิญได้สบประสานสายตา หากก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนจะหันขวับกลับไป และอิซเซย์ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากสิ่งที่ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกระทำต่อเธอ

     

    ผ่านมากว่าเจ็ดปีได้แล้วที่เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนของพ่อรบกวนฝากฝังลูกสาวคนเดียวให้มาพักอาศัยอยู่ด้วยระหว่างที่ไปทำงานต่างประเทศชั่วคราว ขณะที่ลูกชายคนเดียวของบ้านคานาซาชิเองก็ไม่ได้นึกยินดียินร้ายอะไร เพราะช่วงนั้นอิซเซย์มีบ้านไว้แค่เป็นที่ซุกหัวนอนจากการมุอ่านหนังสือในช่วงปีสุดท้าย รวมถึงทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นการมีอยู่ของเธอจึงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเขา จนเมื่อเธอพยายามพาตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตของเขามากจนเกินไป ทั้งแวะเวียนไปห้องสมุดสาธารณะที่เขาชอบไปติว ฝากตัวเป็นลูกค้าร้านอาหารที่เขาต้องไปทำ ถึงขนาดรอเขากลับบ้านจนผล็อยหลับไปที่หน้าโซฟากับโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ตอนดึกดื่น เพียงเพื่อจะได้บอกราตรีสวัสดิ์หรืออยู่กินมื้อดึกด้วยกัน ต่อให้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำก็ตาม ไลร่าอายุอ่อนกว่าสองปี ย้อมผมเป็นสีม่วงฉูดฉาด รักการแต่งหน้าแต่งตัว หน้าตาไม่ดีไม่แย่ก็แค่ไม่ใช่สเปคของเขา แต่ที่ทำให้อิซเซย์เหลือรับเลยก็คือนิสัยน่ารำคาญกับความพยายามที่สูญเปล่าทั้งหมดเหล่านั้น

    เพราะอย่างนั้นคืนหนึ่ง เขาที่เจอกับวันแย่ๆ ผนวกกับความหงุดหงิดที่สั่งสม จึงแผดตะโกนใส่หน้าเธอที่รีบลุกพรวดพราดเพื่อจะไปเตรียมมื้อดึกให้เขาว่า “พอสักทีเหอะไลร่า! ฉันเบื่อทั้งรอยยิ้มโง่เง่ากับความงี่เง่าของเธอจะตายอยู่แล้ว! ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่มีวันชอบเธอด้วย! เพราะงั้นก็ช่วยเลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันได้แล้ว!”

    แม้กระทั่งบัดนี้ อิซเซย์ก็ยังคงจดจำใบหน้าที่นิ่งค้าง ดวงตาที่เลิกกว้าง กับรอยยิ้มที่หุบลงไปได้ เขาคิดว่าเธอจะระเบิดน้ำตาออกมาเพราะดูเหมือนว่าไลร่า เมกุโระจะเป็นคนอ่อนไหวแบบนั้น แต่สิ่งที่เด็กสาวทำก็คือการจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ยากจะบอกความหมาย...หรือไม่ก็อาจเป็นเขาเองที่ไม่สนใจอยากเข้าใจความหมาย...ก่อนวิ่งกลับขึ้นห้องนอนไป อิซเซย์ไม่ได้สนใจให้ค่าเลยแม้แต่นิดว่าเธอจะหลบไปทำอะไรหรือรู้สึกยังไง แค่ว่าในอีกสองวันให้หลังที่เขาบังเอิญได้เจอเธอก่อนออกไปทำงานตอนเช้าวันเสาร์ อิซเซย์ถึงได้มองเห็นร่องรอยของขอบตาที่บวมเป่ง

    แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรอื่นอีก ไลร่าเลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาอย่างที่ร้องขอ ไม่แม้แต่จะมองหน้า สบตา หรือพยายามสนทนาด้วยแม้แต่การเอ่ยปากทักทาย เธอกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง เที่ยวเล่นที่ห้างและอาร์เคดกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ สองสามคน เข้านอนแต่หัววัน หรือไม่ในคืนวันศุกร์ก็จะนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องรับแขกโดยไม่สนใจการมีอยู่ในตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน อิซเซย์ไม่เคยได้เห็นแม้แต่เงาร่างของเธอผ่านห้องสมุดหรือร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่อีกเลย เธอกินอิ่ม นอนหลับ ดูสุขสบายดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเขา ไม่แสดงความโหยหาอาวรณ์ถึงเขา

    จนวันที่อิซเซย์ได้เจอไลร่าในงานคอนเสิร์ตของเดอะ มิดไนท์ที่มาเล่นในเมือง ส่วนเขารีบโดดคว้างานสตาฟฟ์รายได้ดีไว้ เธอไม่ได้มากับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงชั้นปีเดียวกัน แต่เป็นเด็กหนุ่มร่วมชั้นปีเดียวกับเขา ผู้ชายตัวสูง หน้าตาดี มีเพื่อนแยะ แต่สมองทึบเพราะวันๆ เอาแต่เล่นเกมไม่ก็ทำอะไรที่ล้วนแล้วแต่เปลืองเปล่า ทั้งที่อิซเซย์ควรคิดว่าในที่สุดไลร่าก็ได้เจอกับผู้ชายที่คู่ควรแล้ว แต่ทำไมหัวใจของเขาถึงได้บีบรัดด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา นี่น่ะหรือคือความรู้สึกของเธอในตอนที่ถูกเขาปฏิเสธ หากแต่รสชาติของมันที่อิซเซย์กำลังเผชิญอาจจะหนักหน่วงยิ่งกว่า เพราะรอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวร่อต่อกระซิกของเธอ หลังจากจูบกับผู้ชายคนนั้นที่เขาบังเอิญไปเห็นเข้า และรู้ว่าหลังจากนี้มันจะดำเนินไปมากกว่านั้น

    บัดนี้ คนที่กลายเป็นเด็กหลงทางก็คือเขา เมื่อได้พบกับความรัก...ที่เขาปล่อยมันหลุดมือไปเอง...กับเธอ

     











    2023年07月10日
    _______________
     ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่กูได้เห็น OEC คัมแบคหลังจากลูน่าวงแตก! เพราะฉะนั้นก็ถึงเวลาแล้วหรือยังที่กูจะเอาเรื่องนี้กลับมาแปลง แต่ไม่มีตอนต่อแล้ว ไม่แต่งใหม่แล้ว ที่เอาไปเอามาก็เหมือนจบแบบไม่จบได้อยู่ว่ะ ใครไม่คิดกูคิดเองได้ ทีนี้ตอนเลือกพระเอกใหม่กูก็มานั่งคิดว่างั้นลองเอาสีตามในวงของนางเอกยืนพื้นดูไหม ไหนๆ เราก็มีเมนหลักเมนรองอยู่ที่สองสีนี้กันอยู่แล้ว แต่ปัญหามันมาเกิดตรงที่สีน้ำเงินม่วงอีกวงคันไซเรามัน ฮ่าๆๆ สีส้มก็อิจิบัง ฮ่าๆๆ อีเหี้ย กูมึงนี่แหละเหี้ย ก็เลยว่าเออ งั้นเอาวงเดียวกันยืนพื้นไปละกันวะ หาวงที่สีน้ำเงิน/ม่วงจะรอดไปด้วยกัน เซ็กซี่โซนอันนี้ไม่ได้แน่นอน ตัด ไฮไฮก็กลัวมึงคิดจริงจัง เซเว่นเม็นก็ไม่มีสีน้ำเงิน งง สโนว์ก็ไม่พูดได้ไหมอ่ะ เพราะงั้นก็เหลือวงเดียวคือบิโชเน็นที่เป็นกลางสุดแล้ว อย่างน้อยมึงก็ยังโอ กูก็ยังรักหน้ากับเสียงเค้า เพราะต่อให้อุกินาสุจะเป็นคู่ที่ดังมากแต่ก็ยังดีกว่า... ฮ่าๆๆ ไม่พูดดีกว่า
     อนึ่ง ช่วงนี้กูอาจจะหายตัวไปสักระยะ (มั้ง) เพราะได้แปลซีรีส์อวกาศที่ยากพอประมาณ (แต่ก็ชิวอยู่ เพราะที่ยากสุดในชีวิตสำหรับกูคือแนวกีฬาโว้ยยย) ถึงแม้ว่าจะคนละแฟรนไชส์กับที่อิสเสรัก แต่ยังไงก็เป็นอวกาศเหมือนกัน เลยดีใจที่ได้หาแปลงแนวไซไฟให้อิสเสสักเรื่อง ถึงจะไม่มีใครรู้ดูไม่ออกว่ามันไซไฟตรงไหน แต่แค่กูรู้ว่าฉากในบริษัทเกมมันมาจาก Black Mirror: USS Callister (ที่ก็ได้แรงบันดาลใจจากสตาร์เทรค) คนเดียวก็พอ / ย้อนไปอ่านทอล์คเก่าถึงมึ๊งว่าอีกแรงบันดาลใจคือจาก Free Guy (ที่มึงได้เกลาลงทรูด้วยจ้าา) พ่ะน่ะ / พล็อตเดิมคือเป็นพาราเรลเวิล์ดว่ะ ไม่ใช่ความฝัน เรื่องของโจก็คือความปรารถนาของอิสเส อลาสก้าก็คือไลร่าสมัยนั้นที่อิสเสตกหลุมรักเป็นครั้งแรกทั้งลุคและนิสัย (ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะกูจะให้ไลร่าย้อมม่วงนิ) นาสุก็คือเคียวเฮที่นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบทั้งสองโลก เพราะว่าเกลียดและอิจฉามาตลอดก็เลยให้เป็นได้แค่คนที่แอบรักอลาสก้าข้างเดียว และเพราะอิสเสอยากให้อลาสก้าปักใจรักโจเหมือนที่ไลร่าเคยรักตัวเองมากๆ ดังนั้นคู่ของโจกับอลาสก้ายังไงก็ได้ลงเอยกัน ส่วนไลร่าไม่มีวันหวนกลับไปหาอิสเสแล้ว มุ้ปอรแล้ว เค้าด่าไม่ได้แปลว่าเค้ารักเสมอไป / ที่ขำคือทอล์คตอนนั้นกูเขียนว่าอย่างกับฟิคโซโหมึงเลยละเหมือนจริงแม่งเอ๊ย แต่เราไม่ได้ก๊อปกันแน่นอน แค่เสพแนวเดียวกันเฉยๆ กูจะบ้า 55555 
     เสียดายมากที่ฟิคเรื่องนี้ต้องล่มไป ทั้งที่กูชอบมากนะ รักเดอะมิดไนท์มากด้วย แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันบ่ะ ถึงอย่างนั้นก็จะขอตั้งชื่อเรื่องว่าเดอะมิดไนท์ดรีมส์เพื่อเป็นการทริบิวต์ให้แก่วงที่กูรัก เป็นไง บรุกลินไหมล่ะ เห้อออ กูนะรักเพลง Memories มาก ฟังแล้วนึกถึงอดีตที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง / เอาล่ะ ถือโอกาสนี้บอกเลยแล้วกันว่าทำไมเวลาเขียนถึงนิวยอร์กกูจะนึกถึงไทโช เพราะถ้าจำได้วงนี้เคยไปเล่นที่แอลเอ ได้ไปเที่ยวเวกัส พอพูดถึงเมกาเพื่อนในวงก็จะพูดถึงแอลเอ/เวกัสที่เคยไปมากกว่า แต่ทชคือคนเดียวที่พูดถึงนิวยอร์กและจะร้องเพลงนิวยอร์กๆ ในโชคุระ น่าจะเพราะที่กูเคยเล่าว่าเป็นฉากหลังในเอลฟ์เดอะมิวสิคอลที่เล่น แต่เหตุผลจริงๆ คืออะไร หรือมีเหตุผลอื่นไหมอันนี้กูก็บ่เนาะ / ปล. โออีซีเพลงใหม่ชื่อแอร์ฟอร์ซวัน แล้วจำที่กูเล่าได้ป่ะว่าโพลเมียวโจ้ไทโชได้โหวตอยากให้รับบทเป็นนักบินอันดับหนึ่ง เคนโตะก็บ้าท๊อปกันมาก 55555 งี้มันต้องมาแล้วไหม (ไม่)
     ปล. โจกับอลาสก้าจะได้ลงเอยรักกันที่งานปาร์ตี้บริษัทนี่แหละ จะได้เต้นรำแล้วก็จูบกันด้วย แต่ไม่มีใครจะได้รู้นอกจากกูเอง ส่วนของอิสเสกับไลร่าก็แค่คุยกันเฉยๆ แล้วเดี๋ยวเคียวเฮก็มารับ จบ อวสาน เป็นได้แค่เมมโมรี่ มิดไนท์ดรีมจริงๆ ไหมล่ะ U_U
    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×