ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #20 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 18 [edited]

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 55


    TOM (or) BOY

    18

     

     

     

     

     

     

    วันนี้เป็นวันศุกร์

    เพียงวันธรรมดาทว่าพิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องจากโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมขนาดกลางพรั่งพร้อมไปด้วยสมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวตัวต.

    เพราะปกติครูภาษาไทยอย่างแม่เต่ามักต้องอยู่เวรที่โรงเรียนในวันศุกร์ตอนเย็น  ต๋อ..ลูกสาวคนเล็กก็ไปเรียนพิเศษวาดรูป  เต๋อ..ลูกชายคนกลางมีซ้อมบาสเกตบอล  ส่วนพนักงานบริษัทอย่างพ่อต๋อยก็มักจะรถติดกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มักเลยเวลาอาหารไปแล้ว เหลือก็แต่ลูกชายคนโตอย่างเต๋าที่ถึงบ้านเร็วเพราะบ้านอยู่ใกล้มหาลัย หากแต่ก็หาอะไรใกล้ๆ กินเองเกือบทุกวัน

    แขกของบ้านอย่างคชา พอได้ยินอย่างนั้นเข้าก็ส่งรอยยิ้มแห้งๆ ให้กับคนอื่นๆ บนโต๊ะอาหาร  ปกติครอบครัวเพียงพอไม่ค่อยได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้ากันในวันธรรมดา แต่ไหงวันที่เขาวิ่งฝ่าสายฝนมาง้อใครบางคน มันถึงได้เป็นวันที่สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะ

    “อยู่มหาลัยเต๋ามันโดดเรียนไปเที่ยวไหนบ้างรึเปล่า?”  น้ำเสียงอบอุ่นของพ่อต๋อยเอ่ยถามเรียบๆ 

    คชานิ่งคิดก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ  “ไม่รู้สิครับ คือเรา..อยู่คนละคณะกัน”

    จะว่าไป...แล้วเขารู้อะไรเกี่ยวกับเต๋าบ้างนะ?

    “คชาเรียนนิเทศน่ะพ่อ”  ลูกชายตอบแทนให้

    “แล้วไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะ?”  แม่เต่าถามขึ้นบ้าง แปลกใจไม่น้อยที่ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันในมหาวิทยาลัยแต่สนิทสนมกันขนาดมาที่บ้าน...เพราะมีแค่เพื่อนเต๋าอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยมาที่นี่

    “รู้จักเพราะ...เตะบอลด้วยกันน่ะครับ”  คชาแย้มยิ้มหวานด้วยความภูมิใจในการแถอย่างแนบเนียนของตัวเอง “ชอบฟุตบอลเหมือนกันด้วย”

    “อ๋อ อย่างนี้เอง ว่าแต่คชาบ้านอยู่ไหนล่ะ?”

    “มาจากโคราชครับ”

    “หรอจ๊ะ แล้วตอนนี้พักอยู่ไหน?”

    “อยู่บ้านเพื่อนอีกคนน่ะครับ แก้ขัดไปก่อน แต่เดี๋ยวกำลังจะย้ายเข้าหอแล้วครับ”

                “อยู่หอทำไมพี่ชา มาอยู่นี่สิ”  น้องสาวแก้มยุ้ยตาโตพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่หมดดี  “จะได้อยู่กับพี่เต๋าไง... กับต๋อด้วย”  รอยยิ้มสดใสผุดขึ้น หากแต่คนถูกพาดพิงอย่างคชากลับรู้สึกว่ามันดูเจ้าเล่ห์ยังไงพิกล  “เนอะพี่เต๋อ”  หันไปขอความเห็นจากพี่ชายคนกลางพลางกระซิบกระซาบในสิ่งที่คชารู้สึกเสียวสันหลังชอบกล

                “อย่าดีกว่าครับน้องต๋อ เกรงใจจะแย่”  และเพียงแว้บเดียวเท่านั้น คชาก็เห็นแววตาวิบวับจากน้องเต๋อในเชิงล้อๆ คล้ายคลึงกัน

                “เกรงใจอะไร บ้านเราชิลๆ อยู่แล้วพี่... พี่เต๋าอะว่าไง?”  น้องชายว่าพลางหันไปสะกิดพี่ชายที่นั่งเงียบอยู่  เห็นดังนั้น คชาจึงส่งสายตาขู่ๆ กลับไปถึงอีกคน

                อย่าได้ตอบเห็นด้วยเชียว!

                “มาอยู่ด้วยกันไหมชา?”

                พอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยวุ้ย!

                ก่นด่าอีกคนในใจหากทว่าใบหน้ากลับร้อนเอาดื้อๆ เมื่อเห็นแววตาของคนพี่ไม่มีวี่แววขี้เล่นอยู่เลยสักนิด ใบหน้านั้นมองมาอย่างจริงจังจนเขาลอบถอนหายใจ คชาเบือนหน้าหนีหากแต่ก็ไปสบตากับพ่อต๋อยแม่เต่าเข้า

    “มาอยู่บ้านเราไหมคชา เพื่อนเต๋าก็เหมือนลูกแม่อีกคนนั่นแหละ”

    ได้ยินคำพูดจากคุณแม่แสนใจดีกับการพยักหน้าคล้อยตามของคุณพ่อเข้าแล้ว คชาก็หวนนึกถึงครอบครัวของตัวเองที่โคราชไม่น้อย ไม่ได้โทรไปหาสองวันแล้ว ไม่รู้ตอนนี้แม่กับน้องๆ จะเป็นไงบ้าง

                “ขอบคุณครับ...พ่อ...แม่”  เพิ่งจะเรียกทั้งคู่ว่าพ่อแม่ได้อย่างเต็มปากก็หนนี้  ทั้งสองทั้งใจดีแล้วก็อบอุ่นจริงๆ

    “แต่อย่าดีกว่า ผมมากรุงเทพฯ คนเดียวก็อยากลองใช้ชีวิต อยากทำอะไรเองดูบ้าง”  อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าโตแล้ว อยู่คนเดียวได้

                “งั้นก็ตามใจลูก... แต่คืนนี้ค้างที่นี่ก่อนดีไหม ฝนตกอีกแล้ว คงไม่หยุดง่ายๆ แน่” 

                คชายิ้มหวานให้กับคุณแม่คนที่สอง ก่อนจะพยักหน้ารับคำชวนของหญิงวัยกลางคน  “รบกวนด้วยนะครับ”

     

     

                หลังมื้ออาหารแสนเรียบง่าย สมาชิกในบ้างต่างก็เริ่มแยกย้ายเข้าไปทำกิจกรรมส่วนตัวของตนเอง น้องเต๋อขึ้นไปอาบน้ำ แม่เต่าขึ้นไปทำแผนการสอนบนห้อง ส่วนพ่อต๋อยกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกด้านล่างกับลูกสาวที่นั่งขีดเขียนอะไรอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

                “ไหนดูซิ วาดรูปอะไรเนี่ย?”  พี่ชายชะโงกหน้าก้มลงไปดูสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ของน้องสาว  “นี่มัน... ชา มาดูสิ”

                ร่างเล็กก้าวเข้าไปหาสองพี่น้องตามเสียงเรียก ก่อนจะก้มมองลงในสมุดวาดเขียนที่เด็กสาวกางออกให้ดู

                “เอ่อ...”  รูปคนสองคนที่กอดกันอยู่ทำเอาเขายืนนิ่งสนิท ถึงลายเส้นจะเป็นแบบการ์ตูนทว่ามองปราดเดียวก็รู้ในทันทีว่าใครเป็นใคร

                ไอ้คนที่ทำหน้าเขินผมหน้าม้าเห็ดนั่นเขาแน่ๆ ส่วนอีกคนที่ตัวสูงกว่าหน่อยแถมยิ้มเจ้าเล่ห์ก็หนีไม่พ้นไอ้คนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่นี่แหละ

                “วาดรูปสวยหนิน้องสาว”  เต๋าพูดพลางยื่นมือไปขยี้ผมของเด็กสาวจนยุ่งเหยิง

                “ชอบไหมพี่ชา?”

                “อ่า...”  ถ้าตอบไม่ชอบคงไม่ดีแน่และยิ่งสายตาพ่อต๋อยที่หันมามองอีก นี่ไม่กลัวพ่อต๋อยมาเห็นแล้วสงสัยรึไงว่าน้องต๋อวาดรูปอะไร  “ช..ชอบครับ”

                “งั้นเดี๋ยวต๋อวาดเสร็จจะเอาให้นะ”  เธอยิ้มหวานพลางมองพี่ชายทั้งสองอย่างอารมณ์ดี

    “รอแปปนึงนะคุณพี่สะใภ้”

                “น้องต๋อ!!!”     

    โชคดีที่พ่อต๋อยเดินออกไปรับโทรศัพท์พอดีและคงจะไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวคนเล็ก  แต่แค่นั้นก็พาเอาพี่สะใภ้ของน้องต๋อยืนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งฝ่ายพี่ชายต้องพูดขึ้น

    “ขึ้นห้องไปอาบน้ำกันเถอะชา”

                รอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับบนใบหน้าทำเอาคชาอยากจะยื่นมือไปตีปากอีกคนสักสองสามที

                แต่ทำไม่ได้! ก็ตอนนี้ข้อมือถูกอีกคนลากให้เดินขึ้นห้องไปแล้วสิ

     

     

                คชาขึ้นมาบนห้องก็จัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยเนื่องจากก่อนหน้าเขาเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะไม่ได้กะไว้ก่อนว่าจะต้องค้างคืน  คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นของอีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่เปียกชื้น  ไม่ทันได้ทำอะไร โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงเรียกดังขึ้น คชากดรับมันทันทีเมื่อเห็นว่าปลายสายที่โทรมาคือใคร

                “เป็นไงมั่งวะไอ้เต้”  น้ำเสียงสดชื่นถูกส่งไปยังคนในสายเพราะกำลังคิดว่าจะโทรไปหาพวกมันอยู่พอดี คชาหย่อนก้นลงบนปลายเตียงนอน มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างก็เช็ดผมไปพลาง

                “เฮ้ย ไปกินไม่ชวนกูเลยว่ะ”

                “เออ คราวหน้าเรียกกูด้วย ถ้าไปไม่ชวนอีกกูโกรธ”

                “อือ”

                “ไอ้นี่... ไม่มีอะไรว้อย!

                “ทำไมวะ?”

                “ไอ้..บ้า...”

                แม้จะเป็นเวลาไม่กี่นาทีที่คชาจดจ่อกับคนในปลายสาย หากแต่ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับอีกคนไม่น้อย

                เต๋านั่งมองร่างเล็กที่พูดคุยกับโทรศัพท์กับอีกคนอย่างสนิทสนม ทั้งๆ ก่อนหน้ายังอุตส่าห์วิ่งตามมาง้อเขาอยู่เลย แต่พอเขาหายโกรธแล้วความสำคัญก็คงจะลดลงตามไปด้วยสินะ

    ปัง!’  เสียงปิดประตูระเบียงดังขึ้นอย่างจงใจเมื่อเจ้าของห้องอดรนทนไม่ไหวเดินออกไปที่ระเบียงแทน เต๋าสูดกลิ่นฝนปล่อยให้อากาศเย็นสบายกระทบผิว ปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่ไม่นาน  เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูบานเดิมก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่ยื่นหน้าออกมาทั้งๆ ที่ยังกำโทรศัพท์อยู่ในมือ

    “จะนอนรึยังเต๋า?”  คนตัวเล็กโผล่หน้าออกมาถามเสียงซื่อ

    “ยัง”

    “อยู่ข้างนอกไม่หนาวหรอ?”  คชาเดินออกมายืนที่ระเบียงบ้าง  “ฝนตกอีกแล้ว”  พูดพลางยกแขนกอดอกไว้เพราะอากาศที่เย็นชื้น

    “หึ... ฝนตกก็เลยอดออกไปสิ”  เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงฝนโปรยปราย... อยากออกไปขนาดนั้นทำไมจะไม่ได้ยิน

    “อ้าว...เต๋าจะไปไหนหรอ?”

                “ใครกันแน่ที่จะไป...”  แน่นอนว่าคำถามนี้ไม่ต้องการคำตอบ  “ร่มแขวนอยู่ข้างล่าง ตรงหน้าบ้าน”  ร่างสูงพูดจบก็เดินเข้าห้องไปอย่างคนไร้อารมณ์ ปล่อยให้อีกคนยืนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปบ้างเมื่อพอเดาความคิดอีกฝ่ายได้

                คชามองคนตัวใหญ่ขี้ใจน้อยที่นั่งลงนิ่งๆ บนเตียงนอนก็ลอบยิ้มขำ มาแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กับไอ้เต้ไอ้เฟรมล่ะสิ เขาก็แค่บ่นอยากไปกรึ๊บเหล้ากับพวกมันบ้างแค่นั้นเอง

                อุตส่าห์มาเรียนไกลหูไกลตาแม่แล้ว ก็อยากออกไปกินเหล้าสังสรรค์กันให้พอสนุกสนานเท่านั้นแหละ อีกอย่างวันนี้เพื่อนคนอื่นก็ไปกันพร้อมหน้า เพิ่งเริ่มสนิทกันมันก็อยากจะออกไปเฮฮาด้วยน่ะสิ

                “เต๋า...จะนอนแล้วหรอ?”  แต่พอเห็นอีกวางมาดขรึมใส่แบบนี้ ไอ้ความอยากจะออกไปหาเพื่อนก็สลายไปกับละอองฝน  ร่างเล็กนั่งลงข้างๆ อีกคนพลางเอ่ยเบาๆ  “จะให้เรา..นอนตรงไหนล่ะ?”

                พูดเองก็เขินเองแปลกๆ  ยอมรับก็ได้ว่าแอบคิดลึกกับประโยคที่เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเอง คชายกมือขึ้นเกาศีรษะน้อยๆ  ช้อนสายตามองอีกคนอย่างรอคอยคำตอบ

                เลิกงอนได้แล้วไอ้บ้าเอ๊ย ลงทุนง้อขนาดนี้แล้วนะ!

                “นี่... จะให้นอนไหน?”  คำถามเดิมถูกถามซ้ำเมื่ออีกคนไม่ยอมตอบ ริมฝีปากบางค่อยๆ แย้มรอยยิ้มสดใสเพื่อให้อีกคนค่อยๆ คลายอาการหน้าตึงลงบ้าง

                “ข้างล่าง”

                “ห๊ะ”

                “บอกว่านอนข้างล่าง ไม่ได้หรือไง?”

                ใจร้ายว่ะ!  คชาทำปากยื่นใส่อีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ตรงใจหากแต่ก็พยักหน้าตกลงโดยดี  อุตส่าห์หวังว่าจะได้ยินคำตอบประมาณว่าเต๋านอนขวาคชานอนซ้าย แต่ไหงดันเนรเทศเขาลงมานอนข้างล่างแบบนี้เล่า

                แต่เอาก็เอาวะ... ตอนที่เต๋าเคยไปค้างห้องเขา เขาก็เคยแกล้งให้มันนอนพื้นเหมือนกัน  อย่างน้อยพื้นปาร์เก้ก็ไม่ได้เย็นเหมือนพื้นกระเบื้องในห้องนั้นน่ะนะ  ร่างเล็กคว้าหมอนหนุนลงมาพร้อมด้วยหมอนข้างอีกใบ ก่อนจะนอนแผ่ลงบนพื้นมันทั้งอย่างนั้นแหละ

                พยายามไม่น้อยใจ นึกเข้าไว้ว่า มันก็เหมือนในละครที่พระเอกต้องเสียสละเตียงให้นางเอกยังไงล่ะ

                เท่ชะมัดเลยเรา

                “นอนละนะเต๋า”

                รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งให้คนที่เพิ่งเดินไปปิดไฟกลับมา หากแต่คชากลับต้องตื่นตกใจ เมื่อถูกอีกฝ่ายช้อนตัวขึ้นมาไว้บนเตียง

                “อ..อะไร?”  น้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าอีกคนอยู่ใกล้ชิดเพียงแค่นี้... แค่คืบเดียวเท่านั้น ไม่อยากเลยที่เต๋าจะก้มหน้าลงมาช่วงชิงอากาศจากเขาไปได้

                ใบหน้าขาวคมยังคงมองเห็นลางๆ ด้วยแสงจากโคมไฟสีนวล เต๋าก้มหน้าลงมาชิดซะจนคชาเริ่มหายใจติดขัด  อะไรสักอย่างบอกเขาว่าจูบครั้งที่สองของวันกำลังจะสูญไปในไม่ช้า... เปลือกตาบางค่อยๆ หลับลงมาแผ่วเบา

                แต่ก็เปล่า...

                “ฉันบอกให้นายนอนข้างล่าง”  เสียงทุ้มเอ่ยคำประกาศิตอีกครั้ง และนั่นทำเอาอีกคนขมวดคิ้วผูกโบว์อย่างไม่เข้าใจ

                “อื้อ... ก็ให้เราลงไปนอนข้างล่างดิ”  ไม่รู้จะอุ้มขึ้นมาบนเตียงทำไม เอาแขนมากั้นไว้แบบนี้ แถมหน้ายังชิดซะจนจะหายใจรดต้นคออีก มันสยิวกิ้วนะรู้ไหม!

                “ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง”

                พูดจบร่างสูงก็อันตรธานมาอยู่บนตัวอีกคนภายในชั่วอึดใจเดียว อ้อมแขนแกร่งยันฟูกนุ่มไว้ก่อนจะก้มลงตวัดปลายจมูกสูดกลิ่นหอมจากเรือนกาย ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิมในวันนี้กลับหอมละมุนกว่าทุกวัน

                “แบบนี้ต่างหาก นอนข้างล่างน่ะ”

                แววตาเรียบเฉยฉายแววความเจ้าเล่ห์ภายในพริบตา

                เสียงหัวใจที่เต้นแรงในตอนนี้มันช่างพาให้กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน ไฟสีส้มนวลจากโคมไฟข้างเตียงส่องให้เห็นแววตาแน่วแน่จนเขารู้สึกได้ แผ่นหลังของคชาเริ่มชื้นเหงื่อ อุณหภูมิในตัวจากที่ร้อนรุมๆ เพราะสภาพอากาศยิ่งจะเพิ่มสูงขึ้นไปกว่าเดิม  เขาเริ่มต้นทำอะไรไม่ถูก จะพูดห้ามหรือจะผลักไสอีกฝ่ายออกไปก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลยสักอย่างเดียว

                และสัญชาติญาณของเขาก็ไม่ผิดจริงๆ... มือบางถูกจับตรึงเอาไว้แน่นไม่ให้เขยื้อนกายหนีไปไหนก่อนริมฝีปากหยักจะโน้มลงมอบจูบหอมหวานแก่เขาอีกครั้ง ไล่ต้อนสัมผัสอย่างหยอกล้อแต่ก็อ่อนโยนลึกซึ้งในคราวเดียวกัน

                มือหนาค่อยๆ เกลี่ยเอาเส้นผมบางที่ปรกใบหน้านั้นอยู่มาทัดหูเอาไว้  เต๋าอยากจะเห็นให้ชัดๆ กับตาว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไร มองเขาแบบไหน เมื่อตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแบบนี้

                ริมฝีปากหนายกยิ้มทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเขินอายอย่างไม่ปิดบังของคนข้างล่าง ทว่านั่นกลับยิ่งเป็นมากกว่าคำเชิญชวนให้เต๋าลงมือทำสิ่งที่ต้องการต่อไป

                “ชอบไหมชา?”  เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทั้งชวนจั๊กจี้และวาบหวิวอยู่ในอก กะจะให้เขาระเบิดออกมาเลยรึไงนะ  “ตอบมาสิ... ชอบ หรือ ชอบ” 

    ตัวเลือกของคำตอบเรียกว่าไม่มีทางเลือกจะดีกว่า ริมฝีปากหนาคลอเคลียบริเวณใกล้ๆ ใบหู  ก่อนฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่  มือหนาสัมผัสผิวหน้าเนียนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม

    และตอนนั้นคำพูดของเพื่อนซี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก็ดังแว่วเข้ามาในหัวยิ่งพาให้สติกระเจิดกระเจิง

    งั้นแสดงว่าคืนนี้แกก็ค้างบ้านเต๋าอะดิ

    อือ

    เสร็จแน่น้องทอมคชา

    ไอ้นี่... ไม่มีอะไรว้อย!’

    ห้ามเปิดประตูออกไปนอกห้องเด็ดขาดเลยนะเว่ยคชา

    ทำไมวะ?

    เอ๊า... เขาถือเคล็ดกัน คืนแรกที่เข้าหอเขาห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าสว่าง

              ไอ้..บ้า...

    น่าอายชะมัด... ใครจะคิดว่าคำพูดน่าอายที่ไอ้โปเต้มันแกล้งล้อเลียนจะเริ่มส่อเค้าลางเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ  คชาหลับตาลงอีกครั้งราวกับจะหนีความจริงในตอนนี้

    ไม่ได้อยากจะยอมนะ แต่มัน...

                ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ตาคู่ใสก็ค่อยๆ ลืมขึ้นเมื่อเห็นว่าการกระทำของอีกคนชะงักไป  ใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดของอีกฝ่ายสร้างความสงสัยให้กับเขาอยู่ไม่น้อย

                “ตัวร้อนนี่ เป็นไข้หรอ?”  ฝ่ามือหนาวางพิสูจน์ลงบนหน้าผาก ก่อนจะก้มลงแตะหน้าผากลงตามไปวัดอุณหภูมิอีกครั้ง  “ไม่สบายทำไมไม่บอก”  เต๋าพูดต่อเมื่อรู้สึกได้ทันทีว่าอีกคนตัวร้อนรุมๆ

                ไม่ทันรอคำตอบ อีกคนก็รีบลุกเดินออกจากห้องไป ก่อนจะกลับมาด้วยยากับน้ำดื่มในแก้วใบใส  เจ้าของห้องลงมือป้อนน้ำป้อนยาให้อีกคนเสร็จสรรพ ก่อนจะปิดไฟมืดสนิทอีกครั้งแล้วมานั่งข้างๆ กันบนเตียง

                “ทีหลังไม่สบายต้องบอกนะรู้ไหม?”  น้ำเสียงที่พูดออกจะดุนิดหน่อยแต่แฝงความห่วงใยเอาไว้เต็มเปี่ยม

                “อือ”  คชาขานรับเบาๆ ...ก็เขาไม่อยากเป็นภาระกับอีกฝ่ายนี่นา อีกอย่าง ตอนนั้นใครจะมีอารมณ์พูดล่ะ โดนขึ้นคร่อมซะขนาดนั้นคงจะมีสติคิดหรอกนะว่าตัวเองกำลังตัวร้อนอยู่

    “นอนเถอะ... พักผ่อนเยอะๆ จะได้หาย”

    ถ้อยคำแสดงความห่วงใยทำเอาอีกฝ่ายอิ่มเอมใจ  คชาลอบอมยิ้มในความมืดนั้นก่อนจะล้มตัวลงหนุนหมอน  ตอนนี้เขาง่วงและเหนื่อยล้ามากแล้ว และความสุขที่ล้นปรี่ก็เป็นเครื่องการันตีว่าคืนนี้เขาจะต้องฝันดีแน่ๆ  คชาหลับตาลงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมแขนหนาที่โอบกอดเขาไว้ราวกับเขาเป็นหมอนข้างใบโปรด

                “เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก”  คนป่วยประท้วงน้ำเสียงอ้อยอิ่งจนคนฟังอยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่า ที่พูดนี่อยากให้เขาปล่อยหรืออยากให้เขาทำอะไรกันแน่

                “ติดก็ดีสิ จะได้แบ่งๆ กันป่วย”  ไม่พูดเปล่าแต่มือปลาหมึกทำหน้าที่กอดอีกคนไว้แน่นหนากว่าเดิม  “คิดถึงนะชา...คิดถึงมากเลยนะรู้ไหม ห้ามหนีไปไหนอีกล่ะ”

                “อื้อ”

                “หมอนข้างใบเดิมนี่นา”  ไม่ต้องคิดให้ยาก ก็คืนวันที่เต๋าเคยไปนอนค้างห้องเบอร์ 23 แล้วเกิดศึกแย่งหมอนข้างนั่นแหละ ใบหน้าหล่อลอบยิ้มเมื่อนึกถึงความบังเอิญที่อีกคนหอมแก้มเขาในคืนวันนั้น  ปลายจมูกโด่งทิ้งลงบนแก้มเนียนอย่างตั้งใจ  “ทั้งหอมทั้งนุ่ม... เหมือนเดิมเลย”

                ไม่มีคำตอบใดๆ ตามมา มีเพียงฝ่ามือที่ทุบหลังอีกคนเป็นการประท้วงเบาๆ หากแต่ก็ยอมให้เต๋ากอดเขาไว้แต่โดยดี

                สองร่างบนที่นอนกอดก่ายกันอย่างแน่นหนาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน  เสียงฝนตกพรำค่อยๆ จางหายจนเงียบสงบลง

                ฝนหยุดแล้ว... ท้องฟ้าแม้มืดมิดแต่ก็สว่างไปด้วยแสงจันทร์นวลกระจ่าง

              ท้องฟ้าก็เหมือนชีวิต มีช่วงเวลาที่ฝนตก แดดออก หรือพายุเข้า  คนเราก็มีทั้งช่วงเวลาดีๆ และเลวร้าย

    ทว่าท้องฟ้าไม่ใช่ของใคร แต่ชีวิตเป็นของเรา

                และเขาก็เลือกแล้ว... ที่จะทำให้ช่วงเวลานี้มีแต่ความสุข

    “ฝันดีนะคชา”

    “ฝันดีนะเต๋า”

                เก็บสิ่งดีๆ เอาไว้ แล้วโยนความเศร้าทิ้งไป

                ขอบคุณนะ... ขอบคุณที่ให้โอกาสเราอีกครั้ง

     










    TBC

    แอบมาดิทเพิ่มบทน้องเต๋อไปหน่อย แหะๆ ตอนแรกไม่รู้อะว่าพี่เต๋ามีน้องชายด้วย


    คำคมตอนท้าย เห็นในสเตตัสเพื่อนเลยยืมมา ซึ่งเพื่อนก็เอามาจากไหนอีกต่อนึงนี่แหละ
    ตอน 18 นี้แต่งตอนฟังเพลงร่มสีเทาไปด้วย พอจะได้บรรยากาศของเพลงนั้นมาบ้างไหม >w<
    ส่วนเรื่องหมอนข้างที่เต๋าพูด น่าจะอยู่ตอน 6 และ 7 (ลืมไปแล้วล่ะสิ 55)


    มีคนสงสัยเรื่องคณะเต๋าในเรื่องไหม ในเรื่องเต๋าเรียนบริหารอินเตอร์ (BBA) แต่ที่ตอนแข่งกีฬาพูดว่าบัญชี คือเรายึดตามมหาลัยเราที่มีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งมีสาขาบริหารอยู่ในนั้น (แต่มหาลัยส่วนใหญ่เขาจะแยกกันเป็นคณะบริหาร คณะบัญชี ไปเลย)


    ตอนนี้พอมีพล็อตฟิคเรื่องใหม่ละ แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอนาคตจะมีเวลามาแต่งไหม รู้แค่อยากแต่ง ไว้เรื่องนี้จบก่อนนะ เจอกันแน่ (แต่คงไม่อัพถี่นัก)

    ตอน 19 จะพยายามมาต่อก่อนเราเปิดเทอมนะจ๊ะ (เราเปิดวันอังคารนี้แล้วอ้ะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×