ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHinee JONGKEY INNOCENT XX รักร้ายคุณชายตัวเเสบ18+ part I

    ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 17 INNOCENT ( ความจริงอันน่ากลัว )

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 55


    CHAPTER   17   INNOCENT    (  ความจริงอันน่ากลัว )

     

      ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงและทองเต็มต้น     อากาศอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ฉันไม่ลืมที่จะ

    สวมเสื้อกันหนาวมาหาพี่อนยูถึงที่นี่   หลังจากเมื่อวานนี้ฉันได้มอบการ์ดแต่งงานให้กับจุงกูไปแล้ว 

    คราวนี้ก็ถึงตาพี่อนยูบ้างล่ะ        

     

     

     

      ถ้าจะมาที่นี่ก็โทรบอกก่อนสิ”  พี่อนยูเดินออกมาจากบ้านไม้สไตล์ยุโรป   เขาใส่เสื้อไหมพรมแขน

    ยาวลายทางดำสลับเทา   มือล้วงในกางเกงยีนส์ขายาวสีเทาตัวนั้น   ก่อนจะนั่งห่างๆจากฉันบน

    เก้าอี้ไม้ตัวยาวทางด้านนอก    ข้างหลังเป็นรั้วสีขาว  ปลูกดอกแดนดิไลออนสีเหลืองสดบานสะพรั่ง

    สลับกับดอกสีขาวยามที่มันร่วง

     

     

     

    “ พอดีว่าฉันอยากเซอร์ไพส์พี่น่ะ ”   

     

     

     

     

    “ เซอร์ไพส์อะไรกันแต่เช้าเล่า ”  

     

     

     

     

     

      ช่างฉันเถอะน่า ”    

     

     

     

     

    “ ไม่เจอกันนาน   เธอดูอ้วนขึ้นจริงๆนะ  ฟู้วว์~       ฉันหันไปมองพี่อนยูด้วยความตกใจ   คลี่รอยยิ้ม

    กว้าง   เมื่อเห็นดอกแดนดิไลออนปุยสีขาวช่อเล็กๆฟุ้งกระจายไปตามแรงลม   ท่ามกลางรอยยิ้มที่แสน

    จะอ่อนโยนและอบอุ่นราวกับพระจันทร์    

     

     

     

     

    “ ยามเมื่อดอกมันร่วง   ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงเธอ   ฉันก็จะเป่าเจ้าดอกแดนดิไลออนพวกนี้  หลายเดือน

    แล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ” 

     

     

     

     

    “ อืมม  ใช่มันนานมากเลย   มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นกับฉันตั้งมาก   และมันก็ทำให้ฉันตกอยู่ใน

    เงามืด หาทางออกไม่เจอเลยสักทาง   

     

     

     

     

      ที่เธอมาหาพี่ที่นี่    เพราะไม่สบายใจงั้นสินะ        ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ หยิบก้านดอกแดนดิไลออน

    ที่แห้งจนกลายเป็นปุยสีขาวเล็กๆแลดูจะเปราะบาง ขึ้นมาเป่า 

     

     

     

     

      ไม่นี่   ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังไม่สบายใจน่ะ   ฟู้วว์ ~    

     

     

     

     

    “ แต่หน้าเธอมันฟ้องขนาดหนัก ”   =_=

     

     

     

     

      อย่างงั้นสินะ  ฮ่า ๆ  ฉันนี่แย่จริงๆเลย ”     ฉันส่งเสียงหัวเราะรวน  คิดซะว่ามันเป็นเรื่องตลก 

    ใช้หลังมือแตะแก้มข้างขวาเบาๆ  ทว่าพี่อนยูกลับไม่พูดอะไรทั้งสิ้นนอกจากจะขมวดคิ้วหมุน  

     มองหน้าฉันด้วยแววตาสงสัย  

     

     

     

     

    “ เธอน่ะก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปนั่นแหละ  ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน ใจเธอก็อ่อนแออยู่ดี     

     

     

     

     

    “ พี่นี่เดาเก่งจังนะ      

     

     

     

     

     

    “ แน่นอน   แล้วเรื่องที่เธอไม่สบายใจมันคือเรื่องอะไรกันแน่      

     

     

     

     

    “ เป็นความลับ   ฮ่าๆ  ว่าแต่ตอนนี้มีคนมาดามใจพี่หรือยัง      

     

     

     

     

     

    “ ถ้าเป็นอย่างงั้นได้ก็คงดีน่ะสิ  เพราะเธอฉันถึงไม่มีใครไง      

     

     

     

     

     

    “ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันเลย   ยูริไงพี่ไม่ได้ชอบเธอหรอกหรือ”    

     

     

     

     

     

    “ ยัยยูลลิงน่ะเหรอ    ได้ยังไงเล่าฉันไม่อยากมีปัญหากับพี่เธอนะ  รู้ไว้ซะด้วย ” 

     

     

     

     

     

    “ ค่าาา~  ฉันรู้ๆ  ฮิ ๆ       ฉันหัวเราะพลางหยิบซองการ์ดแต่งงานสีแดงยื่นให้กับเขา  

     

     

     

     

     

    “ นี่อะไร   เหมือนซองอั้งเปาเลย  

     

     

     

     

    “ ซองอั้งเปาบ้านพี่น่ะสิ   รีบๆ แกะดูเหอะน่า”   

     

     

     

     

      โอ๊ะ!   การ์ดแต่งงาน  อะไรกัน  นี่! ยินดีด้วยนะ  มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย  ว้าว !!   ” พี่อนยู

    กล่าวยิ้มกว้างๆ พลางเอื้อมมือขยี้หัวฉัน    ท่าทางของเขานั้น ฉันกลับไม่รู้สึกดีใจไปกับเขาแม้แต่

    นิดเดียว   

     

     

     

     

    “ แต่งงานทั้งที่  ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ   เขาเป็นใครบอกได้มั้ย แล้วหล่อเหมือนพี่หรือเปล่า ” 

     พี่อนยูเขย่าแขนฉัน แรงๆสองสามที    

     

     

     

     

    “ จะเหมือนได้ไงเล่า   เขาหล่อกว่าพี่ตั้งเยอะ ”   -_-^

     

     

     

     

     

     

    “ แล้ว เธอไม่ชอบเขารึไง     

     

     

     

     

     

     

     ชอบนะเขาดีกับฉันออก  แต่ฉันรู้สึกชอบเขาในฐานะเพื่อน  อีกอย่างเขาเองก็มีคนที่อยู่ในใจ

    เเล้วเหมือนกัน  แต่เป็นผู้ชาย ” 

     

     

     

     

      งั้นเขาก็เป็นเกย์น่ะสิใช่มั้ย      ฉันพยักหน้า  ก้มลงเด็ดก้านดอกแดนดิไลออนอีกอันทัดใบหู   หัน

    หน้าไปทางเขาพี่คะฉันดูเป็นไง   พี่อนยูส่ายหน้าปฎิเสธ ทำร้ายจิตใจฉันด้วยคำพูดที่ว่าฮือ!ไม่

    ....มันเหมือนยัยต๊องมากกว่าเท่านั้นหล่ะฉันถึงกับหยิบดอกแดนดิไลออนซึ่งทัดไว้บนใบหูปาใส่

    เขาเต็มๆแรงด้วยความโกรธ   กล้าว่าฉันว่ายัยต๊องได้ไง    ฉันก็แค่..อยากลองทำแอ๊บแบ๋วอะค่าา~

    (เสียงสูง) ^o^  หุๆๆ

          

     

     

     

    “ ขอบคุณนะ      พี่อย่าลืมไปงานแต่งงานของฉันล่ะ ” 

     

     

     

    “ ได้สิ    ฉันก็อยากเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเร็วๆเหมือนกัน    หวังว่าเจ้าบ่าวคนนั้นจะไม่ขี้หึงนะ

     เข้าบ้านเถอะ   ปานนี้แม่เธอคงจะรอฟังข่าวดีจากเธออยู่แน่ๆ    พี่อนยูขับรถมาส่งฉันในตอน

    บ่าย       ฉันจึงรีบลงจากรถโบกมือลาก่อนจะเดินลงมาจากถนนใหญ่   

     

     

     แม่กำลังตากผ้าอยู่นอกบ้าน    ความคิดหนึ่งวูบเข้ามาในหัวสมอง  ฉันเลยเดินอย่างระมัดระวัง

    กะจะเซอร์ไพส์   ทว่าแม่กลับพูดลอยๆ ราวกับมีตาทิพย์เอาไว้ด้านหลัง 

     

     

     

    “ ลูกไม่ต้องแอบมาโผล่ข้างหลังเลยนะคีซุน      O_O

     

     

     

     

    “ แม่เห็นหนูด้วยเหรอคะ~  

     

     

     

     

      ทำไมจะไม่เห็น     แม่เห็นตั้งแต่ลูกลงมาจากรถอนยูแล้ว ”   โชคช่างไม่เข้าข้างเอาซะเลย   =_=   

     

     

     

     

     กะจะเซอร์ไพส์ซักหน่อยเหอะ    พ่อล่ะคะ พ่อจะกลับมาทานข้าวเย็นกับพวกเรามั้ยอ่ะ ” 

     

     

     

     

     ก็น่าจะกลับมานะ  เห็นว่าวันนี้คนไข้ไม่ค่อยมี   นี่ช่วยแม่ตากผ้าที่เหลือหน่อยซิ   ว่าจะไปซื้อ

    เนื้อวัวติดกระดูกมาทำสตูกับน่องไก่ในตลาด  เผื่อว่าพ่อและพี่ของลูกกลับมาจะได้ทานด้วยกัน

    ไง ดีมั้ย ”

     

     

     

     

      โอ๊ะ! ดีมากๆเลยค่ะ ”    แล้วในบ่ายวันนั้น  ฉันก็ฮัมเพลง HAHAHA ของโซยอนชิแดออกมาอย่าง

    มีความสุข  จัดการตากผ้าในตะกร้าต่อจนเสร็จ…..  

     

     

     

     เย็นวันนั้นครอบครัวเรากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง   กว่าพี่และพ่อจะกลับมาถึงบ้าน  

    แม่ต้องอุ่นสตูเนื้อวัวในหม้อให้พวกเราทาน     ฉันเองก็ตักข้าวใส่ในถ้วยและเสริฟ์ให้กับพวกเขา

     

     

     

     ไก่ทอด  สตูเนื้อร้อนๆมาแล้วจ้า”    เสียงเพราะๆของแม่พร้อมกับจานไก่ทอดและสตูเนื้อ  ถูกเสริฟ์

    ลงบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยม    ฉันนั่งกัดตะเกียบเหล่ตามองไก่ทอดจนน้ำลายแอบยืด    ทันใดนั้นกลิ่นสตู

    เนื้อซึ่งควรจะมีกลิ่นหอมชุยกลับเป็นกลิ่นคาวๆชวนคลื่นไส้  

     

     

     

    “ ไม่ได้กินกันมานานมากแล้วนะ   สงสัยคงต้องรีบตรวจคนไข้  กลับมาบ้านเร็วๆ ซะแล้วล่ะ        

     

     

     

     

    “ ว้าว!  ของโปรดผมเลยอะ  ผมกินล่ะนะ        พ่อและพี่ชายดีใจจนออกนอกหน้ากับอาหารเย็น

    ฝีมือแม่เป็นพิเศษ   ฉันกลับยกมือปิดจมูก  ทิ้งช้อนที่ตักสตูเนื้อลงทันที

     

     

     

      เป็นอะไรไป   ตักกับข้าวไปกินสิ  เอ้า!!ไก่ทอดของโปรดเธอเลยนะ       ทันทีที่พี่คียตักไก่ทอดใส่

    ในถ้วยของฉัน   รสชาติเปรี้ยว ขม กระจุกรวมกันภายในลำคอซะแล้ว    

     

     

     

     

    “ แม่คะอาหารพวกนี้มันเสียเหรอ  อุ้บ~  กลิ่นมันฮุกก!!     

     

     

     

     

     

    “ คีซุน!!  นี่ลูกเป็นอะไรไป   

     

     

     

     

     ไม่เป็นไรค่ะ  หนูไม่เป็นไร  แต่ว่า ฮุบบ !!   ฉันรู้สึกไม่ไหวจนหน้ามืด    พะอืดพะอมวิ่งเข้าห้อง

    น้ำไปแทบไม่ทัน   กระทั่งอาเจียนเป็นของเหลวสีขาวขุ่นโดยที่แม่พยุงฉันไว้       และอาการนั้นมัน

    ก็ทำให้ฉันหมดสภาพไปจริงๆ   #_# 

     

     

     

     พาลูกไปหาหมอดีมั้ยคะ   

     

     

     

     

      ได้  เดี๋ยวผมจะไปออกรถก่อนนะ  คีย์เดี๋ยวอุ้มน้องเข้าไปในรถด้วย   

     

     

     

     

    “ ครับ แม่ยัยนี่เป็นอะไร   ไม่เป็นไรนะคีซุน แกเป็นอะไรไปเนี่ย      เสียงแปดหลอดของพี่ชายดังจน

    แสบแก้วหู    ไม่นานพี่คีย์ก็อุ้มฉันขี่หลังเขา พาฉันออกจากห้องน้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นโสโครก   

    ถึงตอนนี้ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะปริปากพูดกับพวกเขาได้อีก   ไม่ทันจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเลย  ดัน

    หมดสติไปซะได้

     

     

     

    “ เราจะทำยังไงกันดี……  ยัยนั่นน่ะไม่รู้ตัวเองเลยรึไง       เสียงพี่ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง  ก่อน

     ฉันจะได้ยินเสียงลมหายใจคนใดคนหนึ่งอย่างหนักหน่วงกระทบโดนลำแขนของฉัน   ฉันปรือตา

    ได้มานาน  เป็นอันหลับตาลงเพราะแสงไฟนีออนสว่างจ้าจนแยงตา    ค้นพบว่าที่นี่คือที่ทำงานของ

    พ่อฉัน

     

     

     

     

     

      แม่พี่…. ฉันน่ะเป็น   

     

     

     

    “ ว่าไงยัยซาลาเปาเน่า  ไม่สิ ยัยตัวแสบ      พี่คีย์เอ่ย ขณะยืนกอดอกจ้องหน้าฉันเขม็ง  สายตาที่

    แม่มองมาดูผิดหวังในตัวฉันเป็นอย่างมาก   ฉันแค่อยากจะถามว่าฉันเป็นอะไรไปเท่านั้น    แต่เมื่อ

    เห็นสีหน้าของพ่อในยามนี้   ฉันกลับรู้สึกหดหู่ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น  พ่อเอาแต่นั่งกุมขมับ 

    หน้าตาเคร่งขรึม    ไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ   

     

     

     

    “ ทำไมแกถึงทำได้ตัวเหลวไหลแบบนี้       แม่ทำหน้าจริงจัง

     

     

     

     

    “ ทำตัวเหลวไหล    แม่พูดเรื่องอะไรคะ ” 

     

     

     

     

    ……  

     

     

     

     

     แม่คงพูดเรื่องตลกให้เธอฟังอยู่มั้ง!  เธอนี่มันโง่ชะมัด ยังไม่รู้ตัวอีก ไม่น่าเกิดมาหน้าตาเหมือน

    ฉันเลยจริงๆ  เธอทำฉันขายหน้ารู้บ้างมั้ย~  พี่ชายจิกตามองฉัน  หน้าเน้อแดงกร่ำด้วยความโกรธ

    ฉันได้แต่นอนงงเป็นใบ้กินบนเตียงคนไข้   ผ่านไปห้านาทีฉันกลับพูดอะไรไม่ออก    และแล้วภาพ

    ที่ฉันกับคุณจงฮยอนนอนด้วยกันไม่ต่ำกว่าห้าครั้งพลันปรากฎขึ้นมาในหัว   O[]O

     

     

     

     

     ไอ้คุณชายหน้าเกรียนนั่นใช่มั้ย     ใช่มันหรือเปล่า ฉันจะได้อัดมันให้เละเป็นข้าวต้มเป็ดไปเลย

    อร่อยดี...      

     

     

     

      ไม่ใช่คุณจงฮยอนหรอก    ไม่ใช่เขานะ!!   

     

     

     

     

    “ ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร!!   หน้าก็เกรียน!! ตัวโตอย่างกะควาย !!   

     

     

     

     “ บอกแล้วไงว่าไม่ใช่อ่ะ ”    แม่ส่งสายตาห้ามฉันและพี่   ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงสบถของพี่คีย์

    ในลำคอเบาๆ  ระหว่างที่พี่ชายฉันแหวกผ้าม่านสีเขียวเข้มเดินออกไปอย่างหัวเสีย บ้าเอ้ย  ปก

    ป้องมันทำซากอะไรวะ   ฉันจึงขบเม้มริมฝีปากแน่น วางมือบนหน้าผาก  ทั้งๆที่ฉันรู้เรื่องนี้ดี

    อยู่แก่ใจ  

     

     

     

    “ มันเรื่องจริงใช่มั้ย   ที่ในเด็กท้องน่ะเป็น” 

     

     

     

     

    “ แม่เชื่อใจหนูเถอะนะ    ถ้าเกิดอ้างว่าเป็นเขา   คนอื่นๆคงได้หัวเราะเยาะหนูตายเลย 

    เขาออกจะดูดีเพอร์เฟ็คขนาดนั้น   จะมาเสียหายเพราะเรื่องผู้หญิงได้ยังไงกัน ”   ฉันยิ้ม

    หน้าระรื่น  หลบสายตาคู่นั้นที่จ้องจะจับผิดด้วยคำพูดของพี่ชาย   และแล้วเสียงถอน

    หายใจของพ่อจึงดังขึ้น      

     

     

     

    “ หนูขอโทษ    ขอโทษที่ทำให้ทุกๆคนผิดหวัง   

     

     

     

     

    “ นี่ลูกยังเป็นลูกสาวของแม่อยู่หรือเปล่า   ไม่รู้ว่าไปนอนกับใครมางั้นเหรอ ทำอย่างงี้ได้ยังไง 

    ทำไมถึง ฮือๆๆ”   และแล้วแม่ก็ก้มหน้าร้องไห้  ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เพราะ

    ฉันเลยสักครั้ง     ครั้งนี้ฉันเลยทำบาปกับท่าน   ด้วยคำโกหกตัวโตๆ            

     

     

     

     แม่อย่าร้องไห้เลยนะ   หนูขอโทษ~ หนูขอโทษค่ะพ่อ..แม่ หนูจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว”   ใบหน้า

    ฉันร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นจวนจะทะลัก   ฉันลุกขึ้นนั่งเขยิบเข้าไปใกล้ๆ แม่ที่กำลังนั่งร้องไห้ข้างๆเตียง   

     

     

     

     

      แกทำให้พ่อกับแม่แกต้องขายหน้า    ที่นี้ฉันจะมองหน้าใครได้อีก ที่ลูกสาวสุดที่รักของคุณหมอ

    คิมจุนซูท้องไม่มีพ่อซะได้   ต่อไปนี้อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดงั้นเหรอ นังเด็กสารเลว!! ” พ่อ

    ตะคอกคำหยาบคายใส่ฉันทิ้งท้าย    ใบหน้านั้นแดงกร่ำจนฉันรู้สึกหวาดกลัว       

     

     

     

    “ อีกไม่กี่วันหนูก็กำลังจะแต่งงานกับคุณมินโฮ    แค่หนูทำเนียนๆไปว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา

     เท่านี้ก็น่าจะจบเรื่อง  หนูไม่ใช่เด็กๆอีกแล้วนะ   วางใจเถอะค่ะ   

     

     

     

    “ คิดว่าเขาจะโง่!!ทำเป็นไม่รู้เรื่องให้แกได้ตลอดรึไง  ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆ   คนที่

    น่าอับอายขายหน้าเป็นแกนั่นแหละ ”    ฉันรู้ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอับอายขายหน้า  และรู้สึกเจ็บ

    ปวดใจมากแน่  หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเข้าซักวัน   ไม่เป็นไรหรอกนะ   ต่อให้ฉันอ่อนล้าไปกับ

    ความเจ็บปวด    เป็นเพราะคำสัญญาจากคนๆนั้น

     

     

     

    คนที่จะอยู่ข้างๆฉัน  เป็นเธอ ไม่ใช่  ซอจูฮยอน    

     

     

     

     

       เสียงโทรศัพท์ดังติดต่อกันอยู่ที่ไหนสักแห่ง   หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ฉันก็วิ่งพล่านหา

    กระเป๋าไหมพรมใบเล็กลายสตรอเบอร์รีให้วุ่น     ไม่นานฉันก็พบมันอยู่บนหลังตู้เย็น  ก่อนจะกด

    รับโทรศัพท์ด้วยความรีบเร่ง 

     


     

    “ ฮัลโหล..คีซุนพูดค่ะ ” 

     

     

     

    ฉันมินโฮนะ    เธออยู่ไหน   นี่มันดึกแล้วนะ 

     

     

     

     

      พอดีว่าฉันมาทำธุระที่แดกูน่ะ โทษนะ ” 

     

     

     

     

    ธุระเหรอ   ธุระอะไร  น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความสงสัยล้วนๆ

     

     

     

     

    “ ก็แจกการ์ดแต่งงานไง   ฉันคงจะกลับไปโซลตอนนี้ไม่ได้  เลยกะว่าวันนี้จะค้างบ้านแม่ฉันคืนหนึ่ง  

    อีกอย่างรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็หมดไปแล้วด้วย 

     

     

     

     งั้นเหรอไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอที่สถานีรถไฟล่ะกัน   มาถึงเมื่อไหร่ก็โทรบอกด้วยนะ  

     

     

     

     

      ค่ะ..  ฉันคงทำให้คุณเป็นห่วงแย่เลย ” 

     

     

     

     

    งั้นเธอก็รีบๆเข้านอนได้แล้วล่ะ  ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธเธอไปมากกว่านี้  

     

     

     

     

      ราตรีสวัสดิ์นะคะ ”    ฉันวางสายจากเขาเสร็จก็รีบเดินเปิดประตูเข้าไปในห้องของฉัน  บนเตียง

    นอน   มีหมอนสองใบวางข้างๆกัน    เมื่อเปิดประตูเข้ามาบรรยากาศเดิมๆทำให้ฉันยืนอึ้งไปชั่วขณะ

    ภาพวันวานที่แสนหวานของฉัน

     

     

     

    ไม่ต้องไปหรอก   นอนด้วยกันที่นี่แหละ

     

     

     

     

    พรุ่งนี้เราต้องกลับโซลแต่เช้านะ  คุณนอนห้องนี้ไปเถอะ  

     

     

     

     

    แต่ฉันไม่อยากนอนคนเดียว    

     

     

     

     

    พูดเป็นเล่น คุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ  นอนคนเดียวบนเตียงสบายดีออก

     

     

     

     

    แล้วเธอไม่ชอบที่ได้นอนกอดหลังฉันรึไง   มาเถอะน่า   

     

     

     

     

     คุณจะมาเบียดฉันทำไม ไปนอนบนนั้นดีแล้ว   นั่นคงจะเป็นครั้งสุดท้าย  ที่ฉันจะยิ้มออกมา

    ได้อย่างมีความสุขขนาดนั้น   ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านลำแขนของเขา  มันมั่นคงและแข็งแรง    

    ราวกับจะปกป้องฉันไปชั่วชีวิต    ท้ายที่สุดน้ำตาฉันจึงไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว  

     

     

       ฉันก้มหน้าลงต่ำ  ยิ้มน้อยๆระหว่างที่มือสัมผัสหน้าท้องซึ่งนูนๆออกมาพอให้เห็น  ลูบเป็นวงกลม   

    ก่อนเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้า   และดวงดาวส่องแสงระยิบระยับผ่านม่านน้ำตาของฉัน    รับรู้ได้

    ว่าต่อจากนี้    ความจริงอันน่ากลัวในชีวิตฉันมันคงจะต้องลงเอยอย่างน่าเศร้า…..   

     

     

     

      แม่ขอโทษนะ ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

           

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

      

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×