คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 17 INNOCENT ( ความจริงอันน่ากลัว )
CHAPTER 17 INNOCENT ( ความจริงอันน่ากลัว )
ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงและทองเต็มต้น อากาศอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ฉันไม่ลืมที่จะ
สวมเสื้อกันหนาวมาหาพี่อนยูถึงที่นี่ หลังจากเมื่อวานนี้ฉันได้มอบการ์ดแต่งงานให้กับจุงกูไปแล้ว
คราวนี้ก็ถึงตาพี่อนยูบ้างล่ะ
“ ถ้าจะมาที่นี่ก็โทรบอกก่อนสิ” พี่อนยูเดินออกมาจากบ้านไม้สไตล์ยุโรป เขาใส่เสื้อไหมพรมแขน
ยาวลายทางดำสลับเทา มือล้วงในกางเกงยีนส์ขายาวสีเทาตัวนั้น ก่อนจะนั่งห่างๆจากฉันบน
เก้าอี้ไม้ตัวยาวทางด้านนอก ข้างหลังเป็นรั้วสีขาว ปลูกดอกแดนดิไลออนสีเหลืองสดบานสะพรั่ง
สลับกับดอกสีขาวยามที่มันร่วง
“ พอดีว่าฉันอยากเซอร์ไพส์พี่น่ะ ”
“ เซอร์ไพส์อะไรกันแต่เช้าเล่า ”
“ ช่างฉันเถอะน่า ”
“ ไม่เจอกันนาน เธอดูอ้วนขึ้นจริงๆนะ ฟู้วว์~ “ ฉันหันไปมองพี่อนยูด้วยความตกใจ คลี่รอยยิ้ม
กว้าง เมื่อเห็นดอกแดนดิไลออนปุยสีขาวช่อเล็กๆฟุ้งกระจายไปตามแรงลม ท่ามกลางรอยยิ้มที่แสน
จะอ่อนโยนและอบอุ่นราวกับพระจันทร์
“ ยามเมื่อดอกมันร่วง ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงเธอ ฉันก็จะเป่าเจ้าดอกแดนดิไลออนพวกนี้ หลายเดือน
แล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ”
“ อืมม ใช่มันนานมากเลย มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นกับฉันตั้งมาก และมันก็ทำให้ฉันตกอยู่ใน
เงามืด หาทางออกไม่เจอเลยสักทาง “
“ ที่เธอมาหาพี่ที่นี่ เพราะไม่สบายใจงั้นสินะ ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ หยิบก้านดอกแดนดิไลออน
ที่แห้งจนกลายเป็นปุยสีขาวเล็กๆแลดูจะเปราะบาง ขึ้นมาเป่า
“ ไม่นี่ ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังไม่สบายใจน่ะ ฟู้วว์ ~ ”
“ แต่หน้าเธอมันฟ้องขนาดหนัก ” =_=
“ อย่างงั้นสินะ ฮ่า ๆ ฉันนี่แย่จริงๆเลย ” ฉันส่งเสียงหัวเราะรวน คิดซะว่ามันเป็นเรื่องตลก
ใช้หลังมือแตะแก้มข้างขวาเบาๆ ทว่าพี่อนยูกลับไม่พูดอะไรทั้งสิ้นนอกจากจะขมวดคิ้วหมุน
มองหน้าฉันด้วยแววตาสงสัย
“ เธอน่ะก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปนั่นแหละ ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน ใจเธอก็อ่อนแออยู่ดี ”
“ พี่นี่เดาเก่งจังนะ “
“ แน่นอน แล้วเรื่องที่เธอไม่สบายใจมันคือเรื่องอะไรกันแน่ ”
“ เป็นความลับ ฮ่าๆ ว่าแต่ตอนนี้มีคนมาดามใจพี่หรือยัง ”
“ ถ้าเป็นอย่างงั้นได้ก็คงดีน่ะสิ เพราะเธอฉันถึงไม่มีใครไง ”
“ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันเลย ยูริไงพี่ไม่ได้ชอบเธอหรอกหรือ”
“ ยัยยูลลิงน่ะเหรอ ได้ยังไงเล่าฉันไม่อยากมีปัญหากับพี่เธอนะ รู้ไว้ซะด้วย ”
“ ค่าาา~ ฉันรู้ๆ ฮิ ๆ ” ฉันหัวเราะพลางหยิบซองการ์ดแต่งงานสีแดงยื่นให้กับเขา
“ นี่อะไร เหมือนซองอั้งเปาเลย ”
“ ซองอั้งเปาบ้านพี่น่ะสิ รีบๆ แกะดูเหอะน่า”
“ โอ๊ะ! การ์ด แต่ง งาน อะไรกัน นี่! ยินดีด้วยนะ มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย ว้าว !! ” พี่อนยู
กล่าวยิ้มกว้างๆ พลางเอื้อมมือขยี้หัวฉัน ท่าทางของเขานั้น ฉันกลับไม่รู้สึกดีใจไปกับเขาแม้แต่
นิดเดียว
“ แต่งงานทั้งที่ ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ เขาเป็นใครบอกได้มั้ย แล้วหล่อเหมือนพี่หรือเปล่า ”
พี่อนยูเขย่าแขนฉัน แรงๆสองสามที
“ จะเหมือนได้ไงเล่า เขาหล่อกว่าพี่ตั้งเยอะ ” -_-^
“ แล้ว เธอไม่ชอบเขารึไง ”
“ ชอบนะเขาดีกับฉันออก แต่ฉันรู้สึกชอบเขาในฐานะเพื่อน อีกอย่างเขาเองก็มีคนที่อยู่ในใจ
เเล้วเหมือนกัน แต่เป็นผู้ชาย ”
“ งั้นเขาก็เป็นเกย์น่ะสิใช่มั้ย ” ฉันพยักหน้า ก้มลงเด็ดก้านดอกแดนดิไลออนอีกอันทัดใบหู หัน
หน้าไปทางเขา‘ พี่คะฉันดูเป็นไง’ พี่อนยูส่ายหน้าปฎิเสธ ทำร้ายจิตใจฉันด้วยคำพูดที่ว่า ‘ ฮือ!ไม่
....มันเหมือนยัยต๊องมากกว่า ’ เท่านั้นหล่ะฉันถึงกับหยิบดอกแดนดิไลออนซึ่งทัดไว้บนใบหูปาใส่
เขาเต็มๆแรงด้วยความโกรธ กล้าว่าฉันว่ายัยต๊องได้ไง ฉันก็แค่..อยากลองทำแอ๊บแบ๋วอะค่าา~
(เสียงสูง) ^o^ หุๆๆ
“ ขอบคุณนะ พี่อย่าลืมไปงานแต่งงานของฉันล่ะ ”
“ ได้สิ ฉันก็อยากเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเร็วๆเหมือนกัน หวังว่าเจ้าบ่าวคนนั้นจะไม่ขี้หึงนะ
เข้าบ้านเถอะ ปานนี้แม่เธอคงจะรอฟังข่าวดีจากเธออยู่แน่ๆ ” พี่อนยูขับรถมาส่งฉันในตอน
บ่าย ฉันจึงรีบลงจากรถโบกมือลาก่อนจะเดินลงมาจากถนนใหญ่
แม่กำลังตากผ้าอยู่นอกบ้าน ความคิดหนึ่งวูบเข้ามาในหัวสมอง ฉันเลยเดินอย่างระมัดระวัง
กะจะเซอร์ไพส์ ทว่าแม่กลับพูดลอยๆ ราวกับมีตาทิพย์เอาไว้ด้านหลัง
“ ลูกไม่ต้องแอบมาโผล่ข้างหลังเลยนะคีซุน ” O_O
“ แม่เห็นหนูด้วยเหรอคะ~ ”
“ ทำไมจะไม่เห็น แม่เห็นตั้งแต่ลูกลงมาจากรถอนยูแล้ว ” โชคช่างไม่เข้าข้างเอาซะเลย =_=
“ กะจะเซอร์ไพส์ซักหน่อยเหอะ พ่อล่ะคะ พ่อจะกลับมาทานข้าวเย็นกับพวกเรามั้ยอ่ะ ”
“ ก็น่าจะกลับมานะ เห็นว่าวันนี้คนไข้ไม่ค่อยมี นี่ช่วยแม่ตากผ้าที่เหลือหน่อยซิ ว่าจะไปซื้อ
เนื้อวัวติดกระดูกมาทำสตูกับน่องไก่ในตลาด เผื่อว่าพ่อและพี่ของลูกกลับมาจะได้ทานด้วยกัน
ไง ดีมั้ย ”
“ โอ๊ะ! ดีมากๆเลยค่ะ ” แล้วในบ่ายวันนั้น ฉันก็ฮัมเพลง HAHAHA ของโซยอนชิแดออกมาอย่าง
มีความสุข จัดการตากผ้าในตะกร้าต่อจนเสร็จ ..
เย็นวันนั้นครอบครัวเรากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง กว่าพี่และพ่อจะกลับมาถึงบ้าน
แม่ต้องอุ่นสตูเนื้อวัวในหม้อให้พวกเราทาน ฉันเองก็ตักข้าวใส่ในถ้วยและเสริฟ์ให้กับพวกเขา
“ ไก่ทอด สตูเนื้อร้อนๆมาแล้วจ้า” เสียงเพราะๆของแม่พร้อมกับจานไก่ทอดและสตูเนื้อ ถูกเสริฟ์
ลงบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยม ฉันนั่งกัดตะเกียบเหล่ตามองไก่ทอดจนน้ำลายแอบยืด ทันใดนั้นกลิ่นสตู
เนื้อซึ่งควรจะมีกลิ่นหอมชุยกลับเป็นกลิ่นคาวๆชวนคลื่นไส้
“ ไม่ได้กินกันมานานมากแล้วนะ สงสัยคงต้องรีบตรวจคนไข้ กลับมาบ้านเร็วๆ ซะแล้วล่ะ ”
“ ว้าว! ของโปรดผมเลยอะ ผมกินล่ะนะ ” พ่อและพี่ชายดีใจจนออกนอกหน้ากับอาหารเย็น
ฝีมือแม่เป็นพิเศษ ฉันกลับยกมือปิดจมูก ทิ้งช้อนที่ตักสตูเนื้อลงทันที
“ เป็นอะไรไป ตักกับข้าวไปกินสิ เอ้า!!ไก่ทอดของโปรดเธอเลยนะ ” ทันทีที่พี่คียตักไก่ทอดใส่
ในถ้วยของฉัน รสชาติเปรี้ยว ขม กระจุกรวมกันภายในลำคอซะแล้ว
“ แม่คะอาหารพวกนี้มันเสียเหรอ อุ้บ~ กลิ่นมัน ฮุกก!!”
“ คีซุน!! นี่ลูกเป็นอะไรไป ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เป็นไร แต่ว่า ฮุบบ !! ” ฉันรู้สึกไม่ไหวจนหน้ามืด พะอืดพะอมวิ่งเข้าห้อง
น้ำไปแทบไม่ทัน กระทั่งอาเจียนเป็นของเหลวสีขาวขุ่นโดยที่แม่พยุงฉันไว้ และอาการนั้นมัน
ก็ทำให้ฉันหมดสภาพไปจริงๆ #_#
“ พาลูกไปหาหมอดีมั้ยคะ ”
“ ได้ เดี๋ยวผมจะไปออกรถก่อนนะ คีย์เดี๋ยวอุ้มน้องเข้าไปในรถด้วย ”
“ ครับ แม่ยัยนี่เป็นอะไร ไม่เป็นไรนะคีซุน แกเป็นอะไรไปเนี่ย ” เสียงแปดหลอดของพี่ชายดังจน
แสบแก้วหู ไม่นานพี่คีย์ก็อุ้มฉันขี่หลังเขา พาฉันออกจากห้องน้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นโสโครก
ถึงตอนนี้ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะปริปากพูดกับพวกเขาได้อีก ไม่ทันจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเลย ดัน
หมดสติไปซะได้
“ เราจะทำยังไงกันดี ยัยนั่นน่ะไม่รู้ตัวเองเลยรึไง ” เสียงพี่ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ก่อน
ฉันจะได้ยินเสียงลมหายใจคนใดคนหนึ่งอย่างหนักหน่วงกระทบโดนลำแขนของฉัน ฉันปรือตา
ได้มานาน เป็นอันหลับตาลงเพราะแสงไฟนีออนสว่างจ้าจนแยงตา ค้นพบว่าที่นี่ คือที่ทำงานของ
พ่อฉัน
“ แม่ พี่ . ฉันน่ะเป็น ”
“ ว่าไงยัยซาลาเปาเน่า ไม่สิ ยัยตัวแสบ ” พี่คีย์เอ่ย ขณะยืนกอดอกจ้องหน้าฉันเขม็ง สายตาที่
แม่มองมาดูผิดหวังในตัวฉันเป็นอย่างมาก ฉันแค่อยากจะถามว่าฉันเป็นอะไรไปเท่านั้น แต่เมื่อ
เห็นสีหน้าของพ่อในยามนี้ ฉันกลับรู้สึกหดหู่ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น พ่อเอาแต่นั่งกุมขมับ
หน้าตาเคร่งขรึม ไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ
“ ทำไมแกถึงทำได้ตัวเหลวไหลแบบนี้ ” แม่ทำหน้าจริงจัง
“ ทำตัวเหลวไหล แม่พูดเรื่องอะไรคะ ”
“ ”
“ แม่คงพูดเรื่องตลกให้เธอฟังอยู่มั้ง! เธอนี่มันโง่ชะมัด ยังไม่รู้ตัวอีก ไม่น่าเกิดมาหน้าตาเหมือน
ฉันเลยจริงๆ เธอทำฉันขายหน้ารู้บ้างมั้ย~ ” พี่ชายจิกตามองฉัน หน้าเน้อแดงกร่ำด้วยความโกรธ
ฉันได้แต่นอนงงเป็นใบ้กินบนเตียงคนไข้ ผ่านไปห้านาทีฉันกลับพูดอะไรไม่ออก และแล้วภาพ
ที่ฉันกับคุณจงฮยอนนอนด้วยกันไม่ต่ำกว่าห้าครั้งพลันปรากฎขึ้นมาในหัว O[]O
“ ไอ้คุณชายหน้าเกรียนนั่นใช่มั้ย ใช่มันหรือเปล่า ฉันจะได้อัดมันให้เละเป็นข้าวต้มเป็ดไปเลย
อร่อยดี... ”
“ ไม่ใช่คุณจงฮยอนหรอก ไม่ใช่เขานะ!! ”
“ ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร!! หน้าก็เกรียน!! ตัวโตอย่างกะควาย !! ”
“ บอกแล้วไงว่าไม่ใช่อ่ะ ” แม่ส่งสายตาห้ามฉันและพี่ ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงสบถของพี่คีย์
ในลำคอเบาๆ ระหว่างที่พี่ชายฉันแหวกผ้าม่านสีเขียวเข้มเดินออกไปอย่างหัวเสีย ‘ บ้าเอ้ย ปก
ป้องมันทำซากอะไรวะ ‘ ฉันจึงขบเม้มริมฝีปากแน่น วางมือบนหน้าผาก ทั้งๆที่ฉัน รู้เรื่องนี้ดี
อยู่แก่ใจ
“ มันเรื่องจริงใช่มั้ย ที่ในเด็กท้องน่ะเป็น”
“ แม่เชื่อใจหนูเถอะนะ ถ้าเกิดอ้างว่าเป็นเขา คนอื่นๆคงได้หัวเราะเยาะหนูตายเลย
เขาออกจะดูดีเพอร์เฟ็คขนาดนั้น จะมาเสียหายเพราะเรื่องผู้หญิงได้ยังไงกัน ” ฉันยิ้ม
หน้าระรื่น หลบสายตาคู่นั้นที่จ้องจะจับผิดด้วยคำพูดของพี่ชาย และแล้วเสียงถอน
หายใจของพ่อจึงดังขึ้น
“ หนูขอโทษ ขอโทษที่ทำให้ทุกๆคนผิดหวัง ”
“ นี่ลูกยังเป็นลูกสาวของแม่อยู่หรือเปล่า ไม่รู้ว่าไปนอนกับใครมางั้นเหรอ ทำอย่างงี้ได้ยังไง
ทำไมถึง ฮือๆๆ” และแล้วแม่ก็ก้มหน้าร้องไห้ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เพราะ
ฉันเลยสักครั้ง ครั้งนี้ฉันเลยทำบาปกับท่าน ด้วยคำโกหกตัวโตๆ
“ แม่อย่าร้องไห้เลยนะ หนูขอโทษ~ หนูขอโทษค่ะพ่อ..แม่ หนูจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว” ใบหน้า
ฉันร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นจวนจะทะลัก ฉันลุกขึ้นนั่งเขยิบเข้าไปใกล้ๆ แม่ที่กำลังนั่งร้องไห้ข้างๆเตียง
“ แกทำให้พ่อกับแม่แกต้องขายหน้า ที่นี้ฉันจะมองหน้าใครได้อีก ที่ลูกสาวสุดที่รักของคุณหมอ
คิมจุนซูท้องไม่มีพ่อซะได้ ต่อไปนี้อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดงั้นเหรอ นังเด็กสารเลว!! ” พ่อ
ตะคอกคำหยาบคายใส่ฉันทิ้งท้าย ใบหน้านั้นแดงกร่ำจนฉันรู้สึกหวาดกลัว
“ อีกไม่กี่วันหนูก็กำลังจะแต่งงานกับคุณมินโฮ แค่หนูทำเนียนๆไปว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา
เท่านี้ก็น่าจะจบเรื่อง หนูไม่ใช่เด็กๆอีกแล้วนะ วางใจเถอะค่ะ ”
“ คิดว่าเขาจะโง่!!ทำเป็นไม่รู้เรื่องให้แกได้ตลอดรึไง ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆ คนที่
น่าอับอายขายหน้าเป็นแกนั่นแหละ ” ฉันรู้ ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอับอายขายหน้า และรู้สึกเจ็บ
ปวดใจมากแน่ หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเข้าซักวัน ไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อให้ฉันอ่อนล้าไปกับ
ความเจ็บปวด เป็นเพราะคำสัญญาจากคนๆนั้น
‘ คนที่จะอยู่ข้างๆฉัน เป็นเธอ ไม่ใช่ ซอจูฮยอน ‘
เสียงโทรศัพท์ดังติดต่อกันอยู่ที่ไหนสักแห่ง หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ฉันก็วิ่งพล่านหา
กระเป๋าไหมพรมใบเล็กลายสตรอเบอร์รีให้วุ่น ไม่นานฉันก็พบมันอยู่บนหลังตู้เย็น ก่อนจะกด
รับโทรศัพท์ด้วยความรีบเร่ง
“ ฮัลโหล..คีซุนพูดค่ะ ”
‘ฉันมินโฮนะ เธออยู่ไหน นี่มันดึกแล้วนะ ‘
“ พอดีว่าฉันมาทำธุระที่แดกูน่ะ โทษนะ ”
‘ ธุระเหรอ ธุระอะไร ‘ น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความสงสัยล้วนๆ
“ ก็แจกการ์ดแต่งงานไง ฉันคงจะกลับไปโซลตอนนี้ไม่ได้ เลยกะว่าวันนี้จะค้างบ้านแม่ฉันคืนหนึ่ง
อีกอย่างรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็หมดไปแล้วด้วย “
‘ งั้นเหรอ ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอที่สถานีรถไฟล่ะกัน มาถึงเมื่อไหร่ก็โทรบอกด้วยนะ ’
“ ค่ะ.. ฉันคงทำให้คุณเป็นห่วงแย่เลย ”
‘ งั้นเธอก็รีบๆเข้านอนได้แล้วล่ะ ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธเธอไปมากกว่านี้ ’
“ ราตรีสวัสดิ์นะคะ ” ฉันวางสายจากเขาเสร็จก็รีบเดินเปิดประตูเข้าไปในห้องของฉัน บนเตียง
นอน มีหมอนสองใบวางข้างๆกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาบรรยากาศเดิมๆทำให้ฉันยืนอึ้งไปชั่วขณะ
ภาพวันวานที่แสนหวานของฉัน
‘ ไม่ต้องไปหรอก นอนด้วยกันที่นี่แหละ ’
‘ พรุ่งนี้เราต้องกลับโซลแต่เช้านะ คุณนอนห้องนี้ไปเถอะ ‘
‘ แต่ฉันไม่อยากนอนคนเดียว ‘
‘ พูดเป็นเล่น คุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ นอนคนเดียวบนเตียงสบายดีออก ‘
‘ แล้วเธอไม่ชอบที่ได้นอนกอดหลังฉันรึไง มาเถอะน่า ‘
‘ คุณจะมาเบียดฉันทำไม ไปนอนบนนั้นดีแล้ว ‘ นั่นคงจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันจะยิ้มออกมา
ได้อย่างมีความสุขขนาดนั้น ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านลำแขนของเขา มันมั่นคงและแข็งแรง
ราวกับจะปกป้องฉันไปชั่วชีวิต ท้ายที่สุดน้ำตาฉันจึงไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
ฉันก้มหน้าลงต่ำ ยิ้มน้อยๆระหว่างที่มือสัมผัสหน้าท้องซึ่งนูนๆออกมาพอให้เห็น ลูบเป็นวงกลม
ก่อนเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้า และดวงดาวส่องแสงระยิบระยับผ่านม่านน้ำตาของฉัน รับรู้ได้
ว่าต่อจากนี้ ความจริงอันน่ากลัวในชีวิตฉัน มันคงจะต้องลงเอยอย่างน่าเศร้า ..
“ แม่ขอโทษนะ ”
ความคิดเห็น