ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 18 : ความจริงที่เยซองได้รู้ & ผังบูธฟิคงานKFC ของไรเตอร์จ้า

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 53


                     
    Chapter 18: ความจริงที่เยซองได้รู้





                      ดูเหมือนความวุ่นวายจะเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าของวันนี้ ทั้งที่เป็นวันหยุดแต่เหล่าหัวหน้าหอและคนดูแลหอทั้งหลายกลับพากันยกโขยงเดินขบวนกันมาตั้งแต่หอหนึ่งจนมาถึงหอสิบสาม นักศึกษาที่ยังอยู่ที่หอตอนนั้นต่างพากันเกิดอาการงงงวย และคิดได้อย่างเดียวว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
     
                    “มันพักอยู่ห้องไหน” เสียงเข้มของหัวหน้าคุมหอพักทั้งหมดดังขึ้นขณะที่ก้าวเข้ามาในหอสิบสาม
     
                    “ผมไม่ทราบครับ แต่ผมจำหน้ามันได้” เสียงของรุ่นน้องนามว่าอูยองตอบกลับไป
     
                    หัวหน้าใหญ่พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปยังห้องของหัวหน้าหอสิบสาม แต่ยังไม่ทันได้เดินไปถึงหัวหน้าหอสิบสามก็รีบวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน เพราะคงจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
     
                    “เรียกเด็กในหอแกลงมาที่ลานให้หมด ภายในห้านาที” สั่งการเสร็จก็เดินออกไปรอที่ลานกว้างหน้าหอสิบสาม โดยที่มีหัวหน้าหออีกสิบสองหอที่เหลือรออยู่แล้ว รวมไปถึงเหล่านักศึกษาที่มามุงดูอยู่
     
                    ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีนักศึกษาทุกคนในหอสิบสามก็ลงมารวมตัวกันที่ลานหน้าหอเมื่อหัวหน้าหอประกาศเรียกรวมตัว ความงงงวยสับสนเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆก็โดนเรียกลงมารวมตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมเวลาตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น
     
                    คนที่ลงมาถึงคู่สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นซองมินกับคยูฮยอน เพราะอีกคนขาเจ็บจึงต้องช่วยพยุงกันลงมา ฮยอกแจเองก็มีฮันคยองเดินประกบอยู่ข้างๆตลอดเวลา ส่วนเพื่อนๆที่อยู่ชั้นสี่ด้วยกันนั้นเดินนำหน้ามาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะพากันไปนั่งอยู่ด้านหลังสุด
     
                    “ไอ้พวกนั้นมันเด็กหอเจ็ดที่เจอเมื่อวานนี่หว่า” อีทึกหันไปกระซิบกับฮีชอลเมื่อเห็นอูยอง โจควอนและเพื่อนคนอื่นๆยืนอยู่ด้านหลังของหัวหน้าหอใหญ่
     
                    “หวังว่าที่เรียกลงมานี่คงจะไม่ใช่...”
     
                    “คงไม่ต้องรอให้ไปชี้ตัวถึงที่หรอกนะ ใครรู้ตัวว่าเมื่อวานแอบหนีออกไปเที่ยวจนเลยเวลาหอปิดแล้วกระโดดข้ามรั้วเข้ามาออกมาซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” ยังไม่ขาดคำหัวหน้าหอใหญ่ก็พูดขึ้น ทำเอาเด็กดื้อหนีเที่ยวทั้งหลายขนลุกซู่กันเป็นแถว
     
                    “นี่รู้ขนาดเรากระโดดข้ามรั่วมาเลยเหรอวะ!” ซีวอนบอกออกมาด้วยสีหน้าที่ทึ่งในความสามารถของรุ่นพี่เล็กน้อย ถ้ารู้แค่ว่าหนีเที่ยวเขาจะไม่แปลกใจเท่านี้เลย แต่นี่อย่างกับติดกล้องวงจรปิดไว้ถึงได้รู้ว่าพวกเขาหนีกลับเข้ามายังไง
     
                    “ก็ประตูมันปิดหมดทุกด้าน ถ้าไม่กระโดดข้ามมาจะเข้ายังไง เข้าประตูหน้าหอยามก็เฝ้าอยู่ มาทางนั้นก็โดนเห็นชัวร์ๆอยู่แล้ว” เยซองขมวดคิ้วใส่ซีวอนที่พูดอะไรไม่คิดให้รอบคอบ บวกกับความเครียดที่เริ่มเพิ่มขึ้นมาทีละนิด พากันยกโขยงมาแบบนี้โทษคงไม่ใช่เบาๆแน่ นี่พวกเขาแค่หนีเที่ยวเองนะ
     
                    “ยังไม่ออกมากันอีก!!” เมื่อเห็นว่าทุกคนยังนั่งนิ่งหัวหน้าหอใหญ่จึงตะโกนเสียงดัง ถ้าให้เรียกหลายรอบเขาจะเพิ่มโทษเลยคอยดู
     
                    เจอเข้าไปแบบนี้คนผิดก็พากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปมองดงแฮกับคิบอมที่หนีเที่ยวไปด้วยกันแต่งานนี้กลับรอดเพราะกลับมาถึงหอก่อนที่หอจะปิด ทั้งที่คิบอมเป็นคนเริ่มต้นความคิดหนีเที่ยวนี่แท้ๆ กลัวเรื่องโดนทำโทษก็กลัว แต่ก็กลัวว่าถ้าไม่ออกไปโทษมันจะหนักกว่าเดิม
     
                    ก่อนที่จะโดนเรียกอีกรอบอีทึก ฮีชอล คังอิน เยซอง ชินดง ซองมิน ดงแฮ ซีวอน เรียวอุกและคยูฮยอนก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้านหน้า ส่วนอีกสี่คนที่งานนี้รอดก็ได้แต่อวยพรเพื่อนตามหลังไป ขออย่าให้โดนลงโทษหนักเป็นพอ
     
                    “อูยองใช่คนที่เจอเมื่อวานมั้ย” เมื่อคนผิดออกมายืนเรียงหน้ากระดานหัวหน้าหอใหญ่ก็หันไปถามผุ้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ และก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา
     
                    “ซ่ากันนักใช่มั้ยถึงไม่ยอมทำตามกฎระเบียบ แค่ไม่ชนะกีฬาหอถึงกับต้องหนีเที่ยวเองเลยหรือไง” หัวหน้าหอใหญ่เดินไล่มองคนผิดทั้งเก้าด้วยสายตาดั่งเช่นเพชฌฆาตที่พร้อมจะประหารเหยื่อทุกเมื่อ
     
                    สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวตอนนี้คือก้มหน้ารับความผิด คนผิดทั้งเก้าคนไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหัวหน้าหอใหญ่แม้แต่คนเดียว
     
                    “ในเมื่อยอมรับความผิดกันแต่โดยดีฉันก็จะลงโทษพวกนายในสถานเบาก็แล้วกันนะ พอดีว่าเมื่อวันก่อนพี่ยุนโฮกับแจจุง พวกนายคงจะรู้จักแล้วสินะ พี่เขามาเข้าฝันท่านอธิการบดีอยากให้คนไปทำความสะอาดห้องน้ำรวมที่ด้านหลังตึกสิบสาม เพราะรู้สึกว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไปทำความสะอาดหรือวนเวียนอยู่แถวนั้นหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้น...”
     
                    เอ่ยมาเพียงเท่านี้ต่างคนก็ต่างรู้ชะตากรรมของตัวเอง คนผิดทั้งเก้าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รวมไปถึงเหล่านักศึกษาคนอื่นทั้งที่นั่งอยู่และยืนมุงดูอยู่ต่างก็ดูตกใจไม่แพ้กัน จะเว้นก็แต่เยซองที่เงยหน้ามากลับทำหน้าสงสัย
     
                    “ยุนโฮ แจจุง เฮ้ย! แล้วหมอนั่นไปเข้าฝันท่านอธิการบดีได้ไงวะ แล้วเป็นรุ่นเรางั้นหรอกเหรอ” เยซองพึมพำกับตัวเองเบาๆ จนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ตนเองคุยด้วยปรึกษาด้วยแท้จริงแล้วคือใคร
     
                    “ทำความสะอาดให้เสร็จภายในวันนี้ พรุ่งนี้ฉันจะส่งไปคนไปดูว่าเรียบร้อยดีมั้ย ถ้าทำไม่ล่ะก็...” เว้นวรรคไว้ก่อนจะทำท่าเฉียดคอ จากนั้นจึงเดินออกไปตามด้วยเหล่าหัวหน้าหอคนอื่นๆและคนขี้ฟ้องอย่างอูยง โจควอนและฝองเพื่อน
     
                    “เล่นเกมแพ้แล้วยังจะสร้างเรื่องอีก” แล้วหัวหน้าหอก็ไม่วายเดินมาบ่นก่อนจะเดินจากไป นักศึกษาคนอื่นก็พากันแยกย้ายกลับห้อง สี่คนดีที่รอดพ้นความผิดก็เดินมาหาเพื่อนๆ
     
                    “ฉันเล่นเกมชนะนะเว้ย! ได้ตั้งหกคะแนน” เมื่อหัวหน้าหอเดินออกไปพ้นระยะการได้ยินแล้วฮีชอลจึงพูดขึ้นด้วยความฉุน ไม่ช่วยให้กำลังใจยังจะมาซ้ำเติมกันอีก พวกเขาต้องไปขัดห้องน้ำผีเลยนะ
     
                    “เอาไงดี ตอนนี้เจ็ดโมงขึ้นไปนอนต่อกันดีมั้ย” คังอินเสนอความคิดก่อนจะหาวโชว์หนึ่งรอบ เมื่อคืนกลับมาก็เกือบจะเข้าวันใหม่แล้ว นี่ยังต้องมาโดนปลุกแต่เช้าทั้งที่เป็นวันหยุด ซ้ำร้ายยังโดนลงโทษอีกต่างหาก
     
                    แต่แทนที่ทุกคนจะปฏิเสธกลับพยักหน้าเห็นด้วยกันยกแผง มีเวลาทั้งวันกับแค่ห้องน้ำรวมไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย คนก็ตั้งหลายคนช่วยๆกันขัดแปบเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ
     
                    “เฮ้ย! ฉันว่ารีบไปทำดีกว่านะ ถ้าเกิดไม่เสร็จจะโดนหนักกว่าเดิม ที่สำคัญฉันว่าทำตอนเช้าๆน่าจะดีกว่า” พูดไปฮยอกแจกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาเอง จริงแล้วเขาไม่ได้ห่วงเรื่องจะเสร็จหรือไม่เสร็จเพราะเขาไม่ได้โดนลงโทษด้วย แต่เขาห่วงเรื่องเวลามากกว่า หากเพื่อนมัวแต่ลีลาไม่ยอมทำเสียทีแล้วต้องไปทำความสะอาดกันตอนเย็นๆมืดๆ มันคงเป็นการไม่ดี
     
                    “ก็เพราะมันยังเช้าอยู่ไง เพราะงั้นเรายังมีเวลาอีกนะ ขอนอนเอาแรงก่อนแล้วกันนะ” สรุปให้เสร็จสรรพก่อนฮีชอลจะเดินนำขึ้นหอไป ตามด้วยเหล่าคนผิดที่เหลือ อีกสี่คนที่รอดพ้นความผิดเลยได้แต่หันมามองหน้ากัน ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังคงต้องปล่อยเลยตามเลย
     
                    แล้วแล้วเหล่าเด็กหอสิบสามชั้นสี่ทุกคนก็กลับขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองเหมือนเดิม หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับเกมการแข่งขันและการหนีเที่ยวเมื่อวานนี้
     
     
     
     
     
     
                    วันหยุดหนึ่งวันนั้นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เผลอแปบเดียวเวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว แต่เหล่าคนผิดทั้งหลายกลับยังคงนอนหมกตัวกันอยู่ในห้อง ผิดกับคนที่ไท้ส่วนเกี่ยวข้องกับการลงโทษครั้งนี้แต่กลับเดือดเนื้อร้อยใจแทน
     
                    “นี่มันห้าโมงแล้วนะ พวกนั้นยังไม่ออกไปทำความสะอาดห้องน้ำซักที เราไม่ตามกันดีมั้ย” ดงแฮมองนาฬิกาแล้วก็ขมวดคิ้วรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนๆหากไม่รีบไปทำงานให้มันเสร็จไปก่อนจะมืดค่ำเสียก่อน
     
                    “อืม” พยักหน้าเห็นด้วยกับรูมเมทขี้อ้อนก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกันเพื่อไปตามตัวเพื่อนๆให้ลงไปทำความสะอาดห้องน้ำก่อนจะหมดเวลาของวันนี้
     
                    ขณะที่คิบอมกับดงแฮเปิดประตูออกมาก็พบกับฮันคยองกับฮยอกแจพอดี และทั้งสองคนก็กำลังจะไปตามเพื่อนๆเช่นกัน
     
                    “เอาเป็นว่าคิบอมกับดงแฮไปตามห้องฝั่งเลขคี่ เดี๋ยวฉันกับฮยอกแจจะไปตามคนที่อยู่ห้องคู่เอง” สรุปกันได้ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปตามตัวเพื่อนๆ หรือคนผิดทั้งเก้าให้ไปรับโทษก่อนที่มันจะมืดค่ำเสียก่อน
     
    ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าที่ผู้รอดพ้นทั้งสี่จะสามารถลากคนผิดทั้งเก้าออกมาจากห้องได้ สภาพของแต่ละคนนั้นไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก หน้าตานั้นบูดบึ้งเพราะบทลงโทษของหัวหน้าหอ แต่ก็คงโทษใครไม่ได้ ในเมื่อสร้างเรื่องไว้ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องที่ตนเองก่อไว้
     
    “มัวยืนทำหน้าเป็นตูดกันอยู่ ไปเตรียมของกันได้แล้ว” ฮยอกแจออกปากสั่งด้วงเสียงแหบแห้งเพราะยังไม่หายดี ก่อนจะเดินไปดันหลังเพื่อนๆให้ลงไปเตรียมของเพื่อไปขัดห้องน้ำ งานนี้เขาคงช่วยได้แค่นี้ ถึงจะรักเพื่อนแค่ไหนแต่เขาไม่ลงไปที่ห้องน้ำนั้นด้วยเด็ดขาด
     
    ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าทุกคนจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดเสร็จ จนเวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็น ท้องฟ้าที่เคยสว่างก็เริ่มมืดลง ไฟตามทางกับไฟประจำหอเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างกับค่ำคืนที่กำลังจะมาถึงนี้
     
    “พวกเราคงช่วยพวกนายได้แค่นี้นะ โชคดี” ผู้รอดพ้นทั้งสี่ทำการล่ำราเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินขึ้นห้องไป ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่คนผิดทั้งเก้าที่ต้องเผชิญชะตากรรมต่อไป
     
    สุดท้ายแล้วบทลงโทษที่ทุกคนไม่อยากเจอที่สุดก็มาถึง คนผิดทั้งเก้ามองหน้ากันอย่างชั่งใจซักพักก่อนจะตัดสินใจเดินรวมกลุ่มกันเข้าไปภายในห้องน้ำรวมด้านหลังหอพักที่ถูกปิดมาเป็นเวลานาน
     
    “สภาพแบบนี้ให้ทำเป็นปีคงไม่สะอาดว่ะ” ชินดงพูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพของห้องน้ำ แต่เดินเข้ามาก็เจอใยแมงมุงจับหน้าเสียแล้ว อีกทั้งตะไคร่น้ำ น้ำคราบที่แห้งขอด และคราบเลือดที่แห้งติดเกรอะกรัง
     
    “เหม็น” ฮีชอลอุดจมูกพร้อมกับทำหน้ายี้ ก็แน่ล่ะที่นี่ไม่เคยทำความสะอาดมาตั้งหลายปี
     
    “อย่าบอกนะว่าคราบเลือดนี่....” เรียวอุกชี้ไปที่คาบเลือดแห้งๆที่กลายเป็นสีดำไปแล้วตอนนี้ มาที่นี่เขาก็คงคิดได้อย่างเดียวว่าคาบนี้คงไมใช่ของใคร นอกจากคนที่พวกเราก็รู้กันดี
     
    “อาจจะไม่ใช่คราบเลือดก็ได้ ฉันว่าเรามาเริ่มทำกันดีกว่า ก่อนที่มันจะดึกไปมากกว่านี้” อีทึกเรียกสติของเพื่อนๆให้กลับมาก่อนจะหยิบผงซักฟอกมาเทใส่ถัง
     
    เดี๋ยวฉันไปต่อน้ำจากด้านนอกมากให้นะ” ชินดงอาสาก่อนจะลากสายยางเพื่อไปต่อน้ำจากด้านนอกมา เพราะที่นี่ไม่ได้เปิดใช้งานแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจึงตัดน้ำไป
     
    เมื่อน้ำมาทุกคนก็เริ่มทำงาน ช่วยกันทำความสะอาดในแต่ละมุมของห้องน้ำ ซองมินหยิบแปรงขัดมาก่อนจะเดินกระเผกไปยังด้านหนึ่งของห้องน้ำที่ยังไม่มีคนไปจับจอง ส่วนคยูฮยอนนั้นเดินถือถังน้ำผสมผงซักฟอกตามไป
     
    “นายขัดตรงนั้นนะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันทำเอง” ชี้นิ้วสั่งก่อนจะนั่งลง แต่ยังไม่ทันที่แปรงจะแตะพื้นซองมินกลับถูกคยูฮยอนฉุดข้อมือให้ลุกขึ้นยืน
     
    “นายไม่ต้องทำหรอกซองมิน รอตรงนี้แปบด้วยฉันมา” พูดจบคยูฮยอนก็เดินออกไปด้านนอกซักพักก่อนจะกลับมาพร้อมเก้าอี้ตัวเล็กที่วิ่งไปขอยืมจากหัวหน้าหอมา
     
    “นั่งตรงนี้เดี๋ยวฉันทำเอง” จัดการกางเก้ากี้ให้เรียบร้อยพร้อมกับพาคนเจ็บไปนั่ง
     
    “แต่ฉันเจ็บขานะไม่ได้เจ็บมือ ให้ฉันช่วยเถอะจะได้เสร็จเร็วๆ” ซองมินเถียงหน้านิ่วคิ้วขมวดที่โดนคยูฮยอนทำแบบนี้ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกทำโทษจะมานั่งดูเฉยๆแบบนี้มันก็ไม่ถูก แต่ในใจจริงๆแล้วมันกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่คยูฮยอนรู้สึกเป็นห่วงตนเองขนาดนี้
     
    “ไม่ต้องพูดมากน่า บอกให้นั่งเฉยๆก็นั่งไปเถอะ” ถึงจะบอกไปเหมือนรำคาญแต่คยูฮยอนนั้นเป็นห่วงซองมินจริงๆ ไม่อยากให้มาเจ็บตัวเพิ่มอีก เพราะพื้นห้องน้ำมันลื่น เกิดล้มไปอีกมันจะแย่เอา ถึงแม้ที่ซองมินพูดว่ามือตัวเองไม่ได้เจ็บมันยังช่วยงานได้มันจะจริงก็เถอะ
     
    ซองมินไม่อยากจะเถียงต่อจึงยอมนั่งนิ่งๆตามที่คยูฮยอนบอก หันไปมองคนนู้นคนนี้ที่กำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องน้ำกันอย่างขะมักเขม้น จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ก็แค่ขาเจ็บถึงขั้นไม่ช่วยงาน
     
    ในที่สุดซองมินก็อดทนนั่งอยู่เฉยๆไม่ไหว เลยหยิบแปรงสีฟันจุ่มผงซักฟอกขัดที่ผนัง ทำเอาคยูฮยอนหันขวับมามองในทันที
     
    “แค่นี้คงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ” บอกพร้อมกับยิ้มแหยๆให้คยูฮยอน ซึ่งคนที่เจ้ากี้เจ้าการห้ามซองมินทำงานก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มให้บางๆก่อนจะหันไปทำงานในส่วนของตัวเองต่อ
     
     
    “ให้ตายสิ! ทำไมมันไม่ออกซักทีวะ!” เยซองที่รับผิดชอบขัดส่วนที่ทุกคนลงความเห็นกันว่ามันคือคราบเลือดบ่นออกมาเมื่อขัดกี่ทีมันก็ไม่ยอมออก
     
    “เพราะมันเป็นรอยแห่งความทรงจำไง”
     
    “เฮ้ย!” เยซองร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีคนโผล่มานั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าจริงแล้วคนๆนั้นเป็นใคร
     
    “ยุนโฮ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าพี่ยุนโฮ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เมื่อหายตกใจเยซองก็กลับมานั่งขัดรอบดั่งกล่าวนั่นเหมือนเดิม ส่วนบุคคลที่เข้ามาใหม่ก็เอาแต่นั่งยิ้ม
     
    “ทำไมถึงเรียกพี่ล่ะ” ยุนโฮถามพลางทำหน้าสงสัย
     
    “ก็เห็นหัวหน้าหอใหญ่เรียกนายว่าพี่ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นพี่สิ ถูกมั้ย” พูดไปก็ขัดไปไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติเลยซักนิด
     
    เหล่าเพื่อนๆที่เห็นเยซองนั่งพูดคนเดียวอยู่ได้ซักพักแล้วจึงมากันหันมามอง บางคนก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆว่าเยซองคุยอยู่กับใคร แต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นนอกจากเยซอง
     
    “ว่าแต่ทำไมเมื่อกี้ถึงบอกว่าไอ้รอยนี้มันเป็นรอยแห่งความทรงจำล่ะ” เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาก่อนจะถาม เรียวอุกกับฮีชอลที่มายืนอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เยซองเป็นอะไรไป ทำไมถึงพูดอยู่คนเดียว
     
    “เพื่อนนายมาน่ะ” ยุนโฮเลี่ยงที่จะตอบคำถามก่อนจะเพยิดหน้าไปทางเรียวอุกกับฮีชอลที่ยืนมองเยซองอยู่
     
    “มีอะไรเหรอ” หันไปตามที่ยุนโฮบอกก็เจอเรียวอุกกับฮีชอลทำหน้าเครียดใส่
     
    “คุยกับใครน่ะ” เรียวอุกถามขึ้น เดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆกับเยซอง พร้อมกับยกมือขึ้นมาทาบหน้าผากดูว่าเยซองยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
     
                    “ก็พี่ยุนโฮไง”
     
                    “ยุนโฮ” เรียวอุกทวนคำพลางชักมือกลับมาทันที เมื่อกี้เยซองบอกว่าคุยกับยุนโฮเหรอ
     
                    “อย่ามาล้อเล่นน่า!” ฮีชอลว่าสีหน้าเครียด เวลาแบบนี้เยซองยังไม่มาล้อเล่นอีก มันไม่สนุกเลยซักนิด ถ้าเกิดคนที่เยซองพูดถึงโผล่มาจริงๆจะทำยังไงล่ะงานนี้
     
                    เพราะเสียงของฮีชอลทำให้เพื่อนๆคนที่เหลือเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบรรยากาศมันเริ่มแปลกๆตั้งแต่เมื่อซักครู่แล้ว อยู่ๆอากาศก็เย็นขึ้น แถมเยซองยังมานั่งพูดคนเดียวอีก
     
                    “นายคุยกับใครตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเยซอง” ชินดงเดินเข้ามาเห็นเยซองนั่งอยู่คนเดียวจึงถามขึ้นมาอีก
     
                    “ก็บอกว่าพี่ยุนโฮไง” เยซองเองกูชักจะเริ่มฉุนขึ้นมานิดๆ ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อเลยว่าเขาคุยอยู่กับยุนโฮ
     
                    “พี่ยุนโฮ นายจะบ้าเหรอเยซอง” ได้ยินชื่อนี้ทุกคนต่างตกใจไปตามๆกัน และคิดเหมือนกันว่าเยซองกำลังล้อเล่นพวกเขาอยู่
     
                    “เพื่อนๆของนายไม่เห็นฉันเหรอ” ยุนโฮสะกิดไหล่เยซองให้หันมาก่อนจะถาม สงสัยพลังวิญญาณเขาจะลดลง เด็กๆพวกนี้ถึงได้ไม่เห็นเขา
     
                    เยซองไม่ตอบอะไรแต่กลับทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมกับคำพูดของยุนโฮ ทำไมจู่ๆถึงมาถามว่าเพื่อนเขามองไม่เห็น มันชักจะแปลกๆแล้วสิ
     
                    “เฮ้ย!!” ร้องประสานเสียงออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นแล้วว่าคนที่เยซองกำลังคุยด้วยนั้นเป็นใคร
     
                    ยุนโฮยิ้มหวานในน้องๆร่วมมหาวิทยาลัย ตามด้วยแจจุงที่ปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างๆยุนโฮ ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อทุกคนต่างวิ่งวนไปทั่วบริเวณพร้อมกับส่งเสียงร้องไปด้วยจนมันน่าปวดหู
     
                    “เป็นบ้าอะไรของนายเยซอง นั่งคุยกับผีอยู่ได้! หนีเร็ว!!” เรียวอุกที่เห็นว่าเยซองยังคงนั่งงงอยู่ที่เดิมจึงเข้ามาฉุดให้ลุกขึ้น พอเหลือบไปหันไปมองยุนโฮกับแจจุง พี่ผีทั้งสองคนกลับยิ้มหวานให้เสียอีก
     
                    “ผี!” ถามออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองคนที่หลงคุยด้วยนานสองนานก็ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ
     
                    “อ๊ากกก!!” เมื่อรู้ความจริงกลับกลายเป็นเยซองที่ลากเรียวอุกวิ่งหนีออกไปแทน พระเจ้า! ใครก็ได้บอกทีว่านี่มันเรื่องจริง เขาคุยกับผี!
     
                    เพราะความตกใจหรืออย่างไรไม่ทราบทำให้คนที่ขากำลังเจ็บอย่างซองมินวิ่งได้คล่องอย่างน่าประหลาด แถมยังนำหน้าเพื่อนๆคนอื่นไปเสียด้วยซ้ำ
     
                    “ซองมิน! ระวัง!” คยูฮยอนที่วิ่งตามหลังมาได้แต่ร้องเตือนเพราะกลัวซองมินจะล้มจนเจ็บมากกว่าเดิม
     
                    ใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้านาทีทุกคนก็วิ่งกลับมาถึงห้อง เสียงประตูห้องที่ปิดไล่ๆกันทำให้ผู้รอดพ้นทั้งสี่ที่รอเพื่อนๆกลับมาจากการลงโทษถูกขัดห้องน้ำต้องออกมาดู
     
                    “ทำไมเสร็จเร็วจัง” ฮยอกแจหันไปมองนาฬิกาในห้องก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะหนึ่งทุ่มครึ่งเท่านั้น
     
                    “ก็มีกันตั้งหลายคน ช่วยๆกันแปบเดียวก็คงเสร็จนั่นแหละ” ฮันคยองตอบให้แทนก่อนจะพาฮยอกแจเข้าไปในห้องอย่างเดิม คนป่วยต้องพักผ่อนให้มากๆเข้าไว้
     
                    ดงแฮกับคิบอมเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรมาก เมื่อรู้ว่าเพื่อนๆกลับมาแล้วจึงกลับเข้าไปในห้องเช่นเดิม ทำเสร็จกันแล้วก็ดีไป ถ้าเกิดหัวหน้าหอมาตรวจจะได้ไม่ถูกทำโทษซ้ำสอง
     
     
     
     
                    “โอ้ย!” ความเจ็บปวดที่หายไปเมื่อซักครู่กลับเข้ามารังควานที่ข้อเท้าเล็กๆนี่อีกครั้ง ซองมินล้มลงที่พื้นห้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อความตกใจหายไปความเจ็บก็เข้ามาแทนที่
     
                    “ซองมิน” คยูฮยอนแทบจะถลาเข้าไปรับไว้ทันทีแต่ก็ไม่ทันที่ซองมินล้มลงไปเสียก่อน จึงเข้าไปพยุงให้รูมเมทตัวปัญหาขึ้นไปนั่งบนเตียงแทน
     
                    “เจ็บอ่ะคยูฮยอน เจ็บมากกว่าเดิมอีก” กุมข้อเท้าตัวเองไว้เบาๆ คงเพราะเมื่อกี้ออกแรงวิ่งมากไปเลยทำให้กระทบกระเทือน แผลที่สมควรจะหายกลับเป็นหนักกว่าเดิม
     
                    “ก็เตือนแล้วทำไมไม่ฟัง” พูดเหมือนซองมินเป็นเด็กในการดูแลพร้อมทำหน้าดุ แต่เมื่อเห็นซองมินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คยูฮยอนเลยได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปหายาที่ลิ้นชักโต๊ะ
     
                    “ขอโทษนะ” เอ่ยออกมาเสียงอ่อย เขาคงสร้างปัญหาให้คยูฮยอนอีกแล้วสินะ
     
                    “ช่างมันเถอะ เจอแบบนั้นแล้วใครจะไปนั่งเฉยได้ล่ะ” คยูฮยอนเดินกลับมาพร้อมกับยา นั่งลงที่พื้นตรงกับซองมิน เขาคงโทษซองมินไม่ได้เพราะคนเจ็บก็คือซองมินเอง และอีกอย่างเจอผีแบบนั้นเป็นใครก็ต้องวิ่งหนี
     
                    “ยื่นขามาสิ จะนวดยาให้” เมื่อยืนมาจะไปจับขาแต่ซองมินกลับชักหนีคยูฮยอนเลยต้องออกปากสั่งแทน
     
                    “อย่าทำเจ็บนะ” ซองมินดึงหมอนมากอดรอเอาไว้กัดหากมันเจ็บมากๆ เพราะแค่อยู่เฉยๆยังเจ็บ ถ้าคยูฮยอนนวดยาให้เมื่อไหร่มันต้องเจ็บมากแน่ๆ
     
                    เมื่อซองมินยื่นขามาให้คยูฮยอนจึงบีบยาออกมานวดให้เบาๆ ก่อนจะเริ่มออกมาแรงมากขึ้นเพื่อนวดให้ยามันซึมเข้าไปในผิวหนัง ซองมินนั้นกอดหมอนเอาไว้แน่นความเจ็บเริ่มมากขึ้นทีละนิดเมื่อคยูฮยอนออกแรงกดมากขึ้น
     
                    “โอ้ย!” ซองมินร้องออกมาเสียงดังคยูฮยอนจึงละมือออกมาทันที พลางเงยหน้าขึ้นไปมองรูมเมทเจ้าปัญหาของตนที่นั่งกอดหมอนน้ำตาซึมอยู่
     
                    “เสร็จแล้ว ทีนี้จะทำอะไรก็ระวังด้วยล่ะ” คยูฮยอนลุกขึ้นเอายาไปเก็บก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ซองมินมองตามไปก่อนจะบอกออกมาเสียงดังเพื่อให้คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ยิน
     
                    “ขอบคุณนะ”


    ------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีจ้าเพื่อนๆ เตรียมตัวเก็บเงินไปงานฟิคกันยัง
    ซื้อบัตรกันยังเนี่ย อย่าลิมมาซื้อฟิคไรเตอร์ด้วยนะ คิคิ

    ตอนนี้พี่เย่ของเราก็รู้ความจริงเรียบร้อยแล้ว
    เจอผีคู่รักทีไหร่ จำค้องวิ่งหนีทุกที ไรเตอร์ก็ไม่เข้าใจหนีทำไม
    ถ้าเป็นไรเตอร์นะ กระโดดเข้ากอดผีมี็แจเลย คิดถึงยุนแจ
    แอบมีสวีทคยูมินอีกแล้ว ฮ่าๆๆ หวานชื่น
    สำหรับคู่อื่นรอกันหน่อยนะ

    นอกจากจะซื้อฟิคแล้ว อย่าลืมเก็บเงินไปคอนSuper Show 3 กันด้วยนะ
    คอนครั้งนี้ไม่น่าพลาดจริงๆ รอบนี้ไรเตอร์จะเอาให้เห็นลูกกะเดือกคยู
    ซิกแพ็คสุดยั่วพี่มิน (อิจฉาผญ,ทั้งสี่)
    ขนขาฮยอก และที่ไม่ควรพลาดก็เลดี้ ฮีฮีของเรา
    ไปส่องกางเกงในฮี ฮ่าๆๆๆ(เริ่มหื่น)

    ผังบู๊ทออกแล้วนะ
    ห้องกิ่งเพชร
     
    รายชื่อฟิคที่จะขายในงาน
    1. รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง#1-2    ราคา 300และ350 บาท (อาจมีลดราคานะจ๊ะ)
    2. อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน#1     ราคา 250 บาท
    3. Furious for Love... แค้นนี้ เพื่อรัก    ราคา 360 บาท
    4. One Love of 4 Seasons (SF KyuMin,HanHyuk,KiHae,YeRyeo)  ราคา 200 บาท


    มาอุดหนุนกันเยอะๆนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×