ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◣ Mч яøoɱ!! ◥

    ลำดับตอนที่ #20 : mason

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 61


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     


    Bird of paradise…


    ❝ รู้มั้ย...เรื่องราวของนกสีรุ่งน่ะ?

    นกสีขาวที่ออกจากบ้านเกิดเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ…

    เพื่อที่จะค้นหาตัวตนของตนเอง  ❞


    ❝ สิ่งแรกที่พบเจอคือน้ำตา..

    เพราะงั้นสีฟ้าคือสีแรกของมัน ❞


    ❝ นับจากนั้นมันก็ออกลอยล่อง

    เที่ยวท่องไปนานาสถานณ์ ❞


    ❝ ซึบซับสีสันจากประสบการณ์

    สีขาวในวันวานก็หายไป


    ❝ กลายเป็นนกสีรุ่งในวันนี้

    ความงดงามที่ไม่นานก็จางหาย


    ❝ นกสีรุ่งโดนสีดำเข้ากล่ำกลาย

    ก่อนที่จะจางหาย...ไปนิรันด์...


    (รู้สึกเป็นกลอนที่ไม่ค่อยจะเหมือนกลอน(?)--

    .ถือโอกาสโชว์ความกากของสกิลแต่งกลอนของตัวเอง--แค่ก)



    Application.



    “หืม?... เมื่อกี้พูดอะไรหรือเปล่า?”
    “อา...อยากกลับไปนอนชะมัด..”

    ชื่อ-นามสกุล : เมสัน แมคบอร์ติน | Mason Mcbortin
    ชื่อเล่น : เมสัน , แมส | Mason , Mas (แล้วแต่คนจะเรียก)
    อายุ : 25 ปี
    เพศ : ชาย
    รสนิยมทางเพศ : Homosexual [ BL | รับ ]

    สัญชาติ : อเมริกา
    วันเกิด : 02 MAR.
    อาชีพ : นักร้องอิสระ
    ลักษณะรูปร่างภายนอก : เมสัน แมคบอร์ตินเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน มีกล้ามเนื้อพอดิบพอดี ไม่ได้มากหรือน้อยจนเกินไป พอดีกับส่วนสูง 178 cms. และน้ำหนัก 65 kgs. ของเขา เมสันมีเค้าโครงใบหน้าเรียวคม แลดูทั้งหล่อและสวยได้อย่างน่าประหลาด แต่ก็ถือว่าเขามีใบหน้าที่น่ามองไม่น้อย ประกอบกับเรือนผมสีเงินยวงยาวประบ่า ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยใส่ใจหวีเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ลดทอนเสน่ห์ของเขานัก แต่ถ้าเจ้าตัวรำคาญเมื่อไหร่ก็จะมัดรวบไว้ลวกๆ เขามีคิ้วบางเฉียบโก่งโค้งรับกับรูปหน้า ดวงตาเรียวคมสีน้ำทะเลที่ถูกล้อมไว้ด้วยแพขนตาหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบสีพีชอย่างเป็นธรรมชาติที่มักจะมีรอยยิ้มบางเบาแต่งแต้มไว้เสมอ และผิวขาวจัดที่อมชมพูเล็กน้อยอย่างคนสุขภาพดี

           เขามักจะแต่งตัวอย่างเรียงง่าย เสื้อเชิตกางเกงขายาวเข้ารูปธรรมดา หรือเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน ไม่ได้พิถีพิถันกับการแต่งกายมากนัก และโทนสีที่เขาใส่ส่วนมากจะเป็นขาวและครีม หรือสีโทนอ่อนเป็นส่วนมาก


    นิสัย : เมื่ออยู่กับคนที่รู้จัก ไม่ว่าจะคุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคยนั้นเมสันก็เป็นเหมือนกับบุคคลธรรมดาๆทั่วไป เขาจะยิ้มง่ายขึ้น แต่รอยยิ้มของเขาส่วนมากจะเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆตามมารยาทเท่านั้น อ่อนน้อม ถ่อมตนและมีมารยาท รู้จักการเข้าหาคนอื่นและตอบรับจากการมีผู้อื่นเข้าหา พูดคุย หัวเราะและยิ้มให้ แต่ถ้าคนเหล่านั้นลองสังเกตจริงๆจังๆสักครั้งจะรับรู้ได้ว่าเขาล้วนทำตามมารยาทเท่านั้น แต่พออยู่คนเดียวเขาก็ไม่เคยที่จะเลยยิ้มสักครั้ง(แต่ถ้านึกถึงเรื่องดีๆได้ก็ยกเว้นน่ะนะ)

           เขาเป็นคนขี้ลืมและสามารถลืมเรื่องต่างๆได้ง่ายๆจนน่าใจหาย แต่ส่วนมากเรื่องที่ลืมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าไรนัก มักจะใจลอยบ่อยๆจนต้องพลาดอะไรหลายๆอย่างถ้ากำลังคุยกันหรือนัดแนะกัน.. แต่เหมือนเจ้าตัวก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

           คนรอบข้างมันจะมองว่าเขาเป็นคนเฉื่อยชา ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดนัก เขามักจะทำงานหรือทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควรและไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัว เขาเป็นคนเบื่อง่าย แต่ก็มีความอยากรู้อยากลองแต่บางเรื่องพอคิดจะทำก็ขี้เกียจซะก่อน ค่อนข้างขี้เซาและมีสกิลหลับได้ตลอดเวลาที่ต้องการ แม้ที่นั้นๆจะดังกมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ามีคนคอยกวนก็ไม่ไหวล่ะนะ ชมชอบความเรียบง่ายและไม่เรื่องมาก

           เขาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งและหัวแข็ง เวลามีปัญหาหรือเป็นอะไรมักจะชอบเก็บไว้คิดคนเดียวหรือแก้ปัญหาคนเดียว เพราะถือคติที่ว่า ปัญหาของตัวเองต้องแก้ด้วยตัวเอง แต่อีกเหตุผลนึงคือกลัวคนรู้จักจะมาเครียดเรื่องตัวเอง เพราะเจ้าตัวมีนิสัยชอบห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่ถ้าจำเป็นหรือไม่ไหวจริงๆเจ้าตัวถึงจะยอมบอกให้คนสนิทฟัง แต่บางเรื่องที่เจ้าตัวคิดว่าไม่เป็นปัญหา เจ้าตัวก็จะไม่คิดปิดบัง บอกได้บอกหม๊ด(?)

           อ่อนไหวง่ายและบ่อน้ำตาตื้นมากถึงมากที่สุด หลายครั้งที่เจ้าตัวมักร้องไห้เพราะอ่านบทความเศร้าๆหรือซึ้งๆ ถึงบางเรื่องมันจะดูไม่ค่อยน่าเสียน้ำตาให้เท่าไหร่ก็เถอะ(?) ขี้บ่นเล็กน้อยถึงปานกลาง(?) เพราะส่วนมากจะบ่นในใจมากกว่าออกเสียง ชอบแสดงอารมณ์ในใจมากกว่าทางสีหน้าเพราะงั้นจะไม่แปลกเลยถ้าเกิดเจ้าตัวดีใจหน้านิ่งหรือโกรธหน้านิ่ง และเขาเป็นคนที่โกรธใครยากเพราะไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรสักเท่าไหร่ โดนแกล้งก็จะปล่อยผ่านไปเพราะถือคติอีกอย่างว่า ถ้าเราไม่ตอบโต้เดี๋ยวเขาก็หยุดเอง แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เลิกจนเจ้าตัวฟิวขาดก็คงต้องหาทางแยกย้ายกันด่วนๆ เพราะเวลาเมสันโกรธจะเป็นเหมือนพายุที่มาเร็วไปเร็วแต่ทิ้งความเสียหายไว้ค่อนข้างมาก (ช่วงที่เขากำลังง่วงๆหรือพึ่งตื่นจะเป็นช่วงที่เขาโมโหง่ายมากที่สุด)

    และเจ้าตัวมักจะชอบในสิ่งที่ขัดๆกับตัวเอง เช่น ชอบดูหนังผีหรือหนังสยองขวัญเวลากลางคืน แม้จะกลัวจนต้องนอนคลุมโปงทุกครั้ง ชอบตุ๊กตารูปทรงแปลกๆ และชอบเสพเรื่องดราม่าทั้งที่บ่อน้ำตาตื้น(?) เป็นต้น

           และกับคนสนิทเขาจะกลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวและไม่กระตือรือร้นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว บางครั้งก็ยิ้มและหัวเราะง่ายๆจนดูสติไม่เต็มบ้าง(?) หยาบบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง(?) แต่ก็นั่นแหละอยู่กับคนสนิทนี่นะ ใครจะมัวมาสงบเสงี่ยมล่ะ? จริงๆเจ้าตัวเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบแต่มักจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยจนดูไม่น่าเชื่อถือ และเจ้าตัวก็เริ่มคิดเหมือนกันว่าสมองตัวเองกำลังจะฝ่อเพราะทำตัวสโลว์ไลฟ์มากเกินไป(?) แต่อย่างเมสัน..ไม่ใคร่จะสนใจเท่าไหร่อยู่แล้ว

    ประวัติ : ช่วงชีวิตของชายที่ชื่อว่าเมสัน แมคบอร์ตินไม่ได้จัดว่าดีนัก

           เขาเกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่มีพี่น้องและไม่มีญาติ เป็นครอบครัวเล็กๆที่อยู่ในเมืองเล็กๆ เมืองแจ็คสันวิลล์

           ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ต่างจากเด็กทั่วๆไป พ่อไม่ติดการพนัน ไม่ติดเหล้าและไม่ติดผู้หญิง แม่ของเขาก็เช่นกัน.. พวกท่านทั้งสองทำงานในบาร์ชื่อดังของเมือง พวกเรามักจะกินมื้อเย็นร่วมกันก่อนที่ทั้งสองจะออกไปทำงาน พ่อเป็นนักดนตรี แม่เป็นพนักงานเสิร์ฟ และแน่นอนว่าเขามักจะหลับก่อนที่ทั้งสองจะกลับมา ซึ่งมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะพวกเขามักจะกลับมาหลังเที่ยงคืนเสมอ

           เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนในเล็กๆในเมืองแจ็คสันวิลล์ ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเต็มที่ มีเพื่อนมากมาย..ถือว่าประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตไปส่วนหนึ่ง

           ทุกคืนเขานอนจะอยู่บนเตียงความยาว 5 ฟุต อ่านหนังสือเรื่อง นกสีรุ่ง ที่แม่ชอบอ่านให้ฟังตั้งแต่เด็ก

           มันเป็นเรื่องราวของนกสีขาวตัวหนึ่งที่ตัดสินใจบินออกจากรัง พบเจอสีต่างๆมากมาย บินไปหลากหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นท้องทะเล ทุ่งดอกไม้ เปลวเพลิง.. แต่แล้วในท้ายที่สุดนกสีรุ่งที่เจอเรื่องราวมามากมายนั้นเหนื่อยล้า มันได้ถูกความมืดเข้ากลืนกินแล้วหายไปตลอดกาล… แม่บอกว่าสีต่างๆแทนด้วยอารมณ์ต่างๆ สีฟ้าคือความเศร้า เลยเปรียบเหมือนน้ำตา สีส้มหรือพระอาทิตย์ยามอัสดงความสุข สีชมพูหรือทุ่งดอกไม้คือความรัก สีแดงหรือเปลวไฟคือความโกรธ สีเหลืองหรือดวงจันทราคือความโดดเดี่ยว.. เอาจริงๆพวกสีนี้ก็ต้องใช้จินตนาการในการคิดมากทีเดียว

           ไม่นานเขาก็วางหนังสือลงแล้วยืดตัวไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง เปลือกตาสีงาปิดลง เด็กชายจมลงสู่ห้วงนิทรา


           วันเวลาผ่านไป เขาในวัย 15 ปีก็ได้รับข่าวร้าย พ่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตเพราะได้รับลูกหลงจากกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนที่ใช้ปืนผิดกฎหมายยิงเข้ามาในร้านเพราะความคึกคะนอง

           หลังจากนั้นก็เหมือนพระผู้เป็นเจ้าเล่นตลก ปล่อยให้พวกเขาทั้งสามใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก่อนจะประทานความทุกข์ระทมมาให้

           แม่เริ่มป่วยหลังจากพ่อเสียชีวิตได้ไม่นาน เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าแม่เป็นมะเร็งระยะที่สอง ความรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็ดจัดสาดเข้าที่ใบหน้า ชาไปทั้งกาย เขากำลังจะเสียครองครัวคนสุดท้ายไปจริงๆใช่มั้ย?

           เด็กหนุ่มกำมือแน่น มองไปยังร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยหวานซีดเซียวเพราะพิษไข้

           และมันก็เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง จากที่ใช้ชีวิตแบบปล่อยประละเลยไปวันๆก็เริ่มมีความมุ่งมั่นขึ้น ตกเย็นก็ไปทำงานตามร้านอาหารหรือร้านหนังสือ ตกดึกก็ไปทำงานที่บาร์ที่พ่อและแม่เคยไปทำงาน เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านดี และเขาก็ยินดีให้เขาทำงานเพราะ สงสาร

           แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจกับความสงสารนั้น ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานและหาเงินเพื่อช่วยรักษาแม่ ถึงแม้ความหวังจะน้อยนิด..แต่เขาก็ตัดใจไม่ได้

           ผ่านไปหนึ่งปีเขากลายเป็นนักร้องที่บาร์แห่งนั้น เงินเริ่มดีขึ้น ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ยกเว้นเพียงแม่ของเขาที่อาการทรุดลงเรื่อยๆ และเรื่อยๆ

           หมอเริ่มบอกให้เขาทำใจไว้มากๆ ..มันเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีที่พึ่งเรียนเกรด 10

           ในวันนั้นเขาเข้าไปกุมมือเรียวของผู้เป็นแม่ ซึมซับความอบอุ่นจากฝ่ามือให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลานี้ เวลาของแม่เริ่มน้อยลงแล้ว และเธอก็รู้เรื่องนั้นเช่นกัน หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น

           มือเรียวที่สั่นน้อยๆยื่นมาปาดน้ำตาของเขา น้ำเสียงอ่อนโยนดั่งที่ได้ยินมาตลอดเอ่ยบอกให้เขาสู้ต่อไป ใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งและมีความสุข แต่ยิ่งฟังน้ำตาก็ยิ่งไหล เขาเลยทำให้เพียงยิ้มรับแกนๆ แล้วยืดตัวไปกอดหญิงสาวแน่น

           จากนั้น 2 ปีเธอก็จากไปอย่างสงบในห้องพักของเธอ วันนั้นเป็นวันที่เขาร้องอย่างไม่อายใคร กอดร่างเย็นชืดไร้วิญญาณแน่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเสียแล้ว สาเหตุเพราะพักผ่อนน้อย ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับรู้ ทอดมองแผ่นหลังของหมอหายไปจากสายตา เขาก็ชันเข่าขึ้น ซบใบหน้าลง ปล่อยให้น้ำตารินไหลอีกครั้งอย่างเงียบเชียบ


           งานศพของแม่ไม่ได้จัดอย่างใหญ่โตนัก มีเพียงคนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งที่สนิทและคุ้นเคยกับท่านมาร่วมงาน จนถึงช่วงสุดท้ายที่เหล่าชายตัวโตยกโลงไม้แล้วค่อยๆปล่อยลงไปในหลุมอย่างระมัดระวัง บาทหลวงกล่าวทิ้งท้าย ทุกคนแยกย้ายกันไป เหลือเพียงเด็กหนุ่มวัย 18 ปี และบรรยากาศแห่งความหดหู่ใว้ในสุสาน


           หลังจากนั้นเขาก็ยังทำงานต่อไป ส่งตัวเองจนจบเกรด 12 และตัดสินใจจะศึกษาต่อที่มหา’ลัยฟลอริด้า ตามที่มารดาต้องการ เรื่องการเงินนั้น ยังมีเงินเก็บจากที่เขาทำงานและเงินที่เจ้าของบาร์ให้ยืม อีกฝ่ายบอกว่าจะมาคืนตอนไหนก็ได้ ทำใหัเขารู้ว่าติดหนีบุญคุณอีกฝ่ายมากมายเหลือเกิน

           จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าศึกษาในมหา’ลัยฟลอริด้าอย่างที่ตั้งใจ และเรียนเกี่ยวกับดนตรีที่ใจรัก

           หลังจากที่เขาอยู่ตัวคนเดียวเหมือนมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป สิ่งแรกคือเขาทำตัวเอื่อยเฉื่อยมากขึ้น แต่มันก็ไม่กระทบกับงานที่ทำ เขาคิดว่าคงเป็นเพราะสูญเสียกำลังใจไปมาก จากการสูญเสีย.. แต่เขาก็ไม่สามารถกลับไปร่าเริงได้มากแล้วจริงๆ


           เวลาผ่านไป เขาได้รู้จักสังคมใหม่ที่กว้างขึ้น มีคนหลายคนที่เข้าหาเขาเพราะ หน้าตา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก ยังไงเสีย มีคนชมชอบย่อมดีกว่ามีคนเกลียดชัง ..แต่คนที่มาจริงๆจะชมหรือจะชังเขาก็ไม่ค่อยสนใจอยู่ดี.. เขากลายเป็นพวกคนแก่ที่ปลงไปหมดทุกอย่างแล้วหรือยังไงกัน

           แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัด เขาเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ได้ พิศวาสผู้หญิง ถึงแม้จะสนใจแต่ก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะทำเกิดเลยกับสาวสวยเหล่านั้น กลับกันในสายตาเขาผู้ชายนั้นดึงดูดสายตามากกว่า และบางครั้งก็เกิดความรู้สึกที่ว่า เขาอยากโดนกระทำเหมือนผู้หญิง เอาจริงๆเขาแอบหวั่นๆกับความคิดนี้ อยากจะลองปรึกษาใครสักคนแต่ก็ไม่สามารถเพราะเขาไม่นิยมสานมิตรกับใครจนเรียกได้ว่า คนไร้เพื่อน รู้ซึ้งถึงการขาดมิตรก็ตอนนี้

           จนเวลาผ่านไปหลายเดือน เขาตัดสินใจลองพูดเรื่องนี้กับรุ่นพี่คนหนึ่งในวง รุ่นพี่ที่เขาคิดว่าน่าจะสนิทใจพอจะคุยกันได้ และผลที่ได้..คือรุ่นพี่หนุ่มบอกกลับมาว่าสนใจใน ตัว ของเขา.. อีกฝ่ายบอกอย่างไม่ปิดบังว่าอยากจะ นอน กับเขา ด้วยความอยากลอง.. ความคิดที่ว่ามันน่าท้าทายปรากฎขึ้นมาในห้วงสามัญสำนึก เขาตอบ ตกลง กับรุ่นพี่หนุ่มอย่างง่ายดาย

           และเหมือนสิ่งที่เขาคิดจะเป็นเรื่องจริง เขาเป็นโฮโมอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเขารู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น.. กับ เซ็กส์ ที่เกิดขึ้นระหว่างรุ่นพี่คนนั้นกับเขา และความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้สานต่อ เพราะยังไงก็ตกลงกันไว้แค่คืนเดียว

           เขาไม่ได้ปิดบังคนอื่นเรื่องรสนิยมทางเพศของตนนัก และมีคนอยู่ไม่น้อยที่สนใจจะนอนกับเขา ซึ่งเขาตอบรับไปแต่บางส่วน...เอาจริงๆเขาก็คิดว่าตนไม่ใช่คนที่มีความต้องการมากมายอยู่แล้ว เพราะงั้นเลยมักจะนอนกับคนอื่นไม่กี่ครั้งต่อเดือน

           เวลาผ่านไปเขาศึกษาจนจบแล้ว แต่ก็ไม่ได้หางานทำจริงๆจังๆจนโดนผู้ดูแลบาร์บ่นเช้า บ่นเย็น

           เขากลับไปทำงานที่นั่น เป็นนักร้องประจำก่อนจะตัดสินใจไปที่ นิวยอร์ก ตามคำแนะนำของเจ้าของบาร์ อีกฝ่ายอยากให้เขาลองทำงานที่บาร์ของคนรู้จัก ลองทำงานในเมืองใหญ่..ที่มองไปทางไหนก็เจอแต่รถ รถ รถและตึก ตึก ตึก ครั้งแรกก็เสียเงินไปหลายเหรีญกับค่าแท็กซี่ ทำให้รู้สึกอยากกลับไปนอนตีพุงที่แจ็คสันวิลล์เหมือนเดิมขึ้นมา… อา จำนวนเงินนั่นเงินค่าอาหารมื้อใหญ่ของเขาได้เลยนะ

           เขาเข้าทำงานที่บาร์ที่เจ้าของบาร์ที่แจ็คสันวิลล์..คุณเฮนรี่บอก ซึ่งเจ้าของบาร์นี้ก็ต้อนรับเขาดี

           และเขาก็ทำงานอยู่ในที่แห่งนั้นจนถึงตอนนี้...

           .

           .


           “แ ..มส..”

           เจ้าของเรือนผมสีเงินค่อยๆผงกหัวขึ้น ก่อนจะมองไปทางต้นเสียงด้วยดวงตาปรือปรอย สายตาพร่ามัวจนไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นคนเรียก

           หูฝาดล่ะมั้ง คิดกับตนเองก่อนจะเตรียมตัวหลับอีกครั้ง

           “เมสัน!”

           แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่เสียง ความเจ็บแล่นเข้าสู่โสตประสาท โดยจุดที่โดนประทุษร้ายร้ายคือหน้าผากเนียน

           เจ็บจี๊ดเลยล่ะ

           “เคต?”

           เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนจะยกมือลูบหน้าผาก ร้องโอดโอยอยู่สักพัก ส่วนคนที่ลงมือ ดีด หน้าผากนั้นกำลังมองไปที่ชายผมเงินด้วยใบหน้าบึ้งตึง

           “เออ กว่าจะตื่นได้นะเจ้าบ้า” น้ำเสียงแข็งกระด้างดังออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป “ใกล้ได้เวลาแสดงแล้ว เตรียมตัวเลยเจ้าคนขี้เกียจ”

           “อา..หะ” เขาพยักหน้ารับช้าๆ

           “เป็นอะไรหรือเปล่า?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เพราะวันนี้คนตรงหน้าดูนิ่งไปจากปกติ ปกติเวลาโดนปลุกเจ้าคนหัวเงินจะบ่นกระปอดกระแปดประมาณว่า ฉันนอนดึกนะ คนเราต้องพักผ่อนให้มากกว่าสิบชั่วโมงต่อวันสิ!

           “อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาน่ะ” ว่าพลางไหวไหล่เล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ

           “เรื่องที่ฉันนอนกับนายคืนก่อน?” พูดพลางเลิกคิ้วสูงกว่าเก่า “ติดใจ??”

           “ไม่” น้ำเสียงของเขานิ่งสนิท นิ่งตั้งแต่ใบหน้ายันดวงตา

           “อย่าทำหน้าเครียดดิวะ” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะโบกมือแล้วก้าวขายาวๆออกจากห้อง “รีบตามออกมาแล้วกัน”

           “อาๆ” เขาตอบรับอย่างขอไปที แล้วโบกมือไล่อีกฝ่าย

           เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานเดินออกไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอนหลังกับเก้าอี้ เงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาเหม่อลอย

           ดันฝันถึงเรื่องเมื่อก่อนได้ไงเนี่ย..

           ดวงตาสีน้ำทะเลกลอกไปมา ก่อนเขาจะถอนหายใจยาวๆอีกครั้ง แล้วผุดลุกขึ้น

           แต่..ก็ช่างมันเถอะ

           มือเรียวยกขึ้นเสยผมแล้วสาวเท้าไปที่ประตู นึกไปถึงสัตว์ขนฟูที่บ้านก่อนจะระบายยิ้มบาง

           และแล้วร่างโปร่งก็เดินออกไปพร้อมกับบานประตูก็ปิดลง..

    ลักษณะการพูด : เมสันเป็นคนที่มีน้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนผู้ชายทั่วๆไป เขามักจะพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ เอื่อยๆ ตามประสาคนที่ไม่ค่อยกระตือรือร้น มักจะแทนตัวเองว่า ฉัน กับคนที่อายุพอๆกันหรือน้อยกว่า แทนตัวเองว่า ผม กับคนที่ตนให้ความเคารพหรืออาวุโสกว่า และแทนตัวคนอื่นๆว่า นาย/เธอ/พี่/คุณ แล้วแต่ญานะของคนคนนั้น

    ตัวอย่าง

           ปกติ(?) >

    ● “หาว… หาเมื่อกี้นายพูดว่าอะไรหรือเปล่า??” เมสันหันไปหาเพื่อนร่วมงานที่ตอนนี้มองมาด้วยสายตาหน่ายๆและสื่อว่า นายนี่จะสนใจอะไรกับชาวบ้านเขาบ้างมั้ย! ทำให้คนถูกจ้องยิ้มแหยก่อนจะอ่อมแอ่มตอบ “โทษทีๆ พอดีฟังไม่ทันน่ะ แฮะๆ”

    ● “เอลิซาเบทททท ทำไมเธอถึงใจร้ายกับฉันถึงขนาดนี้ ลงมาให้ฉันกอดหน่อยสิ!” เขาพูดแล้วเงยหน้ามองไปบนหลังตู้เสื้อผ้าอย่างอาลัยอาวรเมื่อแมวเปอร์เซียสุดสวยของตนเกิดงอนจนไม่ไห้เขากอดซะได้…

           อารมณ์ดี >

    ● ร่างโปร่งนั่งฮัมเพลงที่กำลังติดท็อปชาร์ตเบาๆอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้นวม เปลือกตาสีงาหลับลงซ่อนดวงตาสีน้ำทะเลไว้ บนใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    ● “โอ๊ะ นี่ผมอารมณ์ดีมากจนคุณสังเกตได้เลยหรอ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนเขาจะหัวเราะเบาๆ “ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละครับ  พอดีมีเรื่องดีนิดหน่อยน่ะ”

           อารมณ์ไม่ดี >

    ● ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ พลางเดาะลิ้นเมื่อรับรู้ว่าคนที่ทำให้เขาต้องเสียเวลากก(?)เอลิซาเบทมาสายจากเวลานัดไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงทักเขาก็ต้องถอนหายใจแรงๆแล้วมองไปที่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าหงุดหงิดเล็กๆ “นายมาช้ามาก เพราะงั้นไอศกรีมช็อกโกแลตถ้วยใหญ่พิเศษสองถ้วยเป็นอันหายกัน” ว่าจบก็ยักคิ้วให้อีกคนที่มีสีหน้าซีดๆแล้วยิ้มกว้าง “หวังว่าจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงนายนะสหาย” (?)

    ● “เงียบ!!” เสียงทุ้มตวาดลั่น พาลให้เสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่เงียบลง จนทำให้คิดว่าถ้าใครสักคนหายใจดังๆล่ะก็ต้องได้ยินแน่ เมสันถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่งก่อนจะมองรอบๆด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วนั่งลงดังเดิม

    ● “Shit!!!” ร่างโปร่งหอบหายใจพลางก่นด่าตัวเองที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนัก ซึ่งเมื่อผ่านไปสักพักก็เงยหน้าแล้วมองไปทางที่โจรวิ่งไปอย่างเจ็บใจ และเหมือนความเจ็บใจจะอยู่ไม่นานนักเมื่อเขาถอนหายใจยาวๆแล้วเสยผมของตัวเองขึ้น คำว่าปลงเข้ามาอยู่ในสมองเขาเรียบร้อย

           เสียใจ >

    ● “ได้โปรด ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว..” เมสันเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่เจือไว้ด้วยกระแสของความเว้าวอน ใบหน้าได้รูปก้มลงต่ำจนเรือนผมสีเงินสว่างปรกลงมา ปกปิดดวงตาเรียวคม จนไม่สามารถอ่านอารมณ์จากดวงตาคู่นั้นได้ แต่เมื่อสังเกตจากริมฝีปากที่เม้มจนเป็นเส้นตรงและมือที่กำแน่นจนถึงข้อขาวก็พอจะคาดเดาห้วงอารมณ์ของเขาได้

    ● “ฮะๆ” เสียงหัวเราะอย่างอ่อนแรงดังออกมาจากชายผมเงิน ดวงตาสีฟ้าใสหลุบลง แย้มยิ้มเศร้าๆ “นี่ฉันคงไม่ได้ทำอะไรผิดไปอีกแล้วใช่มั้ย?”

           เบื่อ >

    ● ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นป้องปากหาว ก่อนจะเลื่อนไปปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตา เมสันเอนหนังพิงเก้าอี้แล้วมองไปทางเพื่อนร่วมงานด้วยดวงตาปรือปรอย น้ำเสียงฉายแววเบื่อหน่ายอย่างปิดไม่มิด “เฮ้..พวก เลิกงานแล้วไปดื่นที่กันมั้ย ครั้งนี้ยอมออกตังค์เลยเอ้า”

    ● เสียงถอนหายใจยาวๆดังขึ้นอีกครั้ง ส่วนเจ้าของเสียงก็เท้าคางออกมองไปนอกหน้าต่างอย่างเบื่อๆ

    ● “เบื่อโว้ยยย!!” (?)

           แปลกใจ >

    ●  “จริงดิ??” เมสันหันไปมองเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่กำลังคุยกันเรื่องของเครื่องรางของแถบตะวันออกด้วยแววตาสนอกสนใจ

    ● “หา นี่วันเกิดฉัน?” เมสันชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้าเหลอหลาซึ่งน่าจะดูตลกไม่น้อย ก่อนจะกลอกตาไปมาแล้วทุบฝ่ามืตัวเองเบา “นั่นสิเนอะ ..ลืมได้ไงวะเนี่ย” ซึ่งเจ้าตัวก็ลดเสียงลงเมื่อพูดประโยคหลัง


    ชอบ : แมว > เพราะชอบความนุ่มนิ่ม(?)ของตัว แต่ถ้าแมวตัวนั้นดุก็คงต้องขอบาย

            หมอนข้าง > เมสันเป็นคนที่ขาดหมอนข้างหรืออะไรก็ตามที่ใช้กอดในเวลานอนไม่ค่อยได้ เพราะมันทำให้เขาหลับไม่สบาย ถ้าฟุบหัวกับโต๊ะก็ต้องหากระเป๋ามากอด ไม่ก็กอดตัวเองเอา

            ของหวาน > สำหรับเมสัน ของหวานเหมือนน้ำมันเติมพลังใจ(?)

            อากาศเย็นๆ > เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับที่ที่อากาศร้อนหรืออบอ้าวเท่าไหร่นัก เจ้าตัวจึงชอบที่ที่อากาศเย็นมาก

            วิวสวยๆ > การเห็นที่สวยๆก็ถือเป็นของเติมพลังใจอีกอย่างให้เขาเช่นกัน

            เรื่องสยองขวัญ(?) > ถึงจะแปลกไปนิดที่คนกลัวผีดันชอบเรื่องสยองขวัญ(?) แต่เอาเข้าจริงเพราะมันตื่นเต้นและลุ้นระทึกดีเจ้าตัวเลยชอบ แต่ดันค่อนข้างแอนตี้แนวฆาตกรซะอย่างงั้น (ปล. เมสันชอบดูหรืออ่านเรื่องสยองขวัญตอนมืดๆ เพราะมันได้ฟิลลิ่งดี(?))


    ไม่ชอบ : ของเผ็ด > เพราะเวลากินรสเผ็ดแล้วมันทำให้เขาสะอึก...ซึ่งทำให้ต้องกินน้ำ กลายเป็นเขาต้องอิ่มน้ำแทนข้าว..

            สัตว์จำพวกหนอน > รู้สึกแหยงๆทุกครั้งที่เห็น ถึงแม้จะคิดว่าชินแล้วแต่ก็ไม่ไหวทุกทีถ้าในมากระดึ๊บๆ(?)บนตัว

            น้ำลึก > เพราะว่ายน้ำไม่เป็น เลยรู้สึกไม่ค่อยถูกกับพวกที่ที่น้ำลึกเท่าไหร่นัก

             บุหรี่ > ไม่ชอบกลิ่นควันและเวลาที่ได้กลิ่นจะรู้สึกมึนหัว แถมถ้าหากเจ้าตัวสูดควันเข้าไปมากๆจะทำให้รู้สึกเมาได้ (เวลาเมาเจ้าตัวชอบทำอะไรโดยไม่คิดแล้วก็จำไม่ค่อยได้ว่าตอนนั้นทำอย่างนั้นทำไม ประมาณเหมือนรู้ตัวแต่ไม่มีสติ(ง่ายๆเลยก็อาการคนเมาปกติ--))

    กลัว : เลือด > เมื่อเห็นเลือดมากๆจะรู้สึกหน้ามืด หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ แต่เป็นแผลเลือดไหลนิดหน่อยหรือเลือดเล็กๆน้อยๆไม่เป็นไร แต่ถ้าถึงขั้นเลือดชุ่มก็คงต้องขอบาย
    งานอดิเรก : อ่านหนังสือ (นวนิยาย , วรรณกรรม , นิทาน) , นอนเล่นอยู่ในคอนโด , เล่นกับเอลิซาเบท , ร้องเพลงเล่น

    เพิ่มเติม : - เลี้ยงแมวเปอร์เซียสีขาวไว้ที่คอนโด และตั้งชื่อให้ว่า เอลิซาเบท

           - เมสันมักจะเดาะลิ้นเวลาคิด และมักจะดุนลิ้นไปที่กระพุ้งแก้มกับไพล่มือไว้ข้างหลังเวลาโกหก

           - เวลานอนไม่หลับแล้วฝืนหลับจะน้ำตาไหล (ไหลเหมือนร้องไห้แต่ไม่สะอื้น)

    Character Interview.

    คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง?
    :         คิ้วเรียวสีอ่อนเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม ดวงตาสีน้ำทะเลกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดพลางเดาะลิ้นด้วยความเคยชิน

            “อา..” เขาลากเสียงสักพักก่อนจะเอ่ยต่อ “คงเป็นคนน่าเบื่อ ..ใช่น่าเบื่อมาก” ชายหนุ่มพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะเอนหลังพิงกับโซฟา แล้วประสานมือไว้บนตักหลวมๆ

            “ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่คงไม่มีสิ่งใดสะดุดตาสะดุดใจใครนอกจากหน้าตาตัวเอง” เขาว่าพลางไหวไหล่อย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก แล้วเลื่อนสายตาไปจับจ้องคู่สนทนาต่อ

            “และ…” รอยยิ้มบางเบาถูกจุดขึ้นที่มุมปาก “ผมคิดว่าผมเป็นคนที่น่าเบื่อ และคงไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็แค่นั้น”

    มีสเป็คคนที่ชอบมั้ย ถ้ามีเป็นยังไง?
    :          “หา?” เมื่อได้ยินอีกคำถามคิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนมันจะคลายลงเมื่อผู้ถูกถามพยักหน้าแล้วเอนหลังกับโซฟาอย่างสบายอารมณ์

            “แน่นอนสิ ผมมี มีแน่นอน.. ส่วนเป็นแบบไหน…” เขานิ่งไปสักพัก “คนที่ทนผมได้ล่ะมั้ง”

            พูดจบก็ไหวไหล่แล้วบิดตัวเล็กน้อยอย่างเกลียดคร้าน พลางกล่าวขอโทษเบาๆ

            “แต่สำหรับผม ขอแค่เป็นคนที่ผมรักและรักในตัวผมก็พอแล้วล่ะ” รอยยิ้มกว้างขวางแต่งแต้มบนใบหน้า เขากล่าวกลั้วหัวเราะ “ถึงมันจะดูหาคนแบบนั้นยากก็เถอะ”

            เมื่อคิดว่าหมดธุระแล้วเขาก็ผุดลุกขึ้น แล้วส่งยิ้มไปให้คู่สนทนา “น้ำชาอร่อยดีนะ”

            ดวงตาสีแปลกมองไปที่อีกฝ่าย ถึงแม้ปากจะแต้มไว้ด้วยรอยยิ้มแต่ดวงตากลับเรียบเฉย เขาก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงลา “วันนี้สนุกดีนะครับสำหรับผม ถ้าเป็นไปได้..”

            เขาเอ่ยต่อพลางเดินไปที่ประตู มือเรียวบิดลูกบิดสีเงินแล้วส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย

            “เอาไว้พบกันวันหลังนะครับ”

            ขาเรียวยาวพาร่างโปร่งของเขาออกจากห้อง และแล้วประตูก็ปิดลง

    Talk with writer.

    สวัสดีจ้าา ชื่อไรเอ่ย?
    : ชื่อคิวค่ะ! ยินดีที่ได้รู้จักนะคะะ

    ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้
    : ขอบอกว่าสะดุดตรงคำว่า Yaoi ค่---แค่ก!!  .กระแอม. อันนั้นส่วนนึงค่ะ จริงๆตอนนี้กำลังหานิยายรับสมัครพอดี อยากทำตัวว่างเลยส่งค่----- .สัญญาณขาดหาย(?)

    ถ้าไม่ติดจะให้น้องเป็นตัวประกอบหรือรับกลับคะ?
    : อาาาาา ขอรับกลับแล้วกันค่ะ ;w;

    คอมเม้นโหดนะะ รับได้มั้ย?
    : รับได้ค่ะ!

    รับได้มั้ยถ้าไม่ happy ending ในบางตอน
    : รับได้ค่ะ เราสายทำร้ายลูกอยู่แล้-- .กระแอม--

    มีแนวเรื่องที่ไม่เอาเด็ดขาดมั้ยคะ?
    : ไม่นะคะ เราไม่ค่อยเรื่องมากอยู่แล้ว แนวไหนก็ได้ค่ะ

    บางทีเราดองนานมาก คอมเม้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงขับเคลื่อนค่ะ!! เม้นกันเยอะๆนะะะ
    : จะพยายามนะคะ! .ทำหน้าคนไม่ค่อยเม้นท์--

    Good luck!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×