คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 19
บทที่ 19
กี๊ส!!!
เสียงนั้นพาให้สองพี่น้องรีการ์ดที่กำลังฝึกกันอยู่ชะงัก คาร์ลที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ถึงกับเงยหน้าควบขึ้นไปมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แม้แต่อาร์โรห์ที่หลับไปแล้วก็ยังถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมา
กี๊ส!!!
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งพาให้แม้แต่อาร์โรห์ก็ยังสะดุ้ง สิ่งที่ปรากฏตามมาคือร่างสีเลือดของนกตัวมหึมาที่เคลื่อนเข้ามาในระยะสายตา
พวกมันคือนกปีศาจ
ขนทั้งตัวของพวกมันจะเป็นสีแดงความเข้มอ่อนแตกต่างกันไป
สียิ่งเข้มก็จะยิ่งอันตรายเพราะสีของขนจะเข้มขึ้นเรื่อยๆเมื่อมันได้กินเหยื่อเข้าไป
อาจจะดีกว่านี้ถ้ามันมาแค่ตัวเดียว แต่นี่มันมาเป็นฝูง...
และจะดีมากถ้ามันบินผ่านพวกเขาไป แต่ประเด็นคือ...
พวกมันกำลังร่อนลงมาทางพวกเขา!!!!
นกตัวหนึ่งโฉบลงมาใกล้จะถึงตัวเดลกับลูน่าที่ยืนอยู่กลางแจ้งแล้ว มันส่งเสียงร้องแหลมสูแสบแก้วหูแล้วยื่นขาลงมาเตรียมจะเกี่ยวทั้งสองคนเข้าไปในกรงเล็บของมัน แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดายเมื่ออาร์โรห์พุ่งเข้ามาดึงทั้งสองคนให้ก้มลงในชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่นกปีศาจตัวนั้นจะถึงตัวพวกเขาทั้งสองคน
อาร์โรห์รีบสะบัดหน้าไปหาคาร์ล ไม่สนอีกแล้วว่าเวทกระโดดข้ามมิติจะทำให้พวกเขาคลื่นไส้อาเจียน เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาห่วงเรื่องเล็กๆแบบนั้น นกพวกนี้ต้องใช้คนที่มีเวทเข็งพออย่างน้อยห้าคนขึ้นไปถึงจะรับมือได้อย่างสูสี ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่มีคนที่ใช้เวทได้อย่างคล่องแคล่วเพียงหนึ่งคนและมีมือสมัครเล่นที่ยังไม่ค่อยคล่องอีกหนึ่งคนเท่านั้น
“คาร์ล เวทร่นระยะทาง!!!”
สิ้นเสียงร่างของคาร์ลก็หายวับไปจากใต้ต้นไม้แล้วมาโผล่ตรงหน้าพวกเขาจากนั้นวงเวทวงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านใต้ น่าเสียดายที่วงเวทมันใหญ่ทำให้ใช้เวลามากกว่าวงเวทเล็กๆที่คาร์ลใช้ไปวินาทีหนึ่ง แต่นั่นก็มากพอให้นกปีศาจตัวหนึ่งบินโฉบลงมาพร้อมกับพุ่งปลายปากแหลมคมเข้ามาหาพวกเขาโดยมีอาร์โรห์ที่ยังคงกดสองพี่น้องเอาไว้ใต้ร่างเพื่อความปลอดภัยเป็นจุดหมายแรก
เดลที่เห็นดังนั้นร่างกายเร็วกว่าความคิด เขาดึงอาร์โรห์ให้กลับลงมานอนบนพื้นแล้วพลิกตัวเองหลบต่ออีกรอบจนออกนอกเขตวงแหวนเวทที่เริ่มทำงานไปแล้ว ส่วนปากของนกตัวนั้นก็ปักลงบนพื้นในเขตวงแหวนเวทพอดี
เหตุวิบัติเกิดขึ้นเมื่อสองคนที่ควรจะไปกับวงแหวนเวทกลับยังอยู่ตรงนี้ ส่วนนกปีศาจที่ควรอยู่ตรงนี้กลับติดไปกับวงแหวนเวทและอีกสองคนที่เหมือนจะยังตกตะลึง...
เดลเองก็ไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ได้ผลออกมาเช่นนี้ แขนและเข่าทั้งสองข้างของเขายังคงยันอยู่กับพื้นขณะที่ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปยังพื้นว่างเปล่าด้านข้างที่ควรจะมีคาร์ลกับลูน่าอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้กลับหายไปแล้วเรียบร้อย...
“เดล ลุกได้แล้ว”
เสียงของอาร์โรห์ที่แฝงเววเคร่งเครียดมาเรียกให้สติของเดลกลับมา เขาก้มลงมองอาร์โรห์ที่อยู่ใต้ร่าง ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงช่วยดึงอาร์โรห์ขึ้นมายืนอีกคน
เดลหันไปมองพื้นที่ว่างเปล่าด้านข้างตนเองอีกครั้ง
“ถ้าห่วงสองคนนั้นนักล่ะก็ มาห่วงทางนี้ก่อนดีกว่า...” อาร์โรห์เอ่ยเมื่อเห็นเดลยังคงเอาแต่มองไปยังจุดที่เมื่อครู่ยังมีวงแหวนเวทปรากฏขึ้น “สองคนนั้นมีนกติดไปแค่ตัวเดียว แต่ของเราน่ะยังมีอีกเป็นฝูงเลย”
เดลหันมามองอาร์โรห์พูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แต่น่าแปลก เขากลับสงบกว่าเมื่อก่อนมาก แม้ว่ามันจะยังคงทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่นจนคิ้วทั้งสองข้างแทบจะชนกัน ทว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนขาเขาคงสั่นไปด้วยแน่ๆ
“แบบนี้พวกเราสองคนคงฆ่าไม่หมดแน่ๆ...” อาร์โรห์ขมวดคิ้วพลางพิจารณากำลังของตนเองกับเดลรวมกันแล้วคำนวนถึงความเป็นไปได้ “แต่ถ้าหนีล่ะก็ยังมีทางเป็นไปได้...ถึงจะน้อยกว่าห้าสิบเปอร์เซนต์ก็เถอะ...”
ได้ยินแบบนั้นความมั่นใจผิดๆของเดลก็ดูจะลดฮวบ
ท่าทางว่าเดลจะมั่นใจมากไปหน่อย...
แต่อย่างน้อยความหวังก็ยังไม่เป็นศูนย์หรอกน่า!!
อาร์โรห์เหลือบมองเดล ไม่รู้ว่าคาร์ลสอนเดลไปถึงไหนแล้ว ถ้าเป็นไปได้อาร์โรห์ก็อยากจะภาวนาให้มันสูงพอให้ยิงเวทไฟสอยนกพวกนี้ลงมาได้ซักสองสามตัว ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่พ้นชะตากรรมตกเป็นอาหารนกพวกนี้แล้ว
แต่เพิ่งเรียนได้ไม่กี่วัน จะไหวเหรอ...? ต่อให้มีดวงตาต้องสาปก็เถอะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ
“เดล เจ้าคิดว่าพลังเจ้าในตอนนี้จะจัดการพวกมันได้กี่ตัว?” อาร์โรห์อดเอ่ยถามไม่ได้ ทำให้เดลหันมามองเขาทีหนึ่งแล้วเงยหน้าพิจารณานกตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ขณะที่รอ อาร์โรห์รู้สึกว่าพวกเขาตกอยู่ในสภาพวิกฤติสุดๆ และนกพวกนี้ก็คงจะไม่รอให้เดลพิจารณาพวกมันจนเสร็จ หลังจากเดลเงยหน้าขึ้นไปพิจารณาไม่ถึงครึ่งวินาที นกตัวหนึ่งก็บินโฉบลงมาพร้อมกับอ้าปากกว้างจนเห็นฟันแหลมคม
ใช่ ฟันแหลมคมที่นกปกติไม่ควรจะมี แต่ในนกปีศาจถือได้ว่าเป็นเรื่องขี้ประติ๋ว เพราะถ้ามันโตเต็มวัยเมื่อไหร่ ไม่ใช่แค่ฟันแหลมคม เขี้ยวคมกริบก็จะงอกยาวออกมาจากปากของพวกมัน บนตัวก็ไม่ได้มีแค่ขน ร่างกายของพวกมันจะพัฒนาไปอีก จากขนก็จะมีเกล็ดและเกราะแซมขึ้นมา ถึงตอนนั้นถึงพวกมันจะอยู่ตัวเดียวก็ยังจัดการยากเลย
จะว่าเป็นความโชคดีในโชคร้ายก็ได้ที่ในฝูงนี้อาร์โรห์ยังไม่เห็นตัวที่วิวัฒนาการจนทั้งตัวมีแต่เกล็ด ตัวที่ดูจะแข็งแกร่งที่สุดเห็นจะเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดและวิวัฒนาการไปไกลที่สุด ซึ่งก็เพียงแค่มีเกล็ดที่บริเวณหัว คอ และหน้าอก นอกจากนั้นก็คือเขี้ยวที่งอกยาวพ้นจงอยปากของมันออกมาเท่านั้นเอง
บางทีถ้าจัดการนกตัวนั้นได้ก็อาจจะหนีง่ายขึ้น แต่มันบินอยู่สูงมาก อาร์โรห์ที่ไม่มีพลังเวททั้งสภาพร่างกายยังไม่พร้อม แม้จะกลายกลับสู่ร่างอินคิวบัสก็ยังยากที่จะปะทะกับนกปีศาจตนนั้นตัวต่อตัว...
อาร์โรห์ยกมือขึ้นกำที่อกเสื้อ สัมผัสของของแข็งทำให้เขารู้ตัวว่าเขาพกเจ้าสิ่งนี้มาด้วย...
นั้ยน์ตาที่บัดนี้เป็นสีเงินจับจ้องไปยังร่างของนกตัวที่ใหญ่ที่สุดโดยไม่สนใจถึงตัวที่กำลังบินโฉบลงมาและตัดสินใจอย่างทันทีทันใด
เขาดึงกริชสีดำออกมา กระชับไว้ในมือมั่น จากนั้นอาศัยจังหวะที่นกตัวนั้นกำลังโฉบลงมาก้มตัวหลบแล้วปักกริชลงไปบนลำคอของมัน!
เลือดสีแดงสดกระเซ็นมาโดนใบหน้าของอาร์โรห์ แต่เขาก็ไม่สนใจ ใช้กริชที่เสียบลึกเข้าไปเหวี่ยงร่างส่งตนเองขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังคอของมัน มืออีกข้างจับกระจุกขนแข็งกระด้างของมันเอาไว้มั่นแล้วดึงกริชออกจนเลือดสีสดสานกระเซ็น!
กี๊สสสสสส!!!!!
เสียงกรีดร้องโหยหวนแสบแก้วหูดังออกมาจากร่างของสิ่งที่อาร์โรห์ยังคงยึดไว้แน่น แล้วเงื้อกริชในมือขึ้นแทงลงไปอีกครั้ง!!!
เดลมองอาร์โรห์อย่างอึ้งๆ แต่อึ้งได้ไม่นานก็มีนกอีกตนที่สังเกตเห็นเขาและพุ่งเข้าใส่เขา
เอาแต่สนใจอาร์โรห์ไม่ได้แล้ว!!
และแล้วเดลก็งัดเอาพลังเวทและเวทที่ได้คาร์ลช่วยสอนออกมาใช้
อาร์โรห์ใช้กริชในการบังคับทิศทางของนกปีศาจที่บินเป๋ไปเป๋มา พยายามจะทำให้เขาร่วงตกลงไป แต่อาร์โรห์เองก็ไม่ยอมแพ้ บังคับมันให้เป็นไปตามทางที่ต้องการและยึดร่างของมันไว้มั่น
เสียงตูมตามดังมาจากด้านล่างจนต้องคอยเหลือบมองเป็นพักๆ แต่เมื่อเห็นแสงเวทอาร์โรห์ก็เลิกห่วง ในเมื่อนกพวกนี้ใช้เวทไม่ได้ งั้นก็มีเพียงเดลเท่านั้นที่จะใช้เวทได้ แม้จะข้องใจว่าคาร์ลสอนเดลไปถึงขั้นไหนกันแล้วถึงได้ระเบิดพลังเอาๆ อย่างไม่เก็บพลังเวทขนาดนี้ อีกทั้งเวทแต่ละบทก็มีอานุภาพรุนแรงใช่ย่อย ต่างกับเวทลูกไฟขนาดเท่าเล็บนิ้วก้อยที่เดลเคยทำได้ตั้งเยอะ!
เมื่อพบว่าเดลแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่คาดไว้มาก อาร์โรห์จึงหันกลับมาสนใจเป้าหมายของตนเองอีกครั้ง เขาตั้งสมาธิไปที่กริชในมือ เกิดลำแสงบางๆส่องสว่างออกมา แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่เขาจับกริชนี้ มันไม่มีเสียงประหลาดดังขึ้นในหัวสมอง แต่กลับมีพลังเวทมากมายมหาศาลไหลทะลักเข้ามาในร่าง
ร่องรอยสีฟ้าปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มบริเวณใต้ดวงตา ครานี้ไม่ได้เป็นเพียงรอยขีดเส้นเล็กๆสองเส้น แต่มันกลับร้อยประสานกันจนกลายเป็นลวดลายงดงามสานขึ้นไปถึงข้างขมับและบรรจบกันที่กลางหน้าผากของอาร์โรห์ นัยน์ตาสีเงินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทับทิม ขณะที่ใบหูก็กลับเรียวแหลมยืดยาวขึ้น
พลังเวทที่เต็มเปี่ยมซึ่งอาร์โรห์ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำใหญ่โตของนกปีศาจ จิตใจที่เมื่อครู่กำลังโลดโผนก็ถูกทำให้สงบลงและจ้องมองไปทางนกปีศาจตนนั้น ขณะที่มือก็บังคับสิ่งที่ตนใช้เป็นพาหนะเฉพาะหน้าตรงเข้าใส่เป้าหมาย
เมื่อถึงในจุดที่สูงพอ อาร์โรห์ก็ดึงกริชออกมาจนได้ยินเสียงร้องของนกปีศาจที่เขาบังคับมาเมื่อครู่ เขายืนขึ้นบนต้นคอของมันแล้วถีบตัวทะยานเข้าใส่นกปีศาจที่ตัวใหญ่ที่สุดตัวนั้นจนตัวที่เขาใช้เป็นฐานเหยียบร่วงลงไปกระแทกกับพื้นแล้วแน่นิ่งไปไม่ไหวติงอีก
อาร์โรห์ไม่มีเวลาสนใจสิ่งที่ร่วงลงไป มือของเขาถูกยื่นออกไปคว้าเข้าที่ขนบริเวณท้องของมันที่ยังไม่วิวัฒนาการไปเป็นเกล็ดขณะที่มันยังไม่รู้ตัว บางทีมันคงคิดว่าอาร์โรห์ไม่มีทางขึ้นมาถึงตัวเพราะรอบๆมีลูกน้องของมันมากมายอยู่ด้วยก็ได้
มันส่งเสียงร้องแล้วเริ่มบินผาดโผนจนอาร์โรห์ต้องจับยึดไว้มั่นไม่ให้ตนเองร่วงลงไป แต่ไม่ว่ามันจะบินเท่าไหร่อาร์โรห์ก็ยังคงไม่หลุดออกไปจากตัวของมัน มันส่งเสียงร้องอีกครั้งแล้วบินสูงขึ้นไปในแนวตั้งฉากกับพื้นโดยมีนกปีศาจอีกสองสามตนตามขึ้นมา จะงอยปากแหลมคมถูกบังคับเฉียดร่างของอาร์โรห์ไปหลายที แม้จะหลบได้ทันไม่ให้โดนจุดสำคัญ แต่ก็มีบ้างที่เฉียดแขนขาไปจนเรียกเลือด
แบบนี้คงปล่อยให้นานกว่านี้ไม่ได้ ยิ่งยืดเยื้อเขาก็ยิ่งเสียเปรียบ ไม่รู้ว่าร่างนี้จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ แล้วพอมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเขาจะมีสภาพอย่างไร ถ้าหากกลับไปมองไม่เห็นอีก อย่าว่าแต่พวกเขาทั้งสองคน แม้แต่ตัวเขาคนเดียวก็คงจะยังไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ด้วยซ้ำ
อาร์โรห์ไม่สนใจแรงลมรุนแรงที่พร้อมจะพัดเขาให้ตกลงไป ปล่อยมือข้างที่ถือกริชอยู่ออกจากขนของนกปีศาจที่ใช้จับยึดแล้วใส่พลังเวทเข้าไปในกริชพร้อมๆกับรวมพลังของเขาอัดเข้าไปจนปรากฏใบดาบต่อยอดออกมาจากกริชสั้นๆ
มือที่ยึดขนของนกปีศาจไว้เพียงข้างเดียวเริ่มลื่นหลุด
อาร์โรห์กำกริชที่กลายเป็นดาบในมือแน่น จากนั้น...ก็กระซวกแทงเข้าไปไม่ยั้ง!!!
นกปีศาจตนนั้นส่งเสียงร้องแสบแก้วหูจนอาร์โรห์รู้สึกเหมือนหูของตนเองใกล้ดับ แต่เขาก็ยังคงกระซวกแทงเข้าไปที่เดิมซ้ำๆไม่ยั้ง ขณะที่มือข้างที่จับขนของมันเอาไว้ก็เลื่อนหลุดออกมาเรื่อยๆ
และเมื่ออาร์โรห์กระซวกแทงเข้าไปอีกครั้งหลังจากที่แทงเข้าไปรัวๆมากกว่าสิบครั้งนั่นเอง มือที่เขาจับยึดเอาไว้ก็หลุดออกจากขนแข็งๆนั้น
ร่างของอาร์โรห์ร่วงดิ่งลงมาอย่างที่ไม่มีอะไรมาชะลอ พลังเวทที่รวมไว้ที่กริชสลายไปทันทีขณะที่พลังในร่างของเขาราวกับถูกดูดกลับเข้าไปในกริช ร่างทั้งร่างสิ้นเรี่ยวแรงขณะที่ลวดลายบนใบหน้าสลายหายไป ใบหูกลับมาเป็นใบหูเรียวรีอีกครั้ง
ร่างของนกปีศาจที่ถูกอาร์โรห์กระซวกเข้าไปหลายครั้งไม่ได้ร่วงตามลงมา มันส่งเสียงร้องโกรธเกรี้ยวแล้วพุ่งเข้าหาเขา
เขาต้องมาตายอยู่ตรงนี้งั้นหรือ??
นัยน์ตาสีเงินสะท้อนภาพของนกปีศาจตนนั้นที่หันจะงอยปาแหลมๆนั่นเข้าหาเขา อีกเพียงไม่ไกลมันก็จะแทงทะลุเข้ามาในร่างของเขาที่ไร้เรี่ยวแรงและยังคงดิ่งลงสู่พื้น
อาร์โรห์เหลือบมองด้านล่างที่มีนกปีศาจตนหนึ่งกำลังบินสวนขึ้นมา
ตกลงไปก็ตาย ไม่ตกลงไปก็ตาย ไม่ว่าทางไหนก็มีแต่ความตายที่รออยู่ เขาคงไม่เหลือทางเลือกอีกแล้วจริงๆ...
“อาร์โรห์!!”
เสียงเรียกที่ทำให้เขาสะดุ้งและหันไปมองต้นเสียงที่นั่งคร่อมอยู่บนหลังคอของนกปีศาจที่กำลังพุ่งขึ้นมา ทำให้อาร์โรห์ได้สติ
“จับมือข้า!” เดลเอ่ยพลางยื่นมือออกมาขณะที่ร่างของอาร์โรห์กำลังจะสวนกับร่างของนกปีศาจที่เขาขี่อยู่
แม้ว่าร่างกายจะสิ้นเรี่ยวแรง แต่เมื่ออาร์โรห์ลองรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อขยับแขนก็ยังพอได้อยู่บ้าง เขาขยับแขนคว้าเข้ากับมือของเดลที่รีบยึดเขาที่หมดแรงทันทีที่คว้ากันได้ไว้แน่น
ร่างของอาร์โรห์ปลิวไปตามการบินของนกปีศาจที่บินหักเลี้ยวไปตามคำสั่งของเดลด้วยความเร็วสูง ตัวที่กำลังพุ่งเข้าหาอาร์โรห์เหมือนว่าจะเลือดขึ้นตาจนพุ่งเข้าหาอาร์โรห์สุดแรง ไม่สามารถหยุดตนเองเพื่อหักเลี้ยวตามมาในทันที เมื่อมันตั้งตัวได้ พวกเดลและอาร์โรห์ก็หายไปแล้ว
เดลกระโดดลงจากคอของนกปีศาจแล้วพยุงร่างของอาร์โรห์ที่ยังคงมีสติลงมานอนพักที่พื้น
“เจ้าทำยังไง...”
“หืม? อะไรทำยังไงเหรอ?” เดลหันมาเอียงคอถามเมื่ออาร์โรห์พูดออกมาเพียงสี่พยางค์ที่ทำให้เขางุนงง
“นกนั่น...”
“อ้อ...ข้าใช้เวทบังคับมันน่ะ”
“งั้นสินะ...” อาร์โรห์พยักหน้ารับเบาๆ ใจอดนึกไม่ได้ว่าเดลช่างพัฒนาไปได้รวดเร็วอย่างก้าวกระโดดจริงๆ
บางทีนั่นอาจเป็นพลังของนัยน์ตาต้องสาป
เดลเคยนึกรังเกียจดวงตาต้องสาปของตนเอง แต่ตอนนี้เหมือนว่ามันจะทำให้เขาสามารถเรียนรู้เวทบทต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยการมองคนอื่นใช้เวทเพียงครั้งเดียว เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าหากตนเป็นเพียงมนุษย์ที่มีพลังเวทแต่ไร้ซึ่งนัยน์ตาต้องสาปแล้วเขาจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เท่าไหร่ และถ้าเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้ขณะที่ตนเองยังใช้ได้เพียงเวทขั้นพื้นฐานแล้วจะทำอย่างไร? และบางที...เขาอาจจะไม่สามารถปกป้องใครได้เลยก็ได้...
“ข้าว่าเราควรจะปล่อยมันไปด้แล้ว” เสียงของอาร์โรห์ดึงให้เดลหันมามอง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเบาๆแล้วสั่งนกปีศาจตนนั้นให้บินกลับไปหาฝูง
“เจ้าจะนอนพักก่อน หรือว่าจะไปตามหาคาร์ลกันเลย?” เดลหันมาถามอาร์โรห์ที่ขยับลุกขึ้นนั่ง
นัยน์ตาสีเงินเหลือบมองเดลก่อนที่จะขยับลุกขึ้นยืน
อาจจะถือได้ว่าเป็นการให้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เดลเองก็ไม่ได้คิดจะคัดค้านอะไร เขาเดินเข้าไปหาอาร์โรห์ จากนั้นวงเวทเคลื่อนย้ายก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของพวกเขา
“หวังว่าเวทเคลื่อนย้ายของเจ้าจะไม่ทำให้ข้าคลื่นไส้นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก” เดลเอ่ยกลับเสียงกลั้วหัวเราะ
บางครั้งการที่อาร์โรห์รู้จักพูดเล่นบ้างก็เป็นอะไรที่ไม่เลวนัก
_________________________________________________________________________________________________________
ในที่สุดก็แต่งจนจบและอัพได้เสียที!
ภาคหนึ่งยังไม่ทันจบ ตอนนี้บทนำภาคสองก็มาแล้วค่ะ...
ถึงนิยายเรื่องนี้จะมีกระแสตอบรับไม่ดีนัก แต่ทางไรท์จะยังคงทำตามที่ตั้งใจต่อไปค่ะ แต่งให้ครบห้าภาคไปเลย(?)
ไว้จะลองพิจารณาดูว่าจะเปิดเรื่องใหม่หรือใส่ลงในเรื่องนี้เลยนะคะ
สำหรับตอนนี้อยู่ๆเดลก็เกิดเมพขึ้นมากระทันหัน(?) บอกเลยนะคะว่างานนี้ต้องยกความดีความชอบให้คาร์ลนะคะ! ถถถถ
รู้สึกว่าทั้งๆที่อยู่ในส่วนของท้ายภาคแล้วแต่ชะนีก็ยังคงไร้ที่ยื-----
สาววายเรื่องนี้จิ้นกันกระจายหรือยังคะ!!? หนุ่มน้อยอาร์โรห์ของเราโตขึ้นแล้วนะคะ!!! //เกี่ยว?
ชักจะนอกเรื่อง ฮ่าๆๆๆ
ยังไงก็ขอบคุณหลายๆคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาโดยตลอดนะคะ!
และหวังว่าจะยังไม่ทิ้งกันไปเพราะไรท์อัพช้านะคะ เรียนพิเศษทุวันต้องขออภัยจริงๆ//โค้งเลย
ความคิดเห็น