คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ◆ Lonely Flower - chapter [1]
.. Chapter 1 ..
เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ เช้าตรู่ที่แทบจะยังไม่ตื่น จู่ๆก็มีรถสองคันตรงมาจอดเทียบกับรถคันเดิมเมื่อคืน ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดำสองถึงสามคนและอีกคนหนึ่งดูจากภายนอกและกระเป๋าแล้วคาดว่าจะเป็นหมอ กำลังตรงเข้ามาในบ้านของเขาอย่างไม่คิดจะขออนุญาต คนพวกนี้มองแพคฮยอนที่ยืนทื่อเป็นหินอย่างไม่ได้สนใจ
“คุณชายอยู่ไหน” หนึ่งในนั้นหันมาถามด้วยใบหน้าจริงจัง โดยไม่ต้องอธิบายแพคฮยอนก็รู้ได้ว่าหมายถึงใคร
“อ่ะ เอ่อ อยู่ในห้องทางนั้นน่ะ” มือบางชี้บอกทางแล้วเดินตามไปช้าๆ
.. คุณชายงั้นเหรอ
แพคฮยอนยืนมองคุณหมอวัยกลางคนทำการรักษาคนบนเตียงอย่างไม่รีรอ โดยมีผู้ชายอีกสามคนยืนขนาบอยู่คนละข้าง ทันทีที่คนพวกนี้มา คนที่ดูท่าจะเป็นเจ้านายก็ไม่ได้ต้องพูดอะไรมาก ใบหน้าหล่อเหลาที่แทบไม่มีสีเลือดเลยนั้นจ้องมองมาที่เขาขณะที่คุณหมอกำลังเปิดแผลออกดู การที่ต้องถึงขั้นผ่าตัดขนาดนี้ยังนอนนิ่งๆได้นั้น มันดูจะเกินมนุษย์ไปแล้ว
เลือดสีแดงสดไหลตามปากแผลออกมาบนผ้าขนาดใหญ่ที่คุณหมอรองเอาไว้ การรักษาดำเนินไปช้าๆท่ามกลางสายตาคู่หนึ่งที่รู้สึกหวาดกลัวแทนเสียเหลือเกิน สายตานิ่งๆของคนที่นอนอยู่นั้นเริ่มจ้องแพคฮยอนอยู่จนเขารู้สึกอึดอัด
“เป็นห่วงฉันเหรอ”
“อ่ะ .. ฮะ หมายถึงผมเหรอ”
“ก็ใช่ไง เห็นทำหน้าเครียดเชียว” ว่าแล้วก็ยกยิ้มมุมปากอย่างกับว่ากำลังคุยกับลูกน้องตัวเองอยู่อย่างนั้นแหละ แพคฮยอน
อยากจะตอบกลับไปว่าใครที่ไหนเห็นก็ต้องทำหน้าแบบนี้ทั้งนั้น ชานยอลทำเหมือนกับว่าอยู่กันแค่สองคน แต่คนอื่นๆก็ทำหน้าที่ตัวเองโดยไม่ได้มาสนใจกับสิ่งที่เจ้านายตัวเองพูดอยู่เลย แพคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อนึกว่าเหตุการณ์พวกนี้มันช่างไม่ต่างอะไรกับหนังที่เขาเคยดูเลย ต่างไปก็แค่ มันคือเรื่องจริง
ระหว่างที่ทำการรักษาอยู่นั้น แพคฮยอนก็มองคุณหมอที สลับกับการสบตากับชานยอลอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขารู้สึกแปลกๆทุกทีที่ถูกคนๆนี้จ้อง แพคฮยอนจึงคิดว่าตัวเองควรออกไปจะดีกว่า
“เดี๋ยวสิ นายจะไปไหน” เสียงทุ้มนิ่งๆเอ่ยเรียกเขาเอาไว้ ร่างเล็กหยุดเดินก่อนหันกลับมา
“ก็ ผมต้องอยู่ด้วยเหรอ”
“อืม”
“.. ผมเนี่ยนะต้องอยู่”
“ใช่ ต้องอยู่”
“ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะว่า ... เออ เพราะ ฉันหิวน้ำน่ะ” ได้ยินอย่างนั้นแล้วแพคฮยอนก็พูดต่อไม่ออก บางทีเขาก็อดนึกไม่ได้หรอกนะว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรือว่าเป็นคนใช้กันแน่ มันจะมากไปแล้ว
“ไม่ได้ยินรึไง คุณชายสั่งก็ไปเอามาสิ” น้ำเสียงน่ากลัวของคนที่ยืนใกล้สุดเอ่ยบอกแพคฮยอน ก่อนที่ชานยอลจะเรียกชื่อเอาไว้
“ไม่เอาน่ะ นายแหละไปเอา คุณเจ้าของบ้านเค้าดูแลฉันมาทั้งคืนแล้ว”
“ครับ คุณชาย” ว่าแล้วก็เดินออกไปหาน้ำที่ห้องครัวทันที แพคฮยอนทำท่าจะเดินตามไปบอกแต่แล้วก็ถูกเรียกเอาไว้อีกครั้ง
“คุณไม่ต้องไปช่วยหรอก อยู่นี่แหละ” ชานยอลบอกเบาๆก่อนจะหันไปคุยกับหมอที่ทำการรักษาให้ตัวเองอยู่ ปล่อยให้แพคฮยอนยืนทำหน้าไม่ถูกตรงที่เดิม เขาถามตัวเองว่าสรุปแล้วเขาก็เลยต้องยืนอยู่เฉยๆอย่างนี้ใช่ไหมเนี่ย
วันทั้งวันผ่านไปอย่างน่าปวดหัว กว่าแพคฮยอนจะออกมาเปิดร้านได้ก็เลทไปเยอะ เข้าสู่ช่วงบ่าย ร่างเล็กวางมือจากการจัดช่อดอกไม้แล้วเดินไปยังห้องนอนที่คนพวกนั้นยังอยู่ แพคฮยอนไม่กล้าเข้าไปอย่างที่ใจคิด เขายืนอยู่ที่หน้าประตูเหมือนคนไม่มีสิทธิ์อะไรในบ้านหลังนี้เลยแม่แต่นิด เสียงเหมือนกำลังคุยอะไรกันสักอย่างที่ไม่ค่อยชัดเจนดังลอดออกมาให้ได้ยิน
“คุณชายครับ สั่งปิดร้านเลยดีมั้ย ผมเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ไว้ผมจัดการเรื่องเงินให้หมอนั่นก็คงไม่โวยวายอะไร จะได้หมดเรื่อง”
“มันก็ใช่อยู่ แต่ครั้งนี้ไม่ต้อง”
“ทำไมล่ะครับ”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ”
สิ้นเสียงเจ้านายสั่งคนเป็นลูกน้องก็ไม่ขัดอะไรให้มากมาย แพคฮยอนที่ได้ยินมาแค่นี้ชักเริ่มยืนอยู่กับที่ไม่ไหว คนพวกนี้ดูอันตรายเหลือเกิน ถ้าออกมาเจอเขายืนอยู่คงแย่แน่ ร่างเล็กจึงเดินกลับเข้าไปที่หน้าร้านและพยายามทำตัวปกติเข้าไว้
หลังจากที่คุณหมอรักษาอาการเสร็จแล้วก็ปล่อยให้ชานยอลนอนพักอยู่บนเตียงอย่างเดิม คนพวกนี้เข้ามาหาแพคฮยอนที่กำลังจัดดอกไม้ช่อเดิมอยู่
“คุณชายนอนหลับไปแล้ว คุณคงยังไม่รู้รายละเอียด แต่หลังจากนั้นคุณชายจะเป็นคนบอกกับคุณเอง” คุณหมอเป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับแพคฮยอนก่อน
“ว่าไงนะ นี่พวกนาย .... ” ชายหนุ่มชักเหลืออดเข้าจริงๆ แต่เมื่อหันมาสบตากับคนพวกนี้เข้าเขาจึงเลือกจะเงียบไปดีกว่า
“ว่าไงครับ” คุณหมอถามย้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ครับ” ร่างเล็กจำต้องรับคำอย่างว่าง่าย ก็แล้วจะให้เขาทำอย่างไร คนยิ่งกลัวก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก ขืนตอบว่าไม่ออกไปสิ เขาอาจไม่ได้หายใจอีกต่อไปก็ได้
“อ้อ แล้วเรื่องอุปกรณ์กับผ้าเปลี่ยนแผล หมอวางไว้ในห้องให้แล้ว”
“เอ่อ วางไว้ให้ผม..”
“ใช่ คุณต้องใช้อุปกรณ์พวกนั้น แล้วก็...” คุณหมอพูดยังไม่ทันจบชายที่ยืนอยู่ข้างหลังคนหนึ่งก็เอื้อมมือมาสะกิดเบาๆ
“พอแล้วหมอ เราต้องรีบไปแล้ว เรื่องทางนี้คุณชายบอกไม่ต้องห่วง”
“อ่ะ อืม .. คุณเจ้าของบ้าน งั้นหมอต้องไปแล้วล่ะ”
“ใช่ เราต้องไปแล้ว เราเป็นบอดี้การ์ดของคุณชาย บอกไว้ก่อนเลยว่าถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ห้ามบอกใครว่าคุณชายอยู่ที่นี่” หนึ่งในนั้นหันมาบอกเสียงเย็นจนแพคฮยอนได้แค่พยักหน้าตามง่ายๆ แม้จะมาบอกลากันก่อนกลับ แต่ทั้งสี่คนก็ไปแบบรวดเร็วจนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว ร่างเล็กชะเง้อมองตามรถทั้งสองคันที่แล่นออกไปเร็วจนฝุ่นตลบ ไม่เข้าใจนักหรอกว่ามันเรื่องอะไร แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าขัดขืนคนพวกนี้อยู่ดี
“เฮ้อ .. มันอะไรกันล่ะเนี่ยแพคฮยอน”
แพคฮยอนถือเอาเวลาที่ลูกค้าว่างเดินเข้าไปในห้องนอนที่ชานยอลยังคงหลับอยู่ บาดแผลเมื่อคืนตอนนี้ได้รับการรักษาแล้ว เขาหวังว่าไม่นานมันคงหายแล้วผู้ชายคนนี้ก็จะได้กลับไป ชีวิตปกติสุขของเขาก็จะได้กลับมาเสียที
ใบหน้าจืดชืดของคุณเจ้าของร้านที่ติดจะเครียดนิดหน่อยกำลังจ้องมองคนที่หลับอยู่ไม่ให้รู้ตัว
“คิดว่าตัวเองแน่นักล่ะสิ ...” แพคฮยอนบ่นเบาๆก่อนหันซ้ายขวาเพื่อมองหาสิ่งที่คุณหมอบอก กล่องขนาดใหญ่ที่คุณหมอเอามาด้วยถูกวางไว้ที่มุมห้อง ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากแพคฮยอนก็พอเข้าใจว่าเขาต้องรับหน้าที่นี้
“เฮ้อ ..”
คนพวกนี้เป็นมาเฟียหรืออย่างไร หรือไม่ก็คงเป็นพวกคนรวยที่มีอิทธิพลอะไรทำนองนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิคุณเจ้าของบ้าน”
“คุณ ...”
“อะไรกัน นายนี่ดูจะตกใจง่ายไปหน่อยนะ”
“คุณตื่นแล้วเหรอ”
“ตลกมั้ยเนี่ย ฉันหลับอยู่มั้ง” เสียงทุ้มเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะหลุดขำออกมา แพคฮยอนมองท่าทางคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆนี้ถึงได้ชอบหัวเราะเขานักหนา ใบหน้าคนเป็นเจ้าของบ้านพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมความกล้า
“นี่คุณ .. ผมว่ามันเกินไปแล้วนะ คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณเป็นใคร แล้วทำไมต้องมานอนอยู่บนเตียงของผมด้วย เท่าที่ผมดู คุณคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ”
“โห ..”
“แล้วก็นะ ถึงคุณจะเป็นคุณชายมากจากไหน แต่คุณก็น่าจะให้เกียรติคนอื่นบ้าง” แก้มใสขึ้นสีเพราะความโกรธ แต่ในสายตาของคนมองแล้ว นี่น่ะเหรอกำลังโกรธถึงอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อยน่ะนะ ชานยอลมองแพคฮยอนอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกบางอย่างออกไป
“นี่ คุณเจ้าของบ้าน จะว่ายังไงถ้าฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาย”
“ว่าไงนะ”
“ก็อย่างที่บอก นายเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันถูกยิง แล้วก็น่าจะรู้ด้วยนี่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่นายบอกว่าฉันไม่ใช่คนธรรมดายังไงล่ะ” ชานยอลอธิบาย ซึ่งแพคฮยอนก็อยู่ในอาการเดิม คือพูดไม่ออก
“แล้ว คุณ .. จะหายเมื่อไหร่” แพคฮยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ไม่ได้เสแสร้ง ชานยอลรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้นึกจะถามเรื่องของเขาอีก แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ท่าทางแข็งนอกแต่ซ่อนไว้ด้วยความซื่อแบบนี้มันช่างดึงดูดเขาเหลือเกิน
“ไม่รู้ว่าต้องอยู่อีกนานมั้ยเหมือนกัน อันนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับนายแล้วแหละ”
“ผมเนี่ยนะ”
“ก็ใช่ไง รู้ไม่ใช่เหรอว่าต้องดูแลฉัน”
“ดูแลคุณ”
“ใช่ นายต้องดูแลฉันจนกว่าจะหาย แล้วฉันก็จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดีด้วย”
“บ้านคุณไม่มีรึไง”
“มี แต่มันจำเป็น ว่าแต่ว่าจะถามอีกมั้ย พูดมากฉันเจ็บแผลนะ”
“จะบ้าเหรอ ปากไม่ได้มีแผลนี่”
“โอ๊ย .. เจ็บอีกแล้ว” เสียงทุ้มแกล้งโอดครวญ และก็ได้ผล แพคฮยอนที่ยืนทำหน้างออยู่จึงจำเป็นต้องรุดไปนั่งลงข้างๆเตียงทันที
“นี่ไม่ได้แกล้งใช่มั้ย เลือดออกเหรอ” ท่าทางของแพคฮยอนดูจะกลัวว่าหากคนตรงหน้าเป็นอะไรจริงๆเขาคงแย่ไปด้วย
“ไม่รู้สิ นายช่วยดูทีสิ มันเจ็บมากเลย”
“งั้นเอามือออกก่อน ผมจะลองเปิดแผลดู” ว่าแล้วมือบางก็ค่อยๆจับที่ปลายผ้าพันแผลที่เอวของชานยอล ท่าทางหวั่นๆแต่แลดูตั้งใจของแพคฮยอนนั้นทำให้คนมองทั้งชื่นชมและอดจะขำไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายแล้วชานยอลก็เป็นฝ่ายหลุดหัวเราะออกมาเสียเอง
“เฮ้ย นี่คุณ .. คุณไม่ได้เจ็บแผลเหรอ”
“ก็ ไม่รู้สิ”
“อะไรเนี่ย เอาแต่บอกไม่รู้ แกล้งกันรึไง” ร่างเล็กยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างหมดความอดทน เขาอึดอัดกับสภาพแบบนี้เต็มที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“อย่าซีเรียสสิคุณเจ้าของบ้าน”
“เลิกเรียกผมแบบนี้ซะทีได้มั้ย”
“อ้าว .. แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“.............”
“จริงสิ ลืมไปเลย นายชื่ออะไรล่ะ” ใบหน้าที่ยังนอนอยู่อย่างนั้นเอ่ยถามราวกับสั่ง แพคฮยอนมองแล้วก็อยากจะบ้า ให้ตายสิ นี่เขาเป็นคนใช้จริงๆใช่ไหม
“ผมชื่อแพคฮยอน พยอนแพคฮยอน”
“อืม งั้นต่อไปฉันจะเรียกนายว่าแพคฮยอนละกัน” ท่าทางคุณชายแบบนั้น เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้เสียจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายดูจะน่ากลัวนะ ป่านนี้เขาเรียกตำรวจมาลากคอออกไปจากบ้านหลังนี้นานแล้ว
“อ้อ ลืมแนะนำตัวเองด้วย ฉัน .. ปาร์คชานยอล ไม่สิ นายเรียกว่าชานยอลดีกว่า” หลังจากที่ชั่งใจแล้วบอกออกไปคนตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีผิดปกติอย่างที่เขาคิดไว้แต่อย่างใด ใบหน้าคนเจ็บจึงต้องลอบถอนหายใจไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
“คุณชื่อชานยอล”
“อืม เรียกแค่นั้นแหละ”
-----◆◆-------------◆◆-----
นับแต่นั้นมา คุณเจ้าของบ้านที่พ่วงตำแหน่งพยาบาลจำเป็นก็ต้องเสียความสงบสุขในชีวิตไป แพคฮยอนต้องดูแลชานยอลอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนเจ้าเล่ห์คนนี้ก็ดูท่าจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อยหากว่าเขาไม่ทำตาม นับครั้งได้ที่บอดี้การ์ดกับคุณหมอของอีกฝ่ายจะโผล่มาหา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป คนพวกนั้นเหมือนมารายงานอะไรบางอย่างแล้วก็กลับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลายครั้งที่แพคฮยอนแอบเห็นว่าชานยอลกำลังโทรศัพท์คุยกับใครบ่อยๆ น้ำเสียงเข้มกับแววตาดุดันแบบนั้นเขาไม่เคยได้เจอเองตรงๆ ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก คนๆนี้แท้จริงแล้วคงโหดเหี้ยมไม่ต่างกับลูกน้องของตัวเองหรอก
“นี่คุณ ผมบอกว่าตะแคงอีกนิดได้มั้ย มันเปิดผ้าไม่ได้นะแบบนี้”
“ก็ฉันเอียงสุดๆแล้วนะ ตะแคงอีกนิดมีหวังทับแผลขึ้นมาก็เจ็บพอดีสิ” คุณชายเอาแต่ใจเถียงแบบข้างๆคูๆไปเสียทุกอย่างที่แพคฮยอนต้องการ ร่างเล็กถอนหายใจอีกหลายครั้ง เขาอยากบอกว่าทุกวันนี้เขาจะเสียลูกค้าไปหลายคนแล้วเพราะต้องคอยมาดูแลอีกฝ่ายเนี่ยแหละ
“โอ๊ย .. เบาๆหน่อยสิแพคฮยอน”
“ผมเบามือที่สุดแล้วนะครับคุณชานยอล”
“..............” คนถูกว่าได้แต่ยอมนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ แพคฮยอนก้มลงจัดการต่ออย่างเบามือที่สุด ร่างสูงเลิกเจ็บแล้ว เขารอจนอีกฝ่ายทำแผลเสร็จจึงเอนกายลองบนหมอนอย่างเดิม ชานยอลมองแพคฮยอนเก็บอุปกรณ์จนเรียบร้อย และก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องไปเขาก็เรียกเอาไว้ก่อน
“แพคฮยอน”
“อะไรอีกล่ะคุณ”
“ขอโทษนะที่ทำให้นายต้องเสียเวลา” น้ำเสียงจริงจังของชานยอลทำเอาแพคฮยอนอึ้งไปเพราะไม่เคยได้จะยิน ร่างเล็กยืนเฉยโดยไม่ตอบอะไรจนคนบอกเริ่มกลัวว่าจะถูกโกรธเข้าแล้วจริงๆ
“นายโกรธเหรอ .. อย่าคิดมากเลยนะ ก่อนไปฉันจะตอบแทนให้อย่างที่บอกไง”
“............”
“นายอยากได้เท่าไหร่บอกมาเลยนะ จะเอาตอนนี้เลยก็ได้”
“............”
“หรือว่าจะ ..”
“คุณเลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ” จู่ๆแพคฮยอนก็โพล่งออกมาให้ชานยอลต้องเงียบไป ทั้งสองจ้องกันไม่นานแพคฮยอนก็เป็นฝ่ายหันหลังจะเดินออกไปจริงๆ ร่างสูงที่นอนอยู่ตัดสินใจรีบลุกขึ้นมาจากเตียงทั้งที่แผลยังไม่หายดี แพคฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายจะมายืนอยู่ข้างๆเขาแล้ว มือหนาคว้าเรียวแขนของคนตรงหน้าเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“นายไม่พอใจใช่มั้ย”
“ปล่อยผม .. คุณจะลุกมาทำไม”
“ไม่ปล่อย ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น นายไม่ชอบฉันแต่แรกแล้วใช่มั้ยล่ะ” ได้ยินอย่างนั้นแพคฮยอนก็ทำตัวไม่ถูกไปใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ชานยอลกำลังแสดงออกมานั้นมันมากเกินไปหรือเปล่า อีกอย่าง คนปกติที่ไหนเค้าก็คงรู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้เป็นการบังคับกัน ยิ่งแพคฮยอนไม่ตอบชานยอลก็ยิ่งดึงอีกฝ่ายให้เข้าหาตัวเขามากเท่านั้น
“ปล่อยทีได้มั้ย คุณมาทำแบบนี้ทำไม”
“ก็....”
“ก็อะไร” แพคฮยอนถามไปทั้งที่ใจเต้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบเดียว สองสายตาสบตากันท่ามกลางความเงียบ ต่างก็รู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ใบหน้าได้ดูดีนั้นค่อยๆโน้มลงจนปลายจมูกแตะอยู่ที่แก้มเนียน สัมผัสบางเบาที่คนตัวเล็กกว่าแทบจะหยุดหายใจ
“นี่คุณ!!” มือบางผลักอีกฝ่ายออกไปจากตัวอย่างรวดเร็ว ร่างสูงของชานยอลที่ไม่ได้ตั้งตัวเซออกมาอย่างง่ายดาย
“โอ๊ย .. เจ็บ” ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ถูกกดเข้าที่แผล แพคฮยอนตาโตอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาเองจะเป็นคนทำให้ชานยอลเจ็บแบบนี้
“คุณ คุณ เป็นอะไรมากมั้ย” ร่างเล็กถลาเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง พลางช่วยพยุงคนที่เริ่มไม่มีแรงจะยืน
“เจ็บน่ะสิ ผลักมาได้นะนาย”
“ก็คุณ .. ช่างเหอะ งั้นคราวนี้ผมจะขอโทษเพราะทำให้คุณเจ็บจริงๆ ไม่ใช่เพราะแกล้งอำกัน” เสียงเล็กเอ่ยดุคนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้ไม่ได้ห่วงเจ็บเท่ากับการมองคนที่ช่วยพยุงเขาไว้ มือข้างหนึ่งของชานยอลค่อยพาดลงเบาๆที่เอวของแพคฮยอน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม
“นี่คุณ ฟังที่ผมพูดรึเปล่า”
“รู้แล้วล่ะน่า ว่าแต่ถ้ารู้ว่าเจ็บจริงก็รีบช่วยดูแผลให้เลยสิ ดุอยู่ได้นะนาย”
“ครับๆๆๆ สั่งอยู่นั่นแหละ”
แพคฮยอนประคองร่างสูงที่ตัวใหญ่กว่าด้วยความยากลำบาก จะเดินก็เดินไม่ออกได้แต่ค่อยๆพยุงกันไปที่เตียง ชานยอลรู้ตัวว่าเจ็บจริงๆแต่เขาก็รู้อีกเช่นกันว่าตัวเองไม่ได้กระจอกจนเดินไม่ได้ขนาดนั้น แต่ครั้งนี้ทำไมเขากล้าจะไว้ใจคนๆนี้ล่ะ
ร่างสูงคิดอะไรในใจจนลืมไปเลยว่าทิ้งน้ำหนักให้คนในอ้อมกอดมากจนเกินไป รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แพคฮยอนกำลังจะปล่อยมือจากเขาแล้ว ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวจู่ๆความเจ็บจากแผลก็แล่นเข้ามาอีกรอบ
ชานยอลกำลังจะทิ้งตัวลงที่เตียงแต่เขากลับยังไม่ได้ปล่อยแขนออกมาจากแพคฮยอนเลย คนหนึ่งจะเดินออกไปอีกคนจะนั่งลง ความบังเอิญทำให้คนเจ็บเผลอรั้งให้อีกคนเสียหลักล้มลงไปบนที่นอนด้วยกัน
“อะ เฮ้ย ! ..”
แพคฮยอนร้องเบาๆเพราะความตกใจ ชานยอลเป็นฝ่ายที่เกือบจะทับคนตัวเล็กกว่าไปแล้วถ้าเขาไม่รีบยันตัวเองเอาไว้ก่อน แก้มใสของแพคฮยอนอยู่ห่างจากจมูกของเขาแค่ไม่ถึงคืบมือ
แม้ใบหน้าจะอยู่ใกล้กันมากแต่ก็ใช่ว่าจะสัมผัสถึงกัน ทั้งสองจ้องตากันครู่หนึ่งก่อนที่คนด้านล่างจะหันหน้าหนี กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมสีน้ำตาลเข้มสะกดให้คนด้านบนที่คร่อมอยู่แทบไม่อยากลุกไปไหนเลย
“.. ออกไปได้รึยัง”
เสียงแผ่วเบาเอ่ยถามด้วยหัวใจที่มันเต้นแรงอยู่ในอก ชานยอลคงไม่มีทางรู้ เหมือนกับที่แพคฮยอนไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นไม่อยากผละออกจากตัวเอง
“อ่ะ อืม โทษนะที่ไม่ระวัง” ร่างสูงค่อยๆขยับตัวออกมาอีกด้านแล้วทิ้งตัวลงนอน ปล่อยให้อีกฝ่ายรีบลุกขึ้นจากเตียง แพคฮยอนตั้งตัวได้จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“คุณเจ็บมากมั้ยล่ะ ให้ผมดูแผลให้อีกทีมั้ย” ชานยอลส่ายหัวช้าๆ จริงอยู่ที่เขายังเจ็บและก็จริงที่เขาอยากให้แพคฮยอนมาดูแผลให้ อยากให้แพคฮยอนเข้ามาใกล้ๆ แต่ไม่ดีกว่า เขาไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายต้องเหนื่อยเกินไป
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณนอนพักเถอะ ผมจะออกไปตลาด”
“อืม”
สั้นๆระหว่างกัน ชานยอลมองแพคฮยอนเดินออกจากห้องไป สายตาทั้งคู่กวาดไปทั่วทั้งห้องนอนแห่งนี้ เขาเบื่อแล้วกับการที่ต้องนอนติดแหงกอยู่ที่นี่เพราะยังไม่หายดี แต่เรื่องเดียวที่ทำให้ลืมเรื่องแย่ๆไปก็คงไม่พ้นเรื่องของอีกคน .. คุณเจ้าของบ้าน
“เฮ้อ .. น่าเบื่อจริงๆ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกับตัวเอง
ตั้งแต่เกิดมาถึงจะมีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ใช่ว่าจะมีความสุขอย่างที่คนอื่นเข้าใจ ยิ่งมีเงินเท่าไหร่ ภาระทางจิตใจยิ่งมากเท่านั้น สำหรับเขาที่รู้จักโลกนี้ก็มีความคิดอย่างนี้ล่ะ ยิ่งเห็นพ่อแม่ยุ่งกับงานและหน้าที่มากเท่าไหร่ ความสุขของลูกชายคนโตอย่างเขาก็แทบจะหาทางจับได้ยากมากขึ้น และที่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะเป็นหน้าที่ ไม่หรอก เพราะเขาเองทำมันมาตั้งแต่แรกแล้ว
ชายหนุ่มคิดไปสายตาก็พลันสะดุดเข้ากับโซฟาขนาดกลางที่มุมห้อง เรื่องในหัวตอนนี้หายไปหมดสิ้น ชานยอลกำลังนึกถึงภาพของแพคฮยอนที่ต้องนอนอยู่ที่ตรงนั้นทุกคืนเพราะเสียสละเตียงให้กับเขา
“หึ .. ใจดีเกินไปมั้ย พยอนแพคฮยอน นี่ฉันควรจะต้องจ่ายให้นายเท่าไหร่กันล่ะ”
-----◆◆-------------◆◆-----
กลิ่นหอมของน้ำซุปที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศชั้นดีลอยคลุ้งเข้าเตะจมูกให้คนที่หลับอยู่ต้องลืมตาตื่น กลิ่นนี้มาจากห้องครัวอย่างแน่นอน ชานยอลคิดอย่างนั้น
“กี่โมงแล้วเนี่ย” เขาเงยหน้ามองนาฬิกาที่ข้างผนัง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว คงได้เวลาอาหารเย็นเสียที ว่าแต่มื้อนี้เป็นอะไรล่ะ แต่ไม่ว่าจะนึกให้มันเป็นอะไรสุดท้ายแล้วเขาก็ได้แค่ข้าวต้มที่อีกฝ่ายตั้งใจทำอยู่ดี
“เฮ้อ .......” ถอนหายใจยาวเหยียดแต่กลับอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าคนทำ ไม่นานนักทั้งคนทั้งอาหารก็มาอยู่ตรงหน้าของชานยอลแล้ว
“โห .. นี่ฉันควรดีใจใช่มั้ยกับข้าวต้มของนาย” ท่าทางเอาแต่ใจของคุณชายคนนี้ทำให้แพคฮยอนอยากบอกเหลือเกินว่าไม่พอใจก็ไม่ต้องกิน เขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าคนๆนี้สรุปแล้วจะเจ้าเล่ห์น่ากลัวหรือจะชอบเอาแต่ใจเหมือนคุณหนูลูกคนรวยแบบนี้กันแน่
“เรื่องมากจริง ผมบอกแล้วไงว่าคุณยังไม่หายดี อีกอย่างผมก็ไม่ถนัดทำอาหารด้วย”
“แค่แผลที่เอวแค่นี้ กินได้หมดแหละ ไม่ถึงตายหรอกน่า”
“ไม่ได้ บอกไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
“แต่ฉัน”
“เงียบไปเลย คุณต้องกิน เพราะงั้นรีบๆกินซะผมจะได้ไปทำอย่างอื่น”
“ไม่กิน จนกว่านายจะรับปากฉันข้อหนึ่ง ฉันถึงจะกิน”
“อะไรอีกล่ะ อย่ามาตุกติกเลยดีกว่า คุณจะแกล้งอะไรผมอีก” แพคฮยอนเริ่มไม่พอใจเข้าจริงๆ เขาระวังตัวเองดีพอที่จะไม่เชื่อที่ชานยอลพูด
“ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก เรื่องเล็กๆเองน่ะ แค่นายพยักหน้าก็จบ ไม่ได้มีอะไรเลย”
“แน่นะ” ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แพคฮยอนก็ไม่แน่ใจอยู่ดี
“ก็ใช่น่ะสิ .. หรือจะไม่โอเคก็ไม่ว่านะ เพราะฉันก็เบื่อข้าวต้มของนายเต็มทีแล้ว ฉันไม่แกล้งหรอกน่ะ อีกอย่างถ้าไม่โอเคก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันโทรบอกลูกน้องให้ซื้ออะไรมาให้กินก็ได้”
“เฮ้ย ไม่ต้องๆ ไม่ต้องโทรเรียกนะ” ชายหนุ่มรีบร้องห้ามอย่างออกนอกหน้าจนชานยอลทำหน้าสงสัย
“ทำไมล่ะ”
“เอ่อ คือ เปล่าหรอก .. โอเคๆ ผมรับปาก ให้ช่วยอะไรก็ว่ามาเลย” ได้ผล แพคฮยอนรีบรับคำชานยอลเพราะว่าไม่อยากให้บอร์ดี้การ์ดพวกนั้นเข้ามาในบ้านของเขาเท่าไหร่นัก บรรยากาศที่เจ้านายและลูกน้องอยู่ด้วยกันแล้วมันน่ากลัวพิลึก
“ดีมาก”
“ให้ช่วยอะไรล่ะ บอกมาสิ”
“ก็ .. ช่วยป้อนฉันทีสิ”
ได้ยินแบบนั้นแพคฮยอนก็แทบจะอ้าปากค้างไปในทันที
“อะไรนะ ป้อนงั้นเหรอ”
“ใช่ ป้อนทีสิ” คนฟังหน้างอพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้มมุมปากอย่างสบายใจและไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น ไม่มีการขอร้อง ไม่มีการต่อรองอะไรอีก เพราะแพคฮยอนรับปากไปแล้ว และรู้ดีว่าไม่มีทางหนีได้แน่
“ครับ” ตอบรับเบาๆก่อนจะนั่งข้างเตียงแล้วจัดการป้อนข้าวต้มคนเจ้าเล่ห์ด้วยความไม่เต็มใจ
.. ไอ้คุณชายบ้าเอ๊ย คิดว่าตัวเองเป็นใคร
ได้แต่ร่ำร้องในใจด้วยความแค้นเล็กๆ ถ้าไม่กลัวจะถูกปืนกระบอกนั้นระเบิดสมองของเขาล่ะก็ ป่านนี้คงไม่ยอมให้คนพวกนี้มาทำตัวมีอำนาจหรอก สรุปง่ายๆแล้วก็คือ .. แพคฮยอนกลัวชานยอลนั่นเอง
“อื้ม .. อร่อยกว่าวันก่อนอีกนะ” ร่างสูงเอ่ยอย่างอารมณ์ดีขณะที่นอนพิงหมอนให้แพคฮยอนป้อนข้าวต้มราวกับว่าแขนขาใช้การไม่ได้
“ไม่ต้องทำมาชม ผมทำแบบเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน” เสียงเล็กบอกเรียบๆ เขาเบื่อเต็มแก่แล้วกับการต้องมาทำอะไรแบบนี้
“..หวานไปต่างหากล่ะ”
“หือ .. จะบ้าเหรอ ตรงไหนกัน”
“ตรงคนป้อนนี่สิ”
แก้มใสรู้สึกร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก เรียวปากคู่นั้นเม้มเข้าหากันก่อนจะค่อยๆหลบสายตาของคนตรงหน้าไป
“หึ ตลกดีนะคุณชายชานยอล” ฝืนพูดให้จบแล้วจึงตักอีกคำป้อนเข้าปากไป ชานยอลกินไปเรื่อยๆ ก่อนจะพูดต่อขึ้นมาอีก
“ตลกตรงไหน .. ฉัน ไม่ได้ล้อเล่นซักหน่อย”
ถึงตรงนี้แพคฮยอนยิ่งรู้สึกอึดอัด คราวนี้เขาแกล้งไม่ได้ยินแล้วรีบตักอีกคำให้ มือบางเอื้อมไปข้างหน้าแล้วป้อนเข้าปากของชานยอลอีกรอบ หากแต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถดึงมือกลับได้อย่างเดิม
มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมจับมือที่ถือช้อนเอาไว้ แววตานิ่งกว่าปกติขยับเข้าใกล้แพคฮยอนมากขึ้น
“ไม่ได้ยินเหรอ ว่าฉันไม่ได้ล้อเล่น” เสียงทุ้มเย็นต่างจากก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นทำเอาคนฟังไม่กล้าจะทำอะไรต่อ
“ล้อเล่น อะไรของคุณล่ะ ปล่อยมือผมได้รึยัง” แพคฮยอนเอ่ยเหมือนไม่ได้ใส่ใจและพยายามไม่เข้าใจ แต่อาการมันก็ฟ้องอยู่ดีว่ารู้อยู่เต็มอก ชานยอลเป็นฝ่ายรุกไล่ถามออกไปไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว
“…. รังเกียจฉันขนาดนั้นเหรอ”
“..........” แพคฮยอนไม่ตอบ ร่างเล็กหันหน้าหนีเหมือนพยายามอดกลั้น หลายวินาทีผ่านไปพร้อมความอึดอัดในใจของคนทั้งสอง แล้วชานยอลก็ยอมปล่อยมือนั้นแต่โดยดี ตาคู่เดิมฉายแววผิดหวังเล็กน้อยแต่แพคฮยอนก็ไม่ทันได้สังเกต มือหนาเอื้อมไปคว้าเอาแก้วน้ำเปล่าข้างเตียงมาดื่ม ก่อนจะทิ้งหัวลงหมอนอีกครั้ง
“ขอบใจมากที่ป้อน ฉันอิ่มแล้ว นายไปทำอะไรก็ไปเถอะ” เมื่อพูดจบก็เบือนหน้าหนีแล้วหลับตาลงทันที ทิ้งให้แพคฮยอนนั่งถือถ้วยข้าวต้มพร้อมกับอาการค้างอยู่อย่างนั้น ร่างเล็กลุกขึ้นยืนอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าคนๆนี้ต้องการอะไร แล้วทำไมเขามันถึงได้โง่ให้อีกฝ่ายแกล้งอยู่อย่างนี้
“หมดสนุกแล้วก็ไล่กันเลยนะคุณชาย .. คุณมันเอาแต่ใจ” เสียงตัดพ้อเบาๆดังขึ้นให้คนที่หลับตาอยู่ได้ยินก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้อง
ทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายออกไปแล้วชานยอลก็ลืมตาขึ้นช้าๆ เรื่องเมื่อครู่นี้มันทำให้เขาต้องย้อนคิดอีกรอบ แทบไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป พูดอะไรออกไป ก็ไม่แปลกหรอกที่แพคฮยอนจะโกรธ
.. ก็นายเล่นแกล้งเค้าตลอดเลยนี่ สนุกมั้ยล่ะชานยอล
คืนนี้ก็จบลงที่ห้องเดิมเหมือนทุกคืน ชานยอลนอนบนเตียงของแพคฮยอน ส่วนเจ้าของตัวจริงดันต้องมานอนที่โซฟาแข็งๆตรงมุมห้อง ร่างเล็กนอนลืมตามองไปยังคนที่หลับอยู่ แสงจากโคมไฟดวงเล็กข้างเตียงทำให้แพคฮยอนอยากจะลุกไปปิดให้เหลือเกิน
“ไม่เอาดีกว่า คนอะไร มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น” บ่นเบาๆกับตัวเองแต่ก็ยังแอบมองอีกฝ่ายต่อไป ชานยอลขยับตัวไปมาเพื่อให้หน้าพ้นแสงไฟที่รบกวนการนอนของเขา เห็นอย่างนั้นแพคฮยอนก็ได้แต่ยิ้มนิดๆอย่างพอใจ ร่างเล็กตะแคงหลบไปอีกทางเพราะไม่อยากจะมอง คืนนี้ขอหลับแบบไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายคงจะดีกว่า
ความเงียบเริ่มเนิ่นนานแต่แทนที่ด้วยเสียงลมหายใจ เหมือนจะหลับกันไปแล้ว หากแต่ยังรู้สึกตัวตลอดเวลา เสียงผ้าห่มปัดไปมาบนที่นอนทำให้แพคฮยอนยิ่งหลับไม่ลง จึงต้องลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองชานยอลที่ปัดผ้าห่มจนหลุดออกจากตัวหมดแล้ว อากาศเย็นๆในคืนนี้หากไม่ได้ห่มผ้าคงแย่แน่ๆ
“อะไรของเค้านะ” นึกแล้วก็ต้องส่ายหน้า ไม่ได้อยากจะยุ่งด้วยเลย เรียวขาทั้งสองพาตัวเองก้าวไปยังเตียงที่อีกฝ่ายนอนอยู่ ร่างสูงนอนหลับตาอย่างไม่รู้ตัว แพคฮยอนเลิกคิดอะไรต่างๆแล้วรีบจัดการดึงผ้าห่มคลุมร่างให้ชานยอล จากนั้นก็หันไปอีกทางเพื่อปิดโคมไฟ นิ้วข้างหนึ่งกดสวิตซ์ให้ไฟดับลงเหลือเพียงแค่ความมืด และยังไม่ทันจะได้ขยับไปไหนร่างเล็กก็ถูกคนที่นอนอยู่รวบดึงลงไปให้นอนด้วยกัน
“อ๊ะ .. เฮ้ย !!” แพคฮยอนที่ไม่ทันตั้งตัวตกใจอย่างมากที่ถูกทำแบบนี้ อ้อมแขนแกร่งล็อคร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้
“คุณชานยอล ปล่อยผมนะ” แม้จะพยายามขืนตัวเองไว้แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลย ใบหน้าในความมืดลอบยิ้มร้ายเมื่อจมูกได้สัมผัสเฉียดแก้มนุ่มอยู่เพียงแค่นิดเดียว เสียงร้องเบาๆกับแรงดิ้นของอีกฝ่ายทำให้เขายิ่งอยากกอดเอาไว้แน่นๆ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ประเด็นหลักแต่ชานยอลก็ห้ามใจไม่ให้เกินเลยไม่ได้เลยสักครั้ง
“อืม .. อย่าดิ้นสิ นอนนิ่งๆได้มั้ยฉันง่วง” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาเหมือนคนกำลังจะหลับ แพคฮยอนคงเชื่อเต็มที่หากว่าอีกฝ่ายไม่มีแรงมาทำอย่างนี้กับเขา
“ง่วงบ้าอะไร แบบนี้ไม่เรียกว่าง่วงแล้วมั้ง”
“ก็ฉันง่วง”
“งั้นเมื่อกี้นี้คุณไม่ได้หลับใช่มั้ย” แพคฮยอนยังคงตั้งคำถามแม้ว่าจะนอนหันหลังให้ชานยอลกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมานอกจากผ้าห่มผืนใหญ่ที่ตวัดคลุมร่างของแพคฮยอนเอาไว้ คนเจ้าเล่ห์แม้จะหลับตาอยู่แต่กลับเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกครั้งไป
“เห็นมั้ยว่ามันหนาว นอนด้วยกันนี่แหละจะได้อุ่นๆ”
“แต่ผม..”
“อย่าเถียงน่า ขอโทษที่ปล่อยให้นายนอนตรงนั้นมาหลายวัน ฉันน่ะตั้งใจไว้แล้ว”
“ตั้งใจ ? ”
“ก็ให้นายมานอนตรงนี้ไง”
“งั้นคุณก็ไม่ได้หลับตั้งแต่แรกแล้วสิ”
“... ก็นะ ฉันหวังดีนี่นา”
“งั้นทำไมคุณไม่ไปนอนตรงนั้นเอง”
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบนอนที่แบบนั้น”
“นั่นไง”
“อะไรเล่า ในเมื่อมันลำบากนักก็นอนด้วยกันสิ ง่ายจะตายไป” เสียงทุ้มในความมืดยังคงไม่ยอมฟังคนในอ้อมกอดอย่างเคย และเมื่อแพคฮยอนเถียงไม่ได้เสียทีก็ได้แต่ต่อว่าอย่างรู้สึกขัดใจเต็มทน
“คุณไม่มีเหตุผล”
“เหรอ..”
“คนไม่มีน้ำใจ”
“หึหึ ขอบใจที่ชม”
เมื่อเอ่ยจบแล้วความเงียบก็กลับมาอีกรอบ คนในอ้อมกอดลืมตาอยู่ตลอดและหวังว่าอีกฝ่ายจะปล่อยมือเสียที แต่ไม่เลย เสียงหายใจเข้าออกบอกว่าชานยอลหลับไปแล้ว
“คุณ คุณ..”
“ชานยอล” มือบางเขย่าแขนที่กอดตัวเองไว้เบาๆ ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีการไหวติง และ .. ไม่มีการปล่อยมือออกแต่อย่างใด
สำหรับพยอนแพคฮยอนแล้ว ค่ำคืนนั้นจึงจบลงอย่างช่วยไม่ได้ .. ด้วยห้วงนิทราอันแสนอบอุ่นอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ
.
.
Tbc. chapter 2
บทนี้ยังคงเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากอินโทรนะคะ และจะมีต่อไปจนกว่าจะมาบรรจบกลับปัจจุบันในคืนที่ลู่หานมาส่งแพคฮยอนที่บ้าน (กลัวงงกันน่ะค่ะ .. และใบ้ให้ก่อนว่าเรื่องนี้ไม่มีแอคชันอะไรมากมายนะคะ นิดๆหน่อยๆ เน้นฟีลลิ่งจริงๆ)
สังเกตได้ว่าในตอนนี้ ชานยอลเหมือนจีบคุณเจ้าของร้านดอกไม้เลยเนอะ ถึงจะใจร้อนและไม่มีเทคนิคไปหน่อยแต่อีกคนก็หวั่นไหวไปแบบไม่รู้ตัว งื๊ออออออออ น่าสงสารแพคฮยอนเหลือเกิน คือแลดูไม่มีทางเลือกเลย
เอาเป็นว่าตักตวงความหวานกันไว้ก่อนที่จะต้องเสียน้ำตาแล้วกันนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์แม้จะน้อยนิด .. เจอกันบทหน้าค่ะ ^^~
ความคิดเห็น