คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : sympton l chapter 1
Title : Sympton
Paring : TaoKacha
Rate : PG13
Chapter 1
“คุณหนูคะ คุณเต๋ามาแล้วค่ะ” ป้าแม่บ้านท่าทางใจดีพูด ก่อนที่จะถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนของคชาแล้วผายมือเชิญให้คุณหมอหนุ่มเข้าไปข้างใน...
ห้องนอนทรงสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่มากนัก ผนังวอลเปเปอร์และเพดานห้องถูกทาด้วยสีพีชแต่งแต้มสีสันด้วยสกรีนลายลูกกวาดที่มองแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นช่างขัดกับบุคลิกของเจ้าของห้องเสียเหลือเกิน
“เช้านี้อากาศดีจังเลยนะครับ” เดินไปหยุดอยู่ที่ระเบียงห้องนอกหน้าต่างใกล้ๆกับร่างของคนตัวเล็ก
คชาปรายตามองคนที่มาใหม่เล็กน้อยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแล้วจึงหันกลับไปในทิศทางเดิม เสี้ยววินาทีที่ดวงตากลมคู่สวยนั่นหันมามองที่เขา เศรษฐพงศ์รู้สึกได้ถึงความเศร้าในแววตานั่น รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่คนตัวเล็กกำลังแบกรับไว้
“คิดอะไรอยู่..บอกได้มั้ย ?”
“...เปล่า ค...คชาไม่ได้คิดอะไร” เสียงหวานที่ติดห้าวเล็กน้อยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ ไม่ต้องกลัวนะคชา พี่จะมาช่ายให้อาการของเราที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีขึ้น ทุกคนอยากให้คชากลับไปเป็นคุณหนูที่สดใสคนเดิมนะครับรู้มั้ย” มือหนาถูกวางลงบนบ่าแคบของคนข้างๆ สัมผัสที่มีแต่ความรู้สึกเป็นห่วงมากมายถูกส่งผ่านไปยังร่างเล็ก
อยาก..อยากจะช่วยแบกเบาความรู้สึกต่างๆนานาของคนๆคนนี้
อยาก..อยากจะเป็นคนแบกรับความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหมดนี่ไว้แทน...
“อ. .ขอบคุณ...แต่คชาไม่ได้เป็นไร” เมื่อรู้ตัวว่าให้คุณหมอหน้าหล่อถูกตัวนานเกินไป มือเล็กจึงจัดการจับมือหนาที่วางอยู่บนบ่าของตนออกก่อนที่จะเขยิบกายให้ออกห่างจากคนข้างๆ ร่างสูงส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ รู่น่ะรู้ว่าชอบอยู่คนเดียว
แต่ก็ไม่คิดว่าจะเย็นชาเฉยเมยใส่กันได้มากถึงเพียงนี้
อย่าเพิ่งท้อเต๋า...นี่แค่เพิ่งแค่เริ่มต้นเองนะ สู้ครับผม!
“คชา ไปเดินเล่นกัน” ว่าแล้วก็ตรงปรี่เข้าไปจับที่มือเล็กนั่น ดวงหน้าหวานหันมองเศรษฐพงศ์ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“ดะ...เดิ๋ยวสิ..” คชาร้องท้วงเหมือนว่าจะเอ่ยขัด เต๋าจึงเลิกคิ้วรอฟังว่าคนไข้ของตนต้องการที่จะพูดอะไร แต่ตัวคชาเองกลับขมวดคิ้วแล้วเม้มปากแน้น ชายหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มให้บางๆ มือหนาถูกยกขึ้นมาขยี้ผมคนตรงหน้าอย่างเอ็นดูแล้วจึงเดินนำคชาออกมาจากห้องทั้งๆที่ยังกุมมือเล็กนั่นไว้...
ตัวคชาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้คนตรงหน้าสัมผัสได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ รู้แค่ว่าสัมผัสของชายหนุ่มและแววตาที่แสนอ่อนโยนคู่นั้น ทำให้คชา...
รู้สึกหวั่นไหวมากมายเหลือเกิน...
แสงแดดอ่อนๆที่ทอสาดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่ในยามเช้าทำให้คนที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้ากระพริบตาสักสองสามครั้งก่อนที่แขนเรียวจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าหวานหันมองซ้ายมองขวาพร้อมๆกับที่ตากลมเหลือบไปเห็นกระดาษโพสต์อิทแผ่นสีเขียวที่แปะอยู่ตรงโคมไฟตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนหัวนอน มือบางเอื้อมมือไปหยิบก่อนที่จะกวาดสายตาอ่านข้อความในกระดาษ...
------------------------------------------------
‘ กว่าลูกจะตื่นเครื่องก็คงออกแล้ว
แม่ไปดูงานที่อังกฤษ อีกสัก 2-3 อาทิตย์ถึงจะกลับ
รักลูก ’
-------------------------------------------------
“เฮ้ออ...” ถอนหายใจเบาๆแล้วจึงแปะมันลงที่เดิมอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ทั้งๆที่จริงแล้วก็แอบน้อยใจอยู่ข้างในลึกๆ
ดูงาน? ดูงานอีกแล้ว ลูกทั้งคนอยู่ตรงนี้...แม่เคยมองเห็นผมบ้างรึเปล่า?
อยากให้อาการผมหายแต่ก็ไม่เคยดูแล ไม่เคยเอาใจใส่
ไม่เคยให้ความอบอุ่นแบบที่พ่อมีให้กับผม
แม่...ไม่เหมือนพ่อเลยสักนิด...
“ อ่านอะไรอยู่...นั่งด้วยได้มั้ย? ” คุณหมอเศรษฐพงศ์หย่อนบั้นท้ายลงบนโซฟาตัวใหญ่สีครีมในห้องนั่งเล่นโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ข้างๆ คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เหงนหน้ามองเต๋าเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าลงมาอ่านหนังสือที่อยู่ในมือตามเดิม
“ แม่ไม่อยู่เหรอครับ?”
“ อืม ” ครางเบาๆในลำคอแล้วยื่นกระดาษโพสต์อิทที่คนเป็นแม่เขียนไว้ให้กับร่างสูง
“ สองอาทิตย์เหงาน่าดูเลยคชา ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนมั้ย?” เสียงทุ้มถามพร้อมกับหันหน้าไปสบตากับคนตัวเล็ก รอยยิ้มบางๆที่กรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาว
รอยยิ้มที่ทำเอาคชาใจเต้นรัวไม่เป็นสั่ม
“ หืม...ว่าไงครับ?” จ้องหน้าร่างบางแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเพื่อต้องการคำตอบ
“...............” มือบางวางหนังสือที่อ่านอยู่ลงกับโต๊ะขณะที่ดวงตากลมโตก็จ้องมองใบหน้าหล่อของคนข้างๆด้วยเช่นกัน แก้มเนียนใสทั้งสองข้างเริ่มขึ้นสีเป็นสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าสวยรุดหน้าต่ำลงเล็กน้อยอย่างอายๆ ก็เล่นจ้องด้วยสายตาที่สื่อความหมายแบบนี้จะไม่ให้คชาเขินได้อย่างไรกัน
เห็นเป็นคนหน้าเดียวแบบนี้แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้ความรู้สึกเสียเมื่อไหร่
คชาก็คน...หวั่นไหวเป็นเขินเป็นเหมือนกันนะ!
“ อ..อา คือ...ให้พี่เต๋ามา..เอ่อ...ให้มาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้” ประโยคสุดท้ายพูดไวจนลิ้นแทบจะพันกันแล้วเบือนหน้าหนีทันที อยากจะกรีดร้องให้ได้เสียจริงๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองต้องยอมทำตามคำขอของคนที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้ากันแค่ไม่กี่วันคนนี้ด้วย
เศรษฐพงศ์อมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีที่ดูเป็นเด็กของคชา
คชาจะรู้มั้ยนะ...ว่าไอ้ท่าที่เค้าทำตอนเวลาตัวเองเขินน่ะมันน่ารักมากขนาดไหน
บางทีอาการของคนไข้ตัวเล็กคนนี้อาจจะหายเร็วกว่าเวลาที่ผมคาดไว้ก็ได้นะ
...คุณว่ามั้ยล่ะครับ ?
เย็นวันนี้เต๋าเลือกที่จะชวนร่างเล็กให้ออกมาทานข้าวข้างนอกบ้านด้วยกัน อยากให้คชาได้เปลี่ยนบรรยากาศและรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ที่สำคัญตัวเขาเองก็จะได้มีโอกาสทำความคุ้นเคยกับคนตัวเล็กให้ได้มากขึ้นด้วย
บรรยากาศภายในร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองกรุงเทพช่างดูครึกครื้น แน่นอนเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่แปลกเลยที่ร้านอาหารหรูชื่อดังแห่งนี้จะมีผู้ครอบครัวพากันมานั่งทานอาหารกันอย่างพลุกพล่าน นี่ถ้าไม่ได้โทรมาจองไว้ก่อนโต๊ะคงจะเต็มไปแล้ว
พนักงานของทางร้านจัดการพาพวกเขาทั้งสองไปยังที่นั่งว่างแล้ววางเมนูอาหารลงบนโต๊ะ คชาสั่งซีซ่าร์สลัดกับสปาเก็ตตีราดซอสเห็ดธรรมดาๆส่วนตัวเต๋าเองสั่งเฟรนซ์โทสต์และซุปกุ้งลอปสเตอร์
เมื่อพนักงานรับออเดอร์เสร็จก็เดินออกไป คชาเอาแต่ก้มหน้านิ่งรู้สึกเกร็งๆทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อต้องอยู่กันสองต่อสองกับร่างสูงในที่สาธารณะชนแบบนี้
“ นี่พามาทานร้านโปรดพี่เลยนะเนี่ย ” เมื่อเห็นร่างเล็กเอาแต่นั่งขมวดคิ้วก้มหน้าก้มตา เต๋าจึงเริ่มเปิดประเด็นชวนคุย
“ อือ...มาบ่อยเหรอฮะ?”
“ ครับ เสร็จงานจากโรงบาลก็มานั่งเล่นประจำเลย” ตอบกลับสีหน้ายิ้มแย้ม
“ แล้วเมื่อก่อนมานั่งคนเดียวหรือว่ามากับใครฮะ?”
“ คิดยังไงถึงได้ถามแบบนี้เนี่ย แล้วถ้าบอกว่ามากับผู้หญิง...คชาจะหึงพี่มั้ย? ” แกล้งหยอกเสียงกระเส่าให้คชาเขินเล่น
“ อะ..ก ก็..ก็แค่ถามดู คชาไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
“ ก็ยังไม่ได้บอกว่าคชาคิดอะไรสักหน่อยนี่”
“ อื้ออ...พี่เต๋า! ถ้าแกล้งอีกจะไม่คุยด้วยแล้วนะ!” ทำหน้ามุ่ยแล้วสะบัดหน้าหนีทันที คนตัวเล็กทำเสียงฮึดฮัดอย่างฉุนๆพร้อมกับแขนเรียวที่ถูกยกขึ้นมากอดกันไว้ที่หน้าอกไหนจะใบหน้าหวานที่กำลังเหยเกอยู่นั้นอีก ถึงแม้ว่ามันจะดูตลกแปลกๆแต่ก็ยังดูน่าเอ็นดูอยู่ดีเพราะถ้าเป็นคชาแล้วไม่ว่าจะทำหน้าแบบไหนยังไงก็น่ารัก
คนอะไรขี้งอนจริงๆ
แต่ถ้างอนแล้วน่ารักแบบนี้ งอนบ่อยๆก็ได้ครับ
ผมอยากง้อ...
“ พี่ก็แค่อยากให้คชาพูดบ้าง ไม่อยากให้เงียบ ...ยิ้มบ่อยๆนะครับ” ลอบขำเบาๆไม่ให้คชาได้ยินก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับที่คางมนให้หันมามองหน้ากัน แล้วพูดต่อ “ ยิ้มแบบนี้...” มือหนาทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นไปจับที่พวงแก้มใสแล้วออกแรงดึงเบาๆให้คนหน้าเดียวฉีกยิ้ม คนที่ถูกแต๊ะอั๋งเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ ใบหน้าจากที่ตอนแรกแค่ร้อนผ่าวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดราวกับลูกมะเขือเทศ หัวใจดวงน้อยๆเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!
“ ยิ้มแล้ว...น่ารัก” ละมือออกจากดวงหน้าหวานอย่างช้าๆ บรรยากาศบนโต๊ะอากาศเกิดความเงียบปุกคลุมอีกครั้ง จนเมื่อพนักงานนำอาหารที่ทั้งคู่สั่งไว้มาเสิร์ฟลงบนโต๊ะ คชาจึงใช้โอกาสนี้ทานอาหารของตนอย่างเงียบๆ ไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เลยจริงๆ ไม่รู้ทำไมคนๆนี้ถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เคยผ่านการรักษามาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร...
เศรษฐพงษ์ค่อยๆละเลียดทานอาหารในจานของตนแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานนั่นอย่างไม่วางตา ยิ่งมอง ยิ่งน่าค้นหา ยิ่งอยากสัมผัส...
นี่ผม...กำลังคิดอะไรกับคนไข้ของตัวเองอยู่จริงๆอย่างงั้นเหรอ ?
ให้ตายสิพระเจ้า! โปรดบอกทีว่าผมควรจะทำยังไง ?
ผมกลัว...กลัวเหลือเกินว่าจะห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่
กลัว...กลัวเหลือเกินว่าผมจะหลงรักคชา
พี่เต๋า...พี่จะทำผมรู้สึกหวั่นไหวไปถึงไหนกัน ?
ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันเพียงวันเดียวแท้ๆ...
ทำไมพี่ถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจของผมมากขนาดนี้
ใครก็ได้บอกที...บอกทีว่าผมกำลังเป็นบ้าอะไร ?
HEYATALK!
เอาฟิคมาลงครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วเด้อ
ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนาน (พูดเหมือนว่าจะมีคนรอ 5555)
รู้สึกว่าตอนนี้สั้นมากกกก!
อยากแต่งให้มันเป็นดราม่าแต่ไหงกลายเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ (- -)
ขอขอบคุณทุกคำคอมเม้นต์ติชมน้า ขอบคุณมากๆ :D
ส่วนใครที่เคยเข้ามาอ่านอย่างเดียวเม้นต์ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะ 5555
หรือถ้าไม่เม้นต์ก็โหวตอันนี้ให้เพลงหน่อย
เม้นต์แล้วก็กดได้เหมือนกันเด้อ ขอบคุณทุกคนมากๆจ้า
โหวต แอดเป็นแฟนคลับ
31TK54
10PY54
01THK54
ความคิดเห็น