คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : ผู้ปลดปล่อย
Jo Kyuhyun is a Kumiho
แฟนผมเป็นจิ้งจอกเก้าหาง
บทที่ 1 : ผู้ปลดปล่อย
คูมิโฮเป็นจิ้งจอกเก้าหางผู้อาภัพรัก ด้วยความงามจึงถูกหญิงสาวในหมู่บ้านพากันอิจฉาริษยา เพราะสามีของพวกนางต่างไม่เป็นอันทำงาน เมื่อคูมิโฮเดินผ่าน
แม่เฒ่าซิมซันจึงหาคู่ครองให้คูมิโฮ เพื่อไม่ให้หญิงอื่นต้องเป็นห่วง แต่ด้วยแรงริษยา หญิงเหล่านั้นกลับไปกรอกหูชายคนอื่นว่า ถ้าหากคูมิโฮกินคนครบร้อยคนจะกลายเป็นคนโดยสมบูรณ์แบบ และคูมิโฮจะกินเนื้อคู่ของตัวเอง
คูมิโฮผู้เฝ้ารอคนรักของตนวันแล้ววันเล่าจนความอดทนสิ้นสุดลง ความเจ็บช้ำจึงทำให้คูมิโฮกลายเป็นจิ้งจอกอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่คนทั่วไปแม่เฒ่าซิมซันจึงตัดหางทั้งเก้าของคูมิโฮออกและกักขังวิญญาณไว้ในรูปภาพ.....และนี่คือตำนานของคูมิโฮคนทั่วไปรู้จักกันดี
“ ไอ้ฝนบ้า แกจะมาตกอะไรเวลานี้วะ แม่งกูเปียกหมดแล้วนะเฟ่ย ” ร่างสูงสบถแข่งกับสายฝนที่ตกลงมา พยายามหาที่หลบแต่ก็ไม่พบสักที่ เพราะบริเวณที่ตนอยู่ตอนนี้คือถนนเปลี่ยวในแถบชนบท
“ แล้วกูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย .... ปู่นะปู่ ไม่น่าทำกับหลานแบบนี้เลย ให้ตายสิ ” ชายหนุ่มคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา เขาหนีปู่ที่คิดจะนำเขามาฝากให้เจ้าอาวาสดูแลความประพฤติ แต่ตนเองก็หนีออกมาได้ทันท่วงที เขาหลบขึ้นรถบรรทุกเล็กๆ เพื่อให้พ้นสายตาผู้เป็นปู่ แต่สุดท้าย ยางรถคันนั้นแตก เขาจึงต้องระเห็จเดินมาลำพังท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
ดวงตาคมหันซ้ายหันขวา ก่อนที่จะยกยิ้มออกมาได้ เมื่อมีรถคันหนึ่งแล่นผ่าน มือหนาโบกรถด้วยความดีใจ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่เขาจะมีที่หลบฝนและอาหารค่ำให้กินโดยไม่ต้องกังวลอะไร หากแต่เมื่อรถชะลอความเร็วลง ชายหนุ่มก็แทบจะเบือนหน้าหนี แต่เพื่อความอยู่รอดจึงต้องจำใจนั่งไปกับรถคันนั้น รถคันที่มีนักบวชแก่ๆคนหนึ่งเป็นคนขับ
“ กูหนีปู่เพราะพระ สุดท้ายแล้วก็ต้องมาพึ่งพระใช่มั้ยเนี่ย ” ร่างสูงคิดในใจ
“ จะไหนหรือโยม ” หลวงพ่อท่าทางใจดีถามออกไป
“ เอ่อ....คือผมจะไปหาเพื่อน แต่หลงทางน่ะครับ ” ตอบออกไปพร้อมยกนิ้วขึ้นไขว้กันทันที
“ งั้นคืนนี้พักในวัดก่อนก็ได้นะ ”
“ ถึงหลวงพ่อไม่ชวน ผมก็จะขอนอนค้างด้วยอยู่แล้วล่ะครับ ” ยืดอกตอบอกไปด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชของตนแทบจะทันที
เพียงไม่กี่นาที รถคันเก่าก็แล่นเข้าสู่เขตวัด ชายหนุ่มสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณ วัดแห่งนี้มีความเงียบสงบและกว้างขวางพอสมควร มีสระอยู่ใจกลาง ตรงกลางสระมีศาลาเล็กๆตั้งอยู่ สะพานที่ทอดระหว่างพื้นดินและศาลายาวประมาณร้อยเมตร แน่นอนว่าทั้งเก่าและวังเวง
“ โยมพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวอาตมาให้คนไปเอาอาหารมาให้ ” หลวงพ่อพาชายหนุ่มเข้ามาพักในห้องว่างใกล้ๆกับสระน้ำกว้าง
“ โอ้ ขอบคุณมากครับ กำลังหิวอยู่พอดี ”
“ ถ้างั้นรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ” หลวงพ่อผู้อารีย์กำลังจะเดินออกจากห้องแต่เสียงทุ้มก็รั้งเอาไว้
“ เดี๋ยวครับหลวงพ่อ ”
“ มีอะไรหรือโยม ”
“ คือว่า....มีโทรศัพท์ให้ยืมมั้ยครับ ”
“ อืม....โยมอย่าเสียงดังนะ วันนี้มีคนมาจำศีลภาวนาที่วัดเราเยอะ อยู่แต่ในนี้ล่ะ เดี๋ยวจะให้คนเอาอาหารมาให้ ” พูดพร้อมควักมือถือในย่ามให้ชายหนุ่มไป
“ ขอบคุณคร้าบบบบบ จะคุยให้เบาที่สุดเลยครับหลวงพ่อ ”
.
.
“ โทรศัพท์บ้าอะไรเนี่ย สัญญาณก็ไม่มี ที่นี่มันบ้านนอกขนาดนั้นเลยรึไงวะ ” ชายหนุ่มยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ไปทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องพัก
“ ฉิบ!!! ฝนนี่ก็ตกไม่เลิกจริงๆวุ้ย !!! ” ร่างสูงหงุดหงิดที่ต้องติดฝนในห้องพักแคบๆ ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ หากยังรออยู่ในห้องนี้อาจไม่มีทางได้ติดต่อกับลุงของตนแน่ๆ คิดดังนั้นจึงตัดสินใจหยิบหมวกใบโตของท่านเจ้าอาวาสวัดมาใส่แล้วเดินหาคลื่นความถี่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงศาลากลางสระ
“ กูเดินมาถึงที่นี่ได้ไงวะเนี่ย....ช่างเหอะ ใครจะสนวะ แม๊!!! ตรงนี้คลื่นมันแรงดีจริงๆ ” ชายหนุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์ แต่หมายเลขทั้งหลายที่เขาทำการติดต่อกับไม่ใช่หมายเลขที่ตนต้องการ
“ โอ๊ย !!!! ทำไมคนหล่อๆอย่างกูต้องโง่ด้วยวะเนี่ย รู้งี้กินปลาแม่งหมดอ่าว .... เบอร์ลุงกูเบอร์อะไรฟะ ทำไมจำแค่นี้ก็ไม่ได้ ไอ้หล่อเอ๊ย!!!! ” ชายหนุ่มตีศีรษะของตน ก่อนจะทำการกดหมายเลขต่อไป
“ สวัสดีครับ ”
“ ได้ยินมั้ย ” เสียงปลายสายเอ่ย
“ ได้ยินมั้ยครับ ใช่ลุงของซีวอนรึเปล่า ”
“ อ๊า....ดีจังที่ได้ยิน ”
“ งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมคงจะต่อสายผิด ”
“ ช้าก่อน !!!!! ฟังข้าให้ดี ” เสียงปลายสายรีบสวนออกมา
“ ครับ ทำไมครับ นี่ใครครับ ??? ”
“ ฮ๊า.... ในที่สุดก็รอดแล้ว .... ข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า ”
“ ก็ได้ยินแล้ว มีอะไรก็รีบๆพูดมาไม่ได้หรือครับ ...กำลังยุ่งอยู่นะครับ ผมขอไม่ฟังที่จะพูดก็แล้วกันนะครับ ” ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะถอดหมวกใบโตออก แล้วฟังเสียงปลายสายแบบเซ็งๆ
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ ใช้วีดีโอคอลด้วยเหรอเนี่ย ” มือหนายกโทรศัพท์ออกมามองดู ก่อนจะพบว่าแบ็ตโทรศัพท์หมดลงไปแล้ว
“ เฮ้ย!!! อะไรวะ โทรศัพท์มันดับแล้วนี่หว่า ” ชายหนุ่มกดย้ำลงบนมือถือเพื่อให้แน่ใจว่าแบ็ตหมดลงไปแล้วจริงๆ และก็ได้พบว่าไม่มีแสงอะไรปรากฏบนหน้าจอเลยแม้แต่น้อย
“ แล้วกูคุยได้ไงวะ ” ซีวอนเปิดปิดฝาโทรศัพท์อยู่สองสามครั้งก่อนจะกัดฟันถามลงไปในโทรศัพท์ที่ดับลงนั้น
“ สะ สวัสดีครับ ”
“ เรียกทำไม ข้ากำลังดูเจ้าอยู่นี่ไง ”
“ อั๊ก ตายแน่กูงานนี้ ” ร่างสูงใช้มืออุดปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัวเป็นทวีคูณ
“ อยากรู้ใช่มั้ย ว่าข้าอยู่ที่ไหน เจ้าไม่มีทางหาข้าพบหรอก ”
“ ไม่รอด กูไม่รอดแน่ๆ ” ขาสูงค่อยๆย่องออกจากบริเวณนั้น แต่เสียงปลายสายก็ดังขัดขึ้นซะก่อน
“ อย่านะ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าเจ้าวิ่งไป เจ้าตายแน่ !!!! ”
“ อ๊ะ.... ผะ ผม ไปทำอะไรให้ครับ ” ซีวอนกลั้นใจถามออกไปอีกครั้ง
“ ข้าอยากให้เจ้า ทำอะไรให้ข้าหน่อย ”
แอ๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงประตูศาลาเปิดออกอย่างช้าๆ ชายหนุ่มหันไปมองตาเหลือกค้าง
“ เข้ามา
..”
ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ได้ มือหนาค่อยๆผลักประตูไม้ออก สองขาสั่นนิดๆด้วยความหวาดกลัว ในห้องเต็มไปด้วยม่านสีขาวที่ปลิวไสวไปมา น่ากลัว ซีวอนหลับตาปี๋เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“ รูปกลางห้องนั่น เจ้าเห็นใช่มั้ย ”
“ หะ เห็นครับ ภาพยายแก่คนนึงกับน้องหมาครับ ”
“ หมาที่ไหน นั่นจิ้งจอกต่างหาก ”
“ขะ ขอโทษครับ ”
“ ในภาพวาดนั่น จิ้งจอกไม่มีหาง ”
“ อะ อะไรนะครับ ” เสียงสั่นถามออกไป
“ เจ้าไปวาดหางให้จิ้งจอกนั่นซะ เก้าหางด้วยนะ ”
“ กะ เก้าหางหรือครับ ”
“ ใช่แล้วเก้าหาง รีบๆวาดเลย ”
“ ตะ แต่นี่ มันข้อหาทำลายข้าวของเลยนะครับ เดี๋ยวผมก็โดนตำตรวจจับ ”
“ ไม่ต้องห่วงน่า รีบๆวาดไป ”
เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!! เสียงฟ้าฟาดข้างนอกดังมาถึงข้างใน ซีวอนสะดุ้งโหยง เผลอดจรดหมึกลงไปไปไหล่ของจิ้งจอกจนเป็นจุดเล็กๆ ชายหนุ่มลงมือวาดส่วนหางเพิ่มเติมให้กับรูปภาพ ภายในใจยังคงหวาดหวั่นกับสิ่งที่ได้ยิน ผี
.คำเดียวสะกดได้ชัดเจน มือหนาสั่นเทาแต่ยังคงวาดส่วนหางต่อไปจนเกือบครบ
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง......................... เสียงสุนัขเห่าจากทางด้านนอกยิ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระส่ำเข้าไปอีก
“ เร็วๆเข้า ” เสียงปลายสายสั่งมาอย่างรีบเร่ง
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
“ ไอ้หมาบ้า แกจะมาเห่าอะไรตอนนี้ .... กูหนอกู หนีปู่มาเจอผี รู้งี้ก็ยอมไปดัดสันดานที่วัดดีกว่า ....แต่ไม่แน่นะ วัดนั้นผีอาจดุกว่านี้ก็ได้ แม่งเอ๊ย ชีวิตกูทำไมต้องเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยวะ ” ร่างสูงส่ายหัวเบาๆด้วยความเหนื่อยใจ และเมื่อวาดส่วนหางได้ครบทั้งเก้า ลมพายุจากภายนอกก็โหมเข้ามาใน ทำให้กระถางธูปและข้าวของปลิวว่อนเต็มท้องศาลา
“ ไม่เอาแล้ว ไม่อยู่แล้วโว๊ย!!!!!!!!!!!!! ” ซีวอนทิ้งมือถือและรีบวิ่งหนีไปให้พ้นจากวัดแห่งนั้นทันที
“ อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!! ” ด้วยความที่ทั้งมืดและเป็นทางลาดชันประกอบกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ชายหนุ่มพลัดตกจากเนินเขา แต่กว่าจะลงสู่พื้นดิน หลังของเขาก็กระแทกเข้ากับโขดหินขนาดใหญ่ จนทำให้เกิดรอยร้าวไปทั่วบริเวณหลัง กระดูกหักออกจากกันในทันที
“ กูจะมาตายที่นี่รึไงกัน ” เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาเบาๆก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะมืดลงไป
.
.
.
“ หายไปแล้วครับหลวงพ่อ คูมิโฮหายไปแล้ว ” เสียงลูกวัดตะโกนออกมา
“ แม่เฒ่าซัมซิม เราจะทำยังไงดี ปีศาจร้ายได้หลุดออกมาแล้ว ” เจ้าอาวาสวัดพึมพรำออกมา
“ เอาไงดีครับ ถ้ามันได้กินคนอีกเพียงคนเดียว มันจะกลายร่างเป็นคนอย่างถาวรเลยนะครับ ถ้าเราตามจับมันไม่ได้ ต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้นแน่ๆ ”
“ เรียกหมอโนมินวูมาให้เร็วที่สุด ”
“ ครับหลวงพ่อ ”
.
.
.
“ นี่ๆๆๆๆ ” ร่างเด็กหนุ่มในชุดขาวเดินมาแล้วนั่งยองๆบนพื้นตรงที่ซีวอนตกลงมา มือเล็กจิ้มลงไปบนร่างที่ไร้สติของชายหนุ่ม
“ ตายแล้วเหรอ ” มือเรียวจับลงไปบนแก้มของชายหนุ่มที่ครวญครางออกมา
“ ทรมานมากเลยสินะ ....เหมือนกำลังจะตายเลยใช่มั้ย ”
“ เจ้าวาดหางให้ข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าตายเด็ดขาด ” ชายหนุ่มในชุดขาวนิ่งคิดสักครู่ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“ ถ้าช่วยชีวิตเอาไว้ จะมีประโยชน์กับข้ามาก ” คิดดังนั้นจึงจุมพิตร่างหนา คายลูกแก้ววิเศษเพื่อช่วยชีวิตชายหนุ่มเอาไว้
.
.
.
“ เฮ้ย ไรวะ มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ” ซีวอนโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองค้างอยู่บนต้นไม้สูง
“ เมื่อคืนวิ่งอยู่บนเขานี่หว่า .... แต่ว่าหายแล้วด้วย ”
“ ตื่นแล้วเหรอ ” เสียงคนที่อยู่ข้างล่างเงยหน้าเอ่ยทัก
“ สวยว่ะ ผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่วะนั่น ”
“ หมูป่ามันจะกินเจ้า ข้าก็เลยช่วยเจ้าเอาไว้ เอาไว้บนนั้นด้วยนะ ....เอ้า ลงมาได้แล้ว ” ร่างเพรียวกวักมือเรียกให้ลงมา
“ ใครครับ ???? ” ชายหนุ่มเก๊กเสียงถาม
“ ข้าเรอะ ??? จำไม่ได้รึไง ”
“ เอ่อ.... ”
“ จำไม่ได้เรอะ ว่าคุยอะไรกับข้าไปบ้าง ”
“ เมื่อไรครับ ”
“ ฮะ ฮะ พอพระอาทิตย์ขึ้น เจ้านี่ยิ่งน่ารักกว่าเดิมอีก ” ร่างบางยิ้มให้
“ เอ๋....ประโยคคุ้นๆแฮะ ” ชายหนุ่มคิด ก่อนที่เหตุการณ์เมื่อคืนจะประมวลผลขึ้นอีกครั้ง
“ ก็ได้ยินแล้ว มีอะไรก็รีบๆพูดมาไม่ได้หรือครับ ...กำลังยุ่งอยู่นะครับ ผมขอไม่ฟังที่จะพูดก็แล้วกันนะครับ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ เจ้ายังเด็กอยู่ ถอดหมวกแล้วน่ารักดีเหมือนกันนะ ”
“ อ๊ากกกกกก ไม่จริง !!!!!!!!!!! ” ซีวอนสะดุ้งอีกครั้งจนตกลงมาจากต้นไม้ ร่างเล็กกำลังจะเดินเข้ามาหา แต่ก็ถูกห้ามไว้ก่อน
“ ผะ ผีนี่หว่า อย่าเข้ามานะ ” ชายหนุ่มขู่พร้อมทำท่าอุลตร้าแมนปล่อยแสงออกไป
“ ข้าไม่ได้เป็นผีนะ ” เด็กหนุ่มนั่งยองๆกับพื้น มองหน้าร่างสูงด้วยแววตาใสซื่อ
“ นั่นดิ ออกจะสว่างจ้าขนาดนี้ ผีออกมาไม่ได้แน่ ” พูดพร้อมเอามือจิ้มลงไปบนหน้าของเด็กหนุ่ม
“
. ”
“ คนนี่หว่า ”
“ ข้าเหมือนคนมากเลยใช่มั้ย ” ร่างบางยิ้ม พร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน โยกตัวไปมาด้วยความดีใจ และนั่นก็ทำให้คนที่เพิ่งตกลงมาส่งสายตาประหลาดๆออกไป
“ หน้าตาก็ดี แต่เพี้ยนเป็นบ้าเลยว่ะ ”
“
”
“ งั้นเรื่องเมื่อคืน นายก็แกล้งอย่างนั้นสิ แอบอยู่ข้างหลังแล้วก็แกล้งอย่างนั้นเรอะ ให้ตายสิมันสยองขนาดไหนรู้บ้างมั้ย จริงๆเล๊ย ”
“ ก็แค่ทำให้กลัว แล้วให้วาดรูปหางให้เท่านั้นเอง ”
“ ใช่แล้วหาง .... เพราะนายคนเดียว รูปพวกนั้นพังหมด....ท่าทางจะเป็นของเก่าด้วย ทำไงดีวะ อ๊า....ใช่แล้ว นายสั่ง นายต้องรับผิดชอบด้วย งั้นกลับไปอธิบายเรื่องทั้งหมดที่วัดกัน ” พูดจบก็ฉุดข้อมือเล็กให้กลับไปที่วัดด้วยกัน
“ ข้าไม่อยากกลับไปที่วัดนั่นอีกแล้วนี่ ” คนในชุดสีขาวงอแง
“ แน่นอน ทำเรื่องอย่างนั้นไว้ คงไม่อยากกลับไปล่ะสิ ”
“ ข้าทำ เพราะว่าข้าอยากออกมาที่นี่นะ ข้าถูกยัยแก่นั่นจับขังไว้ตั้งนานแล้ว ”
“ ว่าแล้ว....นายถูกจับขังไว้ เพราะนายชอบไปก่อเรื่องล่ะสิ ฉันก็เหมือนกันถูกปู่จับเข้าวัดดัดสันดาน แต่ว่าถ้านายทำเรื่องแบบนี้แล้วนายจะหนีไม่ได้เข้าใจมั้ย ”
“ ก็มันสับสนนี่นา ” เด็กหนุ่มทำหน้างอ
“ นายถูกจับขังไว้นานแค่ไหนแล้วล่ะ ” ซีวอนถาม
“ 500 ปี ”
“ เอ่อ...500 ปีเรอะ ” ร่างสูงเริ่มออกอาการเซ็งอีกครั้ง
“ ใช่แล้วข้าโดนยัยเฒ่าซัมชินจับขังไว้ในรูปนานตั้งห้าร้อยปี ”
“ เอ่อ ยายเธอชื่อซัมชินอย่างนั้นเรอะ ” ซีวอนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ ใช่แล้ว ”
“ งั้นเธอเป็นใคร ”
“ ข้าเหรอ...คูมิโฮไง ”
“ กร๊ากกกกกกก คูมิโฮเรอะ ฮ่ะฮ่ะ ฮ่า นายให้ฉันวาดหางเก้าหางให้ใช่มั้ย”
“ อื้อ ข้าต้องการให้เจ้าช่วย แต่ว่าข้าก็ช่วยเจ้าไว้ด้วยเหมือนกันนะ ก็ที่เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บไง ตรงนี้ของเจ้ามีลูกแก้วจิ้งจอกอยู่ ” มือเล็กของเด็กหนุ่มลูบบนหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มหากแต่ซีวอนก็รีบสะบัดมือนั้นให้หลุดออกไป
“ นะ นาย ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ จะบ้าตาย นี่กูต้องมาฟังคนบ้าพล่ามด้วยหรือวะเนี่ย จะบ้าตาย อะไรๆก็กูผิดคนเดียวอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ”
“ ไม่เชื่อข้าเหรอ ที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้น่ะ ”
“ ที่จะตายเพราะนายต่างหาก นายไม่ได้ช่วยไว้สักหน่อย ถ้านายบ้า ก็ไปเอาดอกไม้มาทัดหูซะไป๊ ทำไมต้องแต่งตัวเป็นคนปกติด้วย ....คูมิโฮใช่มั้ยนายน่ะ งั้นก็ต้องมีหางดิ ”
“ ตอนนี้มองไม่เห็นหรอกต้องรอให้มีพระจันทร์เต็มดวงก่อน ถึงจะเห็น ”
“ พระจันทร์เหรอ....โอ๊ย กรูจะบ้าตาย ” ชายหนุ่มเอามือขยี้หัวตัวเอง
“ ถ้ามีพระจันทร์เต็มดวงนะ จะเอาหางให้ดูเลย ... แต่ว่าถ้าถึงเวลาที่ข้าเอาหางให้เจ้าดู อย่ากลัวจนหัวหดซะก่อนล่ะ ”
“ โอ๊ย...กลัว กลัวแล้วครับ กลัวจังเลย ” ร่างสูงแกล้งเอามือกอดอก แล้วรีบเดินหนีไป
“ เจ้าจะไปไหน ”
“ จะกลับโซล นายอยู่นี่นะ ไม่ต้องตามมา โน่นนนนน นายไปทางนั้นนะ อย่าตามมาล่ะ ” ซีวอนชี้มือให้เด็กหนุ่มไปอีกทาง ก่อนที่ตัวเองจะวิ่งหนีหายไปอีกทาง
ร่างเพรียวสูดดมกลิ่นในอากาศ ยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ คิดว่าจะหนีข้าพ้นเรอะ ชเวซีวอน ”
.. โปรดติดตามตอนต่อไป
แม่ยกฮยอกชวนคุย
กราบสวัสดีนักอ่านทุกคนจ้า
พี่ชื่อด้า อายุมากแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ
ฟิคเรื่องนี้แต่งออกมาได้ เพราะหลงรักซีรีส์เรื่องกูมิโฮอย่างจริงจัง
นางเอกน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เติม ก.ไก่ให้หลายตัวเลย
แต่งโดยวางโครงเรื่องไว้เหมือนเดิม แต่ปรับเปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อย
เป็นคนที่แต่งไม่เก่ง แต่ชอบเพ้อฝัน หากมีข้อแก้ไขอะไรบอกกล่าวกันได้นะจ๊ะ
เรื่องนี้วอนอาจจะพูดจาไม่ดีไปบ้าง ยังไงช่วงแรกๆนี้ก็ลืมๆชายช้อยไปได้เลย ^^
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าจ้า
ความคิดเห็น