คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้ม
เลื่อนลงไปอ่าน chapter 1 เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้ม ได้ด้านล่างสุดเลยนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์และโหวตให้กำลังใจซีนด้วยนะค้า...
| ||||
| ||||
Name : ll-»✿nnaamm✿ll< My.iD > [ IP : 125.27.103.65 ] |
| ||||
| ||||
Name : 89-GYPSO-98< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : tipkamild< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : WK_My Love [ IP : 117.47.136.71 ] |
| ||||
| ||||
Name : seuljfu-13< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เด็กยกตู้เย็น< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : D@()< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : lucky_ann< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : ๏KYUMIN๏< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : HappiNessEUNHAE< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : GiigHyuk_Now*< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เดอะ ทีฟ< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : OzTii3z< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : `{ลีดงทงปลา,,< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : Lee D0nghae< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : `quen.signhyukkkkk< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : 89-GYPSO-98< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : The' Prince {Tan~}< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : The' Prince {Tan~}< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : $azaka< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : ' chovynemo [ IP : 124.122.10.217 ] |
| ||||
| ||||
Name : 7791< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : nogian [ IP : 125.24.153.102 ] |
| ||||
| ||||
Name : เพราะฉันคือฉัน< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : MaRuKo Is wEiZa< My.iD > [ IP : 58.8.17.200 ] | ||||
| ||||
| ||||
Name : pui [ IP : 183.89.6.102 ] |
| ||||
| ||||
Name : Rakhyukforever< My.iD > [ IP : 61.19.67.186 ] |
| ||||
| ||||
Name : `เดอะโฮชิ >3.< My.iD > [ IP : 124.121.76.123 ] |
| ||||
| ||||
Name : -[Yeonhwa;]Choi-< My.iD > [ IP : 125.24.27.97 ] |
Chapter 1
เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้ม
เช้าวันต่อมา ทงเฮตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ไม่ใช่เพราะแสงที่สาดส่องเข้ามาเหมือนกับในนิยายหรอก พี่ชายตัวโตต่างหากที่เข้ามาปลุกเขา
“ทงเฮ ตื่นได้แล้ว”
“งืมๆ ขออีกครึ่งนาทีนะ”
ร่างบางส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในลำคอพลางกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ซีวอนจึงรีบยึดผ้าห่มก่อนที่น้องชายจะคลุมโปงเพื่อหลีกเลี่ยงการปลุกของเขา ด้วยแรงที่มีมากทำให้ตัวเล็กๆ ของทงเฮติดอยู่ในผ้าห่มและเลื่อนมาทางปลายเตียงเรื่อยๆ
ถ้าเป็นแต่ก่อนซีวอนคงจับคนเป็นน้องหอมแก้มไปแล้ว แต่อะไรบางอย่างที่เข้ามาแทนที่ความผูกพันทำให้ซีวอนไม่กล้า ร่างสูงจะต้องปลุกให้น้องตื่นอย่างรวดเร็วที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะคิดอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ทงเฮ ไปวิ่งกัน”
ซีวอนนั่งลงข้างๆ ลำตัวของน้อง ใบหน้าขาวใสที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มเพียงเล็กน้อยทำให้ซีวอนคลี่ยิ้มออกมา น้องชายของเขาน่ารักขนาดนี้เชียวหรือ มือหนาเอื้อมไปขยี้ผมนุ่มก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ถ้านายไม่ตื่น พี่จะหักนิ้วนะ”
ซีวอนไม่ได้พูดเปล่า เขาประสานนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าหากันก่อนจะยื่นมาใกล้ๆ หูของทงเฮทำให้คนที่งัวเงียอยู่เด้งตัวขึ้นนั่งอย่างตกใจ
เพราะจุดอ่อนของทงเฮคือ...กลัวเสียงหักนิ้วเป็นที่สุด
“ตื่นแล้วครับ ผมตื่นแล้ว”
“พับผ้าห่มก่อนออกไปด้วยนะ พี่เตรียมรองเท้าไว้ให้แล้ว อีกห้านาทีเจอกัน”
ซีวอนบอกเสร็จสรรพก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทงเฮที่นั่งอยู่จึงเอียงคอไปพิงไหล่ตัวเอง และเมื่อซีวอนหันกลับมาเห็น ร่างสูงจึงทำท่าจะหักนิ้วตัวเองอีกครั้ง คนเป็นน้องจึงรีบพับผ้าห่มอย่างกระตือรือร้น
ไม่ตื่นไม่ได้แล้วสินะ
ซีวอนมานั่งรอน้องชายอยู่ตรงประตู ดวงตาสีนิลจับจ้องไปที่รองเท้าคู่เล็กของทงเฮ ตัวก็เล็กอยู่แล้ว ขนาดรองเท้ายังเล็กมากอีกด้วย นึกถึงสมัยก่อนที่เท้าเล็กๆ ชอบมาสวมรองเท้าของเขาทีไร ซีวอนก็ยิ้มออกมาทุกครั้ง ระหว่างที่นั่งรอน้องชายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ซีวอนพูดครับ”
[คุณซีวอนครับ ผมโทรมาจากบริษัทก่อสร้างที่ติดต่อคุณไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอดีท่านประธานอยากเห็นแบบห้างสรรพสินค้าที่คุณออกแบบไว้ รบกวนคุณส่งมาให้เราได้ไหมครับ]
“อ่อ...สักครู่นะครับ”
ซีวอนบอกกับทางปลายสาย เขายืนขึ้นและเดินเข้าไปในห้องนอนโดยที่ไม่ได้ถอดรองเท้าผ้าใบออกก่อน การเป็นสถาปนิกมันดีตรงที่สามารถทำงานที่บ้านก็ได้ แถมยังมีเวลาพักผ่อนเยอะกว่าคนทั่วไป แต่ถ้าผู้รับเหมาต้องการให้ส่งงาน เขาก็จะต้องจัดการงานเหล่านั้นให้รวดเร็วที่สุด จนบางครั้งอาจจะไม่ได้หลับนอนติดต่อกันหลายคืนเลยทีเดียว
ทงเฮเดินออกมาที่หน้าประตู รองเท้าคู่เล็กๆ วางไว้อย่างเป็นระเบียบเพียงคู่เดียวเท่านั้น หากแต่พี่ชายตัวโตหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ร่างบางได้แต่เอียงคออย่างงุนงง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเร็วๆ ด้วยความงอน
“ใจร้ายจัง แค่นี้ก็ไม่รอ”
คนตัวเล็กนั่งลงไปใส่รองเท้าผ้าใบด้วยความรวดเร็ว เขารีบวิ่งออกไปจากบ้านเพราะกลัวว่าจะวิ่งตามซีวอนไม่ทัน ร่างบางในชุดวอร์มสีเหลืองอ่อนทั้งชุดตัดกับรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินทำให้ดูโดดเด่นมากเหลือเกิน ทงเฮวิ่งไปตามตรอกเล็กๆ ในหมู่บ้าน แต่วิ่งออกไปได้สักพักก็ยังไม่เจอพี่ชายของตัวเองสักที
ร่างบางวิ่งไปได้เรื่อยๆ หกเดือนที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก หมู่บ้านก็ยังเหมือนเดิม สงบเงียบและน่าอยู่ ดวงตาซุกซนมองทุกที่ที่วิ่งผ่าน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งในชุดวอร์มสีเทาเข้มกำลังก้มลงผูกเชือกรองเท้า เขาคงมาวิ่งเหมือนกันสินะ ทงเฮคิด ก่อนจะเอ่ยปากทักทายตามมารยาท
“ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”
ผมสีทองยุ่งๆ เหมือนไม่ได้เซ็ทของชายคนนั้นบวกกับร่างผอมบางทำให้ทงเฮนึกถึงผู้ชายคนเมื่อวาน และเขาก็ต้องผงะอย่างตกใจเมื่อชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา
“คุณ...”
ทงเฮหยุดวิ่ง เขาลืมไปสนิทเลยว่าต้องวิ่งตามซีวอนให้ทัน ชายคนนั้นผูกเชือกรองเท้าเสร็จพอดี เขายืนขึ้นจนเต็มความสูง ก่อนจะเดินมาใกล้ๆ ทงเฮที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ทงเฮมองตาค้างราวกับได้เห็นผี ร่างบางรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อนึกถึงคำพูดของซีวอนในเย็นวานนี้
“มีคนบอกว่าถ้าเราได้เห็นคนที่เราหลงรักอยู่ตรงหน้า เราจะหุบยิ้มไม่ได้นะ”
แล้วทำไมตอนนี้ทงเฮถึงหุบยิ้มไม่ได้ล่ะ...
คนๆ นั้นเดินเข้ามาใกล้ทงเฮเรื่อยๆ เขาจ้องหน้าทงเฮนิ่งทำให้คนถูกมองแทบลืมหายใจ และเมื่อยืนห่างกันเพียงไม่ถึงฟุต ทงเฮก็รับรู้ว่าชายคนนั้นตัวสูงกว่าเขาอีก ชายผมทองระบายยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า แต่ทงเฮรู้สึกว่ารอยยิ้มนั่นช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าเกรงกลัวเหลือเกิน
รอยยิ้มที่เหมือนจะสะกดให้หัวใจของคนอื่นละลายลงไปในพริบตาทำให้ทงเฮเกรงกลัวว่าความรู้สึกบางอย่างจะเล็ดลอดออกมาให้คนตรงหน้าได้เห็น
เขาเอื้อมมือมาดึงมือบางของทงเฮออก วินาทีที่มือของทั้งสองคนสัมผัสกันนั้น ดวงตาของทงเฮพร่าเลือนจนจำไม่ได้เลยว่าตอนนี้มองเห็นอะไรอยู่ตรงหน้าบ้าง
“เอามือปิดปากทำไม ไม่ได้แปรงฟันมาเหรอ”
“เปล่านะครับ ผมแปรงแล้ว ล้างหน้าแล้วด้วย”
ทงเฮแก้ตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเสียหน้าเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเข้าใจเขาผิดที่เอามือปิดปากแบบนั้น จริงๆ แล้วทงเฮแค่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะยิ้มอยู่หรือเปล่าต่างหาก เพราะกลัวว่าจะหุบยิ้มไม่ได้เหมือนเมื่อวานนี้
“นายนี่ยิ้มเก่งจัง”
เขาพูดขึ้นทำให้ทงเฮเบิกตากว้างทันที มือบางยกขึ้นทาบแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ นึกโมโหตัวเองที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับไปรู้สึกหวั่นไหวให้ผู้ชายเย็นชาแบบนั้น
“ผมยิ้มเหรอ?”
ร่างบางถามเสียงซื่อ ชายผมทองพยักหน้าเบาๆ สองสามที ก่อนจะขยี้ผมของทงเฮจนยุ่งไปหมด ร่างผอมเดินจากไปตามซอยเล็กๆ ด้านหน้า บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กันแค่นี้เองหรือ ทำไมทงเฮถึงไม่เคยพบผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยนะ
“บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอครับ”
ทงเฮตะโกนถามขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินจากเขาไป เจ้าของแก้มตอบหันมายิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่ทงเฮมองว่า...เท่เหลือเกิน
“เพิ่งย้ายมาน่ะ”
“งั้นคุณก็เป็นเพื่อนบ้านคนใหม่สินะครับ ให้ผมเลี้ยงกาแฟคุณสักถ้วยได้ไหม?”
ทงเฮถามออกไป เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ภาพวาดที่สวยงามตรงหน้าหายไป ภาพของชายคนนั้นที่สะกดหัวใจของเขาให้ตรึงอยู่กับที่ ทำให้รู้สึกแปลกๆ เมื่ออยู่ใกล้ และทำให้หุบยิ้มอย่างซ่อนความรู้สึกไม่ได้เมื่อพบเจอ...
ในห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน ซีวอนหยิบปากกาและกระดาษโน้ตขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เขาเอาโทรศัพท์มาแนบไว้ระหว่างหูกับไหล่ มือข้างหนึ่งจับปากกา และอีกข้างหนึ่งจับกระดาษไว้ไม่ให้เคลื่อนที่
“จะให้ส่งไปที่ไหนเหรอครับ”
[ส่งมาที่ตึก K Building...]
เสียงนุ่มในปลายสายบอกที่อยู่ที่จะให้ซีวอนส่งงานไปให้ ร่างสูงจดตามที่ได้ยินจนเสร็จแล้วก็ฉีกกระดาษโน้ตขึ้นมาดู แต่เมื่อมองชื่อถนนที่ปรากฏอยู่ในกระดาษ เขาก็คิดประมวลผลเพียงเสี้ยวนาทีแล้วเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวผมเอาไปส่งด้วยตัวเองแล้วกันครับ วันนี้ผมต้องไปแถวนั้นอยู่แล้ว”
ปลายสายบอกขอบคุณและขอร้องให้ซีวอนไปส่งให้ในตอนบ่าย ซีวอนจึงกดวางสายก่อนจะหย่อนโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าเสื้อ เขาเดินออกมาตรงหน้าประตูแล้วพบว่าน้องชายได้ออกไปข้างนอกเสียแล้ว เมื่อกดโทรศัพท์ออกไปหาก็พบว่ามันวางอยู่ที่หัวเตียงในห้องนอนของทงเฮนี่เอง
“คิดว่าพี่จะไม่รอหรือไง”
เขาส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความคิดเด็กๆ ของทงเฮ ถ้าเป็นเมื่อก่อนซีวอนอาจจะหนีออกไปก่อนแล้วไปหลบรอจ๊ะเอ๋น้องชายอยู่หลังเสาไฟฟ้า แต่เดี๋ยวนี้เขาโตพอที่จะเลิกทำอะไรแบบนั้นแล้ว ร่างสูงทำท่าจะเดินออกไปตามน้องชาย แต่ก็คิดว่าอาจจะคลาดกันก็ได้ เพราะหมู่บ้านของพวกเขามีหลายซอย ทงเฮอาจจะกลับมาบ้านแล้วไม่เจอเขา ร่างสูงจึงเลือกที่จะรออยู่ที่บ้านดีกว่า
เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้มพาฮยอกแจเดินไปที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในหมู่บ้าน มันเป็นร้านกาแฟธรรมดาที่มีบรรยากาศแบบบ้านๆ ที่ร้านนี้อาจจะไม่ได้เลิศหรูเท่ากับคาเฟ่ในเมืองหลวง แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็โอ้อวดว่ารสชาติกาแฟที่นี่ใช้ได้เลยทีเดียว และสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ ที่ร้านแห่งนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้า
“ขอกาแฟถ้วยนึงครับ”
ฮยอกแจมองท่าทางเด็กหนุ่มตรงหน้า สงสัยว่าเด็กคนนี้อาจจะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดหรือเปล่าถึงรู้จักร้านค้าที่อยู่ในซอยลึกที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ระหว่างรอกาแฟอยู่นั้น บทสนทนาเล็กๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
“คุณย้ายมานานเท่าไรแล้วเหรอครับ”
“ฉันเหรอ? ประมาณหนึ่งเดือน”
หนึ่งเดือน...
ทงเฮลองนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ตอนนั้นเขายังอยู่ที่หอพักอยู่เลย ชายคนนี้คงย้ายมาอยู่ตอนที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่สินะ ความจริงแล้วมีความสงสัยตั้งมากมายเกี่ยวกับคนตรงข้าม แต่กลัวว่าหากถามออกไปจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่รู้จักกัน ไม่รู้อะไรเลยนอกจากท่าทางที่น่าจะมีอายุห่างกันหลายปี
“แล้วนายล่ะ อยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอ?”
ฮยอกแจเป็นฝ่ายถามบ้าง เขาชอบเวลาที่เด็กหนุ่มซุกซนคนนี้กำลังจะตอบคำถาม แววตาที่แสดงความตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกจู่โจมทำให้ชวนมองเหลือเกิน
“ผมอยู่มาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะครับ ว่าแต่ทำไมคุณถึงย้ายมาแถวนี้ล่ะครับ แถวนี้ทำเลไม่ดีเลยสักนิด”
กาแฟมาเสิร์ฟพอดี ฮยอกแจจึงรับถ้วยกาแฟมายกดื่ม ก่อนจะวางแก้วลงแล้วเท้าแขนข้างหนึ่งไว้ที่โต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แต่ค่าเช่ามันก็ถูกดีไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่รู้สิครับ บ้านที่ผมอยู่ไม่ใช่บ้านเช่า”
ทงเฮตอบอย่างตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังรู้สึกอารมณ์ดีตามไปด้วย มือหนายกกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้ง มันอร่อยเหมือนที่คนตรงหน้าเขาโฆษณาไว้ไม่มีผิด เขาลองมองออกไปยังถนนเล็กๆ ด้านนอก แล้วหันกลับมามองในร้านอย่างพิจารณา ไม่ว่าจะมองอะไร ทงเฮก็จะมองตามสายตาของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสมอ
“นายอายุเท่าไรแล้ว เป็นเด็กมหา’ลัยปีหนึ่งสินะ”
ฮยอกแจเอ่ยถามทำให้เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้มต้องฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก ทงเฮชักมือที่วางบนโต๊ะมาวางไว้บนตักเพราะรู้สึกว่ามือของตัวเองมันเกะกะเกินไปแล้ว ทงเฮต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ เมื่อถูกฮยอกแจยื่นหน้ามามองใกล้ๆ คนตัวเล็กก็สะดุ้งขึ้นอย่างรู้สึกตัว
“อ๋อ ผมเรียนจบแล้วล่ะครับ เพิ่งจบเมื่อวานนี้เอง”
“งั้นก็ห่างกับฉันสามปีเลยล่ะสิ!”
คำพูดที่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรของฮยอกแจทำให้คนที่ฟังรีบเก็บข้อมูลอย่างเร่งด่วน ฮยอกแจยกกาแฟดื่มครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ทว่าทงเฮก็รีบลุกตามไปติดๆ
“ไม่ครับ เดี๋ยวผมจ่ายให้คุณเอง”
ร่างบางเอ่ยบอกกับเพื่อนบ้านคนใหม่ แต่เมื่อควักเงินในกระเป๋าเสื้อวอร์มและกางเกงของตัวเองแล้ว ทงเฮก็พบว่าเขาลืมหยิบทั้งเงินทั้งโทรศัพท์มือถือออกมาด้วย เด็กหนุ่มได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ยังมองว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่ารักอยู่ดี
“เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
เสียงทุ้มบอกก่อนจะเดินนำออกไปนอกร้าน ร่างผอมสูงมองซ้ายขวาเพราะจำทางกลับบ้านไม่ได้ ทงเฮที่เดินตามหลังมาจึงขำพรืด ก่อนจะเอ่ยบอก
“เรามาจากทางซ้ายน่ะครับ”
เด็กหนุ่มไม่หุบยิ้มบอกกับฮยอกแจพลางชี้นิ้วไปทางซ้ายให้อีกด้วย ฮยอกแจล้วงมือในเสื้อวอร์มของตัวเอง เขาเอาฮู้ดขึ้นมาคลุมผม ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ แต่ทงเฮก็ยังคงเรียกเอาไว้
“คุณ...คุณชื่ออะไรครับ”
“ฉันเหรอ? อี ฮยอกแจ”
เขาอุตส่าห์หันมาตะโกนตอบด้วย แต่แล้วก็เดินจากทงเฮไปอีกครั้ง ทงเฮที่ยืนมองแผ่นหลังนั้นจึงกระโดดโลดเต้นราวกับคนบ้า เขามองท่าทางการเดินที่ชอบสะบัดข้อเท้าของชายผมทองที่ชื่อว่า ‘อี ฮยอกแจ’ และสาบานกับตัวเองว่าถ้าเจอผู้ชายที่เดินแบบนี้อีกเมื่อไร เขาจะวิ่งเข้าไปทักทายทันที
“ผมชื่อทงเฮนะครับ อี ทงเฮ!”
ฮยอกแจโบกมือให้กับเด็กน้อยที่กระโดดโหยงๆ อยู่ด้านหลังของเขา ชื่อ ‘ทงเฮ’ อย่างนั้นเหรอ หน้าตาก็น่ารัก แถมชื่อยังน่ารักอีก เด็กคนนี้เป็นคนที่น่าค้นหาเหลือเกิน นิสัยที่ซื่อๆ แปลกๆ ทำให้เขาอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า ฮยอกแจกระชับฮู้ดให้คลุมหน้าตัวเองมากขึ้นแล้วรีบจ้ำอ้าวกลับไปยังบ้านเช่าของตัวเอง
ใช่แล้ว เขากำลังแอบยิ้มกับท่าทางของเด็กหนุ่มไม่หุบยิ้มคนนั้น
Talk with Lee Seen
ตอนต่อไปคยูฮยอนที่ถูกซีนดองไว้กำลังจะโผล่ออกมาแล้วค่ะ
ฮ่าๆๆ มาติดตามกันว่าการพบกันของซีวอนและคยูฮยอนจะออกมาในรูปแบบไหน
ความรักของฮยอกแจและทงเฮเริ่มจะไม่มีเหตุผลขึ้นไปทุกที ฮี่ๆ
แบบนี้แหละซีนชอบ!
ขอคอมเม้นท์ถึง 60 คอมเม้นท์นะคะ
วอนคนใจดีทำโปสเตอร์เรื่องนี้ กับแบนเนอร์เรื่องนี้ให้ได้ด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆนะค้า...
ปล. ใครที่อยากมาเป็นแฟนฟิกเรื่องนี้ แค่คลิกแฟนพันธุ์แท้ และฝากแบนเนอร์กับซีนได้เลยนะคะ
ปล. อีกครั้ง สำหรับคนที่เพิ่งอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก คนแต่งชื่อจริงว่า ซีน อายุจะ 20 ปี ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้นะคะ เรียกพี่เรียกน้องได้ตามอัธยาศัยจ้า
ความคิดเห็น