คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Music club
Chapter 1 : Music club
โรงเรียนเซ็นเรียวชิ 6.00 น.
“กรี๊ดดดดดดด!! คุณเรียววววว!!!”
เสียงของสาวๆนับสิบกว่าคนดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีเหลืองแซมเขียวเดินออกมาจากรถสีดำคันหรูพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้ นั่นทำให้สาวๆยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันหนักกว่าเดิม ระหว่างเดินตลอดทางประกอบไปด้วยเสียงกรี๊ดชวนแสบหู จนกระทั่งเจ้าของเรือนผมสีเหลืองได้มาถึงที่ห้องชมรมดนตรีของตัวเอง แต่พอเข้าไปก็พบว่า...
“เฮ้อ~ อรุณสะ... สวัสดิ์...”
“อืมมมม...”
บรรยากาศอึมครึมสุดๆนั่นเอง = = มาโอะนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางขี้เกียจๆ ไซโตะก็นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่แต่เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ มีไซจิคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยทุกข์ร้อนเท่าไหร่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรอ” เรียวจิหันไปถามไซจิที่นั่งเขียนเพลงอยู่
“ก็ไม่มีอะไรมาก พวกฉันแค่รอ ‘เจ้าหมอนั่น‘ ไปเอาคำตอบจากผู้อำนวยการ เดี๋ยวก็คงมาในอีก... 3... 2... 1... ปี๊ด”
ไซจิพูดถูกเผง เพราะหลังจากการนับถอยหลังเมื่อกี้ประตูก็เปิดพรึ่บออกมาพร้อมใบบางอย่างในมือ หน้าก็มืดไปแปดด้านจนน่ากลัว จากนั้นก็ค่อยพูดด้วยน้ำเสียงชวนสยอง...
“ทุกคน... ฉันได้ไปคุยกับท่านผู้อำนวยการมาแล้วล่ะ...”
“แล้วได้มาว่ายังไงล่ะ” ไซจิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขณะที่คนอื่นขนลุกซู่!
“พวกเรา... ต้องยุบชมรม!!!”
“!!”
“ม่ายยยยเจงงงงงงง!!!”
ไซโตะตะโกนออกมาคนแรกแล้วทำท่าเอามือกุมขมับแล้วทำตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศ ส่วนคนอื่นๆก็เบิกตากว้างแล้วอ้าปากค้างทันที ‘ไดสึเกะ’ อาจารย์ชมรมดนตรีที่ทำท่าน่ากลัวเมื่อกี้ก็...
“เราจะทำยังไงกันเด่!!!!!! TOT มือกลองก็ยังหาตัวไม่ได้เลย”
“อาจารย์ครับ! TOT ผมดีใจที่ได้มีโอกาสอันน้อยนิดที่ได้สนุกกับชมรมนี้!”
“ไซโตะ!”
“อาจารย์~~~!!!”
ทั้งสองโผเข้ากอดกันอย่างอาลัยอาวอน น้ำตาไหลพรากออกมาเป็นสาย(มันสองตัวจะเว่อร์ไปไหน)แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดเพราะอยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า...
“ปัญญาอ่อน...”
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมาโอะที่นอนอยู่ที่โซฟาข้างๆ เขาลุกขึ้นมาแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อ
“จะคร่ำครวญไปก็เปล่าประโยชน์น่า...”
“มาโอะพูดถูกนะครับ ผมว่าเราน่าจะช่วยกันคิดหาทางแก้มากกว่ามานั่งร้องไห้นะครับ”
เรียวจิพูดอย่างเห็นด้วย ส่วนไซจิก็พยักหน้าตามก็จัดการตั้งประชุมทันที
“เฮอะ ที่ไอ้แก่นั่นจะให้พวกเรายุบชมรมก็เพราะแค่ว่าพวกเรามีเครื่องดนตรีทุกอย่าง... แต่ขาดมือกลองเนี่ยนะ?”
ไซจิพูดอย่างขำๆเมื่อไดสุเกะเล่าเหตุผลที่ต้องยุบชมรม
“ปัดโธ่! นายนี่ไม่รู้อะไรเลยนะ มือกลองน่ะสำคัญที่สุดรู้มั้ย!!” ไซโตะพูดขึ้นมาแล้สเริ่มบรรยายต่อ “ไม่ว่าวงดนตรีไหนก็ตาม ทุกวงจะต้องมีมือกลองที่มีหน้าที่ที่สำคัญคือประกอบจังหวะ ถ้ามือกลองเล่นพลาดทุกอย่างก็จบ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีมือกลองมันก็เหมือนข้าวห่อไข่ที่ไร้ข้าวยังไงล่ะ!”
ไซโตะพูดไปพลางผายมือแล้วทำสายตาอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของ ‘มือกลอง’
“บ้า ข้าวห่อไข่ที่ไหนไม่มีข้าว แล้วอย่างนั้นจะเรียกว่าข้าวห่อไข่ได้ยังไง” มาโอะพูดขึ้น นั้นเลยทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่นแล้วตะโกนใส่หูว่า...
“ฉันแค่เปรียบเทียบว้อยยยย!!! -0-“
“อ้ากกกก!!! หูฉัน! นายอยากลองดีใช่มั้ยไซโตะ!”
“ชะอุ๊ย! กลั๊วววว~ กลัวๆๆๆๆ กลัวตายแหละ! -0-^”
ทั้งสองกัดฟันกรอดแล้วมองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย มีสายฟ้าออกจากตาทั้งสองมาชนกันดังเปรี๊ยะๆประกอบฉาก =___= ไซจิเสยผมขึ้นแล้วมองทั้งสองประมาณว่า ‘มันเอาอีกแล้วเหรอ? -_-’ ส่วนเรียวจิก็พยายามพูดปรามทั้งสองไว้ไม่ให้ตะลุมบอนกันในห้องชมรมแล้วให้มาประชุมต่อ
“อ๊ะ! นึกออกแว้วววววววว!!!! *0*//”
ไดสึเกะตะโกนออกมาดังลั่นทำให้ทุกอย่างเบรกเอี๊ยดกะทันหัน... ตาเขาส่องแสงวิบวับเป็นประกายเจิดจะรัดทำให้ทุกคนหันมานั่งฟังอย่างตั้งใจ
“พวกนายก็ทำใบประกาศสิ ^O^”
“ถุย! เนี่ยนะแผนเด็ดของนาย!!!”
ไซจิพูดแล้วทุบโต๊ะดัง ‘ป้าบบบบ!!!’ ด้วยความโมโหกับความคิดงี่เง่าของอาจารย์ตัวเอง เรียวจิรีบพูดกล่อมให้นั่งลงเหมือนเดิมแล้วพูดกับอาจารย์ของตัวเองอย่างใจเย็น
“คืออาจารย์ครับ... พวกเราเคยลองวิธีนี้แล้ว แต่ว่า...”
“ไอ้พวกเวรที่เห็นใบสมัคร แทนที่มันจะมาสมัครแต่มันดันเอาใบมากองไว้หน้าห้องชมรมแทน -0-++”
มาโอะพูดแทรกขึ้นมาแล้วหักนิ้วกร๊อบๆแล้วหัวเราะหึๆในลำคอ ทำเอาไดสุเดะเสียววูบไปเลย(ขนาดเป็นอาจารย์นะนั่น - -)
“อะ... แหมๆๆ คิดหน่อยสิจ้ะศิษย์เอ๋ย พวกเราก็เอาหน้าของฮิวาตาริขึ้นที่ใบสมัครด้วยสิ รับรองมากันตรึม! *0*”
“มันก็ถูกนะ เรียวฮอตจะตายไป ไม่ว่าหญิง,ชาย,ตุ๊ด,เกย์ ก็หลงเสน่ห์หมด” ซาโตะพูดต่อแล้วทำตาวิบวับเหมือนกับไดสึเกะแล้วหันไปมองเรียวจิจนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก!
“อะ...เอ๋ ผมเนี่ยนะ” เรียวจิพูดแล้วชี้หน้าตัวเอง
“เอาล่ะ! เราไปถ่ายแบบกันเต๊อะ! คิดซะว่าทำเพื่อชมมของเราน้าาา~ ฮิวาตาริ!”
ไดสึเกะพูดแล้วรีบลากเรียวจิไปถ่ายแบบ(รูป)ทันที โดยมีไซโตะเป็นผู้ช่วยและมาโอะกับไซจิที่ยืนมองอยู่ห่างๆอย่างงงๆ
พักกลางวัน
“ไหนดูซิว่ามีใครมาสมัครรึเปล่า ^O^”
ไดสึเกะพูดแล้วแอบโดดงานกองโตบนโต๊ะมาดูที่หน้าห้องชมรมดนตรีของศิษย์รัก(ไซโตะ) ผลปรากฏว่ามีคนมาสมัครเยอะกว่าที่คาดไว้จริงๆ มาจนแทบจะรับไม่ไหว เพราะมันมีแต่พวก...
“กรี๊ดดดดดดดด!! คุณเรียวววว!!”
“ให้ฉันผ่านนะคะให้ฉัน! *0*///”
“เรียวขาาาา~~”
“เรี๊ยววววคู๊งงงง~~~”
พวกแฟนคลับของเรียวทั้งนั้น ขณะที่ไดสึเกะรีบย่องกลับเพราะกลัวโดนด่า ทางอีกด้านในห้องชมรมทั้งสี่สหายกำลังดันประตูเอาไว้เต็มที่เพราะพวกแฟนคลับแย่งกันเข้ามา ไซจิโวยวายทันที
“โว้ยยยย!! เป็นไงล่ะแผนเด็ด! เด็ดจริงๆแล้วเห็นมั้ยวะ!”
“ใครมันจะไปรู้เล่าว่าจะมาเยอะขนาดนี้! อ้ากกก!!” ไซโตะตะโกนตอบแล้วผลักประตูต่อ
“เลิกเถียงกันเถอะน่า!” มาโอะร่วมโวยอีกคน
“พวกนายช่วยกันคิดหาวิธีแก้จะดีกว่ามั้ย?” เรียวจิพูดแล้วพยายามดันประตูที่ใกล้จะพังเต็มแก่แล้ว...
“อ๊ะ!” ไซโตะทำท่าจะออกความเห็นแต่โดนสายตาเชือดเฉือนของเพื่อนทั้งสามสกัดไว้ก่อนเลยได้แต่รูดซิบปาก มาโอะจึงพูดออกมาแทน
“งั้นเอาวิธีนี้ก็แล้วกัน
”
ลมยามบ่ายที่พัดมาเมื่อกี้ทำให้ผมสีชมพูสลวยพลิ้วไปตามแรงแล้วกระทบกับใบหน้าน่ารักของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอค่อยๆใช้มือเสยผมไปด้านหลัง รอยยิ้มหวานหยดประดับอยู่บนใบหน้าทำให้ทุกสายตาในโรงอาหารหันมาจับจ้องเป็นตาเดียวกัน บางคนถึงกับตะลึงค้างในความน่ารัก มีหลายคนพึมพำออกมาต่างๆนาๆ
“นะ...นางฟ้า!”
“นางฟ้าลงมาจุติที่โลกแล้วเหรอ!”
“น่า... รัก...”
“อยากกอด!”
“มีแฟนยังคร้าบบบ~”
ป้าบ!
(เสียงตบหัวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของประโยคข้างบน = =)
“เอ๊ะ...!”
เด็กสาวหยุดชะงักเมื่อสายตาไปสดุดกับใบสมัครบนบอร์ดของโรงเรียน เป็นรูปผู้ชายเรือนผมสีเหลืองแซมเขียวทำท่าเหมือนกำลังเล่นคีบอร์ดแล้วยิ้มไปด้วย มีคำพูดชี้ออกมาจากปากว่า...
‘นักเรียนที่มีความสามารถในการตีกลองหรือสนใจให้มาติดต่อสมัครได้ที่ห้องชมรมดนตรีครับ มาให้ได้นะ พวกเรารออยู่’
ว้าว...
เด็กสาวตาเป็นประกาย เอื่อมมือไปแตะที่ใบสมัครแล้วยิ้มออกมายิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็รีบวิ่งหาห้องของชมรมดนตรีที่ว่า แต่เพราะเป็นนักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายมาจึงต้องถามทาง แต่บางคนก็ไม่ยอมตอบ บางคนทำท่าจะตอบแต่อยู่ๆก็สวนกลับมาว่า ‘ขอเบอร์ก่อน *0*//’ แต่เด็กสาวก็ยังหาต่อจนเจอ...
แต่ทว่า... = =!!
มีนักเรียนหญิงมากมายต่อแถวกันยาวเหยียดอย่างกับขบวนรถไป แทบมองไม่เห็นประตูชมรม ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดกับเสียงตีกลองที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ อันที่จริงออกจะห่วยแตกด้วยซ้ำ(กรรม)เด็กสาวถอนหายใจนิดๆแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเพื่อรอคิวต่อไป ผ่านไปหลายนาทีแถวก็ไม่เห็นว่าจะสั้นลงมาเลย ดังนั้นก็ได้แต่รอ... กับรอ... แล้วก็รอ... จนหนังตาเริ่มหนังอึ้ง... เด็กสาวเรือนผมสีชมพูค่อยฟุบหลับลงไป...
6.30 PM.
“โว้ยยยยยย!! เครียดดดด! T^T”
ไซโตะโวยวายแล้วทิ้งตัวลงโซฟาไปทับกับมาโอะที่นอนหมดสภาพอีกคน แต่เขาก็ไม่ได้ว้ากใส่ไซโตะเพราะตอนนี้ตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดไปหานางฟ้าขาวๆสวยๆอึ๋มๆอยู่(เอาเป็นว่าสลบอยู่แล้วกัน - -)
“สงสัยฉันคงต้องถ่ายรูปที่นี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกซะแล้ว แฟนคลับของเรียวไม่เห็นจะได้เรื่องซักคน ถึงจะสวยก็เหอะ =..=///”
ป้าบบบ!
มาโอะเตะก้านคอไซโตะจนคอเอียงหมุนไป 360 องศาตกโซฟาเพราะพึ่งรู้สึกตัวว่าโดนทับอยู่ = = จากนั้นก็สปิงตัวขึ้นมานั่ง ปล่อยให้เพื่อนตัวเองนอนนับดาวและขึ้นไปหานางฟ้าแทนตัวเองต่อ
“เฮ้อออ... งานนี้พวกเราคงต้องทำใจแล้วล่ะ...”
เรียวจิพูดแล้วก้มหน้าเศร้า ก็เลยพลอยให้คนอื่นเศร้าไปด้วย ยกเว้นแต่...
“ไม่! พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับไอ้แก่จอมอวดดีนั่นให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย บังอาจมายุบชมรมของเรา!”
“ไซ...”
“ฉันกลับก่อนล่ะ!”
ไซจิพูดแล้วหิ้วกระเป๋าเดินออกไปอย่างหัวเสีย ทิ้งความเงียบไว้ให้เพื่อนอีกสามคนที่นั่งหน้าเหวออยู่... เขาเดินออกห่างจากห้องชมรมมาได้ซักพักก็หยุดเดิน ความโกรธพุ่งพล่านทันทีเมื่อนึกถึงใบสั่งยุบชมรมที่ไดสึเกะเอามาให้เมื่อตอนเช้า เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาแล้วใส่แรงทั้งหมดชกเข้าที่กำแพงจนราว =O= น้ำข้นสีแดงไหลออกมาซิบๆ
‘บ้าชิบ! ทำไมเราทำอะไรไม่ได้เลยวะ!’
ไซจิค่อยๆก้มหน้าลงแล้วทุบกำแพงซ้ำๆเพราะรู้สึกแค้นใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้... ทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...
“อ๋า! เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“หืม?”
ไซจิหันไปมองต้นเสียงที่นอนอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆเขา เขาขมวดคิ้วแน่น ในใจกำลังคิดว่า ‘ยัยนี่เป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ -_-’ เด็กสาวตัวเล็กน่ารักเรือนผมสีชมพูหันซ้ายขวาเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แล้วอยู่ๆก็หันมาถามไซจิว่า
“ขอโทษนะคะ คือว่าชมรมดนตรีเลิกรับสมัครมือกลองแล้วเหรอคะ”
‘อ๋อ ยัยนี่คงเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเรียวสินะ’ ไซจิคิด
“ยังหรอก ทำไม จะสมัครเหรอ”
“ค่ะ!”
“อุ๊บ!” ไซจิรีบยกมือปิดปากก่อนจะหลุดก๊ากออกมา ตัวเล็กแค่นี้เองจะไหวเรอะ! เด็กสาวเหมือนกับอ่านสีหน้าของไซจิออกเธอเลยขมวดคิ้วทำแก้มป่องเหมือนเด็กๆแล้วพูดเสียงขุ่นๆว่า
“ถ้าไม่ลองดูฝีมือก่อนก็อย่าหัวเราะสิ”
ไซจิชะงัก...
แล้วมองหน้าเด็กสาวนิ่งๆพร้อมเลิกคิ้วสูง...
“หึ งั้นก็ได้ ตามาทางนี้”
ไซจิพูดแล้วเดินนำไปที่ห้องชมรม เด็กสาวเอียงคออย่างงงๆแต่ก็เดินตามไป ไซจิเอื้อมมือไปจับลูดบิดแล้วหันมาถาม
“เธอเป็นแฟนคลับของเรียวเหรอ”
“เอ่อ... เรียวไหน (‘ ‘)”
อ้าวเฮ้ย =_=???
“ดะ... เดี๋ยว... เธอไม่ใช่เหรอ?” ไซจิถามด้วยหน้าเหวอสุดๆ
“ก็ไม่ใช่ไงคะ ฉันพึ่งมาโรงเรียนวันแรก ยังไม่รู้ลู่ทางที่นี่ด้วยซ้ำไป”
ไซจิอ้าปากหวอ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่ไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อเรียวจิอยู่ด้วย ปกตินักเรียนหญิงที่เข้ามาใหม่ๆส่วนใหญ่รู้จักชื่อของเรียวจิก่อนรู้ชื่อของ ผ.อ.ซะอีก ไซจิสะบัดความคิดออกจากหัวแล้วเปิดประตูเข้าไปหาเพื่อนฝวง
“อ้าว ฉันนึกว่านายกลับไปแล้วซะอีก” เรียวจิหันมาทักคนแรกขณะที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าอยู่
“พอดีมีคนมาสมัครอีกคน”
“อีกแล้วเหร๊ออออออออออ!!!!!!!!!”
ไซโตะตะโกนดังลั่นพร้อมเอามือกุมขมับ
“แล้วไหนล่ะ ไม่เห็นมีซักคน”
มาโอะพูดแล้วชะเง้อหา(เนื่องจากตัวเอกของเราตัวเล็ก เมื่อยืนอยู่ด้านหลังไซจิมันก็เลยบังซะมิดเลย = =)ไซจิเลื่อนตัวออกมาเผยให้เห็นเด็กสาวตัวเล็กเรือนผมสีชมพู เมื่อทั้งสามเห็นก็ถึงกับตาค้างแล้วมองหน้าผู้มาใหม่อย่างจดจ่อเหมือนโดนสะกด โดยเฉพาะไซโตะที่โวยวายมือกี้ถึงกับน้ำลายไหล(เฮ้ย! =[]=)
ผัวะ!
มาโอะช่วยตบหัวไซโตะให้คืนสติก่อนที่เด็กสาวจะกลับใจไปเข้าชมรม เพราะน้ำลายของไซโตะมันหกเลอะกางเกงเขาจนชุ่มแล้ว = =^^^
“อย่าให้เสียเวลา เริ่มเลยดีกว่านะฉันว่า” ไซจิพูด
ทุกคนพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา เด็กสาวไปนั่งอยู่ประจำตำแหน่งกลองแล้วมองทั้งสี่อย่างขำๆ จากนั้นก็เริ่มวาดฝีมือทันที
นี่คือฝีมือตัวเอกของเรา คลิ๊กที่คลิปเลย!
ทุกคนอึ้ง...
ทึ่ง...
เอ๋อ...
งง...
“อะ... คือ... ฝีมือฉันยังไม่ค่อยจะดีนักค่ะ เอ่อ... คงจะยังต้องฝึกอีกมากใช่มั้ยคะ... แหะๆ”
“ไม่ต้องฝึกแล้ว! แบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่าสุโค่ยยยยยยยยยย!!!!”
ไซโตะกระโดดดี๊ด๊าแล้วยกนิ้วโป้งให้พร้อมฉีกยิ้มจนตาหยี มาโอะกับไซจิยังคงอ้าปากค้างจนกรามแข็งอยู่ เรียวจิหันไปมองที่เด็กสาวแล้วพูดยิ้มๆว่า
“เธอเก่งแล้วล่ะ เก่งมากด้วย ฝึกตีกลองจนคล้องเลยใช่มั้ยล่ะ ^_^”
“อ่า... ค่ะ”
“เธอนี่ตัวเล็กนี๊ดเดียวแน่เก่งชะมัด!” มาโอะเอามั้ง - -
“พวกเรารับเธอเข้าชมรม!” ทั้งสามพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายจนคนเป็นหัวหน้าวงถึงกับเหวอ
“เฮ้ย!”
ไซจิร้องออกมาแล้วมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา แต่เมื่อเจอสายตากดดันบวกกับรังสีอำมหิตของทุกคนจึงทำให้ต้องยอมสิโรราบ
“เฮ้! แบบนี้ก็ไม่โดนยุบชมรมแล้ว! เป็นเพราะเธอแท้ๆ! ขอหอมทีดิ \(^3^)/”
ไซโตะพูดแล้วทำท่าจะกระโดดกอดแต่มาโอะล็อคตัวสกัดเอาไว้ก่อน
“เออ! ฉันลืมไปเลย!” ไซจิโผลงออกมา
“อะไรหรอคะ”
“เธอชื่ออะไรน่ะ”
“...”
ทุกคนหยุดทุกกิริยาบทแล้วหันมาฟังอย่างจดจ่อ เด็กสาวเรือนผมสีชมพูฉีกยิ้มออกมาแล้วพูดเสียงหวานว่า
“นานามิ...”
“เห...?”
“ชื่อของฉันคือ ชิบาตะ นานามิค่ะ! นับแต่นี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ขวับ~
ทั้งหมดรีบหันหลังให้ทันทีที่นานามิแนะนำตัวเสร็จ
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะเจ้าพวกนั้นหน้าแดงกันยกก๊วนไง!
แถมโซลสมองยังตะโกนกันเป็นเสียงเดียวเลยว่า...
‘น่ารักว่ะ! =/////////=’
ความคิดเห็น