ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic Princess Ver.Buddyfight] blood love - เรื่องราวเจ้าหญิงกับรักไม่เป็นจริง

    ลำดับตอนที่ #2 : Story 2

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 64


    Story: Sleep
    Original Story: Snow White and the only dwarf
    Part:จบในตอนเดียว
    ECT:เรื่องนี้มิได้ให้ตัวละครเสียหายแต่อย่างใดหรือไม่มากก็น้อยได้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของตัวละคร เพราะนิยายจัดทำขึ้นเพราะนีตของผู้เขียน จึงขอโทษมา ณ ที่นี้อีกครั้งด้วยค่ะ
















    "อะแฮ่มๆ...เรื่องที่สองที่ฉันจะเล่าเรื่องเล่านั้น...คือเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงองค์หนึ่งที่ถูกคำสาปจากราชินีผู้ชั่วร้ายและคนแคระผู้หนึ่งที่หลงรักเจ้าหญิงและต้องการจะปกป้อง...และบทสรุปเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เชิญรับชมได้เลยค่ะ..."




















         ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ภายในปราสาทหลังหนึ่งใจกลางเมือง ฝีเท้าคู่ของราชินีแห่งความชั่วร้ายร่ายเวทย์บทหนึ่งใส่กระจกบานใหญ่บานหนึ่งกำลังร้องเรียงในห้องพักของตนเองลำพัง ห้องเวทย์มนต์ของตนเอง

    “กระจกวิเศษเอ๋ย...ใครคือผู้งดงามในปฐพีนี้กัน”นางเอ่ยถามกับกระจกตรงหน้าพลางยิ้ม
    “คนที่งดงามและมีเสน่ห์...คือเด็กสาวที่ชื่อมิคาโดะ กาโอขอรับ”ใบหน้าปริศนาในกระจกแสนเลือนลางเอ่ยขึ้นพร้อมปรากฏใบหน้าแสนน่ารักของเด็กสาวผมแดงน้ำเงิน ดวงตาสีทองเปล่งประกายที่งดงามอย่างเด่นชัด
    “กรี๊ด!!!ยัยเด็กคนนั้นอย่างงั้นรึ ทำไมถึงเป็นยัยเด็กนั่น!มันงดงามกว่าข้าตรงไหนกัน!”ใบหน้าของราชินีกลายเป็นสีหน้าขุ่นเคืองและแววตาสีชาดของความอิจฉาริษยาต่อเด็กสาวที่กระจกวิเศษตรงหน้าเอ่ยขึ้นมา
    “แบบนี้ช่วยมิได้แล้วเสีย!!”ตะโกนออกไปพร้อมทั้งเรียกนายพรานหนุ่มเอ่ยคำสั่งหนึ่งออกมาทันที แต่เด็กสาวผมแดงน้ำเงินที่แอบฟังนั้นจึงตัดสินใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา
    “ต้องรีบหนีไปแล้วซิ...”มิคาโดะ กาโอพูดพึมพำก่อนจะรีบเดินออกไปจากปราสาทแห่งนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่นายพรานจะมาถึงและสังหารตามคำสั่งของราชินีผู้ชั่วร้ายคนนั้น





         ฝีเท้าคู่ของเด็กสาวผมแดงน้ำเงินยังคงเดินจากการหลบหนีของนายพรานหนุ่มในป่าแห่งหนึ่ง แม้จะต้องระมัดระวังตัวทั้งสิ่งมีชีวิตในป่าด้วย แต่เมื่อมองเงาใหญ่ที่ยืนอยู่กลับหยุดชงักลงพร้อมจ้องมองอีกฝ่าย
    “เจ้าหญิงขอรับ”นายพรานหนุ่มตรงหน้านั่งคุกเข่าพรางจับอาวุธปืนตัวเองแน่น
    “นาย...คือนายพรานที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาจะจัดการฉันซินะ”กาโอเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เดินถอยหลังเล็กน้อย
    “มิใช่ขอรับ...แต่ข้าจะช่วยให้ท่านพ้นจากแม่มดตนนั้นขอรับ”นายพรานหนุ่มตรงหน้าลุกขึ้นยืนและเดินหน้านำทางไป
    “ช่วยฉันงั้นเหรอ?งั้นฝากด้วยล่ะ”










         นายพรานหนุ่มพาหญิงสาวเดินมาเรื่อยๆจนถึงกระท่อมแห่งหนึ่ง เขาบอกเรื่องบางอย่างและกลับมาบอกว่าให้ตัวเธออยู่ที่นี่ซักพัก ซึ่งที่แห่งนี้มีคนแคระอาศัยอยู่รวมกันเจ็ดคน แต่ละคนต่างมีนิสัยแตกต่างกัน

    เริ่มจากคนแรกสุดคือบัสต์ เป็นชายแคระพี่ใหญ่มีผมสีดำแซมแดง มีนิสัยหงุดหงิดง่ายและกินเก่งที่สุด

    คนที่สองคือดรัม ชายแคระคนรองมีผมสีเหลืองออกโทนส้ม มีนิสัยหัวทื่อและมักทะเลาะกับบัสต์เรื่องของกิน

    คนที่สามคือเอ็คเซีย ชายแคระหน้าสาวมีผมสีเหลือง มีนิสัยที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองและรักพี่คนรองที่สุด

    คนที่สี่คืออลิอ็อต ชายแคระมีผมยาวสีม่วง มีนิสัยเงียบขรึมแต่มักจะทะเลาะกับดรัมและบางครั้งจะช่วยห้าม

    คนที่ห้าคือแคทชิท ชายแคระมีผมเทาอ่อนที่มีนิสัยชอบเอาแต่ใจแต่มีความเพียรพยายามและสนุกสนาน

    คนที่หกคือเซนโฮลี่ ชายคนแคระมีผมสีเหลืองที่มีนิสัยเหมือนเด็กในบางครั้งและชื่นชมในตัวพี่ใหญ่ของบ้าน

    และคนสุดท้ายคือบัล ชายแคระคนน้องสุดมีผมสีแดง แม้นิสัยจะเด็กสุดๆแต่เรื่องอื่นๆถือว่าหนักเอาเบาสู้ที่สุด

    แถมยังชอบเด็กสาวมาก หลังจากที่อยู่กับพวกเขานั้นประมาณสัปดาห์หนึ่งแล้ว และกาโอก็อาจชอบเขาก็ได้






         ทว่าเรื่องที่มิคาโดะ กาโอยังมีชีวิตอยู่และอาศัยอยู่กับบ้านของคนแคระเข้าหูของราชินีแห่งความชั่วร้าย ในหัวของเธอคิดเรื่องที่จะกำจัดเด็กสาวคนนั้น เมื่อถามกระจกวิเศษนั้นก็ตอบอย่างเพิ่งเฉยจนเธอหงุดหงิดกว่าเดิม จนสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งสังหารชายนายพรานคนนั้นจนเสียชีวิต
         ทว่าความคิดอันชั่วร้ายบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มแสนน่ากลัวปรากฎบนใบหน้าสวย ดวงตากลายเป็นสีแดงดั่งความโทษะภายในจิตใจ มือของเธอคว้าไม้คฑาของตนเองขึ้นมาพร้อมร่ายเวทย์ให้ตนเองเป็นยายแก่ และจับผ้าคลุมสีดำคลุมหัวพร้อมหยิบตระกร้าที่มีแอปเปิ้ลอาบยาพิษลูกหนึ่งใส่ลงไปและเดินออกไป





         ทางอีกด้านหนึ่ง กาโอยังคงอาศัยอยู่ที่กระท่อมบ้านของคนแคระทั้งเจ็ดที่ตอนนี้ต่างออกไปทำงานข้างนอก ทำให้ที่นี่มีเพียงเธอคนเดียว เช้านี้ตัวเธอก็ต้องไปทำความสะอาดกระท่อมหลังนี้รวมทั้งทำอาหารเช้า ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คนแคระทั้งเจ็ดที่ค่อยดูแลตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ล่ะนะ

    ก๊อก!ๆๆ

         เสียงเคาะหน้าต่างไม้ดังขึ้นเรียกสติของกาโอได้ดี จึงรีบเดินไปเก็บของทำความสะอาดที่ชั้นวางของและปิดฝาถ้วยและจานอาหารบนโต๊ะอาหาร ฝีเท้าคู่เดินไปที่หน้าต่างพรางยื่นมือทั้งสองเปิดหน้าต่างออก
    “สวัสดียามเช้านะจ๊ะ แม่หนู”ราชินีแห่งความชั่วร้ายในร่างยายแก่เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
    “สวัสดีนะ คุณยาย”กาโอยิ้มทักทายเช่นกัน ทั้งสองคุยทั้งเรื่องคนแคระและการอาศัยของเธอ จนกระทั่ง...
    “โฮะๆ ว่าแต่แม่หนูทานแอปเปิ้ลของยายมั้ยจ๊ะ”เธอยื่นแอปเปิ้ล'พิษ'ในตระกร้าออกมา ดวงตาสีทองจับจ้องมัน


    สีแดงของแอปเปิ้ลอันเย้ายวน ชวนลิ้มลองความหวาน
    ที่ต้องการคือรสชาติสุดท้าย...ที่จะให้เจ้าได้หลับไหลตลอดกาล


    “แอปเปิ้ลเหรอ? งั้นขอรับไว้ด้วยความเต็มใจนะ”มือทั้งสองรับแอปเปิ้ลลูกนั้นพร้อมทานมันจนหมด รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของราชินีแห่งความชั่วร้ายในร่างยายแก่อีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะที่หายจากที่นี่ไป


    มันคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความยินดีที่ตอนนี้เด็กสาวได้หลับใหลดั่งใจคิด...










         เวลาที่ตะวันลับขอบฟ้าคือสัญญาณบ่งบอกเวลาที่คนแคระทั้งเจ็ดกลับมาจากการทำงาน สิ่งที่เห็นคราแรกคือประตูของกระท่อมบ้านเปิดออกเพียงเล็กน้อย ฝีเท้าของทั้งเจ็ดคนมองโต๊ะที่อาหารในจานชามเย็นลง

    น่าแปลกนัก?ปกติกาโอทำอาหารทุกครั้งอาหารจะอุ่นทุกครั้ง
    หรือจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ!?

    ทว่า! สายตาของทั้งเจ็ดคนก็เจอกับเด็กสาวที่กำลังออกตามหา ตอนนี้ร่างนั้นนอนแน่นิ่งบนพื้นสร้างความตกใจแก่คนแคระทั้งเจ็ดเป็นอย่างมาก และรู้ว่าเธอตอนนี้นั้น...เป็นเจ้าหญิงนิทราเป็นที่เรียบร้อย...
    ด้วยฝีมือของราชินีผู้ชั่วร้ายที่กลายเป็นแม่มดแสนชั่วร้ายไปเสียแล้ว


         คืนวันเดียวกันที่ยามคืนนี้ดวงจันทร์เป็นสีชาด สายฝนพร้อมพายุโหมกระหน่ำ ราชินีผู้ชั่วร้ายกำลังหนีจากการตามไล่ล่าของคนแคระทั้งเจ็ดที่ถืออาวุธของตนเอง ฝีเท้าของเธอเดินมาถึงยอดหน้าผาและตั้งใจจะผลักหินขนาดใหญ่หมายจะให้กลิ้งลงไปทับเหล่าคนแคระ ทว่าราชินีผู้ชั่วร้ายพลาดตกยอดหน้าผาลงไปเสียเอง

                                            กรรมใดใครก่อ...ผลกรรมนั้นย่อมรับผล










         เมื่อกลับมาถึงกระท่อมเหล่าคนแคระท้ั้งเจ็ดต่างพาร่างของเด็กสาวที่หลับใหลนอนบนเตียงสีขาว ดวงตาสีแดงกลมโตของคนแคระคนสุดท้องหรือ'บัล'ยังจ้องมองร่างของกาโอที่ยังหลับไหลอยู่ เจ้าตัวยังรอเสมอ...


    เฝ้ารอจะเห็นประกายในสายตาของเธออีกครา
    เฝ้ารอจะเห็นรอยยิ้มของเธอ ได้อีกซักครา
    แม้จะถูกหลับไปนานเพียงใดก็จะเฝ้ารอ...แม้บทสรุปของตอนจบนั้นจะต้องผลิกผันตามกาลเวลา


    “ยาพิษ รู้สึกจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหนูโดนคำสาปจากแม่มดนั่นล่ะนะ”บัตส์เอ่ยพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิด
    “ยาพิษ!?ถ้างั้นก็หมายความว่ากาโอต้องหลับนิทราแบบนี้ไปตลอดซิครับ”เซนโฮลี่เอ่ยเสริมและตกใจไม่น้อย

    คำสาปที่รับรู้มา จะต้องไม่เป็นดั่งว่า...

    'ภาวนาให้สิ่งเหล่านี้มันไม่จริง......'
    บัลขอสวดภาวนาให้เป็นแบบนั้น

    “แต่ว่า...บางทีเธออาจแค่นอนหลับและบางทีเธอนั้นอาจจะยังหายใจก็ได้นะบัล”บัลเอ่ยออกมาทันที ทำให้คนแคระคนอื่นๆหันมามองและเริ่มที่จะปรึกษาหารือกัน ขณะที่บัลยังคงภาวนาภายในใจว่าเด็กสาวต้องตื่นขึ้นมา


    'ได้ยินไหมเสียงตะโกนในหัวใจ ยังร่ำร้องและพร้อมจะรอเธอนิทราจะตื่นขึ้นมา'



         เวลาแห่งการเฝ้ารอจนล่วงเลยผ่านไป บัลยังคงรอที่จะให้เด็กสาวนิทราได้ฟื้นคืนมาอีกครั้งจนลืมวันคืนและเวลาที่เกินผ่านจนคนอื่นๆเริ่มเป็นห่วง ความหวังของบัลตอนนี้ที่มีเริ่มเปลี่ยนเป็นจินตนาการของตนเอง

    'แม้จะแลกด้วยชีวิตยังไม่พอให้เธอนั้นฟื้นขึ้นมา'

         แม้จะหาหนทางแก้ไขถึงเรื่องการถอนคำสาปจากยาพิษของราชินีผู้ชั่วร้าย แต่ก็ไม่สามารถให้อีกฝ่ายตื่นจากนิทรา...หรือจะทำได้เพียงเชยชมกับร่างที่ไร้วิญญาณกันแน่!!

    “แต่ว่า...บางทีเธออาจแค่นอนหลับและบางทีเธอนั้นอาจจะยังหายใจก็ได้นะบัล”ตนเองเอ่ยพึมพำกับตัวเองอยู่...เสียงตะโกนภายในใจยังคงร่ำร้องออกมาและพร้อมรอให้ตื่นจากนิทรา...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร










    “เธอนั้นตายไปแล้ว!


    ไม่! เธอยังไม่ตาย!!


         เสียงอึกทึกครึกโครม การทะเลาะที่ดุเดือดภายในกระท่อมของคนแคระทั้งเจ็ด ทำให้เหล่าสรรพสัตว์ตัวน้อยใหญ่สะดุ้งตกใจและลอบมองผ่านหน้าต่าง เรื่องที่ทั้งคนแคระทั้งเจ็ดพูดคุยจนเดือดตอนนี้คือเรื่องของกาโอที่ตอนนี้ยังนอนหลับนิทราอยู่ และคนแคระคนอื่นๆนอกจากตัวของบัลแล้ว ก็คิดว่าเด็กสาวนั้นคงน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่รับยาพิษจากแอปเปิ้ลนั่นของราชินีผู้ชั่วร้ายไปแล้ว แต่ตัวบัลยังคงขัดแย้งและเอ่ยว่ากาโอนั้นยังไม่ตาย...เด็กสาวยังมีชีวิตอยู่ ตนไม่เชื่อว่าเด็กสาวนิทราตายไปแล้ว

    “ดื้อด้านซะจริงเจ้านี่!! เฮ้ย!พาร่างของกาโอหลับในโลงแก้วซะ”บัตส์ พี่ใหญ่ของคนแคระตวาดใส่คนอื่นๆ
    “เอ๊ะ!?แต่ผมว่า---”ขณะคนแคระคนที่เจ็ดอย่างเซนโฮลี่จะเอ่ยออกมานั้น
    “เฮ้ย!ฉันบอกแล้วว่าให้ไปทำไงเจ้าพวกโง่เอ้ย!!”อีกฝ่ายสะดุ้งตัวโยงก่อนเอ่ยตอบรับ
    “ร...รับทราบครับ”
    แต่หารู้ไม่ว่า...สิ่งนั้นกลับกลุ่มก้อนความมืดภายในใจของบัลกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆจนมืดดำสนิท

    ใครขวางทางของฉัน...”ถือดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาและเดินตรงไปยืนข้างหลังพร้อมตวัดดาบฟันคอจนตัวล้มลง


    มัน-จะ-ต้อง-ตาย!!


         ดาบเล่มนั้นก็ระเลงไปเรื่อยๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหล่าสรรพสัตว์ตัวน้อยมองเห็นกลับตกใจและรีบวิ่งหายตัวแยกย้ายกลับเข้าบ้านในป่าของตนเอง ดาบปลายแหลมฟาดฟันย้อมของเหลวสีชาดซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อยๆ ร่างของคนแคระแต่ละคนนอนแน่นิ่งและไร้ลมหายใจ ฝีเท้าคู่พร้อมดาบแหลมแปดเปื้อนเลือดเดินตรงมาที่คนแคระคนที่สามที่ยังเหลือรอด ร่างไร้สติที่ความมืดในใจและแววตาเยือกเย็นของบัลยกดาบและตั้งท่าขึ้นมา



    “บ...บัลจัง อย่าทำฉันเลยนะ ฉันไม่ได้คิดเหมือน---อ๊าก!!” คมดาบฟาดฟันคอสบั้นอีกฝ่ายลงแน่นิ่งกับพื้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นมองภาพตรงหน้าพร้อมได้สติขึ้นมา ดาบในมือของตนหล่นลงพื้นและทรุดตัวนั่งกับพื้น มองมือทั้งสองของตนเองที่ย้อมความมืดพึ่งเกิดขึ้นและตอนนี้มันหายไป จะว่าเสียใจไหม...ก็ไม่หรืออาจจะใช่ แต่ถ้าจะดีใจมั้ย...ก็น่าจะไม่เลย และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปถูกหรือไม่ หัวใจของบัลเองก็ตอบสิ่งนั้นไม่ได้

    แต่ตนเองก็อยากจะขอทำแบบนี้...เพื่อให้คนคนหนึ่งฟื้นขึ้นมาเท่านั้น



    ภาวนาให้สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เพียง.........

    ...ความฝัน...

    ...ความฝันที่อยากให้คนสำคัญที่ตนรักไม่อาจนิทราแบบนี้...











         กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปี ร่างเด็กสาวผมแดงน้ำเงินยังคงหลับใหลบนแท่นแก้วสีขาวโปร่งแสงดังเดิม ขณะที่ร่างคนแคระผู้หนึ่งที่เฝ้ารอตอนนี้แก่ชราตามอายุไข น้ำตาใสไหลออกมาก่อนหลับชั่วนิรันทร์ก่อนจากโลกนี้ เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาเรื่องราวตอนจบของความรักอันนิรันด์ มันไม่ใช่อย่างที่ตนคิดก่อนหน้านี้










    สุดท้ายแล้วความรักไม่ใช่นิรันดร์

    สุดท้ายแล้วตอนจบก็ต้องจากกัน

    บทสรุปสุดท้ายที่เคยเข้าใจในตอนนั้น

    ทำได้เพียงเข้าใจอย่างนั้นอย่างเดียวดาย........















    “สรุปคือ...คนแคระคนนั้นยังรอผู้หญิงคนนั้นแม้จะโดนคำสาปนั้นต่อไปเหรอครับ?”เสียงของมิเซเรียเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับทานของหวานในจานพร้อมดื่มชาในถ้วยที่พึ่งถูกหญิงสาวรินให้ใหม่

    “ใช่ค่ะ แต่นั่นสิ่งนั้นไม่จีรันดร์ตลอดไปหรอกค่ะ ทั้งความรักและเรื่องนั้นด้วย...”พูดจบก็ถอนหายใจออกมา

    “แล้ว...เด็กสาวคนนั้นหลังจากที่หลับแบบนั้น จะมีคนช่วยมั้ยครับ”อีกฝ่ายเอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย

    “ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นจะมีเจ้าชายมาช่วยถอนคำสาปและเด็กสาวที่ตื่นจากนิทราพบว่าคนแคระที่ดูแลเธอจากโลกใบนี้ก็รู้สึกเสียใจมากก็ใจแตกสลายและเลือกจบชีวิตตนเองค่ะ”หญิงสางพูดจบก็ปิดหนังสือเล่มนั้นลง

    “เหมือนที่ผมเคยเจอที่ผมเดินทางไปทุกยุคสมัยของโลกนี้งั้นเหรอครับ”มิเซเรียถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะดั้งเดิม ในหัวของเขาคิดถึงเรื่องอดีตที่เขาเคยผ่านมา...ที่มีทั้งสุขและทุกข์
    “ผมเริ่มเข้าใจแล้วครับบว่า ทำไมคุณถึงเชิญผมแบบนี้...”เขายิ้มออกมาเล็กน้อยพลางพยักหน้าตอบ

    “คุณมิเซเรียรู้แล้วซินะคะว่าจุดประสงค์คืออะไรน่ะค่ะ”หญิงสาวพยักหน้าตอบเล็กน้อยพลางยิ้มตอบเช่นกัน

    “เพราะเรื่องนี้มันมีจุดเชื่อมโยงกับพวกเขาซินะครับ แล้วมีเรื่องอื่นๆต่อใช่มั้ยครับ”มิเซเรียเอ่ยตอบขึ้นมาก่อน

    “สมแล้วที่เป็นราชันท์วารีสามเขาจริงๆ ใช่แล้วค่ะ...”หญิงสาวพูดจบจึงหยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาวางอีกครั้ง
    “แต่เรื่องราวแห่งความจริงของเรื่องยังมีอีกนะคะ ถ้าถามว่าจะเป็นเรื่องอะไรน่ะเหรอ?”







    ...ก็ต้องติดตามตอนต่อไปล่ะนะคะ...




















         เรื่องราวที่สองจบไปแล้วค่ะ...โดยตัวเอกดำเนินเรื่องคือมิคาโดะ กาโอ ตัวเอกของเรื่องบัดดี้ไฟท์นั่นเอง โดยเรื่องนี้ก็ดัดแปลงจากเพลงSnow White and the only dwarfของพี่บุ๊ค[Bookiezz]อีกครั้ง ซึ่งเอาจริงๆเรื่องคิดชื่อเหล่าคนแคระยากจริงๆเพราะตอนแรกคิดว่าชื่อคนแคระจะเอาชื่อบัดดี้ของกาโอ แต่พอคิดไปๆมาๆกับเหลือซะงั้น เลยขุดคุ้ยเอาชื่ออื่นมาซะเลย//หัวเราะกับตัวเองทีหนึ่ง
         และก็เช่นเคย...หากนิยายเรื่องนี้สนุกหรือบกพร่องอะไรก็คอมเมนท์หรือกดปุ่มหัวใจ เพื่อให้กำลังใจให้กับผู้เขียนมือใหม่อายุ19ด้วยเน้อเจ้า...




    ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ขอตัวไว้เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ครั้งต่อไป See you next showtime :)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×