ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ending [ทำมือ] ◦แพศยา◦

    ลำดับตอนที่ #2 : #ผู้หญิงแพศยา :: Episode 2 {อัปครบ}

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 61



    -E P I S O D E 02-

    วันเดียวกัน เวลา 21 :: 25 นาฬิกา

    เมื่อกี้นี้แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าธุระที่ท่านไปทำกับพ่ออาจจะต้องใช้เวลาเลยขอกลับพรุ่งนี้สายๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เอาจริงๆ คือผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับการตัดสินใจของท่านอยู่แล้ว

    รวมถึงการที่ท่านก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาใหม่ของพ่อเกล...คนที่ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นผู้หญิงของผม

    เคยเป็น และตอนนี้ยังเป็นอยู่

    พูดถึงยัยแม่มด จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่กลับบ้าน โทรไปก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่แม้แต่จะอ่าน ไม่รู้ว่าไปสำมะเลเทเมากับเพื่อนอีกหรือเปล่า เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้ว...

    ดื้อด้าน น่าหาโซ่มาล่ามไว้จริงๆ

    ผมเคี้ยวอมยิ้มจนได้ยินเสียงกรอบแกรบขณะชำเลืองมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ สามทุ่มครึ่งแล้วก็ยังไร้วี่แววว่าเธอจะกลับมา เมื่อก่อนไม่เห็นเสเพลแบบนี้

    เธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ แน่นอนว่าผมรู้...รู้ว่าอะไรทำให้เธอกลายเป็นอีกคน

    สี่ทุ่ม...ให้เวลาถึงสี่ทุ่ม ถ้ายังไม่กลับมาได้เห็นดีกันแน่

    ผมถอนหายใจออกมาเงียบๆ ขณะนั่งไถโทรศัพท์อยู่บนโซฟาห้องรับแขก ความจริงแล้วเวลาแบบนี้ผมควรไปสุมหัวกับกลุ่มเพื่อนที่แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นร้านนั่งชิลประจำของพวกเรา แต่วันนี้ขี้เกียจนิดหน่อยเลยโทรไปแคนเซิล

    เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า กระทั่งสี่ทุ่มหนึ่งนาที...ประตูบ้านก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างผอมเพรียวราวกับนางแบบของพี่สาวนอกไส้ เธออยู่ในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัวแต่ผมกลับมองว่าขนาดเล็กไปเมื่อเทียบกับคนหุ่นของเธอ

    ตรงนั้นใหญ่เกิน...กระดุมเสื้อนักศึกษาจะปริอยู่แล้ว

    “...” เกลเห็นผมที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนี้เป็นสิ่งแรก แต่ปฏิกิริยาของเธอช่างเฉยชา เพราะใช้เพียงแค่หางตามองแล้วเคลื่อนกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่...

    ตุ้บ!

    ผมโยนดอกไม้ดอกหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เสียบอยู่ในแจกันเฉียดหน้าเธอไป และนั่นเป็นการรั้งไม่ให้เธอกลับขึ้นห้องเพราะยังมีเรื่องที่เราต้องสะสาง

    “กลับดึก” ผมเลิกสนใจทุกอย่างแล้วมองหน้าเธอ “ไปไหนมา”

    “...” เกลมองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะหลุบตามองดอกกุหลาบสีแดงสดที่ตกอยู่ข้างเท้าเธอ กระทั่งเธอใช้เท้าข้างนั้นเหยียบมันจนยู่ยี่และแบนราบไปต่อหน้าต่อตา

    เธอเคยบอกว่าชอบดอกกุหลาบ แต่ตอนนี้เธอใช้เท้าเหยียบมัน

    ผมถือว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยบอกว่ารักผม แล้วดูตอนนี้...

    “ฉันถามเธอ”

    “ไม่ใช่ธุระของนาย...” 

    “...เหรอ” คำพูดนั้นของเธอคล้ายกับจะขาดห้วงเมื่อผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเธอ สิ่งแรกที่ผมทำคือใช้มือข้างหนึ่งผลักเธอติดผนังห้อง 

    อย่าคิดว่าเธอจะตกใจแล้วมีท่าทีตื่นตระหนกเหมือนผู้หญิงคนอื่น

    สำหรับเกล...เธอมักมองว่าการกระทำของผมนั้นไร้ความหมาย

    และตอนนี้เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งราวกับมีคำถามว่า จะทำอะไรน่าสมเพชอีกแล้วล่ะสิ?ทว่านัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรมา”

    ผมเค้นเสียง

    “ถ้าฉลาดนัก เมื่อกี้จะถามทำไมว่าไปไหนมา” เธอไม่กลัวผมเลยสักนิด “หยุดทำแบบนี้สักที น่าขยะแขยง...อือ!” 

    คำพูดนั้นดังขึ้นพร้อมกับการที่เกลเหลือบมองมือข้างหนึ่งของผมที่สัมผัสหัวไหล่เธออยู่ ผมรับรู้ได้ว่าเธอพะอืดพะอมมากขนาดไหน แต่รู้ไหม...

    คน ปากดีจะต้องเจอกับ ปากผม

    รู้ตัวอีกทีริมฝีปากสีแดงสดที่เผยอขึ้นก็ถูกตะโบมเข้าหาด้วยริมฝีปากของผมเอง

    ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันรวดเร็วระดับไหน แต่เกลสะอึกด้วยความตกใจตั้งแต่คราวแรกที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ยิ่งกว่านั้น เสียงที่เหมือนซี่ฟันกระทบกันก็พอจะเป็นคำตอบว่าผมดุดันกับเธอมาก...มากจนได้กลิ่นเลือดตามมาติดๆ

    “อื้อ...” เกลไม่ได้คราง เธอแค่ดิ้นรนและพยายามเค้นเสียงออกมาเพื่อขับไสผม แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล

    เธอร้ายกาจ สารเลว เลือดเย็น ทว่าเมื่อพูดถึงพละกำลัง...ยังไงผมก็เหนือกว่า

    และเชื่อเถอะ นี่ไม่ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ในเมื่อเธอทำกับผมไม่น้อยกว่ากัน

    อย่างช่วงสายของวันนี้...ที่เกลไม่กลับมารับผมมันไม่ใช่การปล่อยเบลอเพื่อเอาคืนที่ผมโกหกพ่อเรื่องรถเสียรวมถึงมีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง แต่เธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง และคนๆ นั้นคือไอ้ 'ผา' ศัตรูที่บาดหมางกับผมมายาวนานหลายปี

    เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในเมื่อไอ้เหี้ยผาคือคนรักของเกล...มันเป็นแฟนเธอ และเธอก็เป็นผู้หญิงของผมอีกที

    เรื่องมันเริ่มต้นจากวันนั้น...และเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของเราสองคน

    ถ้าถามว่าผมรู้ได้ยังไง คำตอบไม่มีอะไรซับซ้อน ผมเช็กตำแหน่งของเธอจากโทรศัพท์ แล้วพบว่าเกลอยู่ที่อู่ซ่อมรถของมัน เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าเธอให้เวลากับมันมากกว่าผมที่เป็น...ผัวเก่า

    ผัวเก่าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นน้องชาย

    และเธอกำลังถูกน้องชายคนนี้ขยี้...จะขยี้ให้หายอวดดี

    เมื่อนึกถึงสาเหตุหลักที่ทำให้พายุในใจก่อตัว ผมก็ใช้มืออีกข้างฉีกเสื้อนักศึกษาของเธอดัง 'แควก' จนกระดุมทั้งหมดหลุดออกจากรูเสื้อในคราวเดียว และมีอยู่สองเม็ดที่ขาดจนกระเด็นไปตกบนพื้น

    พึ่บ...

    ซากเสื้อนักศึกษาของผู้หญิงถูกผมเขวี้ยงลงพื้นทั้งๆ ที่ริมฝีปากยังสาละวนกับเรียวปากชุ่มชื้น

    กลิ่นคาวเลือดซึมมาถึงปลายลิ้นผม ผมรับรู้ได้ถึงตัวตนเก่าๆ ของตัวเอง...ตัวตนที่เกลเคยบอกว่าไม่ชอบแต่ก็ยอมทนเพราะรัก

    เมื่อไหร่ที่ไปเจอหน้าไอ้ผา ผมจะจูบเธอให้ขาดอากาศหายใจ

    เมื่อไหร่ที่กอดมัน สัมผัสมัน ผมจะทำเหมือนที่เธอทำกับมันด้วยเลเวลที่มากกว่า

    และเมื่อไหร่ที่เธอแสดงออกว่ามันสำคัญกว่าผม ผมจะทำให้เธอรู้ว่าต่อให้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คนที่มีสิทธิ์ในตัวเธอมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

    “เธอถูกฉันสั่งสอนไปแล้วกี่ครั้ง จำได้ไหม?” ผมผละริมฝีปากออกมาเพียงเล็กน้อยพอให้มีช่องว่างเพื่อกระซิบถาม เกลหอบหายใจ แต่สายตาคู่นั้นยังคงเย็นชาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรังสีความเกลียดชังที่สาดออกมา “เอย์ไม่ชอบให้เกลไปกับผู้ชายคนอื่น บอกกี่ทีแล้ว”

    สรรพนามนี้...เมื่อก่อนผมกับเกลใช้แทนกันและกัน

    “นายไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน” เกลกลั่นเสียงที่ห่างเหินจนรู้สึกเหมือนจะเอื้อมมือไปแตะไม่ได้ออกมาขณะมองหน้าผม “และฉันไม่อินกับการทำตัวเวรๆ ของนาย มันต่ำตม”

    “...เหรอ” ผมหลุบตาลงต่ำ...มองเสื้อนักศึกษาของเธอที่กองอยู่บนพื้น

    ถ้าจำไม่ผิด ตัวนี้เป็นตัวที่ 3 ที่ผมกระชากทิ้งจนขาดวิ่น และมันเป็น จำนวนครั้งที่ผมสั่งสอนเธอนับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ในฐานะน้องชายผู้แสนน่ารัก

    วันนี้จะมีครั้งที่4

    “หลีก” ไม่เพียงแค่ใช้น้ำเสียงห่างเหินเย็นชา แต่เกลยังพยายามใช้สองมือเล็กๆ ผลักให้ผมออกห่างจากเธออีกด้วย

    แต่ผมไม่สะเทือน ไม่เลยสักนิด

    หมับ!

    “ฉันดื้อแค่ไหน เธอน่าจะรู้” ผมรวบมือทั้งสองข้างของเธอด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะบีบแน่น...แน่นจนเห็นบางอย่างปรากฏในแววตาคู่นั้น ซึ่งผมดูออกว่าเธอกำลังเจ็บ

    ถ้าเธอไม่เจ็บที่ใจ ก็คงต้องทำให้เจ็บที่ร่างกาย

    ผมรู้ว่าการทำให้เกลเจ็บมันเป็นเรื่องยาก...เพราะงั้นผมจึงต้องทำในสิ่งที่เธอเกลียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

    ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนครั้ง ท้ายที่สุด...บาดแผลที่ผมสร้างไว้มันจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในใจเธอ ตกตะกอนอยู่ในความรู้สึกเธอ...

    และเธอจะต้องทรมานเหมือนอย่างที่ผมเป็น

    “นายแค่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง...เอย์” เล็บยาวๆ ของเกลจิกลงผิวเนื้อบริเวณหลังฝ่ามือผม ซึ่งเป็นข้างที่กำลังบีบมือเธอ

    และใช่ เธอทำให้ผมได้แผลแทบจะในทันที

    “ฉันฟังเธอมาทั้งชีวิตแล้ว”

    “...”

    “ฉันทำเพื่อเธอมาเยอะแล้ว” ผมยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวผมเองยังรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่ยังคงออกฤทธิ์...และเธอเป็นสาเหตุ เธอทำให้ผมเป็นแบบนี้ เพราะเธอคนเดียว “ถึงเวลาที่ฉันต้องทำเพื่อตัวเองสักที”

    “เอย์...ไอ้...” เกลทำท่าจะพ่นคำด่า แต่ผมใช้มืออีกข้างกระชากท้ายทอยเธอเพื่อให้ขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากตัวเองปิดเสียงนั่นทันทีด้วยความรำคาญ ความเข้มข้นของเลือดตรงริมฝีปากเเละปลายลิ้นยังคงเด่นชัดทั้งกลิ่นคาวรวมถึงรสชาติอันขมปร่า “นายจะทำแบบนี้...ไม่...อือ”

    ยัยมารร้ายพยายามเค้นเสียงออกมาผ่านสัมผัสที่ผมมอบให้ แต่มันกลับกระท่อนกระแท่นและฟังแทบไม่ได้ศัพท์ เอาจริงๆ ผมไม่ได้อยากฟังด้วยเลยไม่สนใจ

    เธอเกลียดความเอาแต่ใจของผม เกลียดรสจูบและสัมผัสจากผม เกลียดเซ็กส์ที่ผมมอบให้...ไม่ว่าครั้งไหนเธอก็มักจะแสดงออกมาอย่างชิงชัง

    ซึ่งเพราะเธอเกลียดผม ผมถึงยังอยู่ที่นี่ เอาแต่ใจกับเธอ จูบเธอ สัมผัสเธอ และจะทำให้เธอสำลักมันจนตาย

    ตายไปพร้อมๆ กับน้องชายหน้าโง่คนนี้

    End Describe

     

    รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกเอย์อุ้มเข้ามาในห้องของเขา...ก่อนสิ่งห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดจะถูกเขากระชากทิ้งอย่างไม่ใยดี

    ความตกใจก่อตัวขึ้นในความรู้สึกเพียงแวบเดียวตามปกติของมนุษย์คนหนึ่งเมื่อถูกคุกคาม แต่ฉันที่ดูยังไงก็เสียเปรียบอย่างเต็มประตูกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพชหลังจากตั้งสติได้...

    “เดี๋ยวเธอจะหัวเราะไม่ออก”

    ตุบ...

    คำพูดนั้นของเอย์ดังขึ้น ก่อนกล่องถุงยางอนามัยในมือจะถูกเขวี้ยงทิ้งราวกับว่า...ไม่จำเป็นต้องใช้มัน 

    CUT SCENE ...ไปหากันเอาเอง


    หลังจากนั้นหลายชั่วโมง

    ผมนั่งพิงหัวเตียงและกำลังมองเกลที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ

    รอยแดงเต็มตัวเธอไปหมด ข้อมือทั้งสองข้างช้ำเลือด ริมฝีปากแตกและเลือดซิบ หลายสิ่งบอกได้ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมันรุนแรงมาก...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำตัวเลวๆ กับเธอ

    แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความรุนแรงจากผมในปริมาณที่มากกว่าปกติ

    ทว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด

    ผมยังแรงได้กว่านี้ ยังทำให้เธอเจ็บได้ยิ่งกว่านี้...

    End Describe


    ร่างกายฉันถูกกระทำอย่างหนัก และปฏิเสธไม่ได้ว่าเอย์เหมือนหมาบ้าที่ไม่ยอมหยุดจนกว่าฉันจะอ่อนแรงและค่อยๆ หยุดต่อต้าน ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้นัก ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่อยากเก็บมาใส่สมองด้วย แต่สิ่งเดียวที่ฝังอยู่ในความรู้สึกฉันคือ...เอย์หลั่งใน

    เขาทำฉันหลายครั้งและไม่ป้องกันเลยสักรอบ

    เขาคงอยากให้ฉันท้อง คงอยากให้มีพันธะอะไรสักอย่างเพื่อที่ฉันจะได้หมดปัญญาไปตอแยกับผู้ชายคนไหน ทั้งผา และผู้ชายทุกๆ คนบนโลกใบนี้

    เห็นหรือยังว่าผู้ชายคนนี้ทำตัวเฮงซวยขนาดไหน ก็สมควรแล้วที่การใช้สารพัดวิธีเพื่อฉุดรั้งฉันมันไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง

    ฉันนอนคิดอย่างเงียบเชียบไม่นานก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงเตรียมกลับห้อง แต่ หมับ!เอย์ที่นอนอยู่ข้างๆ กลับคว้ามือฉันไว้เป็นการรั้ง จนฉันต้องเคลื่อนสายตากลับไปมองน้องชายสารเลวที่นอนเปลือยอยู่

    ภาพนี้ราวกับเดจาวูเลยว่าไหม?

    เกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้นกับผู้ชายคนเดิมและสถานที่เดิมๆ

    “จะไปไหน” เสียงทุ้มแหบกระซิบถามขณะที่นัยน์ตาคมกล้าสะท้อนภาพฉัน เรือนผมเขายุ่งเหยิงเล็กน้อย บนใบหน้าเนียนใสมีรอยข่วนและรอยแดงมากมาย ฉันพอจำได้บ้างว่าเมื่อมีครั้งที่สองระหว่างเรา...ความคิดอยากฆ่าเขาให้ตายก็แทรกซึมเข้ามาในหัว

    แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่สร้างรอยแผลไว้บนใบหน้าหล่อร้ายที่แม้กระทั่งตอนนี้...ก็ยังดูดีจนอยากอ้วก

    “...” ฉันไม่พูด เพียงหลุบตามองข้อมือของตัวเองที่ถูกกำแน่นจนยากที่จะสลัดให้หลุด

    “ยังไม่ให้ไป” ความเอาแต่ใจของเอย์ไม่เคยมีที่สิ้นสุด ต่อให้น้ำเสียงในเช้าวันนี้ไม่ได้ดุดันแล้วก็ตาม แต่เขาเหมือนเด็กนิสัยเสียที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ 

    ลูกกับแม่สันดานเหมือนกันไม่มีผิด

    “นายมีเรียน” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะปริปากพูดอย่างใจเย็น เชื่อเถอะว่านี่ไม่ใช่การสนทนาปกติ และเอย์คงคิดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ของฉันแอบแฝงอะไรไว้

    ช่วงสายของเมื่อวาน หลังจากวางสายพ่อ ฉันยูเทิร์นกลับเพราะจะมารับเขาไปมหาวิทยาลัยจริงๆ แต่ฉันดันเจอผู้ชายคนหนึ่งเข้าซะก่อน เขาขับช็อปเปอร์ มีพรรคพวกเป็นสิบๆ ผู้ชายคนนั้นชื่อต้าร์

    ฉันไม่รู้ลึกตื้นหนาบางอะไร แต่เขาบอกว่าเอย์ไปสร้างเรื่องร้ายแรง การปรากฏตัวของต้าร์จึงมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการเอาคืน

    เอาคืนแบบไหนไม่รู้ แต่พื้นฐานแล้วคงหนีไม่พ้นการใช้กำลัง พวกนี้ดูแล้วหน่วยก้านไม่เลวด้วย เอย์คนเดียวสู้ไม่ไหวหรอก...

    พรุ่งนี้มันมีเรียนเที่ยงฉันบอกต้าร์แบบนั้น คำว่า พรุ่งนี้ก็คือ วันนี้ที่ฉันพูดกับเอย์เมื่อครู่

    น้องชายเธอ ฉันกะเอามันตาย

    หมอนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้วฉันพูดอย่างเฉยชา อยากทำอะไรก็ทำ

    หลังจากนั้นผาก็เข้ามาเห็น...ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี ฉันอยู่กับผาต่ออีกหน่อยจึงไปเรียน ไม่ได้ลืมเรื่องที่พ่อสั่งเพราะถือว่าฉันกำลังกลับไปรับเอย์จริงแต่ดันเจอศัตรูของเขาเข้า...ซึ่งมันก็เป็นปัญหาของเขาเอง ฉันไม่ได้มีหน้าที่ต้องตามเช็ดตามล้าง

    ฉันยื่นข้อเสนอให้พ่อ แต่ท่านให้คำตอบที่กำกวม แน่นอนว่าการเพิกเฉยเอย์ถึงเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว

    และวันนี้...ฉันหวังว่าเขาจะเจ็บตัว โดยที่ฉันไม่ต้องลงแรงอะไรเลย

    โชคดีนะ เอย์ อชิระ :)


    หลังจากหาเรื่องออกมาจากห้องเอย์ได้ ฉันก็รีบเข้าห้องไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุด ก่อนออกมาฉันไม่ลืมตรวจเช็กความเรียบร้อยของตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นร่องรอยต่างๆ ที่เอย์สร้างไว้บนผิวฉัน

    เอาตรงๆ ฉันใช้คอนซิลเลอร์ไปเยอะมากเพื่อกลบรอยแดงบนต้นคอและใต้คาง แน่นอนว่ากว่าจะสร้างความมั่นใจกับตรงนี้ได้ก็เสียเวลาไปเยอะมากพอสมควร โชคดีที่วันนี้มีเรียนเที่ยงและตอนนี้เพิ่งแปดโมงครึ่ง ฉันจึงไม่รีบเร่งอะไรมาก

    อย่างที่รู้ว่าเมื่อคืนหลังจากกลับเข้ามาในบ้าน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ดก็ถูกเอย์ทำระยำใส่ เป็นผลให้ฉันที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จมีความคิดว่าจะลงไปกินข้าวให้หายหิว แต่...

    กึก

    ก้าวเท้าพ้นบานประตูห้องตัวเองได้เพียงไม่เท่าไหร่ ประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิด...ก่อนผู้ชายในชุดนักศึกษาไม่เป็นระเบียบจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉัน

    “...” ฉันเงียบโดยที่สองตาสะท้อนภาพของผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของเขามีแต่รอยเล็บ ดูเหมือนเจ้าตัวคงตั้งใจเปลือยหน้าแบบนี้เพื่อให้พ่อหรือสายธารถามสินะ

    ก็แล้วแต่...ฉันไม่มายด์

    ถ้าเกิดพ่อรู้ว่าเราสองคนเกินเลยกันมาหลายครั้งแล้ว การถูกลงโทษจะเป็นสิ่งเเรกที่เราสองคนโดน เเละเหนือไปกว่านั้น เรื่องมันจะจบตรงที่ท่านไม่สามารถคบกับสายธารต่อไปได้

    เอย์มีศักดิ์เป็นน้องชายของฉัน พี่สาวที่ไหนมันจะมาเอากับน้องตัวเอง

    คำตอบคือไม่มี หรือถ้ามี...เรื่องมันคงไร้ศีลธรรมน่าดู

    หลังจากสบตากันไม่กี่วินาที ฉันก็เป็นฝ่ายเดินลงบันไดไปชั้นล่างก่อน และพบว่าพ่อกำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ส่วนสายธารกำลังวุ่นๆ อยู่กับการเข้าครัว

    “พ่อกลับมาตอนไหน” ฉันทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามท่าน

    “ตอนหกโมงเช้าน่ะ” พ่อวางแก้วชาบนที่รอง “แล้วทำไมหน้าซีดๆ” ก่อนจะมองหน้าฉันตรงๆ ราวกับมีคำถาม

    ฉันยกมือแตะแก้มตัวเองแล้วสงสัยอยู่เหมือน มั่นใจว่าวันนี้ลงคูชันปกปิดร่องรอยอิดโรยที่พักผ่อนน้อยแล้ว ปากก็ลงลิปสีแดงเลือดหมู...ฉันว่าสภาพวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากทุกวันเท่าไหร่

    แปลกใจที่พ่อเห็นความผิดปกติบางอย่างจากฉัน

    “เกลทำการบ้านจนดึกเลยนอนน้อย” คำแก้ตัวของฉันถูกเปล่งออกไปด้วยโทนเสียงราบเรียบ ก่อนหลุบตามองข้าวต้มหมูซึ่งถูกตักเผื่อไว้แล้ว ปกติ...ถ้ามีเวลาฉันสามารถทำอาหารกินเองได้ แม้สายธารจะมีหน้าที่ตรงนี้ แต่ส่วนใหญ่ฉันมักเพิกเฉยและมองว่าอาหารที่มันทำให้น่าพะอืดพะอมเกินกว่าจะกระเดือกลง

    ฟุบ

    ขณะที่ฉันนั่งชั่งใจอยู่นั้น เอย์ซึ่งเดินตามมาอย่างไม่รีบร้อนก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ทำให้พ่อที่คล้ายกับกำลังพิจารณาฉันในก่อนหน้านี้ต้องเคลื่อนสายตาไปยังผู้มาใหม่

    “เอย์ ทำไมหน้าเราเละแบบนั้นล่ะ” เป็นไปตามคาด พ่อถามเมื่อเห็นรอยเล็บมากมายบนใบหน้าเนียนใสของเขา

    “มีเรื่องนิดหน่อยครับพ่อ” เอย์ยิ้มนิดๆ เป็นเวลาเดียวกันที่สายธารพุ่งเข้ามาหาลูกชายสุดที่รัก

    “เรื่องอะไรกัน! แผลนี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะลูก” ท่าทางโอเว่อร์มาก...มันยังไม่ได้จะตายสักหน่อย

    “ไม่ซีเรียสครับ” มือทั้งสองข้างของสายธารที่กอบกุมใบหน้าเขาก่อนหน้านี้ถูกดึงลงมาจูบอย่างอ่อนโยน “...เอย์ทนได้” 

    “ใครมันทำ บอกแม่มานะ!” ร่องรอยความห่วงใยยังคงปรากฏบนใบหน้าของสายธาร ภาพนั้นทำให้ฉันแค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพช แต่เพราะพ่อและสายธารให้ความสนใจกับน้องเล็กของบ้านจึงไม่ทันสังเกตเห็นเห็นปฏิกิริยาของฉัน

    “เอย์จัดการเองน่า” เอย์ยังคงยิ้มให้สายธารเพื่อที่เธอจะได้เลิกเป็นกังวล สุดท้ายแล้วสายธารจึงยกมือลูบศีรษะเขาแล้วเดินกลับเข้าครัวไป เหมือนมีอีกหนึ่งเมนูที่มันยังทำไม่เสร็จ

    “เรื่องใช้กำลังเพลาๆ หน่อยนะเอย์ ถ้าเป็นไปได้อย่าไปมีเรื่องกับใครให้มาก” เป็นพ่อที่พูดขึ้นมาอย่างหวังดี นำเสียงนั้นเจือความกังวลอยู่กรายๆ

    “...ครับพ่อ” เอย์ตอบเสียงนุ่มนวล ขณะนั้นฝ่ามือข้างขวาของเขาก็เคลื่อนมาตะปบต้นขาข้างซ้ายของฉัน กระโปรงทรงเอที่ฉันใส่อยู่สั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอนั่งแบบนี้เลยทำให้มันร่นขึ้นจนเห็นขาอ่อน และใช่...เขาเลือกจับส่วนที่เป็นผิวของฉัน...ตรงนั้นเองก็มีรอยช้ำจากการกระทำเขาเช่นกัน “แต่เอย์ไม่รู้จะห้าม เขาได้ไหมนะ”

    ชัดเจนเลยว่า เขาที่มันพูดถึงหมายถึงฉันคนนี้

    กึก

    ฉันพยายามกระชากขาออกมาจากมือเขา แต่เอย์ที่กำลังส่งยิ้มให้พ่อกลับเพิ่มแรงบีบขาอ่อนฉันแน่นขึ้น ก่อนจะลากขึ้น...จนปลายนิ้วชี้ของเขาแทบจะสอดเข้ามาในกระโปรงได้อยู่รอมร่อ

    ทำตัวต่ำตมเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

    “มันไม่ได้อยู่ที่เขาอย่างเดียว เอย์เองก็พยายามเลี่ยงๆ หน่อยแล้วกัน พ่อเป็นห่วง” เสียงทุ้มที่พ่อส่งมาให้เอย์ทำให้ฉันคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก

    กับลูกนอกไส้น่ะเป็นห่วงจัง กับฉันท่านเคยพูดแบบนี้บ้างไหม

    ตั้งแต่มีเมียใหม่...ท่านเคยใยดีฉันให้ได้ครึ่งหนึ่งของพวกมันไหม เหอะ... 

    จึก

    “อ๊ะ...ขอบคุณครับ” คำขอบคุณของเอย์กระท่อนกระแท่นขึ้นมาเมื่อฉันใช้ปลายเล็บจิกบนหลังมือข้างที่ทำท่าจะล้วงเข้าไปในกระโปรง แน่นอนว่ามันรุนแรงพอที่เขาจะกระตุก วูบหนึ่งนัยน์ตาคมกริบแสดงออกถึงความคุกรุ่น แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

    “เกลไปเรียนก่อนนะ” เพราะพ่อเอาแต่สนใจไอ้เด็กเวรนี่ ฉันเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตั้งท่าจะเดินออกมาจากบ้าน แต่เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอยู่เบื้องหลังก็ไม่วายฉุดรั้งฉัน

    “กินข้าวก่อน จะรีบไปไหน” พ่อถามเสียงเข้ม ฉันหยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง

    “พี่เกลมีแฟน...เธอคงรีบไปหาเขา” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าประโยคนี้เป็นของใคร

    ต่อให้เขาอายุน้อยกว่าฉัน 1 ปี แต่ปกติแล้วมักจะแทนฉันกับเธอหรือชื่อเล่นของตัวเองมากกว่า เขาเรียกฉันว่า 'พี่' เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อและสายธารเท่านั้น

    ตอแหลดี

    “อะไรนะ!” พ่อเสียงดัง ท่านดูตกใจมากที่รู้ว่าฉันคนนี้มีแฟน

    ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองตลอดเพราะรู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง ถึงฉันจะทำตัวไม่เเคร์โลกเเละดูเป็นเด็กมีปัญหา แต่ท่านก็คาดหวังกับฉันมาก อยากให้ฉันใส่ใจกับการเรียนมากกว่าจะสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หากสุดท้ายเรื่องมันก็ถูกแพร่งพรายเพราะไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเอย์

    แต่ไม่เป็นไร ยังไงสักวันหนึ่งท่านก็ต้องรู้

    ไม่เป็นไร

    “เกลมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่คะลูก” ส่วนประโยคนี้เป็นของสายธาร น้ำเสียงดูตะลึงไม่แพ้กัน

    ถ้ารู้ว่าฉันได้เสียกับเอย์ตั้งแต่มอ.ปลายในห้องน้ำของโรงเรียนจะอึ้งกว่านี้

    “เกล! แกยังเรียนไม่จบ” พ่อดูหัวเสียสุดๆ ฉันเลยบิดยิ้มให้กับคำบอกกล่าวของท่าน “ปีหน้าแกก็จบแล้ว ทนก่อน พ่อไม่อยากให้แกเสียสมาธิ” ฟังแล้วเหมือนพ่อกำลังหวังดีใช่ไหม...แต่ฉันว่าลึกๆ แล้วเหมือนท่านกลัวคนในแวดวงการทำงานมองเราไม่ดีมากกว่า

    พ่อค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม แถมยังชอบพูดอวดโอ้เกินจริงอยู่เสมอ แน่นอนว่าฉันต้องแบกรับความกดดันเหล่านั้นมาหลายปีจนเครียด และใช่ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต...ฉันเคยมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย

    ตอนนั้นฉันโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง บูลลี่ต่างๆ นานา กลับบ้านมาแทนที่จะได้พักผ่อน แต่กลับต้องมาเจอพ่อกับแม่ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ฉันสะสมความเครียดเรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน เรื่องครอบครัว และอีกหลายๆ สิ่ง...ไม่เคยระเบิดมันออกมาเลยสักครั้ง

    มีเพียงแค่นิสัยของฉันเท่านั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนสุดท้ายก็กลายเป็นอีเกลสารเลวอย่างทุกวันนี้ 

    ถึงอย่างนั้นผลการเรียนฉันก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ท่านคาดหวังให้ฉันได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง...

    รู้อะไรไหม ถ้าท่านต้องการมันฉันก็สามารถทำให้ได้ และฉัน...ก็ทำลายความต้องการของท่านให้ย่อยยับคามือได้เช่นกัน

    “เกลแยกแยะได้” ฉันตอบพ่อขณะหยิบรอบเท้าส้นสูงสีแดงสดมาใส่ “ไปก่อนนะคะ” ก่อนจะหันกลับไปบอกลาท่านแล้วเดินจากมาโดยไม่รอเพื่ออยู่ฟังท่านเทศนาอะไรน่ารำคาญ

    ทว่าวูบหนึ่ง...ฉันเห็นเอย์กำลังจ้องมองมาที่ฉัน

    สายตาคู่นั้นแผ่รังสีเย็นเยือกมาถึงตัวฉันราวกับจะบอกกรายๆ ว่า ถ้าไปเจอไอ้ผาอีก เธอตายแน่

    ก่อนจะมาวางอำนาจบาตรใหญ่กับฉัน วันนี้นายเอาตัวเองให้มันรอดไม่ดีกว่าเหรอเอย์?

     

    เวลา 20 : 12 นาฬิกากา ณ แอลกอฮอล์

    “ไม่เห็นหัวน้องชายเธอ”

    “ไม่รู้มัน...” ฉันตอบเสียงเรียบเมื่อขุนเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทเป็นพิเศษถามหาเอย์ คือตอนนี้เราสองคนอยู่ในร้านนั่งชิลใกล้มหาวิทยาลัยแล้วบังเอิญเจอกลุ่มเพื่อนของเอย์ที่มุมร้าน เหมือนจะมากันทุกคนยกเว้นหมอนั่น

    ตายแล้วมั้ง

    “เธอทำอะไรมัน?” ขุนเคลื่อนใบหน้ากลับมาพร้อมทั้งหรี่ตาลงราวกับกำลังคาดคั้นความจริงจากฉัน

    “ฉันบอบบาง ไม่รังแกใคร” อีกครั้งที่คำตอบของฉันถูกส่งไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “เชื่อก็โง่” มือหนายื่นมาเขกหัวฉันดังป๊อก ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่ยอมให้ทำแบบนี้แน่ “เอาความจริงสิ”

    “...” ฉันไม่ตอบและเลือกที่จะยกเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว จังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณเตือนเข้ามาพอดีฉันจึงละความสนใจจากทุกอย่างแล้วเพ่งมองหน้าจอที่ปรากฏข้อความหนึ่งจากเบอร์ไม่ทราบชื่อ

    ฉันกดเข้าไปดูทันที กระทั่งได้เห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อความภาพ

    ภาพของเอย์ในสภาพที่ดูไม่จืด แผลเต็มหน้า เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยเปรอะเปื้อนคราบเลือดและดินทราย

    เขานอนอยู่บนพื้นโดยมีกลุ่มแก๊งของต้าร์ร้ายล้อม นับแล้วราวๆ สิบคน

    แล้วยังไงต่อ?

    “ใครส่งไรมา” คาดว่าฉันคงอยู่ในสายตาขุนตลอด เจ้าตัวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงถามขึ้นอย่างอยากรู้ แต่ก็ไม่ได้คะยั้นคะยอจะเอาคำตอบให้ได้หรอก เขาแค่จ้องมองฉัน

    “นายไม่ต้องรู้เยอะก็ได้” ฉันปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วจัดการเทเหล้าปั่นในเหยือกใส่แก้วช็อต จากนั้นก็กระดกลงคอเพียงรวดเดียว

    “ต้องรู้ดิ” ขุนเหมือนกำลังหัวเสียนิดหน่อยที่ฉันไม่ยอมบอกความจริง

    เพราะคลุกคลีกันมาหลายปี ไม่แปลกที่ขุนดูออกว่าฉันปกปิดบางอย่างไว้ จริงๆ ก็ไม่ได้อยากปิดบัง แค่คิดว่าเรื่องความเป็นความตายของเอย์มันไร้สาระเกินกว่าเขาจะรู้มากกว่า

    “ถ้าอยากบอกจะบอกเอง”

    “เป็นแบบนี้ทุกทีเลยเกล” อาการหัวเสียเมื่อครู่นี้ถูกแทนที่ด้วยความน้อยอกน้อยใจ ทำให้ฉันต้องเคลื่อนสายตาไปหยุดที่ใบหน้าหมอนั่นตรงๆ

    ขุนจัดว่าเป็นคนหล่อคนหนึ่ง มาดเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง ตัวสูง มีออร่านายแบบ คนภายนอกมักเห็นแต่ด้านนิ่งๆ ของเขา แต่เวลาอยู่กับฉันบางทีเขาก็ชอบทำตัวเหมือนเด็ก ออดอ้อน งอแง ขี้น้อยใจ ขัดกับภาพลักษณ์มาก

    ครอบครัวขุนร่ำรวย แต่เขาทำตัวติดดิน พกเงินติดตัววันหนึ่งไม่กี่ร้อยบาท ชอบกินข้าวแกงข้างทาง

    หมอนั่นเหมือนเป็นขั้วบวก ส่วนฉันเป็นขั้วลบ เราต่างกัน แต่ก็สามารถเข้ากันได้

    “มันไม่ใช่เรื่องของนาย จะรู้ไปทำไม” ฉันถาม

    “ก็...” ขุนทำปากขมุบขมิบ แต่ก็ถอนหายใจออกมาในท้ายที่สุด “เออ ไม่อยากรู้ก็ได้”

    หลังจากนั้นเราสองคนก็เปลี่ยนเรื่องคุย แต่จังหวะหนึ่งฉันกลับสัมผัสได้จากฝั่งซ้ายมือคล้ายมีคนจ้องมองถึงได้หันกลับไป กระทั่งพบว่าหนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอย์กำลังมองฉันจากระยะห่างหลายสิบเมตร

    ผู้ชายคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ดิน

     

    ฉันกลับถึงบ้านเกือบๆ สี่ทุ่มและพบว่าสายธารกับพ่อนั่งอยู่ตรงห้องรับแขก

    ทั้งสองคนดูกระวนกระวาย สีหน้าเคร่งเครียด ถ้าตาไม่ได้ฝาดไปฉันเห็นสายธารร้องไห้

    หึ...

    “เกล กลับบ้านดึกอีกแล้วนะ” พ่อที่หันมาเห็นฉันถอดรองเท้าพอดีใช้โทนเสียงดุดันเหมือนทุกครั้ง “รู้ไหมว่าน้องไปไหน?” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามหาใครบางคน...ราวกับว่าเรื่องนั้นมันสำคัญกว่าการกลับบ้านดึกของฉัน

    “น้องไหนคะ?” ฉันถามพร้อมเอียงคอ ทำไขสือไม่รู้ว่าท่านกำลังสื่อถึงอะไร

    “แม่โทรหาน้องเอย์ไม่ได้...” เป็นสายธารที่ให้คำตอบ มันดูกระวนกระวายเหมือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังจะตาย “ติดต่อไม่ได้เลย ฮึก น้องจะเป็นอะไรไหมนะ”

    ฉันรำคาญเสียงสะอึกสะอื้นของอีนี่จริงๆ

    “ก็เรื่องของมัน เกลจะขึ้นห้อง” ฉันมองพ่อและสายธารอย่างเฉยชาแล้วทำท่าจะขึ้นไปพักผ่อน ทว่า...

    “เดี๋ยว” น้ำเสียงเข้มข้นของพ่อดังขึ้นซะก่อน สิ่งนั้นรั้งฉันไว้กับที่ “แกน่าจะรู้จักเพื่อนๆ ของน้อง ช่วยติดต่อแล้วถามให้หน่อย”

    “เกลไม่รู้จักใครทั้งนั้น พ่อหาทางติดต่อเอาเองละกัน”

    ว่าจบฉันก็ขึ้นห้องทันที...ไม่สนใจเสียงเรียกของท่านอีกต่อไป ส่วนสายธารยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เหมือนเดิม

     

    กระทั่งสามวันผ่านไป...เอย์ยังคงขาดการติดต่อ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน 

    ตาย?

    ถ้าตายจริง ขอหลักฐานมายืนยันหน่อยก็ดี

    End Describe


    Describe :: Aey

    “พี่เอย์...”

    เสียงหวานๆ ที่ฟังแล้วอาจละลายกลายเป็นน้ำดังขึ้นปลุกผมจากภวังค์ ผมหันกลับไปมองเธอ...และพบผู้หญิงตัวกะจ้อยร่อยผิวขาวท่าทางบอบบางเดินเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก คาดว่าเป็นผ้าที่จัดการชุบน้ำมาแล้วเรียบร้อย

    ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่ากิ่ง

    เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อสอง-สามวันก่อน ผมถูกอัดจนเดินแทบไม่ไหว สภาพเหมือนหมาข้างถนน พวกมันคิดว่าผมตายแล้วถึงได้ปล่อยให้นอนหายใจโรยรินคลุกฝุ่นคลุกดินอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาเกือบๆ สิบชั่วโมง...กระทั่งเด็กคนนี้ผ่านมาเห็นและพาผมมาพักฟื้นที่บ้านของเธอ

    ผมได้รับความช่วยเหลือจากกิ่ง เธอทำแผลให้ มีอาหาร มียา เธอเกือบจะเช็ดตัวให้ผมแล้ว แต่ผมเบรกทัน

    ตอนนั้นสภาพผมย่ำแย่มากเกินกว่าจะเรียกว่าคน ถ้าบอกว่าเป็นศพที่ยังมีลมหายใจก็คงไม่ใช่การเปรียบเทียบที่เกินจริง แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าผมยังคงมีรอยฟกช้ำ คิ้วยังคงแตก ริมฝีปากยังมีบาดแผลทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าตอนแรกแล้ว

    และสาบาน คืนนี้ผมจะกลับไป

    “พี่เอย์ดีขึ้นหรือยัง” เธอทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงพร้อมใช้ดวงตากลมโตสำรวจผมไปพลาง

    เด็กคนนี้เหมือนเกลตอนมอต้น ดูไร้เดียงสา มีเสน่ห์ จริงๆ ก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง

    ไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อกิ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเกล เธอต้องมาอยู่กับยายสองคนหลังจากที่แม่เธอตายไป

    เธออยู่ปีหนึ่ง เรียนปีเดียวกับผม แต่ผมอายุเยอะกว่า 1 ปี เอาตามตรงกิ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวผมเหมือนกัน...เหมือนกับที่เกลเป็นพี่สาวของผม

    “ดีขึ้นแล้ว” ผมตอบแล้วฉวยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาจากมือเธอ “ขอบใจมาก คืนนี้พี่ไม่รบกวนเราแล้ว”

    “ไม่รบกวนเลยนะ!” กิ่งส่ายหน้าไปมา “พี่เอย์ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเรื่องที่กิ่งต้องทำอยู่แล้ว เพราะถ้าขืนเจ๊เกลรู้ว่ากิ่งปล่อยแฟนตัวเองนอนอืดเป็นศพโดยไม่ช่วยเหลือ เจ๊แกคงฆ่ากิ่งแหงๆ” เธอยกมือลูบแขนไปมาอย่างขนลุก คงคิดถึงภาพนางมารใจทรามอย่างเกวารินทร์อยู่

    เชื่อไหมว่าคำบอกกล่าวของเธอทำให้ผมชะงักเล็กน้อย

    หัวใจเหมือนจะเต้นแรงเมื่อได้ยินคำว่า แฟนจากปากเธอ

    กิ่งรู้ว่าแม่ผมแต่งงานกับพ่อของเธอ แต่ก็ไม่รังเกียจ ยังนับถือผมเป็นพี่ ยิ่งกว่านั้น...เธอยังเข้าใจว่าผมกับเกลเป็นแฟนกันอยู่

    ก็เป็นนะ เมื่อนานมาแล้ว

    นานมาก....

    “ไม่เป็นไรครับ” ผมยกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู “พี่แข็งแรงแล้ว จะกลับไปหาเกล”

    เสียใจด้วยนะเกล ที่เอย์คนนี้...คนที่เธอเกลียดยังไม่ตาย

    ----

    MA-NELL'S ZONE

    หูยยย ยังไงต่อออ 555555555555555

    ตอนนี้มีชื่อตัวละครสำคัญออกมาหลายคนเลยนะ สังเกตกันดีๆ

    เม้นต์ให้เมย์ด้วยน้าาา เเสดงตัวกันโหน่ยย

    ติดเเท็ก #ผู้หญิงแพศยา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×