ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาว(ตัวร้าย)ม.ปลายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 ช้างพลายผู้โดดเดี๋ยว

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 61


            

    บทที่1  ช้างพลายผู้โดดเดี่ยว

    หลังจากรับคำสั่งจากนายผู้พ่วงตำแหน่งเพื่อนพ่อพายัพเมฆก็เดินหน้าบูดออกจากห้องของผู้บังคับบัญชาทันที พร้อมกับบ่นพึมพำๆคนเดียวอย่างอารมณ์เสีย จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ พวกเขาทราบดีว่าพายัพเมฆหงุดหงิดและพาลบ่อยครั้งหลังจากโดนนายเรียกพบหรือความจริงคือแทบทุกครั้งเลยล่ะฉะนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่อยากเสี่ยงกับหนุ่มเกือบใหญ่คนนี้ในเวลาแบบนี้

    "เป็นอะไรของแกไอ้พลาย หน้าบูดออกมาเชียว นายสั่งงานหนักเหรอวะ" เสียงทักดังขึ้นทั้งที่คนรอบข้างหนุ่มเกือบใหญ่พากันเงียบกริบ คนทักไม่ได้อยากตายหรอกนะแต่ที่กล้าทักเพราะรู้ว่าพายัพเมฆทำอะไรตัวเองไม่ได้ต่างหาก เสียงนั้นเป็นเสียงของนาวาเอกพีมตะวัน  ธีระดำรงค์หรือพีม พี่ชายคนโตของพายัพเมฆนั่นเอง หนุ่มใหญ่ร้องทักน้องชายหน้าบูดทันทีอย่างเป็นห่วงทั้งที่ความจริงก็พาจะเดาได้ล่ะว่าน้องชายไปเจออะไรมา

    "เปล่าเล้ย คนอย่างนายน่ะไม่เค้ย ไม่เคยสั่งงานไอ้พลายเยอะเลย วันๆแค่3-4ภารกิจเอง วันไหนไม่มีภารกิจก็สั่งไอ้พลายคนนี้ไปปัดกวาด เกาะช้าง ไม่มีเล้ยสั่งงานเยอะเนี่ย แค่กดขี่ข่มเหงไอ้พลายมากกว่าคนอื่นเท่านั้นแหละ คอยดูดิ ปีหน้าไอ้พลายจะได้เป็นอิสระจากอาธามที่รักซะที จะฉลองสามวันสามคืนไปเลย" พายัพเมฆเอ่ยบอกอย่างประชดประชันยาวเหยียดจนคนเป็นพี่ได้แต่ขำ ก็โดนแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆแล้วนิ น้องชายัขายังไม่ชินอีกเหรอ

    "ประชดแบบนี้แสดงว่าวันนี้แกตายน้ำตื้นมาอีกแล้วใช่มั้ยไอ้ผีพรายตายน้ำตื้น" พีมตะวันถามราวกับหมอดูตาทิพย์ เขารู้จักไอ้น้องชายตัวแสบดีที่สุด เวลามันประชดกระแนะกระแหน แขวะชาวบ้านเก่งแบบนี้แสดงว่าอกหักแบบซ้ำๆอีกแล้ว 

    "ก็หน้าไหนล่ะที่ทำผมเป็นแบบนี้น่ะ พ่อพี่นั่นแหละไอ้พี่พีม ทีกับพี่พ่อเลือกพี่ข้าวให้ก็ไม่เห็นจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวชีวิตแบบที่พ่อทำกับผมเลย พอเริ่มชอบก็โดนอำนาจมืดจัดการตลอด ตอนแรกๆพอว่าแต่นี้ผม38แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้วทำไมต้องมาขัดขวางความรักกันด้วย ทำกับผมเกินไปเปล่าวะ" คนที่ยังอยู่ในอาการอกหักพูด ตอนถูกลัลลดาบอกเลิกคุยก็ว่าหนักแล้วแต่มาโดนนายซ้ำเติมนี่สิ เจ็บหนักกว่าเดิมอีก เจ็บแล้วชอบพาลเสียด้วย ทุกครั้งที่อกหักมันคือการกระทำของผู้เป็นพ่อที่คอยขัดขวางเขาไม่ให้สมหวัง เขาไม่สนใจเหตุผลของพ่อหรอก เพราะสิ่งที่พ่อของเขาต้องการคืออยากให้เขาแต่งงานกับพิมพ์ชนก ลูกสาวของนายนั่นเอง แถมยังจับหมั้นหมายเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่พิมพ์ชนกยังไม่คลอดเลยด้วยซ้ำและตั้งแต่นั้นมานายก็มองเขาตาขวางตลอด ราวกับจะฆ่าเขาให้ได้เลยถ้าเฉียดไปใกล้ยัยเด็กนั่น นี่ไงเธอถึงไม่น่ารักสำหรับเขาน่ะ

    พีมตะวันมองก่อนที่จะเดินมาโอบไหล่น้องชายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราวคนเข้าใจโลกเป็นอย่างดี "ไอ้พลายเอ๊ย วันนี้แกอาจจะโอดครวญแต่สักวันจะเข้าใจว่าพ่อทำแบบนั้นทำไม พ่อน่ะรักพวกเรามาก ในบรรดาพี่น้องพ่อห่วงแกที่สุดสักวันแกจะเข้าใจ  ไปๆ ไปเก็บของเดี๋ยวพี่ชายแสนดีพาไปเลี้ยงหมูกระทะปลอบใจ"

    "เลี้ยงแน่นะ" คนอกหักถามก่อนที่สองพี่น้องจะมองตากันอย่างรู้ใจและเดินออกไป

    เวลาต่อมา

    พายัพเมฆและพีมตะวันมาถึงร้านหมูกระทะในเวลาต่อมา ในร้านมีแพทย์หญิงกรรณิการ์   หรือ หมอข้าวฟ่าง ภรรยาของพีมตะวันและเด็กชายกรพีร์ หรือ ข้าวจ้าว เด็กหญิงกรรัมภัชร หรือ น้องข้าวหอม และเด็กหญิงกัญญาภา หรือ น้องข้าวปลาย ลูกๆวัย13 , 10 และ6ขวบ ของพีมตะวันและกรรณิการ์นั่งรออยู่แล้ว

    "ไงเรา เตรียมตัวพร้อมมั้ยใกล้จะเปิดเทอมแล้ว" พายัพเมฆถามเด็กชายกรพีร์ผู้เป็นหลานชายคนโตที่กำลังจะเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมต้นในเทอมนี้ที่กำลังจะมาถึง หลานเขาโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่นานนี้เขายังเห็นแค่เด็กน้อยตัวแดงๆอยู่เลย ตอนนี้เป็นหนุ่มเสียแล้ว

    "พร้อมครับ อาทิตย์หน้ามีงานปฐมนิเทศน์รับน้องด้วย ตื่นเต้นจังครับจะได้เจอเพื่อนๆและมีเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้นแล้ว" เด็กชายผู้ใส่แว่นหนาเตอะเอ่ยบอก ลักษณะท่าทางคล้ายจะมีความไม่มั่นใจในตัวเองแต่กรพีร์ก็เป็นเด็กฉลาด ตอนสอบเลือกห้องเรียนยังได้ที่หนึ่งของชั้น

    พายัพเมฆเอื้อมมือไปยีผมหลานชายเล่น แล้วหันไปมองหลานสาวที่จะเลื่อนชั้นขึ้นเรียนในชั้นประถมตอนปลาย "ป.4แล้วหลานอาพลาย ไหนโชว์สิคะ หนูพร้อมรึยัง"

    "พร้อมมากคร่าาาา" หลานสาวตัวน้อยบอกด้วยท่าทีโอเว่อร์แอตติ่งมาเต็ม คนนี้ก็โตแล้วไม่กี่ปีก็เป็นสาวให้พี่ชายเขาไว้หนวดถือปืนคอยหวงแล้ว จะว่าไปพีมตะวันก็เริ่มมีตอหนวดแล้วสิ หรือจะเริ่มไว้หนวดแล้วแต่ก็น่าอยู่หรอกหนูกรรัมภัชรก็น่ารักออกขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกเขานะเขาเริ่มไว้หนวดตั้งแต่ขึ้นประถมปีแรกแล้ว

    "ค่ะๆ อาเชื่อแล้วว่าหนูพร้อม ก้าวปายคนจวยล่ะค่ะ" คนเป็นอาบอกก่อนที่จะหันไปถามหลานสาววัย6ขวบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชัดเป็นเชิงหยอกล้อคนที่พูดชัดแล้วแต่ยังแกล้งพูดไม่ชัด

    "ป่อม ก้าวปายป่อม ป่อมๆ" หนูน้อยของบ้านพูดก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสามจะหัวเราะร่วนในความน่ารักก่อนที่จะเริ่มสั่งหมูกระทะมากินกัน

    สำหรับพายัพเมฆเขารู้สึกเหมือนไร้ตัวตนเมื่อพีมตะวันอยู่กับกรรณิการ์ สองคนนี้ช่างหวานไม่เกรงอกเกรงใจราวเขาไม่ได้อยู่ด้วยเลยสักนิด

    'เฮ้อ เขามันก็แค่ช้างพลายผู้โดดเดี่ยวไร้ช้างพังข้างกาย เมื่อไหรจะมีใครสักคนมายืนเคียงข้างเขาสักทีนะ คนที่อำนาจมืดไม่อาจทำอะไรได้ คนที่พร้อมจะอยู่ข้างกายไม่ทิ้งกัน ช้างพังตัวนั้นไปอยู่ที่ไหนนะ อย่าให้เขาต้องยอทจำนนท์กับอำนาจมืดจากผู้เป็นพ่อเลย'พายัพเมฆได้แต่คิดอย่างหงอยเหงา

    "พี่ข้าวฟ่างงงงงง" เสียงหวานดังยาวก่อนที่ร่างคุ้นตาจะโผล่มาจากข้างหลังของกรรณิการ์

    ทุกคนบนโต๊ะหันไปมองก่อนที่พีมตะวันจะเรียกคนมาทักภรรยาเขา "พริกไทย มาได้ยังไงเนี่ย"

    "หนูมากับเพื่อนคร่าาาา พอดีมาปรึกษาเรื่องงานรับน้องกันอะ นี่มากินหมูกระทะไม่ชวนหนูเหรอ โป้งเลยทั้งพี่ข้าวฟ่างทั้งพี่พีมเลย" พิมพ์ชนกเอ่ยบอกก่อนจะทำหน้างอนๆ กรรณิการ์เป็นเพื่อนสนิทของแม่พิมพ์ลภัส แม่ของเธอแต่ผู้เป็นพ่อและแม่ให้เธอเรียกสองสามีภรรยาว่าพี่เพราะเป็นลูกๆเพื่อนพ่อ เธอเรียกพีมตะวันและพิมพ์ดาวแฝดผู้พี่ของพายัพเมฆและว่าพี่แต่กับพายัพเมฆมารดากลับให้เรียกว่าน้าซะงั้น เธอก็งงๆแต่ก็ไม่ขัดใจแม่ขาเพราะเธอถือคติเด็กดีต้องเชื่อฟังพ่อและแม่ ท่านให้ไปขวาก็ไป ท่านให้เรียกน้าก็ต้องเรียก

    "โอ๋ๆ อย่างอนสิพริกไทย แล้วนี่เพื่อนอยู่โต๊ะไหน มากินด้วยกันตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่พีมเลี้ยง" กรรณิการ์เอ่ยบอกโดยไม่ได้ถามสามีที่ค่อนข้างจะงกทำให้พายัพเมฆแอบหัวเราะเยาะคนเป็นพี่อย่างอดไม่ได้

    "คุยกันเสร็จแล้ว กินเสร็จแล้วด้วยกำลังจากลับ หาววว" พิมพ์ชนกตอบพร้อมทั้งหาวออกมาเพราะรู้สึกง่วงมาก 

    "แล้วจะกลับยังไง พ่อธามมารับเหรอ" พีมตะวันถามอย่างเป็นห่วงพลางจ้องมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลายี่สิบนาฬิกาแล้ว เด็กสาววัยนี้ได้เวลานอนแล้วลูกๆของเขาก็ด้วย

    "เปล่า วันนี้พ่อขามีประชุมไม่กลับบ้าน หนูบอกท่านว่าจะติดรถเพื่อนกลับแต่จริงๆแล้วเกรงใจเพราะบ้านอยู่คนละทาง เลยว่าจะเรียกรถกลับเอง" พิมพ์ชนกบอกแล้วก็หาวออกมาอีกรอบ เธออยากนอนแล้ว นอนตรงนี้เลยได้ไหมอะ

    "ไม่ต้องเรียกรถหรอกพริกไทยอันตรายเปล่าๆ ไอ้พลายยังไงก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วไปส่งน้องไป" พีมตะวันพูดก่อนที่จะหันมาบอกน้องชาย

    พายัพเมฆที่กำลังฟังอย่างไม่ใส่ใจอยู่สะดุ้ง "อ้าวไอ้พี่พีม เรื่องอะไรมาโยนให้ผม ไปส่งเองดิ ผมไม่เสี่ยงกับเจ๊หรอกนะ"

    "ไอ้นี่ก็โง่ บ้านพี่อยู่คนล่ะทางเลยนะ ถ้าไปส่งแล้วกลับบ้านเปลืองค่าน้ำมันดิ นายนั่นแหละ ยังไงก็ต้องกลับไปนอนบ้านอยู่แล้ว จอดส่งน้องแล้วเลยเข้าบ้านก็แทบจะไม่ห่างกัน" พีมตะวันเอ่ยบอก พายัพเมฆยักมือเกาศีรษะก่อนที่จะลุกขึ้น

    "ตามมายัยตัวร้าย" พายัพเมฆพูดก่อนที่จะเดินนำไป พิมพ์ชนกยิ้มหวานยกมือไหว้ครอบครัวพีมตะวันแล้วเดินตามไป

    เด็กสาวตามหนุ่มใหญ่ไปจนถึงรถบิ๊กไบท์คันใหญ่ก่อนที่พายัพเมฆผู้เป็นเจ้าของจะส่งหมวกกันน็อคมาให้ เด็กสาวใส่มันอย่างคล่องแคล่วแล้วก้าวขึ้นคร่อมบิ๊กไบท์อย่างทะมัดทะแมง

    เธอไม่พูดอะไรเพราะพายัพเมฆไม่ยอมพูดอะไร เขาก็ไม่ค่อยสนใจเธออยู่แล้วเธอชินซะแล้ว อ้อมแขนบอบบางแต่แข็งแรงกอดเอวชายหนุ่มไว้แน่นแล้วก็หลับตาลงซบหลังของเขาไปในเวลาไม่ถึงห้านาที

    "เฮ้อ  ทำไมยิ่งหนีก็ยิ่งเจอนะยัยตัวยุ่ง" พายัพเมฆพูดพลางส่ายหน้าแล้วขับรถออกไป เหมือนเขาพยายามหนีให้ห่างจากเธอ แต่ยิ่งหนีก็ยิ่งเจออยู่เรื่อยๆ บุญพาวาสนาส่งหรือนรกชังสวรรค์กลั่นแกล้งก็ไม่อาจรู้ได้แต่ เขาจะไม่ยอมจำนนท์ตกร่องปล่องชิ้นกับคู่หมั้นที่พ่อหาให้แบบยัยคนนี้แน่นอน อายุรึก็ห่างกันตั้ง10ปี

    เมื่อรู้สึกว่ามือบางใกล้จะหลุดออกจากกันมือหนาจึงกุมนิ้วมือเรียวทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แน่นด้วยกลัวเด็กสาวจะปล่อยมือแล้วเผลอหล่นลงไป 'ขืนเป็นแบบนั้นอาธามกับเจ๊พริกไทยเอาตายแน่'


    บอกเขาเป็นตัวยุ่งแต่แบบว่าห่วงกลัวเขาตก มีแบบนี้ด้วยเหรอคะผู้การ อย่าเอาเฮียมาอ้างค่ะ ไม่เอา เราห่วงเองก็รับมาเถอะ555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×