คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : แฮร์รี่? (Re.03)
UP : 14/07/60
Re-write : 16/08/60
Re-write 2 : 13/06/61
Re-write 3 : 09/06/64
บทที่
1 : แฮร์รี่?
"เฮเลน!"
เสียงทุ้มเล็กน้อยเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ ในความมืดมิดราวกับกำลังกระซิบ “ตื่น! ตื่นเร็วเข้า!!”
สองแขนถูกแรงของใครบางคนบีบและเขย่าไปมาจนสั่นไปแทบทั้งร่าง
เฮเลนเลื่อนมือไปปัดเจ้าของท่อนแขนแข็งๆ นั้นอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดว่าเธอเพิ่งจะนอนหลับไปได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น
เจ้าของร่างที่เธอมองไม่เห็นถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนที่เขาจะใช้แรงที่มีดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่งจนเฮเลนจำต้องลืมตาขึ้นมาพร้อมกับง้างปากเตรียมจะต่อว่าแต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นเจ้าของร่างตรงหน้าของเธอ
“ตื่นได้แล้วน่า!" เขาพูด
คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแสดงอาการหัวเสียเต็มที่
แสงจันทร์ที่สาดกระทบกับแว่นตาทรงกลมรูปพระจันทร์หนาและหน้าผากที่มีรอยแผลเป็นหน้าตาประหลาดแต่กลับดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน "เธอจะนอนไปถึงไหนเนี่ย!”
เฮเลนดึงแขนทั้งสองข้างออกจากมือของเขาและยันมันลงบนเตียงนุ่มพร้อมกวาดตามองไปรอบห้อง
เธอกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้นและพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ
นอกจากนั้นเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอนี่มันช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน...
โดยเฉพาะรอยแผลเป็นนั่น...
“นายเป็นใครกัน!?" เธอพูดพร้อมขมวดคิ้วและพยายามจ้องใบหน้าของเขาในความมืดโดยใช้แสงจันทร์เป็นตัวช่วย
เด็กหนุ่มตรงหน้าพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งอย่างหงุดหงิด และดูเหมือนจะเริ่มรำคาญใจ
“โดนคาถาสับสนมารึไง"
เขาพูด "หยิบไม้ขึ้นมา มันวางอยู่บนหัวเตียงนั่น -- เธอคงไม่ได้จำไม่ได้หรอกใช่ไหมว่าวางไม้ของตัวเองไว้ที่ไหน"
"ไม้?" เฮเลนทวนคำ "ไม้อะไร?"
"เธออ่านหนังสือจนเพี้ยนไปแล้วรึไง"
เด็กหนุ่มว่าพลางเงี่ยหูฟัง
เฮเลนยังคงมึนงง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้ากำลังพูดถึงอะไร ไม้อะไร
แล้วเกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน?
คำถามร้อยพันตีอยู่ในสมองของเธอราวกับว่ากำลังโดนใครบางคนเขวี้ยงหนังสือใส่หน้าจนความจำเสื่อม
“พวกมันอาจจะเป็นขโมย"
เขากระซิบในขณะที่เฮเลนเอื้อมมือไปหยิบแท่งอะไรสักอย่างบนหัวเตียงตามที่เขาบอก
"ตามมาเร็ว ลงไปข้างล่างกัน...
เธอคงไม่ได้ลืมด้วยใช่ไหมว่าพวกเดอร์สลีย์ไม่อยู่บ้านวันนี้"
เฮเลนสั่นศีรษะทำให้เด็กหนุ่มสวมแว่นกลอกตาอย่างหมดหวัง
เขายัดไม้ของตัวเองลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินมาดึงแขนเฮเลนให้ตามเขาออกไปจากห้อง
น่าเเปลกในที่เธอเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายราวกับว่าเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าดั่งที่เห็น
เหมือนกับว่าความจริงเขาเป็นคนที่เธอคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดีอย่างนั้นแหละ
ใช่...
ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและปลอดภัย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาพาเธอลงมาจากชั้นสองจนถึงห้องโถงกว้างของบ้าน เงาตะคุ่มๆ
ของคนแปดเก้าคนเท่าที่เธอมองเห็น
เด็กหนุ่มดึงเธอเข้าไปในนั้นทำให้พวกกลุ่มคนหันมาจับจ้องที่ทั้งสองเป็นตาเดียว
“นี่เธอคงไม่คิดจะลากน้องสาวมาให้เป็นอันตรายหรอกใช่ไหม”
เสียงคำรามต่ำๆ ไม่คุ้นหูดังขึ้น
“ศาสตราจารย์มูดดี้”
เด็กหนุ่มเอ่ย เฮเลนขมวดคิ้วและจ้องมองเงานั้นอย่างฉงนใจ
เธอคงไม่ได้หูเพี้ยนได้ยินอะไรผิดไปหรอกใช่ไหม
“ไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่า ‘ศาสตราจารย์’ หรอก”
เขาพูดตอบ “ฉันไม่เคยได้สอนพวกเธอสักหน่อย จริงไหม?”
แสงจันทร์สลัวๆ
พอจะสาดส่องให้ได้เห็นใบหน้าของเขา เงาร่างสูงใหญ่แปลกตา
ดวงตาข้างหนึ่งเหมมือนมีผ้าปิดตาถูกคาดเอาไว้
เขาใช้มือทั้งสองข้างกุมไม้เท้าค้ำพื้นและจ้องมองมาที่ทั้งสองคนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
และถ้าเมื่อสักครู่นี้หูของเธอไม่ได้เพี้ยนไป เขาบอกกับเด็กหนุ่มคนนี้ว่า คงไม่ได้คิดจะพาน้องสาวมาให้เป็นอันตราย นั่นหมายความว่าเธอเป็นน้องสาวของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างนั้นเหรอ
"ไม่เป็นไรหรอกแฮร์รี่"
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น "เรามาพาเธอสองคนไป"
ร่างอีกร่างในความมืดเอ่ยขึ้น
น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและดูใจดีอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เด็กหนุ่มที่จับแขนของเธอทำน้ำเสียงดีใจราวกับได้รับรางวัล
และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รู้หลังจากยืนอยู่เงียบๆ ตอนนี้คือ
เด็กหนุ่มที่จับมือเธอเอาไว้มั่นคนนี้มีชื่อว่า แฮร์รี่
และเธอหวังว่าเขาคงจะไม่ใช่...
“ศาสตราจารย์ลูปิน!” แฮร์รี่เอ่ย “ใช่อาจารย์เหรอครับ”
"ใช่แน่นอนสิ
แฮร์รี่" เขาพูด "ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะฝาแฝด!"
ฝาแฝด!
เฮเลนรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อนหนักๆ
ลงบนกลางศีรษะ เมื่อสักครู่เขาพูดว่า ฝาแฝด อย่างนั้นใช่ไหม เธอไม่ได้หูฝาดไปตั้งแต่แรก
ทั้งน้องสาว ทั้งศาสตราจารย์มูดดี้ ทั้งศาสตราจารย์ลูปิน ทั้งแฮร์รี่ แถมยังมีฝาแฝดอีก! หรือว่าบางทีเธออาจจะ...
"นี่"
เฮเลนกระตุกเสื้อของเด็กหนุ่มเบาๆ ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องสลัว
"นายน่ะ ชื่อแฮร์รี่ งั้นเหรอ"
"หา"
เด็กหนุ่มร้องน้ำเสียงงงงวย
"เป็นอะไรงั้นเหรอแฮร์รี่"
ลูกปินถามอีกครั้ง
"เปล่าครับ"
แฮร์รี่ตอบ "ผมแค่กำลังสงสัยว่าทำไมเฮเลนถึงได้ถามว่า ผมชื่อแฮร์รี่ รึเปล่า"
"น้องเธอไม่ได้ออกไปไหนใช่ไหมวันนี้"
มูดดี้พูด "เขาคงโดนคาถาสับสน ถ้าเกิดว่าออกไปข้างนอก"
"เปล่าครับ
ไม่ -- ไม่ได้ออกไปจากห้องนอนด้วยซ้ำ" แฮร์รี่ตอบ
เขาเลื่อนมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้แน่นก่อนที่เสียงผู้หญิงคนหนึ่งจะดังขึ้นมา
“แล้วทำไมเราถึงต้องอยู่กันมืดๆ ล่ะนี่” เธอพูด “ลูมอส”
แสงสว่างวาบถูกจุดขึ้นทำให้ทั้งห้องสว่างสไวด้วยแสงไฟวิเศษจากปลายไม้หน้าตาประหลาดที่หล่อนถือ
ตรงหน้าเฮเลนคือเด็กนุ่มสวมแว่นตาทรงพระจันทร์
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงชี้ไม่เป็นทรงและที่สำคัญคือรอยแผลนั้นที่เธอจำได้ดี...
นั่น แฮร์รี่ พอตเตอร์
"เธอชื่ออะไร"
แฮร์รี่ถาม "ตอบ - เธอชื่ออะไร"
มือทั้งสองข้างออกแรงบีบลงบนต้นแขนของเธอแรงขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกเจ็บ
"เฮ - เฮเลน" เธอตอบ "เฮเลน วิ - พอตเตอร์!"
แรงจากมือทั้งสองข้างคลายออกพร้อมกับความรู้สึกตระหนกกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป เฮเลน พอตเตอร์ นั่นคือชื่อที่เธอพูดออกไป ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
แต่เธอรู้สึกได้ว่านามสกุล วินเทอร์ ไม่ใช่นามสกุลของเธออีกต่อไปแล้ว...
"ก็รู้นี่" แฮร์รี่ว่า "แล้วฉันชื่ออะไร"
"แฮร์รี่" เฮเลนพูดเสียงเรียบ "แฮร์รี่ พอตเตอร์"
คนที่ดูเหมือนจะเป็นรีมัส
ลูปินยืนอยู่ใกล้เธอมากที่สุด
เขาดูอิดโรยและโทรมกว่าที่คิดเอาไว้มากแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงยิ้มกว้างให้เธอ
"แบบนี้คงนอนมากไปอย่างที่เธอเคยพูดเอาไว้เมื่อปีก่อนก็ได้นะ แฮร์รี่"
ลูปินหัวเราะร่วน
"ผมก็คิดว่าอย่างนั้น" แฮร์รี่พูดแล้วหัวเราะตามทำให้คนอื่นๆ
ในห้องนั้นหัวเราะไปด้วยยกเว้นก็แต่มู้ดดี้
“โอออ
พวกเขาดูเหมือนกับที่ฉันคิดไว้เลยจริงๆ นะ” คนที่ชูไม้จุดไฟเอ่ยขึ้น “ว่าไง
แฮร์รี่ เฮเลน”
“ใช่แล้วล่ะ
ฉันเข้าใจแล้วว่านายหมายความว่าไงรีมัส” คนที่อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย
เขามีผิวคล้ำเข้ม หัวล้านส่งเสียงเสริมขึ้นมา
เสียงของเขาทุ้มต่ำและสวมต่างหูทรงกลมหน้าตาแปลกๆ “แฮร์รี่ดูเหมือนเจมส์เปี๊ยบ
ส่วนเฮเลนนี่เหมือนลิลี่มากจนนึกว่าฝาแฝด!”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นแม้ด-อาย
มู้ดดี้หรี่ตามองทั้งสองอย่างสงสัย บางทีเขาอาจจะยังคิดว่าเธอโดนคาถาสับสนอยู่ก็เป็นได้
เฮเลนเก็บไม้ลงในกระเป๋ากางเกงบ้างพร้อมกับกวาดตามองทุกคนในห้อง
ทั้งที่พวกเขาไม่ใช่คนที่เธอคุ้นหน้าแต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
หรือเพราะบางทีเธออาจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกของตัวละครที่เป็นน้องสาวของแฮร์รี่ก็ได้
“ลูปิน
แน่ใจนะว่านี่ใช่เขา”
แม้ด-อายถามเสียงดังจนเฮเลนสะดุ้งเลื่อนตัวไปแอบหลบหลังแฮร์รี่ตามสัญชาตญาณ
“คงเป็นการระวังชั้นเยี่ยมถ้าเกิดว่าเราเอาผู้เสพความตายที่ปลอมตัวเป็นพวกเขากลับไปน่ะ”
“ไม่หรอก
ฉันคิดว่านี่เป็นพวกเขาแน่” ลูปินว่าพลางยิ้ม “สบายดีไหม”
“ก็ดีครับ"
แฮร์รี่ตอบพลางยิ้ม "เฮเลนก็ยังกลัวศาสตราจารย์มูดดี้เหมือนเดิม"
“เธอก็รู้ว่าน้องสาวเธอไม่ค่อยชอบใจแม้ด-อายเท่าไหร่”
ลูปินหัวเราะ
“คือ...
ผมคิดว่าพวกคุณโชคดีมากที่มาตอนพวกเดอร์สลีย์ออกไปข้างนอก” แฮร์รี่งึมงำ
“โชคดีเหรอ!” ผู้หญิงผมสีม่วงที่จุดไฟโพลงขึ้น
“กว่าฉันจะคิดแผนล่อพวกเขาให้ออกไปได้ก็แทบแย่!”
“เราจะไปจากที่นี่ใช่ไหมครับ”
เขาถามต่อ “เดี๋ยวก็ไปใช่ไหมครับ”
“เราแค่รอทุกอย่างเรียบร้อย”
ลูปินตอบอีกครั้ง
“เราจะไปไหนกันครับ
บ้านโพรงกระต่ายรึเปล่า” แฮร์รี่ถามอย่างมีความหวังต่างจากเฮเลนที่ยังคงเงียบ
“ไม่ใช่บ้านโพรงกระต่ายหรอก” ลูปินบอกเสียงเคร่งขรึม
เขาเหลือบมองมายังเฮเลนอีกครั้ง
"แล้วตอนนี้เธอยังรู้สึกสับสนอยู่อีกไหมว่าเธอเป็นใคร เฮเลน"
“ไม่รู้ค่ะ"
เฮเลนตอบพลางกวาดตามองไปรอบกาย "หนูรู้สึกงงไปหมดว่าทำไมหนูถึง...”
“แน่ล่ะ! เป็นใครใครก็งงกันทั้งนั้นถ้าได้รับจดหมายกัมปนาทส่งมาถึงพร้อมกับบอกว่าจะไล่พวกเธอออกจากฮอกวอตส์!!” แม้ด-อายพูดเสียงดัง ลูปินส่งสายตาปรามเขานิดหน่อยเป็นเชิงให้เงียบ
“เฮเลน
นั่นคือ อลาสเตอร์ แม้ด-อาย มู้ดดี้ ฉันรู้ว่าเธอจำเขาได้
เพราะเธอกลัวเขาอย่างกับอะไรดี” ลูปินว่าพลางชี้ไปทางแม้ด-อาย เฮเลนพยักหน้าน้อยๆ
ก่อนที่เขาจะหันไปหาอีกคน “แล้วนี่ นิมฟาดอร่า...”
“อย่าเรียกฉันว่า ‘นิมฟาดอร่า’ นะ
รีมัส!” แม่มดสาวเอ่ยขัด ทำท่าขนลุกขนพอง
“เรียกฉันว่าท็องส์นะ”
“นิมฟาดอร่า
ท็องส์ ที่ชอบให้คนอื่นเรียกแต่นามสกุลเท่านั้น”
ลูปินต่อประโยคจนจบและพาทั้งสองเดินไปหาชายผิวเข้มที่ยืนอยู่ห่างออกไป “และนี่คือคิงสลีย์ ชักเคิลโบลต์”
คนที่ถูกแนะนำโค้งคำนับ
“เอลฟายอัส
โดจ” พ่อมดอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กับคิงสลีย์พยักหน้าให้พวกเขา
“ดีดาลัส
ดิกเกิ้ล” คนถูกเอ่ยทำหมวกทรงสูงหลุดมือก่อนจะหันมายิ้มให้
“เอมเมอลีย แวนซ์”
แม่มดท่าทางสง่าภูมิฐานผ้าคลุมไหล่สีเขียวมองมายังเด็กแฝดพลางก้มศีรษะเล็กน้อย
ทั้งสองก้มศีรษะอย่างเขินๆ
ให้กับทุกคนที่ลูปินแนะนำ เฮเลนคิดอยากให้ทุกคนมองไปทางอื่นบ้างที่ไม่ใช่ใบหน้าของเธอหรืออะไรก็ตามในตัวเธอ
เด็กสาวยังคงไม่มั่นใจในคำตอบที่อยู่ในหัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี่เป็นความจริงหรือเธอเพียงแค่ฝันไปกันแน่
และถ้ามันเป็นความฝัน เธอก็ไม่รู้สึกอยากจะตื่นขึ้นมาเลย...
“เราเป็นผู้คุ้มกันภัยให้กับพวกเธอ
พอตเตอร์” มูดดี้บอกเสียงเครียด
“เรากำลังคอยสัญญาณบอกปลอดภัยก่อนจะออกเดินทาง”
ลูปินว่าพลางชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง “คงมีเวลาราวๆ สิบห้านาทีสำหรับเตรียมตัว
พวกเธอพร้อมไหม?”
แฮร์รี่พยักหน้าต่างจากเฮเลนที่ยังยืนนิ่ง
เธอไม่มั่นใจเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง บางทีเธออาจจะฝันไป คงใช่ อีกไม่นานเธอคงตื่นจากฝันนี้แล้วแน่ๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่อยากตื่นสักเท่าไหร่ก็ตาม
“เอาล่ะ
ฉันว่าพวกเธอขึ้นไปเก็บของดีกว่า
เราควรเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อให้ไปได้ทันทีเมื่อมีสัญญาณ”
ลูปินพูดพลางยกแขนขึ้นมองนาฬิกา
แฮร์รี่พยักหน้าก่อนจะดึงเฮเลนให้เดินตามขึ้นบันไดไป เขาบ่นกระปอดกระแปดเรื่องสี่ห้าวันที่ผ่านมาว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเต็มที่และหงุดหงิด
ทำให้หนังสือแทบทุกเล่มกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องนอนต่างจากเธอที่นั่งนิ่งเงียบและเอาแต่นอนทั้งวัน
เฮเลนไม่ได้โต้ตอบอะไรเขากลับไปนักและคิดแต่เพียงว่าความฝันที่เสมือนจริงนี้จะจบลงตอนไหน
“เร็วเข้า”
มูดดี้บอกหลังจากที่เด็กทั้งสองขนหีบลงมาจากห้องนอนแล้ว
เฮเลนไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในหีบบ้าง
แฮร์รี่บอกเพียงแค่ว่าเธอเก็บของเสร็จเรียบร้อยนานมากแล้ว
พวกเขาเคลื่อนย้ายตัวกันไปทางหน้าบ้าน
ลูปินและท็องส์ดึงหีบและกรงนกฮูกของเด็กแฝดไปผูกติดกับไม้กวาดของตนเอง
“ถ้ามีเมฆมากกว่านี้ก็คงดี”
มูดดี้ว่าพลางใช้ไม้กายสิทธิ์ล็อกกุญแจภายในบ้าน “เราจะบินอย่างเป็นระเบียบ
ท็องส์จะอยู่ข้างหน้าพวกเธอ คอยบินให้ประชิดหลังเขาไว้
ลูปินจะคอยตามอยู่ข้างล่างและฉันตามทางด้านหลัง ส่วนที่เหลือจะบินอยู่โดยรอบ
จะต้องไม่แตกแถวแม้ว่าจะมีใครสักคนถูกฆ่า!”
“ส่วนเธอสาวน้อย"
มูดดี้พูดเสียงแข็ง เขาหันมามองเฮเลนอีกรอบ
"ฉันแนะนำให้เกาะแฮร์รี่เอาไว้ให้แน่น
อย่าลืมตัวไปว่าเธอทำคะแนนวิชาการบินได้ไม่ค่อยดี!”
“ไม่เป็นไร
ผมจะดูแลเธอเอง” แฮร์รี่ว่าก่อนจะหยิบไม้กวาดขึ้นมาถือ
“ห้ามหยุด
ห้ามแตกแถว พวกมันสามารถเก็บเราได้ทั้งหมด แล้วถ้าพวกเธอยังรอดชีวิต
พวกกองกำลังเสริมที่เตรียมเอาไว้จะเข้ามาแทนที่เราทันที
ให้บินต่อไปทางทิศตะวันออกแล้วพวกเขาจะมาสมทบกับพวกเธอ”
ไม่นานนักแสงสัญญาณก็ปรากฏขึ้น
แฮร์รี่เร่งให้เฮเลนเหวี่ยงขาขึ้นคร่อมไฟร์โบลด์และเตะเท้าทะยานขึ้นจากพื้นดิน
อากาศเย็นฉียบในเวลากลางคืนพัดหวือทำให้เฮเลนรู้สึกหนาว
สองมือกระชับแน่นที่เสื้อของแฮร์รี่
ดวงตากลมโตปิดแน่นเมื่อคิดว่าจะต้องมองไปบนพื้นที่สูงขึ้นมากว่าร้อยฟุต
เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่มูดดี้พูดถึงเรื่องคะแนนวิชาการบินของเธอคืออะไร
พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางบินเป็นระยะ
ตามคำสั่งของแม้ด-อาย
เด็กสาวไม่รู้แล้วว่าตอนนี้มันนานสักเท่าไหร่แต่เธออยากจะรีบให้มันถึงจุดหมายใจแทบขาด
ความฝันนี้ช่างสมจริงเหลือเกินจนเธออยากรีบตื่นไวๆ เสียแล้ว
“บินต่ำลงได้!” เสียงลูปินลอยมา “ตามท็องส์ไป แฮร์รี่!”
เด็กหนุ่มบินดิ่งตามท๊องส์ลงไป
พวกเขามุ่งตรงไปทางกลุ่มแสงสว่างที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็น
พวกเขาบินลงต่ำจนกระทั่งเฮเลนมองเห็นแสงไฟหน้ารถและไฟถนนได้อย่างแจ่มชัดต่างจากเฮเลนที่ยังคงหลับตาปี๋และกอดเอวเขาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ถึงแล้ว!” ท็องส์ร้องบอก พวกเขาร่อนลงพื้น
แฮร์รี่จอดด้านหลังของเธอพอดี
เธอแกะมัดหีบและกรงนกของแฮร์รี่ออกพร้อมกับที่ลูปินร่อนลงตามมาและแกะหีบกับกรงนกฮูกของเธอมาส่งให้เช่นกัน
เด็กสาวลงจากไม้กวาดพร้อมร่างกายที่สั่นเทาเนื่องจากความหนาวของสภาพอากาศในเวลากลางคืน
“เราอยู่ที่ไหนกันครับ”
แฮร์รี่ถามพลางถูมือไปมา ลูปินค้นหาอะไรในเสื้อคลุมก่อนจะยื่นให้พวกเขาอ่าน
“รีบอ่านแล้วจำให้ขึ้นใจเลยนะ”
เขาว่าพลางส่งกระดาษใบหนึ่งให้เด็กทั้งสอง ตัวหนังสือผอมๆ
ที่แฮร์รี่คุ้นตาดีถูกเขียนเอาไว้ในนั้น
เฮเลนเพ่งตามองเมื่อเธอเห็นว่ามันเป็นลายมือที่อ่านยากที่สุดที่เธอเคยพบเจอ
จะพบกองบัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟินิกซ์ที่
บ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซ ลอนดอน
“อะไรคือ...”
ในขณะที่แฮร์รี่กำลังจะเอ่ยถาม มูดดี้ก็ตะคอกเสียงดังใส่เขาเสียก่อน
“ไม่ใช่ตรงนี้เจ้าหนู!”
เขาดึงกระดาษไปจากมือของแฮร์รี่และจุดไฟเผามันจนมอดไหม้
เด็กแฝดมองไปรอบๆ อีกครั้งระหว่างที่ข้อความนั้นลุกเป็นไฟ
เห็นบ้านเลขที่สิบเอ็ดส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นเลขที่สิบสาม
ไม่เห็นมีบ้านเลขที่สิบสองแต่อย่างใด
“คิดถึงสิ่งที่ให้ท่องจำเมื่อกี้สิ”
ลูปินบอก เด็กทั้งสองคิดตามก่อนที่ทั้งสองจะเห็นว่ามีบ้านพิเศษที่เหมือนๆ
กับหลังอื่นดันบ้านข้างๆ ทั้งสองบ้านออกไป แฮร์รี่และเฮเลนอ้าปากค้าง
เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
แม้ด-อายดันหลังให้เด็กๆ
เข้าไปในบ้าน ทั้งสองได้พบกับคนที่แฮร์รี่เรียกเธอว่า คุณนายวีสลีย์ ที่หน้าบันได ทั้งสองถูกเธอดึงเข้าไปสวมกอดแรงๆ
พร้อมจูบลงบนแก้มสองฟอดใหญ่ๆ ความรู้สึกอึดอัดตอนถูกรัดด้วยสองแขนอวบๆ
นั้นมันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน
มันช่างอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตนี้
นางวีสลีย์ดันหลังให้ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
และบอกว่าทั้งสองคนรออยู่ด้านบนแล้วซึ่งเฮเลนไม่มั่นใจว่าทั้งสามคนที่นางวีสลีย์ว่านั้นจะเป็นคนที่เธอคิดหรือเปล่า
แล้วทำไมถึงมีสามคน ความจริงพวกเขาควรจะมีแค่สองคน หรือบางทีอาจจะเป็นจินนี่
วีสลีย์อีกคนก็เป็นได้
เพื่อรอการประชุมภาคีที่กำลังจะเริ่มขึ้นเลิกจึงค่อยลงมารับประทานอาหารเย็น
แฮร์รี่และเฮเลนจึงเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงหน้าห้องที่มีลูกบิดประตูหน้าตาประหลาด
เสียงอึกทึกครึกโทรมดังออกมาจากในห้องนั้น แฮร์รี่หมุนมันเปิดออก เสียงนกร้องดังลั่น
เฮเลนเซหงายจนเกือบล้มเมื่อถูกใครบางคนกระโจนเข้าใส่
เด็กสาวผมฟูกระโดดเข้ามากอดเธอแน่นราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
ความรู้สึกแสนคุ้นเคยและกลิ่นกายหอมหวานนั้นทำให้เธอเอ่ยชื่อของเด็กสาวไปโดยไม่ทันยั้งคิด
"เฮอร์ไมโอนี่!"
“เฮเลน! แฮร์รี่! พวกเขามาแล้วรอน”
เด็กสาวพูดโดยมีนกฮูกตัวน้อยบินร่อนไปทั่วห้อง “เราไม่ได้ยินเสียงตอนพวกเธอมา
สบายดีไหม พวกเธอโกรธเรารึเปล่าที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้
ดัมเบิลดอร์ให้เราสาบานว่าจะต้องไม่บอก โอ๊ยยย
เรามีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเต็มไปหมด แล้วก็เรื่องพิจารณาคดีที่กระทรวงด้วย
ต้องเล่าให้เราฟังทั้งหมดเลยนะ! พวกผู้คุมวิญญาณพวกนั้นอีก...
ฉันไปเช็คมาหมดแล้ว! พวกเขาไม่มีวันไล่พวกเธอออกได้หรอก!!”
“ใจเย็นเฮอร์ไมโอนี่
ให้พวกเขาได้หายใจหน่อย” เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงเพลิงพูดขณะที่ดึงแฮร์รี่ให้เข้ามาในห้อง
เฮเลนหันไปยิ้มให้เขาพร้อมกับที่รอนเดินเข้ามาดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่และยิ้มตอบเธอ เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยเฮเลนให้เป็นอิสระ
เธอเดินตามแฮร์รี่เข้าไปในห้องก่อนจะพบว่ามีใครอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
ความรู้สึกแรกที่แว้บเข้ามาหลังจากเห็นใบหน้าของเขาคือกังวลใจและไม่น่าเข้าใกล้
เหมือนกับว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครแต่ไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้เขาเลย
“ฉันคิดว่าเฮเลนอาจจะแปลกไปสักหน่อย"
แฮร์รี่พูดขึ้นทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ "แต่พวกนายคงจะเข้าใจอารมณ์คนที่วันๆ
เอาแต่อ่านหนังสือกับนอนใช่ไหม”
รอนกับเฮอร์ไมโอนี่หัวเราะร่วนต่างจากเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำคลับอีกคนที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ริมหน้าต่างด้วยท่าทางเรียบเฉย
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอก็จำเขาไม่ได้น่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มร่า เฮเลนส่ายหน้ายิก
เธอไม่เคยจำได้ว่ามีตัวละครอื่นที่มีใบหน้าหล่อเหลาเรือนผมสีดำและดวงตาสีเข้มแบบนี้มาก่อนตั้งแต่อ่านนวนิยายเรื่องนี้มานอกจากทอม
ริดเดิ้ล
“เขาคือแท็ค
แม็คมาเวลล์" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ "เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันไง"
“ลูกพี่ลูกน้อง?” เฮเลนทวนคำ
“ใช่! เขาอายุน้อยกว่าเราสองปี
เพิ่งจะสิบห้าเมื่อเดือนก่อน เธอลืมแล้วเหรอ?”
“เอ่อ...
เปล่า! เปล่า ฉัน
ฉันจำได้”
เฮเลนยิ้มแป้นและทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกหนาโดยยังไม่ละสายตาไปจากเด็กหนุ่มรุ่นน้องตัวละครปริศนาที่โผล่เข้ามา
นอกจากเธอที่กลายมาเป็นน้องสาวของแฮร์รี่
พอตเตอร์แล้วก็ยังมีตัวละครใหม่เข้ามาเพิ่มอีกด้วยงั้นเหรอ?
ความฝันที่เหมือนจริงนี้
มีจินตนาการเพิ่มเติมอีกด้วยเหรอ? แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะตื่นขึ้นมาในโลกจริงเสียทีล่ะ!?
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น