คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ร้ายลึก ‡ EPISODE 01 :: ชื่อเหมือนเธอคนนั้น
‘โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าตนเองมันหื่น...’
‡ วาโย ‡
ตอนที่ 01
ชื่อเหมือนเธอคนนั้น
@คอนโด U
[บรรยายพิเศษ :: วาโย]
เคยได้ยินประโยคที่ว่า...แค่ได้เห็นหลังคาบ้านของคนที่ตัวเองรัก มันก็สุขใจแล้วล่ะ
บอกเลยว่าประโยคนี้ในช่วงเวลานี้นั้น ผมเริ่มชักรู้สึกไม่แน่ใจสักเท่าไรแล้วล่ะ แต่ทว่าก่อนที่ผมจะบ่นพร่ำเพ้ออะไรในใจไปเรื่อยเปื่อยไปนั้น ผมจะขอย้อนเล่าอะไรสักอย่างสักหน่อยก่อนนะ คือว่าหลังจากเลิกเรียนเสร็จในช่วงเย็นของวันนี้ ผมก็ขับรถยนต์มายังหน้าคอนโดของแฟนสาวก่อนจะกลับบ้านพักของตนเองเสียก่อนน่ะ นั่นเป็นเพราะว่าวันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร ทั้ง ๆ ที่การกระทำอย่างนี้ของผมนั้น มันแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผมไปเสียแล้วล่ะ ซึ่งไอ้เรื่องปกติที่ว่านั้นก็คือการที่ผมแวะเวียนมาที่นี่แทบจะเกือบทุกวันอยู่แล้วยังไงล่ะ ส่วนเหตุผลของการกระทำของผมก็ข้ามไปก่อนเถอะ
เรื่องของเรื่องคือวันนี้ผมรู้สึกได้ว่ามันเหมือนมีลางอะไรสักอย่างมากวนใจผมจนเป็นเหตุทำให้ผมอดรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยอยู่ในใจมาทั้งวัน ซึ่งเพราะอย่างนี้นั่นเองแหละ ผมจึงแวะมาที่นี่ก่อนยังไงล่ะ
ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่ผมจะขับรถผ่านมายังคอนโดแห่งนี้ ผมไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจอดรถทิ้งไว้นานแล้วแวะขึ้นไปยังบนห้องของเธอเลยก็เถอะ แต่อย่างน้อย ๆ การกระทำนี้ของผมมันก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวผมเองรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยทีเดียวแหละ
นี่ฟังดูโรคจิตไปไหม แต่ก็ช่างมันเถอะ เข้าเรื่องต่อดีกว่า อันที่จริงผมก็อยากจะขึ้นไปดูห้องของเธอสักครั้งจนใจจะขาดแหละ แต่ติดตรงที่ว่ามีนาไม่เคยตอบรับคำขออนุญาตจากผมเลยสักทีนี่สิ ดังนั้นผมจึงทำได้แค่เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงกว่าสิบชั้นแห่งนี้อย่างครุ่นคิดผ่านกระจกรถสีดำสนิทเหมือนอย่างวันที่ผ่าน ๆ มาก็เท่านั้นเอง
การมาที่นี่ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ผมคลายความเครียดจนตงิด ๆ อย่างที่คาดหวังนัก กลับกันมันกลับทำให้ผมรู้สึกหนักอกหนักใจกว่าเดิมเสียอีกต่างหาก
เพราะมันก็จริงอยู่ที่ว่าผมมีความรู้สึกสุขใจขึ้นมาบ้าง(เล็กน้อย)น่ะนะ แต่มันก็มีเรื่องบางเรื่องผุดขึ้นมากวนใจผมซะอย่างนั้น
เรื่องของเรื่องคือความสัมพันธ์ของผมกับมีนาค่อนข้างจะแปลกประหลาดสักนิดหน่อย
มันติดตรงที่ว่ามีอย่างที่ไหนกันล่ะ แค่พาแฟนขึ้นไปดูห้องเฉย ๆ เธอยังสั่งห้ามไม่ให้ผมไปโดยเด็ดขาดเลยล่ะ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเธอพักอาศัยอยู่กับน้องสาวของเธอสองคน แต่ทว่าไม่รู้ทำไมเธอทำราวกับว่าหากผมสามารถเข้า ๆ ออก ๆ ที่นั่นได้ตามใจชอบ เธอกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาซะอย่างนั้นนี่สิ ซึ่งมันก็อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเธอไม่ได้ไว้ใจผมสักเท่าไรนัก ดังนั้นเธอก็เลยยกเหตุผลที่ว่าไม่เหมาะสมมาเป็นข้ออ้างเสมอ
เฮอะ เรื่องแบบนี้มันน่าขำสิ้นดีเลยนะ ว่าไหมล่ะ แค่พาแฟนขึ้นห้องเฉย ๆ ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดจะทำอะไรเสียหายกับเธอสักหน่อย(จริง ๆ นะ ผมสาบานเลย) แต่จะว่าไปแล้ว ลึก ๆ ในใจ ผมพอจะเดาได้ว่าเธอไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเธอมากกว่ามั้ง เธอเลยยกเหตุผลโดยอ้างนู้นอ้างนี่มาตลอดน่ะ นี่ขนาดว่าแค่เปิดตัวแฟนให้คุณป๋าหรือคุณพ่อของเธอได้รู้จักว่าที่ลูกเขย เธอยังไม่คิดจะพาผมไปแนะนำให้ท่านได้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมรู้สึกน้อยใจเธอได้อย่างไรกันล่ะ
การคบหาของเราทั้งคู่ไม่ต่างจากเพื่อนทั่ว ๆ ไปนักหรอก เพราะอย่างมากเราสองคนก็แค่นัดทานข้าวกันที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยก็เท่านั้นเองแหละ
มันแค่นั้นจริง ๆ นะ โคตรไม่มีอะไรพิเศษเลยล่ะ ให้ตายเถอะ!
“เฮ้อ...” ในขณะที่ผมกำลังหัวเสียอยู่กับห้วงความคิดของตนเองอยู่นั้น จู่ ๆ สายตามันก็เหลือบไปเห็นร้านขนมปังแห่งหนึ่งโดยบังเอิญเข้าพอดิบพอดี ซึ่งสถานที่ที่ว่านั้นมันอยู่ตรงข้ามกับคอนโดมีนานี่เองแหละ แต่ทว่าทุกครั้งที่ผม(แอบ)ขับรถตามหลังรถของเธอไปจนมาถึงคอนโดของเธอ ผมไม่เคยสังเกตร้านค้ารอบ ๆ บริเวณนี้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งชนิดที่ว่าโคตรไม่ใส่ใจเลยจริง ๆ นี่ถือเป็นโอกาสดีเลยล่ะเพราะผมกำลังรู้สึกหิวอยู่พอดีน่ะ
ว่าแล้วผมจึงไม่รอช้ารีบดับเครื่องยนต์แล้วลุกออกไปเปิดปิดประตูรถ และสุดท้ายก็ไม่ลืมกดรีโมทล็อกประตูรถด้วยระบบอัตโนมัติให้เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนจะเดินข้ามถนนไปยังร้านค้าดังกล่าวทันที
ในระหว่างนั้นเมื่อผมก้าวเดินเร็ว ๆ ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามกับรถยนต์ของตนเองที่จอดทิ้งไว้ ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาสักก่อน ซึ่งปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นกว่า ๆ แล้ว โดยบรรยากาศรอบกายดูร่มเย็นดี แสงแดดอ่อน ๆ ก็กำลังดี มันไม่ได้ร้อนจัดมากนักเลย นั่นจึงทำให้ผมพอรู้สึกหายเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแล้วล่ะ
@ร้านขนมปังรสเด็ด
“เหมือนเดิมนะคะ”
“ค่ะ”
ตอนนี้ลูกค้าภายในร้านไม่ค่อยมีเยอะนัก ส่วนใหญ่มักจะจับจองที่นั่งกันอยู่เป็นคู่ ๆ กันเสียมากกว่า ดังนั้นเมื่อผมก้าวเดินเข้าไปต่อคิวภายในร้าน สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างบอบบางของเด็กสาวคนหนึ่งในชุดนักเรียน ซึ่งเข้าคิวต่อแถวก่อนหน้าผมเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นนี้เอง
ผมยกคิ้วขึ้นสูงอย่างคนรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะถ้าเมื่อกี้นี้ตนเองไม่ได้เผลอเหม่อลอยไป เด็กสาวคนนี้ยังไม่ทันได้เอ่ยปากสั่งเมนูขนมปังเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วพนักงานก็ชิงถามขึ้นเสียก่อนอย่างคนที่รู้ทันกันอยู่แล้ว ซึ่งโมเมนต์นี้ก็ทำเอาผมชะงักเล็กน้อยพลางรู้สึกดีในใจแทนลูกค้าคนนี้ที่พนักงานมีการใส่ใจเธอเป็นพิเศษกว่าลูกค้าทั่ว ๆ ไป
‘สงสัยเธอคนนี้คงจะเป็นลูกค้าประจำแหละมั้ง’ ผมคิดในใจพลางเพ่งมองสำรวจดูรูปร่างของเธออย่างพิจารณาด้วยความลืมตัว
นี่ไม่ใช่ว่าผมโรคจิตนะ อย่าตกใจล่ะ คือผมแค่เบื่อ ๆ น่ะ ผมก็เลยหาวิธีคลายเครียดให้ตนเองระหว่างเข้าคิวด้วยการเดาอายุของเธอดูเล่น ๆ เท่านั้นเอง(เสียงสูง) ซึ่งจากการที่ผมเผลอเลื่อนสายตาลงมองหลุบต่ำสำรวจสะโพกกลม ๆ ของเธอดูแล้ว ผมว่านะเธอคนนี้ไม่น่าจะใช่เด็กแล้วล่ะ อีกทั้งชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นน่าจะเป็นของโรงเรียนมัธยมที่ไหนสักแห่งนี่แหละ
ซึ่งดู ๆ แล้วเหมือนนางเอก AV ที่ผมชอบดูเป็นประจำทุกคืนก่อนนอนไม่มีผิด เอ่อ...โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าตนเองมันหื่น แต่ว่านะ แบบของชุดนักเรียนที่เธอสวมใส่ มันมีไม่เยอะหรอก นี่หากจะให้ผมบรรยายให้เห็นภาพง่าย ๆ เลยก็คือมันเหมือนชุดอนุบาลหมีน้อยไม่มีผิดเลยล่ะ มันคล้าย ๆ กันมาก ๆ เลยนะ โดยกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่าลายสก็อตสีดำแดง เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นรัดรูป และเนกไทลายเดียวกันกับกระโปรง
เจ๋ง! นี่มันหลุดออกมาจากหนังโป๊ชัด ๆ ใครเนี่ยที่เป็นคนต้นคิดชุดนี้ขึ้นมา ผมนี่อย่างชอบเลยล่ะ!
“เออ ดีแฮะ มาปุ๊บก็ไม่ต้องสั่ง...” ผมพึมพำไม่เบานัก ก่อนจะจงใจขยับตัวเบียดเข้าใกล้คนด้านหน้าอีกหน่อย ๆ จนแผงอกกว้างของผมปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเด็กสาวร่างเล็กเต็ม ๆ ผมยื่นคอเล็กน้อยใกล้ซอกคอขาว ๆ ของเธอเพื่อมองดูป้ายชื่อของขนมปังแต่ละรสให้ชัด ๆ ซึ่งมันติดอยู่ตรงกระจกด้านหน้าของขนมปังนั่นเองแหละ แต่แล้วด้วยความที่ว่าขนมปังในร้านแห่งนี้มันเป็นแบบมีไส้ด้านในน่ะ ดังนั้นผมเลยได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้ามึนงงไปเลยล่ะ เพราะหน้าตามันก็เหมือน ๆ กันหมด ทว่าช่างมันเถอะ ตามจริงจุดประสงค์หลักที่ผมขยับตัวจนแนบชิดกับสาวน้อยตรงหน้าขนาดนี้เนี่ย ผมก็แค่อยากฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นกายของเธอไปพลาง ๆ ก็เท่านั้นเองน่ะนะ
ผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองนัก สาเหตุเป็นเพราะเธอคนนี้ตัวหอมเป็นบ้าเลยล่ะ มันเลยทำให้ผมเผลอไผล ไม่เป็นตัวของตัวเองไปชั่วขณะเลยให้ตายเถอะ นี่ปกติผมไม่ใช่ไอ้หื่นที่ทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้สักหน่อยนะ แต่กับเธอคนนี้เนี่ย ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่เลยจริง ๆ น่ะ
นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย!
และแล้วเวลาผ่านไปเป็นนาที ตนเองก็ยังคงชะโงกหน้าอยู่แบบนั้นสักพักใหญ่ ๆ เพื่อเลือกไส้ด้านในไปด้วยพลาง ๆ ตา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าตนเองจะเลือกซื้อไส้อะไรดีกันแน่ นั่นก็เนื่องจากว่าผมไม่เคยแวะมาซื้อขนมปังที่ร้านแห่งนี้เลยไง ดังนั้นสุดท้ายแล้วผมจึงถอนใจในที่สุด โดยตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อตามแบบเดียวกันกับสาวน้อยตรงหน้านี่แหละ ง่ายดี
ว่าแต่ยัยเด็กนี่ตัวหอมดีนะ
หอมมาก!
ตัวเธอหอมโคตร ๆ จนผมไม่อยากยืนออกห่างเลยล่ะ
“น้องเมษา...”
“...!”
“...”
“น้องเมษาคะ! ขนมปังที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” ในขณะที่พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ยื่นถุงขนมปังซึ่งบรรจุใส่กล่องยื่นให้ตรงหน้าเด็กสาวที่ผมแอบหื่นใส่เงียบ ๆ ทว่าในช่วงเวลาอย่างนี้นั้น เธอกลับยืนนิ่งแข็งทื่อเหมือนคนกำลังเหม่อลอยจนสติหลุดไม่มีผิด ดังนั้นพนักงานสาวเลยเพิ่มระดับน้ำเสียงและเอ่ยเรียกชื่อเธอขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเรียกสติให้รู้สึกตัวเสียที
ว่าแต่เธอคนนี้ชื่อเมษางั้นเหรอ?
ชื่อเหมือนคนที่ผมเคยรู้จักเลยแฮะ
มันบังเอิญจัง...
แต่ว่านะ ถึงแม้ชื่อเมษามันซ้ำเยอะก็จริง ทว่าชื่อนั้นมันทำให้ผมชะงักงันทุกครั้งที่ได้ยินเลยล่ะ
“หะ หา?” เมื่อถูกเรียกสติให้ตื่นจากห้วงภวังค์ น้องเมษา(เรียกตาม)ก็มีอาการสะดุ้งโหยงวูบหนึ่งขึ้นมาทันที จากนั้นไม่ถึงห้าวินาทีต่อมา เธอก็ยกมือเสยผมตัวเองอย่างคนมึนงงเป็นลำดับแรก และแล้วพอเธอได้สตินึกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองกำลังยืนรอขนมปังจัดใส่กล่องอยู่ เธอจึงไม่รีรอชักช้าอีกต่อไปรีบล้วงหยิบเงินในกระเป๋ากระโปรงมาวางบนเคาน์เตอร์ทันทีอย่างคนรีบร้อน
และจากนั้นเมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จ โดยที่พนักงานไม่ต้องทอนเงินให้ เธอก็ก้มหน้าก้มตาเดินเลี่ยงทางให้ผมเข้าคิวต่อทันที
ซึ่งแต่ก่อนที่เธอจะเดินพ้นออกไปจากร้านแห่งนี้ เธอที่พยายามหลบหน้าหลบตาผมสุดฤทธิ์ก็เดินชนเข้าขอบโต๊ะและเก้าอี้ถึงสองครั้งสองคราจนทำให้ผู้คนภายในร้านพากันหันไปมองเธออย่างตกอกตกใจปนขบขับกันเบา ๆ
นี่ใจจริงผมก็อยากรู้นะว่าเธอคนนี้ใช่เมษาคนเดียวกันกับคนที่ผมรู้จักหรือไม่
แต่ทว่าพอผมมาคิดดูดี ๆ แล้ว จึงได้บทสรุปในใจว่ามันไม่มีความจำเป็นสักหน่อย ดังนั้นผมเลยไม่ได้ร้องเรียกรั้งตัวเธอคนนี้ไว้เพื่อจะขอดูใบหน้าคาตาให้ชัด ๆ เพื่อให้แน่ใจเสียก่อน
ถึงแม้มันจะทำให้ผมรู้สึกค้างคาในใจอยู่ไม่น้อย แต่ช่างแม่งเหอะ บอกตรง ๆ เลยนะว่าผมแม่งโคตรเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุดเลยล่ะ
ผู้หญิงที่ชื่อเมษา คนที่ผมรู้จักคนนั้นน่ะ ผมโคตรเกลียดเธอสุด ๆ เลยจริง ๆ นะ
ผมเกลียดเธอ พอ ๆ กับที่ผมเคยรักเธอมาก่อน
ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ซึ่งเพราะผมเคยรักเธอมากนั่นเองแหละ เมื่อความรู้สึกมันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเกลียดชัง ผมจึงเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ
เกลียด...จนอยากสาปแช่งเธอ ไม่ให้เธอพบเจอกับความสุขไปชั่วชีวิต
“ผมขออีกชุดนะครับ” เมื่อเลิกสนใจสาวน้อยที่เดินผ่านหน้าไปเมื่อสักครู่ ผมจึงเอ่ยสั่งขนมปังกับพนักงานทันที
“คะ?”
“ผมหมายถึง...ผมจะซื้อขนมปังไส้เหมือนน้องตัวเล็กคนเมื่อกี้นี้น่ะครับ” ผมอธิบายเมื่อพนักงานถามด้วยคำอุทานอย่างคนงุนงงพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจในออเดอร์ที่ผมสั่งไป
“อ๋อ งั้นลูกค้ารอสักครู่นะคะ”
‘ก็ในเมื่อผมไม่รู้จะสั่งไส้อะไรดีนี่หว่า การที่เด็กนั่นสั่งประจำก็น่าจะอร่อยถูกปากใช่มั้ยล่ะ?’ ผมบ่นและตั้งคำถามในใจขณะยิ้มแหย ๆ กลบเกลื่อนความประหม่าของตนเอง
พอเข้าใจ พนักงานสาวก็ไม่รอช้าใช้ที่คีบหยิบขนมปังใส่กล้องดีไซน์น่ารักอย่างประนีประนอม ทว่าคล่องแคล่วว่องไว
เมื่อรอพนักงานจัดใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ไม่ถึงหนึ่งนาทีเท่านั้น ขนมปังที่ว่านั้นก็อยู่ในถุงพลาสติกใสจนเสร็จสรรพเรียบร้อยในเวลาต่อมา และเมื่อถูกวางไว้ลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้า ผมจึงไม่รอช้าหยิบบัตรเครดิตจากกระเป๋าสตางค์มาจ่ายแทนเงินสดทันที
และแล้วเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ตนเองจึงไม่รอช้ารีบแกะกล่องบรรจุภัณฑ์แล้วหยิบขนมปังขึ้นมากัดใส่ปากคำใหญ่ทันทีในระหว่างที่กำลังก้าวเดินออกไปจากร้านขนมปังแห่งนี้ไปด้วยพลาง ๆ
ตอนนี้ผมรู้สึกหิวจนไส้จะกิ่วแล้วล่ะ ดังนั้นผมจึงรีบร้อนจัดการขนมปังอย่างว่องไวอย่างนี้เลยไง โดยที่ไม่ได้แคร์สายตาของผู้คนที่เผลอหันมามองเลยแม้แต่น้อย
“อร่อยแฮะ” เพียงแค่ลิ้นสัมผัสถึงเนื้อไก่รสชาติหวาน ๆ ไม่มากกำลังดีก็ทำให้ผมรู้สึกติดใจอยู่ไม่น้อย นี่ผมไม่แปลกใจเลยนะว่าทำไมเด็กสาวคนนั้น(น่าจะ)มาซื้อประจำเพราะรสนี้มันถูกปากคนทั่วไปอย่างนี้นี่เอง “สงสัยต้องแวะมาที่นี่บ่อย ๆ แล้วล่ะ” คำมั่นสัญญาที่ผมพึมพำพูดกับตนเองไปนั้น มันไม่ได้มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกถูกปากต่อขนมปังร้านแห่งนี้ก็เท่านั้นเอง ผมอาจจะแวะมาอุดหนุนอีกหรือไม่มาอีกเลยก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
ว่าแต่ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นขึ้นมาล่ะ?
เอ่อ...จะว่าไปแล้ว ผมรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังยืนแอบมองอยู่ไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่นะ
แม้ใจจริงผมอยากรู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองผมอยู่หรือเปล่าและใช่เมษาคนนั้นไหม แต่ผมกลับเลือกที่จะไม่เหลียวหันไปมองดูให้หายข้องใจสักก่อนหรอก
ผมเลือกที่จะเดินข้ามถนนตรงไปยังรถยนต์คันหรูของตนเองทันที
ผมปล่อยให้ตนเองรู้สึกคาใจอยู่แบบนี้แหละ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปใส่ใจสักหน่อย
หรือเปล่านะ...
ซึ่งนี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์เลยล่ะ
ในอีบุ๊คยังไม่ใช่ฉบับแก้ไขนะคะ
แต่เนื้อหายังคงเหมือนเดิมทุกฉากค่ะ
ด้าแก้แค่คำผิดกับสำนวนเท่านั้นน่ะค่ะ
ความคิดเห็น