คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 02 | PREMONITION OF FEELINGS CHANGED
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 2 )
‘PREMONITION OF FEELINGS CHANGED’
คิมจงอินก้าวฉับๆออกจากชั้นเรียนพยากรณ์ด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก ซึ่งศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์คงจะรู้ เธอถึงไม่ออกปากทักท้วงให้เขาหยุดอยู่กับที่แล้วตัดคะแนนกริฟฟินดอร์สักยี่สิบคะแนน หากเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าของชุดคลุมสีเขียวที่เพิ่งเป็นหน้าเป็นตาให้สลิธีรินไปเมื่อครู่กลับหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะดึ่งเดินกึ่งวิ่งตามออกไปด้วยคำขออนุญาตประโยคเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ
“ผมไม่ค่อยสบายเหมือนกันครับ ที่แคริบเบียนมีปลาหมึกยักษ์”
ทั้งชั้นเรียนเงียบกริบ ก่อนทรีลอว์นีย์จะแย้มยิ้มออกมาราวกับนึกได้ “โอ้ ฉันคิดว่าไม่ควรเปิดโอกาสให้พวกเธอคนไหนหายไปอีก ฉะนั้นเรามาต่อกันเถอะจ้ะ”
โอเซฮุนปล่อยให้ชายชุดคลุมโบกไสวขณะวิ่งตามเสียงฝีเท้าข้างหน้าลงจากหอคอยทิศเหนือ ชายนุ่มนึกทวนอีกทีว่าตัวเองไม่ได้ลืมฝากหนังสือวิชาปรุงยาไว้กับเอดิสัน หวงก่อนออกมา และใช่ เขาไม่ค่อยผิดพลาดหรือขี้ลืมสักเท่าไรนัก แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นที่ชอบดึงสติเซฮุนจนหลุดลอยออกไปอยู่เรื่อย นั่นคือคิมจงอิน เจ้าของแผ่นหลังไวๆที่กำลังเร่งเท้าเดินหนีอยู่ข้างหน้า
กัปตันทีมสลิธีรินจับโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่เฉียดจะตามทันเอาไว้ด้วยการคว้าเข้าที่ต้นแขน เผยให้เห็นแววตาที่ไม่เคยมองเขาด้วยความวิตกกังวลเช่นนั้นแล้ว เซฮุนก็แน่ใจยิ่งกว่าเก่าว่าต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ แต่เหนือความคับข้องใจคือความเป็นห่วงว่าคนที่อีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าอย่างเขาจะมีอะไรอย่างนั้นหรือ
จงอินสะบัดแขนออกด้วยแรงที่มีทันที เรายืนประจันหน้ากันตรงบันไดวนสูงชัน สายตาไม่เป็นมิตรนั่นแข็งกร้าว ทว่าเซฮุนชาชินกับมันเสียแล้ว
“อะไร”
“หนีทำไมล่ะ นิมิตเห็นฉันในอนาคตของนายอย่างนั้นหรือ” ถึงจะยังขมวดคิ้วมุ่น หากท่าทีของจงอินกลับทำให้หัวใจเซฮุนกระตุกวูบ เพียงเพราะค่อนข้างแน่ใจว่าคำสบประมาทเรื่องสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจเป็นเรื่องจริง “น่าตกใจ”
“ใช่ ฉันอัดนายเสียเละเลยล่ะ” ฝั่งกริฟฟินดอร์พูดลอดไรฟันเสียงแข็ง ดูอยากจะหนีไปให้พ้นหน้าเขาเต็มแก่
“ถ้าอย่างนั้นก็มีเราคนใดคนหนึ่งโกหก เพราะในนิมิตของฉันดันเห็นนายไปแคริบเบียนด้วยกัน อยากรู้ไหมว่าห้องสวีทที่นั่นเป็นยังไง”
“หุบปากพล่อยๆของนายไปซะโอเซฮุน” จงอินหนีบหนังสือวิชาอักษรรูนโบราณเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะหยิบเอาไม้กายสิทธิ์ที่เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาชี้หน้าอีกฝ่าย ไม้แอชขนาดสิบสองเศษสามส่วนสี่นิ้ว แกนกลางเป็นขนหางยูนิคอร์นกำลังตอบรับแรงโทสะจากเจ้านายของมันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าคนในชุดคลุมสลิธีรินจะหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมาบ้าง คิมจงอินก็พอมีคาถาเล่นงานในใจอยู่แล้ว
หากสิ่งที่อีกฝ่ายทำคือตรงกันข้าม เซฮุนยังยืนเฉยพลางใช้ดวงตาเรียวรีนั้นจับจ้องเขาอย่างสงบ ราวกับต้องการจะทะลุทะลวงเข้ามาในใจ ซึ่งตรงข้ามกับแววตาที่เห็นในนิมิตเมื่อครู่เหลือเกิน ท่ามกลางหมู่บ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนนั้น โอเซฮุนอยู่ในชุดสูทสีดำเมี่ยมทั้งตัว หากไร้ซึ่งความสงบเยือกเย็นอย่างที่เจ้าตัวมักจะตอกกลับเขาเป็นปกติ มันเป็นความแตกต่างที่ห่างไกลจากตอนนี้โข
ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกำลังกลัวในการพยากรณ์ วิชาลวงโลกที่คิมจงอินไม่เคยศรัทธา
เซฮุนจำต้องเก็บงำความอยากรู้เอาไว้ในใจ แน่นอนว่าเขาอยากรู้ถึงอนาคตของจงอินยิ่งกว่าอะไร แต่คงจะน่าขันถ้าหากปล่อยให้ตัวเองถูกคำสาปน้ำหนองแล้วค่อยเอ่ยถามออกไปตรงๆ ซึ่งนั่นไม่มีทางเป็นไปได้เลย โอเซฮุนแห่งบ้านสลิธีรินไม่ยินยอมให้ตัวเองอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนั้นแน่นอน และยิ่งไปกว่าความอยากรู้อันมากมายมหาศาลก็คือชายหนุ่มเป็นห่วงจงอินจับใจ
ซึ่งก็ขอขอบคุณจงอินที่คงไม่อยากหาเรื่องถูกกักบริเวณตอนนี้ ร่างโปร่งถึงได้สะบัดตัวหมุนเดินลงบันไดไปทั้งทำหน้าทำตาหงุดหงิดตลอดทาง
ความหนาวเหน็บเริ่มเข้าเล่นงานฮอกวอตส์อย่างไม่ปรานี คิมจงอินฟังเสียงประกาศคะแนนของบ้านกริฟฟินดอร์ที่ทะยานไปถึงสองร้อยสี่สิบ ก่อนจะกดหัวด้ามไม้กวาดลงต่ำตามลูกสนิชสีทองที่ดิ่งลงผืนหญ้าอย่างน่ากลัว นีฟ แซมเบิร์ก ซีกเกอร์จากบ้านฮัฟเฟิลพัฟตีคู่มาติดๆ ทั้งคู่เหลือบสายตาหยั่งเชิงกันเพื่อดูว่าใครจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปก่อน เพราะนอกจากกฎของควิดดิชที่ห้ามเท้าแตะพื้นแล้ว การหักไม้กวาดจากแนวดิ่งสู่ทางราบบนผืนหญ้าก็เสี่ยงจะทำให้ผู้เล่นที่ดริฟท์ไม่เก่งพอต้องเจ็บตัวอย่างแสนสาหัสได้เช่นกัน
อย่างแรกที่นีฟควรรู้คือจงอินไม่เคยยอมแพ้ ยิ่งฝ่าลมหนาวลงสู่พื้นเบื้องล่างมากเท่าไร โอกาสที่จะหักไม้กวาดขึ้นหลบแรงปะทะก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น เมื่อชั่งใจแล้วว่าเกมวัดใจครั้งนี้มันยากเกินไป เจ้าของเสื้อคลุมสีเหลืองก็เบี่ยงตัวออกทางขวาเพื่อหาทางคว้าลูกสนิชใหม่ในกรณีที่คิมจงอินทำไม่สำเร็จ
มือสีแทนหักด้ามไม้กวาดขึ้นจนสุดตัว ปลายเท้าหวิดผ่านพื้นหญ้าเฉียดฉิวท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของคนดูที่เกรงว่าเขาจะเจ็บตัวซ้ำสอง เมื่อตั้งหลักได้ในแนวระนาบ จงอินก็บึ่งตัวเองไปข้างหน้า ยื่นมือเอื้อมหาลูกสนิชที่ไม่ลดละความเร็วทั้งยังทำท่าจะบินหนีไปอีกครั้ง
“กริฟฟินดอร์ได้สิบแต้ม! นำอยู่สองร้อยห้าสิบต่อร้อยยี่สิบ”
ถ้าเขาทำสำเร็จ อย่างน้อยกริฟฟินดอร์ก็ไม่ต้องเสียเชิงถึงขนาดตกไปอยู่ที่โหล่ของฤดูกาลนี้ ดวงตาสีเข้มเห็นอัฒจรรย์คนดูใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จงอินเสี่ยงจะให้ตัวเองเจ็บตัวอีกรอบด้วยการให้เวลาตัวเองอีกสามวินาที กระทั่งสัมผัสโลหะเย็นเยียบและคว้าไว้ได้ในอุ้งมือ ชายหนุ่มก็ตวัดหัวไม้กวาดขึ้น ผาดศีรษะคนดูที่พากันหลบเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงร้องอื้ออึง
เขาเหาะขึ้นไปเหนือสนาม ชูเจ้าลูกสนิชสีทองให้ปรากฏแก่ทุกสายตา นักกีฬาในชุดสีแดงกับกองเชียร์ฝั่งกริฟฟินดอร์ร้องเฮ ในขณะที่นีฟ แซมเบิร์กและลูกทีมต่างปรบมือให้ตามมารยาท
จงอินร่อนลงต่ำบนพื้น โผกอดกับสมาชิกในทีมที่ลงถึงพื้นก่อนหน้าเขาไม่นาน ปิดท้ายด้วยกัปตันอย่างปาร์คชานยอลที่ยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก กอดคอเขาให้เดินผ่านแสงแฟลชจากกล้องไปด้วยกันจนออกนอกสนาม วันนี้จงอินเล่นได้หวาดเสียวเกินพอดี แต่ก็แลกมาซึ่งภาพสวยๆลงหนังสือพิมพ์โรงเรียน
หนุ่มกริฟฟินดอร์ยังแปะมือเป็นท่าไฮไฟว์ใส่กันมาตลอดทาง กระทั่งมาถึงชั้นที่เจ็ด หน้ารูปวาดสุภาพสตรีอ้วนที่ยักคิ้วหลิ่วตาระหว่างรอใครสักคนหนึ่งพูดรหัสผ่านเห่ยๆขึ้นมา ซึ่งสองพี่น้องวอล์ฟ แนทกับอเล็กซ์ที่เดินอยู่หน้าสุดก็รับอาสาพูดด้วยเสียงขึ้นจมูก
“ตัวตืด”
“อะไรนะ”
สุภาพสตรีอ้วนขมวดคิ้วพลางทำหน้าแหย กระทั่งชานยอลตะโกนบอกจากด้านหลังทั้งที่ยังไม่ละมือออกจากคอจงอิน “เราเปลี่ยนเป็นกล้วยหอมทอดแล้ววอล์ฟ”
“อ๋อใช่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนฉันจะเข้าบ้านไม่ได้อยู่แล้ว” อเล็กซ์โอด มองรูปภาพที่เด้งตัวออกเป็นทางลอดขนาดต้องก้มตัวผ่าน โถงบ้านกริฟฟินดอร์มีเจ้าของผ้าพันคอสีแดงเหลืองนั่งอุ่นเตาผิงกันอุ่นหนาฝาคั่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนตั้งแต่ชั้นปีห้าขึ้นไปที่คิดได้ว่าควรตั้งใจเรียนให้มาก ทุกคนรู้ว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่ได้ใจดีขนาดนั้น
ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งข้างลูคัส ทิลที่โซฟาบุหนังสีน้ำตาลใกล้เตาผิง จงอินจึงโบกมือปัดๆให้กลุ่มของตัวเองว่าขอเวลาอีกสักพัก ท่าทางกัปตันทีมคงมีเรื่องอยากคุยกับเขาอีกหน่อย ชายหนุ่มไม่ค่อยชินสายตาลูคัสเหมือนทุกที เพื่อนของชานยอลคนนี้เป็นผู้ชายผิวขาว ตัวสูง เรือนผมสีทองเพิ่งจะถูกตัดเป็นทรงซอยสั้นหลังจากไว้ยาวประบ่ามาร่วมปี ตาสีฟ้าพราวระยับขณะมองเขา ซึ่งก็ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวอะไรแบบนั้น แต่ลูคัสชอบทำเหมือนรู้อะไรตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องที่จงอินไม่อยากให้รู้
“เป็นยังไงบ้าง กู้หน้าคืนมาได้ล่ะสิ” ลูคัสเดาจากหน้าระรื่นของชานยอล หนังสือวิชาปรุงยาบนโต๊ะถูกพับปิดโดยมีการ์ดคนดังจากซองขนมคั่นไว้
“แน่นอนอยู่แล้วเพื่อน” ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ตอบ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจเขาเพราะนอกจากซ้อมควิดดิชแล้ว ทั้งคู่คุยกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะตารางติวรัดตัวของนักเรียนปีเจ็ด “ว.พ.ร.ส.เป็นไงบ้างจงอิน”
คนถูกถามเลิกคิ้ว แบบว่าเอาจริงดิ จะคุยกันเรื่องเรียนเนี่ยนะ?
“อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ฉันรู้ว่านายมีนัดคุยกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลวันจันทร์นี้แล้ว”
หนุ่มตัวสูงรู้เรื่องของเขาทุกที หรือแม้แต่ลูคัสที่เอาแต่นั่งยิ้มขณะเท้าคางมองบทโต้เถียงน่ารักๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตายสิ เลิกทำสายตาน่าขนลุกแบบนั้นเสียทีเถอะคุณทิล “เอ้อ ฉันยังคิดไม่ออกเลย”
“ทั้งที่จะสอบว.พ.ร.ส.แล้วเนี่ยนะ”
“ไม่เอาน่ากัปตัน นั่นมันอีกตั้งสองสามเดือน” จงอินยังสนุกกับควิดดิชและการเรียนแบบไปๆมาๆอยู่ เช่นนั้นเขาจึงเริ่มอ่านหนังสือช้ากว่าเพื่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังอ่านวิชามักเกิ้ลศึกษาไม่จบสักเล่มเลยซ้ำ และเพราะรู้ว่ามีเพื่อนอย่างแทมกับคีย์ที่พร้อมจะคาบข่าวไปบอกชานยอลให้มาเคี่ยวเข็ญเขาตลอดเวลา ด้วยคะแนนดีเลิศของสองเพื่อนซี้ตัวสูงข้างหน้า จงอินถึงมีหวังในโค้งสุดท้ายเขาอาจจะเกินความคาดหมายขึ้นมาบ้างก็ได้ “สอบมือปราบมารต้องใช้วิชาปรุงยาด้วยหรือ”
เขาชี้หนังสือของลูคัส ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าหงึกหงักพลางอธิบาย “ใช่ เพราะสำนักมือปราบมารไม่ชอบเสียบุคลากรไปแค่เพราะยาพิษโง่ๆน่ะ อ้อ แต่นายต้องได้ว.พ.ร.ส.วิชานี้ในระดับดีเยี่ยมขึ้นไปก่อนนะ”
ชานยอลกับลูคัสตั้งใจจะแท็กทีมกันสอบเข้าเป็นมือปราบมาร ข่าวเรื่องปีที่แล้วไม่มีใครสอบติดสักคนคงขวางทางหนุ่มหัวดีทั้งคู่ไม่ได้ ข้อนั้นจงอินรู้ แต่เขาก็แค่ใจหายว่าหากจบปีนี้ไปแล้ว คงไม่มีกัปตันปาร์คคอยเดินร่อนไปร่อนมาแล้วเฉ่งเขาเรื่องโดดเรียนอีก รวมถึงการที่คิมจงอินต้องขึ้นปีหกโดยเหยียบอยู่บนอนาคตอันไม่แน่นอน เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองสักอย่าง ไม่มีแม้แต่จะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายด้วยการแน่วแน่ต่อจุดหมายวิชาชีพ
เขาคิดว่ามันห่างไกลจากชีวิตนักเรียน กระทั่งเห็นความตั้งใจของคนรอบข้าง จงอินต้องการเวลาอีกหน่อยเพื่อที่จะลองค้นหาสิ่งที่ชอบ เขาอาจอยากเป็นมือปราบมารเหมือนชานยอล ทำงานให้ธนาคารกริงกอตส์ ตำแหน่งเช้าชามเย็นชามในกระทรวงเวทมนตร์ หรือว่าเป็นนักควิดดิชมืออาชีพแล้วได้ยิ้มยิงฟันใส่เดลี่พรอเฟ็ตทุกวัน
เห็นความลังเลของหนุ่มรุ่นน้องแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อาจจริงอย่างที่ลูคัสเคยพูด ปาร์คชานยอลชักจะเหมือนพ่อของจงอินเข้าไปทุกทีแล้ว “ไว้ไปฮอกส์มี้ดด้วยกันไหม”
“หา?” จงอินอุทาน
“โว้ว” ลูคัสผิวปาก แต่ก็ต้องเงียบเพราะถูกเพื่อนสนิทกระทุ้งสีข้างเข้าให้
“ถ้านายไม่ได้นัดใครไว้” ชานยอลหมายถึงคริสตัล เจ้าหญิงหน้าตายประจำบ้านกริฟฟินดอร์ที่นั่งโซฟาถัดไปสามตัว หล่อนกำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือกับเพื่อน ดูท่าคงมีแค่จงอินคนเดียวแล้วที่ไม่เริ่มต้นกับอะไรสักอย่าง
“ฉัน... ขอดูก่อน” คนผิวแทนว่า จริงอยู่ที่ในใจเขาตั้งแต่จะตื๊อคริสตัลอีกสักหน่อยสำหรับเรื่องเที่ยวฮอกส์มี้ดซึ่งใกล้จะมาถึง หลังจากโดนปฏิเสธแบบแน่นอนไปแล้วหนึ่งรอบ แลกกับจะยอมเป็นคู่เต้นรำงานพร็อมวันคริสมาสต์แต่ห้ามเฉียดเข้าใกล้มิสเซิลโท ซึ่งนั่นหมายความว่าคิมจงอินถูกตัดโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์แบบเร่งด่วนหมดทุกทาง
กัปตันทีมในชุดเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีแดงคาดเหลืองพยักหน้ารับ ก่อนแก้เก้อด้วยการบอกลูคัสว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที ส่วนจงอินก็ควรทำมันเช่นกัน
จากนั้นครึ่งชั่วโมง ปาร์คชานยอลกลับลงมาที่โถงในชุดไปรเวทพร้อมหนังสือเรียนกองใหญ่ สองเพื่อนซี้เริ่มต้นถามตอบเกี่ยวกับวิชาปรุงยากันอีกครั้ง ไม่นานนักนักเรียนปีเจ็ดอีกส่วนหนึ่งก็พากันมานั่งด้วยจนมุมโซฟาใกล้เตาผิงแน่นขนัด
จงอินที่ตามลงมาทีหลังได้แต่สอดส่องสายตามองหากลุ่มเพื่อนตัวเอง แล้วก็ได้เห็นว่าแทมกับคีย์ย้ายไปนั่งติดโซฟาเดียวกับคริสตัล จอง และนั่นคือเรื่องดีทีเดียว เพราะชายหนุ่มสามารถสร้างเหตุผลเข้าหาสาวเจ้าได้อีกครั้งโดยไม่ดูจงใจเกินไปนัก เขาทิ้งก้นลงนั่งเบียดแทมบนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ ก่อนจะกางหนังสือวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ออกแล้วเอี้ยวตัวไปในทางตรงกันข้าม
“เฮ้ คริสตัล”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว น่ากลัวจะไม่สบอารมณ์เท่าไรที่ถูกขัดจังหวะท่องจำ “สวัสดีจงอิน ยินดีด้วยที่ชนะฮัฟเฟิลพัฟได้นะ”
“เธอรู้ได้ไงเนี่ย” เขายิ้ม หากสายตาเหลือบไปเห็นแองจี้ เพื่อนร่วมชั้นปีฝ่ากลางดงนักเรียนปีเจ็ดเข้าไปเพื่อชวนกัปตันทีมควิดดิชเป็นคู่ควงงานพร็อม และไม่ต้องจับเวลาถึงห้าวินาทีเลย หล่อนเดินกลับออกมาหน้าสลดแล้วหนีขึ้นห้องพักฝั่งหญิงไปเสียแล้ว
โอ นั่นมันน่าสงสารชะมัด
“เขาลือกันให้แซ่ดว่านายขี่ไม้กวาดบินผ่านหัวคนดู” คริสตัลหัวเราะเบาๆขณะพูดข่าวที่ได้ยินมาจากเพื่อนสาวเมื่อสักครู่ “แล้วก็ยินดีด้วยที่เริ่มอ่านหนังสือสอบได้สักที”
“โธ่ ไม่เอาน่า ทุกคนชักจะเหมือนพ่อแม่ฉันเข้าไปทุกทีแล้ว”
คริสตัลบอกเขาว่าตั้งใจจะทำงานที่กองความร่วมมือด้านเวทมนตร์ระหว่างประเทศเหมือนพ่อของเธอ ซึ่งการจะเป็นบุคลากรดีๆสักคนในกระทรวงเวทมนตร์ได้นั้นต้องใช้ความพยายามและคะแนนอันยอดเยี่ยมเพื่อยื่นสมัคร แต่เชื่อเถอะไม่ว่าอาชีพอะไร ส่วนใหญ่ก็อยากเห็นผลคะแนนเกินความคาดหมายทั้งนั้นแหละ
“จริงสิ อีกสองสัปดาห์ก็จะถึงวันไปฮอกส์มี้ด --”
“บ๊ายบายคิมจงอิน ฉันจะอ่านหนังสือต่อแล้วล่ะ” คริสตัลตัดบท โน้มตัวเข้ามากระซิบกระซาบบอกหลังจากเห็นคนหน้าเสีย “แต่ถ้าเป็นปีหน้าหลังจากเธอได้คะแนนสอบดีๆล่ะก็ ฉันคงอยากไปเที่ยวกับเธอน่าดู แต่ปีนี้ใครก็ชวนฉันไม่ติดจ้ะ”
จงอินคอตก ก่อนจะหันไปหาชานยอลที่ชะโงกหน้ารอคำตอบอยู่ก่อนแล้วด้วยการทำมือรูปโอเคใส่อีกฝ่าย เห็นอย่างนี้กัปตันหนุ่มก็ยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก และถ้ามองไม่ผิดยังมีการหันไปตบมือไฮไฟว์กับลูคัส ทิลที่หันมายิ้มล้อเลียนเขาอีกด้วย ซึ่งให้ตายเถอะ ภาวนาอย่าให้คริสตัลหันไปเห็นก็แล้วกัน
ชวยหนุ่มหน้ายุ่ง อีกครั้งที่อึดอัดจนต้องหาทางออกด้วยการทำตัวปกติเกินไป ความพะว้าพะวังตีตื้นขึ้นมาเล่นงานอีกครั้ง หนึ่งในปัญหาขบไม่แตกของเขานับวันยิ่งขยายวงกว้างจนไม่เห็นทางออก ซึ่งหากวันนั้นมาถึงจริงๆ คิมจงอินจะยังแสร้งทำเฉยได้อยู่อย่างนั้นหรือ
“เฮ้ เซฮุน! เขาลือกันว่านายจะไปเที่ยวฮอกส์มี้ดกับเซเลน่า โกเมซนั่นจริงหรือเปล่า”
เอดิสัน หวงพูดขึ้นขณะพับหนังสือปรุงยาเล่มโตปิด รวมถึงจัดแจงทำความสะอาดโต๊ะเรียนกับต้องคอยระวังผงมูนสโตนจะหกเละเทะ ตาก็เหลือบมองหญิงสาวผมดำยาวในชุดสเวตเตอร์ทับเนคไทสีเขียวหัวเราะร่าอยู่กับกลุ่มเพื่อนขณะเดินออกจากห้องที่มีแต่กลิ่นน้ำยาสันติ ทอล์คออฟเดอะทาวน์ประจำบ้านสลิธีรินวันนี้ก็คือเรามีเจ้าชายเจ้าหญิงกับเขาบ้างแล้ว!
“หืม” คนถูกถามเลิกคิ้ว ส่งยิ้มน้อยๆให้ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นที่ส่งสายตาเรียกเขาเอาไว้จากเรื่องไร้สาระ “เก็บไว้ให้นายสงสัยนี่แหละดี ฉันต้องไปคุยกับศาสตราจารย์แล้ว”
เอดิสันเดินออกไปทั้งสีหน้าใคร่รู้ คาดว่าคงไปจับกลุ่มคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่จนกว่าเขาจะกลับไปถึงนั่นแหละ เรื่องไร้สาระก็หาสาระไม่ได้อยู่วันยังค่ำ ต่อให้เป็นความจริงแล้วอย่างไร มันหมายถึงผู้ชายครึ่งค่อนฮอกวอตส์จะเลิกจีบเซเลน่าหรือก็เปล่า ตราบใดที่เขากับหล่อนไม่ออกหน้าคบหาแบบเป็นตัวเป็นตนก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
“คุณโอ เรื่องฉันฝากให้เธอช่วยเป็นยังไงบ้าง ติดขัดอะไรไหม”
“เรียบร้อยดีครับ” เซฮุนหยิบเอาเล่มบันทึกที่แทรกอยู่ระหว่างหนังสือวิชาปรุงยากับการบ้านพยากรณ์ศาสตร์ออกมา ลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยในนั้นทำให้ฮอเรซ ซลักฮอร์น ศาสตราจารย์วิชาปรุงยาและที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของบ้านสลิธีรินพึงพอใจ ชายแก่ร่างท้วมยิ้ม เก็บเอางานที่ไหว้วานให้นักเรียนในปกครองช่วยเหลือลงลิ้นชักอย่างดี
“ขอบใจมาก หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจที่ต้องช่วยงานฉันหรอกนะ”
“ไม่หรอกครับศาสตราจารย์ ดีเสียอีกที่ผมได้ความรู้มากมายจากการช่วยบันทึกในครั้งนี้” เขาว่าตามจริง คงมีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นสูตรปรุงยาใหม่ๆอันจะนำมาสู่ประโยชน์แก่โลกเวทมนตร์ เซฮุนชอบเวลาที่ตัวเองมีส่วนขับเคลื่อน ได้ควบคุมและแทรกตัวอยู่กับความยิ่งใหญ่
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงใช้เวลาที่เหลืออีกน้อยนิดในการให้คำปรึกษานอกเวลาเรื่องอาชีพและวิชาที่ต้องทำคะแนนเป็นพิเศษในการสอบว.พ.ร.ส. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่น่าเป็นห่วงสำหรับเซฮุนเท่าไรนัก เขามักจะทำอะไรๆออกได้ดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งนั้นนำพาความสำเร็จมาให้
ร่างสูงโปร่งลัดเลาะทางเดินภายในคุกใต้ดินอย่างเคยชิน เสียงทะเลสาบกระทบหน้าต่างและกลิ่นอับชื้นลอยเตะจมูก เขาเลิกสนใจกรินดี้โลว์ที่มักจะว่ายผ่านไปมาสลับกับพวกปลาหมึกยักษ์นานแล้ว หลายครั้งเคยมีคำถามที่ว่าทำไมชาวสลิธีรินถึงได้ชอบตั้งป้อมอยู่ในที่มืดทึบแบบนี้นัก ซึ่งถ้ามองตามวิสัยของงู จริงๆแล้วเราอาจแค่อยากมองหาความสงบ เย็นสบายเหมือนอยู่ใต้น้ำ ตัดขาดจากความโกลาหลวุ่นวาย (ที่ไม่ได้แซะกริฟฟินดอร์เลย สาบานกับกางเกงในเมอร์ลิน)
หลังจากเลี้ยวลดมาจนถึงหน้าบานประตูสลักกลอนขนาดใหญ่ เขากระซิบบอกรหัสผ่านที่เพิ่งถูกเปลี่ยนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน จากนั้นบานประตูจึงแง้มเปิดออก พาชายหนุ่มเข้าไปสู่โถงห้องนั่งเล่นที่มีเพดานไม่สูงมากนัก โคมไฟสีเขียวส่องลงบนโซฟาบุหนังทรงโค้งยาว ลายน้ำจากหน้าต่างที่คั่นพื้นที่ระหว่างห้องและทะเลสาบสะท้อนกับรูปสลักงูเหนือเตาผิง นักเรียนปีห้าขึ้นไปพากันจับกลุ่มกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆเพื่อช่วยกันติวการสอบซึ่งใกล้จะมาถึง
เซฮุนตั้งใจว่าจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปกินมื้อเย็นที่โถงอาหาร ที่นั่นเขาจะได้พบกับคิมจงอินที่นั่งอยู่โต๊ะริมสุดของอีกฝั่ง หัวเราะเฮฮากับเพื่อน หรือแม้แต่ฟังเรื่องตลกจากคนในทีมควิดดิชด้วยกันอย่างออกรส ซึ่งใช่ น้อยคนในสลิธีรินที่จะมีเพื่อนสนิทต่างบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเกิดอยากสนิทสนมกับกริฟฟินดอร์สักคน
ชายหนุ่มออกมาจากห้องพักก่อนจะพบว่าเอดิสันและเพื่อนคนอื่นๆรออยู่ก่อนแล้ว ซ้ำวันนี้ยังมีเซเลน่า โกเมซ สาวสวยในชุดเสื้อแขนยาวบุสำลีกับกางเกงยีนส์สกินนี่ยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่ด้วย หล่อนกับเขารู้ในสิ่งเดียวกันว่าเราช่างเหมาะสม และคงจะเป็นกระแสปากที่ดีถ้าหากออกตัวว่าคบกันจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ น่าเสียดายที่เซฮุนมีคนในใจอยู่แล้ว
เขาเดินเข้าไปในโถงที่มีโต๊ะยาวเหยียดทั้งสี่เรียงราย เหนือขึ้นไปคือเพดานโปร่งแสงที่เผยให้เห็นหิมะและท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม เซฮุนและกลุ่มเพื่อนทิ้งตัวลงนั่งที่ประจำ โต๊ะของกริฟฟินดอร์และสลิธีรินถูกคั่นไว้ด้วยเรเวนคลอ ซึ่งก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าความพยายามในการเล่นหูเล่นตาของโอเซฮุนเมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็น ทันทีที่จงอินทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด บิดริมฝีปากเหยเก ตลกดีว่ามันทำให้เขาพึงใจอย่างประหลาด
เซฮุนไม่คาดหวังรอยยิ้มอย่างรักใคร่ ไม่หวังการออกปากทักทายด้วยไมตรี แค่เป็นหนึ่งเดียวและอยู่จุดสูงสุดของความรู้สึกในสายตาคู่นั้น ซึ่งถ้าจะเป็นความเกลียด ก็ขอให้จงอินจงเกลียดชังเขาให้ถึงที่สุด
โอเซฮุนยอมเป็นที่หนึ่ง -- ไม่ว่าในเรื่องใดๆ
เมื่อใกล้เข้าสู่งานพร็อมนั่นก็หมายถึงว่าฮอกวอตส์ได้ย่างกรายเข้าสู่โลกหิมะแล้วเช่นกัน คิมจงอินสวมแจ็คเก็ตตัวที่แม่เพิ่งส่งพัสดุมาให้จากบ้าน เป็นผ้าโพลีทัชลันสีเขียวขี้ม้าลายปักตราทหาร ทับเสื้อยืดสีขาวพื้นกับกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูปและทับอีกชั้นด้วยผ้าพันคอกริฟฟินดอร์ ซึ่งถ้าไม่ได้คิดไปเอง จงอินคิดว่านี่ทำให้เขาดูฮอตกว่าทุกที น่าเสียดายที่คริสตัลปฏิเสธคำชวนตั้งแต่วันที่ถามด้วยเหตุผลแรกว่าเบื่อฮอกส์มี้ด ส่วนเหตุผลที่สองคืออยากอ่านหนังสือเตรียมสอบวิชาพ่อมดระดับสามัญ (ว.พ.ร.ส.) เพราะอยากเป็นคนส่วนน้อยที่สอบผ่านวิชาอักษรรูนโบราณกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์
ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละว่าจะอะไรนักหนากับเรื่องสอบ ชานยอลก็อีก หมอนั่นถามว่าแล้วออกไปเที่ยวทุกครั้งที่มีโอกาสอย่างนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ มันยากนะ บลาๆๆ ซึ่งอย่างเดียวที่จงอินสนใจก็คือจากนั้นไปนอกเหนือพื้นที่ฮฮกวอตส์ เขามีสิทธิ์หายตัวได้ถูกต้องตามกฎหมายกระทรวงเวทมนตร์ทุกประการ
เอ้า แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ นึกภาพง่ายๆว่าไม่ต้องทนเมารถหรือเดินให้เมื่อยสิ
“ขอโทษที รอนานหรือเปล่า”
จงอินมองแถวยาวเหยียดที่พากันทยอยออกประตูไปสู่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักเรียนปีสาม แล้วหันกลับไปหาชานยอลที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอยู่ในแถวเพราะกลัวว่าเขาจะรอนาน หลังจากต้องยืนรอหมอนี่ในโถงด้านในอยู่นานโดยที่ต้องมโนภาพปาร์คชานยอลกำลังถูกชวนเดทโดยหญิงสาวช่างตื๊ออีกครั้ง จงอินก็คิดว่าเขาเดินมาต่อแถวฆ่าเวลาเพื่อจะได้ออกไปก่อนบ่ายโมงดีกว่า
“เป็นยังไง”
“หืม อะไร”
ชานยอลตีหน้าซื่อ ทำเอาคนถามต้องจิ๊ปากขัดใจก่อนจะเอนตัวไปกระซิบกระซาบ “หล่อนก็น่ารักดีออกนะ นายยังไม่มีคู่ไปงานพร็อมเลยไม่ใช่หรือ”
จงอินนึกถึงวันที่เขานั่งคุยกับคริสตัลและเหลือบไปเห็นแองจี้ถูกปฏิเสธทั้งหน้ายิ้มๆ เท่านั้นกัปตันทีมควิดดิชคนดังก็ปั้นหน้าบึ้งตึงเหมือนเวลาจงอินถูกบ่นเรื่องการสอบไม่มีผิด อย่างน้อยชานยอลจะได้เข้าใจเขาขึ้นมาบ้างว่าเป็นอย่างไร
เมื่อได้ออกมาสูดอากาศที่ฮอกส์มี้ดแล้ว ทั้งคู่ก็ตัดสินใจจะไปนั่งซดบัตเตอร์เบียร์ที่ร้านไม้กวาดสามอันสักชั่วโมง แล้วจึงไปจะไปร้านฮันนี่ดุกส์เพื่อซื้อของโปรดจงอินอย่างฟิซซิงวิสบี้ อมยิ้มรสเชอร์เบทที่จะทำให้ตัวลอยขึ้นๆลงๆทีละหลายนิ้ว (พนันเลยว่าจงอินไม่ได้ติดใจเพราะรสชาติของมันหรอก) กับลูกอมรสกรดเผื่อว่าอยากแกล้งใครสักคนด้วย (ไหม้ลิ้นให้เป็นรู!)
สองหนุ่มยิ้มเผล่ขณะมาดามโรสเมอทาร์มาเสิร์ฟบัตเตอร์เบียร์ให้ที่โต๊ะ วันนี้ร้านก็ยังคงแน่นไปด้วยเหล่านักเรียนเหมือนเคย ซึ่งน่าหดหู่สิ้นดีที่พวกเขาต้องมาเที่ยวกันเองแทนที่จะสาวสักคนไปเดทร้านมา ดามพุดดี้ฟุต แต่ก็นั่นแหละ เที่ยวกับชานยอลไม่ได้แย่อะไร คนตัวสูงมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าจงอินเสมอ หนึ่งในนั้นคือการตามใจพวกเรื่องไร้สาระอย่างเช่นว่าวันนี้จะไปไหน ไม่อ่านหนังสือได้หรือเปล่า ในขณะที่เวลาซ้อมควิดดิชจะเปลี่ยนเป็นอีกคน
“จะแวะร้านซองโก้ด้วยหรือเปล่า” คนในความคิดของเขาถามขึ้น ส่วนจงอินกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสายตาของสาวบ้านเรเวนคลอคนหนึ่งมองกัปตันทีมเขาตาเป็นมัน
ปาร์คชานยอลขยับตัวยุกยิกภายใต้เสื้อสเวตเตอร์คอเต่าแขนยาว ดวงตากลมโตนั้นคมปลาบพอจะสะกดคนมองให้หลงใหลได้ไม่ยาก อัธยาศัยดีแต่สร้างระยะห่างเหินเอาไว้ นั่นคือสิ่งที่จงอินสังเกตเห็นสิ่งที่ชานยอลเป็นกับคนนอกเหนือทีมในปกครอง
“ไม่รู้สิ ถ้าเวลาเหลือค่อยแวะไปดูของเล่นก็ได้”
จงอินตอบทั้งแววตาวิบวับ ลุ้นแทบแย่ให้สาวเจ้าเดินเข้ามาจีบคนร่วมโต๊ะของเขาเสียที แต่คงไม่ต้องรอนานเกินไปนัก เพราะเวนดี้ ซน คนน่ารักจากบ้านเรเวนคลอเดินมาทางนี้เพราะแรงยุจากเพื่อนร่วมกลุ่มของเธอแล้ว ชุดเดรสสีฟ้านั่นค่อนข้างยอดเยี่ยม ระหว่างรอทั้งคู่เปิดบทสนทนา จงอินก็พยายามนึกภาพคริสตัล จองในชุดแบบนี้จนท้อ
“สวัสดี”
“สวัสดี”
เขาว่าชานยอลเนื้อหอมจริงๆนั่นแหละ ชายหนุ่มตัวสูงรีบวางแก้วบัตเตอร์เบียร์แล้วใช้หลังมือเช็ดคราบฟองติดริมฝีปากอย่างลวกๆ เหลือบมองจงอินที่นั่งอมยิ้มขณะยกแก้วขึ้นซดในทีท่าสบายๆ ก่อนจะหันกลับไปเมื่อเวนดี้เปิดปากส่งคำพูดต่อมาทั้งรอยยิ้ม
“คือว่าฉันชอบตอนเธอเล่นควิดดิชมากเลย” หล่อนว่า พวงแก้มแดงๆนั้นจงอินดูไม่ออกว่าแดงธรรมชาติหรือว่าเครื่องสำอาง “ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ขอนั่งคุยด้วยได้หรือเปล่า”
“อา” ชานยอลเลิ่กลั่ก หันมามองเขาทีมองหล่อนที ซึ่งจงอินไม่ขัดอะไรหรอกถ้ามันจะทำให้กัปตันทีมไม่เหี่ยวแห้งจนเฉาตายเสียก่อนในงานพร็อมปีนี้ แต่ปาร์คชานยอลก็คงมารยาทงามกับเพื่อนเกินไป หรือไม่ก็แค่จงใจจะเหี่ยวตายโดยยกคนนั่งด้วยขึ้นมาเป็นข้ออ้างโง่ๆเพื่อปฏิเสธหล่อนตามตรง “ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันกับเพื่อนกำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่”
จงอินกลอกตาขณะหญิงสาวเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนทั้งหน้าเสียๆ แต่ชานยอลไม่สนใจหรอก ผู้ชายคนนี้ก็แค่อัธยาศัยดีแต่ไม่ได้แคร์ใครไปทั่ว
“นายบอกปัดง่ายๆอย่างนี้ตลอดเลยหรือ”
“ใช่สิ เธอจะเกลียดขี้หน้าหรือชอบฉันก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว”
โอ ให้ตายเถอะ เขามันคนประเภทเสียเวลาจีบคริสตัลไปงานพร็อมแทบตาย แต่ชานยอลดันถีบส่งทุกคนตามความพอใจอย่างนี้เนี่ยนะ
“แต่นายยังไม่มีคู่ไปงานพร็อม”
ชานยอลหน้าบึ้งอีกแล้ว บึ้งพอๆกับตอนที่รู้ว่าสองพี่น้องวอล์ฟกับจงแดพยายามยัดเยียดลูกอมรสแมลงสาบเพื่อแกล้งให้อ้วก หรือมาดามโรสเมอทาร์ใส่ส่วนผสมบัตเตอร์เบียร์ผิดตอนมาเที่ยวฮอกส์มี้ดครั้งแรกเมื่อปีสาม
“ทำไมนายถึงต้องเดือดร้อนเรื่องนี้นัก”
“แหงสิ ก็ฉันเป็นเพื่อนนายนี่นา” จงอินตอบพาซื่อ “อ้อ ’โทษที ฉันปีห้า ส่วนนายปีเจ็ด ต้องเป็นรุ่นน้องสิถูกไหม”
คนแก่กว่าเงียบ วางแก้วในมือลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าที่เหมือนอมความลับบางอย่างไว้ในใจ จากนั้นจึงผ่อนลมออกทางริมฝีปาก หลุบสายตามองออกไปนอกกระจกร้านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อย
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วจงอิน ฉันไม่ได้อยากควงผู้หญิงคนไหนไปงานพร็อม แล้วก็ไม่อยากคุยกับใครที่แค่น่ารักในสายตานายด้วย” ชานยอลมีดวงตาสีดำแบบเดียวกัน มันแน่วแน่ แรงกล้า และมีพลังเสมอตอนที่ตะโกนปลุกให้ทุกคนฮึกเหิม ไม่ว่าจะนอกหรือในสนาม ผู้ชายคนนี้ก็เกิดมาเพื่อควิดดิชอย่างแท้จริง “ถ้าฉันเลือกใคร ฉันจะตัดสินใจเอง ต่อให้คนๆนั้นจะทำเป็นไม่สนใจฉันหรือบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม”
ทุกอย่างวกกลับมาตีแสกหน้าคนที่รู้ใจอีกฝ่ายอยู่เต็มอก เป็นจงอินที่อยากเบือนสายตาหนีไปทางอื่นแล้ว ทว่าสายตาชานยอลดึงเขาเอาไว้ พันธนาการกันผ่านทางอารมณ์ความรู้สึกจนไม่อาจลุกหนีไปไหน กระทั่งมือแกร่งนั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะคว้าข้อมือเขาเพื่อลากออกไปจากร้านด้วยกันตามต้องการ
คิมจงอินไม่รู้ว่าเรากำลังเดินไปที่ไหน ชานยอลก็แค่สาวฝีเท้าเงียบๆ ตรงปรี่ผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายจนเริ่มไกลออกจากฝูงคนมาจนท้ายหมู่บ้าน ตึกสถาปัตยกรรมเก่าคือจุดที่ทั้งสองหยุดพัก ความเป็นนักกีฬาทำให้พวกเขาไม่เหนื่อยง่ายจนเกินไปนัก ถึงอย่างนั้นใจของจงอินกลับเต้นแรงยิ่งกว่า แรงเทียบเท่าตอนที่ลูกสนิชอยู่ตรงหน้าแต่คว้ามันมาไม่ได้
ตาสีเข้มมองสำรวจสิ่งก่อสร้างรอบตัว ชานยอลรู้จักที่ตรงนี้ มุมอับของหมู่บ้านที่แสนครึกครื้นอย่างฮอกส์มี้ด ความรู้สึกหนึ่งในใจร่ำเตือนว่าครั้งนี้เขาคงไม่ได้กินฟิซซิงวิสบี้แล้ว
“มีอะไรหรือ” ซีกเกอร์คนเก่งของบ้านตัดสินใจเปิดปากถามออกไปก่อน มองดูชานยอลที่สูดลมหายใจลึกด้วยแววตากระอักกระอ่วนขณะสาวเท้าเข้ามาอีกหนึ่งก้าวเพื่อให้ใกล้เขามากขึ้น
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว” คนสูงกว่าพูดเสียงเรียบ “นายรู้มาตลอดเลยใช่ไหมจงอิน”
จงอินเงียบ ค่อนข้างแน่ใจว่าบทสนทนาครั้งนี้คือเรื่องที่เขาเลี่ยงจะแสดงออกว่ารับรู้มันมาตลอด ความสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว นานก่อนที่จงอินจะบอกว่าชอบคริสตัลหรือชานยอลขึ้นเป็นกัปตันทีมเมื่อปีที่แล้วเสียอีก ซึ่งแม้แต่ลูคัส ทิลก็คงรู้ว่าสิ่งที่คั่นตรงกลางระหว่างทั้งสองไม่ใช่ความบริสุทธิ์ใจ เรื่องมันเกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งฝ่ายนั้นก็คือคนที่มักจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยอยู่เสมออย่างชานยอล
และครั้งนี้ก็จะต้องเรียบร้อย จงอินได้แต่หวังในใจขณะพยักหน้ารับคำถามนั้น
ให้ตายเถอะเมอร์ลิน ชานยอลถอนหายใจแรงมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้คือการเสียชีวิตของพี่ชายเมื่อสาม ปีที่แล้ว มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ชานยอลจะละเลยเก็บความรู้สึก ซึ่งเรื่องต่อมาคือสิ่งที่เจ้าตัวเพิ่งจะพูดไปว่าทนไม่ไหว -- เรื่องของเขา
“ทั้งที่รู้ แต่นายก็ยังพร่ำบอกให้ฉันสนใจผู้หญิงคนนั้นคนนี้”
มันเป็นเรื่องที่เราคุยในร้านไม้กวาดสามอันไม่ได้ ในฮอกวอตส์ก็ไม่มีโอกาสเช่นกัน
“เหมือนที่นายพยายามจีบคริสตัล จอง แล้วก็มาบอกให้ฉันเอาใจช่วยน่ะหรือ”
อีกฝ่ายหัวเสียน่าดูจริงๆ ทำให้จงอินทั้งเศร้าใจและกลัวกับความสัมพันธ์ประหลาดนี้เพราะไม่สามารถแกล้งทำเฉยต่อไปได้อีก ใช่ เขา รู้สึก ทุกครั้งที่ชานยอลออกปากห้ามทางอ้อมว่าไม่ควรไปงานกับคริสตัล ตอนที่เผลอกินช็อกโกบอลโดยแกล้งจำไม่ได้ว่าเขาซื้อไปง้อเธอ เพราะทุกครั้งจงอินไม่เคยโกรธ ไม่เคยรู้สึกว่าถูกจุ้นจ้านทั้งที่มันควรจะเป็นอย่างนั้น
เขารู้ว่าชานยอลจะทำ หลังจากอีกฝ่ายตัดสินใจแล้วว่าเลือกใครเข้าไปในหัวใจ
“ฉันจะเย็นชาได้เท่านายหรือจงอิน ฉันคิดว่าฉันคงทำไม่ได้หรอก”
สิ้นคำ สองข้างแก้มของเขาก็ถูกทาบทับด้วยมือใหญ่ ปาร์คชานยอลโน้มตัวลงมากดริมฝีปากจนทั้งร่างจงอินเกือบเซถลา เมื่อผละออกหลังจากประทับจูบแรก กลีบปากอิ่มนั้นก็กดลงมาอีก พร้อมทั้งบดเบียดเปลี่ยนองศาและแตะลิ้นเตือนให้เขาเปิดปากรับการรุกราน ชานยอลกวาดลิ้นไปทั่วโพรงปาก สูดเอาความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ควรจะได้รับนานแล้วไปในคราเดียว
จงอินอึ้ง แต่เขากลับปล่อยให้ตัวเองถูกรัดจมอ้อมกอดตรงข้ามกับสิ่งที่ควรจะเป็น มือเรียวขยำเสื้อสเวตเตอร์สีดำเอาไว้แน่น บีบขยำรับแรงรั้งตรงช่วงเอว กอบโกยอากาศเข้าปอดจนสุดก่อนที่อีกคนจะกดริมฝีปากใส่ในครั้งต่อไป เขาได้กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ได้กลิ่นตัวหอมแบบผู้ชายอันเป็นเลกลักษณ์ ได้แม้กระทั่งความอัดอั้นตันใจเมื่ออีกฝ่ายไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือบนพวงแก้มแผ่วเบา
หลังจากผละออกและชนหน้าผากกันเพื่อทดแทนสิ่งที่เกิดขึ้น กัปตันแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็ปล่อยมือจากทุกส่วนบนร่างกายเขา ถอยเท้าออกห่างสองก้าว พร้อมแย้มรอยยิ้มที่คงจะเสียดใจคิมจงอินไปอีกนาน
“นายดูไม่เหมือนคนใจร้ายเลยจงอิน”
เขากำมือที่ทิ้งอยู่ข้างตัวแน่น
“แต่นายเป็นแบบนั้น”
ปาร์คชานยอลหันหลังเดินกลับไปทางเดียวกับที่มา กระทั่งลับสายตาคิมจงอินแล้ว เจ้าของผิวสีแทนก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ กระชับผ้าพันคอขณะปล่อยให้ลมหนาวพัดผ่านตัว หัวสมองอันน้อยนิดทำงานหนักจนปวดหนึบ อารมณ์ความรู้สึกที่เคยคงที่พากันบิดตัวเป็นเกลียวเหมือนเชือกเส้นใหญ่ มันรัดรึงหัวใจเขาเอาไว้ เมื่อใจขาดอากาศ ทางออกที่แม้จะอยู่แค่ปลายจมูกก็กลับถูกซ่อนในหลืบที่ไม่มีทางมองเห็น
จูบเมื่อครู่ทำลายความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่สนิทใจของเราลงแล้วหรือ
จงอินไม่แน่ใจนัก
สิ่งที่เลี่ยงมาตลอดเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นในแบบที่จงอินไม่ทันจะได้แม้แต่ใช้ความพยายามหักห้ามมัน ทุกอย่างสวนทางกับความเชื่อว่าควรเป็น เช่นนั้นแล้วมันจึงใกล้เคียงกับความผิดพลาด และคนอย่างปาร์คชานยอลก็ซื่อตรงเกินกว่าจะกล้าเดินต่อได้ในสถานการณ์ความรู้สึกเช่นนี้
ชายหนุ่มคิดว่าเขาควรหันหลังกลับเหมือนที่ชานยอลทำ กลับไปสู่จุดเริ่มต้นแล้วนอนใช้ความคิดกับตัวเองเงียบๆ คิดว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นอย่างไร แล้วใจรู้สึกอย่างไรบ้าง มันเต้นรัวเช่นเดียวกับรักครั้งแรกหรือเปล่า
เขาคิดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับไปเจอใครบางคนจริงๆ
ใครที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้
โอเซฮุนยืนกอดอกพิงผนังตึกเก่าในชุดเสื้อเชิ้ตทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ รอบคอมีผ้าพันคอสีเขียวคล้องไว้หลวมๆ นัยน์ตานั้นแฝงประกายบางอย่างที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกิน มันจับจ้องคิมจงอินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วก็กลับขึ้นมาบนใบหน้าใหม่ สบดวงตาสงบนิ่งของเราทั้งคู่ ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆเหยียดยิ้มออกท่ามกลางสถานการณ์ที่จงอินเกลียดที่สุด
“มุมอับของฮอกส์มี้ดมีไว้เพื่อเรื่องโรแมนติกอย่างนี้เองหรอกหรือ”
ร่างสูงโปร่งส่งตัวเองขึ้นยืนตั้งฉากกับพื้น สองมือล้วงลงไปในกางเกงขายาวขณะก้าวเข้ามายืนประจันหน้าในระยะห่างสองเมตร รอยยิ้มนั้นไม่ค่อยคงที่ ในหัวคงกำลังคิดหาคำพูดมากมายมาเยาะเย้ยให้เขาโกรธจนตัวสั่นแล้วลงท้ายด้วยความอับอายตามเคย
“อย่างนั้นข่าวลือที่ว่านายตามจีบผู้หญิงก็ไม่เป็นความจริงน่ะสิ”
จงอินล้วงมือเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ต กำรอบไม้กายสิทธิ์เอาไว้สำหรับสถานการณ์ที่อยากจะหนีจากตรงนี้ให้ไกลที่สุด ไม่แปลกใจเลยถ้านิมิตในคาบพยากรณ์ศาสตร์ตอนนั้นจะเป็นจริงขึ้นมา ในเมื่อโอเซฮุนเป็นอะไรที่งี่เง่าเสียปานนี้
“อย่าทำมันเลย” เซฮุนปรามเขา “ถ้าตัวนายไม่สามารถใช้คาถาลบความทรงจำกับฉันได้ล่ะก็ แนะนำว่าอย่าทำอะไรโง่ๆอย่างการหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจะดีกว่า”
ชายหนุ่มบ้านสลิธีรินใช้สายตาแบบงูนั้นจ้องมองเขา ราวกับกำลังหยั่งเชิงว่าจะคิดหาคำพูดเจ็บแสบจากไหนมาใช้สาดใส่คิมจงอิน คู่แข่งตัวฉกาจได้อีก
“ขอยอมรับตามตรงว่ารู้สึกตกใจมากๆ”
“หุบปากไปซะ” จงอินครางเสียงเบาหวิว
“แต่ตกใจมากกว่าที่เรื่องโรแมนติกแบบนี้ไม่ได้เกิดกับคริสตัล จอง”
“อิมเปดิเมนต้า!”
ไม้กายสิทธิ์โผล่พ้นแจ็คเก็ตสีเขียวขี้ม้า ส่งโอเซฮุนให้กระเด็นไปกระแทกกำแพงใกล้ๆก่อนจะแข็งจนขยับไม่ได้ในขณะที่จงอินก้าวไวๆออกจากบริเวณนี้เพื่อตรงกลับสู่ใจกลางฮอกส์มี้ดซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน หากคนถูกใช้คาถายังคงยืนนิ่งพิงกำแพงอยู่อย่างนั้น ศีรษะที่ขยับเล็กน้อยขณะสูดลมหายใจลึกเป็นหลักฐานว่าคาถาระยะสั้นๆได้หมดฤทธิ์ไปแล้ว
เซฮุนไม่ได้หวังจะตามมาเห็นภาพที่ทำให้อกหักอย่างนี้ ลำพังคริสตัล จองก็น่ากลัวพอแล้ว นี่ยังมีปาร์คชานยอลถูกสร้างขึ้นมาเป็นระยะห่างให้ความเป็นไปไม่ได้ขยายตัวใหญ่ยิ่งกว่าเดิมอีกหรือ
เขามองไปยังทางโล่งๆที่ตัวเองเดินตามสองคนนั้นมาเมื่อสักครู่ พลันในใจก็แค่นหัวเราะสิ่งที่เพิ่งทำลงไปมากนัก คำพูดร้ายกาจพวกนั้นพ่นออกจากปากเขาอย่างนั้นหรือ เพียงเพื่อเสียดสีคิมจงอินให้ต้องอับอายและตัดสินใจเดินหนีไปเพราะทนฟังไม่ไหวอีกแล้ว ทั้งหมดดูเป็นเขาดีชะมัด เป็นผู้ชายบ้านสลิธีรินที่ไม่น่ามีแง่ดีในหัวใจและพร้อมจะทำสิ่งน่ารังเกียจได้ทุกเมื่อ
ใช่ เขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้าสนิชสีแดงลูกนั้น
คนแบบที่โลกนี้ต้องการ สลิธีรินต้องการ และคิมจงอินต้องการ
-------------------------------------------
โง้ย เขียนไปก็กร๊าวใจทั้งคุณปาร์คและคุณโอ ไม่อยากเลือกเลยจริงๆ
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช นะคะ
ความคิดเห็น