คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : SO WHAT? CHAPTER 18
SO WHAT?
CHAPTER 18
“ขับให้มันเร็วหน่อยดิ” ผมหันไปบอกไอ้ศัตรูหัวใจที่ขับเหมือนไม่อยากให้ตามทันพอผมบอกเพียงเท่านั้นรถก็เร่งไปอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงอารมณ์ขึ้นๆลงๆใครมันจะไปตามทันวะอยู่ให้ได้ถึงปีเนี่ยโคตรทนขอบอกผมรีบกลับเข้าไปเอากุญแจรถตัวเองแต่พ่อเธอกลับโยนกุญแจรถลูกสาวให้ซะงั้น
อี้ป๋อขับแซงเธอก่อนจะได้ออกไปจากซอยนี้มันดริฟทันทีจนหัวผมโขลกกระจกและยิ่งไปกว่านั้นรถอีกคันที่ออกตัวแรงอยู่แล้วเบรกแต่แรงกระแทกก็ทำกันโซนข้างผมบุบ!
“ถ้าไม่แพงคงได้ตาย”
“จะแย่งเธอยังไม่พอยังจะแช่งให้กูตายอีกไอ้นี่!” ผมเหวี่ยงตาไปมองน้องชายมั้งนะ มันมองผมเบื่อๆแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะละสายตาไปมองรถอีกคันที่ด้านหน้าชนอยู่กับรถที่เรานั่ง เป็นอะไรหรือเปล่าวะ
“ตายซะได้ก็ดี เธอเดินออกมานู้นแล้ว” ผมหันไปทางประตูด้านตัวเองก็เห็นยัยตัวร้ายเดินอุ้มแมวออกมาด้วยเธอจ้องมาที่รถตัวเองแล้วอ้าปากค้าง
ไอ้น้องแย่งซีนลงไปจากรถแล้ววิ่งไปยืนข้างเธอมันขยับเข้าไปใกล้ยูช้าๆแล้วก้มหน้ามองใบหน้าสวยก่อนจะยืดตัวขึ้นมองมาทางผมแล้วเชือดคอ
“อะไรอีกวะนั้น” ผมก้าวขาไปฝั่งคนขับกะจะลงจากรถแต่ยูดันมายืนอยู่แทนนี่สิ
“นายกล้าขับรถที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันปาดหน้ารถแพงๆคันนั้นจนมันพังได้ยังไงฮะ นี่เงินฉันหาเองนะเซฮุน” ยูบิดมาที่หูผมแล้วลากออกจากรถผมจึงจับมือเธอไว้กลัว่ามันจะขาดออกก่อน “ไอ้ซิบหาย อยากตายทำไมไม่บอกฮะ”
“เจ็บ!” ผมดึงมือยัยบ้านี่ออกก่อนกะจะชี้หน้าด่าเธอสักหน่อยแต่กลับพบว่าบนหน้าผากเธอมีรอยแผลแตกและเลือดไหลออกมา
“เงียบทำไม”
“อยู่เฉยๆก่อน” ผมเลิกเสื้อตัวเองขึ้นแล้วจะเช็ดให้แต่เธอกลับปัดมันออกผมเลยต้องจับหัวเธอไว้ก่อนจะเช็ดเบาๆ “เลือดออก”
“เพราะใคร”
“อี้ป๋อไง”
“ยังจะโทษคนอื่นอีกหรอเซฮุน” ให้ตายถึงหน้าผมจะกวนตีนแต่ไม่ใช่ว่าจะหน้าใสๆแล้วเถื่อนเหมือนไอ้เด็กนั่นซะหน่อย “นายมันคิดอะไรไม่เป็นเลยหรือไงเป็นพี่ แต่กลับโทษน้องเลวได้ใจจริงๆ”
“ถ้ามันได้ใจเธอฉันก็จะเลว” ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะหันไปมองอี้ป๋อที่อุ้มแมวอยู่มันมองหน้าผมแบบต้องการฆ่าก่อนจะกลับมายังรถของยูแล้ววางแมวไว้ด้านในและพาตัวเองตามเข้าไป
“ถ้าไม่รีบตามมาฉันจะบอกลุงว่านายทำเธอเจ็บ”
“รู้น่า” เรื่องอะไรพาไปหาย่าแล้วจับแต่งงานยังจะดีกว่าอีก
“ปวดหัวโว๊ย”
“ปวดแล้วแหกปากหาสวรรค์วิมานอะไร ไหนดูดิ” ยูเงยหน้าขึ้นมาแผลที่หน้าผากของเธอเลือดยังไหลไม่หยุดผมจึงรีบพาเธอกลับไปที่รถของพ่อแล้ววางไว้ด้านในเบาๆก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอีกฝั่งแล้วขับไปยังโรงบาล
รู้อยู่หรอกว่าปวดแต่ทำไมยังดูเฉยอยู่เลยกับผู้หญิงบางคนคงกลัวจนสลบไปก็ได้แต่ยัยคนข้างๆต้องเก็บไว้พิจารณาความอึดความทนด่วนๆไม่น่าเมื่อคืนมันถึงไม่สลบ
“กดแผลไว้หน่อยได้ไหม มันไหลไม่หยุดเลย”
“ฉันเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุดจะให้ทำไง” แข็งแรงอย่างนี้มีโรคกับเขาด้วยหรือไง
ผมจอดรถไว้ข้างทางแล้วกดเบาะให้ยูนอนสบายมากกว่าเดิมแล้วกดแผลเธอไปด้วยมือข้างหนึ่งและขับรถมือเดียวหาคลินิกใกล้ๆทำแผลผมรีบจอดด้านข้างทันทีเมื่อเจอและรีบลงรถอุ้มเธอเข้าไปในนั้น
“อย่าเพิ่งหลับนะ”
“อือ”
YOU PART
“แม่ค่ะหายไปไหนมา” ฮืม...ฉันหันไปมองเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนชิงช้าแล้วแกว่งไปมาเบาๆก่อนจะหันซ้ายขวาหาแม่ของเด็กน้อย “แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าลูก” ฉันรีบหันไปมองด้านหลังตัวเองก่อนจะเจอผู้หญิงที่มีเลือดอาบเต็มตัว
“เฮ้อ! เซฮุน”
“ฉันอยู่นี่ เป็นอะไรตัวสั่นเชียว” เขาลูบหัวฉันแล้วนั่งลงบนเตียง นี่มันห้องฉันแน่ๆโรงบาลคงไม่มีลูกโป่งลอยติดเพดานอยู่แบบนี้แน่ “ฝันร้ายอีกแล้วหรอ”
“เกือบ”
“ทำไมช่วงนี้เป็นบ่อยจังวะ” ฉันก็คิดอย่างนั้นฝันแต่ละครั้งหายใจแทบไม่ออก
“อยู่ใกล้นายมั่ง แล้วพ่อฉันไปไหน แม่ละ อี้ป๋อ อยู่ไหนกัน”
“มันติดอยู่นิดเดียว” ฉันเลิกคิ้วเป็นคำถามก่อนจะถูกเขกลงที่หัวเบาๆ “อี้ป๋อจะถามหามันทำไม อ้อชอบเด็กว่างั้น แก่ขนาดนี้ยังกล้าไปอ่อยเด็กมัน”
“ไม่เถียงด้วยหรอก ฉันปวดหัว พ่อกับแม่ฉันอยู่ไหนตอบมาดิ”
“เขานอนกันหมดแล้วใครจะมานั่งเฝ้าเธอตอนเที่ยงคืน”
“นายไง” ฉันชี้ไปที่เขาเพราะลืมตามาเซฮุนที่นั่งอ่านหนังสือที่เก้าอี้นวมก็วิ่งมาหาฉันในทันที
“ก็ฉันไง แล้วเธอมีปัญหาอะไร” ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเถียงหรอกนะ “นอนได้แล้วฝันดี”
“จะไปไหน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาจะเดินออกจากห้อง
“ไปนอนไงเธอฟื้นแล้วฉันก็ต้องไปนอนสิ” อะไรของมัน
“ไม่นอนด้วยกัน” เขาไม่นอนห้องนี้แล้วจะไปนอนห้องไหนนี่มันก็ดึกแล้วถ้ากลับไม่ดูจะเป็นอันตรายไปหน่อยหรือไงกัน
“อ่อยฉันหรอ” คิดได้อยู่อย่างเดียวเซฮุนกระโดดลงเตียงฉันก่อนจะห่มผ้าขนหนูสีแดงแล้วเท้าคางมองเขายิ้มออกมาก่อนจะคว่ำหน้าลงหมอน
“เปล่าแค่อยู่ด้วยก็พอ” เมื่อกี้ฉันฝันสยองแล้วกลัวนิดๆไงลองเป็นฉันยังจะกล้านอนไหมคนเดียวอ่ะ
“...อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ” ฉันหันไปมองคนข้างๆแล้วพยายามดึงหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะต้องขำพรืดเพราะหน้าหมอนี่แดงไปหมด และมันก็ผลักฉัน “อย่ามามอง”
“ตกลงมึงหรือกูป่วยเซฮุนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
“เธอ/นาย!” เรามองหน้ากันสักพักก่อนจะหันใครหันมันที่จริงฉันไม่อยากมองแสบตาไงเซฮุนมันเปิดไฟพอเห็นฉันจ้องนานๆเขากลับตบสวิตส์ไปบนหัวเตียงเหลือเพียงแสงจากกระจกที่เปิดม่านไว้
“ให้อ่านนิทานให้ฟังป่าว”
“ไหนเล่าดิ๊” ฉันขึ้นเสียงสูงมองหน้าเซฮุนที่ยังเท้าคางมองฉันอยู่เหมือนเดิมเขากระตุกยิ้มแล้วขำออกมา เป็นบ้าอะไรวะ
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... ฮันเซลกับเกรเทลสองพี่น้อง”
“หยุดเลย” ฉันดักคอหมอนี่ไว้ก่อนมันจะได้เล่า นี่คิดเรื่องไม่ออกหรือยังไง
“ทำไมวะ ฉันยังไม่เล่าเลยนะเว้ย”
“แล้วทำไมต้องเล่าเรื่องแม่มดละฮะ” นั้นสิมันไม่น่าจะใช่นิทานก่อนนอนเท่าไหร่นะฉันว่าขอแบบฟี ไฟ โฟร์ ฟัม ไม่ได้ไง
“ก็เหมือนเธอไง ร้ายแบบแม่มด”
“ไปนอนที่โซฟาไป ไม่งั้นฉันจะถีบ” เขาเมินคำพูดฉันแล้วนอนลงกระซับผ้าห่มให้แน่นขึ้นเท่านั้นไม่พอยังจะเอาขามาก่ายกันอีกสองมือใต้ผ้าห่มพาดทับรอบท้องฉันก่อนจะเบะปากใส่แล้วหลับตาไป
“กดกันๆ” ไอ้ลามกเอ้ย
“อะไรนะ” ฉันลองถามอีกครั้งก่อนจะได้ฟาดหน้าเขาเข้าจริงๆ
“กอดกัน”
“นี่เซฮุนฉันอึดอัดช่วยไปนอนไกลๆได้ไหม ที่นอนก็กว้าง”
“...” ไม่ตอบก็นอนไปสิ ไม่ไปก็เรื่องของนาย
นี่มาเรียนทำไมต้องมองกันอย่างนั้นด้วยละวะหวังว่าคงไม่มีข่าวหมาๆกระจายอยู่ในมหาลัยอีกนะฉันหันไปมองแจฮยองที่เดินเชิดหน้าเหวี่ยงตาไปมองรอบข้างด้วยสายตาน่ากลัวจนพวกสาวๆหลบกันเป็นแถว
ถ้าสิ่งที่พวกนี่มองมาทางเราไม่ใช่เรื่องแจฮยองก็คงจะเป็นเรื่องฉันแต่ใครมันจะไปสนใจละที่จริงจะถามจากผู้หญิงข้างๆก็ได้แต่คิดว่าไม่จำเป็น
ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป...เก็บแต่เรื่องดีๆไว้ก็พอ เชื่อเถอะว่าพอเจอเหตุการณ์จริงๆเข้ากับตัวฉันก็ไม่สามารถปล่อยเลยผ่านไปได้ง่ายๆ
“ยู ยัยนั้นมันปล่อยข่าวว่าเธอแย่งสามี” สุดท้ายไม่ถามอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมาอยู่ดี แย่งงั้นหรอ สามีอย่างนั้นหรอ...แล้วแต่สิ๊
“ก็จริงอย่างที่ฮานิปล่อยข่าว” แจฮยองทำหน้าตกใจก่อนจะหยุดเดินฉันจึงหยุดด้วยเธอมองหน้าฉันแล้วกระตุกยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ยัยนี่คิดไปถึงไหนแล้ววะ “ไม่ต้องลำบากแย่งหรอกมั้งกับแค่เซฮุน”
“สถานะไหนกันอ่ะ ไม่บอกกันเลยนะ” ฉัน...ไม่รู้วะ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“แล้วเธอกับแบคฮยอนละ” เธอนิ่งไปสักพักแล้วมองหน้าฉันแบบเด็กไร้เดียงสาแต่สายตาเธอดูว่างเปล่าเกินไปแจฮยองอาจทำพี่แบคคนหล่ออกหักก็เป็นได้
“เพื่อนไง” หรอ ไอ้แบคแอบปลื้มหรือยังไง ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันเป็นตังเมอีกว่าแต่วันนี้เขาหายไปไหนทำไมยังไม่เห็นหัว “ไปเรียนกันเถอะ”
เรื่องใครเรื่องมันแก้ไขเองแล้วกันฉันจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อขอเท่านั้นแหละส่วนเรื่องตัวเองไว้ให้ผู้ชายมันจัดการดีกว่าไม่ใช่ว่าฉันกลัวฮานิหรือยังไงนะเพียงแม้แต่ฝ่ามือฉันยังไม่อยากสัมผัสยัยนั้นเลยกลัวจะคัน
“ยู...”
“ไง” ดอกกุหลาบขาวอีกตามเคยเขาตัดก้านให้สั้นมันเลยเสียบที่ใบหูฉันได้เอามาให้ทุกวันอย่างนี้ถ้าวันไหนอี้ป๋อหายไปฉันจะไม่คิดถึงหรอวะ
“คิดถึง” เขามองหน้าฉันสักพักแล้วยิ้มออกมาก่อนจะหันไปหากลุ่มเพื่อนที่น่าจะยืนรออยู่แปดเก้าคน “จุ๊บ หอม ฮิไปเรียนก่อนนะไว้เจอกัน” เด็กนี่วิ่งไปหากลุ่มเพื่อนหลังจากจูบแก้มฉันให้ชาวบ้านนินทามากกว่าเดิมและมันก็ผิดตรงที่ฉันเอาแต่ยืนเฉยให้เด็กมันลวนลาม
“อยากมีคนมาหอมมาจูบมาลูบมาคล่ำบ้าง”
“ไปหาสิวะลู่ มาทางไหนกลับทางนั้น”
“อะไรฉันมาหาน้องสาวเหอะ ไปไหนก็ไปๆเพื่อนในห้องรอเธอวางโครงสร้างอยู่” ไม่มีฉันแล้วพวกมันวางเองไม่เป็นหรือไงวะเรียนแล้วไม่รู้เรื่องจะเรียนไปทำไม
ฉันเดินเข้าห้องแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่สักคนอาจจะยังไม่มากันก็มันเหลืออีกตั้งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่านั้นคือไอ้ลู่หานมันหลอกฉัน ปกติที่ชอบมาก่อนเพื่อมากินข้าวก็เท่านั้นฉันควักโทรศัพท์ของตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อดูว่าใคร...ที่ไหนได้
(อยู่ไหน) ถามทำไม
“ห้อง โทรมาทำไมไม่เรียน” เขามีเช้าฉันมีบ่ายแล้วตอนนี้ก็สายๆจะโทรมาทำไม
(เบื่อ เลยโทรหาเธอ)
“ฉันก็เบื่อนายจะโทรมาทำไม”
(ฉันก็เบื่อเธอเหมือนกันแหละยู)
“แค่นี้นะเปลืองตัง”
(ฉันเป็นคนโทรยัยบ้า)
ฉันจะสนทำไมกดวางสายไปก็จบที่จริงฉันอยากวางมากกว่าชานยอลเดินเข้ามาในห้องแล้วมองฉันยิ้มๆเขาเดินมาตรงหน้าแล้วนั่งเก้าอี้กลับหลังก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
“เธอ แปลกๆนะช่วงนี้” ฉันก็คิดเหมือนนายน่ะแหละ เขาชี้มาทางฉันแล้วแตะที่หูตัวเองก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าที่แปลกคือทำไมฉันเหน็บไอ้ดอกกุหลาบที่หูทุกวันทั้งๆที่ไม่เข้ากับนิสัยสักหน่อย
ฉันคิดว่ากลิ่นมันหอมดีเลยไม่ดึงออกจากหูอาจจะแปลกอย่างเขาว่าแต่แค่ได้กลิ่นก็สดชื่นไงสมองปลอดโปร่งเป็นบางครั้ง
“นายมองอะไร” จ้องนานเกินไปแล้ว
“มองเธอไง ให้มองหน่อยนะ ยังไงก็จะไม่เจอกันแล้ว” พูดแปลกๆ
“ไม่เจอ?”ฉันขมวดคิ้วถามแล้วหันไปมองประตูแจฮยองเดินมาพอเห็นฉันกับชานยอลก็หลบทันทีแต่ฉันว่ายัยนั้นแอบฟังอยู่แน่
“ฉันได้ทุนไปอังกฤษ เรียนต่อน่ะ”
“ไม่เห็นรู้...” อย่างน้อยเซฮุนหรือแจฮยองก็ต้องพูดให้ได้ยินบ้างสิ
“เธอไม่เคยสนใจฉันจะรู้ได้ยังไงละ” ก็จริงอย่างที่ชานยอลพูด...แล้วทำไมถึงยังยิ้มแย้มได้แม้กระทั่งตอนพูดเรื่องที่จะไปไกลบ้านวะโคตรยอม “แจฮยองก็ไปยัยนั่นบอกเธอหรือยัง”
“...” ไม่รู้จะพูดอะไรเลยวะ
“อยู่ดีๆเธอก็บอกว่าสอบไปเหมือนกัน แล้วยังสอบได้เหมือนฉันอีก เก่งโคตร”
“...” อยู่ดีๆก็พูดไม่ออก
ฉันว่ามันเริ่มแปลกๆวะ ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองโทรหาแบคฮยอนที่กลับไปอยู่บ้านได้เป็นเดือนและมีอาการหยิ่งกับคนในบ้านโคตรๆแม้กระทั่งแม่มันยังไม่คุยด้วย
“โทรหาใครหรอ”
“แป็บหนึ่ง” ฉันยกมือห้ามชานยอลก่อนที่เขาจะพูดต่อชานยอลเงียบทันทีและพอมองไปหน้าประตูฉันก็เห็นเงาบางคนอยู่ด้วย
“ไงมึงตายยัง? พูดไรให้ฟังหน่อย”
“พูด” กวนตีนละ
“พูดมากดิ๊”
“ฉันรักเธอ เธอไม่ได้รักฉัน เธอรักเพื่อนตัวเอง เพื่อนเธอรักเธอ” เอาตรงๆไหมฉันงงมากเลยวะ งงแบบอ้าปากค้างกับคำพูดของคนปลายสายมากอ่ะ
“กูงง???”
“กูรักแจฮยอง! แจฮยองรักชานยอล! ชานยอลรักมึง! มึงรัก” ติ๊ด
มันไม่จำเป็นอะไรต้องฟังให้จบ ปริศนาเคลียร์แค่นี้ก็รู้เรื่องพอแล้วยัยนั่นเก็บอาการอะไรได้ดีขนาดนี้ฉันบอกตามตรงว่าไม่เคยดูออกเลยว่าแจฮยองชอบชานยอลถ้าเรื่องมันเป็นอย่างนี้แล้วมันจะมีอะไรที่ฉันต้องสงสัยว่าทำไมอยู่ๆแจฮยองถึงสอบไปอังกฤษ
“มีอะไรหรอ”
“แจฮยองชอบนายมากนะ มันควรจะจบดี ฉันไม่ได้บังคับนายเพียงแต่ฉันชอบเซฮุนมากกว่าจะชอบใครเท่านั้นเอง” เขาพยักหน้ารับสายตาเป็นมิตรไม่มีแววโกรธแต่มีเพียงขอบตาที่เริ่มแดงขึ้น
“ฉันรู้ เพียงแต่พยายามเลิกรักเธออยู่”
“สู้ละ แล้วอย่าเอาเพื่อนฉันมาใช่เป็นเครื่องมือเพื่อลืมใครสักคน ถ้ามีโอกาสหวังว่าเธอจะสมหวังในความรักนะยัยแจ จะหลบอีกนานไหมฮ่ะ”
แจฮยองโผล่หน้าเข้ามาเมื่อฉันตะคอกคนในคณะก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไหร่ถ้าได้ขึ้นเสียงใบหน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ไหล่เธอสั่นไม่หยุดฉันพยายามจะมองดูเฉยๆแล้วกดโทรศัพท์แบบไม่แย่แสชานยอลที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันลุกขึ้นไปหาหัวหน้าชั้นเมื่อดูท่าทีฉันจะไม่ใจดีไปปลอบเด็กเท่าไหร่
“ชานยอลฉันขอโทษที่คิดเกินเลยกับนายทั้งที่รู้ว่าในใจนายมีแต่ยู”
“ไม่เป็นไร เช็ดน้ำตาซะ ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอดี”
“แอ่กๆ อ้วก...” ฉันลุกแล้วเดินไปใกล้สองคนก่อนจะไอใส่แรงๆแล้วเดินออกจากห้องโคตรจะเกลียดกับบรรยากาศแบบนี้เลยสยอง!
พี่แบคคนอกหักคงต้องทำใจยาวแน่เลยถูกให้ความหวังซะขนาดนั้นไหนแจฮยองจะชวนนอนด้วยแกล้งหึงบ้างไหนจะไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นฉันคงลงไปนอนกับพื้น
“เด็กถาปัตย์มาเดินทำเชี่ยอะไรอยู่แถวนี้วะ” พูดก็พูดเถอะไอ้เสื้อซ็อปเนี่ยฉันมีปัญหาทุกครั้งที่ได้ใส่มามหาลัยเลยก็ว่าได้
“หนักหัวมึงหรือไง” ฉันเพียงแค่เดินจะไปหาจงอินให้มันช่วยเลี้ยงข้าวก็เท่านั้นทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันถึงกวนตีนดีนักนะ
“พูดอยากนี้อยากโดนต่อยหรอ ผู้หญิงก็เถอะ” มันเดินเข้ามาใกล้ฉันและมีเพื่อนนั่งเชียร์อยู่ ท้าผู้หญิงต่อยฉันเกือบร้องไห้เลยวะ
“ต่อยสิ ไอ้หน้าแสลง” เด็กมันกัดฟันมองฉันแล้วมองไปที่ใบหูฉันก่อนจะก้มหัวให้
“ขอโทษครับรุ่นพี่” อะไรวะ งง! อยู่ดีๆก็ไม่ใจซะงั้นแต่สิ่งที่กวนตีนฉันมาไม่หายวะ
พลั๊ว!!
“โอ๊ย!!เจ็บซิบ” ฉันตบหัวมันแรงๆจนใบหน้าและใบหูแดงออกมาและแสดงความเจ็บอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ถึงคนนั้นไม่ใช่ฉันก็อย่ามากร่างไม่งั้นจะทำมากกว่าตบ”
อยากนักเลงให้มากกว่านี้ฉันเดินเข้าคณะแล้วชี้หน้าไอ้พวกนั่งเชียร์รายบุคคลก่อนจะก้าวเท้าไปยังห้องท่านประธานนักเรียนเพียงแค่โผล่หัวเข้าไปฉันก็แทบอยากจะทรุด อี้ป๋อถอดเสื้อสองมือไขว้กระบอกไว้กับไหล่แล้วลุกนั่ง จงอินหันมาสบตากับฉันก่อนจะผลักมือใส่บอกให้หลบไปก่อน
“ทีหลังอย่าทำผิดเข้าใจไหม ลูกอธิการไม่เว้นนะขอบอก” จับมือหน่อยฉันเคยสาดน้ำฝุ่นและเคยต่อยลูกอธิการด้วยวะ
“จะดุทำไมนักครับ เป็นหมาหรอ” ไม่เหมือนตอนอยู่กับฉันเลยวะ
“ยังจะมาเถียง วิดพื้นร้อยครั้ง เตรียม” ฉันไม่ได้แอบดูนะเพียงแต่ฟังแค่เสียงก็เท่านั้น
“ฮ้า!!! มันเหนื่อยนะ” ตอนอุ้มฉันไม่เห็นบ่น
“ต่อล้อต่อเถียง ยูเธอมานั่งบนหลังมันดิ๊” ฉันโผล่หัวไปด้านในกลับพบว่าอี้ป๋อเป็นคนเดียวที่ถูกลงโทษส่วนพวกเพื่อนๆขำกันใหญ่เด็กนี่หน้าแดงหมดแล้วเขาหันมามองฉันแล้วทำหน้าสงสาร บอกเลยว่าแพ้...
“หลังมึงหักแน่กูบอกเลย” ฉันเกลียดเซฮุนอีกแล้วว่ะ
“โดดเรียน” ฉันกระตุกคิ้วถามก่อนจะเอาเหล็กใกล้ๆถือมาด้วย
“อาจารย์ปล่อยก่อนไม่ได้โดด” แต่เขาอยู่นิเทศไม่ใช่หรอจะว่าไปฉันก็ไม่ควรโผล่มานี่เหมือนกันวะแค่หาคนจ่ายตังค่าข้าวให้ก็เท่านั้น
จงอินกับฉันเคมีเข้ากันอย่างน่าเหลือเชื่อแต่คนละสารแค่นั้นเองเลยไม่ค่อยลงตัวตั้งแต่วันที่ค่ายดูเหมือนว่าจะสนิทกันอย่างน่าอัศจรรย์เรื่องแบบนี้มันไม่เกิดบ่อยๆกับฉันไงนอกจากลู่หานแล้วจงอินนี่แหละพึ่งพาได้น่าดูอีกอย่างตังฉันไม่ค่อยมีใช่เลยต้องประหยัดหน่อยงานแปลก็ไม่เข้ามาสักที...จน
“จงอิน เขาทำผิดอะไรวะ” ฉันหันไปถามคนที่นั่งกุมขมับแล้วนวดไปมาเขามองหน้าฉันก่อนจะเบะปากแล้วชี้มาที่หู
“เด็ดดอกไม้ในสวนทุกวัน เธอเข้าใจฟิลภารโรงปลูกดอกกุหลาบได้แต่ใบป่ะ” ฉันพยักหน้าแล้วดึงแขนอี๋ป๋อลุกขึ้นแล้วปัดดินออกจากบ่าก่อนจะหันไปหาเซฮุนแทน
“หรอ เซฮุนมา รับแทนน้องหน่อยช่วยเหลือเกื้อกูล”
“ทำไมฉันต้องทำวะ” ยังจะถาม
“เพราะน้องนายเด็ดไปให้ฉันถ้านายไม่ทำ ฉันจะ...” ถึงมันจะฟังไม่ขึ้นฉันก็จะอ้างให้มันเป็นไปได้แล้วกัน
“โอเค เกร็งตัวหน่อยละยัยหมู” ฉันหมูหรอ...ว่าฉันหมูเลยหรอไม่เกร็งมันแล้วฉันจะทุ่มเทน้ำหนักให้นายคนเดียวเลยเวร
“ขอบคุณฮะ ฟอด!”
“อย่ามาหอมเธอไอ้เหี้_กูยังไม่เคยเลย” ไม่เคย? แล้วแต่จะพูดฉันดึงคอเสื้อเซฮุนมาใกล้ๆก่อนจะบังคับให้เขาเตรียมท่าวิดพื้นก่อนจะนั่งบนหลังเขาเต็มแรงถ้าล้มลงไปละก็
“ถ้าล้ม ฉันเอาเหล็กตีหัวนายแน่”
“เฮ้อ หลังฉัน!”
“ร้ ร้อย ฮ่าๆ ร้อยครั้งปฏิบัติ” นายน่าจะเพิ่มเป็นสองร้อยนะจงอิน ทีน้องทำขำทีตัวเองทำบ่น สมน้ำหน้าเหอะ
“โฮ หนักโว๊ย” เด็กทั้งห้องหัวเราะกันยกใหญ่ฉันรู้ว่าเขาหนักก็ฉันยกเท้าขึ้นด้วยนิจะมีอะไรหน่วงให้สมดุลละ
“ให้ทำแทนได้นะ ไม่ต้องรับแทนก็ได้”
“กูมีปัญญาแบกเธอ”
ความคิดเห็น