คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : chapter 16 It time to say goodbye (thx for 200 comments) (สมบูรณ์)
It time to say GOODBYE ❄
△ Presented by Papermail. △
ระวังหัวใจที่แข็งกระด้างจนไร้ความรู้สึกให้ดี
เพราะมันกำลังจะถูก " ละลาย "
ตอนนี้เป็นตอนที่สองสำหรับตอนพิเศษฉลองครบ 200 คอมเม้นต์ (ใกล้ฉลองกันจบแล้ว ปรบมือ..) ปล.คอมเม้น 300 ฉันจอง ฉันคอมเม้นต์เองเพื่อฤกษ์งามยามดีของฟิคเค๊าๆ แต่งเองฟินเอง -///////- แต่เอ๊ะ ทำไมชื้อตอนมันดูทะแม่-งๆ It time to say goodbye แถมเพลงนี้ก็อะไร Just be friend แล้วจะมีโยนลงเตียงไหม...?? ตอบเลยมีจ้าใครรีเควสขอโยนลงเตียงจัดให้ค้า....ฮึๆ เดียวก็ได้ฟินจนน้ำตานองแน่ เฮ๊?? ถ้ารีดเดอร์คิดว่าฟิคเรื่องนี้จะหวานกันตลอดๆละก็.... อาจจะช้าสักนิดเพราะนั้งจ้องคอมมา 4 ชั่วโมงเพิ่งได้ 2 หน้าเองก็ไม่ค่อยถนัดนี่น้า ขอขอบคุณแบร์ (รีดเดอร์&ไรต์เตอร์กิติมศักดิ์) ที่สอนวิธีลงเพลงให้ และ ปรึกษาเรื่องนิสัยของตัวละครของเจ๊คในตอนที่ 16 นี้ ทำไมต้องถึงขึ้นปรึกษา...? มันยากขนาดนั้นเลยหรอ? เดียวรู้กัน ^^ |
เอลซ่าเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทันทีที่ก้าวพ้นบานประตูเจ้าตัวก็หยุดเดินพร้อมกับเอนร่างของตนพิงเข้ากับประตูบานเดิม มือเรียวบางค่อยๆยกขึ้นมากุมหัวใจที่เต้นถี่ระรัว..จนรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง
เอลซ่านี้เจ้ากำลังเป็นอะไรอยู่...ความรู้สึกที่อยู่ข้างในนี้.......มันคืออะไร.. เอลซ่าคิดพล่างหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความสบสนที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ
“อันนา...” ร่างบางพูดชื่อน้องสาวตัวแสบของตนออกมาเผลอตัว
จริงสิบางที..อันนาอาจจะตอบได้... เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้นเอลซ่าก็รีบสาวเท้าไปหาน้องสาวตัวดีของตนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเล่นวุ่นอยู่ตรงส่วนไหนของปราสาท
แต่ทว่าเดินไปได้ไม่เท่าไรสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับโอลาฟมนุษย์หิมะตัวแสบที่กำลังนั่งดื่มน้ำส้มอย่างสบายใจอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“โอลาฟ..เห็นอันนาไหม”
“อันนาอยู่ที่ห้องกะ” เจ้ามนุษย์หิมะพูดตอบทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนถามแม้แต่น้อย แต่จู่ๆเจ้าตัวก็แทบสะอึกเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเสียงของร่างตรงหน้าตนเป็นใคร โอลาฟค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ลึกๆในใจตอนนี้ขอให้คนตรงหน้านี้เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช้เอลซ่า...
แต่ดูเหมือนว่าคำขอของเจ้ามนุษย์หิมะตัวนี้จะไม่เป็นไปดั่งที่หวังไว้
“..อะ..มะ.ไม่ไม่ อะ..อันนาออกไปข้างนอก..อันนาไม่ได้อยู่ในห้องน่ะ...เอล..ซ่า” โอลาฟพูดพล่างวาดมือที่ทำจากกิ่งไม้ของตนไปทั่วจนไปโดนแก้วน้ำส้มของตน
เพล้ง!!...
เอลซ่าเปรยตามองแก้วน้ำที่ตกลงพื้นอยู่ครู่หนึ่งอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่กลับดูน่าเกรงขาม จนทำให้เจ้าโอลาฟได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวผู้เป็นนายของตน
แม้รู้ดีว่าตนไม่มีทางที่จะปิดปังคนตรงหน้านี้ได้ แต่โอลาฟก็อยากจะขอยื่อเวลาให้ได้นานที่สุดแม้เพียงวินาทีเดียวก็ยังดี...เพื่อบุคคลที่มีค่าแก่การละลายของเจ้ามนุษย์หิมะตัวน้อยนี้
เฮ้อ... ดูท่าจะไม่ได้เรื่องซะแล้ว เอลซ่าถอนหายใจก่อนจะหันหลังกลับ แต่ทว่ามือเล็กของโอลาฟกลับฉุดชายกระโปรงของเธอเอาไว้แน่น
“อะ..โอลาฟอยากให้เอลซ่าอยู่ที่นี้นะ” เจ้ามนุษย์หิมะตัวพูดด้วยเสียงสั่นเครือไม่แม้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวตรงหน้า
“ขอโทษทีวันนี้ข้าไม่ว่างเล่นด้วย.. ว่าจะลองไปหาอันนาที่ห้องสักหน่อย” ทันทีที่พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินไปต่อ ทำให้เจ้าโอลาฟต้องปล่อยมือออกอย่างช่วยไม่ได้
“ดะ..เดียวก่อนเอลซ่า” โอลาฟรีบวิ่งตามร่างของเอลซ่าไปอย่างสุดชีวิตแต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะวิ่งสักแค่ไหนเท้าเล็กๆของเขาก็ก้าวไปไม่ทันคนตรงหน้าอยู่ดี เจ้ามนุษย์หิมะตัวน้อยรีบวิ่งตามไปจนกระทั้งถึงปากประตูห้อง
เอลซ่ายืนมองบานประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดมือเรียวบางเริ่มสั่นเพราะความกลัว หากคำตอบของความรู้สึกที่เธอมีอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องดี..เธอควรจะจัดการกับมันอย่างไร
“เอลซ่า..ดะ.เดียวก่อน” โอลาฟที่รีบวิ่งตามมาจนทัน ตะโกนห้ามสุดเสียง
“เป็นอะไรไปโอลาฟ..ข้าไม่ได้เข้าบ้านผีสิงสักหน่อย ไม่เห็นห้องตกใจขนาดนั้นเลย” เอลซ่าว่าจบก็ผลักบานประตูออก
แต่ทว่าภาพตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นด้วยตาทั้งสองข้าง
ตอนนี้โผล่มาน้อยเหลือเกินแถมมีแต่น้ำๆไม่มีเนื้อเลย ต้องขอโทษรีดเดอร์ด้วยนะคะ ช่วงนี้ไรต์ต้องไปเรียนซัมเมอร์ในช่วงเช้าแถม อาทิตย์นี้ไรต์ยังต้องไปงานกลางคืนทุกวันเลยเนื่องจากญาติเสียทำให้ไม่มีเวลามากนักกลัวว่ารีดเดอร์จะรอนานเลยแบ่งเป็นสามช่วงแต่งเสร็จก็อัพเลย ถ้าไม่ผิดพลาดยังไงพรุ่งนี้ ดึกๆเกือบเทียงคืนก็น่าจะได้อัพอีกที
ปล.ขอโทษจริงๆคะที่ลงน้อย เพราะเมลล์เห็นใจรีดเดอร์บางคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเด็กดีต้องกดเข้ามาดูทุกวันแล้วต้องเจอกับหน้ากระดาษเดิมๆที่ไม่ได้อัพอะไรเลยอารมณ์มันค่อยข้างจะเฟล เมลล์ต้องขอโทษนะ พรุ่งนี้ดึกๆเจอกันไปแหละ มีเรียนเช้า บายค่ะ ^^//
อันนากำลังสวมกอดอยู่กับคริสตอฟฟ มือเรียวบางคล้องคอร่างตรงหน้าพร้อมทั้งโน้มใบหน้าเข้าแนบชิดกับอีกฝ่าย ขาเรียวบางของหญิงสาวถูกมือหนาของอีกฝ่ายยกขึ้นแนบเอวโดยที่ร่างของชายหนุ่มเปลื่อยท่อนบนจนเห็นรอยแดงเป็นจ้ำที่ไหล่ทั้งสองอย่างชัดเจน
เอลซ่าได้แต่ยื่นนิ่งกับภาพตรงหน้า พลันสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับบริเวณปลายเท้าของทั้งคู่ที่มีเสื้อผ้าชุดเก่าของอันนาและเสื้อของคริสตอฟฟกองอยู่ด้วยกันอีกด้วย
“บอกพี่มานะอันนา ว่าเกิดอะไรขึ้น!!” เอลซ่าที่ยื่นอยู่อีกฟากของบานประตูตะโกนลั้น ก่อนจะรีบก้าวเท้าเข้ามาภายในอย่างหัวเสีย
“พี่เอลซ่า...” อันนาแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ร่างบางรีบผละคริสตอฟฟออกก่อนจะรีบวิ่งมาอธิบายเรื่องทั้งหมดกับเอลซ่า
แต่ทว่ากลับถูกคริสตอฟฟดันร่างของเธอให้หลบอยู่ข้างหลัง
“ถอยไปคริสตอฟฟ อย่าให้ฉันหมดความอดทน” เอลซ่ากดเสียงต่ำ บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดจนเด็กหนุ่มที่เคยเป็นฝ่ายเผชิญหน้าต้องกลายมาเป็นฝ่ายที่ต้องถอยเสียงเอง
“ข้าบอกให้เจ้าถอยไปไง!!” เกล็ดหิมะที่หมุนวนอยู่ข้างกายเอลซ่าค่อยๆทวีความรุ่นแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุหิมะขนาดใหญ่ที่พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งบริเวณ
“ถอยไปก่อนเถอะเดียวฉันอธิบาย” อันนาวางมือลงบนไหล่ของแฟนหนุ่มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเอลซ่าเอง
“พี่เอลซ่า...คือ.......ฉันกับคริสตอฟฟ เรา.....เรามีอะ..”
เพียะ!!..
ไม่ทันรอให้อีกฝ่ายพูดจบ มือเรียวบางของเอลซ่าฟาดไปที่ใบหน้าน้องสาวของตน จนหน้าของอันนาที่ถูกตบนั้นหันไปตามแรง
ทันทีที่คริสตอฟฟเห็นร่างของอันนาเซจนเกือบจะล้มก็รีบวิ่งเข้ามาประคองร่างของอันนาเอาไว้ ก่อนจะผลักร่างของเอลซ่าให้ออกห่าง
อันนาหันกลับมามองเอลซ่าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “พะ..พี่เอลซ่า”
“เรื่องนี้อันนาไม่เกี่ยว ถ้าองค์ราชินีไม่พอใจอะไรก็ลงโทษที่ข้านี้..ไม่ใช้อันนาน้องสาวแท้ๆของท่านอย่างนี้!!” คริสตอฟฟตะโกนลั่น
ร่างบางก้มลงมองมือของตนที่สั่นไม่หยุดจนเธอต้องเอื้อมมืออีกข้างมากุมด้วยสายตาที่เจ็บปวด “ลงโทษที่เจ้างั้นสินะได้..” ร่างบางกดเสียงต่ำจนน่ากลัวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึก “ตั้งแต่นี้และตลอดไป!!.. ห้ามให้อันนาเห็นหน้าเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง!!!”
ทันทีที่พูดจบหนามน้ำแข็งก็พุ่งเข้าจอที่ร่างของคริสตอฟฟราวกับว่านี้คือคำเตือนครั้งสุดท้ายของเธอ เอลซ่าจ้องร่างของคริสตอฟฟอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังกลับก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยมีอันนาที่รีบวิ่งตามไปติดๆ
“พี่เอลซ่าเดี่ยวก่อน เดี่ยว!! พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะน้องอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคริสตอฟฟ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย” อันนาตะโกนไล่หลังเอลซ่าแต่ทว่ากลับไม่มีท่าทีว่าเธอจะสนใจเลยแม้แต่น้อย
อันนาพยายามฝืนร่างของเธอวิ่งตามเอลซ่าอย่างสุดแรงจนในที่สุดเธอก็ตามเอลซ่ามาจนทัน
“พี่เอลซ่าได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย” อันนาคว้ามือเอลซ่าขึ้นมากุมพร้อมกับมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอน “...น้องอยู่ไม่ได้..ถ้าไม่มีเขา”
“ท่านพี่ไม่เข้าใจหรอกความรู้สึกของน้องตอนนี้...”
“แล้วเจ้าหล่ะเข้าใจความรู้สึกของข้าตอนนี้บ้างไหม!!! ความรู้สึกของคนเป็นพี่!! ที่ได้มาเห็นน้องตัวเอง...” ร่างบางเงยหน้ามองอันนาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึกในใจตอนนี้เธอทั้งสับสน ทั้งผิดหวัง
ด้านในห้องเอลซ่า
เสียงทะเลาะของทั้งคู่ดังลั้นจนไปกระทบโสตประสาทของเด็กหนุ่มผู้พิทักษ์ที่กำลังนั่งๆนอนๆอ่านบรรดาสารพัดหนังสืออยู่บนเตียง แจ๊คปิดหนังสือก่อนจะเดินออกมาดูว่าเกิดอะไร แต่ทว่ายังไม่ทันทีจะเอื่อมมือไปเปิดบานประตู เอลซ่าก็รีบเดินสวนเข้ามาโดยที่ไม่แม้จะมองร่างของเด็กหนุ่มด่วยซ่ำ
“เอลซ่า..ดะ..เอ๊ย!นี้เจ้า” แจ๊คพยายามคว้ามือของร่างบางเอาไว้แต่กลับถูกเจ้าตัวสะบัดออกก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปทางด้านใน
แจ๊คหันกลับมาที่อันนาราวกับต้องการคำอธิบายทั้งหมดแต่ทันทีที่แจ็คเห็นอันนายื่นร้องไห้อยู่อีกฝั่งเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที “เป็นอะ...”
“พี่แจ๊ค” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ อันนาโผเข้ากอดร่างตรงหน้าราวกับหาที่พึ่งพิง “ช่วยอันนาด้วย”
“มันเกิดอะไรขึ้น...” แจ๊คที่เป็นฝ่ายโดนกอดลูบหัวอันนาอย่างเอ็นดู
อันนาค่อยๆนั่งลงก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้แจ๊คฟัง
สมกับการรอคอมไหมคะตอนนี้ยอมรับว่าเขียนยากมากเพราะต้องให้คนที่ร่าเริงไปวันๆอย่างแจ็คเด็กหนุ่ม สุดเกรียน ดีกรีเทบผู้พิทักษ์อารมณ์เสีย(มากๆๆ) จนถึงขึ้นโกรธได้เนียก็เล่นเอาแทบปวดหัว
ซึ่งเมลล์อยากให้รีดเดอร์มองดูดีๆว่าเรื่องนี้ถ้ามองในมุมแต่ละฝ่ายมันไม่มีใครผิดเลยเอลซ่าที่เป็นพี่สาวรักน้องสาวของตนยิ่งกว่าอะไรที่พูดออกไปอย่างนั้นก็เพราะอามรณ์
ส่วนแจ๊คที่มีน้องสาวของตนและรักมากถึงขึ้นยอมตายแทนได้เช่นกัน ไม่มีโอกาสได้พูดคุยหรืออยู่เคียงข้างกับน้องสาวของตนก็ไม่อยากให้เอลซ่าต้องเสียเวลาเสียโอกาสที่ยังมีน้องสาวอยู่ข้างๆด้วยการทะเลาะกัน
มีคนเดาถูกด้วยโฮ้เย้ ตอนเมลล์อ่านคอมเม้นต์ก็นั่งอมยิ้มกับความคิดของรีดเดอร์แต่ละคนจนมาเจอรีดเดอร์ขาประจำอย่าง
#Gintoki27 เดาถูกเย้ๆๆ ไม่มีรางวัลแต่เอาหัวใจดวงน้อยๆของเมลล์ไปเลย...
ปล. ขอบคุณรีด/ไรต์แบร์ที่ตอบคำถามของเมลล์เรื่องนิสัยของแจ๊ค พอลองส่งบทไปก็ได้คำตอบมาว่า "เป็นผมผมก็โกรธอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ กลับบอกว่าเราเป็นคนนอก" และนอกจากนี้ยังสอนเมลล์ใส่เพลงด้วยขอบคุณนะ
ปล.ของปล. อาจจะมีตอนพิเศษข้ามฟิคกันด้วยนะโอเย้ๆๆ (แต่อีกนาน...ยังไม่ว่างทั้งคู่)
ปล.ของปล.ของปล.รีไรต์ช่วงทะเลากันใหม่อ่านได้ด้านล่างนี้เลยใครเคยอ่านแล้วแนะนำให้อ่านอีกเพื่ออถรสในความโหดของแจ๊ค
ทางด้านเอลซ่า
ร่างบางได้แต่ยื่นก้มมองมือตัวเองอยู่นานจนขอบตาทั้งสองข้างของหญิงสาวเริ่มร้อนผ่าว หยดน้ำใสๆร่วงลงสู่มือบางที่เป็นรอยแดงทั่วทั้งฝ่ามือ เอลซ่ารีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆก่อนจะทิ้งตัวลงพื้นด้วยอารมณ์ที่หมดสิ้นทุกความรู้สึกแต่ทว่ามือหนาของใครบางคนกลับพยุงเธอเอาไว้จากด้านหลัง
เอลซ่าหันมามองมืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มด้วยสายตาที่อบอุ่นแต่ทว่าไม่นานมันก็ถูกความเศร้าหมองกลืนกินจนหมดสิ้น
“แจ๊ค..ข้า..” เอลซ่าค่อยๆหันกลับมาหาเด็กหนุ่ม ใบหน้าที่เคยสดใจตอนนี้กลับถูกแต้มด้วยรอยคราบน้ำตา
แจ๊คเอื่อมมือไปจับไหล่ของร่างบางทั้งสองข้างอย่างเบามือ“เอลซ่าฟังข้านะ..ข้าว่าเจ้าไม่ควรทำอย่างนั้นกับอันนา”
“ไม่..” เอลซ่าปัดมือของแจ็คออกก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง แต่ทว่ากลับถูกมือหนาของอีกฝ่ายกระชากกลับไป
“เอลซ่าหยุดแล้วฟังก่อน..” แจ๊คเริ่มกดเสียงต่ำ
ร่างบางหันกลับมาจ้องร่างของแจ๊คอย่างไม่วางตา “แจ๊ค อันนาคือน้องสาวของฉัน ฉันต้องปกป้องและดูแลเขาแทนท่านพ่อท่านแม่ที่เสียไป ข้า-ทำ-ผิด-ตรง-ไหน” ร่างบางกระแทกเสียงกลับด้วยอารมณ์
“ถ้าเจ้ายังบังคับและตีกรอบให้น้องเจ้าอยู่อย่างนี้...เจ้านั้นแหละที่จะเป็นฝ่ายที่เจ็บปวด” แขนแกร่งทั้งสองข้างเผลอบีบไหล่อีกฝ่ายอย่างลืมตัว
ตลอดเวลาหลายร้อยที่ผ่านมาไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะลืมครอบครัวในอดีตของตัวเองได้และมันยังคงฝั่งใจเขาอยู่ตลอดมาว่าหากมีโอกาศ..เขาจะไม่มีวันพลาดพลั่งให้คนในครอบครัวต้องเสียใจเป็นครั้งที่สองแน่
และเขาก็ไม่อยากให้เอลซ่าต้องมาเสียใจกับเวลาที่ไม่สามารถหวนคืนได้...ดั่งเช่นเขาตอนนี้ เธอยังมีน้องสาวยืนอยู่เคียงข้าง ยังมีคนสำคัญอยู่ข้างกาย ต่างจากเขาที่ตอนนี้ไม่เหลือใคร
เอลซ่าหยุดดิ้นเพราะความเจ็บที่ไหล่ข้าทั้งสองของตน “แต่ว่า...อันนานะ....อันนาเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของฉันนะ การที่ฉันทำอย่างนี้มันผิดตรงไหนแจ๊ค!” ร่างบางว่าพล่างดันร่างของแจ๊คให้ออกห่างด้วยแขนที่ไร้เรียวแรง หากจะพูดให้ถูกละก็ตอนนี้แค่แรงจะยื่นยังแทบจะไม่มีด้วยซ่ำ
“ฉันก็แค่ปกป้องเขา...”
“เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าทำมันไม่ใช้การปกป้อง แต่เจ้ากำลังตีกรอบให้น้องสาวของเจ้าอยู่”
“ไม่!! เจ้านั้นแหละที่ไม่เข้าใจ” เอลซ่าตะโกนลั่น
“ข้าว่าเจ้านั้นแหละที่ไม่เข้าใจ เจ้ากับอันนาเป็นคนละคนกัน ไม่มีทางที่เจ้าจะให้น้องของเจ้าเป็นทุกสิ่งดั่งที่เจ้าหวังได้หรอก ข้าจะพาเจ้าไปหาอันนา” ทันทีที่ว่าจบแจ๊คก็คว้าข้อมือของเอลซ่าก่อนจะออกแรงดึง ร่างบางพยายามขืนตัวเองเอาไว้แต่ดูเหมือนว่ายิ่งออกแรงขืนคนตรงหน้าก็ยิ่งออกแรงดึงมากขึ้นเป็นเท่าตัว จนผิวที่ขาวนวลดั่งหิมะตอนนี้แดงก่ำราวกับถูกเชือกมัดเอาไว้
“ไม่!! หยุดนะ!! ไม่!!!!!” เอลซ่าสะบัดมือของเธออย่างสุดแรง
เพียะ!!!...
มือเรียวบางที่หลุดจากพันธนาการฟาดไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างจงใจ แจ๊คค่อยๆยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของตัวเองก่อนจะมองมาทีร่างของเอลซ่าด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“หยุดพูดสักที ทั้งๆที่เจ้าไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิดแท้ เจ้าก็แค่คนอื่นจะมาเข้าใจเรื่องในครอบครัวข้าได้ไง!!!”
“ไม่เกี่ยวกับข้า...คนอื่น..งั้นสินะ” แจ๊คพยักหน้าของตนเล็กน้อยราวกับว่าเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อออกมา ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองเอลซ่าอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
เท้าเปลือยเปล่าเดินตรงเข้ามาคว้าข้อมือของหญิงสาวก่อนจะกระชากร่างบางเข้าหาตนแล้วโยนร่างนั้นไปที่เตียงอย่างสุดแรง
ตึ่ง!!..
ร่างบางกระแทกเข้ากับเตียงอย่างเต็มแรง ความรู้สึกจุกแล่นไปทั่วร่าง เอลซ่าพยายามยันตัวเองขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้างที่ไร้เรียวแรง แต่กลับถูกร่างของอีกฝ่ายขังเอาไว้ด้วยแขนแกร่งทั้งสองข้างมือหนาช้อนเอวของอีกฝ่ายเข้าหาตัว ก่อนจะก้มลงซุกไซร้ต้นคอขาวราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย
“จะ..ทำอะไรหน่ะ..หยุดนะ” เอลซ่าร้องห้ามด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความกลัว มือเรียวบางทั้งสองข้างทุบไปที่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้า...
ข้าจะสอนเจ้าเอง จนลืมไม่ลงเลย”
ร่างหนาว่าพล่างซุกไซร้อยู่ที่ต้นคอขาวนวล ลมหายใจร้อนผ่าวที่กระทบต้นคอนั้นยิ่งทำให้ร่างบางเกร็งไปทั้งตัว
แจ๊ครวบมือทั้งสองข้างของหญิงสาว ก่อนจะกดไว้เหนือหัวของอีกฝ่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างบางพยายามกระชากมือของตัวเองให้หลุดจากพันธนาการที่บีบรัดเธอเอาไว้จนร้าวไปทั้งแขน
“ปล่อยข้านะ..” เอลซ่าพยายามพลิกตัวหนีอีกฝ่ายแต่กลับถูกมือหนาโอบรัดร่างของเธอไว้แนบอก ร่างสูงบนเตียงจ้องมองมาที่หญิงสาวที่ตกอยู่ภายใต้พันธนาการของตนด้วยสีหน้าที่ยากจะบอกความรู้สึก
หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั้งจนแทบจะระเบิดออกมาข้างนอก ตลอดมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มือหนากระชับบีบข้อมือของร่างตรงหน้าเพื่อระบายความรู้สึกที่จุกอยู่ในอกที่แทบจะทะลักออกมา แม้จะพยายามครองสติไว้แค่ไหนแต่เสียงของร่างบางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวราวกับจะคอยตอกย้ำเรื่องซ่ำๆ
ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แต่กลับ...มองไม่เห็นข้า*
แจ๊คหมายถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ที่เอลซ่าบอกว่าแจ๊คเป็นคนอื่น
แจ๊คก้มมองเอลซ่าที่ตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่ในอ้อมแขน รอยยิ้มที่เยือกเย็นฉายลงบนหน้าของเด็กหนุ่ม มือร้อนผ่าวค่อยๆไล้ไปทั่วร่างของหญิงสาวก่อนจะปลดชุดหนาที่คลุมร่างบางเอาไว้จนร่างบางสัมผัสได้ถึงลมที่เย็นจนบาดผิว
“อย่า..อือ” ยังไม่ทันทีจะได้ร้องท้วง ริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายฉวยเข้าประกบเข้ากับกลีบปากอมชมพูของเจ้าตัวด้วยแรงปรารถนา ลิ้นหนาที่รุกล้ำเข้าไปปรนเปรออารมณ์ของตัวเองอยู่นั้นลิ้มรสความหวานอย่างเนินนานจนหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของตนเริ่มทรมารเพราะขาดอากาศ ใบหน้าเรียวเล็กที่แดงก่ำพยายามเบนหลบลิ้นหนาที่รุกล้ำเข้ามาอย่างไร้ความปราณี...จนร่างบางทำท่าจะหมดลมจริงๆ แจ๊คจึงตัดสินใจปล่อยแขนเรียวบางที่เคยตรึงเอาไว้ก่อนจะถอดริมฝีบากออกอย่างช้าๆ
ยังไม่พอ...
ร่างกายร้อนผ่าว...สัญชาตญาณของเด็กหนุ่มถูกปลุกขึ้นมาจนถึงขีดสุด มือหนาไล้ต้นขาเรียวบางก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆอย่างย่ามใจก่อนจะสอดนิ้วของตนเข้าไปด้านในของอีกฝ่าย
ฮึก..
ร่างบางเกร็งไปทั้งร่างเมื่อถูกมือที่ร้อนผ่าวของอีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาในร่างของตน มือเรียวบางเผลอจิกไหล่คนตรงหน้าอย่างแรงเพราะความรู้สึกประหลาดที่สอดแทรกเข้ามาภายใน
“ปะ..” ร่างบางพยายามขัดขืนแต่ทั่วทั้งร่างกลับอ่อนเพลียไร้เรียวแรง ได้แต่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม
แม้ปากอยากจะตะโกนห้ามเท่าไร แม้อยากจะบอกให้ปล่อยเธอสักเพียงใด แต่แค่จะขยับปากยังทำไม่ได้ ร่างทั้งร่างของเธอตอนนี้มันอ่อนล้า...เกินกว่าจะขัดขืน
แจ๊คเริ่มเร่งจังหวะของตนโดยการประทับริมฝีปากของตนสำรวจร่างบาง พร้อมทั้งขยับนิ้วของตนที่อยู่ในร่างอีกฝ่ายเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม แจ๊คเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของหญิงสาวที่แดงก่ำ มือหนาค่อยๆช้อนต้นคอขึ้นมาก่อนจะประทับจูบอีกครั้ง
หนึ่งร่างบางพยายามพลิกหน้าหนีแต่กลับถูกมือที่ช้อนเธออยู่นั้นตรึงไว้จนหมดหนทาง
กึก...
หญิงสาวกัดลิ้นหนาที่ลุกล้ำเข้ามาอย่างถือดีของอีกฝ่าย แจ๊ครีบถอนริมฝีปากออกก่อนจะมองร่างบางด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ
เอลซ่ามองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่หวาดกลัวราวกับว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ แจ๊ค ฟรอสต์ที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป
ฮึ...
แจ๊คหัวเราะในลำคอ มือหนายกขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่มุมปากก่อนจะบดริมฝีปากของตนเข้ากับกลีบปากบางอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันกลับรวดเร็วและรุ่มร้อน ไม่ทะนุถนอนดั่งเช่นที่ผ่านมาที่ทั้งอ่อนโยนและปรนเปรออีกฝ่ายอย่างเอาใจจนเอลซ่าเกือบเผลอไผลไปในรสจูบที่คนตรงหน้าเคยมอบให้
นิ้วหนาถูกดึงออกจากร่างของหญิงสาวอย่างช้าๆ เด็กหนุ่มก้มมองมือของตนที่เต็มไปด้วยน้ำใสของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่พอใจในผลลัพธ์
ฮึ..หมดเวลาหยอกเล่นซะที...
หมดเวลาหยอกเล่นแล้วสิอันนั้นแค่หยอกชิมิ แต่งเองยังหัวใจจะวายบอกแล้วถ้าเวลาเมลล์แต่งจะนึกเป็นภาพก่อนแล้วบรรยาออกมาเป็นตัวอักษรโอ้วๆๆ อ่านเองใจเต้นเอง 555+
ชอบไหม?? รีดเดอร์ของเมลล์เห็นบอกว่าตอนพิเศษตอนแรก (Raining) ไม่ถึงใจบรรยายจบเร็วไปไม่ค่อยฟินเท่าไรเลย (แต่หัวใจเมลล์ก็จะวายตายเหมือนกันนะ) เลยขอแก้มือใหม่
เป็นไงดีกว่าอันที่แล้วไหม??? พ่อหนุ่มๆสาวๆใจแข็งทั้งหลาย
มาตอบคำถามรีดเดอร์ที่ถาม1231123 เมลล์ว่า อันนา คริสตอฟฟ โอลาฟ เห็นแจ๊คได้ไง ของอันนาตอนที่ 13 we r family ตรงสี่ย่อหน้าสุดท้าย ประมาณว่าอันนาพูดออกไปว่าเชื่อในเอลซ่า เชื่อในจิตวิญญาณแห่งเกล็ดหิมะ ซึ่งความหมายของอันนาคือเชื่อในเอลซ่าเชื่อว่านี้คือฝีมือของเอลซ่า แต่คำว่าจิตวิญญาณแห่งน้ำแข็ง ก็เป็นอีกชื่อของแจ๊คเหมือนกัน Spirit of winter ส่วนโอลาฟรายนี้เป็นหิมะอยู่แล้วถูกสร้างด้วยการที่เอลซ่าเผลอใส่ความรู้สึกลงไปในเกล็ดหิมะตอนสร้างขึ้นมา ถ้าเอลซ่ารู้สึกเชื่อและศรัทธาในตัวแจ๊ค โอลาฟก็เช่นกัน สุดท้ายคริสตอฟฟรายนี้ถูกเลี้ยงดูโดยโทรลล์ (สัตว์ในเทพนิยายที่มีอยู่จริงในอาณาจักรเอเรนเดลล์) ถ้าโทรลล์มีจริงเทพผู้พิทักษ์จะมีจริงก็ไม่แปลก + คริสตอฟฟเป็นเด็กตัดน้ำแข็งใช้ชีวิตอยู่กับน้ำแข็งจะเชื่อในจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาวก็ไม่แปลกความเชื่อมักถูกถ่ายทอดด้วยความผูกพันธ์และความคุ้นเคย (สองตัวหลังเมลล์วิเคราะห์เองนะ ส่วนตัวเมลล์คิดอย่างนี้ ฟิคคนอื่นอันนี้ก็แล้วแต่ไรต์แต่ละคนจะตีความนะคะ)
ความคิดเห็น