คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #123 : Kichi Kichi Bang! Bang!
อิโนะอุเอะ อาการิจะไม่ให้อภัยยัยโคฮามะ ชิโอะ อีกชื่อหนึ่ง ยัยเพื่อนเวร อีกชื่อหนึ่ง ยัยเพื่อนที่ชวนเข้าชมรมโชกิด้วยการตีหน้าเศร้าพูดกับเธอว่า “ปีที่แล้วฉันอุตส่าห์ยอมเข้าชมรมตอบคำถามกับอาการิที่อยากอยู่กับครูอาเบะจังที่ชอบ ทั้งที่ฉันอยากเข้าชมรมภาพยนตร์มากแค่ไหนเธอก็รู้ ถึงสุดท้ายแล้วเธอจะเลิกชอบครูอาเบะจังเพราะอายที่เค้าพับเครื่องบินกระดาษสองชั้นแต่ดันย้อนกลับมาด้านหลังตอนงานวิชาการ แต่ฉันก็ดีใจที่ครั้งหนึ่งได้เคยเป็นกำลังใจให้อาการินะ อ๊ะ! แต่ที่พูดมาแบบนี้ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะถ้าปีนี้เธอจะไม่เข้าชมรมโชกิตามฉันที่อยากอยู่ใกล้กับรุ่นพี่อิวาซากิที่ชอบบ้าง อาการิก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องเล็กแค่นี้ฉันไม่เก็บมาคิดมากหรอก” ที่อาการิก็ดูออกหรอกว่า ตอแหล! ไม่คิดมากกะผีหล่อนน่ะสิ! ขืนไม่ยอมเข้าด้วยมีหวังเอามาตัดพ้อต่อว่าตอกย้ำกันตลอดทั้งเทอม และเธอที่ปีนี้อุตส่าห์เล็งเข้าชมรมส่องนกเพื่อหลีกหนีความน่ารำคาญเพราะไม่น่าจะมีคนสติดีๆ ที่ไหนเข้าหรอกก็ถือคติว่ามีบุญคุณต้องทดแทน ถึงจะเป็นการทวงบุญคุณกันแบบเลี้ยวไปเลี้ยวมาก็เถอะ!
แต่ไอ้ความรักที่มีให้กับรุ่นพี่อิวาซากิ ไทโชที่หล่อนพร่ำเพ้อให้ฟังทั้งเช้าสายบ่ายค่ำโดยไม่สนใจว่าเธออยากฟังหรือเปล่าด้วยซ้ำก็สลายหายวับไปอย่างกับไม่เคยมีอยู่จริง ในวินาทีที่เจอรอยยิ้มจนตาปิดของรุ่นพี่อุกิโช ฮิดากะซุ้มข้างๆ ที่มองจากดาวอังคารลงมายังรู้เลยว่าเพื่อการค้าชัดๆ! ชักชวนว่า “ไม่อยากมาเข้าชมรมดนตรีสากลด้วยกันเหรอครับ?” แล้วทั้งตัวและหัวใจของคนใจง่ายแบบยัยชิโอะก็ลอยไปเลยโดยไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย ทั้งที่เจ้าหล่อนเล่นดนตรีอะไรก็ไม่เป็นสักอย่างแม้แต่การเป่าขลุ่ยสมัยประถม ทิ้งเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงชื่อเสร็จไว้กับซุ้มที่โคตรจะเงียบเหงา บรรยากาศก็ไม่เป็นมิตร และอาการิที่เพิ่งจะได้เจอหน้าประธานชมรมโชกิเป็นครั้งแรกก็คาใจสงสัยจริงๆ ว่าคนช่างเพ้อฝันอย่างยัยชิโอะเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้เคยชอบผู้ชายห่ามๆ ท่าทางก็กวนส้นตีนอย่างอีตาคนที่กำลังนั่งเท้าคางมองหน้าเธออยู่ตอนนี้ได้ลง!
แต่เหตุผลนั้นจะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง ในเมื่อยัยชิโอะย้ายชมรมไปดี๊ด๊าหน้าระรื่นอยู่กับรุ่นพี่รูปหล่อท่าทางใจดีไปแล้ว มันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมาทู่ซี้อยู่ชมรมที่ไม่ได้ชอบ ไม่ได้สน ไม่ได้มีใจอยากเรียนรู้ แถมแค่ได้เห็นหน้าประธานชมรม — ที่ไม่ได้รูปหล่อท่าทางก็ไม่ได้ใจดี — ก็หงุดหงิดเป็นบ้า เพราะอย่างนั้นอาการิถึงได้หันไปกระแอมไอ แสร้งบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงกระมิดกระเมี้ยนว่า
“รุ่นพี่คะ หนูเปลี่ยนใจ...”
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจนจบ อีตารุ่นพี่ที่นั่งเงียบอยู่นานก็จะโพล่งแทรกขึ้นมากลางป้องว่า
“เป็นคนโลเลหรือไง ต้องเปลี่ยนใจไปมา แค่เพราะเพื่อนไม่เข้าชมรมด้วยกันก็เลยไม่อยากเข้าแล้วเนี่ยนะ? ชีวิตนี้ตัดสินใจอะไรเองเป็นบ้างไหม? งี้ถ้าแฟนเธอบอกให้ไปโดดตึกด้วยกันแล้วมัวแต่โลเลกลับไปกลับมาแบบนี้ แฟนเธอคงตายแล้วเกิดใหม่ไปสิบชาติแล้วมั้ง”
พอเจอทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูยังไงก็เป็นการหาเรื่อง คนที่หัวร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็จะปรอทแตกยับๆ กระชากหน้ากากของรุ่นน้องผู้สงบเสงี่ยมที่สวมใส่อยู่ถึงก่อนหน้านี้ออกไปทันที
“เอ้ารุ่นพี่! พูดอะไรไม่รู้เรื่อง! มันคนละเรื่องกันแล้วป่ะ! แล้วบอกให้รู้ไว้เลยนะ หนูเข้าตามเพื่อนก็จริง แต่เป็นเพราะหนูสัญญากับเพื่อนเอาไว้ต่างหาก! คนอย่างหนูตัดสินใจอะไรไม่เคยโลเลอยู่แล้ว! ไม่ใช่ว่าอยากเข้าชมรมนี้ตั้งแต่แรกเองสักหน่อย!”
“เพราะโง่ล่ะสิ”
“แค่เล่นโชกิเป็นเลยทำให้รุ่นพี่ฉลาดมากงั้นสิ” อาการิสวนย้อนกลับไป
“ก็น่าจะฉลาดกว่าเธอนะ คุ-ณอิโนะอุเอะ อาการิ” ไทโชเองก็สวนย้อนกลับมาด้วยชื่อนามสกุลเต็มของเธอที่ก้มลงไปอ่านจนน่าหงุดหงิด “ไม่เคยโลเลแต่ทำเป็นปากดีด้วย”
ทั้งที่อาการิรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่อีตารุ่นพี่ทำอยู่ (เพราะเธอก็เคยทำบ่อยๆ) มันคือการยั่วโมโห แต่คนประเภทฆ่าได้หยามไม่ได้ เสียหน้ายิ่งไม่ได้! ก็จะกระแทกปากกาคืนลงไปบนโต๊ะ ตะโกนใส่หน้ารุ่นพี่ที่เปลี่ยนไปเอนหลังกอดอกพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ ให้อาการิต้องข่มอกข่มใจไม่พุ่งตัวข้ามโต๊ะเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วต่อยหน้าสักทีให้หายเดือดว่า
“เออ! ไม่ออกก็ไม่ออก! คนอย่างหนูไม่ได้ดีแต่ปากอยู่แล้ว! จำคำเอาไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน รุ่น-พี่อิวาซากิ ไทโช!”
“เธอก็เลยจำต้องเข้าชมรมโชกิเพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอ”
อาการิหันไปค้อนควั่กใส่ชิโอะที่นั่งกินไทยากิด้วยกันอยู่บนเก้าอี้หน้าร้าน รับฟังเรื่องที่เธอระบายให้ฟังอย่างมีอารมณ์ด้วยสีหน้าปกติธรรมดาโดยไม่สำเหนียกเลยว่าหล่อนเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ
“ถามจริง ตอนนั้นไปชอบอีตารุ่นพี่กุ๊ยนี่ลงได้ไง”
“จำตอนช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ ที่ฉันบอกว่าจะลงไปกดตู้น้ำให้แล้วขึ้นมาช้าได้ไหม? เพราะพวกเด็กผู้ชายปีหนึ่งยืนคุยกันอยู่หน้าตู้ไม่ยอมไปไหนสักที แล้วไอ้ฉันที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กบอบบางจะไปกล้าว่าอะไร แต่ก็กลัวเธอด่าถ้าไม่ซื้อโค้กกลับไปให้ ทีนี้ตอนที่กำลังยืนลังเลอยู่ว่าจะทำยังไงดี จู่ๆ รุ่นพี่อิวาซากิก็เดินมาตะโกนไล่พวกนั้นว่า ‘เฮ้ย! ซื้อเสร็จแล้วก็ไปให้พ้นๆ กันสิวะ! จะมายืนเกะกะหาอะไร! แหกตาดูสิว่ามีคนรอกดอยู่!’ วินาทีนั้นแหละ ใจฉันก็บางเลย”
เป็นเหตุผลที่ไร้สาระขนาดแค่จะเอ่ยปากแซวอาการิก็ยังทำไม่ลง
“ไม่ได้แค่บางอย่างเดียวนะ ยังง่ายอีกต่างหาก”
“รุ่นพี่อิวาซากิเท่มากก็จริงนะ แต่ความน่ารักของรุ่นพี่อุกิโชชนะขาด” ชิโอะเอ่ยด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน ทำท่าเอียงอาย แล้วหัวเราะคิกคักกับตัวเองอย่างกับคนบ้า แม้ว่าเรื่องของรุ่นพี่อุกิโชที่หล่อนพูดจะเป็นความจริงและอาการิก็จะไม่ปฏิเสธด้วย แต่พอได้ฟังจากปากของยัยนี่ก็นึกอยากขย้อนไทยากิที่กินเข้าไปออกมาชะมัดยาด
“ขนาดทำให้ลืมรุ่นพี่อิวาซากิไปในพริบตาได้เลยนะ”
“ความหลงไม่ยั่งยืน ความรักสิยั่งยืนกว่า”
“พี่เจสซี่ คุณโชตะ ไคโตะคุง ครูทามาโมริ มาถึงรุ่นพี่อิวาซากิ ก็เห็นเธอพูดว่ารักหมดทุกคน”
“คนนี้ของจริง คอยดูได้เลย”
อาการิคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงอะไรต่อ ไม่คิดที่จะคอยดูอายุรักที่แสนสั้นของหล่อนเหมือนกับคนที่ผ่านๆ มาด้วย เลยเออๆ ออๆ ตอบรับไปส่งๆ อย่างนั้น
“แต่ถึงฉันจะชอบรุ่นพี่เค้ามาก่อน ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะถ้าอาการิจะได้ลงเอยกับรุ่นพี่อิวาซากิ” ทำเอาเธอที่กำลังยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มถึงกับสำลักพรวดออกมา “พอได้ฟังเรื่องที่เธอเล่าแล้วฉันก็คิดว่ารุ่นพี่เค้าเหมาะสมกับอาการิมากเลย คนใจกล้า บ้าดีเดือด แถมยังทำให้เธอเดือดได้ตั้งขนาดนั้น อู้ว ความรักของเธอจะต้องเร่าร้อนมากแน่ๆ เลย!”
ทว่าสิ่งเดียวที่ร้อนรุ่มในตอนนี้เห็นทีจะมีแต่อารมณ์ของเธอมากกว่า ก็รู้อยู่หรอกว่าคงไม่น่าจะมีคนสติดีๆ ที่ไหนเข้าชมรมโชกิเหมือนกันนั่นแหละ แต่อาการิไม่ยักกะรู้ว่าสมาชิกที่เหลืออีกหกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ปวารณาตัวเป็นลิ่วล้อของอีตาประธานชมรม! ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคืออาการิเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามาเป็นสมาชิกชมรมประจำปีนี้! (หรือเจาะจงให้ชัดลงไปกว่านั้นคือตลอดสามปีที่อีตารุ่นพี่ไทโชก่อตั้งชมรมนี้มา) และการคอยโต้เถียง ขัดคอ ส่งเสียงจึ๊จ๊ะอย่างไม่เกรงกลัวลูกพี่ของทุกคนก็จะทำให้อาการิถูกตั้งฉายาว่าเป็น ‘คุณหนู’ ถึงจะพยายามบอกให้ทุกคนเรียกชื่อเรียกนามสกุลก็ไม่เป็นผล ไม่ใช่อีตารุ่นพี่ไทโชที่ไม่มีใครอนุญาตก็จะเรียกชื่อต้นเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้าชมรม เพราะงั้นเธอก็ไม่เห็นต้องรอให้ใครอนุญาตในการเรียกชื่อต้นเขาตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังไม่หมดแค่นั้น เมื่ออาการิเป็นคนเดียวที่เล่นโชกิไม่เป็น แล้วใครจะจับคู่สอนเธอได้ดีไปกว่าประธานชมรมที่เป็นโคตรเซียนอีก!
แต่แม้ว่าเธอจะถือทิฐิสูงปรี๊ดขนาดไหน อาการิก็ต้องยอมรับว่ามีเรื่องที่เรียนรู้เท่าไหร่ก็ไม่มีทางเข้าใจ ต่อให้พยายามแทบตายยังไงก็ไม่มีทางทำได้ มันไม่ได้ง่ายเหมือนโกะที่อย่างน้อยๆ เธอก็ยังเข้าใจกฎกติกาแม้ว่าฝีมือจะไม่เอาอ่าว หลังจากที่โดนไทโชด่าใส่เพราะเดินหมากผิดอยู่บ่อยครั้งจากการที่ไม่เข้าใจรูปแบบอะไรเลยสักอย่าง ก็จะทำให้ลูกฮึดของอาการิพุ่งพรวดพราด กระแทกหมากลงไปบนกระดาน
“ช่างมัน! หนูไม่ล่งไม่เล่นมันแล้ว!”
และในที่นี้ก็หมายถึงลูกฮึดที่จะ ‘เลิก’ ต่างหาก
“รุ่นพี่เอาแต่ตะคอกใส่หนูอยู่ได้ พอเล่นไม่ได้ก็ด่าว่าโง่ โง่ โง่! คนเรามันจะไปฉลาดทุกเรื่องได้ไง!”
“แล้วมันยากตรงไหนวะอาการิ!” ไทโชตวาดใส่เธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของกระดาน จากนั้นทุกสรรพเสียงภายในห้องก็เงียบกริบลงไปในชั่วพริบตา “ฉันสอนเธอจนปากเปียกปากแฉะ อธิบายเรื่องเดิมซ้ำๆ ซากๆ แต่เธอก็ยังเล่นไม่ได้สักที เธอได้พยายามบ้างหรือเปล่าเหอะอาการิ! แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ!”
ใบหน้าขาวของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ มือที่กำไว้ตรงเข่าก็ขยุ้มกระโปรงนักเรียนจนยับย่น มันคือความโกรธที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาร้อนผ่าวที่ไหลอาบแก้ม เธอประสานสายตากับรุ่นพี่ที่กลายเป็นภาพเลือนรางผ่านม่านน้ำตา หากอาการิยังได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอึ้งงัน
“ใช่ นอกจากโง่แล้ว หนูยังไม่พยายาม เพราะหนูไม่ได้อยากเข้าชมรมนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก งั้นก็เชิญรุ่นพี่อยู่กับสิ่งที่ตัวเองฉลาดนักไปคนเดียวแล้วกัน” น้ำเสียงของอาการิสั่นเทาเหมือนกับเนื้อตัวที่ไม่อาจควบคุมไม่ให้สั่นไหว เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนที่จะลุกพรวดพราดแล้ววิ่งออกจากห้องไป
“เธอก็เลยออกจากชมรมเพราะทนคำด่าของรุ่นพี่ไม่ไหว”
ชิโอะจิ้มไส้กรอกที่หั่นเป็นรูปปลาหมึกเข้าปากและอาการิก็เห็นอยู่ตำตาหรอกว่ายัยเพื่อนเวรคีบไปจากกล่องข้าวของเธอหน้าด้านๆ แต่ในเมื่อเที่ยงนี้เธอไม่รู้สึกว่าอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นจะยอมหยวนๆ ให้สักวันก็แล้วกัน
“โห รุ่นพี่อิวาซากิเป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่ทำให้อาการิพ่ายแพ้”
“ฉันพ่ายแพ้ให้โชกิต่างหาก ไม่ใช่ให้กับคนแบบนั้นสักหน่อย” การดื้อแพ่งไม่ยอมรับความจริงของเพื่อนสนิททำให้ชิโอะต้องสั่นหัวน้อยๆ ด้วยความสังเวชและปลดปลง “ว่าแต่เธอกับรุ่นพี่อุกิโชเถอะ ไปถึงไหนแล้วล่ะ”
ก่อนที่อาการิจะสำนึกได้ว่าเธอไม่น่าถามขึ้นมาเลย เมื่อหล่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ทำท่าเอียงอาย แล้วหัวเราะคิกคักกับตัวเองอย่างกับคนบ้า
“พูดแล้วอย่าหาว่าตอกย้ำเธอเลยนะอาการิ แต่รุ่นพี่อุกิโชใจดีสอนฉันเล่นทรัมเป็ตตั้งแต่พื้นฐานโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ขนาดเดือนหน้ารุ่นพี่จะมีแข่งไวโอลินระดับภูมิภาคก็ยังเจียดเวลามาสอนฉันทุกครั้งที่เข้าชมรมเลย”
“รุ่นพี่เค้าคงชอบเธอมั้ง” อาการิเท้าคางดูดโค้กผ่านหลอดแล้วพูดไปส่งๆ ด้วยน้ำเสียงเนือยหน่าย ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะกระตือรือร้นมากถึงขนาดเร่งเสียงให้ดังขึ้น — ที่โชคดีว่าเป็นหลังตึกเรียนที่กำลังทำการก่อสร้าง — แล้วว่า “ใช่มะอาการิ! ฉันก็คิดเหมือนกันว่ารุ่นพี่อุกิโชต้องชอบฉันแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ใจดีด้วยขนาดนี้หรอก!”
“เออๆ ชอบก็ชอบ ได้คบกันเมื่อไหร่ก็ร่อนบัตรเชิญมาให้ฉันด้วยแล้วกัน หกสิบเจ็ดสิบปีฉันก็รอไหว”
ชิโอะที่ทำหน้าบูดบึ้งเอื้อมมือมาตีไหล่ของเพื่อนไปป้าบหนึ่ง “โกรธคนอื่นแล้วเอามาพาลกับเพื่อนแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!” ทว่าคำพูดของหล่อนกลับกลายเป็นการจุดประกายความคิดให้อาการิที่ฉีกยิ้มกว้างออกมาได้ในที่สุด
“ใช่! เธอพูดถูกชิโอะ! ฉันควรเอาความโกรธไปลงกับตัวต้นเหตุสิ!”
ด้วยเหตุฉะนี้ เมื่อกริ่งบอกเวลาหลังเลิกเรียน อาการิที่แยกจากยัยชิโอะที่ตะโกนขอให้เธอ “โชคดีนะ!” ก็จะรีบก้าวเร็วๆ ตัดสนามไปยังห้องชมรมที่อยู่ในตึกเก่าด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมมุ่งมั่น ครั้นเลื่อนบานประตูห้องเปิดออก อาการิก็ได้เห็นเป้าหมายกำลังนอนหลับอยู่ในห้อง...ทั้งที่เมื่อคืนเธอแทบจะนอนไม่หลับเลยด้วยซ้ำ! แถมโดดร่มมาแบบนี้ก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงว่าเรื่องเดียวที่อีตารุ่นพี่ไทโชฉลาดก็มีแค่โชกิ แล้วกล้าดียังไงมาหาว่าเธอโง่แค่เพราะเล่นโชกิไม่เป็นเหมือนตัวเอง ด้วยความคับแค้นใจ อาการิเลยเหวี่ยงกระเป๋านักเรียนขึ้นฟาดใส่ท้องของคนที่นอนอยู่บนพื้นเต็มแรง ประโยคแรกที่อาการิได้รับคือคำสบถ ตามมาด้วยการร่วงล้มไม่เป็นท่าจากปฏิกิริยาที่ไวทายาดของไทโชซึ่งจับกระเป๋าของเธอเอาไว้แล้วเหวี่ยงมันออกไป เพราะอย่างนั้นคนที่ถือมันอยู่อีกฟากก็เลยถูกเหวี่ยงไปอีกต่อหนึ่งด้วย
อาการิเป็นคนบ่อน้ำตาตื้นเวลาที่ดูหนังดูสารคดีก็จริงอยู่ แต่ไม่ใช่การร้องไห้พร่ำเพรื่อต่อหน้าคนอื่นเหมือนอย่างที่เธอกำลังเป็นอยู่อีกครั้งในตอนนี้ แม้ว่าครั้งครานี้จะมาจากความเจ็บที่กายซึ่งไม่เบาเลยจากศีรษะที่กระแทกเข้ากับกำแพงเต็มแรง ขนาดทำให้ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาจากขมับ แถมยังมาจากฝีมือของผู้ชายคนเดิมที่ทำร้ายจิตใจเธอด้วยอีก
“โธ่เว้ย! เพราะเธอเล่นโง่ๆ แบบนี้ไงล่ะ!” ปากพูดไปแบบนั้น ตรงกันข้ามกับการกระทำที่เขาจะรีบปรี่เข้าหาเธอที่นั่งระเบิดน้ำตาเพราะความเจ็บอย่างกับหัวสมองจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อออกมาซับให้
หากคำด่าก็เหมือนแรงฮึดให้อาการิข่มกลั้นความเจ็บปวด...ไม่ใช่อารมณ์...แล้วเงยหน้าขึ้นไปแหวใส่ว่า “คำก็โง่ สองคำก็โง่ ถ้าหนูโง่นักก็ปล่อยให้ตายตรงนี้แหละ! ไม่ต้องมาช่วยแล้ว!” จากนั้นปัดท่อนแขนและผลักอกเขาออกไปด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด พยายามฝืนยันตัวเองลุกขึ้น แน่นอนว่าจะไปทันอะไรกับคนที่แข็งแรงเต็มร้อย ที่เมื่อกลับมาทรงตัวได้แล้วก็จะเปลี่ยนมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแทน
“อาการิ ฟังฉันก่อน เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษ วันนี้ก็ด้วย ฉันมันปากไม่ดีเอง ฉันรู้ว่าเธอพยายามแล้ว พยายามมากด้วย เพราะงั้นอย่าออกจากชมรมเลยนะ”
“ใช่! รุ่นพี่ปากไม่ดี! นิสัยก็ไม่ดี!” อาการิย้ำชัดคำพูดของไทโชตอนที่จ้องสบนัยน์ตามัวพร่าไม่ยอมละ “แต่รุ่นพี่จะรั้งหนูไว้ทำไม เอาไว้เป็นสนามอารมณ์ของรุ่นพี่หรือไง ต่อให้หนูอยู่ไปก็เล่นไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ!”
“ฉันจะสอนจนกว่าเธอจะทำได้เอง” น้ำเสียงของไทโชอ่อนลงไปมาก ขณะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้โดยไม่รังเกียจ (อาการิขอใช้คำว่าปาดเอาเครื่องสำอางไปหมดทั้งหน้าแล้วมั้ง) “ฉันจะไม่ดุด่า จะไม่หาว่าเธอโง่ จะมีความอดทนกับเธอ จะไม่ทำให้เธอร้องไห้ด้วยเรื่องโง่ๆ ที่ฉันทำอีกแล้ว”
แต่ก่อนที่อาการิจะได้ทันประมวลความคิดกับคำพูดที่เธอเกือบจะแน่ใจว่ามันต้องแฝงความหมายบางอย่าง — อย่างที่เธอคิด — แน่ๆ ไทโชก็จะเปลี่ยนไปหันหลังให้ “ขึ้นหลังมา ฉันพาไปห้องพยาบาลเอง” และอาการิที่ไม่มีทางลากสังขารไปไหวก็ไม่อิดออดกับ ‘คำสั่ง’ นั้น
“หนูจะไม่ออกจากชมรมก็ได้ แต่รุ่นพี่ต้องชดใช้ที่ทำหนูเจ็บนะ”
“อะไรล่ะ?”
“ขอหนูต่อยหน้ารุ่นพี่สักที”
วินาทีที่ไทโชระเบิดหัวเราะออกมาเต็มเสียง ก่อนเอี้ยวคอหันมาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าโลเลก็แล้วกัน” อาการิที่หลับตาพิงศีรษะที่ยังปวดแปลบลงไปกับแผ่นหลังของเขาก็คิดว่า อย่างน้อยๆ เธอก็ได้เจอกับความโชคดีในความโชคร้ายแล้วล่ะนะ
_______________
ความคิดเห็น