ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วงศ์หากิน PSM และสาระดนตรีไทย

    ลำดับตอนที่ #184 : [เสภา] เพลงกราวรำเสภา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 50



                 เพลงสำหรับขับร้องในเวลาเลิกการบรรเลงเสภา แต่โบราณมักจะใช้เพลงกราวรำเป็นประจำ ซึ่งคงจะกลายมาจากการแสดงละคร เพราะการแสดงละครเวลาเลิกนั้น ปี่พาทย์ย่อมบรรเลงเพลงกราวรำชั้นเดียว แต่เสภาจะแผลงเป็นวิธีร้องส่งด้วยเพลงกราวรำเช่นกัน เพียงแต่เปลี่ยนเสียงจบตอนสุดท้ายให้ต่างกันเสียเท่านั้น เพลงกราวรำเพลงเดียวกันนี้ แยกออกเป็นเพลงที่ใช้ต่างวาระกัน โดยเปลี่ยนเสียงตกเสียงสุดท้ายได้ถึง 3 อย่าง คือ
    1. บรรเลงเวลาเลิกการแสดงละครหรือการแสดงอื่นๆหรือทำเป็น 2 ชั้นแทรกอยู่ในเพลงวานั้นเอง
    2. ใช้ร้องส่งในตับมโหรีเรียกว่า "กราวรำมอญ"
    3. ใช้ร้องส่งเวลาเลิกการบรรเลงเสภา
    ทั้งหมดนี้เสียงท้ายที่สุดอันเป็นเสียงจบจะแตกต่างกันทั้งสิ้น ถ้าจะเทียบกับโน้ตสากล เมื่อบรรเลงในบันได "ซอล" กราวรำของละครก็จบด้วยเสียง "เร" ส่วนกราวรำมอญในตับมโหรีจบด้วยเสียง "ลา" และกราวรำเสภาจบด้วยเสียง
    ความหมายของเพลงกราวรำเสภามีอยู่เพียงว่า เสียดายที่เวลาขับร้อง และบรรเลงจะต้องสิ้นสุดลงเสียแล้ว ขอฝากความอาลัย และไมตรีไว้แด่ท่านผู้ฟังทุกท่าน แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดนำมาแต่งขึ้นเป็น 3 ชั้นเลย  ทั้งนี้น่าจะเป็นด้วยรูปของเพลงอย่างหนึ่ง กับความนิยมในกาลสมัยอย่างหนึ่ง รูปของเพลงถึงแม้จะมีผู้แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 หรือต้นรัชกาลที่ 4 ก็คงเป็นเพลงพื้นๆเรียบๆ ไม่มีที่สะดุดใจอย่างใด เข้าใจว่าระหว่างที่เพลง 3 ชั้นยังมิได้เกิดแพร่หลายนั้น เพลงสำหรับใช้ขับร้องส่งท้ายของเสภา ก็คงหันมาใช้เพลงจำพวกที่มีสร้อย มีดอก เช่น เพลงเต่ากินผักบุ้ง และพระอาทิตย์ชิงดวง กันเสียหมดแล้ว ซึ่งทำให้เพลงกราวรำเสภาค่อยๆเลือนหายไปเสียก่อน เพราะสู้เพลงจำพวกมีสร้อย และดอกไม่ได้ เมื่อมาถึงสมัยที่มีการแต่งเพลง 3 ชั้นแพร่หลายขึ้น นักแต่งเพลงก็เป็นอันตัดเพลงกราวรำเสภาออกจากวงการที่จะทำเป็นเพลงส่งท้าย 3 ชั้นเสียทีเดียว มุ่งทำแต่เพลงจำพวกมีสร้อยมีดอก หรือจำพวกขับร้องสอดล้อกับดนตรี เช่น เพลงอกทะเล เป็นต้น ส่วนเพลงกราวรำเสภาก็คงเป็นเพลงในอัตรา 2 ชั้นอย่างเดิม อาจารย์มนตรี ตราโมท ได้ประพันธ์ขึ้นใหม่เพื่อใช้ขับร้อง ณ สังคีตศาลา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2493 เป็นครั้งแรก ดังนี้

    บทร้องเพลงกราวรำเสภา

    อนิจจา ร้องมา มิทันไร
    การบรรเลง ขับร้อง จะต้องงด
    ขอฝากความ ไมตรี อารีสมาน
    จงระรื่น ชื่นบาน สำราญใจ
    เวลาล่วง เลยไป ได้กำหนด
    จำกล่าวบท อำลา ด้วยอาลัย
    แต่ปวงท่าน ด้วยจิต พิสมัย
    บำราศภัย ไกลทุกข์ ทุกท่านเทอญ ฯ

    http://www.anurakthai.com/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×