ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] OS ❄ All for Hitsugaya Toshiro

    ลำดับตอนที่ #18 : HitsuKarin || 彼岸花 ฮิกันบานะ

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 65



     


    ꧁  彼岸花 

    (ฮิกันบานะ)


    .


    OS | PG


    Hitsugaya Toshiro x Kurosaki Karin






    สารทสรรสร้าง สีแดงชาด ทั่วทุ่ง 



    สารทฤดูเข้าเยือนเขตลูคอนตะวันตก ลมหนาวพัดผ่านผู้คนเริ่มปิดหน้าต่างประตู การค้ายังคงดำเนินต่อไปแต่ไม่คึกคักเช่นอย่างเก่า ท่ามกลางความเงียบเหงา เสียงย่ำเท้าบนใบไม้ร่วงหล่นตามถนนของชายอายุย่างเข้าปีที่สองร้อยในยามเช้าก็ทำให้เด็กสาวที่กำลังเหงารีบออกจากบ้านมาต้อนรับ 


    ท่านยมทูตมาเยี่ยมหลุมศพคุณย่าเหรอคะ


    อืม


    แหม ยังทำหน้าเศร้าเหมือนคราวที่แล้วที่เคยเจอไม่เปลี่ยนเลยนะคะ


    เด็กสาวหาเรื่องชวนคุย ท่านยมทูตเบื้องหน้านางกลับไม่ยอมมีปฎิสัมพันธ์อะไรด้วยเลยสักนิด แต่ด้วยความที่ทุกคนยังยุ่งอยู่ในเรือนไม่มีใครเล่นกับนางด้วยได้ เด็กสาวจึงไม่ย่อท้อที่จะพยายามชวนคุย


    อย่างน้อยวันนี้ก็มีข่าวดีน้า วันนี้ข้าจะได้เป็นพี่สาวแล้ว น้องของข้าเพิ่งเกิดเมื่อเช้ามืดเลย


    ยินดีกับเจ้าด้วย


    แล้วน้องสาวข้าก็พิเศษมากจะบอกให้ ทันทีที่ท่านแม่คลอดนางออกมา น้องสาวข้าก็มีแสงเรืองสีครามรองรอบตัวเหมือนก้อนพลังวิญญาณระเบิดตู้ม หลังจากนั้นนางถึงร้องอุแว้เหมือนเด็กทั่วไปล่ะ ต่อไปนางคงได้สอบเข้าไปอยู่เซเรเทย์ฝึกเป็นยมทูตที่เก่งมากๆ ได้มีแผ่นไม้ประดับยศเป็นหัวหน้าหน่วยเหมือนที่ท่านมีแน่นอนจะบอกให้ อยากรู้มั้ยว่านางชื่ออะไร


    ไม่


    อ้าว แต่ว่านะ..”


    เด็กสาวยืดอกพูดพร้อมเดินตามหลังยมทูตที่นางพบต่อไปอย่างไม่ขาดปากแม้อีกฝ่ายจะตอบรับเพียงคำสั้นๆ ยทว่าในสายตาของยมทูตหนุ่ม เด็กน้อยอายุไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของเขานั้นจะพูดอะไรก็ได้ ยิ่งมีอะไรพิเศษนิดหน่อยก็เอามาตบแต่งโม้เพิ่มจากสิบเป็นร้อยเขาจึงได้แต่ฟังผ่านหูไปเท่านั้น


    ตั้งแต่ไหว้หลุมศพ ปัดกวาด และวางดอกไม้เปลี่ยนน้ำรำลึกเป็นพิธี เขาก็ทำราวกับเสียงเด็กสาวข้างๆเป็นเพียงสายลม ยอมให้นางพูดไปเรื่อยจนกระทั่งลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินทางกลับ


    ข้าไปก่อน เจ้าก็เข้าบ้านไปได้แล้ว


    ท่านยมทูตจะไปแล้วเหรอคะ กว่าท่านจะมาทีก็น๊านนาน รีบไปจัง


    ข้ามีงานที่ต้องทำไม่น้อย


    แม้ในใจนึกโทษรองหัวหน้าของตัวเองที่ผ่านมาร้อยทั้งร้อยปีก็ไม่เคยช่วยเหลืองานได้แม้แต่ครึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าปีให้หลังมานี่เขาชักจะเบื่อหน่าย ไม่มีสิ่งใดที่อยากทำหรือปฎิสัมพันธ์กับใครอื่นนอกจากเรื่องงาน สุดท้ายก็เลยเป็นคนติดงานไปเสียซะอย่างนั้น


    งั้นข้ายอมก็ได้ หวังว่าปีหน้าจะได้เจอกันอีกนะคะท่านยมทูต แล้วเดี๋ยวข้าจะพาน้องสาวมาให้รู้จักน้า


    ท่ามกลางหลุมศพที่ดอกฮิกันบานะบานสีแดงชาดกับเด็กสาวขี้โม้ในบ้านเกิดเพียงคนหนึ่ง ...หากอย่างน้อยเชื่อประโยคสุดท้ายของนางสักนิด การรอคอยของเขาอาจคงไม่นานขนาดนี้








    เบิกบานท่ามกลาง รอบข้าง ที่โรยร่วง



    วันนี้ก็เล่น ข้างนอกอีกแล้วหรือคาริน เริ่มหนาวควรจะเข้าบ้านได้แล้วนะจ๊ะ


    อีกแป๊บนึงนะพี่ เดี๋ยวข้าเข้าไป


    คารินยังคงนั่งเล่นกับเจ้าแมวน้อยกับลูกของมันอยู่ท่ามกลางดอกฮิกันบานะที่บานสะพรั่ง ดูแทบไม่ออกว่านางสนใจในเหล่าสัตว์โลกตัวน้อยหรือเพลิดเพลินไปกับดอกไม้สีแดงชาดเหล่านั้นมากกว่ากัน 


    แม้ดอกฮิกันบานะจะมีความหมายอันน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป ทว่าใบหน้าของเด็กสาวที่สดใสและรอคอยดอกไม้สีแดงสดบานในทุกฤดูใบไม้ร่วงนั่นก็ทำให้คุณแม่และพี่สาวพูดไม่ออก ได้แต่พร่ำเตือนว่าอย่าเล่นอะไรแผลงๆ เพราะหากเผลอหยิบมาลองชิมก็อาจป่วยหนักเป็นอัมพาตได้


    มาเล่นโอเทดามะด้วยกันเถอะน่า


    ข้าเบื่อแล้ว เดี๋ยวหน้าหนาวข้าก็ต้องนั่งเล่นเกมพวกนั้นกับท่านพี่อีกยาว


    นางยู่หน้าใส่พี่สาวดูน่ารักน่าชัง เปียที่ถักไว้อย่างแน่นหนาก็เริ่มจะคลายลงเพราะเจ้าตัวกระโดดโลดเต้นทั้งวันไม่ยอมหยุด แม้นางจะชอบสีหวานแดงชมพูใส่ยูกาตะลายน่ารักแบบเด็กสาวทั่วไป ทว่าความแก่นซนของนางนั้นก็ไม่ได้หายไปเลย


    ยิ่งใกล้หน้าหนาวเท่าไร นางก็ยิ่งเพลิดเพลินอยู่ข้างนอกนานราวกับกลัวว่าดอกไม้เหล่านั้นจะร่วงโรยจากไป กว่าคารินจะยอมกลับเข้าบ้านกับพี่สาวโดยดีก็ต้องรอให้หิมะแรกของฤดูกาลร่วงหล่นลงจากฟ้าจนผู้เป็นแม่รีบวิ่งออกมาตาม


    ลูกจะทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็จะสิบปีแล้วลูก ขึ้นเลขสองหลักแล้วนะ


    จนถึงวันที่เลิกรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะทำมันมั้งคะท่านแม่


    ทั้งแม่และพี่สาวก็ได้แต่ส่ายหน้า นอกจากจะน่าประหลาดแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กคนนี้นี่จิตแข็งเหลือเกิน ตั้งแต่เดินได้พูดคล่องก็ไม่เคยเห็นสักปีที่คนเล็กของบ้านเบื่อหน่ายกับทุ่งดอกฮิกันบานะบริเวณสุสานเลยสักครั้ง


    จนกระทั่งเหมันต์ฤดูเข้ามาเยือนในปีนั้นที่นางเริ่มฝัน


    นายเตะบอลเก่งมากเลย มาเล่นในทีมของฉันมั้ย


    เด็กผู้หญิงผมสั้นนี่มันใครกันนะ หน้าตาเหมือนข้าเสียเหลือเกิน


    ไม่เอาหรอก


    ส่วนเด็กชายผมสีสว่างผู้นี้เป็นใครกัน


    เอ๋ มาเล่นด้วยกันเถอะน่าา ทีมเราขาดคนพอดี


    อืม


    บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปในฝันของคาริน นางตื่นมาโดยเข้าใจว่าเป็นความฝันเตลิดไปตามประสาเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างที่ท่านแม่บอก ทว่าฝันของนางกลับปะติดปะต่อกันราวกับเป็นเรื่องเดียวกัน ความรู้สึกทั้งหมดมวลที่เกิดขึ้นในฝันก็สะท้อนใจราวกับเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนาง


    นายจะต้องกลับแล้วเหรอ เร็วจัง


    หมดเวลาพักของข้าแล้ว ต้องกลับไปทำงานสิ


    คิดถึง...


    อืม ไว้เจอกันนะ







    เอื้อนกระซิบ อาวรณ์ ห่วงหา



    อาการนอนแล้วฝันของคารินติดต่อกันมาหลายปีแล้ว คารินในวัยเด็กชอบเพลิดเพลินไปกับทุ่งดอกฮิกันบานะในสารทฤดู จนถึงตอนนี้เลิกแล้วแต่นางก็ยังฝันแบบนี้เรื่อยมาไม่มีหยุด


    ฉันชอบนายขนาดที่ยอมสารภาพมาตั้งสามรอบแล้วนะ


    ไม่ใช่อย่างนั้น


    แล้วทำไมยังไม่ตอบอีก ตกลงนายมียมทูตที่ชอบอยู่แน่ๆ


    เปล่า ก็ชอบแต่ไม่ใช่แบบที่รู้สึกกับเจ้า


    แล้วทำไมไม่ยอมรับฉันสักทีล่ะ


    ยิ่งเติบโตคารินก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าผู้ที่นางฝันถึงอยู่ตอนนี้คือตนเองในชาติที่แล้วไม่ผิดแน่ เหลือเพียงแค่จะยอมรับมันหรือคอยปฎิเสธตนเองต่อไปว่าเป็นเพียงฝันเพ้อเจ้อเท่านั้น


    ช่วงนี้เจ้าดูซึมลงไปแปลกตา มีอะไรอยากจะระบายกับพี่ไหม


    ข้าแค่คิดถึงท่านพี่น่ะ


    คารินพูดพลางมองหน้าพี่สาวแต่กลับไม่ได้หมายถึงคนตรงหน้า นางกำลังคิดถึงผู้คนในฝันที่คิดถึงอย่างประหลาด ทั้งพี่ชาย น้องสาว คุณพ่อ และ ชายอีกคนหนึ่ง


    แหม ข้าแค่ออกเรือนไปเพียงเดือนเดียวก็คิดถึงแล้วเหรอ ดีใจนะเนี่ย ไว้ข้าจะขอสามีกลับมาหาบ่อยๆเลย


    ไว้ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านพี่และแม่บ่อยๆ เหมือนกันนะ


    เอ๊ะ


    ข้าตัดสินใจแล้ว


    คารินสูดหายใจเข้าลึก นางยังไม่อาจยอมรับเต็มร้อยว่านั่นเป็นความจริง แต่หากไม่เริ่มตอนนี้ก็อาจจะยากที่เธอจะได้ไปตามหาพิสูจน์ความฝันของตน


    ข้าจะเข้าเมืองไปกับคนพวกนั้น ไปเข้าสอบเป็นยมทูตฝึกหัด

    ในวันนั้น นางพับเก็บยูกาตะสีสวยของตนเข้าหีบผ้าจนหมด ขอให้พี่สาวช่วยตัดผมสั้นประบ่าทะมัดทะแมง สิ่งที่พกไปมีเพียงอาหารและเครื่องแบบยูกาตะสีขาวที่ทางเจ้าหน้าที่แจกสำหรับให้ผู้เข้าสอบเป็นยมทูตใส่เท่านั้น




    โรงฝึกในโซลโซไซตี้ 


    คารินพบเพื่อนมากมายทว่าไม่มีใครที่หน้าคุ้นกับคนที่นางเห็นในฝันเลยสักคน ครึ่งใจก็คิดไปว่าพวกเขาอาจไม่มีอยู่จริง แต่ในใจลึกๆก็แอบหวั่นว่าคนเหล่านั้นอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้เพราะเอาเข้าจริงนางไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วของนางผ่านมาแล้วนานเท่าไหร่


    ฝึกหนักขนาดนี้แต่ก็ยังใช้พลังวิญญาณไม่ได้ ข้าล่ะเห็นใจเจ้าจริงๆ


    ฝึกมาแล้วหลายเดือน แต่นางก็ยังไม่ได้พบพลังวิญญาณของตนเองเลยสักนิด ที่สอบเข้ามาได้นี่ก็เพราะทำข้อสอบได้คะแนนเต็ม 


    ไม่มีทางที่เจ้าจะปลุกพลังวิญญาณของตนเองขึ้นมาได้จริงดิ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงอาจารย์ของพวกเราต้องเศร้ามากแน่เพราะยมทูตฝึกหัดดีเด่นถูกคัดออก


    ต่อให้ทำคะแนนและเรียนดีแค่ไหน หากไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ในปีแรกก็ต้องถูกคัดออกจากระบบ คารินรู้ดี และนางก็รู้ดีว่าหากยอมรับว่าผู้หญิงในฝันคือตนเองก็อาจจะปลุกพลังของตนเองได้ไม่ยากนัก 


    ทว่านางกลัว กลัวความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยอมรับว่านางคือผู้หญิงคนนั้นที่ล้มเหลวในความรักและทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด


    ฉันสัญญาว่าจะสารภาพรักกับนายไม่เกินห้าครั้งเท่านั้น


    ‘…’


    ฉันไม่ได้แค่ชอบแต่รักนายจากใจจริงนะ ฉันมีพลังระดับหนึ่งแข็งแรงพอที่จะปกป้องตัวเองได้ พี่อิจิก็ไปมีครอบครัวแล้วสัญญาว่าจะไม่เขม่นนายอีก ฉันรอนายได้เสมอหากมีงานหนักมาที่โลกมนุษย์ไม่ได้


    ข้ารู้


    งั้นเราจะเป็นคนรักกันแบบนั้นได้ไหม


    เจ้าก็รู้ ข้าไม่สามารถละตำแหน่งการเป็นยมทูตมาอยู่กับเจ้าบนโลกมนุษย์ได้ แม้ข้าจะยังรักเจ้าในตอนที่แก่เฒ่าแต่อายุขัยของเราก็ไม่ได้ใกล้-’


    อื้ม ฉันเข้าใจแล้วแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วเนอะ


    ทั้งสองคนยังคงจับมือกันอยู่ แม้ความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิม


    ข้าขอโทษ


    ช่างมันเถอะ ครั้งสุดท้ายฉันจะไม่ทำมันอีกแล้วล่ะ


    ภาพนั้นชัดเจนว่าทั้งคู่ต่างเจ็บปวด ต่อให้ความรักต่อกันทวีคูณมากขึ้นแค่ไหน แต่หากไม่สามารถสารภาพออกไปได้หรือมีสถานะอะไรแน่นอน การพบกันทุกครั้งต่างก็เป็นสุขปนขมที่ยิ่งเห็นเป็นฉากก็ยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาทั้งชีวิต


    กระทั่งตอนนี้นางอยู่ในโซลโซไซตี้แล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้แต่ปลายผมของคนที่นางฝันถึงจึงกลัวที่จะค้นพบความจริงว่ายมทูตตนนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว


    แต่หัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยก็ไม่ได้ออกมาเดินเล่นให้ยมทูตฝึกหัดมองอยู่แล้วนี่นา


    คารินได้แต่ปลอบใจตัวเอง และตั้งหน้าตั้งตาดันทุรังหาวิธีฝึกต่อไป








    รอคอยผลิแย้ม หลังฤดู มิโรยรา



    วันนี้วันวัดระดับยมทูตฝึกหัดประจำปี เห็นว่านอกจากท่านอาจารย์จะมีผู้ประเมินพิเศษในรอบภาคสนามด้วยล่ะ


    รอบวัดระดับของยมทูตฝึกหัด นอกจากสอบทฤษฎีไปแล้ว สิ่งที่จะชี้ชะตาว่าจะได้อยู่ฝึกต่อไปหรือไม่ก็คือภาคปฎิบัติ


    โอ่ยย แค่อาจารย์ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว มีแขกเพิ่มด้วยข้าจะควบคุมพลังวิญาณของตัวเองได้ยังไงล่ะเนี่ย


    ข้าล่ะอิจฉาพวกคนที่มีแรงดันวิญญาณจากพรรสวรรค์จริงๆ ต่อให้ควบคุมไม่ได้ยังไงก็ยังผ่านอยู่ดี


    ว่าแต่เจ้าฝึกมาตั้งเยอะรอบนี้น่าจะมีหวังอยู่นะคาริน


    ฝึกมาตั้งนานแต่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นผล กลับกันจากในสายตาที่เพื่อนเอาใจช่วยและคิดว่านางมีหวัง นางกลับเห็นอนาคตของตัวเองอย่างชัดเจนว่าถ้าหากไม่ยอมรับตนเองในชาติก่อนอย่างไรก็คงไม่สามารถปลดล็อคแรงดันวิญญาณของตนเองได้แม้แต่เสี้ยงเดียว


    หน้าลานสอบที่ยมทูตฝึกหัดทั้งหลายยืนรอเกิดเสียงฮือฮาเป็นระลอกทันใดที่ท่านอาจารย์และแขกพิเศษผู้ประเมินเดินฝ่าเข้ามาพร้อมกันเพื่อมานั่งในตำแหน่งริมลานสอบ


    สีผมเงินวาวสว่างที่เห็นสูงขึ้นมาจากคนทุกคนในบริเวณโดดเด่นจนเด็กแต่ละคนต่างก็อดหันไปคุยกันไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ใกล้และได้เห็นป้ายไม้บนต้นแขนของชายผู้นั้นก็ต่างอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสายตา


    นี่ข้าต้องทำการสอบประเมินต่อหน้าหัวหน้าหน่วยจริงหรือนี่!”


    สมคำร่ำลือจริงๆ


    ข้าอยากจะมีความสามารถพอที่ท่านหัวหน้าจะเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้าง จะได้ทำงานในหน่วยสักที


    ความคิดเห็นมากมายดังเซ็งแซ่ ทั้งอายที่จะแสดงความสามารถอันอ่อนด้อยต่อหน้าและตื่นเต้นที่จะได้พบหนึ่งในหัวหน้าสิบสามหน่วยพิทักษ์ที่มีชื่อเสียงในการเป็นผู้มีพรรสวรรค์แต่วัยเยาว์


    คารินเองที่เห็นคนในหน้าจอนั้นก็นิ่งไปพักใหญ่ แม้รูปร่างจะไม่เหมือนในความทรงจำสักนิด ทั้งรูปร่าง ส่วนสูง และทรงผม ทว่าใบหน้าที่แลดูจะคุ้นเคยและดวงตาประกายฟ้าเขียวมรกตก็ยิ่งทำให้นางไม่อยากจะเชื่อ 


    แขกวันน้ีพิเศษมาก ขอให้นักเรียนยมทูตฝึกหัดแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ข้าคาดว่าพวกเจ้าต้องได้ยินชื่อของเขามาแล้วไม่มากก็น้อย


    สวัสดี ข้าหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่สิบ ฮิตสึกายะ โทชิโร่


    เสียงฮือฮาโหยหวนของเด็กฝึกหัดดังเซ็งแซ่ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ทว่าคารินกลับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นรอบตัวเลยแม้แต่น้อย อาการหูดับเหลือเพียงเสียงอื้ออึงกำเริบพร้อมกับฉากในความทรงจำที่ไม่ควรจะเหลืออยู่ผุดขึ้นมาเป็นฉาก


    ฉันจะตามพี่อิจิไปหานายถึงเซเรย์เทย์เลย คอยดูเถอะ


    เป็นถึงนักกีฬาระดับชาติแล้วยังจะพูดเล่นอีก เจ้าไม่เหมือนพี่ชายของเจ้าสักหน่อย


    ถ้าฉันสลับอาชีพกับพี่ได้ก็คงทำไปนานแล้ว


    ถ้าเป็นยมทูตเจ้าก็ต้องอยู่หน่วยของข้า


    มันแน่อยู่แล้ว ยิ่งถ้าเก่งแบบพี่อิจิฉันก็จะเป็นหัวหน้าหน่วยแทนนายด้วยจะบอกให้


    หรือข้าไม่ได้ไปเกิดใหม่แต่มาเป็นวิญญาณในโซลโซไซตี้เพราะเหตุนี้กันนะ?


    ต่อให้คิดเห็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้วคารินก็ไม่สามารถยืนอยู่ท่ามกลางหมู่คนและเข้าสอบด้วยจิตใจที่สงบอีกแล้ว นางแหวกฝูงชนวิ่งออกจากบริเวณลานสอบโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนยมทูตฝึกหัดเลยแม้แต่น้อย


    เจ้าจะไปไหนน่ะ เห้ย คาริน คารินนน!!”


    เสียงนั่นดังไปถึงไหนคารินก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว นางได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งออกมาจนถึงบริเวณสวนของตึกโรงเรียนยมทูตฝึกหัดก่อนจนทิ้งตัวลงอย่างไร้เรียวแรง ใบหน้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบนองหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เอาเข้าจริงบัดนี้นางยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ารู้สึกอย่างไร


    ความรู้สึกที่ถาโถมมันเกินกว่าที่จะรับไหว ช็อคกับการที่ต้องยอมรับโดยไม่ได้ตั้งตัว ทั้งปวดใจ รู้สึกผิด โล่งใจ คิดถึง และโหยหา


    ในมือของนางมีกลุ่มก้อนพลังสีครามระเรื่อออกมาโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยซะด้วยซ้ำ ราวกับต้องการจะบอกนางว่า ยอมรับมันตั้งแต่ต้นเรื่องก็จะดีกว่านี้แล้วแท้ๆ


    ฮึก ฮือออ พ่อ พี่อิจิ หนูเจอเขาแล้ว เจอเขาแล้ว..”


    แม้จะรู้สึกสับสนกับความทรงจำทั้งสองที่เกิดขึ้นในคนเดียวกัน แต่ไม่มีความรู้สึกใดที่มากไปกว่าความตื้นตันที่ได้พบหน้าคนที่นางรัก ความทรงจำถูกปลดพร้อมกับความรู้สึกจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้


    เจอผู้ใด


    น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ขัดขึ้นมาทำให้คารินสะดุ้งหันไปมองโดยอัตโนมัติลืมอายสภาพหน้าตาตนเอง


    ดูสิ ใครมันใจร้ายทำเจ้าร้องไห้ได้ขนาดนี้กันนะ


    ไม่ ไม่มี


    คารินยังตัวสั่นไม่หาย น้ำตาที่อาบแก้มก็ยิ่งไหลเมื่อได้พบคนในความทรงจำก็ยิ่งน้ำตาแตกกว่าเดิมเป็นเท่าตัว 


    ใจแข็งไม่ต่างจากตอนเป็นมนุษย์เลยนะเจ้าน่ะ


    อะ อืม” 


    คารินพูดตะกุกตะกัก เกรงว่าถ้าเอ่ยปากมากกว่านี้แล้วนางจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เอา แค่นี้แขนเสื้อสีดำของหัวหน้าหน่วยก็เปียกชุ่มเต็มไปด้วยน้ำตาของนาง


    เจ้าคงเจ็บปวดมาก ข้าขอโทษ


    ไม่เลย! ไม่ใช่นะ ฉันดีใจซะด้วยซ้ำ ดีใจมากที่ได้พบโทชิโร่อีกครั้ง


    ฮิตสึกายะ โทชิโร่ก้มลงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ยากจะพบเห็น กระนั้นก็ทำให้คารินฉุกคิดขึ้นมาได้ เปลี่ยนคำพูดจาแทบไม่ทัน


    เอ๊ะ ไม่ข้าหมายถึง ข้าไม่คิดว่าจะรักใครได้มากขนาดนี้


    “…”


    ตะ แต่ต่อให้มันปรากฏแค่ในความฝันแต่ข้าแน่ใจว่ามันเป็นความจริงนะ!”


    ข้ารู้ ข้ารู้ดี


    เมื่อได้เริ่มระบายความรู้สึกออกไปแล้วอีกฝ่ายต่างก็รับฟังโดยดี ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในล้นทะลักยิ่งกว่าเดิมจนร้อนรน อยากจะพูดมันออกไปให้หมด


    ชายแขนเสื้อของหัวหน้าหน่วยที่บรรจงซับน้ำตาอยู่ก็ถูกคารินดึงให้โน้มตัวลงมาหา ฮึตสึกายะ โทชิโร่ ที่มีชีวิตอยู่เป็นยมทูตมานานหลายร้อยปีก็เสียอาการอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบและคนตรงหน้าที่กำลังจะสารภาพความในใจอีกครั้ง


    ถึงจะยังสับสนแต่ว่าฉันแน่ใจในความรู้สึกมาก ข้าแน่ใจ!”


    “…”


    ข้ารักท่อุ๊บ


    คารินไม่มีโอกาสได้พูดจบประโยค โทชิโร่ก็นึกขึ้นได้ ยกมือปิดปากนางอย่างรวดเร็วและสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง แม้ปกติจะมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่แล้วทว่าแววตาในครั้งนี้จริงจังกว่าที่เคย


    ไม่ว่าเจ้าจะยังสับสนว่าเป็นมนุษย์ในชาติที่แล้ว หรือยมทูตฝึกหัดในตอนนี้ แต่ทั้งคู่ก็เป็นคารินคนที่ข้าคิดถึงมาตลอด


    นี่มันไม่ใช่นิสัยของฮิตสึกายะ โทชิโร่เลย กระทั่งเจ้าตัวเองยังนึกกระดากอายอยู่ในใจ แต่โชคช่วยทำให้เขาทั้งสองได้กลับมาเจอกันขนาดนี้แล้ว การแสดงออกอย่างที่ใจคิดไปนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะปฏิเสธอีกต่อไป 


    โทชิโร่จ้องลึกลงไปในนัยน์ตาคารินและให้คำมั่น


    ส่วนการสารภาพรักครั้งที่ห้า ขอไว้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ


    การสารภาพรักครั้งที่ห้าที่จะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเขาจะไม่ยอมให้ความรักของคนทั้งสองคนคลุมเครืออีก ฮิตสึกายะ โทชิโร่ตั้งมั่นไว้ในใจว่าการพบกันอีกครั้งนี้จะทำให้ดีที่สุด



    สีแดงชาดของความตายนั้นสำหรับพวกเขาทั้งสองไม่ได้หมายถึงความเจ็บปวดอย่างเดียว แต่เป็นความงดงามของการรอที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้งดั่งดอกฮิกันบานะ 



    ผ่านฤดูกาล ร่วงโรย รอวันผลิดอกงดงามทวีคูณ


    ข้ารักเจ้าคาริน และครั้งนี้ข้าอยากจะขอให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป


     











    09/05/22

    ห่างหายไปนานสรุปได้มาลงตอนใหม่เพราะตี้บลีชเขียนนิยายหัวข้อดอกไม้555 ตั้งใจว่าจะโฟกัสที่โทชิโร่แต่เรื่องดันโฟกัสที่คารินเยอะซะงั้น

    เห็นดอกฮิกันบานะในอนิเมะเยอะมากก ขึ้นชื่อเรื่องความเศร้าเลยเอามันมาเขียนเป็นเรื่องหวานๆหน่อยบ้าง(หวานไหมนะ?) 

    ไม่ได้เขียนนานภาษาตกไปไหม...หวังว่าอ่านแล้วลื่นไหลสื่ออารมณ์ได้ดีนะคะ

    ตอนนี้ว่ายาวแล้วแต่ก็แอบอยากจะเขียนในมุมของทชรให้เรื่องเคลียร์ขึ้นบ้าง เป็นเรื่องสั้น แต่ถ้ามีอีกตอนโผล่ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ555 

    ปล.แต่ถ้าใครชอบอยากอ่านก็คอนเม้นรีเควส(พร้อมอวย?)เข้ามาได้นะคะ;D รู้สึกดีตอนอ่านเม้น เราอาจจะมีไฟเขียนอีกตอน 

     


     


     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×