ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet Serial Killer.

    ลำดับตอนที่ #18 : The Devil and The Savior

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 62





    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มักจะมีอะไรมาทำให้คุณไขว้เขวจากบางสิ่งที่สำคัญในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะรู้ได้เองว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร


    บิลเสียเวลาไปพอสมควรกับการจัดการกับเหยื่อรายล่าสุด เขาพึ่งได้รู้ว่าหล่อนชื่อจูดี้ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนที่น่าจะถูกจัดในระดับป็อปปูล่าร์ หล่อนไม่เคยอยู่ตัวคนเดียวฉะนั้นจึงหาโอกาสในการจัดการยากเสียหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะสุดท้ายเขาก็พามันลงไปห้องใต้ดินจนได้ นังนั่นดื้อและแรงเยอะไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าเป็นของเล่นที่น่าสนใจไม่น้อย เขาค่อนช้างชอบใบหน้าสวย ๆ และผมสีบลอนด์สว่าง และชอบเป็นพิเศษเวลาที่ได้จรดมีดกรีดทำลายมันทีละส่วน บิลไม่รีบร้อนที่จะฆ่าหล่อนในทันที เขาชอบที่จะทรมานก่อนเสมอ ซึ่งความยาวนานของการทรมานแต่ละครั้งก็จะแล้วแต่ความแค้นที่มีต่อเหยื่อ ก็เหมือนกับเด็กที่เล่นของเล่นนั่นแหละ เบื่อเมื่อไรก็ทิ้งเมื่อนั้น


    การมีของเล่นใหม่ทำให้เขาเกือบจะหลงลืมเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับแม่ของเขาไปแล้ว แต่โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับชีวิตเราเสมอ เพราะสุดท้ายเขาก็ได้เจอกับเธอผู้นั้นอีกครั้งในคลาสบำบัดจิต ใช่แล้ว คลาสบำบัดจิตนั่นแหละ


    แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกที่คุณจะได้เจอกับเพื่อนร่วมโรงเรียนที่คลาสบำบัดจิต เพราะคนที่ได้อยู่ที่นั่นก็ล้วนแต่เป็นบ้า(ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)กันทั้งนั้น บิลจึงอดเซอร์ไพร์สไม่ได้จริง ๆ ที่รู้ว่าแม่นั่นก็ไม่ได้แตกต่างจากเขาเท่าไรนัก อันที่จริงที่เธอค่อนข้างมีอะไร ๆ ที่เกี่ยวพันกับเขาหลายอย่างทีเดียว ตั้งแต่หน้าตาที่เหมือนแม่ของเขา เป็นพวกโรคจิตเหมือนเขา แล้วยังได้มาอยู่คลาสบำบัดจิตที่เดียวกันอีกต่างหาก จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญในแบบที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อก็คงไม่ผิดนักหรอก


    แต่ทั้งหมดนี่ก็น่าจะถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิล เพราะทำให้เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการตามสืบเรื่องราวของอีกฝ่ายเลย เขารู้ว่าเธอชื่อโดโลเรส วินสตัน อายุเท่า ๆ กับเขา เคยโดนกักตัวที่สถานบำบัดจิตมาก่อนเพราะพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ และก็พึ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาหมาดๆ นี่คงเป็นเหตุผลทีทำให้เธอต้องเข้าเรียนในช่วงกลางเทอมแบบนี้


    ทำไมเขาถึงให้ความสนใจกับผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ? สารภาพอย่างตรงไปตรงมา นั่นก็เพราะเขาอยากจะฆ่าเธอสุด ๆ เลยนะสิ


    โดโลเรสคือผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนผู้ให้กำเนิดเขาขึ้นมา บุคคลที่เขาเกลียดมากที่สุดในชีวิต จริงอยู่ที่บิลไม่กล้าลงมือกับแม่ตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กล้าลงมือกับคนอื่นเสียหน่อย เพราะใบหน้าของเธอคือตัวตายตัวแทนของความเกลียดชังทั้งหมดที่เขามี บิลจึงเชื่ออย่างเต็มอกว่าถ้าได้ฆ่าโดโลเรสก็จะสามารถช่วยชดเชยและเติมเต็มความรู้สึกในใจของเขาได้ 


    บิลคิดว่าผู้หญิงคนนี้นี่แหละคือเหยื่อที่เขาต้องการมาตลอด


    แต่สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างแท้จริงก็คือเหตุการณ์ในวันหนึ่ง วันที่เขาถูกหาเรื่องโดยพวกของไอ้กาเร็ต ซึ่งก็ลงเอยด้วยการถูกกระทืบ(อย่างที่มักเจอบ่อยจนชินเสียแล้ว) โดยปกติแล้วไม่มีใครในโรงเรียนหรอกที่จะให้ความสนใจเวลาเขาถูกกลั่นแกล้ง คนพวกนั้นถนัดเหลือเกินในการทำเป็นตาบอด [1]เวลามีเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง(ถึงได้บอกไงว่าที่โรงเรียนมีแต่ไอ้พวกบัดซบทั้งนั้น)


    แต่ไม่ใช่สำหรับโดโลเรส เพราะนังนั่นดันเสนอหน้าแส่หาเรื่องเข้ามาช่วยเขาจนไอ้พวกนั้นหนีกันไปหมด แถมยังมีแก่ใจมาถามไถ่อีกว่าเป็นอย่างไรบ้าง โอ้ให้ตาย! บิลยอมรับว่าตอนนั้นทั้งโกรธทั้งอายเลยล่ะ ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกสมเพชเวทนาที่เห็นเขาถูกกลั่นแกล้งจนต้องยื่นมือเข้าช่วย นั่นทำให้เด็กหนุ่มไม่เก็บอารมณ์หงุดหงิดเลยสักนิดตอนที่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอแล้วเดินหนีไป


    อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านไป(และเด็กหนุ่มก็เริ่มอารมณ์เย็นลงหลังจากจดชื่อไอ้พวกที่กระทืบเขาลงรายชื่อคนที่ต้องฆ่าเร็ว ๆ นี้) บิลก็ตระหนักได้ว่าโดโลเรสเป็นคนแรกในชีวิตที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาโดยที่ไม่แสร้งทำเป็นตาบอดอย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะทำกัน และเป็นคนแรกที่แสดงความเป็นห่วงต่อเขา ซึ่งไม่เคยมีใครเลยที่ทำแบบนี้กับเขามาก่อน


    และนั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มเริ่มลังเลกับการตัดสินใจของตัวเองขึ้นมา


    การฆ่าโดโลเรสมันไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่เขาเคยลงมือเลย ถึงแม้ว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันบ่อยทั้งในโรงเรียนและสถานบำบัดจิตก็ตาม แต่การได้รู้จักกับเธอทำให้บิลเริ่มเปลี่ยนความคิดไปเสียอย่างนั้น อย่างแรก เขาพบว่าเธอไม่ได้นิสัยเลวร้ายเลยหลังจากที่ได้เริ่มสนทนากันครั้งแรกในคลาสบำบัดจิต(ซึ่งมันก็ให้อารมณ์ขัดแย้งแปลก ๆ เวลามองหน้าเธอแล้วนึกถึงแม่ของเขาที่โคตรจะสารเลวเลย) อย่างที่สอง เขาพบว่าเธอไม่ได้เหมือนไอ้พวกบัดซบที่มีกลาดเกลื่อนในโรงเรียน เธอมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต่างจากคนทั่วไป และก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับเขาด้วย โดยรวมแล้วเธอค่อนข้างจะดีเลยล่ะถ้าไม่ติดว่าเธอดันเป็นคนที่เขาอยากฆ่านี่สิ


    บิลไม่เคยใจอ่อนกับเหยื่อ ทุกคนที่เขาฆ่าล้วนเป็นคนที่เขาคิดว่าสมควรตายแล้ว แต่กับโดโลเรสเป็นอะไรที่ต่างออกไป เธอไม่เคยทำร้ายเขา(ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือร่างกาย)ตรงกันข้ามเธอนั้นดีกับเขาเลยล่ะ สิ่งเดียวที่เป็นความผิดของเธอคือการที่เธอหน้าเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเกลียดชังเท่านั้นเอง


    แล้วผู้หญิงคนนี้สมควรต้องตายจริง ๆ เหรอ?


    มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด บิลคิดอย่างนั้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็เผลอก้าวข้ามเส้นเข้าไปเสียแล้ว หลังจากที่ได้เห็นเธอกำลังถูกแกล้งบ้างแล้วก็เผลอทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยหล่อนเอาไว้(แบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต) เด็กหนุ่มปล่อยให้ความสัมพันธ์เริ่มขึ้นจากวันนั้น เขาก้าวเข้าไปในชีวิตเธอเช่นเดียวกับที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขา


    มันก็เป็นเพียงแค่แผนที่หลอกล่อให้เธอตายใจเท่านั้นแหละ


    บิลคิดอย่างนั้นตอนที่จูบโดโลเรสครั้งแรก เด็กหนุ่มไม่สามารถอธิบายกับตัวเองได้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้อยากจูบเธอขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่เขาก็สรุปกับตัวเองได้โดยทันทีว่านี่เป็นเพียงแค่แผนการก็เท่านั้น เขาแค่กำลังหลอกล่อผู้หญิงคนนี้ วางกับดักใส่เธอเพื่อให้ง่ายต่อการฆ่าเธอในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมโดโลเรสจะต้องตายอย่างแน่นอน


    แต่เวลาที่เหมาะสมจะมาถึงเมื่อไรเด็กหนุ่มก็ไม่อาจรู้ได้เลย เขาได้แต่ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนคนผัดวันประกันพรุ่ง มันเป็นเรื่องที่โคตรจะบ้าที่ฆาตกรอย่างเขาดันรู้สึกดีหลังจากที่ได้ใช้เวลาไปกับเหยื่อที่หมายตาว่าจะฆ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า บิลเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองแต่นักล่าที่เก่งกาจ แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วนักล่าเช่นเขาจะเป็นฝ่ายติดอยู่ในกับดักที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเสียเอง


    เขาหลงรักเธอ


    แม่ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวในชีวิตอีกต่อไปแล้วเมื่อมีโดโลเรสก้าวเข้ามาแทนที่ตำแหน่งนั้น เธอผู้เป็นตัวแทนของแม่ในรูปแบบความรักไม่ใช่ความเกลียดอย่างที่เขาเคยได้รับ บิลหลงรักเธอพร้อม ๆ กับสูญเสียความผูกพันและยำเกรงต่อมารดาไปหมดสิ้น เมื่อมีเธอเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีแม่อยู่ในชีวิตอีกต่อไป...



    ..................................



    บิลเคยชื่นชอบความเงียบมากกว่าเสียง แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าความเงียบนั้นอ้างว้างและน่าหวาดกลัวเพียงใด เขาโหยหายเสียงมากกว่าครั้งไหน ๆ โดยเฉพาะจากเธอ


    ร่างของโดโลเรสอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย ผ้าห่มสีฟ้าคลุมขึ้นมาถึงหัวไหล่ เปลือกตาปิดพริ้มดั่งคนที่อยู่ในห้วงนิทรารมย์ ดูเปราะบางเหมือนแก้วเนื้อบางที่พร้อมจะแตกสลายได้ตลอดเวลาหากถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อย ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดที่เขาบรรจงพันรอบหัวเธอยามนี้มีเลือดซึมเป็นหย่อม เขารู้ว่าเธอยังไม่ตาย แต่การที่เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมาเป็นวันที่สามนั่นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาไม่น้อย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรงด้วยการหลบหนี(และนั่นก็ทำให้เขาโมโหจนแทบบ้า) แต่อย่างไรก็ตาม บิลไม่เคยต้องการให้โดโลเรสตาย


    เธอคือสิ่งเดียวที่เขามีในชีวิต และเขาก็ไม่อาจเสียเธอไปได้เด็ดขาด


    ทำไมถึงได้ดื้อด้านนักนะ เขาพึมพำเสียงเบา เธอทำให้ฉันไม่มีทางเลือกเลยโดโลเรส ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอเลย


    เด็กหนุ่มเคยฆ่าโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ยามนี้เขากลับรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่งที่ทำร้ายโดโลเรสจนอีกฝ่ายหมดสติไปยาวนานเช่นนี้ ความกระวนกระวายเพิ่มพูนมากขึ้นทุกขณะ บิลกลัวเหลือเกินว่าเขาจะทำให้เธอตายโดยไม่ตั้งใจ เขาอยากพาเธอไปที่โรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำ แต่ความผิดอันหนักหนาที่เคยได้ก่อไว้ในอดีตทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถออกไปภายนอกได้อย่างอิสระนัก บิลไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองต้องถูกจับกุม เพราะนั่นหมายความว่าโดโลเรสจะต้องถูกพรากจากเขาไปตลอดกาล ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นเลย


    ความเงียบงันทำให้ความคิดและความทรงจำในหัวนั้นไหลลื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่แปลกใจเลยที่พวกนักกวีมักกล่าวกันว่าเวลากลางคืนคือเวลาที่สมองแล่นมากที่สุด เพราะนั่นคือช่วงเวลาเดียวที่มนุษย์จะได้พบกับความเงียบสนิทอันแสนสงบจนสมองปลอดโปร่งและฟุ้งซ่านในเวลาเดียวกัน บิลกำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพื่อรำลึกความหลังแต่เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเหตุการณ์ถึงได้มาลงเอยในจุดนี้ได้ จุดที่เขาต้องทุกข์ตรมกับการนั่งมองเธอที่บาดเจ็บรุนแรงด้วยน้ำมือของเขาเอง


    แล้วเขาก็สรุปได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ


    การมีเธออยู่เคียงข้างทำให้เขาไม่ลังเลใจเลยที่จะฆ่าแม่ตัวเองในที่สุด ตัดออกซึ่งพันธะที่เหนี่ยวรั้งชีวิตเขามาเนิ่นนาน หลุดพ้นจากความว่างเปล่าและถูกเติมเต็มอีกครั้งเพราะเธอ โดโลเรสกลายเป็นทุกอย่างสำหรับเขา เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่เขาต้องการ เมื่อมีเธอเขาก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก และการฆ่าคนก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป เด็กหนุ่มหมายมั่นไว้แล้วว่าแม่จะเป็นศพสุดท้ายของเขา


    คนทุกคนมีปีศาจอยู่ในตัว ปีศาจที่คอยกัดกินตัวตนอย่างหิวกระหาย ปีศาจชนะเสมอ แต่สิ่งเดียวที่ฆ่าปีศาจได้ก็คือความรัก สำหรับบิลแล้วโดโลเรสนั้นคือผู้ไถ่บาป เธอทำให้เขารู้จักความรัก เพราะเธอปีศาจจึงต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด


    ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีเสียด้วยซ้ำ มันควรจะเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งโดโลเรสจากเขาไป เธอตัดความสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใยและเลือกประธานนักเรียนคนนั้นมาแทนที่เขา บิลรู้อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าสักวันเธอจะต้องหักหลังเขา เขารู้อยู่แล้วว่ามันมีอะไรบางอย่างระหว่างคนทั้งสอง และเด็กหนุ่มก็พยายามที่จะกีดกันไม่ให้มันเกิดขึ้น เขาจัดไอ้เวรนั่นขึ้นบัญชีรายชื่อคนที่อยากฆ่าเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่เพราะยังเชื่อใจเธอจึงยังไม่ได้ทำอะไรลงไป และตอนนี้บิลก็รู้แล้วว่าเขาก็คิดผิดมหันต์ ไม่มีอะไรที่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไปแล้ว บิลสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งเมื่อเธอจากไป และโลกทั้งใบก็ได้หันหลังให้แก่เขา


    ผู้ไถ่บาปได้ทอดทิ้งคนบาปไปแล้ว ท้ายสุดนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวเขากับปีศาจเท่านั้น


    เมื่อไร้ศรัทธาปีศาจก็หัวร่อกับชัยชนะ มองดูเพลิงสีแดงแผ่ขยายไร้สิ้นสุด โหมกระหน่ำเผาผลาญเร้าแรงยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ และไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งเปลวไฟได้อีกต่อไปนอกจากเลือดเท่านั้น ในเมื่อเขาสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว มันทุกคนก็สมควรจะต้องสูญเสียเช่นกัน


    ไม่มีการจดรายชื่ออีกต่อไป ไม่มีการหลบซ่อนอีกต่อไป แค่ฆ่าภารโรงซะ หยิบปืนลูกซองกับกุญแจขึ้นมา ล็อกทุกช่องทางเข้าออก แล้วยิงแม่งให้หมด


    ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน


    เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากโดโลเรสไม่ทิ้งเขาไป โดโลเรสนั่นแหละคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เธอบีบบังคับให้เขาต้องทำเช่นนี้ และเธอสมควรจะต้องตายมากกว่าใครทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ บิลคิดเช่นนั้นตอนที่เล็งปืนไปที่เธอ แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้ เขาไม่อาจตัดใจฆ่าเธอได้


    ธรรมชาติมักจะสรรหาจุดอ่อนให้ทุกสิ่งเสมอ และสำหรับเขาโดโลเรสคือจุดอ่อน


    เขาอยากฉีกกระชากอีกฝ่ายให้เป็นชิ้น ๆ ให้สาสมกับความเจ็บปวดที่เธอได้สร้างไว้ให้เขา แต่นั่นแหละ เขาทำไม่ได้ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด แม้จะเกลียดมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าเขาเองก็รักเธอมากพอ ๆ กับที่เกลียดเธอ และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจอยู่เสมอ


    โดโลเรสเหมือนม้าป่าที่ไม่มีวันเชื่อง กักขังได้แต่ไม่อาจควบคุมได้ดั่งใจหวัง แสนพยศและพร้อมจะหลบหนีคืนสู่ป่าได้ตลอดเวลา


    โดโลเรสหนอโดโลเรส ถ้าเพียงแต่เธอจะหัดทำตัวดี ๆ เสียบ้าง เขาก็จะดูแลเธออย่างดีแท้ ๆ เลย


    บิลหยุดคิดเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากคนบนเตียง คนตัวสูงรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ในจังหวะที่เปลือกตาค่อย ๆ เผยอขึ้น ก่อนที่ดวงตาสีเขียวคู่นั้นจับจ้องที่ใบหน้าของบุคคลข้างเตียง บิลคาดหวังว่าเธอจะพูดอะไรสักคำ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำกลับเป็นเพียงการจ้องหน้าเขาอย่างเงียบเฉียบ และเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าในดวงตาของเธอนั้นมีความสงสัยใคร่รู้อยู่


    เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า


    สุดท้ายบิลก็ต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อนจนได้ และเสียงของเขาก็ทำให้เจ้าหล่อนต้องสะดุ้งเล็กน้อย โดโลเรสกระพริบตาอยู่สองสามทีก่อนจะยอมพูดออกมา


    คุณเป็นใครคะ?”



    __________________



    [1] สำนวน Turn a blind eye หมายถึงการเพิกเฉยหรือทำเป็นมองไม่เห็น


                 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×