ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องสมัครตัวละครต่างๆ

    ลำดับตอนที่ #178 : สมัครเรื่อง l AU Fic Knb l เปิดรับสมัครตัวละคร l Seven Deadly Sins Against the Divine Law

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 61




    The smile on your face let’s me know that you need me
    There’s a truth in your eyes saying you’ll never leave me
    The touch of your hand says you’ll catch me wherever I fall
    You say it best, when you say nothing at all

    รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าคุณทำให้รู้ว่าคุณต้องการผม
    ความจริงจากดวงตาคู่นั้นเผยความนัยว่าคุณจะไม่จากผมไป
    สัมผัสจากมือคุณบ่งบอกให้รู้ ไม่ว่าเมื่อไรที่ผมพลาดพลั้ง คุณจะฉุดรั้งผมไว้ 
    คุณสื่อมันออกมาได้ดีที่สุด ยามที่คุณไม่เอ่ยคำพูดใดออกมา


    - When you say nothing at all -

    PS. เป็นท่อนที่สื่อถึงเวลาที่คาโอรุมีความรักได้ดีมากจึงยกมาเพื่อให้เห็นภาพค่ะ



    APPLICATION

     

     

     

    “ คำพูดนั้นเก็บไว้พูดกับสาวงามผู้อื่นจะควรคู่กว่า

    เพราะการที่ท่านพูดให้ข้าฟังมันก็เป็นการเสียเวลาเปล่าเพียงเท่านั้น

     

     

    คู่ที่เลือก: คิเสะ เรียวตะ [LUST I ความหลงใหลที่มีมากเกินความจำเป็น]

     

     

    นามสกุล-ชื่อ: ทานากะ คาโอรุ || Tanaka Kaoru

     

     

    ชื่อเล่น: คาโอรุ , คาโอะ , คาจัง || Kaoru , Kao ไม่ได้อ่านว่าข้าวแต่อย่างใด(?) , Ka-Chan

     

     

    ความหมาย: รางวัลที่มีกลิ่นหอม

     

     

    รูปลักษณ์: คาโอรุมีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำยาวเป็นลอนยาวจนถึงกลางหลัง เสน่ห์ของมันคือเมื่อต้องแสงแดดสีผมจะออกน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าหากอยู่ในที่ร่มแล้วจะดูเป็นสีดำสนิทค่ะ โดยปกติแล้วคาโอรุจะปล่อยผมอยู่เสมอ ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นเพราะขี้เกียจหรือไม่ แต่เธอจะตอบเพียงแค่ว่าชอบเท่านั้น เธอมักจะถักเปียข้างเดียวเพื่อเก็บไม่ให้ผมลงมาปลกหน้า แต่เวลาเล่นกีฬา หรือร้อนเธอก็จะรวบผมขึ้นนะคะ อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นและเป็นเสน่ห์ของคาโอรุเลยก็คือดวงตาคมสีม่วงเข้มที่มักจะจ้องมองผู้อื่นอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่เสมอ ทำให้หลายๆคนมักจะรู้สึกเหมือนถูกกดดันจากดวงตาคู่นั้น จมูกโด่งได้รูปแสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นพอตัวของเจ้าตัว นอกจากนี้เธอยังมีริมฝีปากบางสีชมพูอย่างธรรมชาติโดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งเครื่องสำอางแต่อย่างใด(?) เธอมีผิวออกขาวอมชมพู ส่วนตัวของเธอจะมีตำหนิคือ มีปานอยู่บริเวณสะบักไหล่ด้านขวา คาโอรุนั้นสูงประมาณ 168 ซม. และหนักประมาณ 52 ซม. ทำให้เธอดูสมส่วน และมีน้ำมีนวลน่ากอด(?) ในเรื่องของสัดส่วนนั้นคาโอรุเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีสัดส่วนชัดเจนตามที่ได้เห็นในรูปเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่เธอจะชอบใส่เสื้อผ้าที่สีเข้มๆ ใส่สบายออกแนวเซ็กซี่นิดๆแบบในรูป ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะรู้ว่ามันดูเซ็กซี่รู้แค่ว่าตัวเองใส่สบาย นอกจากนี้ยังเป็นพวกที่ไม่ค่อยอินกับการใส่ชุดที่ออกแนวผู้หญิงมากๆเช่นชุดเดรสสีขาว หรือชุดเดรสลูกไม้ เอาจริงๆเธอก็เคยใส่อยู่ครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าคนอื่นจะชมว่าสวย แต่ก็อดรู้สึกขยะแขยงไม่ได้จริงๆ จึงไม่ได้ใส่อีก

     

     

    นิสัย: สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดเลยของาโอรุก็น่าจะเป็นความนิ่งเงียบของแม่นางนี่แหล่ะค่ะ เริ่มจากหน้าตาที่ค่อนข้างจะนิ่งๆ(?) ออกเหวี่ยงนิดๆ ทั้งๆที่เธอก็ทำหน้าเฉยๆของเธอนะคะ และด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ไฮเปอร์ เป็นคนที่อยู่นิ่งๆด้วยตัวเองได้ ทำให้เรามักจะเห็นเธอนั่งฟังเพลง นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆจับกลุ่มคุยกัน ทำให้ดูเหมือนว่าคาโอรุจะเป็นคนที่นิ่งๆเงียบๆตามสไตล์ของแม่นาง นอกจากนี้คาโอรุยังใช้ความนิ่งและความเงียบสยบทุกการเคลื่อนไหว เช่นถ้าหากว่ามีคนทะเลาะกันอยู่แล้วเธอเกิดรำคาญมากๆ เธอก็จะเดินฝ่ากลางเข้าไปเลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนก็จะงงว่า อีเจ๊นี่เดินผ่านทำไม เอาเป็นว่างงจนเลิกทะเลาะกันน่ะค่ะ หรือถ้าเกิดว่ามีคนมาว่าเธอแรงๆแล้วล่ะก็ เธออาจจะพูดว่า บอกตัวเองก่อนเถอะ แล้วเดินจากไปด้วยหน้าที่นิ่งๆ ออกเหวี่ยงๆ(?) เป็นต้น โดยส่วนตัวของคาโอรุเองแล้วมองว่าความนิ่งของตัวเองนี้เป็นข้อดีเพราะทำให้ไม่ค่อยมีใครจะอยากเข้ามายุ่งด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เธอค่อนข้างที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่พูดเลยน่าจะดีกว่าค่ะ ส่งผลให้เธอรู้รายละเอียดของคนอื่น รู้ความคิดของคนอื่น และรู้นิสัยที่แท้จริงของคนอื่น ซึ่งเธอคิดว่ามันทำให้เธอรู้เท่าทันคนอื่น และยังได้มองมุมใหม่ๆที่เธอเองก็ไม่เคยคิดเช่นกัน

     

             ในเรื่องของการพูดการจานั้น คาโอรุเป็นคนที่มักจะพูดน้อยๆ ฟังมากๆ แต่ถ้าพูดทีหนึ่งคือค่อนข้างจะโดนใจ และมีใจความสำคัญโดยไม่ต้องพูดมาก พูดทีหนึ่งคือทำให้คนเข้าใจได้ หรือรู้สึกเคืองได้เช่นกัน จะเรียกว่าเป็นพวกที่พูดน้อยต่อยหนักก็ได้ค่ะเช่น ถ้าหากเพื่อนสนิทบ่นเรื่องคนรักแล้วล่ะก็ เธออาจจะพูดว่า ไปคุยกันให้ดีๆ แล้วคิดดูว่ามันคุ้มหรือเปล่าที่จะทนอยู่แบบนี้เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักหรือถ้าหากว่ามีคนมาว่าเธอว่าหน้าเหวี่ยงแล้วล่ะก็ เธออาจจะพูดว่า หน้าฉันเหวี่ยง แต่ฉันไม่ได้เหวี่ยงตาม แต่เท่าที่ฉันเห็นคือเธอนั่นแหล่ะที่เป็นคนเหวี่ยง เหวี่ยงอะไรก็ไม่รู้ ไร้สาระเป็นต้น คืออาจจะฟังดูแรง แต่คาโอรุจะพูดแรงๆใส่เฉพาะกับคนที่ทำตัวไม่ดีใส่เธอก่อน ถ้าพูดว่าเพื่อนหรือเตือนเพื่อนก็จะเบากว่านี้มากค่ะ

     

             คาโอรุเป็นคนที่มักจะมีเหตุผลกับทุกๆเรื่อง ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบอยู่กับตัวเอง ชอบคิดสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆตั้งแต่เรื่องของตัวเอง เรื่องของสังคม หรือปัญหาต่างๆที่เกิด ทำให้เธอมักจะมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นคนที่ถนัดด้านการคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆ พยายามคิดในมุมมองต่างๆ มองทั้งข้อดีข้อเสีย นั่นทำให้คาโอรุมักจะมีเหตุผลประกอบในทุกๆเรื่อง และไม่นำอารมณ์ความรู้สึกต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้เธอก็จะตอบได้หมดเลยล่ะค่ะ ในขณะที่คาโอรุคิดว่าการมีเหตุผลเป็นข้อดี แต่ในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเพราะเหมือนเป็นการจำกัดกรอบตัวเอง อาจจะอยากทำอย่างหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลและสิ่งที่ควรทำอาจจะเป็นตัวห้ามไม่ให้ทำ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงขนาดทำไม่ได้ขนาดนั้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับตัวของคาโอรุเช่น ถ้าหากตอนเด็กๆอยากออกไปเล่นทั้งๆที่พรุ่งนี้มีสอบ ด้วยเหตุผลและความคิดคือเธอควรจะอยู่บ้านอ่านหนังสือ คาโอรุก็เลือกที่จะอ่านหนังสือ แต่เพราะจิตใจอยากเล่นทำให้ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ สุดท้ายก็สอบไม่ได้คะแนนดี แถมยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำอีกด้วย เป็นต้น

     

             ถ้าให้นิยามคาโอรุด้วยคำๆเดียวคำนั้นก็น่าจะเป็น working woman ทั้งในเรื่องของบุคลิก และความจริงจังในการทำงานที่จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป บุคลิกที่เด่นของคาโอรุคือเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง อารมณ์แบบว่าไม่กลัวการที่จะต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆ หรือพูดความคิดเห็นของตนเองต่อหน้าผู้คนเยอะๆ เอาจริงๆแล้วออกจะชอบที่ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองด้วยซ้ำไป เวลาที่ได้พูดถึงความคิดของตัวเอง คาโอรุจะพูดมากกว่าปกติมาก และดูมีความสุขและมีอารมณ์ร่วมในการพูดมากกว่าปกติด้วยเช่นกัน คาโอรุเป็นคนที่ค่อนข้างจะหนักแน่นในความคิดของตัวเองคือไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ ระหว่างการตัดสินใจนี่คาโอรุจะตัดสินใจนานมาก เมื่อตัดสินใจแล้วคำไหร่คือคำนั้นจะไม่คืนคำเด็ดขาด หรือจะไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของตัวเองง่ายๆเด็ดขาด เรียกง่ายๆก็คือเป็นพวกหัวดื้อนั่นแหล่ะค่ะ แต่ถึงกระนั้นคาโอรุก็ไม่ใช่คนหัวดื้อที่ไม่ฟังใครเลย คาโอรุจะรับฟังแต่จะสามารถเปลี่ยนความคิดของเธอได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะคะ นอกจากนี้คาโอรุยังเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตย ถ้าหากคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอ และลงมติกันว่าจะทำแบบนั้น เธอก็ยินดีที่จะทำตามโดยที่ไม่มีการบ่น และทำอย่างเต็มที่ค่ะ

     

             คาโอรุเป็นคนที่จริงจังกับทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คือจะพยายามทำให้เต็มที่และดีที่สุดในทุกๆเรื่องอยู่เสมอ แต่เรื่องที่คาโอรุจะจริงจังมากเป็นพิเศษก็คือเรื่องงานนี่แหล่ะค่ะ ถึงจะอยู่นอกเวลางานเธอก็มักจะเผลอคิดถึงเรื่องงานอยู่บ่อยๆ ในระหว่างการทำงานนี่คาโอรุจะมีสมาธิสูงมาก มีการวางแผนทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และพยายามทำออกมาให้ได้ดีที่สุดตามที่ตนเองได้วางแผนเอาไว้ ประมาณว่าถ้านั่งคิดอะไรอยู่ หรือนั่งเขียนอะไรอยู่นี่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ยินที่คนอื่นเรียกอ่ะค่ะ ถึงแม้ว่าเสียงจะดังหรือน่ารำคาญเท่าไหร่เธอก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้ คาโอรุจะไม่ชอบใจมากๆถ้าหากเพื่อนร่วมงานของตนเอง ไม่ให้ความสำคัญในการทำงาน ทำงานแบบเล่นๆ หรือไม่เต็มที่ในการทำงาน จนถ้าทนไม่ไหวก็จะพูดเตือนแบบตรงๆไปเลย นอกจากนี้ยังมักจะรู้สึกผิดหวังตัวเองอยู่บ่อยๆเมื่องานไม่ออกมาดีเท่าที่คิดเอาไว้ หรืองานต่ำกว่ามาตรฐานของตนเองที่ตัวเองรับได้ แถมยังมีการกดดันตัวเองให้ทำทุกอย่างให้ได้ดีที่สุด ทำให้เธอมักจะเครียดอยู่บ่อยๆ


             คาโอรุเป็นคนที่เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง อาจจะด้วยความนิ่งเงียบของเธอ หรือเพราะเธอชอบทำหน้านิ่งแล้วมันดูเหวี่ยงในสายตาของคนอื่น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอจริงจังในทุกๆเรื่องจนคนอื่นไม่อยากจะยุ่งด้วย และส่วนตัวของคาโอรุเองก็เป็นคนที่ไม่ชอบการที่จะอยู่กับคนเยอะๆ ไม่เข้าหาคนอื่นก่อน และชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะเข้าสังคมไม่เก่ง คาโอรุเป็นคนที่ชอบนั่งคิดอะไรของตนเองไปเรื่อยเปื่อยอย่างที่ได้กล่าวเอาไว้แล้ว ทำให้คนอื่นมักจะชอบปล่อยเธอให้อยู่คนเดียวเสียมากกว่า นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พูดไม่เก่งนัก ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามพูดให้มากขึ้นแล้วก็ตาม แถมยังต่อบทสนทนาไม่เก่ง ทำให้ต่อให้มีคนมาพูดด้วยแล้ว สักพักหนึ่งก็จะกลับไปนั่งเงียบๆเหมือนเดิม คาโอรุจะพูดมากขึ้นเมื่อพูดในเรื่องเกี่ยวกับที่แสดงความคิดเห็นของตัวเองเท่านั้นแหล่ะค่ะเช่น ข่าวดัง สถานการณ์บ้านเมือง หรือการแก้ไขปัญหาต่างๆ

     

             ถึงคาโอรุจะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว และไม่เข้าหาใครก่อน แต่ถึงกระนั้นคาโอรุก็ยังจริงใจต่อทุกๆคนที่เธอรู้จัก จริงใจในที่นี่ทั้งคนที่เป็นมิตรกับเธอและเป็นศัตรูกับเธอด้วยเช่นกันนะคะ เริ่มจากคนที่เป็นมิตรกับเธอก่อน คาโอรุจะเป็นคนที่มักจะฟังมากกว่าพูด และถนัดในการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้เพื่อนของเธอมักจะมาบ่นให้ฟัง และขอความคิดเห็นอยู่เสมอ ซึ่งตัวคาโอรุเองก็ยินดีที่จะรับฟัง และช่วยเหลือเพื่อนๆเสมอ โดยที่คาโอรุจะไม่นำสิ่งที่ได้ฟังมาไปบอกต่อ หรือเอาไปนินทาเด็ดขาด แถมยังมักจะใจอ่อนกับเพื่อนสนิทอยู่เสมอ ในส่วนของศัตรูนั้นคำว่าจริงใจในที่นี้หมายถึงถ้าไม่ชอบคาโอรุก็จะแสดงออกว่าไม่ชอบออกไปเลย ไม่มีการมาหน้าไหว้หลังหลอก หรือคุยด้วยดีๆ แต่คาโอรุก็ไม่ใช่คนที่จะเดินเข้าไปด่าไปตบเขาตรงๆ หรือพูดแซะคนอื่นเขาทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้ แต่คาโอรุจะอยู่เฉยๆ ฟังเขาอย่างเงียบๆ ถ้าโดนแซะก็จะทำเป็นไม่สนใจ หรือพูดประมาณว่า อ๋อ หรอแล้วก็นั่งนิ่งๆต่อไป ถ้าทนไม่ไหวจริงๆจึงจะเดินหนีไป แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถเดินหนีได้เธอจะพูดตอบกลับไปแบบนิ่งๆแต่เจ็บๆตามสไตล์ของเธอค่ะ

     

             เมื่ออยู่กับเพื่อนสนิท หรือคนที่สนิทแล้ว คาโอรุจะกลายเป็นอีกคนไปเลยค่ะ คือเธอจะพูดมากขึ้น ยิ้มง่ายมากขึ้น แสดงออกทางสีหน้ามากขึ้น นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะเส้นตื้นต่อให้มุขจะแป๊กแค่ไหน หรือเรื่องที่เล่าจะไม่ขำ เธอก็ยังหัวเราะให้ แต่หัวเราะนี่ไม่ใช่หัวเราะแบบปล่อยก๊ากนะคะ จะออกแนวขำแบบเบาๆ ดูผู้ดี แต่โดยปกติแล้วคนอื่นจะไม่ค่อยกล้าเข้ามาเล่นมุขใส่เพราะเจ้าตัวเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แถมยังจริงจังอยู่เสมอ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้ามาพูดคุย เล่นมุขใส่เพราะกลัวว่าจะโดนด่าไปเสียก่อน นอกจากนี้เจ้าตัวยังมักจะใจอ่อนต่อเพื่อนสนิทได้อย่างง่ายดายเช่น ถ้าเธอไม่อยากกินไอศกรีม แต่เพื่อนอยากกิน เพียงแค่ทำการอ้อนเล็กน้อย คาโอรุก็ยอมแล้ว หรือเวลาที่โกรธ หรือไม่พอใจจนกำลังจะพูดสวนกลับขอแค่มีเพื่อนสนิทอยู่ใกล้ๆ และพูดบอกให้เธอใจเย็นลง คาโอรุก็จะกลับมาใจเย็น และมีสติเหมือนเดิมแล้วล่ะค่ะ

     

             ถึงแม้ว่าคาโอรุจะเป็นคนที่นิ่งๆเงียบๆ ดูไม่ค่อยสนใจโลก ไม่ค่อยสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเอาจริงๆแล้วคาโอรูเป็นพวกที่เรียกว่าฆ่าได้หยามไม่ได้ คาโอรุจะค่อนข้างยอมไม่ได้เมื่อโดนคนว่าหรือดูถูก โดยเฉพาะในสิ่งที่เธอรู้สึกมั่นใจ หรือพยายามในสิ่งนั้นมากๆ คือในเบื้องต้นจะฟังเฉยๆ ทำหน้านิ่งๆ พร้อมกับแววตาที่สื่อความประมาณว่า ถ้าไม่หยุด แกตายแน่ แต่ถ้ายังพูดต่อไปอีก เธอก็จะพูดตอบกลับไปแบบนิ่งๆเช่นเดิมนั่นแหล่ะค่ะ โดยปกติถ้ามีการแข่งขันเกิดขึ้นทั้งเรื่องกีฬา เรื่องงาน หรือจะเป็นการโดนท้าจากบุคคลต่างๆ ถึงแม้ว่าคาโอรุจะดูเฉยๆ แต่ในใจนี้จะบอกกับตัวเองเลยค่ะว่าฉันจะแพ้ไม่ได้ จะยอมไม่ได้ คาโอรุจึงจะพยายามมากกว่าปกติเพื่อไม่ให้ตนเองแพ้ แต่ถึงแพ้คาโอรุก็ยังเป็นพวกที่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตนเอง ถึงแม้ว่าในใจจะแค้นมากก็ตาม ไม่มีการมาโวยวายทีหลัง แต่จะกลับไปพัฒนาทักษะที่ตัวเองบกพร่องให้ดียิ่งๆขึ้นไป และมักจะรอเวลาที่จะได้ล้างแค้น(?)อีกครั้ง แน่นอนว่าถ้าชนะแล้วนางจะทำหน้านิ่งๆ ยิ้มที่มุมปากแบบสวยๆ แต่ในใจนี่คือทั้งดีใจ ทั้งสะใจเลยล่ะค่ะ

     

             ถึงแม้ว่าคาโอรุจะชอบแสดงออกว่าตนเองเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง บวกกับหน้านิ่งๆและความเงียบของเธอนั้น ทำให้เธอแลดูเป็นสาวแกร่ง ที่ไม่ค่อยจะหวั่นไหวต่อสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย แต่เอาจริงๆแล้วคาโอรุเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อ่อนไหวง่ายอย่างผู้หญิงทั่วๆไป ถ้าเจออะไรที่น่ารัก หรือถูกใจแล้วก็จะแอบกรี๊ดกร๊าด(?)ในใจอยู่บ่อยๆ หรืออาจจะเป็นเวลาที่โดนแซะหรือโดนว่าก็ตาม ถึงแม้ว่าเวลาที่โดนว่าหรือโดนแซะ คาโอรุจะแสดงออกด้วยการทำเป็นไม่ฟัง ลุกหนี หรือการพูดกลับแบบนิ่งๆในแบบฉบับของเธอ และพยายามบอกตัวเองว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบที่เขาว่ากัน แต่ในใจลึกๆแล้ว คาโอรุเองก็แอบรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วคาโอรุมักจะเก็บความรู้สึกเสียใจ และความไม่พอใจเอาไว้ภายในใจ ใครมาถามก็จะตอบเพียงแค่ว่าไม่เป็นไร ฉันโอเค จนถ้าโดนแซะ หรือโดนว่ามากๆ คาโอรุก็อาจจะทนไม่ไหวจนร้องไห้แบบหนักมากๆก็เป็นไปได้ค่ะ

     

             สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าคาโอรุจะไม่เคยมีคนรักมาก่อนเลย แต่ด้วยนิสัยที่จริงใจต่อทุกๆคนแล้วก็พอที่จะอนุมานได้ว่าคาโอรุนั้นเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว เมื่อรักใครแล้วก็จะมองแต่คนๆนั้น จะซื่อสัตย์อย่างที่สุด ไม่มีการหันไปมองผู้ชายคนอื่น นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นพวกที่เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด อารมณ์แบบเพลง When you say nothing at all นั่นแหล่ะค่ะ ถ้าจะให้แม่นางมาพูดบอกรักนี่นางพูดไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเธอจะเขินมากๆ แต่เธอจะแสดงถึงความรักออกมาทางสายตา การจับมือ หรือแม้แต่รอยยิ้มของเธอ สิ่งที่เธอจะรับไม่ได้เลยก็คือถ้าเกิดว่าคนรักของเธอแอบคบซ้อน หรือแอบไปคุยกับคนอื่นลับหลังเธอ สิ่งที่คาโอรุจะทำคือการเลิกกับเขาทันทีโดยที่ไม่ฟังเหตุผลใดๆก็ตาม และคงจะตัดขาดกับคนๆนั้นไปเลยล่ะค่ะ

     

     

    ประวัติ: 0 – 10 ปี } คาโอรุเกิดมาในครอบครัวทานากะ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ถือว่าเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง คุณพ่อของคาโอรุเป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนคุณแม่นักวาดรูปประกอบหนังสือสำหรับเด็ก ทั้งคู่พบกันในงานหนังสือที่จัดขึ้น และได้แต่งงานเมื่อคบหาดูใจกันมาแล้ว 3 ปี คาโอรุเกิดในบ่ายของวันหนึ่งในเดือนธันวาคม หลังจากที่พ่อและแม่แต่งงาน 2 ปี เธอเป็นลูกสาวคนแรกของทั้งคู่ คาโอรุเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี ให้อิสระอย่างเต็มที่ ตามบุคลิกของคุณแม่ที่ค่อนข้างเป็นสาวยุคใหม่ คุณแม่ทำงานอยู่กับบ้านทำให้สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คาโอรุชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากหนังสือรูปภาพสำหรับเด็ก ที่ส่วนใหญ่แม่ของเธอเป็นคนวาดรูปประกอบ ทำให้คาโอรุเป็นคนที่ออกจะนิ่งๆ เงียบๆ มีเพื่อนน้อย และมีสมาธิดีมาก ในเวลาว่างก็จะมีการทำกิจกรรมกันภายในครอบครัวเช่นการเล่นกีฬา ดูหนัง ไปเที่ยว และอื่นๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่สุดของคาโอรุ ที่เธอจะไม่มีวันลืมเลยล่ะค่ะ 

                11 – 14 ปี } เรื่องราวเกิดขึ้นในตอนคาโอรุอายุได้ 11 ปี เมื่อคุณพ่อของคาโอรุได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแผนกในบริษัท คุณพ่อของเธอได้มีเลขา ซึ่งบุคลิกแต่งต่างจากคุณแม่โดยสิ้นเชิง เพราะเธอทั้งสาวกว่า สวยกว่า อ่อนหวานกว่า และมีความเป็นแม่ศรีเรือนมากกว่า ในระยะแรกความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกน้อง แล้วจึงค่อยพัฒนาเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันบ่อยๆเข้า จึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน และมีความสัมพันธ์แบบลับๆเช่นนี้อยู่ 3 ปี ในระหว่างนั้นคุณพ่อของคาโอรุเริ่มกลับบ้านช้า บางวันก็ไม่กลับบ้าน มีเวลาให้คาโอรุน้อยลงโดยอ้างว่างานหนัก จนเรื่องนี้รู้ถึงหูของคุณแม่เพราะบังเอิญไปเห็นข้อความที่ส่งเข้ามาในมือถือของสามีของเธอ ในข้อความที่ใครเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้งสองไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับเลขาเท่านั้น เมื่อคุณแม่รู้ก็โกรธและเสียใจเป็นอย่างมาก ทำการโวยวายใส่คุณพ่อ แต่คุณพ่อของเธอก็ตอบเพียงแค่ว่า เธอมีอะไรสู้เขาได้บ้างล่ะส่วนตัวของคาโอรุเองเธอรู้ในตอนที่คุณแม่ของเธอโวยวายคุณพ่อนั่นแหล่ะค่ะ แต่คาโอรุเป็นคนที่ค่อนข้างมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาในการดำรงชีวิตเธอคิดเพียงแค่อยากให้แม่ของเธอหย่ากับพ่อของเธอ และออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันสองคน

                14 – 18 ปี } ถึงแม้ว่าคาโอรุจะหวังให้แม่ของเธอเลิกกับพ่อ แต่ในความจริงแล้วมันไม่เป็นแบบนั้นเลย พ่อและแม่ทะเลาะกันอย่างหนัก และคุณแม่ไม่ยอมเลิก ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะยื่นข้อเสนอให้เลิกก็ตามที เพราะแม่รักพ่อมาก จนสุดท้ายคุณแม่ก็ล้มป่วย และกลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ออกจากห้อง ไม่กินไม่นอน เอาแต่เหม่ออยู่คนเดียว สุขภาพทรุดโทรมอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายก็ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง ทำให้กลายเป็นว่าคาโอรุต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่ทำอาหาร ไปจนถึงการทำความสะอาดบ้าน ส่วนพ่อของเธอนั้นก็ออกไปอยู่กับเลขา นานๆทีจะกลับบ้าน ส่วนตัวของคุณพ่อยังรักคาโอรุอยู่ แต่เพราะความรู้สึกผิดจึงไม่กล้าสู้หน้า ส่วนตัวคาโอรุเองก็ไม่อยากมองหน้าพ่อเพราะรู้สึกผิดหวัง และโกรธพ่อที่นอกใจแม่ แต่ถึงกระนั้นพ่อของคาโอรุก็ยังส่งเสริมให้ลูกเรียนหนังสือต่อไปโดยการจ่ายค่าเทอมให้ แต่ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมต่อไปแล้ว บ้านที่เคยมีความสุข ตอนนี้กลับกลายเป็นเงียบเหงา และเหมือนกับว่าคาโอรุใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้นแค่คนเดียว

                19 – 22 ปี } เมื่อคาโอรุอายุได้ 19 ปี ในวันจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนั้นเอง คาโอรุกลับมาบ้านและเดินขึ้นไปหาแม่เหมือนอย่างทุกๆวัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม การขาดสารอาหาร และโรคต่างๆที่รุมเร้า คาโอรุเสียใจมาก และนั่นน่าจะเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เธอร้องไห้หนักมากจนเป็นลมไป หลังจากงานศพของแม่เธอได้ขอพ่อว่าขอให้เธอได้อยู่คนเดียว และไม่ต้องส่งเสียเธออีก เพราะเธอจะดูแลตัวเองเองในบ้านที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกับครอบครัว คุณพ่อยอมทำตามที่เธอขอ แต่ขอให้โทรหาพ่อทุกเดือนเพื่อดูว่าลูกสาวของเขาอยู่อย่างมีความสุขดีหรือไม่ หลังจากนั้นคาโอรุได้เข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ในคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาญี่ปุ่น อย่างที่รู้ว่าคาโอรุเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าสังคมทำให้เธอมีเพื่อนน้อย ชีวิตในมหาลัยก็เช่นเดียวกันค่ะ คาโอรุใช้ชีวิตแบบไปมหาลัยเพื่อเรียนเท่านั้น ไม่ได้ไปทำกิจกรรมต่อ หรือพบปะกับเพื่อนๆ เธอรีบกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปทำงานหาเงินเป็นพนักงานในร้านอาหาร แต่ถึงกระนั้นคาโอรุก็ยังมีกลุ่มเพื่อนสนิทอีก 3 คนที่เข้าหาคาโอรุก่อน และเข้าใจในตัวคาโอรุเป็นอย่างดี จึงสามารถอยู่ด้วยกันได้

                                    เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเธอมีคนรักเป็นเด็กที่อยู่ในมหาลัยเดียวกัน แต่เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ พวกเขาคบกันตั้งแต่ปี1 แฟนของเพื่อนคนนั้นทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี และเป็นมิตรต่อทุกๆคนรวมทั้งคาโอรุด้วย ทำให้เธอค่อนข้างจะเข้ากับเขาได้เป็นอย่างดี แต่ทุกอย่างก็กลับพลิกผันอีกเมื่อเพื่อนของเธอจับได้ว่าคนรักนอกใจไปมีคนอื่น ในขณะที่อยู่ปี4 ทั้งสองทะเลาะกัน จนสุดท้ายเพื่อนของเธอก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึก เหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนเดจาวูสำหรับคาโอรุ เพราะเริ่มจากการที่คนที่รู้จักเป็นอย่างดี และคิดว่าคนๆนั้นเป็นคนดีนอกใจคนรักของตัวเอง และเพื่อนสนิทของเธอก็ต้องเสียชีวิตเพราะผู้ชายที่รักเช่นเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์นั้นคาโอรุก็คิดที่จะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต เพราะไม่สามารถมั่นใจได้ว่าคนที่ตนเองไว้ใจ จะหักหลังเธอเหมือนที่แม่และเพื่อนโดนหรือไม่

                23 – 48 ปี } หลังจากที่คาโอรุจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ2 เธอก็ได้เข้าทำงานในสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ค่อนข้างมีอุปสรรคอยู่มาก เพราะเธอไม่ค่อยจะไปพูดคุยกับคนอื่น ทำให้เธอมักจะโดนหมั่นไส้อยู่บ่อยๆ แต่ด้วยผลงานที่มักจะออกมาดีกว่าคนอื่นอยู่เสมอ และความตั้งใจทำงานของเธอ ทำให้เธอเป็นที่รักของผู้ใหญ่อยู่เสมอ ดังนั้นเธอจึงยังสามารถทำงานในสำนักพิมพ์แห่งนั้นได้ต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นจะมีคนเข้ามาขอทำความรู้จักกับ เธอและขอสานสัมพันธ์อยู่เรื่อยๆเธอก็เลือกที่จะปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะไม่อยากเป็นเหมือนแม่และเพื่อนของเธอ จนในอายุ 47 ปี เธอได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของสำนักพิมพ์

                48 ปี } ในบ่ายวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วงระหว่างที่คาโอรุกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน อยู่ๆเธอก็สลบไป แล้วพบว่าเสียชีวิตเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเครียดจากการทำงาน และโหมทำงานหนักมากจนเกินไป เรียกได้ว่าแม้แต่ลมหายใจสุดท้ายของคาโอรุก็ยังคงจดจ่ออยู่กับงาน

                After that } คาโอรุได้มาอยู่บนสวรรค์ โดยที่สูญเสียความทรงจำในขณะที่มีชีวิตอยู่ แต่น่าแปลกที่เธอรู้สึกไม่อยากมีคนรัก เพราะเธอคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก และผู้ชายไม่สามารถไว้ใจได้ คาโอรุยังคงทุ่มเทให้กับการทำงานเหมือนอย่างครั้งที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ และด้วยผลงานที่ออกมาดีเสมอ ทำให้เธอได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นอัครเทวฑูตนี่แหล่ะค่ะ

     

     

    ลักษณะการพูดจา: มักจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่แสดงอารมณ์ เธอจะแสดงอารมณ์ในน้ำเสียงน้อยมาก หากพูดกับผู้ใหญ่มักจะมีคำลงท้ายว่า เจ้าค่ะอยู่เสมออย่างขาดไม่ได้

                 ถ้าหากเป็นคนที่มีอาวุโสมากกว่า และเธอนับถือ หรือไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอจะเรียกว่า ท่าน หรืออาจจะเรียกว่า ท่าแล้วตามด้วยนามสกุล แน่นอนว่าต้องไม่ขาดคำว่า เจ้าค่ะ / เจ้าคะลงท้าย ถ้าหากเป็นพี่ที่สนิทกันจะเรียกว่า ท่าน , ท่านพี่แล้วตามด้วยชื่อ และจะต้องมีคำลงท้ายด้วยเสมอเช่นเดิม ส่วนถ้าพูดกับคนที่รู้จักซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกันหรือเด็กกว่าจะเรียกด้วยนามสกุล หรือเจ้า ส่วนถ้าเป็นคนที่สนิทกันแล้วจะเรียกด้วยชื่อจริง , ชื่อย่อ , เจ้า ส่วนการแทนตัวเองนั้นจะแทนว่าข้าตลอดค่ะ

                    ตัวอย่างลักษณะการพูดจาในสถานการณ์ต่างๆ

    -          ปกติ

                    “ ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อทานากะ คาโอรุ จากนี้ไปก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ ” เมื่อพบคนที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก จะพูดด้วยน้ำเสียงออกนุ่มนิดๆ แฝงไปด้วยความอ่อนน้อม ถ่อมตน พร้อมกับยิ้มให้อ่อนๆ

                    “ เมื่อวานน่ะหรือ? ก็ดีเหมือนเดิม แล้วเจ้าล่ะไปทำอะไรมาบ้าง “ เมื่อบังเอิญเจอเพื่อนสนิท จะพูดตอบแบบไม่ต้องพูดมากแต่ได้ใจความ เหมือนในตัวอย่างที่ไม่บอกว่าตนเองไปทำอะไรมาบ้าง แต่สื่อให้อีกฝ่ายรู้แค่ว่ารู้สึกดีกับสิ่งที่ได้ทำมา นอกจากนี้จะต่อบทสนทนาเก่งกว่าปกติอีกด้วย

                    “ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า ถ้าเจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ได้เลยนะ ข้าจะคอยอยู่ตรงนี้กับเจ้าเอง “ เมื่อพูดปลอบคนอื่นที่มาระบายเรื่องภายในใจให้ฟัง จะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังดูอ่อนโยน และกอดคนๆนั้นอย่างอบอุ่นที่สุด 

                   “ ข้าทำงานที่ดีขนาดนี้ได้ เป็นเพราะความช่วยเหลือจากท่าน ข้าต้องขอขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ “ เวลาที่ทำงานออกมาได้ดี จะให้เครดิตคนที่ช่วยเหลือเสมอ และสำนึกในบุญคุณ(?)ที่ได้ช่วยเอาไว้ และเป็นคนที่รู้วิธีพูด

    -          อารมณ์ดี / ดีใจ

                    “ วันนี้ช่างอากาศดียิ่งนัก เจ้าสนใจไปเดินเล่นยามเช้ากับข้าหรือไม่ ” ในบางครั้งก็เกิดอินดี้อารมณ์ดีตามอากาศ เมื่ออารมณ์ดีแล้วนิสัยก็จะดีตาม(?) โดยการชวนทำกิจกรรมทั้งๆที่ปกติจะชอบนั่งเฉยๆ หรือชอบอยู่คนเดียว

                    “ อร่อยจังเลย รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเลยแฮะ เจ้าอยากลองชิมไหม? “ เป็นพวกที่เมื่อได้กินของหวานจะอารมณ์ดีขึ้นทันที

                    “ เจ้านี่น่ารักจังเลยนะ ฮืออย่าเลียสิ “ เวลาที่เจอสัตว์ หรือเด็กๆจะทำให้เธอมีความสุขเสมอ และยังทำให้เธอมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น(?) จะมีความใช้เสียงสอง ใช้คำที่ฟังดูน่ารักมากขึ้น ทำให้คาโอรุดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

    -          เศร้า

                    “ อืม ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก “ เวลาที่งานออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ตัวเองตั้งใจไว้ ก็ออกจะหงอยๆไป นี่คือสิ่งที่เธอจะตอบเมื่อมีคนมาถามว่าเป็นอะไรไหมเมื่อเห็นว่าเธอดูหงอย(?) และถ้างานนั้นเธอตั้งใจมากก็จะยิ่งเศร้ามากยิ่งขึ้นไปอีก บางทีก็แอบหลบมานั่งร้องไห้คนเดียวกับตัวเองเลยล่ะค่ะ

                    “ มันอาจจะเป็นคำพูดที่เจ้าพูดไม่คิด แต่เจ้าก็ควรจะรู้ว่าบางทีมันก็ส่งผลต่อผู้ฟังอย่างมหาศาล “ เมื่อโดนด่า หรือโดนแซะมากๆจนไม่สามารถทนได้ จนต้องระบายออกมา

                     “ ข้าไม่เข้าใจเลย ทำไมเจ้าถึงต้องทำลายความไว้ใจของข้าด้วย ทั้งๆที่เจ้าเคยสัญญากับข้าว่าจะดูแลและรักข้าคนเดียวตลอดไป เจ้าลืมไปหมดสิ้นแล้วหรือ? “ พูดพร้อมกับน้ำตานองหน้าแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่น่าจะเป็นคำพูดของเธอเมื่อจับได้ว่าคนรักนอกใจ

    -          โกรธ

                    “ เอาเถอะข้าว่าเราอย่าพึ่งคุยกันดีกว่า “ เวลาที่ทะเลาะกับคนอื่นจนเธอเกิดโมโหขึ้นมา จะรีบเดินออกมา เพราะไม่อยากจะทะเลาะกันหนักยิ่งกว่าเดิม

                    “ ข้าไม่เคยรู้จักคนอย่างเจ้า อย่ามายุ่งกับข้าอีก “ เมื่อบังเอิญเจอคนรักที่เธอตัดความสัมพันธ์ไปแล้วเพราะจับได้ว่านอกใจ เธอจะเมิน ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาไปเลยค่ะ

                    “ พวกเจ้าคงว่างมาก ถึงได้มานั่งคุยเรื่องของคนอื่นแบบนี้ “ เมื่อรำคาญเสียงของคนอื่นมากๆ หรือโดนนินทามากๆจนรู้สึกโกรธขึ้นมา ก็จะเดินเข้าไปพูดเหน็บสักทีหนึ่งแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ

    -          เขิน

                     “ จ เจ้าพูดอะไรของเจ้าเนี่ย ข้าไม่อยากจะคุยกับเจ้าแล้ว“ เมื่อโดนคนรักบอกรักหรือชมอะไรสักอย่าง พูดตะกุกตะกักเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่แดงจัด โดยปกติแล้วจะไม่รู้สึกอะไรเวลาที่โดนผู้ชายหยอดใส่มากๆ เพราะเธอรู้สึกเหมือนเป็นการพูดเล่นๆ แต่จะรู้สึกเขินเสมอเมื่อมีผู้ชายมาแสดงท่าทีที่ธรรมดาแต่สื่อถึงความรักเช่นการพูดบอกรักแบบธรรมดาๆ การกอด หรือแม้แต่การลูบหัว  

     

     

    ชอบ: ที่เงียบๆ สงบๆ (เพราะทำให้เธอมีสมาธิมากขึ้น และยังทำให้เธอรู้สึกสงบมากขึ้นอีกด้วย เมื่อเจอที่สงบๆเธอจะเดินเข้าไปนั่งพัก หรือจะรู้สึกสงบขึ้นค่ะ) , ขนมหวาน (เพราะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นทุกครั้งที่ได้กิน เวลาที่เจอขนมหวานโดยเฉพาะขนมญี่ปุ่นเธอจะรู้สึกอารมณ์ดี และถ้าน่ากินหรือขึ้นชื่อเธอก็ไม่พลาดที่จะจัดค่ะ(?)) , หนังสือ (เพราะทำให้เธอรู้สึกสนุกและผ่อนคลาย เมื่อเจอหนังสือที่น่าอ่านก็จะซื้อมาสุ่มเอาไว้ที่บ้าน ปัจจุบันเธอจะไม่มีที่นอนอยู่แล้วค่ะ) , สัตว์ และเด็ก (เพราะน่ารัก และทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมีความสุขมากขึ้นทุกครั้ง เมื่อเจอจะเข้าไปเล่นด้วย และจะอ่อนโยนมากกว่าปกติค่ะ) , ฤดูใบไม้ร่วง ( เพราะชอบสีของใบไม้ ชอบบรรยากาศ และชอบอากาศที่ไม่หนาวเย็นจนเกินไปค่ะ เมื่อฤดูไม้ร่วงมาถึงคาโอรุจะชอบออกไปเดินเล่น และออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมากกว่าปกติเช่นการเอาหนังสือไปนั่งอ่านนอกบ้าน เป็นต้นค่ะ)

     

     

    ไม่ชอบ: คนที่เจ้าชู้ (เพราะมองว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไม่สามารถรักใครได้อย่างจริงๆ เมื่อเจอจะรู้สึกหงุดหงิดในใจเสมอ และจะรีบพยายามเลี่ยงออกมา เพราะขืนอยู่ต่อคงจะมีการเทศนาเกิดขึ้น และมันคงไม่ดีแน่ๆถ้าเธอเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น) , เวลาที่เห็นคนอื่นทำงานเล่นๆให้เสร็จไปที หรือไม่จริงจังกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ (เพราะเธอจะรู้สึกเสียเวลาแทน และถ้ายิ่งเป็นงานที่เธอทำด้วยเธอจะยิ่งไม่ชอบขึ้นไปอีก เพราะนั่นหมายความว่างานของเธอจะไม่ออกมาดีที่สุด และเป็นการกินแรงเธอ เมื่อเจอถ้าไม่เกี่ยวกับเธอก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ถ้าเป็นงานที่ทำร่วมกับเธอก็คงต้องมีการเทศนากันสักยกแหล่ะค่ะ) , อาหารรสเผ็ด (เพราะเธอไม่สามารถกินอาหารรสเผ็ดได้ เมื่อเจออาหารรสเผ็ดก็จะพยายามหลีกเลี่ยงค่ะ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะพยายามเขี่ยเม็ดทิ้งค่ะ(?)) , แมลง (เพราะไม่ชอบความรู้สึกหยุบหยับเวลาเห็น โดยเฉพาะเมื่อเดิน เมื่อเห็นจะพยายามไม่มอง และเบนความสนใจไปทางอื่นค่ะ)

     

     

    กลัว: การถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ เพราะเป็นคนที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ แต่เมื่อไว้ใจแล้วก็จะให้หมดใจ เมื่อโดนหักหลังก็จะเจ็บมากกว่าปกติ จึงไม่แปลกที่เธอจะกลัวการถูกหักหลังจากคนที่เธอรัก คนที่เธอไว้ใจ เมื่อถูกหักหลังเธอจะรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และจะตัดความสัมพันธ์กับคนๆนั้นทันที และจะเย็นชา และมีอคติกับคนๆนั้นไปเลยล่ะค่ะ

     

     

    แพ้: -  

     

     

    เพิ่มเติม: -

     

     

    TALK WITH GOD

     

     

    ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่าน… ท่านคิดว่า ‘ปีศาจ’ คือสิ่งใดกัน?”

     

    : “ ในความคิดของข้า ปีศาจก็เป็นอย่างเช่นเราชาวสวรรค์ทั่วไป แตกต่างกันแค่พวกเขาเดินไปในทางที่ผิด กระทำในสิ่งที่ผิดพลาด และไม่มีผู้ใดไปฉุดเขาขึ้นมาจากความมืดมิดนั้น ข้าคิดเช่นนั้นเข้าค่ะ” คาโอรุพูดตอบอย่างฉะฉาน เพราะการแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่เธอชอบ และถนัดอยู่แล้ว

     

     

    แล้ว… ท่านคิดยังไงกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’ งั้นหรือ?”

     

    : “ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดอยู่ในตัวเอง แล้วแต่คนว่าจะมีสิ่งใดมากกว่า ซึ่งนั่นก็เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของเขาด้วยเช่นกัน ด้วยสังคมที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทำให้พวกเขาต้องแสดงด้านมืดออกมามากกว่าเพื่อเอาชีวิตรอด และข้าก็ยังเชื่อเจ้าค่ะ ว่าพวกเขายังสามารถดึงด้านสว่างออกมาได้ในที่สุดเจ้าค่ะ ”

     

     

    หากข้าขอให้ท่านทำกระทำบางอย่างที่เสี่ยงอันตรายไปเสียหน่อย ท่านจะยอมทำเพื่อข้าได้หรือไม่?”

     

    : “ ได้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านก็รู้ว่าข้าทุ่มเทให้กับงานขนาดไหน ” พูดพลางยิ้มที่มุมปาก

     

     

    เช่นนั้น คำถามสุดท้าย… หากท่านได้ตกหลุมรักกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ปีศาจ' ท่านจะกระทำอย่างไรดีเล่า?”

     

    : “ ถึงนั่นจะเป็นความรู้สึกของข้า แต่ข้าย่อมที่จะต้องละทิ้งความรู้สึกนั้นให้ได้ ถึงแม้ว้าจะรักเขามากเพียงใดก็ตาม เพราะสิ่งที่ควรจะเป็นคือชาวสวรรค์ไม่สมควรที่จะรักกับปีศาจเจ้าค่ะ”

     

     

    ข้าเข้าใจแล้ว… ขอให้ท่านโชคดี… บางทีโชคชะตาอาจจะนำพาให้ข้าได้พบพานกับท่านอีก”

     

    : “ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรเจ้าค่ะ แล้วพบกันใหม่ ”

     

     

    TALK WITH WRITERs

     

     

    สวัสดีค่ะท่านผู้ปกครองผู้น่ารักทุกท่าน! ชื่ออะไรกันคะ?

     

    : ชื่อเพิลค่ะ XD

     

     

    ทำไมถึงมาสมัครเรื่องกับบทนี้คะ?

     

    : หลงรักคิเสะคุงมานานแล้วล่ะค่ะ(?)

     

     

    ถ้าไม่ติด อนุญาตให้เรายัดบทตัวประกอบไหมเอ่ย?

     

    : ได้เลยค่ะ

     

     

    ขอนิยามลูกสาวท่านหน่อยค่ะ~

     

    : สาวนิ่งผู้มั่นใจดั่งหินผา(?)ค่ะ ทำไมเหมือนชื่อหนังจีน

     

     

    คิดว่าตัวเองปั่นดีรึยังคะ? มีความในใจ (?) อะไรอยากจะสารภาพไหม— *โดนตบ*

     

    : เต็มที่ที่สุดของเราแล้วล่ะค่ะ ถึงเราจะปั่นแบบมึนๆก็ตามที แต่ก็ยินดีที่จะแก้ไขให้ตามที่บอกนะคะ

     

     

    ที่นั่งมันน้อย ถ้าไม่ติดอย่าต้มมาม่าในนิยายเราเลยนะคะ… (ไซร์ชอบยำยำมากกว่าค่ะ— แค่ก)

     

    : ไม่ต้มแน่นอนค่ะ เพราะเราก็ชอบกินยำยำเหมือนกัน---

     

     

    มีอะไรอยากสอบถามหรือเปล่าคะ? ถามมาตรงนี้ได้เลยค่ะ กี่ข้อก็ได้

     

    : ไม่มีอะไรจะถามค่ะ เอาเป็นว่าจะรอคอมเมนท์นะคะ XD

     

     

    Thank you

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×