คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [Miralkhor] Story 1: Started
"Good evening,
Hannie."
ฮันนาห์ถูกแน่งน้อย
เมดอันดับหนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลแอดดิสันปลุกให้หลุดออกจากภวังค์
หลังจากอ่านหนังสือในสวนที่มีต้นไม้ใหญ่และสารพันธุ์ไม้ดอกงดงามแข่งกันบานสะพรั่ง
เธอเข้ามาในตัวบ้านเมื่อฟ้าเริ่มมืด หมายมั่นลงมือทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง
ก็ต้องมาเคาะประตูห้องหนังสือเพื่อให้คุณพ่อตอบรับเสียก่อน
"Hi, dad." ฮันนาห์เปิดประตูเข้าไปทักทายเมื่อได้รับคำขาน
เธอเดินเข้าไปในอ้อมแขนที่เปิดกว้างต้อนรับลูกสาวตัวโตที่เตี้ยกว่าพ่อของตนเพียงสองเซ็นติเมตรเท่านั้น
แก้มแนบแก้มแสดงออกถึงความสนิทสนมของพ่อลูก "How was your day?"
"My day went very well, dear. Kinda fun. I think
maybe you want to be there with me so you could laugh at how ridiculous the
committee can be." ไมเคิลส่ายหัวเล็กน้อย "I
hope you are not too bored as you've to wait for the letter for such a long
time. I've got the letter from Mala."
"Not at all. Your books keep company with me
well." ฮันนาห์ยิ้มให้กับบิดา
พวกเขาพากันมานั่งบนโซฟาตัวใหญ่ในห้อง เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาคู่
ขณะที่ไมเคิลนั่งบนโซฟาเดี่ยวข้างๆ "Would you like to open the
letter now? I've waited for hours and I don't understand why I need to open it
with you."
"Sure thing." ยังไม่ทันที่ไมเคิลจะใช้มีดตัดซองจดหมาย
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ทันที่ประมุขของบ้านจะอนุญาต
คนเคาะก็ถือวิสาสะเปิดเข้ามา เดาได้ไม่ยากว่านั่นคือฮันเตอร์ บุตรชายคนโตของนายไมเคิลและนางดาราราย
หนุ่มหล่อตามวัย 20 ปีเผยรอยยิ้มสดใสเมื่อเป้าหมายของเขาอยู่ที่เดียวกันทั้งคู่
"Hey, dad. Hey, honey pie." ฮันเตอร์เดินด้วยท่าทางงดงามผึ่งผายเข้ามา
ฮันนาห์ลุกขึ้นเพื่อรับอ้อมกอดจากพี่ชาย
"Hi, Hunter. I thought you would stay at your dorm through
the weekend."
"Can't blame me. I miss my pumpkin."
"Aw, don't talk shoot."
"Watch your language, Hannie"
"Ahem, sorry to interrupt sibling 'bonding' time. But I'm
sure you have an important thing to say, Hunter." ไมเคิลปรามบุตรทั้งคู่
แม้จะพูดจาว่าร้ายใส่กัน
แต่ตอนนี้สองพี่น้องนั่งข้างกันโดยที่ฮันเตอร์ยังคงกอดน้องสาวไม่ห่าง "And,
yes, watch your language, Hannie"
"Oh, mom just want to make sure I make a video call while
Hannie tell us a good news." ผู้เป็นพี่หัวเราะ "Let's
do this together, okay, pumpkin?"
"Sure." ฮันนาห์ตอบ
เธอเองก็ไม่ได้คุยกับแม่มานานแล้วเช่นกัน "Where is she?"
"With Delilah."
ฮันเตอร์หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตนขึ้นเพื่อต่อสายหาผู้เป็นแม่
ไม่นานนักหน้าจอก็ปรากฏภาพของหญิงสาววัยกลางคนตัดผมสั้นสีดำ
ใบหน้าสวยเฉี่ยวแย้มยิ้มสวยงามให้กับภาพตรงหน้า ดารารายส่งจูบให้ทุกคน
"สวัสดียามเย็นค่ะ ไมเคิล ฮันเตอร์ ฮันนี่
คิดถึงทุกคนจังเลย"
เสียงหัวเราะที่มาตามสายส่งผลให้ทุกคนในห้องยิ้มตามได้ไม่ยาก
"เป็นยังไงบ้างคะ ฮันนี่ เปิดดูจดหมายหรือยัง?"
"ยังค่ะคุณแม่
กำลังจะเปิดแต่พี่ฮันเตอร์เข้ามาพอดี คุณแม่สบายดีนะคะ? ช่วงนี้ที่อังกฤษหนาว
บอกไลลาให้ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
"ฉันดูแลตัวเองและแม่ดีอยู่แล้ว"
เสียงแหลมของน้องสาวลอดเข้ามา
สำเนียงภาษาไทยแปร่งหูเกิดขึ้นจากการพูดภาษาไทยไม่บ่อยนัก "เธอนั่นแหละที่ต้องดูแลตัวเอง
เพราะจะเปลี่ยนโรงเรียนอีกแล้ว"
"ขอบใจไลลา ฉันดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว"
กลอกตาใส่น้องแม้ว่าอีกฝ่ายน่าจะมองไม่เห็นก็ตาม
"เมื่อไหร่หนูจะได้เปิดดูผลคะ?"
"เปิดเลยก็ได้" ไมเคิลพูด
สำเนียงภาษาไทยของเขาชัดเจน บ่งบอกถึงความยาวนานในการใช้งานและการฝึกอย่างหนัก
"ไหนดูสิ"
ฮันนาห์และฮันเตอร์ชะโงกหน้าดูเนื้อความในจดหมาย
มือของฮันเตอร์ปรับเพื่อให้ดารารายได้มองเห็นจดหมายชัดก่อนจะร้อง 'วู้วววว' ออกมาอย่างดังคลอกับเสียงปรบมือที่แว่วมาจากโทรศัพท์
ในขณะที่ฮันนาห์เพียงยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
"เก่งมากลูกรัก"
ไมเคิลคว้าฮันนาห์มาจูบที่ขมับเบาๆ อย่างรักใคร่ เธอกอดคุณพ่อตอบ
และผละออกตอนที่พี่ชายคว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด จูบขมับของเธออีกข้าง
"I know you can enroll in this academy easily."
"Aw, Hunter. You don't have to love me this much."
"What? Did I say I love you? No, no, no. You know you're
adopted."
"YOU are adopted."
"Hunter!" ดารารายตะโกน
"อย่าพูดกับน้องแบบนั้นสิคะ เอ๊ ก็โตกันแล้วนะ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ เลย"
"แต่ยินดีด้วยนะคะ ฮันนี่ หนูเก่งมากค่ะลูก
แม่ภูมิใจในตัวหนู"
"ทำไมแม่ไม่เคยอ่อนโยนกับผมเลยอะ?"
ทั้งสามหัวเราะพร้อมกัน
ภาพในโทรศัพท์ตัดเป็นใบหน้าหยดย้อยของเดไลลาห์
น้องสาวคนเล็กของบ้านที่คงโตขึ้นมาสวยกว่าพี่สาวอีกกระมัง "ยินดีด้วยนะเธอ
ถ้ากลับไทยรอบนี้ค่อยฉลองละกัน"
"ขอบใจเธอมาก เรียนเป็นไงบ้าง"
"น่าเบื่อ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ"
"ดีเลยแม่อัจฉริยะ
ลาออกมาช่วยพี่ทำสตาร์ทอัพดีกว่าไหม?" ฮันเตอร์พูดราวแขวะ
"เอ๊ะ ทำไมฮันเตอร์ต้องแขวะหนูอยู่เรื่อย ไปไกลๆ
เลยไป"
"โทษที แต่นี่คือสายแม่ และแม่อยากคุยกับพี่
เสียใจนะสาวน้อย"
"เลิกเถอะพี่ฮันเตอร์"
ฮันนาห์ตีแขนพี่ชายเป็นเชิงห้ามปราม
ปล่อยให้ฮันเตอร์ยักไหล่และไปดูลิสต์ของที่ต้องเอาไปโรงเรียนให้
"ตั้งใจเรียนเถอะ เกรดตกลงมาตั้ง 0.03 ก็บ่นใหญ่เลยไม่ใช่หรอ"
"อันนั้นเพราะคุณกรีนลำเอียง ฉันเลยได้แค่ B+
ให้ตาย ขยะแขยงเวลาต้องเรียกเขาว่าคุณ
ฉันไม่เหลือความเคารพให้เขาแล้ว"
“ถ้าแม่ได้ยินคงบ่นเธอตาย"
"ใช่ เพราะฉะนั้นฉันจะส่งสายต่อให้แม่
วันนี้ฉันมีนัดไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อน บายฮันนี่
ไปโรงเรียนใหม่ก็หัดผูกมิตรกับคนอื่นซะบ้างนะ เพื่อนเธอน้อยจนเป็นห่วงอนาคตเธอจริงๆ"
"ห่วงเรื่องของตัวเองเถอะไลลา"
ฮันนาห์คุยกับคุณแม่ของตนได้สักพักก็ต้องวางสายเพราะเธอจะออกจากบ้านที่อังกฤษเพื่อไปดูงานพร้อมกับไปส่งลูกสาวคนเล็กที่ลานโบว์ลิ่ง
เมื่อเธอวางสาวก็พบกับคุณพ่อและฮันเตอร์ที่วางสีหน้าขี้เล่นลง
ตอนพี่ชายเธอทำหน้าจริงจังน่ะดูดีไม่หยอก
"เดี๋ยวเรื่องชุดนักเรียน
โน้ตบุ๊คกับค่าใช้จ่ายพี่จะจัดการให้ น้องเตรียมแค่ของใช้ส่วนตัวก็พอ
ในใบนี่บอกให้จัดการอะไรเกี่ยวกับแอปในมือถือด้วย จัดการไปก่อนละกันนะ"
ฮันเตอร์กล่าวพลางคว้าเธอมาจูบขมับอีกรอบ "ตั๋วเต๋อก็อย่าห่วง
ไปเรียนตั้งลำปาง กลับบ้านมาบ่อยๆ ไม่ได้แล้วสิ สมน้ำหน้า"
"อย่างกับพี่กลับบ้านบ่อย"
ฮันนาห์กอดพี่เธอแน่นๆ อีกครั้ง "ขอบคุณสำหรับการจัดการค่ะ
รักพี่เหมือนกัน"
"เกลียดเธอจ้าน้องสาว"
ฮันเตอร์กล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้อง ปล่อยให้เธอหัวเราะคิกคัก
ไมเคิลส่ายหัวให้กับความซนของลูกๆ ของตน
"อยากจัดการเรื่องแอพลิเคชั่นในนี้หรือเปล่า?"
เขาถามบุตรสาว เธอพยักหน้ารับ
"ดูกับคุณพ่อก็ได้ค่ะ"
คนอื่นคงเป็นงงน่าดูเมื่อได้ยินคำไทยสลับภาษาอังกฤษวุ่นวายขนาดนี้
แต่มันกลายเป็นความเคยชินของบ้านหลังนี้ที่ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา
เป็นความหลากหลายที่น่ารักอย่างน้อยก็ในความคิดของเด็กสาว
มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนของเธอขึ้นมา
ในใจไม่ค่อยชอบใจกับระบบที่บีบบังคับให้เธอโหลดอะไรนักหนาเข้าโทรศัพท์ ขอโทษที
ในมือถือเธอมีเพียงไม่กี่แอพลิเคชั่นเท่านั้นเนื่องด้วยเธอไม่ค่อยได้ใช้งานมัน
ฮันนาห์หยิบแว่นที่คล้องอยู่มาสวมและเริ่มสแกนคิวอาร์โค้ด
เมื่อดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นลงสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกับพี่ชายเรียบร้อย
เธอก็เปิดมันขึ้นมาดู
"Hmm, the UI is really user-friendly." พ่อของเธอชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย
ก่อนพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย
"Good. This is what you can expect from this school."
ฮันนาห์ฮัมในลำคอ อ่านรายละเอียดในแอพลิเคชั่นแล้วก็ต้องหัวเราะหึ
"เพื่อนแก้เหงาหรอ...."
"You don't want a friend?" ไมเคิลแหย่ลูกสาว
ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมดูผ่อนคลายตอนเขายิ้มอย่างอ่อนโยน "Thought you
need one."
"No,
I don't think I REALLY need one." ฮันนาห์ล็อคอินเข้ามาที่หน้าสร้าง
EZIPAL "Dad, you think how is it pronounced? เอ-ซิ-ปาล or
เอซ-ปาล?"
"Hmm,
maybe เอ-ซิ-ปาล"
"Ha, they should put a phonetic just for people
like me." ฮันนาห์ขำเล็กน้อย "Look, I can design
my personal assistant. Well, do we really need this thing?"
"Somebody doesn't have super memory like you, Hannie. I think
it seems fun."
"Whatever." ฮันนาห์เริ่มปรับแต่งผู้ช่วยของเธอ
"Too much cartoonist, eh? I don't think I like this design. Too
cute for me."
"What are you? A goth?"
"Do I look like a goth? No, if my PA would be anything. They
should be something that look responsible, you know. They need a serious look.
Ah, thank God. I can create a realistic cat!"
"Congrats."
ฮันนาห์หันไปมองค้อนกับคำประชดประชันของพ่อ ชายวัยกลางคนเพียงยักไหล่ใส่ขำๆ
"Serious,
responsible, meticulous. Three perfect traits." เด็กสาวดันแว่นขึ้น
"What should I name him?"
"Oh, it's a him." ไมเคิลเหลือบมองแมวสามสีที่มีหน้าตาเคร่งขรึม
สมกับที่ลูกสาวเขาชื่นชอบ "What is your interest recently?"
"Hmm,
I think I'll call him Gin."
คุณพ่อหรี่ตามองลูกสาว "You're into drinks right now? What in the world?"
"I just take a look on your cocktail recipe, dad. I think
it's interesting. They use G but pronounced as ยิน. Like ยีราฟ. Don't you think it's a good name?"
"And it's just one syllable. Suit your preference."
"I
decided not to take any offense today. You're lucky."
ไมเคิลหัวเราะเต็มเสียงกับความปากร้ายของบุตรี
เขาลูบหัวเธอเบาๆ "Mala said you're gonna
cook for dinner. I think you should start packing your things instead."
"Nah, my things is kinda ready. I finish it like 80%. So, I
will keep going with my plan."
"If you say so, looking forward it."
"Dinner's ready at seven!"
"Sure, my dear."
===========
การจัดการสัมภาระไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฮันนาห์
เธอมีส่วนของที่จะใช้ประจำและของที่จะนำไปอยู่แล้ว
อันที่จริงพอไปทำข้อสอบเสร็จสองวันเธอก็เริ่มจัดเมื่อมั่นใจว่าตนต้องได้เข้าไปเรียนที่มิราลครแน่ๆ
นอกจากนั้น หากขาดเหลืออะไรก็ให้ที่บ้านส่งไปให้ได้เสมอ ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา
กับระยะทางแค่กรุงเทพถึงลำปาง
ที่เหลือก็คงเป็นเรื่องการจัดการความรู้สึก มาลาจู่ๆ ก็ร้องไห้
พร่ำบอกว่าฮันนา หทัยทิพย์เมื่อตอนนั้นได้โตเป็นสาวสวยสะพรั่งและจะจากไปไกล
พาให้แน่งน้อยน้ำตาคลอเบ้า และศักดาคนขับรถประจำของเธอน้ำตาแตกอย่างไม่อายใคร เธอเข้าไปสวมกอดทีละคนพลางรับปากว่าจะกลับมาเยี่ยมหาบ่อยๆ
ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ว่ายุคนี้เรามีโทรศัพท์แล้วหรือไง
แต่ก็คงสู้เห็นตัวจริงกันทุกวันไม่ได้
หลังจากร่ำลากันเสร็จ
ฮันเตอร์อาสาไปส่งน้องสาวด้วยตัวเอง รวมถึงไมเคิล
แอดดิสันที่ตัดสินใจโดดประชุมกับมหาวิทยาลัยที่ตนเองประจำเพื่อไปส่งลูกสาว
เธอนั่งคู่กับพี่ชายที่ลงทุนขับรถด้วยตัวเอง
ระหว่างทางพี่ชายที่น่ารำคาญของเธอจับมือเอาไว้ตลอดทางจนเธอต้องแว้ดให้เขาจับพวงมาลัยดีๆ
"เหงานักก็ไปหาแฟนเสียทีสิคะ
มาวอแวอะไรกับน้องนัก อยากให้ไลลากลับมาจริงๆ"
"ไม่ต้องห่วง แกล้งน้องทั้งคู่สนุกเสมอแหละ" เขาขยิบตาให้น้องสาว
คว้ามือนุ่มนิ่มของน้องไปเล่นอีกครั้ง "แล้วใครว่าพี่ยังไม่มีแฟน?"
ฮันนาห์ตาโต "พามาพบบ้างสิคะ อยากรู้จริงๆ
ใครคือคนที่โชคร้ายคนนั้น"
"ให้มันน้อยหน่อยเถอะนะ หวาย
เผลอหลุดปากบอกพ่อไปแล้วสิ ทำไงดี?" ฮันเตอร์เหลือบดวงตาขี้เล่นไปที่กระจกหลัง
มองใบหน้าเคร่งขรึมคลี่ยิ้มบางๆ ภายใต้หนวดเคราที่เป็นระเบียบ
"ถ้าไม่รู้สึกผิดจริงๆ ก็อย่าพูดออกมาเลย
ดูท่าคนคนนั้นจะป็นผู้โชคร้ายจริงๆ"
ฮันเตอร์แสร้งทำหน้าเจ็บปวดให้ครอบครัวหัวเราะอีกครั้ง
ไม่นานนักรถก็เลี้ยวเข้าสนามบินทำเอาฮันนาห์ใจหายเล็กน้อย
ไมเคิลช่วยเธอเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบลง ฮันเตอร์สะพายกระเป๋าข้างให้
วันนี้เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่ไม่ต้องทำอะไรเลย สะพายแค่กระเป๋าติดตัวหนึ่งใบเท่านั้น
ทั้งสามคนเดินไปยังเคาน์เตอร์เช็คอิน
เรียบร้อยแล้วก็พากันมาส่งที่ทางเข้า
"ตอนไปถึงเพื่อนพี่น่าจะรออยู่แล้ว
เขาชื่อรินลดานะ ตัวเล็กๆ ผมสีชมพู จำได้ใช่ไหม?" ฮันนาห์พยักหน้าหงึกหงัก
"คอนแทคส่งให้แล้วในไลน์ ไปดูเอา มีอะไรก็โทรมาละกัน รักนะคะฮันนี่
พัมพ์กิ้นพาย"
พี่ชายคว้าตัวไปกอดแน่นเสียจนเธอต้องร้องประท้วง
เขายังติดเล่นไม่เปลี่ยน ฮันนาห์แลบลิ้นใส่พี่แล้วเข้าไปกอดคุณพ่อบ้าง
"ดูแลตัวเองนะคะคุณพ่อ I love
you so much. I will call you every day."
"Ah, don't call me every day. Live your life, Hannie. I bet
there will be so much to do and so much more interesting than make a call with
your family. You can't do philosophy by yourself, remember?"
"Yes,
dad." ฮันนาห์น้ำตาคลอ ไม่เข้าใจว่าเดไลลาห์ทำใจไปอยู่อังกฤษด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
(แม้ว่าพ่อกับแม่จะบินไปบ่อยๆ ก็ตาม)
"Don't
cry, pumpkin. You don't wanna see your brother cry a river." ฮันนาห์หัวเราะเมื่อฮันเตอร์ตาแดงๆ ใช่
พี่ชายของเธอขี้แยกว่าใครเพื่อนนั่นแหละ
"Just
like when you saw Delilah go. Don't cry. It's just ลำปาง!"
"So go have fun, darling. See you again next time."
"See
ya. I love you guys."
"Me too, pumpkin, me too."
"Bye!"
ฮันนาห์หอมแก้มบุคคลที่เธอรักทั้งสอง
เมื่อคืนเธอได้บอกแม่และไลลาเรียบร้อย โบกมือลาทั้งคู่อีกครั้ง
ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าเกทเพื่อนั่งรอความเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหม่ที่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง....
(ยะ
ยาวกว่าที่คาดมากๆ ขออภัยค่ะ ฮา TvT)
ความคิดเห็น