ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ↕ DIAMOND HEART ↕

    ลำดับตอนที่ #17 : [15] you liar - Nerissa K. Orlando

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 63



    [ you lair ]


                หากมองย้อนกลับไป เนริสซ่าพบว่าตัวเองไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไปนัก..

                หรืออย่างน้อยที่สุด, พ่อบุญธรรมของเธอนั้นก็ทำให้เนริสซ่าเติบโตขึ้นมา 'พิเศษ' กว่าเด็กคนอื่นมากนัก


                "สวัสดีเนริสซ่า" เสียงของชายวัยกลางเอ่ยกล่าวกับเธอ เขาอายุราวสักห้าสิบกว่า มีใบหน้าภูมิฐานน่าเคารพที่ชวนให้ย่ำเกรงในดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น เด็กหญิงยืนอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย พยายามคลี่ยิ้มเก้กังในขณะที่เขาฉายแววถูกใจในรอยยิ้มของเธอ

                "สวัสดีค่ะ" เด็กหญิงวัยสิบสามตอบกลับเสียงแผ่ว พยายามสูดหายใจลึกเพื่อเรียกความั่นใจ "คุณพ่อ" และเรียกเขาด้วยสรรพนามไม่คุ้นเคยนั้น

                แต่เดิมเเล้วเนริสซ่าไม่มีพ่อ..เขาตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนจากอุบัติเหตุทางเรือ มีแค่แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาจนป่านนี้

                "ฉันดีใจที่เธอเรียกฉันแบบนั้นนะ" ได้ยินเสียงเขาเอ่ยออกมา ในขณะที่เด็กหญิงวางมือลงบนมือหนาหยาบที่ยื่นมาให้เธอจับ พวกเราทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับพระราชวังตรงหน้า "และขอบคุณมากด้วยที่ยอมมาเป็นลูกสาวของฉัน"

                ในตอนนั้นเธอยังคงเลือกที่จะยิ้ม แม้จะรู้สึกเก้กังกับสิ่งใหม่ ๆ นี้ไม่หายก็ตาม..


                อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปจากเดิม

                ใช่..มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อประมาณสองเดือนก่อน, ตอนที่บ้านของเธอล้มละลาย และแม่ก็ฆ่าตัวตาย

                เนริสซ่าเหลือตัวคนเดียวโดยปราศจากทรัพย์สินหรือกระทั่งบ้านให้กลับ จนกระทั่งเธอได้มาเจอกับ 'กาเร็ธ ออร์แลนโด' ชายวัยกลางพบเธอที่สถานสงเคราะห์ซึ่งทางตำรวจเอาตัวเธอไปฝากไว้ เนื่องจากเธอไม่มีญาติคนอื่น ๆ ที่สามารถติดต่อได้ในตอนนี้อยู่เลย

                'ฉันมีคำถามจะถามเธอเด็กน้อย' นั่นคือประโยคแรกที่เขาเอ่ยกับเธอ 'อะไรคือสิ่งที่จะทำให้ผู้คนเชื่อฟังเราได้มากที่สุด?'

                เนริสซ่าในตอนนั้นไม่รู้มาก่อนว่ามันคือคำถามที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเธอ เด็กน้อยเพียงแค่ครุ่นคิดมันอย่างจริงจังเพราะรู้สึกวางใจในรอยยิ้มของชายวัยกลาง ก่อนจะมอบคำตอบให้กับเขา 'ความซื่อสัตย์ค่ะ'

                'แล้วเธอจะทำยังไงให้พวกเขาซื่อสัตย์กับเธอล่ะ'

                คำถามที่สองดังขึ้น แต่เนริสซ่ากลับส่ายศีรษะ 'หนูหมายถึงตัวหนูเอง' เธออธิบายความคิดของเธอต่อ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนตรงหน้า 'ถ้าหากคุณลุงซื่อสัตย์และจริงใจกับคนของคุณลุง ผูกพันกันเหมือนครอบครัว..พวกเขาก็จะเชื่อฟังคุณลุง'

                เพราะสถานที่ที่มนุษย์ไว้ใจได้มากที่สุดสำหรับเนริสซ่า, ก็คือบ้านที่มีครอบครัว

                และคำตอบของเธอ มันสร้างรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าให้กับเขา ชายวัยกลางหัวเราะคล้ายชอบใจ กาเร็ธลูบศีรษะเธอเบา ๆ แล้วตัดสินใจที่จะเอ่ยถามเธออีกครั้งด้วยคำถามที่ทำให้เธอเบิกตากว้าง

                'แล้วถ้าหากฉันอยากให้เธอมาเป็นครอบครัวของฉัน เธอจะว่ายังไงล่ะ?'


                เนริสซ่าน่ะเป็นเด็กฉลาด เธอมีความคิดที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังเป็นยังมีจิตใจที่ดีต่อคนอื่น..แต่ก็ไม่ใช่คนใจอ่อนที่จะยอมให้ใครเขามาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ โดยพื้นฐาน

                บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมกาเร็ธถึงบอกว่าเธอเหมาะสมกับบ้านของเขามากกว่าสถานสงเคราะห์ไร้อนาคตนี่

                ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่า 'บ้านของเขา' น่ะเป็นยังไง

                แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใหญ่โตจนเหมือนกับพระราชวังขนาดนี้

                "ถูกใจรึเปล่า" กาเร็ธถามเธอ แน่ล่ะว่าเนริสซ่าคงไม่กล้าตอบว่า 'ไม่' หรอก "หลังจากนี้ที่นี่คือบ้านของเธอ ออร์แลนโดเองก็จะถูกใส่ไว้ภายในชื่อของเธอ" เขาบอกกับเธอแบบนั้น และแนะนำเธอให้กับคนอื่น ๆ ในตระกูล

                "สักวันเมื่อเธอโตขึ้น เธอจะต้องรับช่วงต่อจากฉัน"

                นั่นคือข้อตกลงแรกในฐานะ 'ลูกสาว' ของเขา


                กาเร็ธ ออร์แลนโด เป็นมหาเศรษฐี เขาร่ำรวยติดอันดับสามของโลก ทว่ากลับไม่มีบุตรมาไว้สืบทอดสกุล..นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชายวัยกลางถึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กเพื่อให้มาเป็นลูกบุญธรรม และเนริสซ่าก็คือคนที่ถูกเลือก

                ตอนแรกเด็กหญิงนั้นค่อนข้างไร้เดียงสา ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ยังเป็นแค่เด็ก จึงไม่ค่อยรู้ทันใครเขานัก

                "เกลียดอะไรมากที่สุด" เขาถามเธออีกครั้ง

                "คราบสกปรกค่ะ" เนริสซ่าตอบไปตามตรง ทำหน้ามึนงงเล็กน้อยตอนเห็นพ่อบุญธรรมหัวเราะขบขัน "เอ่อ..ถ้างั้นเอาเป็นคนโกหกก็ได้" นั่นเธอก็เกลียดมากเหมือนกัน ไม่ชอบเลยล่ะตอนที่ถูกโกหกใส่น่ะ

                กาเร็ธยิ้มออกมา ดูพึงพอใจกับคำตอบในที่สุด

                "งั้นเธอก็ต้องเรียนรู้ที่เข้าใจมันให้ดีที่สุด"

                ก่อนที่วันต่อมา เขาจะพาเธอไปทำความรู้จักกับญาติ ๆ ของเขา..คนพวกนั้นเมื่อเห็นเธอก็ส่งยิ้มให้ เอ่ยทักทายและชมเชยให้ความน่ารักของเด็กหญิง แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ถึงรู้สึกว่าแววตาพวกนั้นไม่จริงใจเอาซะเลย..

                ตอนที่บีบมือกาเร็ธเบา ๆ เพื่อบอกเขาว่าเธออยากกลับเเล้ว ชายวัยกลางก็ตอบกลับมาว่า "จำซะ"

                เมื่อเติบโตขึ้นเเล้วลองมองย้อนกลับไป เนริสซ่าในตอนนั้นไม่ได้ทำความเข้าใจได้ในทันที..ทว่าเธอก็เริ่มเรียนรู้ จดจำอย่างที่ชายวัยกลางได้บอกให้เด็กหญิงจำ..บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ ผลประโยชน์ และความกระหายในอำนาจ นั่นคือหลุมบ่อรวม 'คำโกหก' คำโตที่เน่าเหม็นที่สุด

                

                ชีวิตในบ้านหลังใหม่..จะว่าสุขสบายมันก็ใช่ แต่จะบอกว่าไม่มีอะไรเลยก็คงพูดแบบนั้นไม่ได้

                อย่างน้อยทุกเช้าก็ต้องได้ลับสมองและฝีปากกับคนเป็นพ่อ

                "เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเขาโกหก"

                "มองเข้าไปในแววตา" เนริสซ่าตอบ "มันสื่ออารมณ์ได้ดีที่สุด"

                "โอ้ ใช่ แน่นอนว่าถูกต้อง" แต่เหมือนว่าผู้เป็นพ่อจะยังไม่ถูกใจในคำตอบสักเท่าไหร่ "แต่รู้รึเปล่า? บนโลกนี้มีสิ่งที่เรีกยว่าโปกเกอร์เฟส"

                เนริสซ่าขมวดคิ้ว ตอนนั้นเธออายุสิบสาม ยังไม่เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ เธอจ้องสายตาไปที่พ่อบุญธรรมและหวังว่าเขาจะอธิบายให้เธอฟัง แต่กาเร็ธกลับเงียบเฉย นั่นทำให้หลังจากมื้อเช้าวันนั้น เนริสซ่าต้องวิ่งเข้าไปในห้องสมุดของตัวบ้าน แล้วค้นหาหนังสือเกี่ยวกับ คำโกหก และ จิตวิทยา มาอ่านเพิ่ม

                กาเร็ธน่ะชอบพูดถึงเรื่องบางเรื่องที่เธอนึกไม่ถึง แล้วก็ไม่ยอมเฉลยมันออกมาสักที..เลยกลายเป็นว่าเนริสซ่าต้องเป็นฝ่ายวิ่งเต้นหาคำตอบเอง เด็กหญิงคาใจเกินกว่าจะปล่อยมันไปทั้งอย่างนั้น ไป ๆ มา ๆ ก็จบลงด้วยการที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องมากมายจนมีความรู้ติดตัวอยู่เต็มไปหมด

                เขาว่าเด็กน่ะจะไม่อยากเรียนถ้าเราไปบังคับ..แต่จะตั้งใจเรียนได้มากขึ้นถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายเลือกตัดสินใจเอง

                โตขึ้นมาสักหน่อยแล้วถึงได้เริ่มรู้ตัวเอาน่ะสิ ว่าโดนพ่อบุญธรรมหลอกล่อไปซะเยอะขนาดไหน..


                เนริสซ่ามีเพื่อนใหม่อยู่สองคนหลังจากที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลออร์แลนโด

                ทั้งคู่เป็นเด็กผู้ชายที่อายุมากกว่า คนหนึ่งอารมณ์ร้อนไปสักหน่อยแต่ก็นิสัยดีและมุมที่น่ารัก ส่วนอีกคนออร่าออกตั้งแต่เด็กว่าเพลย์บอยแถมเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แต่ข้อดีของเขาก็คือฉลาดที่มากมายจนน่ากลัวนั่น..พอย้อนกลับไปคิดก็แอบงงเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นสนิทกันได้

                แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นเรื่องดีที่เธอเริ่มมีเพื่อนกับเขาได้สักที และหลังจากวันนั้น พวกเราเองก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ เติบโตมาด้วยกันทั้งแบบนั้น

                เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผูกพันลึกซึ้งระหว่างกัน หากก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่านั้น

                "รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ" นั่นคือตอนที่พ่อบุญธรรมบอกกับเธอตอนที่เขาเห็นเด็กหญิงกลับมาจากการไปเดินเล่นกับเพื่อน ๆ ทั้งสอง "เพื่อนที่สนิทกันถึงขนาดเป็นสายสัมพันธ์พิเศษ..เธอก็รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ?"

                เนริสซ่าผงกศีรษะรับ เธอเข้าใจในสิ่งที่พ่อบุญธรรมต้องการสื่อเป็นอย่างดี

                แต่ที่เพิ่มเข้ามา..ก็คือเรื่องที่เผลอคิดไปคนละทางสักนิดหน่อยตรงที่เนริสซ่าดันเข้าใจคำว่า 'รักษาไว้ให้ดี' นั้นหมายถึง 'การปกป้อง' ไปซะแทน

                เอาเถอะ — มันไม่ใช่เรื่องแย่สักหน่อยนี่นะ?


                บ้านหลังใหม่ที่แสนใหญ่โต อาหารดี ๆ กับเสื้อผ้าสวยงาม ความอบอุ่นจากคนรอบข้างที่เอ็นดูและรักในนิสัยของเธอนั้นเข้ามาทดแทนความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่แท้ ๆ ไป และพ่อบุญธรรมคนนั้นก็ช่างคอยเอาใจใส่ คอยสั่งสอนเธออยู่ไม่ให้ขาดไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม

                เนริสซ่าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี..ชีวิตของเธอนั้นโชคดีมากเลยทีเดียว

                ทว่า — เธอก็ลืมนึกไปเช่นกันว่าชีวิตของเธอมันไม่ได้เรียบง่ายถึงขนาดนั้น


                หายใจไม่ออก

                เป็นความรู้สึกแรกที่ทำให้ร่างรู้สึกสั่นเทา หวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ท่ามกลางความมืดที่ทำให้ดวงตาบอดสนิท ลำคอสัมผัสได้ถึงความหยาบของเชือกป่านที่รัดลงมา แรงมหาศาลรั้งบีบเนื้อนุ่ม ต่อให้จะตระกายนิ้วลงไปจนเล็บแทบถลอก ก็ไม่หลุดออกมาง่าย ๆ

                "ถ้าแกไม่เข้ามาล่ะก็.."

                เสียงกระซิบที่ดูเหมือนกำลังเพ้อพกกับตัวเอง ใครสักคนที่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเพราะน้ำเสียงหวานที่แหบต่ำลงอย่างน่ากลัวด้วยแรงริษยา เนริสซ่าจำได้ว่ามันเป็นเสียงของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของกาเร็ธ เธอมีลูกชายคนหนึ่ง และเขาเคยเป็นคนที่จะสืบทอดสกุล

                ขอแค่ไม่มีเนริสซ่า

                ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งทรมาน เด็กสาววัยสิบห้ารู้ตัวได้ในทันทีว่าเธอกำลังจะตาย

                'เราไม่สามารถไปถึงจุดยอดสุดได้ด้วยแค่ความเมตตาหรือความซื่อสัตย์' พลันเสียงของกาเร็ธดังขึ้นในหัว โดยที่เธอได้เเต่สับสนและรู้สึกว่าโลกมันพลิกกลับด้านมากขึ้นทุกที 'เพราะโลกน่ะโหดร้าย..ถึงได้ต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะมัน'

                มันไม่มีอะไรสวยงามไปทุกอย่าง ชีวิตไม่มีวันเรียบง่าย

                โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอไม่ใช่แค่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว

                เนริสซ่าปล่อยมือออกจากบ่วงเชือกที่กำลังรัดลำคอของเธอ หญิงสาวคนนั้นคงกำลังได้ใจที่เห็นเด็กน้อยกำลังจะตาย ทว่าท่ามกลางความมืดนั้น ปลายนิ้วเธอคลำไปเรื่อย ๆ ตรงบริเวณใต้ฝูกปูตรงหัวเตียง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะคม

                กำมันแน่น — แล้วหยิบมันออกมาปาดลงไปบนมือของคนที่รั้งเชือกป่านอยู่บนลำคอของเธอทันที

                "กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!"

                เป็นครั้งแรกที่เนริสซ่าได้กลิ่นสนิม

                มันสกปรก ชวนอาเจียน..หากแต่ก็ไม่น่าคลื่นไส้เท่าผู้หญิงหลอกลวงที่ต่อหน้ายิ้มแย้มให้กัน แต่ลับหลังกลับคิดฆ่ากันให้ตายหรอก..


                เมื่อก่อนนั้นเนริสซ่าเคยเป็นสีขาวสะอาดอย่างที่เด็กน้อยคนหนึ่งควรจะเป็น

                และเป็นพ่อบุญธรรมของเธอเองที่เริ่มหยดหยดสีต่าง ๆ ลงมาบนผืนผ้าสีขาวสะอาดผืนนั้น..


                "จะทำยังไงต่อ"

                กาเร็ธถามเธอ ในขณะที่ตรงหน้าเราคือสมาชิกภายในตระกูลที่ถูกปลุกขึ้นมาจนหมด เพื่อมาดูหน้าของหญิงสาวที่โดนการ์ดรวบตัวเอาไว้ และกำลังมองเธอด้วยสายตาวอนขอ..ไม่ต่างจากลูกชายของเขาเลย

                สองปีหลังจากที่เข้ามาอยู่ในตระกูลออร์แลนโด — เนริสซ่าเรียนรู้ว่ามันไม่เหมือนกับบ้านหลังเก่าที่เคยอาศัย

                ความตายไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดสำหรับที่นี่..โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 'เมืองไร้นาม' นี้ที่เราเข้ามาอาศัย

                "เนริสซ่า!" เด็กสาวช้อนสายตาขึ้น หันไปมองคนที่ควรนับเป็นญาติผู้พี่ เด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเธออยู่สองปี เขากำลังมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน "อย่าทำนะ" เสียงที่แหบพร่า เขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเนริสซ่าเลือกจะเหนี่ยวไกปืนในมือเธอ

                กาเร็ธไม่พูดอะไรเลย เขายืนมองห่าง ๆ จ้องดูเหมือนกับที่ทุกคนจ้องมาที่เธอ

                เนริสซ่ารู้สึกว่าลำคอของเธอมันแห้งผาก น้ำลายเหนียวหนืด รู้สึกขมปร่าไปทั่วลิ้น

                "คุณน้า.." เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นน้า หล่อนเงยหน้ามองเธอแทบจะทันที ไม่เหลือแววอาฆาตในนั้นแล้ว มีก็แค่ความกลัวเท่านั้นเอง "ทำไม..ต้องทำแบบนี้ล่ะคะ" เธอถาม แต่ก็รู้ดีอยู่แก่อก

                เนริสซ่าอยากให้คนตรงหน้าสารภาพมันด้วยตนเอง

                "น้าขอโทษ" แต่เธอไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีของเธอที่จะยอมรับความโลภริษยาภายในตัว

                ลมหายใจสูดเข้าลึก พยายามสงบอารมณ์ที่เริ่มแปรปรวนในอก และตอนนั้น เนริสซ่าเลือกจะยิ้ม เป็นยิ้มที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่กับทำให้สองแม่ลูกเริ่มหายใจหายคอได้ เพราะคิดว่าจะไม่เป็นไร พวกเขาเริ่มยิ้มออกในที่สุด

                "ถ้าเกิดว่าฉันยกโทษให้..คุณน้าจะเลิกยุ่งกับเรารึเปล่าคะ"

                ก่อนจะหุบยิ้มแทบทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องสูญเสียสถานะทุกอย่างไปหลังจากวันนี้

                เหมือนกับน้ำท่วมปาก หล่อนพูดไม่ออก ทุกคนเองก็รู้ดีว่าคำตอบคืออะไร ไม่มีทางที่จะยอมเสียทุกอย่าง..แต่จะให้ยอมสละชีวิตไปก็คงยาก..ไม่นานนักหลังจากนั้น หญิงสาวที่ลอบกดจิกเล็บลงบนเนื้อหนังอย่างหมายระบายความโกรธเคือง แสร้งยิ้มเเล้วผงกศีรษะรับอย่างเชื่องช้า

                ชั่ววินาทีแรก ความคิดของทุก ๆ คนที่กำลังจ้องไปยังเนริสซ่านั้นได้แต่เอ่ยถามในใจ 'ว่าเนริสซ่านั้นจะมาได้แค่นี้น่ะเหรอ?'

                เก่งกาจ..สวยงาม..สมบูรณ์แบบ — แต่ไม่สามารถเหนี่ยวไกสังหารงูพิษได้ แล้วจะสามารถคุมคนได้อย่างไร?

                แต่ก็นั่นแหละ, มันก็แค่ขณะแรกเท่านั้น..

                ปัง!!

                กระสุนตะกั่วทะลุเข้ากลางหน้าผากของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่างูพิษ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของลูกชายเธอเอง และสายตาตื่นตกใจของทุกคน

                เนริสซ่าตัวสั่นระริก สั่นไปทั้งตัว โดยเฉพาะฝ่ามือ ลมหายใจของเธอแกว่งและหนัก สูดเข้าไปจนสุดขั้วปอด ก็ได้กลิ่นสนิมจากเลือดที่อาบท่วมพื้นพรมจนเปรอะเปื้อนไปหมดรวมถึงบางส่วนที่กระเด็นมาเปื้อนตัวเธอด้วย

                ฆ่าคนเป็นครั้งแรก กะระยะไม่ดีเสียจนทำให้เลือดพุ่งออกมาเปื้อนตัวขนาดนี้

                "คุณไม่ควรแสดงแววตาแบบนั้นออกมาเลย.."

                ..แต่กลับพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย

                "แก!!!"

                เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวในตอนที่ได้ยินเสียงอาฆาตมาดร้าย ทว่าภายนอกกลับนิ่งสงบกว่าที่คิด มือที่สั่นยกจับปืนในมือให้มั่นไว้ทั้งสองข้าง เนริสซ่ายกมันขึ้นจ่อหน้าคนที่วิ่งเข้ามา เขาชะงักเท้า ทำได้แค่กัดฟันกรอดในขณะที่ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ

                "ถอยออกไป ไนเจล" เสียงของเนริสซ่าแหบพร่า ดวงตาเธอแดงก่ำ "ออกไปจากบ้านของเราซะ"

                และนั่นคือคำสั่ง

                ทุกอย่างตกลงสู่ความเงียบ เป็นเวลาเกือบหนึ่งนาทีที่ ไนเจล ออร์แลนโด ทำได้แค่ยืนจ้องเธอด้วยสายตาอาฆาตแค้น หากไม่นานนัก เขาก็ต้องขยับฝีเท้า ในตอนที่เด็กสาวตัดสินใจขึ้นไกนก เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากเดินออกไปจากบ้านหลังนี้

                "เธอจะได้ต้องชดใช้ในสักวันแน่ ๆ เนริสซ่า"

                มันเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับเธอ ก่อนที่เนริสซ่าจะไม่ได้เห็นญาติผู้พี่คนนั้นอีกเลย..


                ในตอนแรกนั้นเนริสซ่าคือผืนผ้าไปสีขาว

                ก่อนจะเริ่มถูกเเต่งแต้มด้วยหยดสีต่าง ๆ..เป็นสีของห้วงอารมณ์มากมายจากมนุษย์

                โกรธ เศร้า เสียใจ หักหลัง ทรยศ

                "จดจำแล้วเรียนรู้ซะ" นั่นคือสิ่งที่พ่อบุญธรรมบอกกับเธอเสมอ


                พวกเขาบอกว่าเนริสซ่าไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่ตัวเธอนั้นกลับคิดว่าตนธรรมดาเสียยิ่งกว่าใคร

                เมื่อเติบโต สีขาวที่เคยเป็นมา ก็เริ่มถูกแต่งแต้มและกลายเป็นสีเทาที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ..

                เหมือนกับมนุษย์เราเอง..ที่ไม่อาจเป็นสีขาวไปได้ตลอดกาล


    "when you grow up, your heart dies."

    -Nerissa K. Orlando-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×