คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [15] you liar - Nerissa K. Orlando
[ you lair ]
หากมองย้อนกลับไป เนริสซ่าพบว่าตัวเองไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไปนัก..
หรืออย่างน้อยที่สุด, พ่อบุญธรรมของเธอนั้นก็ทำให้เนริสซ่าเติบโตขึ้นมา 'พิเศษ' กว่าเด็กคนอื่นมากนัก
"สวัสดีเนริสซ่า" เสียงของชายวัยกลางเอ่ยกล่าวกับเธอ เขาอายุราวสักห้าสิบกว่า มีใบหน้าภูมิฐานน่าเคารพที่ชวนให้ย่ำเกรงในดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น เด็กหญิงยืนอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย พยายามคลี่ยิ้มเก้กังในขณะที่เขาฉายแววถูกใจในรอยยิ้มของเธอ
"สวัสดีค่ะ" เด็กหญิงวัยสิบสามตอบกลับเสียงแผ่ว พยายามสูดหายใจลึกเพื่อเรียกความั่นใจ "คุณพ่อ" และเรียกเขาด้วยสรรพนามไม่คุ้นเคยนั้น
แต่เดิมเเล้วเนริสซ่าไม่มีพ่อ..เขาตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนจากอุบัติเหตุทางเรือ มีแค่แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาจนป่านนี้
"ฉันดีใจที่เธอเรียกฉันแบบนั้นนะ" ได้ยินเสียงเขาเอ่ยออกมา ในขณะที่เด็กหญิงวางมือลงบนมือหนาหยาบที่ยื่นมาให้เธอจับ พวกเราทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับพระราชวังตรงหน้า "และขอบคุณมากด้วยที่ยอมมาเป็นลูกสาวของฉัน"
ในตอนนั้นเธอยังคงเลือกที่จะยิ้ม แม้จะรู้สึกเก้กังกับสิ่งใหม่ ๆ นี้ไม่หายก็ตาม..
อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปจากเดิม
ใช่..มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อประมาณสองเดือนก่อน, ตอนที่บ้านของเธอล้มละลาย และแม่ก็ฆ่าตัวตาย
เนริสซ่าเหลือตัวคนเดียวโดยปราศจากทรัพย์สินหรือกระทั่งบ้านให้กลับ จนกระทั่งเธอได้มาเจอกับ 'กาเร็ธ ออร์แลนโด' ชายวัยกลางพบเธอที่สถานสงเคราะห์ซึ่งทางตำรวจเอาตัวเธอไปฝากไว้ เนื่องจากเธอไม่มีญาติคนอื่น ๆ ที่สามารถติดต่อได้ในตอนนี้อยู่เลย
'ฉันมีคำถามจะถามเธอเด็กน้อย' นั่นคือประโยคแรกที่เขาเอ่ยกับเธอ 'อะไรคือสิ่งที่จะทำให้ผู้คนเชื่อฟังเราได้มากที่สุด?'
เนริสซ่าในตอนนั้นไม่รู้มาก่อนว่ามันคือคำถามที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเธอ เด็กน้อยเพียงแค่ครุ่นคิดมันอย่างจริงจังเพราะรู้สึกวางใจในรอยยิ้มของชายวัยกลาง ก่อนจะมอบคำตอบให้กับเขา 'ความซื่อสัตย์ค่ะ'
'แล้วเธอจะทำยังไงให้พวกเขาซื่อสัตย์กับเธอล่ะ'
คำถามที่สองดังขึ้น แต่เนริสซ่ากลับส่ายศีรษะ 'หนูหมายถึงตัวหนูเอง' เธออธิบายความคิดของเธอต่อ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนตรงหน้า 'ถ้าหากคุณลุงซื่อสัตย์และจริงใจกับคนของคุณลุง ผูกพันกันเหมือนครอบครัว..พวกเขาก็จะเชื่อฟังคุณลุง'
เพราะสถานที่ที่มนุษย์ไว้ใจได้มากที่สุดสำหรับเนริสซ่า, ก็คือบ้านที่มีครอบครัว
และคำตอบของเธอ มันสร้างรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าให้กับเขา ชายวัยกลางหัวเราะคล้ายชอบใจ กาเร็ธลูบศีรษะเธอเบา ๆ แล้วตัดสินใจที่จะเอ่ยถามเธออีกครั้งด้วยคำถามที่ทำให้เธอเบิกตากว้าง
'แล้วถ้าหากฉันอยากให้เธอมาเป็นครอบครัวของฉัน เธอจะว่ายังไงล่ะ?'
เนริสซ่าน่ะเป็นเด็กฉลาด เธอมีความคิดที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังเป็นยังมีจิตใจที่ดีต่อคนอื่น..แต่ก็ไม่ใช่คนใจอ่อนที่จะยอมให้ใครเขามาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ โดยพื้นฐาน
บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมกาเร็ธถึงบอกว่าเธอเหมาะสมกับบ้านของเขามากกว่าสถานสงเคราะห์ไร้อนาคตนี่
ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่า 'บ้านของเขา' น่ะเป็นยังไง
แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใหญ่โตจนเหมือนกับพระราชวังขนาดนี้
"ถูกใจรึเปล่า" กาเร็ธถามเธอ แน่ล่ะว่าเนริสซ่าคงไม่กล้าตอบว่า 'ไม่' หรอก "หลังจากนี้ที่นี่คือบ้านของเธอ ออร์แลนโดเองก็จะถูกใส่ไว้ภายในชื่อของเธอ" เขาบอกกับเธอแบบนั้น และแนะนำเธอให้กับคนอื่น ๆ ในตระกูล
"สักวันเมื่อเธอโตขึ้น เธอจะต้องรับช่วงต่อจากฉัน"
นั่นคือข้อตกลงแรกในฐานะ 'ลูกสาว' ของเขา
กาเร็ธ ออร์แลนโด เป็นมหาเศรษฐี เขาร่ำรวยติดอันดับสามของโลก ทว่ากลับไม่มีบุตรมาไว้สืบทอดสกุล..นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชายวัยกลางถึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กเพื่อให้มาเป็นลูกบุญธรรม และเนริสซ่าก็คือคนที่ถูกเลือก
ตอนแรกเด็กหญิงนั้นค่อนข้างไร้เดียงสา ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ยังเป็นแค่เด็ก จึงไม่ค่อยรู้ทันใครเขานัก
"เกลียดอะไรมากที่สุด" เขาถามเธออีกครั้ง
"คราบสกปรกค่ะ" เนริสซ่าตอบไปตามตรง ทำหน้ามึนงงเล็กน้อยตอนเห็นพ่อบุญธรรมหัวเราะขบขัน "เอ่อ..ถ้างั้นเอาเป็นคนโกหกก็ได้" นั่นเธอก็เกลียดมากเหมือนกัน ไม่ชอบเลยล่ะตอนที่ถูกโกหกใส่น่ะ
กาเร็ธยิ้มออกมา ดูพึงพอใจกับคำตอบในที่สุด
"งั้นเธอก็ต้องเรียนรู้ที่เข้าใจมันให้ดีที่สุด"
ก่อนที่วันต่อมา เขาจะพาเธอไปทำความรู้จักกับญาติ ๆ ของเขา..คนพวกนั้นเมื่อเห็นเธอก็ส่งยิ้มให้ เอ่ยทักทายและชมเชยให้ความน่ารักของเด็กหญิง แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ถึงรู้สึกว่าแววตาพวกนั้นไม่จริงใจเอาซะเลย..
ตอนที่บีบมือกาเร็ธเบา ๆ เพื่อบอกเขาว่าเธออยากกลับเเล้ว ชายวัยกลางก็ตอบกลับมาว่า "จำซะ"
เมื่อเติบโตขึ้นเเล้วลองมองย้อนกลับไป เนริสซ่าในตอนนั้นไม่ได้ทำความเข้าใจได้ในทันที..ทว่าเธอก็เริ่มเรียนรู้ จดจำอย่างที่ชายวัยกลางได้บอกให้เด็กหญิงจำ..บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ ผลประโยชน์ และความกระหายในอำนาจ นั่นคือหลุมบ่อรวม 'คำโกหก' คำโตที่เน่าเหม็นที่สุด
ชีวิตในบ้านหลังใหม่..จะว่าสุขสบายมันก็ใช่ แต่จะบอกว่าไม่มีอะไรเลยก็คงพูดแบบนั้นไม่ได้
อย่างน้อยทุกเช้าก็ต้องได้ลับสมองและฝีปากกับคนเป็นพ่อ
"เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเขาโกหก"
"มองเข้าไปในแววตา" เนริสซ่าตอบ "มันสื่ออารมณ์ได้ดีที่สุด"
"โอ้ ใช่ แน่นอนว่าถูกต้อง" แต่เหมือนว่าผู้เป็นพ่อจะยังไม่ถูกใจในคำตอบสักเท่าไหร่ "แต่รู้รึเปล่า? บนโลกนี้มีสิ่งที่เรีกยว่าโปกเกอร์เฟส"
เนริสซ่าขมวดคิ้ว ตอนนั้นเธออายุสิบสาม ยังไม่เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ เธอจ้องสายตาไปที่พ่อบุญธรรมและหวังว่าเขาจะอธิบายให้เธอฟัง แต่กาเร็ธกลับเงียบเฉย นั่นทำให้หลังจากมื้อเช้าวันนั้น เนริสซ่าต้องวิ่งเข้าไปในห้องสมุดของตัวบ้าน แล้วค้นหาหนังสือเกี่ยวกับ คำโกหก และ จิตวิทยา มาอ่านเพิ่ม
กาเร็ธน่ะชอบพูดถึงเรื่องบางเรื่องที่เธอนึกไม่ถึง แล้วก็ไม่ยอมเฉลยมันออกมาสักที..เลยกลายเป็นว่าเนริสซ่าต้องเป็นฝ่ายวิ่งเต้นหาคำตอบเอง เด็กหญิงคาใจเกินกว่าจะปล่อยมันไปทั้งอย่างนั้น ไป ๆ มา ๆ ก็จบลงด้วยการที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องมากมายจนมีความรู้ติดตัวอยู่เต็มไปหมด
เขาว่าเด็กน่ะจะไม่อยากเรียนถ้าเราไปบังคับ..แต่จะตั้งใจเรียนได้มากขึ้นถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายเลือกตัดสินใจเอง
โตขึ้นมาสักหน่อยแล้วถึงได้เริ่มรู้ตัวเอาน่ะสิ ว่าโดนพ่อบุญธรรมหลอกล่อไปซะเยอะขนาดไหน..
เนริสซ่ามีเพื่อนใหม่อยู่สองคนหลังจากที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลออร์แลนโด
ทั้งคู่เป็นเด็กผู้ชายที่อายุมากกว่า คนหนึ่งอารมณ์ร้อนไปสักหน่อยแต่ก็นิสัยดีและมุมที่น่ารัก ส่วนอีกคนออร่าออกตั้งแต่เด็กว่าเพลย์บอยแถมเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แต่ข้อดีของเขาก็คือฉลาดที่มากมายจนน่ากลัวนั่น..พอย้อนกลับไปคิดก็แอบงงเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นสนิทกันได้
แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นเรื่องดีที่เธอเริ่มมีเพื่อนกับเขาได้สักที และหลังจากวันนั้น พวกเราเองก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ เติบโตมาด้วยกันทั้งแบบนั้น
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผูกพันลึกซึ้งระหว่างกัน หากก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่านั้น
"รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ" นั่นคือตอนที่พ่อบุญธรรมบอกกับเธอตอนที่เขาเห็นเด็กหญิงกลับมาจากการไปเดินเล่นกับเพื่อน ๆ ทั้งสอง "เพื่อนที่สนิทกันถึงขนาดเป็นสายสัมพันธ์พิเศษ..เธอก็รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ?"
เนริสซ่าผงกศีรษะรับ เธอเข้าใจในสิ่งที่พ่อบุญธรรมต้องการสื่อเป็นอย่างดี
แต่ที่เพิ่มเข้ามา..ก็คือเรื่องที่เผลอคิดไปคนละทางสักนิดหน่อยตรงที่เนริสซ่าดันเข้าใจคำว่า 'รักษาไว้ให้ดี' นั้นหมายถึง 'การปกป้อง' ไปซะแทน
เอาเถอะ — มันไม่ใช่เรื่องแย่สักหน่อยนี่นะ?
บ้านหลังใหม่ที่แสนใหญ่โต อาหารดี ๆ กับเสื้อผ้าสวยงาม ความอบอุ่นจากคนรอบข้างที่เอ็นดูและรักในนิสัยของเธอนั้นเข้ามาทดแทนความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่แท้ ๆ ไป และพ่อบุญธรรมคนนั้นก็ช่างคอยเอาใจใส่ คอยสั่งสอนเธออยู่ไม่ให้ขาดไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม
เนริสซ่าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี..ชีวิตของเธอนั้นโชคดีมากเลยทีเดียว
ทว่า — เธอก็ลืมนึกไปเช่นกันว่าชีวิตของเธอมันไม่ได้เรียบง่ายถึงขนาดนั้น
หายใจไม่ออก
เป็นความรู้สึกแรกที่ทำให้ร่างรู้สึกสั่นเทา หวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ท่ามกลางความมืดที่ทำให้ดวงตาบอดสนิท ลำคอสัมผัสได้ถึงความหยาบของเชือกป่านที่รัดลงมา แรงมหาศาลรั้งบีบเนื้อนุ่ม ต่อให้จะตระกายนิ้วลงไปจนเล็บแทบถลอก ก็ไม่หลุดออกมาง่าย ๆ
"ถ้าแกไม่เข้ามาล่ะก็.."
เสียงกระซิบที่ดูเหมือนกำลังเพ้อพกกับตัวเอง ใครสักคนที่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเพราะน้ำเสียงหวานที่แหบต่ำลงอย่างน่ากลัวด้วยแรงริษยา เนริสซ่าจำได้ว่ามันเป็นเสียงของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของกาเร็ธ เธอมีลูกชายคนหนึ่ง และเขาเคยเป็นคนที่จะสืบทอดสกุล
ขอแค่ไม่มีเนริสซ่า
ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งทรมาน เด็กสาววัยสิบห้ารู้ตัวได้ในทันทีว่าเธอกำลังจะตาย
'เราไม่สามารถไปถึงจุดยอดสุดได้ด้วยแค่ความเมตตาหรือความซื่อสัตย์' พลันเสียงของกาเร็ธดังขึ้นในหัว โดยที่เธอได้เเต่สับสนและรู้สึกว่าโลกมันพลิกกลับด้านมากขึ้นทุกที 'เพราะโลกน่ะโหดร้าย..ถึงได้ต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะมัน'
มันไม่มีอะไรสวยงามไปทุกอย่าง ชีวิตไม่มีวันเรียบง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอไม่ใช่แค่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว
เนริสซ่าปล่อยมือออกจากบ่วงเชือกที่กำลังรัดลำคอของเธอ หญิงสาวคนนั้นคงกำลังได้ใจที่เห็นเด็กน้อยกำลังจะตาย ทว่าท่ามกลางความมืดนั้น ปลายนิ้วเธอคลำไปเรื่อย ๆ ตรงบริเวณใต้ฝูกปูตรงหัวเตียง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะคม
กำมันแน่น — แล้วหยิบมันออกมาปาดลงไปบนมือของคนที่รั้งเชือกป่านอยู่บนลำคอของเธอทันที
"กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!"
เป็นครั้งแรกที่เนริสซ่าได้กลิ่นสนิม
มันสกปรก ชวนอาเจียน..หากแต่ก็ไม่น่าคลื่นไส้เท่าผู้หญิงหลอกลวงที่ต่อหน้ายิ้มแย้มให้กัน แต่ลับหลังกลับคิดฆ่ากันให้ตายหรอก..
เมื่อก่อนนั้นเนริสซ่าเคยเป็นสีขาวสะอาดอย่างที่เด็กน้อยคนหนึ่งควรจะเป็น
และเป็นพ่อบุญธรรมของเธอเองที่เริ่มหยดหยดสีต่าง ๆ ลงมาบนผืนผ้าสีขาวสะอาดผืนนั้น..
"จะทำยังไงต่อ"
กาเร็ธถามเธอ ในขณะที่ตรงหน้าเราคือสมาชิกภายในตระกูลที่ถูกปลุกขึ้นมาจนหมด เพื่อมาดูหน้าของหญิงสาวที่โดนการ์ดรวบตัวเอาไว้ และกำลังมองเธอด้วยสายตาวอนขอ..ไม่ต่างจากลูกชายของเขาเลย
สองปีหลังจากที่เข้ามาอยู่ในตระกูลออร์แลนโด — เนริสซ่าเรียนรู้ว่ามันไม่เหมือนกับบ้านหลังเก่าที่เคยอาศัย
ความตายไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดสำหรับที่นี่..โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 'เมืองไร้นาม' นี้ที่เราเข้ามาอาศัย
"เนริสซ่า!" เด็กสาวช้อนสายตาขึ้น หันไปมองคนที่ควรนับเป็นญาติผู้พี่ เด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเธออยู่สองปี เขากำลังมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน "อย่าทำนะ" เสียงที่แหบพร่า เขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเนริสซ่าเลือกจะเหนี่ยวไกปืนในมือเธอ
กาเร็ธไม่พูดอะไรเลย เขายืนมองห่าง ๆ จ้องดูเหมือนกับที่ทุกคนจ้องมาที่เธอ
เนริสซ่ารู้สึกว่าลำคอของเธอมันแห้งผาก น้ำลายเหนียวหนืด รู้สึกขมปร่าไปทั่วลิ้น
"คุณน้า.." เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นน้า หล่อนเงยหน้ามองเธอแทบจะทันที ไม่เหลือแววอาฆาตในนั้นแล้ว มีก็แค่ความกลัวเท่านั้นเอง "ทำไม..ต้องทำแบบนี้ล่ะคะ" เธอถาม แต่ก็รู้ดีอยู่แก่อก
เนริสซ่าอยากให้คนตรงหน้าสารภาพมันด้วยตนเอง
"น้าขอโทษ" แต่เธอไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีของเธอที่จะยอมรับความโลภริษยาภายในตัว
ลมหายใจสูดเข้าลึก พยายามสงบอารมณ์ที่เริ่มแปรปรวนในอก และตอนนั้น เนริสซ่าเลือกจะยิ้ม เป็นยิ้มที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่กับทำให้สองแม่ลูกเริ่มหายใจหายคอได้ เพราะคิดว่าจะไม่เป็นไร พวกเขาเริ่มยิ้มออกในที่สุด
"ถ้าเกิดว่าฉันยกโทษให้..คุณน้าจะเลิกยุ่งกับเรารึเปล่าคะ"
ก่อนจะหุบยิ้มแทบทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องสูญเสียสถานะทุกอย่างไปหลังจากวันนี้
เหมือนกับน้ำท่วมปาก หล่อนพูดไม่ออก ทุกคนเองก็รู้ดีว่าคำตอบคืออะไร ไม่มีทางที่จะยอมเสียทุกอย่าง..แต่จะให้ยอมสละชีวิตไปก็คงยาก..ไม่นานนักหลังจากนั้น หญิงสาวที่ลอบกดจิกเล็บลงบนเนื้อหนังอย่างหมายระบายความโกรธเคือง แสร้งยิ้มเเล้วผงกศีรษะรับอย่างเชื่องช้า
ชั่ววินาทีแรก ความคิดของทุก ๆ คนที่กำลังจ้องไปยังเนริสซ่านั้นได้แต่เอ่ยถามในใจ 'ว่าเนริสซ่านั้นจะมาได้แค่นี้น่ะเหรอ?'
เก่งกาจ..สวยงาม..สมบูรณ์แบบ — แต่ไม่สามารถเหนี่ยวไกสังหารงูพิษได้ แล้วจะสามารถคุมคนได้อย่างไร?
แต่ก็นั่นแหละ, มันก็แค่ขณะแรกเท่านั้น..
ปัง!!
กระสุนตะกั่วทะลุเข้ากลางหน้าผากของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่างูพิษ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของลูกชายเธอเอง และสายตาตื่นตกใจของทุกคน
เนริสซ่าตัวสั่นระริก สั่นไปทั้งตัว โดยเฉพาะฝ่ามือ ลมหายใจของเธอแกว่งและหนัก สูดเข้าไปจนสุดขั้วปอด ก็ได้กลิ่นสนิมจากเลือดที่อาบท่วมพื้นพรมจนเปรอะเปื้อนไปหมดรวมถึงบางส่วนที่กระเด็นมาเปื้อนตัวเธอด้วย
ฆ่าคนเป็นครั้งแรก กะระยะไม่ดีเสียจนทำให้เลือดพุ่งออกมาเปื้อนตัวขนาดนี้
"คุณไม่ควรแสดงแววตาแบบนั้นออกมาเลย.."
..แต่กลับพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย
"แก!!!"
เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวในตอนที่ได้ยินเสียงอาฆาตมาดร้าย ทว่าภายนอกกลับนิ่งสงบกว่าที่คิด มือที่สั่นยกจับปืนในมือให้มั่นไว้ทั้งสองข้าง เนริสซ่ายกมันขึ้นจ่อหน้าคนที่วิ่งเข้ามา เขาชะงักเท้า ทำได้แค่กัดฟันกรอดในขณะที่ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ
"ถอยออกไป ไนเจล" เสียงของเนริสซ่าแหบพร่า ดวงตาเธอแดงก่ำ "ออกไปจากบ้านของเราซะ"
และนั่นคือคำสั่ง
ทุกอย่างตกลงสู่ความเงียบ เป็นเวลาเกือบหนึ่งนาทีที่ ไนเจล ออร์แลนโด ทำได้แค่ยืนจ้องเธอด้วยสายตาอาฆาตแค้น หากไม่นานนัก เขาก็ต้องขยับฝีเท้า ในตอนที่เด็กสาวตัดสินใจขึ้นไกนก เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากเดินออกไปจากบ้านหลังนี้
"เธอจะได้ต้องชดใช้ในสักวันแน่ ๆ เนริสซ่า"
มันเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับเธอ ก่อนที่เนริสซ่าจะไม่ได้เห็นญาติผู้พี่คนนั้นอีกเลย..
ในตอนแรกนั้นเนริสซ่าคือผืนผ้าไปสีขาว
ก่อนจะเริ่มถูกเเต่งแต้มด้วยหยดสีต่าง ๆ..เป็นสีของห้วงอารมณ์มากมายจากมนุษย์
โกรธ เศร้า เสียใจ หักหลัง ทรยศ
"จดจำแล้วเรียนรู้ซะ" นั่นคือสิ่งที่พ่อบุญธรรมบอกกับเธอเสมอ
พวกเขาบอกว่าเนริสซ่าไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่ตัวเธอนั้นกลับคิดว่าตนธรรมดาเสียยิ่งกว่าใคร
เมื่อเติบโต สีขาวที่เคยเป็นมา ก็เริ่มถูกแต่งแต้มและกลายเป็นสีเทาที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ..
เหมือนกับมนุษย์เราเอง..ที่ไม่อาจเป็นสีขาวไปได้ตลอดกาล
"when you grow up, your heart dies."
-Nerissa K. Orlando-
ความคิดเห็น