ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของในห้วงเวลา

    ลำดับตอนที่ #169 : ใบสมัคร The desire

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 62


    ◣Application◥
    ◣Profile◥

     

    “เราเอง ... ก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ซักหน่อย ... ช่างเถอะ”

    บทบาท : ผู้วิเศษคนที่ 2

    ชื่อ/นามสกุล : มิอา ไชร์เบอร์ || Mia Scheibre

    ชื่อเล่น : มิอา

    ความหมายของชื่อ : -

    สัญชาติ : อเมริกา

    เชื้อชาติ : อเมริกา - เยอรมัน

    เพศ :

    ลักษณะภายนอก : มิอาเป็นหญิงสาวรูปร่างสมส่วนค่อนไปทางผอม ผิวซีดพอสมควร เรือนผมยาวเรียบสีน้ำตาลอ่อนไว้ยาวถึงกลางหลังมัดเปียบริเวณด้านหน้าซ้าย ดวงตาสีเดียวกับสีผมไร้ซึ่งประกายตายด้าน กล้ามเนื้อหน้านิ่งไร้ซึ่งปฎิกิริยามนุษย์สัมพันธ์ เป็นคนที่ไม่มีออร่าใดๆแลดูตายด้านราวกับไม่มีชีวิต ไปไหนมาไหนนอกบ้านจะใส่เสื้อแขนยาวแบบมีฮู้ดรวมถึงอุปกรณ์สวมไว้บริเวณศรีษะด้านซ้ายตลอดเวลา และ มีหุ่นยนต์สุนัขคู่กายเป็นเอกลักษณ์ สูง 163 ซม หนัก 45 กก

    จุดที่มีตราผู้วิเศษปรากฏ : ลิ้นปี่

    ปีศาจที่หวาดกลัวมากที่สุด : อัสโมเดียส | ด้วยความหลังที่โดนข่มขืนทำให้มีอาการหวาดกลัวรวมถึงเกลียดพวกเรื่องราคะโดยปริยาย ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เข้าใจว่าตัวเองรู้สึกอะไรแต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่จิตใต้สำนึกรู้ได้ว่าไม่สมควรแตะต้อง และ หลีกเลี่ยง

    อายุ : 21

    อุปนิสัย :
         นิ่ง ตายด้าน
         มิอา ... จัดได้ว่าเป็นคนที่ไม่มีการแสดงออกทั้งทางสีหน้า และ น้ำเสียง ใบหน้านอกจากยามปกติแล้วก็มีเพียงใบหน้าหลับเท่านั้น พูดจาโต้ตอบตามปกติแต่คำพูดน้ำเสียงจัดว่านิ่งโทนเดียวจนทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนเธอแค่แสร้งพูดออกมาแบบไม่จริงใจ ซึ่งท่าทางนี้ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากคบด้วย

         โลกนี้ไร้ซึ่งแสงสว่าง
         เธอนั้นละทิ้งไปแล้วซึ่งความหวัง ไม่ยึดมั่นในอนาคต เชื่อเพียงอดีต และ ปัจจุบันที่ตนพบเจอเท่านั้น ... ด้วยความหลังของตนที่ฝังใจทั้งความไร้เหตุผล และ การหักหลัง ทำให้เธอไม่สามารถมองโลกในแง่ดี และ เลิกที่จะหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างว่า 'หากให้ความหวังแล้วไม่ประสบผลสู้อย่าให้ความหวังเลยเสียจะดีกว่า'

         เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา
         ยามที่เธอต้องการให้คนอื่นช่วยแต่กลับไร้ซึ่งสายตาที่จะหันมาเหลียวแล แล้วทำไมยามที่คนอื่นต้องการความช่วยเหลือแล้วเธอจะต้องช่วยด้วยล่ะ ไม่ค่อยยุ่มย่ามเรื่องของคนอื่นเท่าไหร่ เวลามีคนมาขอร้องหากไม่ใช่คนที่เคยให้ความช่วยเหลือ หรือ มีความสำคัญด้วย ต่อให้จะเป็นจะตายร้ายแรงแค่ไหนนิ้วก็ไม่กระดิก

         ไม่ลังเลที่จะใช้ความรุนแรง
         ภายนอกเจ้าตัวให้ภาพลักษณ์สันโดษ นิ่งๆ ไม่ยุ่งอะไรกับใคร ยามโดนด่า ต่อว่า นินทาเจ้าตัวก็ไม่โต้ตอบ แต่หากถึงเนื้อถึงตัวเมื่อไหร่ก็อีกเรื่อง หุ่นสุนัขคู่กายเรียกได้ว่าเป็นบอดี้การ์ดชั้นเลิศ และ ใต้เสื้อแขนยาวของเธอทั้งสองข้างซ่อนไว้ซึ่งสตั๊นกันความแรงสูงจนเกือบคร่าชีวิตได้ด้วย

         รับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่ไม่เข้าใจ และ ไม่สามารถแสดงออก
         ยังสามารถที่จะรับรู้ และ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เวลาโดนด่า ต่อว่า นินทา เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นข้างใน แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และ ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ทำให้เลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไร

         กลัวที่จะไว้ใจคนอื่นอีกครั้ง
         'น้ําเซาะหิน ทุกวัน หินยังกร่อน' คำพูดนี้ก็มีผลเช่นเดียวกันกับมิอา แม้นเจ้าตัวจะทำตัวสันโดษแค่ไหน หากอีกฝ่ายยังพยายามที่จะเข้าหาอย่างไม่หยุดยั้งใจของเธอก็ค่อยๆเปิดให้ทีละน้อยๆ แต่พอไปถึงจุดหนึ่งเธอก็จะเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นภายใน ใจนึงก็อยากที่จะเชื่อใจคนๆนั้นแต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างต่อต้านผุดขึ้นมาจากภายใน (กลัว) หากมาถึงระยะนี้แล้วเจ้าตัวจะพยายามหลบหน้า และ ตอบโต้เย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    ประวัติ :
         มิอา เป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัว เธอเกิดมาพร้อมความบกพร่องทางสายตา ยังถือว่าเคราะห์ดีพอสมควรที่ฐานะทางบ้านจัดว่ามีอยู่กินไม่ขัดสน พ่อแม่เป็นนักวิจัยแนวหน้าด้านหุ่นยนต์ และ AI ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับบ้านเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และ ทั้งสองคนก็พร้อมสนับสนุนเธออยู่เสมอ ถึงแม้เจ้าตัวจะเกิดมาไม่ครบ 32 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อการใช้ชีวิต ในทางกลับกันมันช่วยเป็นตัวผลักดันให้เธอลองทำสิ่งต่างๆเพื่อค้นหา และ เพิ่มขีดจำกัดของตน

         ด้านการเรียนก็จัดเป็นอันดับต้นๆ แต่นั่นก็ทำให้เธอเป็นที่เหม็นขี้หน้าของคนบางคน เธอโดนกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ แม้นจะแจ้งอาจาร์ย หรือ ผอ. แล้วแต่ทางโรงเรียนก็ทำเป็นหูทวนลมเหมือนเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่าเธอก็ปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ไว้เพราะไม่อยากให้พวกท่านกังวลจนเกินไป ทั้งสองคนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแต่ตัดสินใจว่าถ้าเจ้าตัวไม่อยากพูดก็จะไม่ล้วงมันขึ้นมา

         ชีวิตแบบนั้นยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ เธอกล้ำกลืนฝืนทนกับมันจนกระทั่งเกิดเหตุโดนผลักตกบันไดส่งผลให้แขนซ้ายหัก พอพ่อแม่ได้รับผลตรวจร่างกายจากที่โรงพยาบาลพวกท่านได้เดินเรื่องฟ้องร้องโรงเรียน และ อาจาร์ยผู้คุมห้องจนถึงขั้นขึ้นศาล หลังจากที่เธอทำกายภาพบำบัดเสร็จได้ตัดสินใจส่งเธอไปเรียนต่อที่อีกเมืองนึง

         หลังจากย้ายเข้าได้ไม่นานเธอก็ได้เพื่อนสนิทใหม่คนหนึ่งซึ่งทั้งสองคนเข้ากันได้ดี เธอเปิดใจให้เพื่อนใหม่คนนี้ในเวลาไม่นาน และ ผ่านไปซักพักพ่อแม่ได้ติดต่อว่าหลังเรียนจบ ม.ปลาย ทั้งคู่ได้เตรียมผ่าตัดดวงตาเทียมไซเบอร์ให้เพื่อเธอจะได้มองเห็นสีสันของโลก ในตอนนั้นเธอเต็มไปด้วยความหวัง ชีวิตวัยเรียนที่ดี เพื่อนที่ไว้ใจได้ และ การผ่าตัดที่พ่อแม่เตรียมไว้ เรียกได้ว่าเธอตั้งหน้าตามองวันใหม่ทุกวัน

         แต่ ... ชีวิตของเธอก็พังลงอย่างคาดไม่ถึง เพื่อนของเธอติดหนี้กลุ่มมาเฟียนอกระบบ และ ทางแก้ไขที่เลือกก็คือ ... ขายเธอให้กับกลุ่มมาเฟียนั้น คืนๆหนึ่งที่เธอรีบกลับมาที่ห้องเพราะเพื่อนคนนั้นโทรเรียก ทันที่ที่เข้าห้องเธอก็ถูกมอมยาก่อนสติจะดับลง

         พอรู้สึกตัวอีกทีแขนขาของเธอรู้เพียงว่าถูกตรึงไว้ เสียงของคนที่ตนไม่รู้จักมากมายลุ้มรอบ ก่อนที่จะเริ่มต้นคืนแห่งฝันร้าย เธอโดนข่มขืน และ เล่นยาต่างๆมากมาย ซึ่งเมื่อการเล่นจบลงเธอก็ถูกนำไปทิ้งไว้ที่ไหนซักแห่ง แต่ถือว่าเคราะห์ดีที่มีพลเมืองดีมาเห็น และ ติดต่อส่งโรงพยาบาลใหญ่ประจำเมือง พอพ่อแม่ได้รับการติดต่อทั้งคู่ก็ทิ้งประชุม โปรเจคต่างๆ รีบบึ่งมาดูอาการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ สภาพของเธอตอนนั้นเรียกได้ว่าไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆ จิตแพทย์ได้บอกว่าสมองของเธอได้ปิดกั้นสิ่งต่างๆออกไปเพื่อปกป้องตัวตนของตัวเองเอาไว้ และ อาการจะดีขึ้นเมื่อไหรขึ้นอยู่กับจิตใจของคนไข้เอง

         มิอานอนอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ก่อนที่จะค่อยๆมีการตอบสนองกับคำพูดของพ่อแม่ คำพูดคำแรกของเธอนั้นทำเอาแม่ที่นั่งเฝ้าร้องไห้เกือบครึ่งค่อนวัน ซึ่งเมื่อแพทย์มาตรวจอาการก็ได้วินิจฉัยว่าสภาพของเธอจะค่อยๆดีขึ้น แต่ต้องมีคนคอยดูแลรวมถึงห้ามให้เกิดเหตุการณ์ช๊อคต่างๆจนกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม และ เริ่มทำกายภาพบำบัดสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน

         หลังจากทำกายภาพบำบัดอยู่ 1 ปีครึ่ง สภาพของเธอก็ดีขึ้นถึงขั้นกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเธอไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย และ มักพูดเว้นช่วงระหว่างประโยค ซึ่งจุดนี้จิตแพทย์ประจำเคสเองก็จนปัญญา ทั้งสองคนได้ไตร่ตรองก่อนตัดสินใจพาเธอออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่บ้าน หลังจากกลับถึงบ้านแม่ก็เดินเรื่องลาออกจากงานเพื่อผันมาช่วยดูแลเธออย่างเต็มตัว และ คอยสอนบทเรียนต่างๆในช่วงที่เธอนอนเป็นผักเพื่อเตรียมเข้ามหาลัย แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามหาวิธีช่วยเหลือโดยหวังว่าเธอสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อีกครั้ง

         ในวันเกิดอายุครบ 21 ปี พ่อแม่ได้ให้ของขวัญเธอเป็นหุ่นยนต์สุนัข และ อุปกรณ์บางอย่าง ทั้งสองคนคะยั้นคะยอให้เธอลองสวมมันดู ... เธอได้มองเห็นโลกเป็นครั้งแรก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไร้ซึ่งปฎิกิริยาตอบสนอง แม่ของเธอขอให้เธอสวมมันไว้ตลอดเวลาขณะที่ออกไปข้างนอก เจ้าตัวไม่ทราบว่าเพราะอะไรแต่บางอย่างในตัวทำให้พยักหน้าตกลงไปโดยไม่รู้ตัว

         ปัจจุบันเจ้าตัวเข้าเรียนคณะศิลปกรรมสาขาดนตรี ซึ่งนานๆทีจะโผล่เข้าคลาสยกเว้นแต่จะมีงานที่ต้องส่ง

    ลักษณะการพูด : ใช้คำพูดเสียงนิ่ง พูดสั้นๆมีเว้นช่วงระหว่างประโยค แทนตัวเองด้วยเรา เรียกคนอื่นด้วยนามสกุล แต่ถ้านามสกุลยาวๆก็แทนด้วย นาย เธอ ฯลฯ

    แนะนำตัว
        "เอ้า นักศึกษาทุกคนฟังทางนี้!!" อาจาร์ยประจำคณะกล่าวกับกลุ่มนักศึกษาที่กำลังคุยกันเสียงจอแจ เจ้าตัวเว้นระยะรอให้เสียงเงียบลงชั่วครู่ก่อนเอ่ยต่อ "เดี๋ยวเราจะมีเพื่อนใหม่ร่วมคณะหนึ่งคน เธอ ... มีปัญหาด้านการสื่อสารนิดหน่อย แต่ครูก็หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดี และ คอยช่วยเหลือกัน" เมื่อพูดจบเจ้าของเสียงก็เดินไปที่ประตูก่อนค่อยๆจูงมือคนๆหนึ่งเข้ามายืนบริเวณหน้าห้องประชุม
        "เอ้า แนะนำตัวกับเพื่อนๆสิ"
        สิ้นเสียงอาจาร์ย อีกฝ่ายก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบช้าๆ
        "มิอา ... มิอา ชไรเบอร์" เธอเว้นช่วงครู่หนึ่งก่อนหันกลับไปทางของอาจาร์ย "แค่นี้ใช่ไหม?"

    โดนกลั่นแกล้ง
        ขณะที่เธอกำลังค่อยๆนั่งไล่ Textbook ภาษาเบลล์ของตัวเองอยู่เงียบๆ เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งค่อยๆเดินใกล้เข้ามาก่อนหยุดลงที่หน้าโต๊ะ
        "เฮ้ อย่าคิดว่าเป็นจุดสนใจของพวกผู้ชายแล้วเหลิงนะ" "เป็นคนตาบอดก็หัดทำตัวให้สมกับเป็นคนตาบอดซะบ้าง ... " ฯลฯ
        หลังจากเวลาผ่านไปซักพักเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองอะไรทั้งๆที่โดนต่อว่าไปขนาดนั้นแน่นอนว่าก็เริ่มมีน้ำโมโห ก่อนที่คนๆหนึ่งจะเทกระจาด Textbook และ เหล่าอุปกรณ์ที่อยู่บนโต๊ะพร้อมตะโกนว่า
         "ที่พูดไปได้ฟังบ้างรึเปล่า!!" ซึ่งมิอาได้ค่อยๆกล่าวเสียงเรียบว่า "เก็บคืน ... ด้วย"
        เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอมีการตอบสนองก็แสยะยิ้มก่อนเอ่ยว่า "ถ้าชั้นไม่เก็บแล้วจะทำไม? ค่อยๆก้มคลำหามันไปสิ!!" พอเวลาผ่านไปเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ก้มลงไปเก็บ นางสาว A ผู้มีความหัวร้อนจึงเดินไปกระชากคอก่อนเอ่ยว่า "เอ้า!! ยังไม่ก้มลงไปเก็บอี- อ๊าาาา!!"
        ร่างฝ่ายกระชากคอล้มลงพื้นดังตึงพร้อมมีอาการกระตุกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองอีกฝ่ายที่ในมือปรากฎซึ่งสตั้นกัน และ สีหน้าอันนิ่งเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติ คนอื่นเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปช่วยเพื่อนที่อ่อนแรงอยู่ก่อนถอยห่างพร้อมทิ้งท้ายว่า
        "ย - อย่าคิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นี้นะ!!" "เรื่องนี้ถึงหูอาจาร์ยแน่!" ฯลฯ
        เมื่อทุกอย่างเงียบลง เธอจึงเก็บสตั้นกันกลับไว้ในเสื้อเหมือนเดิม สองมือหยิบไม้เคาะเดินออกมาจากกระเป๋าสะพายก่อนที่จะค่อยๆเคาะคลำหา Textbook และ อุปกรณ์ที่โดนปัดตกลงมา

    ได้รับความช่วยเหลือ
        "เฮ้ย!! เค้าไม่ไปด้วยก็เลิกตอมเค้าซักทีสิวะ!!" เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นขณะที่เธอถูกล้อมด้วยผู้ชายกลุ่มหนึ่ง
        "ไม่ใช่เรื่องของเอ็งไม่ต้องเ-อกว้อย!!" "ว่างๆก็ไปหางานไป๊ ชิ้ว" ฯลฯ
        ภายในเวลาไม่นานจากการโต้คารมก็กลายเป็นกำปั้นก่อนที่เสียงไซเรนตำรวจดังขึ้นใกล้ๆ
        "เห้ย ตำรวยมาเผ่นเร็ว!!" "ชิส์ .. ช่วยไม่ได้" "วันหลังแก่แล้วก็เจียมตัวซะบ้างล่ะ ลุง!!"
        หลังจากที่คนกลุ่มนั้นหนีไป มิอายืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่เสียงไซเรนจะหยุดลงพร้อมหุ่นสุนัขกระโดดลงมาจากตึกข้างๆ ใบหน้าค่อยๆเลื่อนไปยังร่างที่นอนแผ่อยู่บนพื้น สองขาก้าวเดินเข้าไปหา เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
        "อูย ... แม่หนูไม่เป็นอะไรนะ?"
        จากภาพที่เธอรับรู้บุคคลตรงหน้าน่าจะอายุค่อนเลข 3 ย่าง 4 ใบหน้าเต็มไปด้วยแผล และ รอยชก ชุดที่สวมใส่บ่งบอกว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หุ่นสุนัขของเธอคอยสอดส่องสถานการณ์อยู่ตลอด หากมีอันตราย 'ลุดวิก' ก็พร้อมที่จะปรากฎกาย และ หยุดการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น คนๆนี้กับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ไม่ได้รู้จักกันเสียด้วยซ้ำ สมองของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนเอ่ยถามสั้นๆ
        "ทำไมนาย ... ถึงช่วยเหลือเรา?"
        
    พลังพิเศษ :
    - Misty World : สร้างอาณาเขตทับซ้อนระยะ 1 x 1 กิโลเมตรที่เต็มไปด้วยหมอก หนาถึงขั้นมองไม่เห็นเกินระยะ 5 เมตรข้างหน้า แสงอาทิตย์สามารถส่องผ่านได้เพียงเล็กน้อย (นึกภาพก็ประมาณ Silent Hill ครับที่จู่ๆเมืองก็มีหมอกโผล่ขึ้นมา) มีฤทธิ์ทำให้เห็นภาพหลอน (ภาพที่เห็นแปรผันกับความจิตแข็งของแต่ละคน - ยิ่งจิตแข็งยิ่งเห็นสยอง) และ ภายในหมอกนี้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆจะไม่สามารถใช้งานได้ (ทั้งมือถือ, อินเตอร์เน็ท & ETC.) โดยที่มารีจะสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของทุกสิ่งที่อยู่ภายใน (ใช้ต่อเนื่องสูงสุดได้ไม่เกิน 30 นาที และ ต้องพักประมาณ 6-8 ชม. ก่อนใช้ใหม่ได้อีกครั้ง)

    - Visual Borrowing : สามารถมองเห็นผ่านสายตาของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายจะต้องยินยอม และ ไม่ต่อต้าน ผลคงอยู่จนกว่าเธอจะยกเลิก หรือ อีกฝ่ายไม่ยินยอม ไม่มีขีดจำกัดระยะ เพียงแค่ตอนใช้ทั้งสองคนต้องแตะตัวกันก่อนถึงจะใช้ได้

    ความสามารถพิเศษ :
        - เซนส์ดนตรีโดยเฉพาะเปียโนจัดว่าสูง
        - ประสาทสัมผัสรับรู้รสดีเลิศ

    สิ่งที่ชอบ :
         - อาหารอร่อยๆ ปรุงกำลังดี : แม้เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับแต่เหมือนร่างกายจะยินดี และ รับรู้ได้ด้วยตัวเอง
         - พ่อ-แม่ : ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทั้งสองคนคือคนอยู่ข้างกายเธอแทบจะตลอดเวลา และ จิตใต้สำนึกบอกว่าสองคนนี้คือคนสำคัญ
         - เปียโน : เวลาได้ฟังแล้วรู้สึกสงบ ... แต่ต้องเล่นได้ดีระดับหนึ่งนะ
         - ความเงียบ : สามารถใช้จัดการความคิด คุมสติ และ จัดการความรู้สึกภายในที่ตนไม่เข้าใจได้ดี (ปล่อยให้เวลาเยียวยา~)

    สิ่งที่ไม่ชอบ :
         - อาหารปรุงจัด : ด้วยการที่มีประสาทลิ้นดีเลิศ เวลาทานอาหารปรุงจัดเลยทำให้ลิ้นชาได้ง่าย
         - สถานที่กลิ่นแรงๆ : เวลาอยู่ในสถานที่กลิ่นแรงๆจะคิดอะไรไม่ค่อยออก ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง
         - ฝน : เสียงฝนตกเปาะแปะๆรัวๆทำให้ฟังเสียงต่างๆรอบตัวได้ไม่ชัด รวมถึงไม่สามารถกะระยะจากเสียงฝีเท้าของผู้คนรอบข้างได้

    สิ่งที่เกลียด : สิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้แต่ไม่เข้าใจ (ความรู้สึกของตัวเองแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร)

    สิ่งที่แพ้ : เครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด - คลื่นไส้ และ อาเจียนอย่างรวดเร็ว

    สิ่งที่กลัว : การไว้ใจผู้อื่น

    เพิ่มเติม :
        - พ่อแม่เคยมีลูกก่อนเธอ แต่เสียไปหลังคลอดได้ไม่นานเพราะร่างกายเด็กอ่อนแอ
         - อาการของเจ้าตัวจะคล้ายคนที่เป็น Alexithymia ครับ หยิบมาในส่วนที่ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกทั้งของตัวเอง และ คนอื่นได้ฮะ
         - สามารถมองเห็นผ่านสายตาของสุนัขหุ่นยนต์ซึ่งส่งข้อมูลภาพเข้าสมองโดยตรงผ่านอุปกรณ์ที่สวมบนศรีษะ แต่ภาพที่เห็นจะเป็นภาพนิ่งมีช่วงเวลาคั่นภาพละ 1 - 2 วินาที และ ค่อนข้างหนักไปทางโทนสีเขียว (คล้ายๆ Night Vision ฮะ ' w' ) มีข้อจำกัดคือต้องอยู่ในระยะ 1 - 2 เมตรรอบตัวเท่านั้นถึงจะใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้
         - อุปกรณ์สวมนอกจากจะส่งภาพแล้วยังทำหน้าที่วัดคลื่นสมองอยู่เป็นระยะๆเพื่อบันทึก และ ช่วยเรื่องความปลอดภัย หากอารมณ์ของเจ้าตัวแปรปรวน หรือ ไม่สเถียรจะหยุดการส่งภาพโดยอัตโนมัติ
         - มีไม้เคาะเดินพับสามส่วนติดตัว ใช้เวลาที่หุ่นสุนัขต้องชาร์จ หรือ ไม่อยู่ข้างกาย
         - หุ่นสุนัขเป็นรุ่นเดียวกับที่ตำรวจใช้ตรวจตรา และ จับกุมผู้ร้ายซึ่งพ่อแม่เธอนำมาดัดแปลงเพื่อคอยช่วยเหลือ และ ปกป้องลูกสาวของตน
         - เธอตั้งชื่อให้หุ่นสุนัขคู่กายว่า 'ลุดวิก'




    【Interview】
    ∆ สวัสดีครับ ก่อนอื่นก็คงต้องทำความรู้จักกันก่อน...คุณชื่ออะไรเหรอ?
    : หญิงสาวพร้อมหุ่นสุนัขคู่ใจหันไปทางต้นเสียง เครื่องจักรสี่ขาขยับตัวมาข้างหน้าก่อนที่มือขวาเรียวบางค่อยๆเลื่อนมาวางบนแผ่นหลังเป็นเชิงบอกให้หยุด ดวงตาด้านไร้แววจ้องมองอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีฝีปากของเธอก็ค่อยๆขยับเอ่ยเสียงเรียบว่า "มิอา ... มิอา ... ไชรเบอร์ ... มีอะไร?"

    ∆ เป็นชื่อที่ดีนะครับ แล้ว...คุณรู้สึกยังไงบ้างที่พบว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ?
    : สิ้นเสียงคำถาม ฝ่ายที่ถูกถามยังคงยืนนิ่งไม่กระดิก ห้องเงียบลงถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงหายใจ และ เฟืองของหุ่นยนต์สุนัข "..."
    เมื่อเวลาผ่านไป และ อีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะตอบผู้เริ่มจึงย้ายต่อไปยังคำถามถัดไป

    ∆ งั้นเหรอครับ แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากแค่ไหนกัน?
    : "มวลมนุษย์ ... งั้นเหรอ ..." ความเงียบเข้าช่วงชิงจังหวะชั่วครู่ หุ่นสุนัขขยับตัวไปเป็นท่านั่ง มือขวาลูบหัวโลหะเงาพลางๆก่อนกล่าวสั้น  "ช่างหัวมันสิ"

    ∆ โอ้... แล้วคุณคิดยังไงกับพวกปีศาจล่ะ?
    :  สองคิ้วที่นิ่งเฉยแลดูเหมือนว่าขมวดเข้ามาชั่วครู่ก่อนริมฝีปากแห้งขยับพูด "ถ้าไม่มายุ่ง ... กับเราหรือครอบครัว" อุปกรณ์บนศรีษะข้างซ้ายกระพริบสัญญาณสีแดงเล็กๆเป็นจังหวะ สองตาค่อยๆหุบลงก่อนเอ่ยต่อว่า "ก็ไม่ใช่อะไร ... ทั้งนั้นแหละ"

    ∆ ฮะๆ โอเคครับ สำหรับคำถามในวันนี้ก็หมดลงเพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีครับ :)
    : แม้นสิ้นคำกล่าว ท่าทีของหญิงสาวยังคงยืนหุบตาอยู่กับที่เช่นเดิม เมื่อสัญญาณสีแดงจากอุปกรณ์บนหัวหายไปสองตาจึงลืมขึ้นมาก่อนหันหลังให้กับต้นเสียงพร้อมหุ่นสุนัขลุกขึ้นจากท่านั่ง สหายสี่ขาค่อยๆพาเธอไปยังประตูทางออกโดยไม่ได้เอ่ยคำลากับผู้ถามเลยแม้แต่น้อย


    【Talk with parents】

    ∆ แฮะะ นานๆทีจะหาเรื่องคุย//เขินตัวบิด—เอาเป็นว่าสวัสดีค่ะ ทางนี้ชื่อสโนว์หรือโนนะคะ ทางนู้นชื่ออะไรเอ่ยย
    : ซันครับ ฮั่ย!!

    ∆ อาจจะเวิ่นเว้อพล่ามเยอะเรื่องพล็อตไปหน่อย... แต่คิดยังไงถึงมาเรื่องนี้คะ ;;w;;
    : เวิ่นเว้อมาเรื่อยๆเช่นกันครับ

    ∆ โนไม่ใช่คนขยันหรือเก่งอะไรนะคะ อาจมีการเงียบหายไปบ้างไม่ว่ากันนะคะ จะไม่เรียกว่าดองให้ใจเสียหรอกค่ะ พยายามจะไม่ทำแบบนั้น5555 (ไม่นานนู๋จิกลับมา—)
    : ครับผม เฝ้ารอได้ (ผมเองก็มีช่วงหายคอมเม้นเหมือนกัน 555)

    ∆ โนไม่ค่อยถนัดฉากหวานๆเท่าไหร่ และเนื้อเรื่องอาจไม่ได้เน้นความรักอย่างเดียว มันอาจมีอะไรดาร์คๆมานิดนึง ซึ่งอาจลามไปถึงตัวละครด้วยที่อาจจะโดนย่ำยี(?) และถูกโนกระทำชำเรา(?)บ้างนะคะ อาจมีตายด้วย ไม่ว่ากันนะคะ แจ้งไว้ก่อนเนอะ ;;w;;
    : ไม่ว่ากันฮะ รับได้อยู่แล้น

    ∆ ถ้าหากว่าตัวละครนี้ไม่ติดตามบทบาทที่ต้องการ จะอนุญาตให้เปลี่ยนบทบาทหรือรับกลับคะ
    : ขยับได้ตามใจเลยฮะ

    ∆ มีอะไรจะบอกโนไหมคะ อย่างเช่นอยากให้โนข่มขืนตัวละค—แค่ก เช่น อยากได้ฉากไหนเป็นพิเศษไหมอ่ะค่ะ ถ้าทำได้จะจัดให้เน้อ! =w=
    : ฉากปวดบีบร้าวหัวใจขรั่บ(?)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×