ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วงศ์หากิน PSM และสาระดนตรีไทย

    ลำดับตอนที่ #165 : [นักดนตรีไทย] ครูเตือน พาทยกุล

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 50



    ครูเตือน พาทยกุล




              ครูเตือน พาทยกุล เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ เป็นบุตรของนายพร้อมกับนาง ตุ่น ชาวจังหวัดเพชรบุรี บิดาของท่านเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าของวงปี่พาทย์ เมื่ออายุได้ประมาณ ๗ ปี ครูเตือนได้เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดโพธาราม กระทั่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ตามเกณฑ์บังคับในสมัยนั้น พร้อมกันนั้น ก็ได้เริ่มเรียนฆ้องวงใหญ่และระนาด จากบิดาและปู่ คือนาย แดง พาทยกุล และนาย ต้ม พาทยกุล ซึ่งเป็นศิษย์ของพระดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร)

    เล่ากันว่า ราวปีพุทธศักราช พ.ศ.๒๔๕๐-๒๔๕๒ นายแดงและนายต้มได้บรรเลงปี่พาทย์ ถวายทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ซึ่งเสด็จไปทรงควบคุมการสร้างพระราชวังบ้านปืน จนเป็นที่ต้องพระทัยเป็นที่ยิ่ง ถึงกับตรัสชมว่าบรรเลงได้ไพเราะ อีกทั้งเครื่องปี่พาทย์ก็งดงาม และทูลกระหม่อมบริพัตรฯ นี้เอง ที่ได้ประทานนามสกุล “พาทยกุล” แก่นายแดงและนายต้มในกาลต่อมา
    เมื่อครูเตือนอายุได้ ๑๐ ปี บิดาได้พามาฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ที่บ้านหลังวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี ครูเตือนได้เล่าเรียนดนตรีโดยเริ่มต้นจากเพลงทะแยซึ่งเป็นพื้นฐาน จนกระทั่งแตกฉานเชี่ยวชาญถึงเพลงเดี่ยวสําคัญและหน้าพาทย์ชั้นสูงในเวลาต่อมา
    ครูเตือนเคยเล่าให้ฟังถึงชีวิตในช่วงนั้นว่า  “ …สมัยก่อนจะตื่นตี ๕ เพื่อบรรเลงเพลงจนกว่าพระจะเข้าวัด ตอนเย็น ก็จะมาเล่นจนถึงหนึ่งทุ่ม ที่สําคัญคือ ห้ามยกของหนัก ห้ามพายเรือ ห้ามยกคันนา เพราะจะทำให้มือเสีย…”
    ในกาลต่อมา ครูเตือนได้มีโอกาสเรียนดนตรีและต่อเพลงเพิ่มเติมกับครูอีกหลายท่าน เช่น พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล ครูฉัตร-ครูช่อ สุนทรวาทิน ครูแถม สุวรรณเสวก และหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) เป็นต้น
     
     
    ครูเตือน พาทยกุล เป็นบุคคลผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นศิลปินที่มีความสามารถด้านดนตรีไทยเป็นเลิศโดยเฉพาะในทางปี่พาทย์นั้น นับได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถสูงสุดคนหนึ่ง ครูเตือน พาทยกุล มีความเชี่ยวชาญในการบรรเลงดนตรีไทยได้รอบวง สามารถบรรเลงเพลงเดี่ยวเครื่องดนตรีได้หลายชนิด ทั้งระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก และซอสามสาย จนปรากฏลือเลื่องไปหลายวงการ โดยท่านถนัดทางระนาดเอกมากที่สุด ครูเตือนได้รับมอบให้ทำพิธีไหว้ครูจากปู่และเจ้ากรมจันทร์ ซึ่งเป็นครูปี่พาทย์วงบ้านหม้อ นอกจากนี้ ท่านยังได้ร่วมกับนายปุ่น คงศรีวิไล ตั้งวงปี่พาทย์ขึ้นที่บ้านจังหวัดนนทบุรี นับเป็นวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดวงหนึ่ง
    ครูเตือนเป็นครูสอนวงปี่พาทย์บางประทุนของนายชุน สอนวิชาดนตรีไทยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่สถาบันต่างๆ เช่น วิทยาลัยครูเพชรบุรี โรงเรียนวิสุทธิกษัตริย์และโรงเรียนราชประชาสมาสัย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก โรงเรียนศรีอยุธยา วิทยาลัยนาฏศิลปกรุงเทพฯ
    ครูเตือนได้ประพันธ์เพลงไว้เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงโหมโรงอัศวิน โหมโรงสดุดีอัสสัมชัญ โหมโรงเพชรศรีอยุธยา เพลงนกจากสองชั้น แขกมอญบางช้าง สองชั้น ทางเปลี่ยน  เพลงลาวต่อนก เถา เพลงลาวดำเนินทราย เที่ยวกลับ  เป็นต้น
    นอกจากการสอน การบรรเลงดนตรี การเป็นเจ้าของวงดนตรี และการแต่งเพลงต่างๆ แล้ว ครูเตือน พาทยกุล ยังเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปในฐานะของผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทย ซึ่งท่านสามารถประดิษฐ์ได้หลายชนิด อาทิ ตะโพน ระนาด ซอสามสาย ซอด้วง ซออู้ เป็นต้น
    ส่วนสิ่งที่ถือเป็นความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งของครูเตือนก็คือ การประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทยขนาดเล็กได้เป็นคนแรก โดยย่อส่วนจากขนาดมาตรฐานให้มีขนาดเล็กแต่ยังคงเหมือนจริงทุกประการ อีกทั้งสามารถบรรเลงได้เหมือนเครื่องดนตรีขนาดมาตรฐาน
    อาจารย์บำรุง พาทยกุล หนึ่งในทายาทของครูเตือน พาทยกุล เล่าถึงการประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทยย่อส่วนของครูเตือนว่า  “....เหตุการณ์ที่ทำให้คุณพ่อเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งมาที่บ้านบอกว่า เสด็จพระองค์ชายใหญ่ คือพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ให้มาตามคุณพ่อไปพบท่าน เพื่อไปดูเครื่องดนตรีเก่าๆของท่านหน่อย พระองค์ท่านอยากจะซ่อม เพราะทรงสะสมเครื่องดนตรีเก่าๆ ไว้เยอะหลังจากนั้นคุณพ่อก็จะเข้าไปทำงานให้พระองค์ท่านเป็นประจำมีอยู่วันหนึ่งพระองค์ท่านทรงดำริว่าเครื่องดนตรีใหญ่ๆ เอาไปเมืองนอกลำบากเราจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรดี คุณพ่อก็นึกได้ว่า เมื่อครั้งที่อยู่เพชรบุรีคุณพ่อเคยจำลองตะโพนขนาดใหญ่ให้เหลือเล็กๆ แล้วเอาขึ้นไปบนหิ้งบูชาเพราะตามความเชื่อของนักดนตรีไทย “ตะโพน” เป็นสิ่งสมมุติแทนองค์“พระปรคนธรรพ”เป็นเทพแห่งดนตรีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งองค์หนึ่ง พ่อจึงเรียนท่านว่าทำได้พระองค์ชายใหญ่ก็ทรงออกทุนทรัพย์ให้...”
    หลังจากนั้นมาครูเตือนก็มาคิดและค่อยๆ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีย่อส่วนขึ้นมาทีละชิ้นจนครบทั้งวง โดยใช้เวลาทั้งหมดเกือบ ๒ ปี ถัดมาพระองค์ชายใหญ่ก็ทรงหารายการทีวีให้ออกแสดง ในวันรุ่งขึ้น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวชมเชยฝีมือการประดิษฐ์เครื่องดนตรีย่อส่วนของครูเตือนผ่านทางหนังสือพิมพ์สยามรัฐในยุคนั้น ส่งผลให้ชื่อเสียงของครูเตือน พาทยกุล เป็นที่รู้จักในวงกว้างนับแต่นั้นมา
    ครูเตือนเคยนำเครื่องดนตรีไทยย่อส่วนออกบรรเลงถวายหน้าพระที่นั่งประทับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์จนทำให้ครูเตือนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และต่อมา ครูเตือนยังได้ปรับขนาดเครื่องดนตรีไทยย่อส่วนลงไปอีกจนมีขนาดเล็กจิ๋ว นับเป็นคนไทยคนแรกที่ประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทยขนาดเล็กและขนาดจิ๋วได้อย่างครบวงอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ซึ่งเครื่องดนตรีย่อส่วนที่ครูเตือนประดิษฐ์สามารถใช้เป็นสื่อการสอนวิชาทางการดนตรีไทยแก่นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการและประชาชนทั่วไปได้เป็นอย่างดี
    ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ครูเตือน พาทยกุล ได้รับเกียรติยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) และในอีก ๓ ปีต่อมา คือ พ.ศ. ๒๕๓๘ ครูเตือนได้ก่อตั้ง "โรงเรียนพาทยกุลการดนตรีและนาฏศิลป์" ขึ้นเพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้และมีความสามารถทางศิลปะในการอนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกของชาติให้คงอยู่สืบไป
     
     
    ทางด้านชีวิตครอบครัวนั้น ครูเตือน สมรสกับนางกิมไล้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ มีบุตรชายหญิงรวมกัน ๔  คน ต่อมานางกิมไล้ถึงแก่กรรมลง จึงสมรสใหม่กับนางบุญเรือง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ มีบุตรชายหญิงรวม ๔ คน ที่มีชื่อเสียงทางดนตรี คือ นายอรุณ พาทยกุล และนายบำรุง พาทยกุล
     
     
    ครูเตือน พาทยกุล ถึงแก่กรรมด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต เนื่องด้วยปอด เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ เวลา ๑๓.๔๐ น. ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมสิริอายุได้ ๙๘ปี

    http://tcmc.nisit.kps.ku.ac.th/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×