ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของในห้วงเวลา

    ลำดับตอนที่ #163 : ใบสมัคร For Survival [2]

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 62


    Special person

    Application 

    โทษทีนะ ก็อยากเล่นด้วยมากกว่านี้อยู่หรอก
    แต่พอดีเดี๋ยวต้องรีบไปงานวันเกิดลูกสาวเพราะงั้นอย่าถือสากันล่ะ
    !!”

    รู้ว่าชีวิตตัวเองรันทดแล้วมัวเอาแต่โทษคนอื่นเนี่ย เหอะ โครตน่าสมเพชเลยว่ะ!!!”


     

    บทบาทที่สมัคร : Special Person อื่นๆ เจ้าหน้าที่ควบคุม และ ดูแลความปลอดภัยของนครลอยฟ้า

    ชื่อ/นามสกุล : ลุดวิก ชไรเบอร์ || Ludwig Scheibre

    ชื่อเล่น : ป๊ะป๋า (?) [ถะถะ-ถุ้ยย!!!]

    สัญชาติ : เยอรมัน

    เชื้อชาติ : เยอรมัน อเมริกัน

    สถานะก่อนขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า :

    คุณพ่อ 1 ลูก 3 (?)

    เจ้าของอดีตสมญานักลอบสังหารลือชื่อที่หายตัวไปอย่างลึกลับ

    หัวหน้าชุดควบคุมการลงมาเยี่ยมเยียนของคนจากนครลอยฟ้า

    สถานะหลังขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า :

    หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับท๊อปของนครลอยฟ้า

    เจ้าพนักงานเก็บกวาดคนที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ไม่สมควรรับรู้เข้า

    ครูสอนคอร์สศิลปะการป้องกันตัวบนนครลอยฟ้าที่ทางรัฐจัดให้ 

    เพศ : ชาย

    ลักษณะภายนอก : ชายวัยเกือบชราร่างกายฟิตปึ๋งปั๋ง ซิกแพ๊คขึ้นรูป เรือนผมสีควันบุหรี่จัดทรงจ๊าบ ดวงตาสีฟ้าใสที่ดูเหมือนจะมองเห็นความจริงของทุกสิ่ง สวมแว่นกรอบบางทรงเหลี่ยมสีเงินเสริมความชาญฉลาดบวก10(?) โกนเคราเรียบเนียนเหลือไว้เพียงบริเวณด้านบนริมฝีปาก รอยยิ้มกว้างมาดมั่นโชว์ฟันขาวคะแนน 10/10 มักสวมเสื้อเชิ้ตสีดำทับด้วยเสื้อนอกสีขาว และ คาบก้านสูบบุหรี่/ซิการ์ติดตัวไปด้วยประจำ สูง 185 หนัก 76 กก

    อายุ : 59 ปี

     

    นิสัย : ลุดวิก เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าคือแฟมิลี่แมนอย่างแท้จริง เป็นคนที่รัก และ เป็นห่วงครอบครัวมาก จะว่าเป็นคุณพ่อเห่อลูกสาวก็คงไม่ผิดนัก สามารถเห็นได้จากการอวยที่ออกนอกหน้า และ หากมีอีเว้นอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวลุงแกก็พร้อมที่จะทิ้งงานและบึ่งไปแบบปัจจุบันทันด่วนในบัดดล


                มีความไฟแรงขัดอายุ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตทุกวินาทีเอนจอยกับชีวิตคุ้มค่าไม่สูญเปล่า บางทีคนรอบข้างก็รู้สึกรุ่มร้อนกับความไฟแรงของแกจนเซ็งบ้างเป็นครั้งคราว รวมกับการที่มีร่างกายฟิตปั๋งแบบนี้แล้วพอบอกไปว่าอายุเกือบ 60 คนส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีใครเชื่อหรอก!!


                มีความเฟรนลี่สูง เข้ากับผู้คนได้ง่าย กล้าเข้าสังคม สร้างความสนิทสนมกับผู้คนทุกผู้ทุกวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป และ ได้รับความร่วมมือเวลาขอความร่วมมือต่างๆนาๆ


                ภายใต้ใบหน้าเฟรนลี่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ยากหาใครเปรียบ ถึงแม้เจ้าตัวจะแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆมากมายแต่ไม่มีใครสามารถอ่านได้เลยสักคนว่าแท้จริงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่หรือใบหน้าที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร กล้าที่จะเสียงานเล็กเพื่อล่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า สามารถชักจูงคนอื่นให้ทำอะไรบางอย่างโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ใต้แผนหนึ่งย่อมมีแผนสอง และ ดูเหมือนว่าใต้แผนสองยังมีแผนสำรองอยู่อีก ซึ่งจุดนี้ทำให้แทบจะทุกคนที่เคยร่วมงานด้วยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากเป็นศัตรูกับลุงแกเท่าไหร่ถ้าเลือกได้


                เกลียดบุคคลจำพวกชอบคิดว่าตัวเองชีวิตโครตรันทดแล้วโทษคนอื่น ก็อย่างว่าคนเราเกิดมาไม่เท่ากัน เขาไม่ได้เกลียดใครที่คิดว่าชีวิตตัวเองรันทดแต่เกลียดเวลาที่ต้องมานั่งฟังโดนบ่นว่าชีวิตเขาไม่ลำบากเท่าคนพวกนั้น จุดนี้มันจี้จุดว่า มันถือตัวเป็นใครมาตัดสินว่าชีวิตเขาไม่ลำบาก?” แล้วอีกอย่างนึงคือ รู้ว่าชีวิตรันทดแล้วคิดจะทำอะไรเพื่อแก้ไขมันบ้าง ซึ่งคนพวกนี้มันไม่ทำอะไรเลย!! เวลาเจอคนแบบนี้สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปจนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าไม่สบอารมณ์ และ สายตาที่มีชีวิตชีวาจะเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาราวกับมองเศษเดนเคลื่อนไหวได้ก้อนหนึ่ง


    ประวัติ : อดีตเด็กกำพร้ารันทดกัดฟันตะเกียกตะกายอยู่รอดไปวันๆ จนกระทั่งคืนหนึ่งในช่วงอายุ 10 ขวบเขาได้ช่วยเหลือบุคคลโชกเลือดคนหนึ่งในตรอกซอกซอยเล็กๆไว้ โดยหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ชีวิตของเขานั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งหลังจากคืนนั้นไม่นานคนๆนั้นก็กลับมาที่บ้านเด็กกำพร้าก่อนอุปถัมภ์เขาไปเลี้ยง และ มอบชื่อใหม่ให้


                กาลเวลาผ่านไปหลายปี จากเด็กหนุ่มกำพร้าก็ได้กลายเปลี่ยนเป็นมือสังหารฝึกหัด แน่นอนว่าการฝึกนั้นทรหดเสียยิ่งกระไรแต่เขาก็กัดฟันทนเพราะนี่คือทางที่ตนเองเป็นคนเลือก และ หวนนึกถึงบทสนทนาในวันแรกของเขากับพ่อบุญธรรมหลังจากที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นมือสังหาร

    ฉันมีทางเลือกในนาย 2 ข้อ หนึ่งใช้ชีวิตแบบปกติอยู่ใต้กฎระเบียบของสังคมเหมือนคนอื่นทั่วไป หรือ สองใช้ชีวิตมือสังหารโดยอยู่ภายใต้เพียงกฎของตัวเอง นายจะเลือกทางไหน

    “… สองครับ

    ทำไมล่ะ? ชีวิตมือสังหารไม่ใช่อะไรที่ง่ายและเป็นที่รังเกียจของสังคมแทบจะทั้งสิ้นเลยนะ

    ช่างหัวสังคมมันสิ ชีวิตผมมันจะเป็นยังไงมันก็สองมือของผมนี่แหละที่จะกำหนดมันเอง!!”


                ตัดฉากไปอีกสิบปีเขาได้จบหลักสูตรหฤโหดกลายเป็นมือสังหารเต็มตัว งานต่างๆที่ได้รับเจ้าตัวก็จัดการเรียบร้อยอย่างไร้ที่ติจนได้รับการยอมรับจากพ่อบุญธรรม และ เป็นผู้สืบทอดสมญาต่อหลังจากที่เขาเกษียณจากวงการ


                พออายุขึ้นย่าง 40 พ่อบุญธรรมของเขาก็ได้จากไปด้วยโรคชรา จะว่าเพราะความเหงาหรือเปล่าก็ไม่ทราบทำให้เขาไปรับเลี้ยงเด็กสาวกำพร้ามาหนึ่งคน ช่วงแรกเขาก็ปฎิบัติตัวเหมือนกับที่ตนถูกปฎิบัติด้วยแต่หลังจากที่ค่อยๆเฝ้ามองการเติบโต จิตใจของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนจากคนที่ไม่เคยแคร์อะไรจนกลายไปเป็นแฟมิลี่แมน และ รับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเพิ่มอีกสองคนโดยไม่รู้ตัว


                ตอนอายุ 45 ขณะที่เขาได้รับจดหมายว่าจ้างจากคนกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับนครลอยฟ้า ตอนแรกก็เจ้าตัวก็ลังเลเพราะรู้สึกว่างานอาจจะใหญ่เกินตัว แต่พอนึกถึงผลประโยชน์ต่อชีวิตของเด็กๆที่ตนรับเลี้ยงมามันก็คุ้มที่จะเสี่ยงทำให้ตัดสินใจแขวนนวมจากวงการ และ ตอบตกลงไป โดยงานที่ถูกว่าจ้างนั้นมีฉากหน้าคือคอยควบคุมการเยี่ยมเยียนของคนที่ลงมาจากนครลอยฟ้าแต่ฉากหลังก็คือคอยจัดการงานสกปรกต่างๆโดยใช้เส้นสายจากช่วงชีวิตที่เป็นมือสังหารซึ่งสำหรับเขานั้นถือว่าไม่มีปัญหา


                ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างนั้นไปเรื่อยๆจนเกษียณ แต่จู่ๆเขาก็ถูกเรียกตัวจากผู้บริหารระดับสูงก่อนโดนส่งขึ้นไปบนนครลอยฟ้าเพื่อจัดการเรื่องบางอย่าง แน่นอนว่าความเป็นแฟมิลี่แมนของเขาทำให้ปฎิเสธแทบจะหัวเด็ดตีนขาดแต่สุดท้ายก็ยินยอมเพราะได้ข้อเสนอขึ้นเงินเดือน และ อภิสิทธิ์ในการติดต่อกับครอบครัวอย่างอิสระรวมถึงลงมาเยี่ยมเยียนได้โดยไม่ต้องถูกติดตาม 2 ครั้งต่อเดือน


    ลักษณะการพูด : เวลาคุยกับคนที่อายุน้อยกว่าชอบที่จะแทนตัวเองว่า ลุง ถ้าไม่สนิทกันจะไม่ค่อยเรียกชื่อ เรียกคนที่ตำแหน่งสูงกว่าว่า บอส ยามปกติจะพูดด้วยท่าทีเป็นมิตรแต่เวลาเก็บกวาดก็จะพูดด้วยท่าทีอีกแบบ

    ทักทาย

              (ปกติ) ว่าไง หนุ่ม/สาวน้อย ลุงชื่อลุดวิกนะ เป็นเจ้าหน้าที่บนนครลอยฟ้านี่ มีข้อสงสัยอะไรก็ถามมาได้นะ ฮ่ะๆๆ

                (เก็บกวาด) สวัสดียามค่ำเด็กๆ ทำไมถึงต้องทำตัวลับๆล่อล่ะ หือ? (ยิ้มชั่วๆ)

    โดนถามเรื่องสำคัญ

    (ปกติ) โอ้ อยากรู้เรื่องเองนั้นหรอกเหรอ!! มาๆนั่งๆเดี๋ยวเล่าให้ฟัง …”

    (เก็บกวาด) ให้ตายสิ ลุงเนี่ยเกลียดเด็กเซนส์ดีอย่างเธอชะมัดเลย

    ท้าทาย

                (ปกติ) เอ้า พ่อหนุ่มเป็นลูกผู้ชายทั้งทีฮึดสู้หน่อยสิ!! เป้าหมายมันมีไว้ให้พุ่งชนนะ! ลูกสาวลุงยังอึดกว่านี้เลย!!”

                (เก็บกวาด) ทำเป็นพูดจาใหญ่โตสุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่นี้งั้นเหรอ ขอบอกตรงๆเลยละกันว่าที่พวกแกพูดมานั่นโครตชวนคลื่นไส้เลยว่ะ

    สนุก

                (ปกติ) วู้ฮู้วว!! สุดๆไปเลยว้อย เอ้า (X) เอ็งก็มาลองบ้างมั้ย?”

                (เก็บกวาด) ฮ่าๆๆ มันต้องอย่างนี้สิ! เอาล่ะ เดี๋ยวลุงจะเพิ่มพลังอีกขั้น พ่อหนุ่มเองก็อย่ารีบด่วนตายซะล่ะ!!”

    ไม่แยแส

              (ปกติ) เฮ้อ เรื่องนั้นลุงเองก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวลุงต้องรีบไปเคลียร์เอกสารก่อน ลองๆถามเจ้าหน้าที่คนอื่นดูก่อนนะถ้าว่างแล้วเดี๋ยวลุงจะมาช่วยดูอีกที

                (เก็บกวาด) หา? แล้วทำไมลุงต้องไปสนใจด้วยล่ะ ชีวิตใครก็รับผิดชอบกันเองสิ

    พลังพิเศษ :

    [Word of Truth] พลังแห่งคำพูด หากใช้ในการถามตอบคำถาม เมื่อถามอะไรออกไปอีกฝ่ายจะตอบตามความจริงออกมาโดยไม่สามารถปกปิดได้ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรกันไว้เมื่อครบตามเงื่อนไขพลังนี้จะบังคับให้ทั้งคู่ต้องปฎิบัติตามคำมั่นนั้นอย่างเคร่งครัด

    [Energy Absorbtion] เปรียบเสมือนถัง E เคลื่อนที่ (?) เขาสามารถที่จะสะสมพลังงานต่างๆที่ร่างกายได้รับไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร, โดนต่อย, รถชน หรือ ความเสียหายอื่นๆ (จำพวกพลังงานจลน์) พลังงานสะสมเหล่านั้นร่างกายของเขาสามารถนำออกมาใช้ได้อย่างอิสระทำให้สามารถกระทำการเหนือมนุษย์ได้อย่างไม่ยากเย็น (อาทิเช่น พุ่งตัว 100 เมตร 1 วิ, กระโดดขึ้นตึกสิบชั้น, หยุดรถสิบล้อด้วยมือเดียว หรือ ดีดหัวคนคอหัก)

     

    จุดอ่อนหรือขีดจำกัดของพลัง :

    [Divine word of Truth]

                ในขณะที่คนอื่นไม่สามารถโกหกเขาได้ พลังนี้ก็ทำให้เขาไม่สามารถที่จะโกหกได้เช่นกัน หากโดนถามเรื่องสำคัญมากๆก็แน่นอนว่าจำเป็นต้องบอก แต่จะรีบบอกแบบไวๆและพยายามเบี่ยงประเด็นจึงทำให้เป็นที่พิรุธได้ง่าย

                ไม่สามารถใช้กับคำถามปลายเปิดได้ ต้องเป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจงถึงในระดับหนึ่งก่อนเท่านั้นพลังถึงจะมีผล

                ในส่วนของพันธะสัญญาไม่สามารถพูดเองเออเองแล้วยัดเยียดให้อีกฝ่ายได้ ทั้งสองฝ่ายต้องตอบตกลงด้วยตัวเอง

                ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงสามารถใช้กับคนๆเดิมโดยมีประสิทธิภาพเต็มที่ได้เพียง 3 ครั้ง หากเกินกว่านั้นจะไม่มีผลกับคนที่มีจิตแน่วแน่ หรือ หวาดระแวงในตัวเขาอยู่

     

    [Energy Absorbtion]

                 พลังสะสมไม่ได้ไร้ที่สิ้นสุด หากใช้ไม่ระวังก็อาจจะหมดระหว่างการต่อสู้ได้

                การทานอาหารจะสะสมพลังงานที่ได้รับไปเพียง 20% เท่านั้น ในขณะที่การรับความเสียหายต่างๆสามารถที่จะสะสมพลังงานได้เต็ม 100% แต่ก็ต้องแลกมากับการเจ็บตัวที่ได้รับ

                ความเสียหายที่จะสะสมพลังงานได้ต้องเป็นความเสียหายที่เกิดจากมวลสารเท่านั้น (//มีสื่อกลางจำพวกกำปั้น ใบมีด กระสุนปืน และ อื่นๆ หากเป็นพลังงานเพียวๆอาทิเช่นความร้อนความเย็นจะไม่สามารถสะสมพลังงานได้)

                ไม่สามารถแปรพลังงานออกมาเป็นอะไรอลังๆอย่างยิงลำแสงได้(?) สามารถใช้ได้กับการเคลื่อนไหวด้วยร่างกายเพียงเท่านั้น

                ต้องฝึกฝนร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างงั้นการใช้พลังงานสะสมปริมาณมากในทีเดียวอาจทำให้ร่างกายของตัวเองเป็นฝ่ายเสียหาย

     

    ความสามารถพิเศษ :

    ความอึดถึกทนยิ่งกว่าแมลงสาบ : ยังตายไม่ได้หรอกว้อย!! ไอ้หนุ่มหน้าไหนหวังลูกสาวลุงมันต้องผ่านบททดสอบก- อุ๊ฟ!!! (//โดนลูกๆรุมต่อย)

    ทักษะงานบ้านงานครัว : อย่ามาดูถูกพลังคุณพ่อลูกสามนะเออ เห็นแบบนี้ทำอาหารได้หลากหลายแถมอร่อยด้วย

    การดูธาตุแท้ของผู้คน : จะว่าดูก็คงไม่ใช่เท่าไหร่ น่าจะเป็นเซนส์ซะมากกว่าก็เคยมีคำกล่าวไว้นี่เนอะว่าคนพวกเดียวกันจะรู้สึกถึงกันได้น่ะ

    การแซะ หรือ ยั่วยุเรื่องอ่อนไหวของคนอื่น : แหม่ มีปาก(ของ)ดีมันก็ต้องใช้สิ!!

     

    สิ่งที่ชอบ : ลูกๆของตน, ซิการ์ดีๆบรั่นดีแรงๆ และ หมาป่า

    สิ่งที่ไม่ชอบ : พวกที่มาหลีลูกๆของตนแบบหลบๆซ่อนๆ, อาหารรสชาติไม่ได้เรื่อง และ คนที่ชอบโทษคนอื่นเรื่องชีวิตของตัวเอง

    สิ่งที่กลัว : ไม่มี

    เพิ่มเติม :

    เด็กๆที่รับเลี้ยงสามคนชื่อ ไอน์ () ซไวย์ () ไดรย์ (ญ) (เยอรมันก็หนึ่ง-สอง-สามครับ)

    ปิดบังการทำงานสกปรกกับลูกๆของตนเอง

    เลี้ยงหมาป่าเชื่องๆบนนครลอยฟ้าไว้หนึ่งตัวชื่อ ลุค จนกลายเป็นมาสคอตประจำหน่วย

    มีความรู้เรื่องสรีระวิทยาเป็นอย่างดี โดยพวกเฉพาะจุดตาย และ ความเจ็บปวด

    มีมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวภายใต้นามรัฐบนนครลอยฟ้า

    ตายได้แล้วแต่ความสะดวกครับ ตอนตายขอรำพึงรำพันถึงลูกๆหน่อย (‘ w ‘ )

     

    บทสัมภาษณ์

    ??? : โอ้สวัสดีครับ คุณมีชื่อว่าอะไรเหรอ

    ลุดวิก : โอ้!! สวัสดีพ่อหนุ่ม ไม่เคยได้ยินเหรอว่าก่อนถามชื่อใครต้องบอกชื่อตัวเองก่อนน่ะแต่ก็ช่างเถอะ จำชื่อของลุงไว้ให้ดีล่ะ ชื่อนั้นคือ ลุด-วิก ช-ไร-เบอร์ ยังไงล่ะ (//เปลี่ยนท่าโพส์ไปเรื่อยๆตามแต่ละพยางค์)

    ??? : ฮะๆงั้นเหรอครับ เป็นชื่อที่เพราะไม่เบาเลย ว่าแต่คุณรู้สักยังไงบ้างล่ะครับที่ถูกเลือกให้ขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า

    ลุดวิก : ฮ่ะๆๆ เด็กๆหรือคนอื่นจะรู้สึกยังไงลุงไม่รู้หรอกนะ แต่ลุงต้องขึ้นมาเพราะเรื่องงานน่ะ

    ??? : งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมขอถามคำถามข้อต่อไปเลยนะ ว่าคุณต้องการจะเลือกอยู่ฝั่งไหนระหว่างสีขาวกับสีดำ ในส่วนของรายละเอียดนั้นคุณจะได้รับมันหลังจากการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น

    ลุดวิก : ลุงคงเลือกข้างไหนไม่ได้หรอก เป็นเจ้าหน้าที่ทั้งทีจะฝักใฝ่ซักฝ่ายมันก็ไม่แฟร์ใช่มั้ยล่ะ อีกอย่าง (//แสยะยิ้มชั่วร้าย) ไซด์จ๊อบของลุงทำอะไรคนเดียวมันสะดวกกว่าซะด้วยสิ

    ??? : หืม? คุณแน่ใจแล้วเหรอ? เลือกครั้งเดียวและเปลี่ยนไม่ได้อีกเลยนะครับ

    ลุดวิก : อา ชีวิตลุง ลุงก็เป็นคนกำหนดเองเพราะงั้นแน่นอนอยู่แล้ว

    ??? : โอเคครับ ทีนี้คุณก็กลายเป็นหนึ่งในประชากรของฝั่งนั้นแล้วอ้ออีกอย่างผมอยากจะรู้ว่าในเมื่อคุณกลายเป็นบุคคลชั้นสูงที่ได้รับสิทธิพิเศษทุกอย่างซึ่งเป็นประชากรบนนครลอยฟ้าแล้วคุณคิดยังไงกับพวกที่ยังอยู่ด้านล่างเหรอ?

    ลุดวิก : ห๊ะ-ฮะ-ห้า-ฮ่า จะว่าไปแล้วมันก็น่าขำนะเพราะพวกคนที่อยู่ข้างล่างนี่ก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองโชคดีกว่าที่คิดน่ะ

    ??? : ….สมเป็นคุณดีนี่ เอาล่ะ การสัมภาษณ์ของคุณคงจบเพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีนะครับ แล้วก็อย่าตายจากไปไหนซะล่ะ J

    ลุดวิก : โอ้ว!! ขอบใจสำหรับความหวังดีนะ ว่าแต่เรานี่คุยถูกคอดีเหมือนกันนะเนี่ย สนใจลงไปข้างล่างไปเยี่ยมลูกๆของลุงหน่อยมั้ย? ลูกสาวลุงน่ารักนะเออ!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×