คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 : คริสมาสต์ (Re.03)
UP : 04/08/60
Re-write : 18/08/60
Re-write 2 : 22/09/61
Re-write 3 : 30/06/64
บทที่
15 : คริสต์มาส
เฮเลนส่งขนมปังกรอบให้เจ้านกฮูกตัวใหญ่
มันกินอย่างเอร็ดอร่อยและเงยหน้ามองเธอตาแป๋วและก้มลงไปไซร้ขนนิดหน่อย
สักพักมันก็ดึงอะไรบางอย่างออกมาจากตรงขนปีกของมัน
เป็นปากกาขนนกสีเขียวที่ดูเหมือนขนของนกฟินิกซ์ถูกประดับเอาไว้ด้วยโบสีแดงเลือดหมู
เฮเลยยื่นขนมปังกรอบให้กับนกฮูกอีกเมื่อรับของขวัญนั้นมา
มันตีปีกอย่างดีใจก่อนจะก้มลงจิกขนมปังกรอบอย่างมีความสุข
เฮเลนเก็บปากกาขนนกอันนั้นเข้าไปในหีบ
ไม่นานหลังจากนั้นซีเรียสก็ลงมาจากชั้นบน
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อยของเขาทำให้เฮเลนรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเรื่องอนาคตกับเขาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
เธอกลัวและกังวลเหลือเกินว่าถ้าหากบอกไปแล้วเขาก็หนีไม่พ้นจากความตาย
จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ทุกคนจะต้องเจ็บปวด
แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็จะกังวลและไม่มีความสุขกับวันคริสมาสต์
เธอควรจะทำอย่างไรดี
บอกพวกเขาหลังคริสมาสต์ดีไหม หรือว่าควรบอกพวกเขาทางจดหมายดี... เธอควรทำอย่างไร
แค่นี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าควรบอกหรือไม่ควร!
ซีเรียสลงมาช่วยเฮเลนจัดโต๊ะและประดับห้องเครียมงานวันคริสมาสต์พร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและกังวลเกินกว่าจะบอกไปว่าเขากำลังจะตาย
เธอมั่นใจว่าซีเรียสน่าจะกำลังดีใจที่จะได้ฉลองวันคริสมาสต์กับครอบครัว
เขาพยายามตะโกนเรียกให้แฮร์รี่ลงมาช่วยกันแต่ฝาแฝดของเธอนั้นเงียบไม่ตอบอะไรเลย ราวกับว่าสภาวะที่เป็นอยู่มันทำให้เขาไม่อยากสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก
“ซีเรียส
คิดว่าเขาจะลงมาเมื่อไหร่คะ” เฮเลนอ่ยขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาจวนจะหกโมงเย็น
ครอบครัววีสลีย์กลับมาบ้านกันแล้วแต่แฮร์รี่ก็ยังคงไม่ยอมลงมาข้างล่าง
เจ้าของใบหน้าซูบตอบมองมาทางเฮเลนนิดหน่อยพลางถอนหายใจ
“เขาคงกลุ้มที่เขาคิดว่าโวลเดอมอร์อยู่ในตัวเขาล่ะมั้ง”
ซีเรียสว่า เฮเลนไม่คิดว่าเขาควรจะเครียดขนาดนั้น บางทีถ้าเขาไม่เห็น เธอก็อาจจะเป็นคนที่เห็นแทนเขาก็ได้เพราะว่าทุกๆ
คืนเธอก็แทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่คิดว่าจะต้องพูดยังไงเกี่ยวกับเรื่องของซีเรียส
“เฮเลน!”
เด็กสาวผมฟูคุ้นตาตะโกนเรียกชื่อฉเธอเสียงดังลั่นขณะที่เฟร็ดกับจอร์จกำลังแต่งต้นคริสมาสต์กับจินนี่ที่กำลังเตรียมของขวัญออกมา
เฮอร์ไมโอนี่นั่นเอง!
“อ้าว!" เฮเลนร้อง "เธอมาทำอะไรที่นี่”
เธอวางถุงเท้าคริสมาสต์ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหาเฮอร์ไมโอนี่ทันที
รอนเดินตามหลังเธอมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เขาเหล่ตาไปทางแท็คที่ตามหลังเขามาอีกที
ดูก็รู้ว่ารอนไม่ได้ปลื้มใจเท่าไหร่กับการที่แท็คมาที่นี่ด้วย
เฮเลนไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ แน่นอนว่าเขาคงไม่มีบทบาทอะไรมากนักที่นี่ด้วย
“ความจริงคือฉันไม่ชอบเล่นสกี
ก็เลยจะมาฉลองคริสมาสต์ที่นี่ไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“แถมแท็คก็เล่นห่วยอย่างกับอะไรดี เธอคงไม่ว่าใช่ไหมที่ฉันพาเขามาด้วย”
ประโยคหลังเฮอร์ไมโอนี่ดึงเฮเลนเข้าไปกระซิบ
เธอส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหา ยังไงแท็คก็ไม่เคยทำตัวมีปัญหาเวลาอยู่ที่นี่
อย่างน้อยเขาก็ไ่ได้น่าหมั่นไส้เวลาอ่านหนังสือ
“อย่าบอกรอนเชียวล่ะ
ฉันบอกเขาว่าสกีน่ะสนุกมาก! เพราะเขาชอบหัวเราะเยาะตอนฉันพูดถึง
พ่อกับแม่ก็ดูจะผิดหวังนิดหน่อย
แต่พอฉันพูดถึงการสอบเขาก็อนุญาตให้มาได้ทันทีเลยล่ะ” เธอพูดอย่างกระฉับกระเฉง
“แล้วแฮร์รี่ล่ะ?”
“เหมือนจะไม่ยอมออกมาจากห้องใต้หลังคาชั้นบนเลยนะ”
เฮเลนพูดแล้วถอนหายใจ “เธอช่วยไปตามให้ทีแล้วกัน ฉันจะเข้าไปรอที่ห้องนอน
พาเขาไปที่นั่นนะ เราคงมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อยนั่นแหละ”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
เธอบอกให้แท็คไปช่วยเฟร็ดกับจอร์จจัดต้นไม้ส่วนเฮเลนไปพาจินนี่ออกมา
เธอรู้ดีว่าจินนี่ยังคงชอบแฮร์รี่ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอกำลังคุยอยู่กับดีนก็ตาม
เฮเลนลากรอนกับจินนี่ขึ้นไปบนห้องนอนที่พวกเขาเคยนอนรวมกันก่อนหน้านี้ ทั้งสามคนเปิดไฟหรี่พอสลัวๆ
แล้วแยกกันนั่งตามเตียงของแต่ละคนรอเฮอร์ไมโอนี่ไปพาแฮร์รี่มา
“นี่เขายังไม่ยอมออกมาจากห้องอีกเหรอ”
จินนี่ถามขึ้นก่อน
“ใช่! ฉันพยายามเรียกเขาลงมาตั้งแต่เช้า" เฮเลนตอบเสียงเครียด
"แถมซีเรียสก็ยังชวนเขาลงมาช่วยกันประดับของในห้องเขายังไม่ยอมลงมาเลยจินนี่”
“ฉันนั่งรถเมล์อัศวินมาล่ะ”
เสียงเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออกอีกครั้ง
แฮร์รี่มีใบหน้าเรียบเฉยต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ที่ทำท่าร่าเริงและเดินไปนั่งบนเตียงของเธอ
และแฮร์รี่ก็เดินมานั่งบนเตียงของเขาข้างๆ เฮเลน “ดัมเบิลดอร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังแล้ว
แต่ก็คงต้องรอจนกว่าจะเปิดเทอมอย่างเป็นทางการถึงจะออกเดินทางได้
อัมบริดจ์โกรธจนหน้าเขียวเลยที่พวกเธอทั้งกลุ่มหายไปหมดทั้งที่อยู่ใกล้เขาแค่ปลายจมูก
ถึงดัมเบิลดอร์จะบอกแล้วว่าคุณวีสลีย์ต้องเข้าโรงพยาบาลเซนต์มังโก้แล้วเขาก็อนุญาตให้พวกเธอมาเยี่ยมแล้ว...” เฮอร์ไมโอนี่หยุดพูด จินนี่เงยหน้าขึ้นมองแฮร์รี่นิดหน่อย “เธอเป็นไงบ้าง”
“สบายดี”
แฮร์รี่ตอบเสียงกระด้าง เฮเลนหยิบหมอนปาใส่เขาทันที!
แต่เขารับไว้ได้และทำหน้านิ่งเฉยราวกับกำลังเมินเธอ
“เลิกงอแงได้แล้วน่ะ!” เธอว่า
“นายเอาแต่หมกตัวอยู่ที่ห้องชั้นบนตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”
แฮร์รี่ฮึมฮำในลำคอมองหน้าเฮเลนอย่างเอาเรื่อง
เธอรู้สึกหงุดหงิดที่เเฮร์รี่เอาแต่หมกตัวอยู่บนห้องนอนไม่ยอมลงมาทำกิจกรรมอะไรเพื่อผ่อนคลายเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอมั่นใจมากๆ ว่าการทำอย่างอื่นในเวลาที่เครียดๆ
มักจะทำให้สมองโปร่งและคิดอะไรออก ซึ่งสำหรับแฮร์รี่แล้ว เขาคงไม่คิดอย่างนั้น
“มันจริงไหมล่ะ!” เฮเลนพูดต่อ
“แล้วนายก็ไม่ยอมมองหน้าใครเลยสักคน”
“พวกเธอต่างหากที่ไม่ยอมมองหน้าฉัน!!” แฮร์รี่ขึ้นเสียง โยนหมอนทิ้งไปอีกทาง
“เราอยากคุยกับเธอนะแฮร์รี่”
จินนี่พูด “แต่เธอก็เอาแต่อยู่ในห้องนั่นตั้งแต่....”
“ฉันไม่ต้องการให้ใครมาพูดกับฉัน”
เขาพูดแล้วดูจะหงุดหงิดมากขึ้นและนั่นมันก็ทำให้เฮเลนรู้สึกหัวเสียตามไปด้วย
เธอคว้าหมอนอีกใบเขวี้ยงใส่เขาอีกรอบ คราวนี้แฮร์รี่ปัดมันทิ้งแล้วจ้องเฮเลนเขม็ง
ความย้อนแย้งในตัวเขามันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเรื่องที่เธอกำลังเครียดเสียอีก!
“นายมันงี่เง่า! นายคิดว่ามีนายคนเดียวรึไงที่เคยเจอเรื่องแบบนี้”
เฮเลนพูดเสียงดัง “ถ้าเกิดคืนนั้นฉันหลับเหมือนนาย
ฉันก็คงจะต้องโดนเขาเข้ามาครอบงำเหมือนกัน! อย่ามาคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่เจอเรื่องนี้สิ
เพราะแค่ฉันไม่ได้นอน เพราะแค่ฉันไม่อยากนอน...”
เสียงของเฮเลนอ่อยลงทันทีเมื่อต้องคิดถึงเหตุผลที่เธอนอนไม่หลับ
เธอหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างและเลิกสนใจแฮร์รี่เพราะตัวเองมีเรื่องให้เครียดมากกว่านั้น
เรื่องที่ว่าเธอจะแก้ไขยังไงใหเซีเรียสไม่ตาย แต่เธอดันกลับมั่นใจว่ายังไงความตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน
“คิดดูนะแฮร์รี่”
จินนี่พูดเสียงเรียบ
“เธอไม่รู้จักใครอีกแล้วนอกจากฉันที่เคยถูกคนที่รู้ว่าใครครอบงำ
ฉันเองก็บอกเธอได้ว่ามันรู้สึกยังไง อีกอย่าเฮเลนเองก็แป็นแฝดเธอ
คิดว่าเขาไม่มีสิทธิ์ครอบงำเฮเลนตอนเธอหลับงั้นเหรอ?
เธอเห็นฝาแฝดของเธอหลับตาลงตอนกลางคืนบ้างรึยัง?”
จินนี่ยังคงพูดต่อ
เฮเลนไม่รู้ว่าตอนนี้แฮร์รี่ทำหน้ายังไง
เธอรู้แค่ว่าเธอพยายามมองอะไรก็ตามที่อยู่ด้านนอกนั่นและนับหนึ่งถึงล้านในใจเพื่อให้อารมณ์สงบลงและไม่คิดมากในขณธที่เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนมาเข้ามากุมมือของเธอเอาไว้เบาๆ
“ฉันเห็นทุกคืน
เฮเลนแทบไม่ยอมนอนหลับ!" เฮอร์ไมโอนี่พูด "ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่แฮร์รี่
เธอควรคิดบ้างนะว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่เขาสามารถเข้าครอบงำได้”
แฮร์รี่ยังคงเงียบ
เฮเลนไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงตอนนี้แต่ฉันรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมันแทงใจดำเขาเต็มๆ
ใช่! ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ถูกครอบงำได้
เธอเองก็เหมือนกัน แถมจินนี่ก็ยังเคยโดนครอบงำมาแล้ว
พูดตามตรงว่าเขาไม่ใช่คนเดียวหรอกที่รู้สึกถึงโวลเดอมอร์
“ฉันลืม”
พักหนึ่งเขาก็พูดขึ้น “ฉันขอโทษ -- แต่ความฝันที่ฉันฝันเกี่ยวกับพ่อของรอนแล้วก็งูนั่นน่ะ...”
“แฮร์รี่
นายก็ฝันทำนองนี้มาแล้วตั้งหลายรอบ” รอนว่า
“เธอเห็นภาพแว้บๆ
ว่าโวลเดอมอร์กำลังจะทำอะไรตั้งหลายหนเมื่อปีก่อน” เฮอร์ไมโอนี่ต่อ
“แต่นั่นมันต่างกัน”
แฮร์รี่พูดอีกครั้ง เฮเลนพยายามนั่งฟังพวกเขาเงียบๆ “ฉันอยู่ในงูนั่น
มันเหมือนว่าฉันเป็นงูตัวนั้น...
บางทีโวลเดอมอร์อาจจะใช้วิธีอะไรสักอย่างส่งตัวฉันมาลอนดอน...”
“นี่”
เฮอร์ไมโอนี่ขัด
ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจในขณะที่เฮเลนกำลังมองมักเกิ้ลคนหนึ่งสะดุดล้มหน้าบ้าน
“เธอจะต้องอ่าน ฮอกวอตส์ : ประวัติศาสตร์น่ารู้ บางทีมันอาจจะทำให้เธอจำได้บ้างว่าเธอไม่สามารถหายตัวเข้าออกในฮอกวอตส์ได้เลย
แม้แต่ลอร์ดโวลเดอมอร์ก็ทำให้เธอบินออกจากหอนอนไม่ได้หรอก!”
“แล้วนายก็ไม่ได้ออกไปจากเตียงเลยเพื่อน”
รอนว่า
“ฉันเห็นนายนอนดิ้นไปดิ้นมาอย่างน้อยก็สองสามนาทีกว่าเราจะปลุกนายขึ้นมาได้”
แฮร์รี่เงียบไปในขณะที่เฮเลนเริ่มสงบใจขึ้นมาได้บ้าง
ตอนนี้เธอก็รู้สึกว่าตัวเองลืมตอบจดหมายของเดรโกไปเสียสนิท เฮเลนหันไปทางวงสนทนาอีกครั้งและพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียวแม้กระทั่งแฮร์รี่
“เฮเลน”
แฮร์รี่พูดเสียงแผ่ว ทำหน้าเหมือนหมาหงอย “ฉันขอโทษ ลำบากใจใช่ไหม”
“เปล่า”
เฮเลนตอบพลางยักไหล่ “หายโกรธแล้วล่ะ”
แฮร์รี่ยิ้มขึ้นมาก่อนที่ทุกคนในห้องจะหัวเราะกันครืนเพราะเสียงท้องร้องของเขา
แฮร์รี่เอามือมากุมท้องนิดหน่อยก่อนที่จินนี่กับรอนและเฮอร์ไมโอนี่จะชวนให้ลงไปทานมื้อค่ำ
เฮเลนรอให้พวกเขาลงไปก่อนและเดินไปค้นหากระดาษกับปากกาขนนกในกระเป๋าเพื่อเขียนจดหมายตอบเดรโกและส่งให้เขาภายในคืนวันคริสมาสต์นี้
ถึง เดรโก มัลฟอย
สวัสดีวันคริสมาสต์อีฟ
ฉันมาอยู่ที่บ้านของครอบครัวได้ระยะหนึ่งและคิดว่าตัวเองเริ่มปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว
-- อากาศที่นี่ดีมากเลย แต่ว่าฉันอยากกลับไปที่ฮอกวอตส์มากกว่า
เพราะที่นี่ไม่มีนายนี่นา...
จะว่าไปแล้ว ฉันเจอของขวัญของนายแล้วนะ นกฮูกตัวนั้นเอาไปซ่อนเสียจนฉันจำเป็นต้องเอาขนมมาแลกอย่างช่วยไม่ได้
ทีนี้ก็ขอบใจมากนะสำหรับของขวัญวันคริสมาสต์น่ารักๆ แถมยังมีประโยชน์
แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่ฉันไม่ได้เขียนไปหานายก่อน
เพราะว่าที่นี่มีเรื่องยุ่งๆ ที่ต้องจัดการนิดหน่อย ไม่ว่าจะเรื่องของแฮร์รี่
หรือว่าเรื่องของคนอื่นๆ ฉันก็เลยไม่ได้ว่างมาเขียนจดหมายไปหานาย ขอโทษด้วยนะ
แล้วเจอกันตอนเปิดเทอม
ด้วยรัก
เฮเลน พอตเตอร์
เธอยืนยิ้มกับจดหมายในมือแล้วมองไปยังนกฮูกของบ้านมัลฟอยที่ยังไม่ได้ไปไหน
มันคงรู้ดีว่าที่นี่ไม่สามารถส่งนกฮูกเข้าออกไปได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นเฮเลนจึงนำจดหมายนั้นผูกเอาไว้ที่ขาของมันพร้อมกับกล่องหมึกอเนกประสงค์ซุกไว้ที่ขนของมันด้วย
ก่อนจะเปิดหน้าต่างให้มันบินออกไป
เช้าวันคริสมาสต์เฮเลนตื่นขึ้นมาพบว่ามีกล่องของขวัญวางเอาไว้ที่ปลายเตียง
แฮร์รี่และรอนแกะกล่องกันเละเทะตั้งแต่เช้าก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาเสียอีก
พวกเขาได้ของขวัญที่น่าทึ่งและทำเสียงดังจนเธอนอนต่อไม่ได้เลยทีเดียว
เฮเลนได้รับผ้าพันคอผืนหนาจากคุณนายวีสลีย์
สมุดบันทึกประจำวันสำหรับเขียนชีวิตประจำวันตัวเองลงไปได้แบบไม่มีวันหมดเพราะมันหนาซะจนบรรยายไม่ถูก
ซีเรียสกับลูปินให้ของขวัญเป็นหนังสือการพยากรณ์ขั้นสูง
เฮเลนพลิกมันไปมาในมือนิดหน่อย
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะรู้จักความสามารถของเธอเป็นอย่างดี
แฮกริดส่งพัฟสไกต์มาให้เธอตัวหนึ่งพร้อมกับกรงเล็กๆ
หนึ่งใบและจดหมายที่เป็นของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์แนบมาพร้อมกับหนังสือทำนายความฝันให้แม่นกว่าใคร
นี่ถึงขนาดฝากแฮกริดส่งมาให้เลยหรือ
ดูเหมือนว่าเธอจะคลั่งไคล้ความสามารถจนเกินไปหน่อยกระมัง
รอนให้ลูกกวาดระเบิดเปรี๊ยะกับเธอ
ส่วนแฮร์รี่ให้หนังสือศาสตร์มืดและเวทมนตร์คาถาระดับกลางกับการฝึกบินขั้นพื้นฐานมาให้เฮเลน
ก็ถือว่าเป็นพี่ที่รู้ใจ
เพราะในวิชาการบินเฮเลนยังค้นพบว่ามันเลวร้ายเหมือนกับที่แม้ด-อายบอกไม่มีผิดเพี้ยน ท็องส์ส่งโมเดลนกฮูกน้อยมาให้
เธอเดาว่ามันคือเฮนรี่ มันดูน่ารักมากจริงๆ เหมือนกับเฮนรี่ฉบับย่อส่วนเลย
รอนบอกเธอว่าขนาดของมันไม่ได้ต่างจากเฮนรี่ตัวจริงเสียเท่าไหร่
เฮเลนเบ้หน้าใส่เขาและเก็บของทั้งหมดลงไปในหีบ
“นี่เฮเลน!” แฮร์รี่ร้องเรียก “ด๊อบบี้ส่งไอ้นี่มาให้เธอ”
เขาโยนกระดาษใบหนึ่งมาให้เฮเลนบนกระดาษแผ่นนั้นมีรูปวาดหน้าตาประหลาดที่เธอพยายามมองมันกลับหัวซ้ำไปซ้ำมาก็ยังคงมองไม่ออกว่ามันคืออะไร... ขอบใจก็แล้วกันนะด๊อบบี้
“สุขสันต์วันคริสมาสต์!!” เฟร็ดกับจอร์จโผล่พรวดขึ้นมาที่ปลายเตียง
เฮเลนแทบจะโยนกล่องลูกกวาดของรอนใส่พวกเขา พวกนี้หายตัวมาจากข้างล่างแน่ๆ
“นี่ของเธอเฮเลน”
จอร์จว่าแล้วยื่นช่อดอกไม้ที่เพิ่งเสกขึ้นมาให้
“เอาเป็นว่าพวกนายอย่าเพิ่งลงไปข้างล่างก็แล้วกันนะ”
เฟร็ดว่า “แม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ”
“เพอร์ซี่ส่งเสื้อหนาวคริสมาสต์กลับมาน่ะ”
จอร์จพูดต่อ “ไม่มีอะไรแนบมาด้วยเลย
ไม่ถามสักนิดว่าพ่อเป็นไงบ้างแล้วก็ไม่โผล่หน้ามาเยี่ยมเลยด้วย”
“เราก็พยายามบอกแม่แล้วนะ”
เฟร็ดพูดพลางหยิบชอคโกแลตของรอนมากัด “มันไม่ได้ผล”
เฮเลนกับแฮร์รี่มองหน้ากัน
พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการพูดคุยกันเรื่องเพอร์ซี่
เฮเลนรีบเก็บของลงไปในหีบและไล่พวกผู้ชายลงไปข้างล่างก่อนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงบันไดตามไป
ระหว่างทางพบกับเฮอร์ไมโอนี่ รอนและแฮร์รี่ยืนคุยกันอยู่ที่บันได
ฟังดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเอาของขวัญอะไรสักอย่างไปให้ครีเชอร์
เฮอร์ไมโอนี่เดินนำสามคนไปยังห้องใต้ดิน
เธอหยุดอยู่ที่หน้าเตาและชี้ไปยังประตูมอซอที่อยู่ตรงมุมตรงกันข้ามกับห้องเก็บอาหาร
แอบเห็นแท็คยืนคุยกับนางวีสลีย์ตอนที่เดินผ่านครัวมานิดหน่อยแต่ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่นัก
“นี่เหรอห้องนอนครีเชอร์”
รอนเอ่ย เดินเข้าไปที่ประตูก่อนเป็นคนแรก
"ยังไม่เคยมีใครเห็นมันเปิดออกมาก่อนเลย"
“ใช่แล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าทางตื่นเต้น “ฉันว่าเราควรเคาะประตูนะ”
รอนเคาะประตูนั้นด้วยข้อนิ้ว
ไม่มีเสียงตอบ เมื่อเป็นแบบนั้นเขาจึงกระชากประตูบานนั้นออกเต็มแรง
ฝุ่นด้านในลอยคลุ้งออกมาทำเอาเฮเลนและคนอื่นไอจนเจ็บคอ ภายในซอกเล็กๆ
นั้นเป็นที่ตั้งหม้อต้มน้ำแบบโบราณขนาดใหญ่
แต่พื้นที่บริเวณข้างในนั้นครีเชอร์สร้างเอาไว้เหมือนกับเป็นรังนอน ย้ำ เรียกว่า 'รังนอน' ได้เลย
ผ้าขี้ริ้วนานาชนิดและผ้าห่มเก่าๆ
หลายผืนกองสุมกันอยู่ มีรอยกดลึกบอกให้รู้ว่าเป็นที่ที่ครีเชอร์นอนขดอยู่ทุกคืน
มีเศษเปลือกขนมปังเก่าๆ และเนยขึ้นรา
มีรูปภาพครอบครัวในกรอบรูปเงินแตกร้าวที่แฮร์รี่กระซิบว่าซีเรียสโยนมันทิ้งไปตั้งแต่หน้าร้อน
รูปภาพของคนตัวเล็กๆ สีขาวดำนั่นจ้องมองมายังพวกเขาด้วยท่าทางหยิ่งยโส
ผู้หญิงผมสีดำเปลือกตาหนาขอบตาดำปื้น
เบลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ อยู่ในกรอบรูปด้านหน้าสุด
เหมือนว่าหล่อนจะเป็นคนโปรดของครีเชอร์เลยทีเดียวและมันคงพยายามซ่อมรูปนั้นด้วยเทปกาววิเศษ
“ฉันว่าฉันจะวางของขวัญเอาไว้ตรงนี้ล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางวางกล่องของขวัญเอาไว้ตรงรอยกดลึกแล้วเลื่อนมือปิดประตูเบาๆ
“หวังว่าเขาคงมาเจอมันนะ”
“คิดอีกที”
เสียงของซีเรียสดังขึ้นหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ปิดประตูลงและพวกเราทุกคนหันกลับไปมองหน้าเขาที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ทางด้านหลัง
“มีใครเห็นครีเชอร์บ้างช่วงนี้”
เฮเลนรู้สึกใจหายกับประโยคนั้น
เธอรู้ดีว่าครีเชอร์หายไปไหนและหายไปพบกับใคร
แต่เธอจะทำอย่างไรถ้าพวกเขาถามว่าเธอรู้ได้ยังไง เธอจะตอบพวกเขาไปยังไงล่ะ ครีเชอร์หนีไปเพื่อพบเบลาทริกซ์เพราะซีเรียสสั่งให้มันออกไป! อย่างนั้นเหรอ -- ได้มีคนเดือดร้อนแน่
“ผมไม่เห็นเลยตั้งแต่มาที่นี่”
แฮร์รี่บอก
“คุณเคยสั่งให้มันออกไปนี่คะ”
เฮเลนพูดเปรยๆ "เขาอาจจะคิดว่าให้ออกไปที่ไหนก็ได้แน่ๆ --
คุณคิดว่าเขาจะไปไหนคะ"
“นั่นน่ะสิ”
ซีเรียสตอบ “ฉันคิดว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมัน คงไปซ่อนอยู่ไหนแน่ๆ”
“เขาออกไปข้างนอกรึเปล่าคะซีเรียส”
เฮเลนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ้าของใบหน้าซูบขมวดคิ้วหนักขึ้น
"บางทีอาจจะไปที่ไหน --"
“ไม่หรอก
เอลฟ์ประจำบ้านไปไหนไม่ได้นอกจากได้รับเสื้อผ้า" ซีเรียสบอก "พวกมันน่ะถูกผูกติดเอาไว้กับบ้านของครอบครัวที่มันต้องรับใช้”
“พวกมันสามารถออกไปจากบ้านได้นะครับ”
แฮร์รี่ค้านขึ้น “ด๊อบบี้เคยทำ...
มันทิ้งบ้านมัลฟอยมาเตือนผมกับเฮเลนเมื่อสองปีก่อนว่าอย่าเข้าไปที่ฮอกวอตส์”
เขาว่าแล้วหันหน้ามาทางเฮเลน
เธอกยักหน้าให้เขาด้วยสีหน้ากังวลและอยากจะบอกเขาว่าครีเชอร์ได้หายตัวไปไหนแต่ความกล้าที่มีอยู่มันน้อยเกินไป
เธอรู้สึกว่าควรเก็บมันเอาไว้ในใจดีกว่าที่จะพูดออกไป ใบหน้าซีเรียสดูกังวลใจขึ้นมานิดหน่อย
“ฉันจะตามมันที่หลังก็แล้วกัน
ฉันคิดว่าคงจะเจอมันอยู่ข้างบน
ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดกับกางเกงตัวเก่าของแม่ฉันหรืออะไรทำนองนี้
แน่นอนว่ามันอาจจะตายในตู้เสื้อผ้าแล้วก็ได้” เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ฉันต้องไม่คาดหวังมากเกินไป”
เฟร็ด
จอร์จกับรอนหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังจนเฮเลนต้องหันไปมอง
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบูดเบี้ยว
หลังจากที่พวกเรารับประทานอาหารกลางวันฉลองวันคริสมาสต์กันเสร็จแล้ว
ซีเรียสกลับมาบอกเราว่าครีเชอร์แอบซุ่มอยู่ห้องใต้หลังคา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังหาของที่ระลึกเก่าแก่ของตระกูลแบล็กอยู่
ครีเชอร์ดูอารมณ์ดีขึ้นนับตั้งแต่มันกลับมา
แต่มันทำให้เฮเลนรู้สึกไม่สบายใจชอบกลอยู่
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ลืมว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
หลายครั้งที่เธอนึกขึ้นมาได้และเผลอมองไปทางซีเรียสด้วยสายตาเป็นกังวล
แฮร์รี่ก็จะถามขึ้นมาทุกที
ในคืนนั้นหลังจากที่ทุกคนนอนหลับ
เฮเลนกลับไม่สามารถหลับตาลงไปได้เลย การขัดขวางความตายไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
เธอลุกขึ้นจากเตียงและไปยืนริมหน้าต่าง พระจันทร์ทรงรีกำลังส่งสว่าง
แสงของมันช่างละมุลราวกับกำลังปลอบใจ ไม่กี่วินาทีเธอก็เห็นว่าแฮร์รี่ยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงและขยี้ตาไปมา
“ทำอะไรอยู่เหรอเฮเลน"
เขาถามเสียงงัวเงีย "ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก”
“นอนไม่หลับน่ะ”
เฮเลนพูดเสีียงเอื่อยๆ
“งั้นเหรอ”
เสียงสวบสาบทางด้านหลังบอกให้รู้ว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอกำลังลุกขึ้นจากเตียง
และเสียงลากเท้าทำให้รู้ได้ทันทีว่าแฮร์รี่กำลังเดินเข้ามาหาเธอตรงหน้าต่าง “ดูช่วงนี้เธอเครียดๆ นะ”
“ฉันเป็นงั้นเหรอ”
เฮเลนเหล่ตามองแฮร์รี่ เขายกมือขยี้ตาไปมาท่าทางงัวเงีย
“ใช่
ดูเหมือนมีอะไรต้องคิดตลอดเวลาเลย” เฮเลนสะดุ้งเบาๆ เรื่องของซีเรียสลอยกลับมาในหัว
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืนๆ “ไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร
ฉันแค่เป็นห่วงน่ะ กลัวว่ามัลฟอยจะทำอะไร...”
“ไม่ใช่เขาหรอก”
เฮเลนตอบเสียงเรียบก่อนจะหันไปหาแฮร์รี่ มองเข้าไปในดวงตาสีเขียวของเขา
แววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจ
"ฉันมีเรื่องที่หนักใจมากกว่านั้น แต่ฉันไม่กล้าที่จะบอกใคร"
"เรื่องอะไรล่ะ"
แฮร์รี่ถาม น้ำเสียงเป็นกังวลขึ้นมา "สำคัญกับพวกเราใช่ไหม"
เฮเลนพยักหน้าและกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่และพยายามเรียบเรียงคำพูดทั้งหมดในสมองจนในที่สุดก็ค้นพบว่าควรจะบอกเขาเรื่องนี้อยังไง
"ใช่
มันเกี่ยวกับนาย ฉันและที่สำคัญที่สุดคือซีเรียส" เฮเลนพูดเสียงเบา
"ฉันเห็น... ฉันเห็นจริงๆ นะแฮร์รี่"
"เห็นอะไรงั้นเหรอ"
"ซีเรียส...
ซีเรียสกำลังจะตาย" เฮเลนสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆ
"ซีเรียสกำลังตกอยู่ในอันตราย - เขาจะต้องตายแน่"
"เธอว่าไงนะ!"
แฮร์รี่มีท่าทางตกใจ "ทำไม เขาจะตายได้ยังไง บอกฉัน - เฮเลน - บอกฉัน!"
"ใจเย็นๆ
แฮร์รี่" มือทั้งสองของแฮร์รี่จับไหล่เล็กเขย่าไปมาอย่างแรงเพื่อเร่งคำตอบ
เฮเลนแตะเบาๆ ที่หลังมือของแฮร์รี่ และสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง
แฮร์รี่ดูเหมือนพยายามตั้งสติ เขาก้มหน้าลงซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของเฮเลน
"นายต้องไม่เชื่อสิ่งที่ความฝันบอก - ไม่ใช่ทั้งหมด -
ความฝันของนายหลังจากนี้จะไม่เป็นจริงทั้งหมด ได้โปรดอย่าเชื่อและไปตามเขา
จงอย่าใจร้อน - ได้โปรด - ฟังฉัน เชื่อฉันแฮร์รี่"
"ทำไม"
เขาถามเสียงอู้อี้ "เรื่องของคุณวีสลีย์ วันนั้นมันก็เกิดขึ้นจริงไม่ใช่เหรอ
ทำไมล่ะเฮเลน"
"เชื่อฉันแฮร์รี่"
เฮเลนย้ำ "ถ้าเกิดเธอถูกมันครอบงำ มันจะทำร้ายเธอ"
"เธอพูดอะไร
เธอหมายถึงใครครอบงำฉัน" แฮร์รี่พูด น้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความสงสัย
"เธอหมายถึง..."
"ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อเราก็รู้กันใช่ไหม"
เฮเลนถอนใจเบาๆ "ฉันเป็นห่วงนายนะ
เรื่องที่ต้องไปกับศาสตราจารย์สเนปก็ด้วย"
“รู้ด้วยเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเธอ
“แน่สิ"
เฮเลนย้ำ "ไหวรึเปล่าแฮร์รี่”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไหว”
จบประโยคนั้นสองแขนก็เลื่อนเข้ามาโอบกอดร่างของเธอในทันที
ประโยคที่เขาบอกว่าเขาไหวเหมือนกับกำลังโกหก
เฮเลนกอดตอบแฮร์รี่พร้อมกับลูบหลังเขาเบาๆ
เธอรู้ว่าเขาแบกอะไรอยู่หลายอย่างที่ขนาดเธอเองก็ยังแบกแทบไม่ไหวแล้วตอนนี้เขายังต้องมาแบกความกังวลใจเรื่องของซีเรียสอีก
เธอควรจะทำยังไงดี พระเจ้าจะช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ไหมนะ
ในเมื่อท่านส่งเธอมาที่นี่ ท่านควรช่วยเหลือเธอด้วย...
“เราจะสู้ไปด้วยกันนะ”
เฮเลนบอกเขา
“อืม”
แฮร์รี่ขานตอบในลำคอ สองพี่น้องกอดกันอยู่นานกว่าจะไปเข้านอน
และเฮเลนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะผ่านสุดสัปดาห์นี้ไปโดยที่ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
หีบสามสี่ใบและกรงของสัตว์เลี้ยงวางเรียงรายอยู่ภายในห้องโถงของบ้านตระกูลแบล็ก
วันนี้เป็นวันที่เด็กๆ ต้องเดินทางกลับไปยังฮอกวอตส์แล้ว
อาเธอร์และมอลลี่ห่อขนมเตรียมเอาไว้ให้ลูกๆ ของพวกเขาพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่ แท็ค เฮเลนและแฮร์รี่ด้วย
ทุกคนเดินทางไปส่งเด็กๆ อีกครั้งที่สถานีคิงส์ครอส
วันนี้ซีเรียสเดินทางมาส่งสองแฝดอีกแล้วโดยการกลายร่างเป็นอนิเมจัส
หรือทุกคนจำต้องเรียกเขาว่า ‘เท้าปุย’ อย่างช่วยไม่ได้
ทุกครั้งที่เขาเห่าขึ้นมาด้วยเสียงใหญ่ๆ นั่น นางวีสลีย์มักจะหันไปเอ็ดเขาอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เท้าปุยส่งเสียงรบกวนมักเกิ้ลคนอื่นในชานชาลา
แฮร์รี่มองหน้าเฮเลนด้วยสายตากังวลเมื่อเห็นซีเรียสทำอย่างนั้น
เธอจับมือเขาและอยากบอกเขาว่ามันจะไม่เป็นไรถ้าหากแฮร์รี่ไม่เชื่อความฝันที่กำลังครอบงำตัวเขาอย่างเงียบๆ
ในทุกๆ คืน
มันดูตลกที่การกลับมาที่ฮอกวอตส์คราวนี้ดูเหมือนปกติอย่างไม่น่าเชื่อ
ราวกับว่าพวกเขาลืมเรื่องของอัมบริดจ์ไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
แฮร์รี่มุ่งตรงไปหาโช แชงทันทีที่เขามาถึงฮอกวอตส์
เฮเลนคิดว่านี่เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำให้แฮร์รี่ลืมเรื่องราวต่างๆ
ไปได้ในทุกวินาทีที่พบกัน
“ฉันคิดถึงเธอจัง" เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์จางยืนอยู่ตรงนาฬากาทรายบรรจุอัญมณีที่เปรียบเสมือนคะแนนบ้านที่หน้าประตูทางเข้าห้องโถง
เดรโกยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาเฮเลนสายตาที่เต็มไปด้วยความยินดีและจดหมายในมือ
เขาใช้จดหมายตีศีรษะของเด็กสาวทันทีที่เดินมาถึงตัว “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ"
"ยินดีเช่นกันนะ" เฮเลนยิ้มและเลื่อนมือไปกุมมือเขา
"ฉันเองก็คิดถึงนายนะเดรโก"
"มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไหม" เขาพูดพลางยิ้มกว้าง
"หรือเราจะไปเจอกันที่ห้องต้องประสงค์ดี"
"เอาสิ" เฮเลนตอบรับโดยไม่ลังเล
ติดตามตอนต่อไป...
***ปล. ไรท์เปลี่ยนอายุให้ขยับนิดนึงเนอะ ปกติจะเข้าฮอกวอตส์ตอน 11 ขวบ
แต่ไรท์เปลี่ยนเป็น 13 แทน เพื่อแท็คจะได้ไม่ดูเด็กน้อยเกินไปที่จะมีความคิด 15+
ดังนั้นตอนนี้แฮร์รี่ เฮเลนและคนอื่นๆ อายุ 17 จ้า***
ความคิดเห็น