คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [AU KHR | Reborn] Crime Scene [อากิฮิโระ อายามะ]
สเก็ดดาราดวงที่สิบสาม
สตรีโฉมงามผู้ครอบครองหทัยอันแข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยความหนักแน่น
นางผู้กล้าที่จะเสี่ยง เเละพร้อมจะเผชิญกับขวากหนามมากมายทั้งหลาย
ดูราวกับปราการอันแข็งแกร่งที่น่าฝากฝังชีวิต แต่แท้จริงเเล้วร่างกายนี้ก็เปราะบางมิเเพ้ใครอื่นเลย
{The Lady of Hardiness
Akihiro Ayama}
S E C R E T ? ? ?
| S T R O N G Girl Akihiro Ayama
|
PART 1
ชื่อ-นามสกุล :: อากิฮิโระ อายามะ l Akihiro Ayama
ชื่อเล่น ::
ฮิโระ l Hiro [คนทั่วไปมักเรียกเธอเช่นนี้]
อายามะ l Ayama [สำหรับเพื่อนๆ ที่รู้จักกันในระดับหนึ่ง]
ยะตัน l Ya-tan [สำหรับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทกันมากๆ ll ยะตันมาจากพยางค์ที่สองในชื่อ รวมกับคำลงท้าย ตัน ที่ไว้ใช้เรียกเด็กผู้หญิงที่น่ารัก หญิงสาวที่รับเลี้ยงเธอนั้นเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้กับเธอ]
ความหมาย :: อากิฮิโระ {ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์} l อายามะ {ฝนตกกลางคืน} ll อากิฮิโระ อายามะ {หยาดฝนซึ่งโปรยปรายลงมายามค่ำคืน เพื่อเป็นดั่งสักขีพยายานของชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์นั้น}
สัญชาติ :: ญี่ปุ่น {เชื้อชาติ - ???}
อายุ :: 31 ปี
PART 2
รูปร่างลักษณะ :: อากิฮิโระ อายามะ หน้าตาเป็นเช่นไร? คำกล่าวที่อธิบายได้อย่างครอบคลุมนั้นคือความงดงามที่เป็นดั่งกระเรียนขาวที่งามสง่า ทั้งเกศายาวจรดบั้นเอวสีเงินเเวววาวงดงาม ล้อมกรอบโครงหน้าเรียวสวยได้รูปไข่ไว้อย่างลงตัว กายบางปรากฏกลิ่นซากุระหอมอ่อนๆ อบอวลติดตัวเสมอเป็นกลิ่นประจำกาย เครื่องหน้าทั้งห้างดงามได้ทรงงามสง่า จมูกโด่งโค้งเป็นสันสวยโดยธรรมชาติ ริมฝีปากหยักมักเหยียดตรงสีอ่อนน่าจุมพิต คิ้วโก่งโค้งประหนึ่งจันทร์เสี้ยวประดับฟ้าสีเดียวกันกับเกศายาว รับไปกับนัยน์ตาคมเฉี่ยวสวยมีเสน่ห์ สีดั่งเเสงของอาทิตย์อัสดงยามตกดิน สีส้มประกายแดงอันน่าหลงใหล ตัดกับผิวกายขาวสะอาดได้รับการบำรุงอย่างดี รูปร่างสวยงามได้สัดส่วน สูงโดดถึง178ซม. ประกอบเหมาะไปกับน้ำหนัก62กก. ดูราวกับนางเเบบชั้นนำที่หลุดมาจากหน้านิตยสารอย่างไรอย่างนั้น น่าเสียดายไปหน่อยที่ว่ารสนิยมและลักษณะนิสัยของเเม่คุณ ออกจะเป็นลุคแมนมากกว่าสาวสวยสง่าตามลักษณ์ภายนอกเสียนี่
ลักษณะนิสัย ::
อากิฮิโระ อายามะเป็นผู้หญิงอินดี้เเละติสท์แตกชนิดนึ่ง ความสวยงามบนใบหน้าของเธอไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันความงามหยดย้อยภายในแต่อย่างใด ไม่ใช่ว่ามีนิสัยที่เน่าเฟะอะไรหรอก เพียงเเค่ตัวอายามะนั้นแทบจะไม่มีเลยที่จะมีส่วนไหนมาเหมาะสมคู่ควรกับคำว่า กุลสตรี เหมือนกับว่าเป็นเเม่เหล็กขั้วเดียวกันที่มีแต่จะผลักกันออกห่างเสียมากกว่ากระมัง คำที่เหมาะกับคนเป็นแบบเธอจริงๆ เห็นทีจะมีเเต่คำจำพวกว่า มาดเเมนเกินร้อย ห้าวเกินชาย อะไรแบบนี้เสียมากกว่าน่ะนะ อากัปกิริยาคำพูดของเธอนั้นสวนทางกับใบหน้า อย่างที่บอก อายามะเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เธอมีรูปหน้าเเละสัดส่วนทองคำที่น่าหลงใหล ไหนจะประกายตาแวววาวดั่งเเสงทับทิมเลอค่านั่นอีกเล่า มองเเล้วชวนเคลิ้มเสียจนใจเต้นเป็นส่ำไปหมด เเต่นิสัยน่ะเหรอ?..อืม อย่าคาดหวังอะไรกับมันนักเลยที่รัก
พูดเเล้วจะบอกว่าจะเป็นจำพวกงามแต่รูป จูบไม่หอมก็คงต้องบอกว่ากึ่งๆ เพราะอายามะก็แค่ผู้หญิงแมนๆ ลุยๆ แต่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ท่าทางของเธออาจจะดูมาดเเมนไปเสียบาง อย่างการติดนิสัยชอบนั่งขัดสมาธิหรือแหกแข้งแหกขาจำพวกนี้ การกระโดดโลดโผนก็เป็นอะไรที่คุ้นๆ กันดี เหมือนกับนักกายกรรมที่ชอบกระโดดโลดเต้นไปมา อายามะเป็นคนตัวอ่อนเเละมีทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และมีความคิดประมาณว่า ธรรมดาโลกไม่จำ เธอเลยมักติดนิสัยวิ่งหลบสิ่งของหรือหมุนตัวเเบบเฟบลูลัส (?) เป็นพิเศษ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็คือธรรมชาติของเธอที่ไปเองโดยมีหน้านิ่งๆ เป็นตัวประดับ ประหนึ่งว่านี่คือเรื่องทั่วไปธรรมดาๆ ของมนุษย์โลกก็ไม่ปาน
อายามะออกจะเป็นคนที่เเข็งแกร่งเกินหญิงไปซะหน่อย เนื่องจากเจ้าตัวคุ้นชินกับการใช้ชีวิตด้วยลำเเข้งตัวเองมาตลอด การขอร้องความช่วยเหลือหรือให้ใครมาคอยปกป้องจึงไม่ใช่สไตล์ของเธอ อายามะชอบที่จะทำเเละลุยกับสิ่งต่างๆ ด้วยตัวของเธอเองมากกว่าการวิ่งโร่ไปขอความช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างนั้น อายามะยังคงอยู่ในกฎของพระเจ้าที่ว่า ผู้ชายจะมีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงเสมอตามหลักสรีระศาสตร์ ดังนั้นร่างกายของเธอจึงไม่ได้เเข็งแรงบึกบันเป็นกระทิงลั่นแต่อย่างใด ก็เจ็บง่ายอ๋องง่ายแบบคนทั่วไปแหละ แค่ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้สึกแยแสต่อบาดเเผลอะไรเท่าไหร่ เลยไม่แคร์ที่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัวก็เท่านั้น บวกกับว่าถึงจะเจ็บตัวกลับมาเเม่คุณก็ดูเเลตัวเองให้หายขาด และรู้ลิมิตตัวเองดีว่าตรงไหนควรพอหรือลุยต่อ ดังนั้นคนทั่วไปเลยไม่ค่อยจะห่วงเธอเท่าไหร่นักเว้นแต่จะเดินเลือดโชกหัวกลับมาอ่ะนะ..
แต่พูดงั้นงี้ไปเรื่อย ผิวพรรณของหล่อนไม่ได้เป็นริ้วลอยด่างพร้อยอะไรจากแผลพวกนั้นหรอกนะ จริงอยู่ที่อายามะออกจะวิ่งเต้นโลดโผนไปบ้าง แต่เจ้าตัวยังคงเป็นสตรีนางหนึ่ง เธอดูเเลผิวพรรณหน้าตาของตัวเองอยู่บ้าง ประมาณว่าทาครีม หรือยาลบรอยแผลเป็นอะไรงี้อยู่ เนื่องด้วยเป็นนิสัยที่ติดมาจากคุณแม่บุญธรรมที่มักขู่เข็ญให้ทาประจำตั้งเเต่เด็ก นั่นจึงถือเป็นเหตุว่าทำไมอายามะถึงเป็นสาวสวยสะพรั่งได้ขนาดนี้ทั้งที่นิสัยโคตรไม่ให้ยังไงล่ะ อีกอย่าง การทำแผลนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เธอทำได้ตั้งเเต่เเผลเล็กๆ อย่างรอยถลอกจนถึงการเย็บแผล อายามะเคยเข้ารับหลักสูตรการปฐมพยาบาลระดับกลางมาเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย บวกกับเวลาต่อมาได้นำมาปฏิบัติใช้บ่อยครั้ง เเถมเจ้าตัวยังไม่กลัวแผลหรือเลือดอะไร มันเลยเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะเห็นอายามะนั่งทำแผลให้เพื่อนร่วมงานทั้งหลายในเวลาฉุกเฉินบ่อยครั้ง ถามว่าทำไมฉุกเฉิน? ก็แม่คุณเขามันใจเหี้ยม (?) น่ะสิ มีอย่างที่ไหนราดแอลกอฮอล์ลงแผลเอาดื้อๆ แบบนั้นเล่า..ก็อายามะยังทนได้ เเล้วทำไมคนอื่นจะทนไม่ได้ล่ะหือ?
อายามะมีนิสัยที่มุทะลุมาก ด้วยนิสัยส่วนนี้ทำให้บางครั้งเธอออกจะรีบเร่งบุ่มบ่ามจนเกินไป ทำให้เกิดเรื่องตามมาอยู่เป็นนิจ ยกตัวอย่างเวลามีปากมีเสียง อายามะก็มักเป็นคนที่ฟิวขาดง่ายกว่าใคร หรือตอนที่มีเรื่องตบตีอะไรกัน คุณมักจะเห็นอายามะวิ่งโร่ไปตบตีกับชาวบ้านเขาก่อนใครพวกเสมอ กระนั้นกระนี้ แม้แม่คุณจะทำตัวอย่างว่าก็ไม่ค่อยมีใครว้ากใส่ตอนจบงานเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็แค่ดุนิดๆ หน่อยๆ ว่าคราวหลังช่วยระวังหน่อยนะ หรืออย่าข้าวของพังล่ะ อะไรแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนห่วงกันแบบจริงจังเท่าไหร่ เหนือเหตุผลใดๆ คืออายามะเป็นคนที่สมองกับเซ้นส์กับเเรงมากในตอนฉุกเฉิน--ย้ำ แค่ช่วงเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เรียกว่าสัญชาติญาณดิบมนุษย์อะไรเถือกนั้นก็ได้ ส่วนเวลาปกตินี่บ๊ายบายไปเถอะ เรื่องใช้หัวนี่ขอpassให้หมดเลยเเล้วกัน
เธอมีสกลิลการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในเหตุฉุกเฉินที่ดีเยี่ยม การจัดการอะไรที่มันเหนือความคาดหมายไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอายามะเลย แต่เพราะพื้นเพไม่ใช่คนฉลาดเเบบขั้นสุดอยู่เเล้ว บางทีเธอเลยอาจจะเลือกทางที่ไม่ได้ดีเลิศเป็นพิเศษอะไร แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรพอช่วยได้เลยเเล้วกันล่ะนะ อนึ่ง เจ้าตัวน่ะชอบความเสี่ยง ความแปลกใหม่ และเรื่องท้าทายอยู่เเล้ว ไม่แปลกหรอกถ้าจะกล้าลองนู่นนี่ไปเรื่อย แต่ไม่ได้มั่วซั่วไปงั้นนะ ของแบบนี้ก็ต้องมีคิดหน้าหลังบ้างเป็นธรรมดาอยู่เเล้ว..อายามะเป็นจำพวกที่ชอบคิดแผนสำรองระหว่างปฏิบัติการณ์ อย่างเวลาวิ่งไปตีกับคนอื่นนี่ถึงตอนเริ่มจะวิ่งไปแบบไม่สนเหนือใต้ใดๆ แต่ระหว่างวิ่งแม่คุณจะคิดแผนเผื่อไว้นะ ว่าแบบถ้าเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรืออะไรเหนือความคาดหมายขึ้นมาจะเป็นยังไง แถมเจ้าตัวยังตีนไวสุดๆ กะพริบตาปริบเดียวอาจจะเห็นหลังเธอไวๆ อยู่ฟากสายตาเเล้วก็ได้ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถึงหน้าตาพี่จะพร้อมบอกขนาดไหน แต่ถ้าเห็นว่าสู้เท้าเขาไม่ไหว พี่ก็วิ่งนะคะ (?)
เห็นอายามะเป็นยัยบ้าจอมมุทะลุแบบนี้ แต่เจ้าตัวใส่ใจในรายละเอียดมากนะ อายามะมักจริงจังกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเสมอ เธอจะไม่เร่งรีบหากมันเป็นงานละเอียด เช่นพวกงานวิจิตรอย่างวาดรูปหรือเรื่องของปัญหาจิตใจ คิดเสมอว่าเร่งไปก็เท่านั้น งานไม่ได้เสร็จไวเเละดีขึ้นอะไร มีแต่จะเละลงเละลงเอาน่ะสิ เธอมักมีสมาธิจดจ่อกับงานจำพวกนี้สูงมาก อาจจะดูด่วนคิดไปบ้าง แต่ความจริงเเล้วอายามะเป็นคนรอบคอบมากเลยนะ คงเพราะท่าทีเฉยเมยในเวลาปกติ กับการลื่นไหลในการเตรียมตัวต่างๆ จนดูเป็นกิจวัตรกระมัง มันถึงกลบความรอบคอบของเธอไปจนหมด สาเหตุของความรอบคอบนี้ส่วนมากก็มาจากที่เธอต้องอยู่คนเดียวนั่นแหละ
ในเรื่องของความอดทนของอายามะ มันจะเเยกออกเป็นสองอย่าง อย่างแรกคือเวลาที่ต้องจริงจังกับงาน ทั้งในเรื่องของงานละเอียดเเละโดยทั่วไป ถ้าเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่กระทบกับคนจำนวนมาก อายามะมักรอได้เสมอเมื่อคุณต้องการให้เธอรอ เธอสามารถนั่งเฝ้าการเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ของศพหรือร่องรอยต่างๆ ในสถานที่เดิมๆ ได้เป็นค่อนวัน ขอเเค่มีของกินกับผ้าห่มอุ่นๆ ให้แค่นั้น ก็สามารถตรึงอายามะให้นั่งเฝ้าสังเกตเเละจดบันทึกทุกอย่างได้อย่างง่ายดายเเล้ว สรุปแล้วหากเธอจดจ่อกับอะไรสักอย่าง เธอก็จะมีสมาธิอยู่กับงานนั้นมากๆ และจะไม่มีใครมาทำเธอว่อกแว่กไขว่เขว้ได้ด้วย ใครมากวนกันก็แค่โบกมือไล่ให้ไปให้พ้นเเล้วเมินซะ เป็นอันจบ เรียกได้ว่าใจเย็นผิดกับตอนปกติที่เดี๋ยววาร์ปไปวาร์ปมาอย่างกับอะไรดี เเละไอ้อาการวาร์ปไปวาร์ปมาของนางนี่แหละ คือจำพวกขีดความอดทนอย่างที่สองของเธอ
จริงจังกับงานที่ทำเสมอ ไม่ชอบการทำอะไรทีเล่นทีจริง ทุกอย่างควรจะใส่ความพยายามอย่างเต็มที่และใส่ใจกับมัน ดังนั้นอายามะจึงไม่ชอบคนที่อะไรแค่พอผ่าน ยังไงดีล่ะ?..สำหรับเธอ มันดูเหมือนคนโดนบังคับให้ทำมากกว่าอยากจะทำเอง แล้วเเบบนั้นก็แสดงว่าอีกฝ่ายจะไม่ตั้งใจ ส่งผลให้งานออกมาแย่ เธอไม่อยากทำงานกับคนจำพวกนี้..ถ้าให้เลือกกันจริงๆ เเล้ว อายามะจะสะดวกใจกับการทำงานคนเดียวซะมากกว่า ไม่ใช่ว่าทีมเวิร์คแย่อะไรหรอก เเค่ว่าเจ้าตัวคิดว่าการทำอะไรคนเดียวมันง่ายดีน่ะ ไม่ต้องถามความเห็นใครก่อนด้วย แต่ก็รู้ดีว่ามันมีข้อเสียเยอะมากในด้านอาชีพของเธอ เจ้าตัวจึงไม่คิดปฎิเสธการทำงานเป็นทีมแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าจะรู้สึกไม่ชอบหน้าคนร่วมงามด้วยนั่นแหละ ถึงจะเริ่มทีมแหกขึ้นมา
อายามะมีมนุษย์สัมพันธ์เรียกได้ว่าไม่ดีไม่ร้าย กึ่งๆ ไปทางไม่ทักฉันไม่คุย อะไรแบบนั้นซะมากกว่า หายากนะถ้าจะเห็นเธอเหม็นเบื่อใครจริงๆ จังๆ ได้บ้างสักที เนื่องจากว่าเเม่คุณค่อนข้างจะใจฉัน ใจเรา ไม่ยุ่งกับฉัน ฉันไม่ยุ่งกับเธออะไรแบบนี้ไง เลยไม่ค่อยจะไม่ชอบหน้าใครเท่าไหร่ เว้นก็แต่คนจำพวกที่เรียกว่า พวกขี้ประชดประชัน กับพวกชอบนินทา สำหรับอายามะผู้เป็นมนุษย์เถรตรงเเบบไม้บรรทัด เเละรักในความแมนๆ เปิดอกคุยกัน เลยไม่ปลื้มเเละหัวเสียเอาเรื่องเวลาโดนประชดใส่ อาการประมาณว่า พูดตรงเเล้วจะตาย? ประชดไปเพื่ออะไรอีกล่ะ ว่างมากหรือไงกัน อะไรอย่างนี้ขั้นสุด เธอไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาต้องพูดจาอ้อมชาติเสียดเเซะกันแบบนั้น น่ารำคาญสิ้นดี แถมยังอาจทำให้เข้าใจความหมายได้ผิดไปจากเดิมด้วยนะ..ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อคุณแม่คุณทั้งหลายจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไปทำแปะอะไรนักหนา..รำคาญแท้ชีวิต เฮ้อ สรุปแล้วคือ ไม่ได้เกลียดหรอก แม่คุณแค่รำคาญและหงุดหงิดใจตอนโดนประชดใส่แค่นั้นแหละ นับดูจริงๆ คนที่อายามะเกลียดนี่เเทบไม่มีด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าโดนเธอเกลียดขี้หน้าจริงจังขึ้นมา คุณก็ควรพิจารณาตัวเองหน่อยนะว่าเเย่ขนาดไหน ถึงทำคนโนสนด้อนแคร์แบบเเม่นี่เกลียดหน้าเอาได้ขนาดนั้น..
อายามะมีความลื่นไหลไปตามธรรมชาติ เบสิคพื้นฐานของเธอคือความ สบายๆ เเละไม่ซีเรียสกับชีวิตมากจนเกินไป จะบอกว่าเป็นมนุษย์ชิคๆ ติสๆ ที่ชอบทำตัวสบายอารมณ์ตลอดเวลา (ยกเว้นตอนทำงาน) ก็ว่าได้ อายามะติดนิสัยที่จะทำสีหน้าเฉยเมยติดอึนมึนอยู่ตลอดเวลา เจ้าตัวดูเหมือนคนที่เบื่อหน่ายกับสรรพสิ่งรอบโลกและโคตรจะไม่แยแสต่ออะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ เรื่องตื่นตกใจเองก็เป็นอะไรที่หาได้ยากนักจากสตรีนางนี้ เนื่องจากว่าจิตเเข็งมาก..การเซอร์ไพรส์หรือจั๊มป์สแกร์ใส่อายามะคือความคิดโง่ๆ ชนิดหนึ่ง ต่อให้โผล่มา แฮ่!! ใส่กันตอนตีสาม หรือพาเธอขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา หรือจะให้นั่งแหกตาดูหนังสงคราม ฆาตกรรม เหวอหวะอะไรงี้สามเรื่องติด นางก็ไม่หวั่น มาเหอะ พี่ไม่กรี๊ดให้เสียเชิงหรอกระดับนี้แล้ว
มนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าทำชายแท้เสียมาดมานักต่อนัก ก็คือเธอคนนี้นี่แหละ อายามะไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาปลอบ ประคบประหงมอะไรเธอไปตามอย่างที่บอก เธอน่ะเป็นสายปลอบดูเเลชาวบ้านเขาซะมากกว่า จะเรื่องงานบ้านงานเรือนหรืองานหนัก อายามะทำได้หมด อาจจะไม่ได้ให้คำปรึกษาใครเก่งอะไร แต่เรื่องการปลอบให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย อายามะมักเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างดีเสมอ รู้ว่าใครที่อยากให้แค่รับฟัง หรือใครที่อยากได้รับคำแนะนำกลับไป แต่วิธีหลักๆ ที่เธอมักใช้ นั่นคืออ้อมกอด..อ้อมกอดอุ่นๆ ที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นั่นแหละคือสิ่งที่เธอมอบให้ไปเพื่อล่อหลอมจิตใจของพวกเขาขึ้นมาใหม่ และอายามะก็มักจะชอบปิดท้ายมันด้วยประโยคเท่ๆ ประมาณว่า "เดี๋ยวมันจะต้องโอเค พยายามอีกนิดและใช้ชีวิตให้ผ่อนคลายเข้าไว้" อะไรประมาณนี้ตลอดศก เรียกได้ว่าฟิลลิ่งชายหนุ่มที่สามารถปกป้องคุณได้แม้วันที่ทั้งโลกเป็นศัตรูกับคุณที่แท้ จะว่าก็ว่า อายามะนี่2in1ของจริงเลยนะ จะงานสตรีหรืองานบุรุษก็โอเเบบนี้ ถ้าไม่ติสท์จนเกินไป คาดว่าคงหัวกระไดไม่แห้งเป็นแน่แท้ล่ะ..
อย่างที่บอกว่าเเม่คุณจะติดนิสัยชอบทำหน้าเฉยเมย ดูนิ่งสงัดสงบทุกคำพูด เเถมบางทีก็ชอบขมวดคิ้วบิ่นปากใส่อากาศบ่อยๆ ด้วยประการนี้แม้จะเป็นคนที่สวยมากขนาดไหน แต่ก็ฟิลดูกวนตีนหาเรื่องไปในทีเช่นกัน..เพราะงั้นอย่าถามกันเลยนะว่าทำไมชาวบ้านเขาไม่ค่อยกล้ามาคุยด้วยเท่าไหร่..แต่ถ้าลองถามเจ้าตัวจริงๆ นี่ อายามะตอบไม่ได้นะว่าทำไม ถ้าให้ตอบก็คงเป็นเรื่องทั่วไปแบบ ไม่รู้ดิ ฉันมีกลิ่นปากมั้ง อะไรแบบนี้ คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมคนเขาถึงไม่ค่อยชอบตัวเอง แต่ถ้าถามว่าสนไหม? ก็ไม่อ่ะ Stay Strong , I am อ่ะรู้จักป่ะ? สรุปโดยรวมแล้วก็คือเป็นคนที่สังเกตความเปลี่ยนไปและอารมณ์ของคนอื่นได้ดี แต่ไม่ค่อยคิดจะใคร่อยากสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับรีแอคชั่นหรือฟีลลิ่งของคนนอกที่มีผลต่อตัวเองเท่าไหร่นั่นเอง
นอกจากจะหน้าเนือยแบบนี้แล้ว มันยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้ชาวบ้านไม่คิดอยากสนิทใจกับสตรีคนนี้ หนึ่งในนั้นคือความสามารถพิเศษของเธอ อายามะมีสัมผัสที่หก..พูดเเบบภาษาชาวบ้านก็คือ เธอสัมผัสได้ถึงวิญญาณของคนตายที่ล่วงลับไปแล้วนั่นแหละ ตั้งเเต่เด็กแล้วที่จะเห็นอะไรในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่เห็น เป็นมาตลอด..ไม่รู้ด้วยทำไมถึงเป็นแบบนี้ และทำไมต้องเป็นเธอที่มีมัน และรู้อะไรไหม? ตอนแรกเธอเกลียดความสามารถนี้มากเลยนี้ แต่ตอนนี้กลับคิดว่ามันไม่ได้แย่อะไรเเล้วล่ะนะ ก็เพราะเรื่องนี้นี่เเหละที่ทำให้จิตใจของอายามะเเข็งแกร่งดั่งหินผาได้ขนาดนี้ ทั้งการฝึกปรือความอดทนต่อจั๊มป์สแกร์และแผลเหวอะเลือดสดทั้งหลาย ทั้งการฝึกปรือต่อสายตารังเกลียดหวาดกลัวของคนรอบข้างนั่นก็ด้วย..เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงถูกกีดกันเพราะเรื่องแค่นี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็เลิกที่จะคิดมาก และยอมรับที่จะปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กับมันไปตามคำบอกเล่าของบิดาบุญธรรมไปในที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ
อายามะในตอนนี้ไม่มีความอายหรือกลัวทีจะบอกใครเขาว่าเธอมองเห็น หรือได้ยินอะไรในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ เธอกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น และเเสดงมันออกไปเสมอโดยไม่คิดปิดบัง แค่บางทีความติสท์ของเธอก็อาการหนักเกินคาด จนทำให้บ่อยครั้งเหลือเกินจะเห็นว่าคุณเธอเขายืนตอบโต้แว้ดว้ากกับวิญญาณไม่ผุดไม่เกิดอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าสำหรับคนนอกจะเห็นเธอเป็นยัยบ้าที่โต้เถียงกับอากาศก็ตามทีเถอะ แต่ก็นะ ใครมองยังไงเเล้วมันทำไม เธอต้องแคร์ด้วยเหรอ? ในเมื่อเธอเชื่อและคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เเย่ เธอก็จะเชื่อแบบนั้น ในของความเชื่อสำหรับผู้คนแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาบังคับกันได้ อายามะก็ด้วย คนอื่นไม่เชื่อไม่เป็นไรหรอก ขอแค่เธอเชื่อมั่นในความเป็นตัวของตัวเองเท่านั้นก็มากพอเเล้วล่ะ..
สำหรับอายามะ สิ่งที่เธอเชื่อมั่นเเละไว้ใจมากที่สุดก็คือตัวของเธอเอง เธอไม่ใช่คนโลเล เมื่อตัดสินใจแล้วใครหรือจะมากรอกหูให้กลับเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ เพราะเธอเชื่อว่าตัวเองคิดมาดีมากแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปไหลตามใครเขาให้ยุ่งยากหรอกนะ เเละอายามะเองก็เป็นจำพวกที่ไม่มีทางจะพูดคำว่า ทำไม่ได้หรอก ออกมาอย่างแน่นอนถ้าเธอยังไม่ได้ลองทำมันก่อน การท้าทายคือสิ่งที่เธอชื่นชอบและพร้อมจะรับมันเข้ามาในชีวิตตลอดเวลา สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่มันคือสิ่งที่น่าค้นหาไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม และความพยายามเองก็เป็นสิ่งสำคัญในการประสบความความสำเร็จ นี่แหละคือหัวใจหลักในการทำงานของอายามะ ดังนั้นเเล้วเธอจะพยายามลองทำมันก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยบอกว่าได้ หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่อะไรหรอก อย่างน้อยก็ถือว่าได้ทำแค่นั้นเอง
เรื่องแย่ๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้ ก็คือหล่อนมีโลกส่วนตัวสูงมากในระดับหนึ่ง คนทั่วไปมักเข้าไม่ถึงความคิดของอายามะ อาจเพราะไม่ชอบเเสดงออกทางใบหน้าในเวลาปกติทั่วไปเท่าไหร่นัก บวกกับใครต่อใครเขารู้กันดีว่าโลกที่อายามะเห็นและโลกที่พวกเขาเห็นนั้น มันแตกต่าง หลายต่อหลายคนจึงคาดเดาไม่ได้เลยว่าอายามะกำลังคิดอะไรอยู่ มันดูเหมือนเรียบง่าย แต่ก็ซับซ้อน อายามะเหมือนกับคนง่ายๆ คิดอะไรตื้นๆ แต่ความจริงแล้วเธอคิดไปลึกมากกว่านั้นเยอะหลายต่อหลายเท่า เพียงแค่ว่าไม่ได้พูดมันออกมา ก็แค่นั้น บางทีเห็นเธอนั่งทำหน้าไม่รู้นั่นอาจไม่ได้หมายถึงไม่รู้ เเต่อาจจะหมายถึงรู้ เเต่ไม่อยากยุ่ง จะทำอะไรก็ทำกันไป มากกว่า อายามะไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ยกเว้นแต่มันจะหนักหนาเเละเเย่จริงๆ เธอถึงจะเตือน แต่ก็แค่ครั้งสองครั้ง ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากความ เพราะเธอคิดว่าคนเรามีสิทธิ์จะเลือกทางเดิน เเละมนุษย์ทุกคนย่อมมีทุกข์ จะดีหรือร้ายพวกเขาก็ควรเลือกกันเอง นั่นแหละคนเราถึงจะเติบโตขึ้นมาได้
เหนืออื่นใดคือนางนั้นโคตรจะอินดี้เเละแอบเอาแต่ใจแบบสุดๆ เป็นคนจำพวกที่แบบ ถ้าไม่ได้ ฉันก็จะย้ำมันอยู่เเบบนั้น ในมุมมองของคนสนิทก็จะรู้สึกขำๆ กับนางปนรำคาญนิดหน่อย แล้วก็ยอมให้ตามใจไปในที่สุด เเต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่จะเห็นอายามะนั่งหน้าบึ้งปากงอหนักกว่าเดิมไปทั้งวัน แถมใช้สายตาเหลือบๆ มองๆ เคืองๆ กันตลอดเวลาจนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมในที่สุดไปเองนั่นแหละ แต่ส่วนมากเเล้วแค่เธอเดินไปทักตอนแรกด้วยหน้าตาปลายตอบ เขาก็ยอมกันหมดเเล้วนะ--อายามะออกจะมีสมองที่แบบ ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ เธออาจจะดูฉับไว กระฉับกระเฉง และมีหนทางเอาตัวรอดที่ดี แต่ถ้าเกิดมันทำงานมากเกินไป อายามะก็สามารถสมองอ๋องเออเร้อได้เช่นกัน เป็นจำพวกที่ต้องค่อยๆ รับข้อมูลเข้ามาทีละอย่างสองอย่าง ถ้าจำพร้อมกันไปหมดทีเดียว เธอจะเกิดอาการเออเร้อชัดดาวน์ตัวเอง และจำโน่นจำนี่สลับกันมั่วไป แถมหัวเสียง่ายอีกต่างหาก กล่าวเเล้วคือเป็นคนที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนและเร่งด่วนในทีเดียวไม่ค่อยถนัด รวมถึงถ้าไม่ได้พักผ่อน อายามะก็ไม่สามารถผลิตผลงานคุณภาพชั้นพรีเมี่ยมให้คุณได้นั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่าพักผ่อนไม่จำเป็นต้องเป็นการนอน8ชม.หรอก แค่ชม.เดียวก็พอเเล้วล่ะของแบบนี้
อายามะมักจะเก็บเรื่องเครียดไว้กับตัวเองคนเดียวเงียบๆ ไม่คิดจะเปิดปากบอกใครจนกว่าใครเขาจะเดินเข้ามาถามเสียเอง ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะบอกไปทั้งหมดหรอก เลือกแค่บอกเป็นบางส่วนให้อีกฝ่ายสบายใจและไม่คิดมากซะมากกว่า เหมือนจะเป็นคนเปิดเผย แต่จริงๆ แล้วเก็บเงียบมาก ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับตัวเองเท่าไหร่ แม้เเต่คนสนิทกันมากๆ ยังไม่อยากบอกเลยด้วยซ้ำ แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเเละขีดเส้นคั่นไว้อย่างชัดเจน ไม่ชอบให้ใครมาก้าวข้ามถ้าไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นพวกชอบเผือก ขี้เซ้าซี้ จึงเป็นมนุษย์สปีชี่ย์ที่จะทำให้อายามะปรี๊ดจนอยากหาโพเดียมมาทุ่มใส่หัวได้ง่ายมากที่สุดนั่นเอง เอาจริงแล้วไม่ค่อยมีคนรู้หรอกเวลาเธอเครียด อย่างแรกคืออายามะไม่เเสดงออก อย่างสองคือมันเป็นแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย เจ้าตัวมีวิธีคลายเครียดมากมายให้ทำในชีวิต ดังนั้นนิสัยพวกนี้จึงไม่เป็นปัญหากับตัวเธอเท่าไหร่ อีกอย่างค่อนข้างจะเป็นคนปล่อยวางด้วยล่ะนะ แต่ถ้ามันเกินขีดจำกัด อายามะก็ทนไม่ไหวเช่นกัน..และวิธีที่เธอมักเลือกเสมอเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ นั่นคือการไปพบจิตแพทย์เพื่อระบายความรู้สึกและขอคำเเนะนำ จากที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวล กล่าวได้เพียงว่าอายามะไม่เคยมีความคิดที่จะทำให้คนข้างตัวเธอเครียดไปกับเธอเลย และเพราะเเบบนั้น เธอจึงเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีกว่าที่คุณเห็นจากภายนอกมากนักยังไงล่ะ
ชีวประวัติ ::
ชื่อของเธอ..คือ อากิฮิโระ อายามะ
ครั้งก่อน เคยใช้สกุลที่ว่า โนบุยูกิ..โนบุยูกิที่แปลว่า ความศรัทธาและความสุข
เเละตัวเธอเมื่อครั้งก่อนเอง ก็เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและความสุขเฉกเช่นนามของเธอเช่นกัน
อายามะคือผู้หญิงที่แปลกประหลาด ทั้งด้านนิสัยเเละความสามารถอันน่าพิศวงของเธอ..สัมผัสที่หก ไม่ว่าใครล้วนรู้สึกผวากับความสามารถอันผิดแปลกจากคนธรรมดาในข้อนี้ ทั้งนิสัยเเสนห่ามมุทะลุไม่สนคนเท่าไหร่นั้น ยิ่งทำให้ผู้คนไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้เธอเท่าไหร่นัก
หลายครั้งเกิดคำถาม ว่าผู้หญิงคนนี้เติบโตมาอย่างไรกันนะ?
แน่นอนว่าอายามะไม่เคยเอาเรื่องของตัวเองไปเล่าให้คนพวกนั้นฟังหรอก
ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่แม้จะสุขสรรค์..ทว่าก็เคล้าด้วยความเศร้าจนแทบไม่อยากจะรื้อฟื้นเลยน่ะสิ..
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}บางครั้ง สิ่งที่พระเจ้าประทานให้ก็เปรียบเป็นคำสาปมากกว่าพร{{
อายามะ คือชื่อของเด็กหญิงคนหนึ่งในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า โนบุยูกิ
เเละนั่นเเหละคือชื่อของเธอ
เธอโตขึ้นมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเเห่งนี้โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ที่เเท้จริงเป็นใคร..สิ่งเดียวที่รู้และยังฝังอยู่ในหัวคือเรื่องที่ว่า เธอถูกพวกเขาทิ้งไว้ตั้งเเต่ยังเล็กๆ ที่หน้าบ้านของหญิงชราสามีภรรยาคู่หนึ่ง ก่อนชีวิตน้อยๆ จะถูกส่งต่อไปให้กับบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าในละเเวกนั้น ด้วยเพราะสาเหตุที่ว่าความชราภาพนั้นไม่สามารถทำให้พวกเขาเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยนี้ได้
ก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ถูกพ่อแม่ของตัวเองทอดทิ้งไว้เเละหนีหายไป ชีวิตวันพรุ่งนี้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นเช่นไร
แต่เพราะพวกเขายังเด็ก ยังคงใสซื่อและไม่รู้ความ ขอแค่วันนี้ยังคังมีความสุขทุกอย่าางก็โอเคเสมอ พวกเขาไม่เคยถามว่าพ่อแม่ของตนอยู่ที่ไหน พวกเขาไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่พวกท่านจะมารับ ไม่เคยเลยที่จะนึกถามหาครอบครัวแท้จริงของตน เพราะว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มันก็เปรียบเสมือนครอบครัวของพวกเขา
แน่นอน อายามะไม่ได้มีความคิดต่างจากพวกเขาเลย
ทุกครั้งที่นี่คือเพื่อนของเธอ เป็นพี่เป็นน้อง และพี่เลี้ยงที่นี่ก็ใจดีเหมือนเเม่เลยด้วย
ก็แค่ว่าบางครั้ง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
'เพราะอะไร พวกเขาทิ้งเธอไปกันล่ะ?'
คำถามที่ไม่เคยถาม เก็บฝังไว้ในหัวใจเรื่อยมาเเละไม่เคยจางหายไปไหน กระทั่งถึงวันที่เธออายุห้าขวบพอรู้ความขึ้นมาบ้าง บางสิ่งที่เห็นเริ่มแปลกตาไปจากเดิม..นอกจากเพื่อนๆ กับพวกพี่เลี้ยง เธอเริ่มจะเห็นใครบางคนที่ไม่ใช่พวกเขาเพิ่มขึ้นมาแทนที่
ครั้งแรกคือเด็กผู้ชายผอมแห้งผิวซีด หน้าตาป่วยจัดน่าสงสาร
ครั้งที่สองคือคุณลุงที่ฝั่งตรงข้าม เลือดอาบย้อมตัว น่ากลัวจนต้องวิ่งหนี
และครั้งล่าสุด คือเด็กผู้หญิงที่ลำคอเขียวช้ำ และหล่อนกำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธอ..
"เธอจะถูกทุกๆ คนทิ้งล่ะ"
นั่นเป็นคำแรกที่ได้ยินจากปากเด็กคนนั้น
อาจด้วยเพราะนิสัยส่วนตัวของอายามะ เป็นพวกห่ามๆ เเมนๆ ไม่สมหญิงมาแต่ไหนแต่ไร บวกกับชักจะเห็นอะไรแบบนี้จนเริ่มจะชินตา เด็กหญิงจึงรู้สึกอารมณ์เสียมากกว่าจะกลัวกับสภาพของเด็กหญิงผิวเผือด ดวงตาเป็นสีขาวขุ่นน่าขนลุกตรงหน้าเธอในตอนนี้
"ทุกคนไม่ทิ้งฉันหรอก"
"ไม่หรอก พวกเขาจะทิ้งเธอ" เด็กหญิงคนนั้นยังคงพูดต่อไป หัวเราะคิกคักน่ารำคาญดูราวกับคนเสียสติ
รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาถึงขนาดใช้มือพยายามผลักร่างเล็กนั้นให้ตกเตียงไปซะ แต่กลับทะลุวืดผ่านไปราวกับว่าสัมผัสอากาศ มิหนำซ้ำตัวเธอยังถลาตกเตียงไปแทนอีกต่างหาก เด็กหญิงตัวซีดหัวเราะซ้ำ เล่นเอาเธออายจนเเทบอยากม้วนตัวหนี
"อย่าหัวเราะนะยัยบ้า เข้ามาในห้องคนอื่นเขาตามใจยังจะมาทำตัวนิสัยไม่ดีอีก" อายามะเอ่ยปากด่าทั้งหน้าแดงปากเบ้ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเด็กคนนั้นเอ่ยต่อ
"มันเคยเป็นห้องของฉัน"
อายามะชะงักงัน ความสงสัยเกิดขึ้นมาในอก เด็กหญิงเกาหัวเเกร่กๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
"เเล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ใช่?"
เด็กผู้หญิงคนนั้นหุบยิ้ม จ้องมองใบหน้างดงามด้วยดวงตาสีขาวขุ่นของหล่อน
"เพราะฉันตายไปแล้ว"
มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่แทรกแซงเข้ามาในหัว..
ทั้งสับสนเเละงุนงง..ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
คนตายไม่สามารถพูดได้ แต่แล้วทำไม..หล่อนถึงยังคงหัวเราะ เเละพูดคุยกับเธอได้อยู่อีก?
อีกครั้งที่เกิดคำถามไม่ได้รับคำตอบโผล่ขึ้นมาในหัว และเเม้สงสัยขนาดไหนก็ไม่ได้รู้คำตอบเสียที เพราะตอนที่เอ่ยถามกับเด็กผู้หญิงคนนั้นไป คำตอบที่ได้รับกลับมา มีเพียงเเค่ว่า 'ฉันตายไปแล้ว' เพียงเท่านั้น..
สุดท้ายเเล้วก็ได้เเต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจ แล้วปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่เก็บเอามาคิด
การได้พบเจอกับเด็กผู้หญิงคนนั้น หรือที่เธอบอกให้เรียกเธอว่า 'อากะ' ที่ผันมาจากคำว่าอาคา ที่แปลได้ว่าสีเเดงนั้น ทำให้ชีวิตของอายามะเปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อย..
ทั้งที่ดูเเล้วก็อายุเท่ากันกับเธอไม่ได้ต่างอะไรกันเลยเเท้ๆ ทว่าอากะกลับรู้เเละเข้าใจโลกได้ดีกว่าตัวอายามะมากนัก..หล่อนสอนให้อายามะรู้ในหลายๆ เรื่อง บอกให้รู้ถึงสิ่งไม่รู้ มิหนำซ้ำนิสัยยังมีความไม่กลัวอะไรมากกว่าอายมะเสียอีก คุยกันไปคุยกันมาก็ชักจะติดนิสัยเจ้าหล่อนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเเต่เดิมที่วิ่งหนีคุณลุงตรงถนนฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวนี้ดันกลายเป็นคึกจัด เดินเข้าไปทักมันดื้อๆ ซะงั้น
ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นอายามะคุ้นชินกับวิญญาณพวกนั้น ไม่รู้สึกกลัวเเละเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติที่เคยมีคนบอกว่าไร้สาระไปเสียแต่เด็กซะอย่างนั้น
ถึงอย่างนั้นเจ้าหล่อนยังคงสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงยังวนเวียนอยู่ในที่เเห่งนี้ หรือไม่ก็ที่ที่พวกเขาตาย
อากะที่ได้ยินคำถามนั้นยิ้มบาง ตอบเสียงเรียบว่า "พวกเขาเหมือนกับฉัน ตายไปแล้ว และไปไหนไม่ได้"
"ทำไมไปไม่ได้ล่ะ?"
"ไม่รู้สิ" อากะตอบเช่นนั้น เหม่อสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะนัยน์ตานั้นเป็นสีขาวขุ่นถึงได้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ "ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงยังอยู่ ที่รู้อย่างเดียวมันก็มีแค่ว่าทุกวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อและซ้ำซาก.."
ดวงตาคู่นั้นเหลือบมามองเธอ จดจ้องเข้ามานิ่งๆ
"ทุกวันคือความน่าเบื่อและเงียบเหงา..จำไม่ได้เเล้วเหมือนกันว่านอกจากเธอ ฉันได้คุยกับใครมาบ้าง"
"แสดงว่ามันทุกข์ใช่ไหม การเป็นวิญญาณเนี่ย" อายามะถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาหรี่มองคนที่ส่งเสียงอื้อตอบรับเบาๆ กลับมาในลำคอ "ถ้างั้น..ทำไมเธอถึงตายล่ะ"
"ก็วิญญาณไม่มีความรู้สึกเจ็บทางร่างกายเท่ามนุษย์นี่ อีกอย่าง.." เสียงเงียบหายไปครู่ เเล้วจึงต่อให้จบว่า "ฉันเหมือนกับเธอนั่นเเหละ รู้ไหมล่ะ?"
........
ดวงตาสองดวงของคนที่มีชีวิตเเละไม่มีจดจ้องสบกันนิ่ง หนึ่งคือความไม่เข้าใจ สองคือความสงสัยเเละสับสนเกินกว่าจะบรรยาย อากะคลี่ยิ้มขมขื่นออกมา เอ่ยบอกถ้อยคำที่เด็กตัวเเค่นี้ไม่ควรจะพูดออกมาด้วยสีหน้าหม่นหมอง
"ฉันแตกต่างจากคนพวกนั้น เพราะงั้นเลยถูกกลั่นเเกล้งและถูกทอดทิ้งไง"
"แต่ฉันไม่ได้ถูกแกล้งนะ อีกอย่าง ไม่ได้แปลกอะไรสักหน่อย มือก็สองมือ เท้าสองเท้า ตาสองข้าง ตรงไหนแปลกกัน?" อายามะยังคงถามด้วยความสงสัย ชี้นิ้วสัมผัสไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายไปเรื่อย
ดวงตาสีขาวขุ่นจ้องมองมานิ่ง "งั้นเธอลองไปคุยกับพวกฉันต่อหน้าพวกเขาสิ เชื่อไหม? พวกเขาจะบอกว่าเธอเป็นบ้า กลัวเธอ ไม่ก็ไม่อยากเข้าใกล้ เเล้วพากันหนีหายไปหมด"
คำพูดนั้นทำให้ต้องเงียบฝีปากลง เหลือเพียงความเงียบครอบงำระหว่างเด็กทั้งสอง อีกครั้งที่อากะหัวเราะ เเต่คราวนี้มันกลับเป็นเสียงหัวเราะเเสนขมขื่น คำตอบทั้งหมดของคำถามเอ่ยสรุปออกมาได้ดังนี้ว่า
"อยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน พวกเขาไม่เห็นหัวเราอยู่เเล้วไม่ใช่หรือไง"
ครั้งแรก อายามะไม่ได้เชื่อในคำพูดของอากะในทันที..
เด็กหญิงยังคงคิดว่าความสามารถแปลกๆ ที่ตนมีมันไม่ได้แปลกหรือน่ากลัวอะไรเลย เด็กหญิงยังคงยิ้มเเละคุยกับสิ่งลี้ลับทั้งหลายต่อไปโดยไม่ได้สนคำเตือนของอากะ กระทั่งวันหนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าตนทำผิดพลาดไปก้าวใหญ่มากๆ เมื่อเพื่อนคนหนึ่งชี้หน้าบอกเธอว่า
"บ้าหรือเปล่า คุยคนเดียวอยู่ได้"
แน่นอนว่าหลังจากนั้นคือเสียงหัวเราะ เเละเเน่นอนอีกครั้งว่าอายามะต่อยหมอนั่นปากแตก..
ถึงจะเป็นแค่เด็กเจ็ดขวบเเละเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าอายามะจะยอมให้ใครมาว่าเธอหรอกนะ ในตอนนั้นความเป็นเด็กยังทำให้ไม่รู้จักคิดเท่าไหร่ สุดท้ายเลยกลายเป็นเรื่อง แล้วไปมาดันกลายเป็นเธอผิดซะงั้นที่ไปต่อยเขาก่อน ทั้งที่เธอโดนว่าเเละหัวเราะเยาะใส่แท้ๆ
อายามะดื้อเพ่งไม่ขอโทษ และสุดท้าย เธอเลยได้รับบทลงโทษของชีวิตในครั้งแรก
มันคือความโดดเดี่ยว
เพื่อนๆ เริ่มไม่คิดจะเข้ามาเล่นด้วย ด้วยหลายๆ เหตุผล..พวกผู้หญิงน่ะไม่เล่นกับเธอเพราะเธอมันห้าว แมนเกินจะหญิง ถึงร่างกายจะป้อแป้ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงคนอื่น แต่เรื่องนิสัยน่ะมันไม่ใช่ แน่นอนว่าอายามะไม่ได้ว่าอะไร ให้เธอไปนั่งเล่นตุ๊กตากับเล่นขายของเเบบเด็กพวกนั้น เธอก็ไม่เอาเหมือนกันแหละ
แต่ที่หนักจริงๆ คือพวกผู้ชายต่างหาก..
พวกเขาไม่เล่นกับเธอด้วยเหตุผลที่ว่า เธอประหลาด อายามะถูกกันออกมาเพียงเเค่เพราะว่าเธอมีสัมผัสที่หก เด็กหญิงไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมคนเราถึงไม่ชอบหน้ากันได้เพียงเพราะเเค่เรื่องแบบนี้ บ้างก็เกลียดหรือกลัวจริงๆ แต่บางคนกลับไม่เล่นด้วยเพียงเเค่ตามเพื่อน สุดท้ายเลยกลายเป็นเธอต้องโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเเห่งนั้นไปในที่สุด
ทั้งที่เมื่อก่อนมีความสุขเเละรักที่เเห่งนี้มากแท้ๆ
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอารมณ์เสียและย่ำเเย่จนอยากจะเดินออกไปมันทุกเวลาเสียอย่างนั้น..
"ฉันบอกเธอแล้ว"
เด็กหญิงผู้มีดวงตาสีขาวขุ่นเอ่ยออกมา ท่ามกลางเสียงสะอื้นเเละความอ้างว้างในห้องนอนเล็ก ๆ..
"ถ้าพวกเขารู้ว่าเราแตกต่างเเล้วล่ะก็..พวกเขาจะทิ้งเราแน่นอนเลยล่ะ.."
เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}สักวันหนึ่งคนเราย่อมต้องเอ่ยคำว่า ลาก่อน
{{
"ต่อจากนี้ หนูจะมาอยู่กับพวกเรานะจ๊ะ"
มันคือคำพูดที่เปรียบเหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่าเข้ามากลางใจ จนทำให้ร่างชาด้านไปหมด ทั้งหัวยังอื้อจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยดีด้วย..
หลังจากตอนนั้นก็ผ่านมาสองปี ตัวอายามะในตอนที่อายุได้เจ็ดปีได้เจอกับชายหญิงคู่หนึ่ง พวกเขาเป็นคนญี่ปุ่นที่มีฐานะทางบ้านปานกลาง ชีวิตมีความสุขดีเเละมีหน้าที่การงานทำ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพียงแค่ปราศจากเด็กตัวน้อยๆ ให้ไปวิ่งเล่นในบ้านของพวกเขาเท่านั้น
ทั้งคู่อยากมีลูก แต่พวกเขามีบุตรไม่ได้..ดังนั้นถึงได้เลือกจะรับเลี้ยงอายามะ
ตอนนั้นหัวใจเต้นระรัวไปหมด เหมือนดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่คลี่ยิ้มและพยักหน้ารับอือออจนปวดแก้ม ทั้งดีใจที่จะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับพวกเพื่อนๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เเละตัวเธอเอง..จะได้มีครอบครัวเเบบที่เป็นครอบครัวจริงๆ กับเขาเเล้ว..
จะมีคุณแม่กับคุณพ่อ..เหมือนกับเด็กคนอื่น
อายามะดีใจลิงโลดไปหมด เธอยิ้มรับเเละตอบตกลงทันทีโดยไม่มีที่าปฏิเสธอะไรกับว่าที่มารดาบิดาทั้งสองเลยเเม้เเต่น้อย มีสายตาจสกเด็กคนอื่นมากมายมองมาด้วยความอิจฉา ใครต่อใครต่างไม่คิดกันทั้งนั้นเเหละ ว่าเด็กที่ดูจะมีปัญหามากที่สุดในรุ่นเเละอยู่แบบโดดเดี่ยวมาสองปีแบบอายามะ จะเป็นคนแรกที่ได้รับการรับเลี้ยงเช่นนี้ เเละ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดี..แต่ตอนสารภาพบาปเลยว่าเธอหันไปแยกเขี้ยวยิ้มเย้ยใส่ไอ้พวกบ้านั่นเต็มที่เลยล่ะ
"หนูอยากไปลาเพื่อนๆ ก่อนไหมจ๊ะ" หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่ออายามะพยักหน้ารับเต็มแรงจนหัวโยกหัวคลอน "งั้นไว้มาเจอกันตรงนี้นะ"
"อื้อ!"
แล้วเธอก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว..ผ่านเพื่อนที่เคยสนิทกัน ผ่านเด็กผู้หญิงที่เคยคุยด้วย เเละผ่านเด็กผู้ชายที่เคยแกล้งเธอมาก่อน อายามะไม่สนคนพวกนั้นเลยเเม้เเต่น้อย เพราะเมื่อพูดถึงคำว่าเพื่อนเเล้ว..คนเพียงคนเดียวที่เธอนึกถึง มีเเค่เด็กคนนั้นเท่านั้น
"อากะ!"
ประตูเปิดโพล่งออกมาพร้อมกับเสียงที่ร้องเรียก อายามะยิ้มกว้างปากแทบฉีกเมื่อเห็นเพื่อนนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม เเต่แล้วรอยยิ้มกลับต้องหุบลง บรรยากาศหม่นหมองล้อมรอบตัวของเด็กผิวซีดเอาไว้ ดวงตาสีขาวขุ่นเหลือบตามองเธอ..มันมีน้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตากลมคู่นั้น และนั่นทำให้หัวใจของอายามะหล่นตุ้บไปอยู่ตาตุ่มทันที
"ใครทำอะไรเธอน่ะอากะ ใครทำเธอร้องไห้!" เด็กหญิงพุ่งตัวไปถาม สีหน้าห่วงใยเสียจนวิญญาณตรงหน้าตัวสั่นหนักกว่าเดิมนัก
"เธอจะไปเเล้ว.."
"อากะ.."
"เธอจะไปจากที่นี่..ไปมีชีวิตดีๆ แล้วก็ทิ้งฉันไว้คนเดียว..ทิ้งฉันไปเหมือนกับคนใจร้ายพวกนั้น!!"
ร่างของอายามะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกตวาดใส่เสียงดัง ความสับสนฉายอยู่บนเเววตา เธอไม่รู้ว่าทำไมอากะถึงร้องไห้และโกรธเธอ แต่..เธอรู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง
"เฮ้ เพื่อน..อย่าก้มหน้าเเบบนั้นสิ" ทรุดตัวนั่งบนเตียงใกล้ๆ กับร่างนั้น เอื้อมมือไปหมายจะสัมผัสเเม้ว่าจะเเตะต้องอะไรไม่ได้ก็ตามที "เธอเป็นอะไรอากะ..บอกฉันสิ ฉันรับฟังเธออยู่เเล้ว"
ใบหน้าซีดเผือดบิดเบี้ยวเหลือบมามองเธอ ความโกรธฉาบอยู่บนเวงหน้าของอากะ เเละอายามะรู้ดีว่าเบื้องใต้นั้นคือความเสียใจ "จะไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ที่เเสนดีของเธอ"
"...." อายามะเงียบ ไม่ว่าอะไรกับถ้อยทีประชดประชันเหล่านั้น เธอนั่งฟังอีกฝ่ายเอ่ยคำจิกกัดสานพัดอย่างไปเงียบๆ แบบนั้น จนกระทั่งคำพูดที่อยากจะสื่อจริงๆ เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก อายามะจึงข่มตาลงแน่นทันที
"อยู่กับฉัน..ได้โปรด อย่าไปเลยนะ.."
มันเป็นความรู้สึกที่แย่..ทั้งอึดอัดและสับสน บรรยากาศรอบตัวพวกเธอมันเงียบมาก อายามะมองเด็กหญิงด้วยสายตาสงสาร เธอเข้าใจว่าทำไมอากะถึงพูดเเบบนั้น เข้าใจทุกอย่างในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ถึงอย่างนั้นเเล้ว..เธอจะทำอะไรได้กัน
"ขอโทษนะ.."
เพราะสุดท้ายเเล้วเธอมัยก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความเห็นแก่ตัวเช่นกันเท่สนั้นเอง..
"ฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ อากะ" อายามะเอ่ยย้ำอีกรอบ เธอมองเพื่อนของตนร้องไห้ออกมามากกว่าเดิมหลายเท่านัก "ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ขอโทษ--"
"เธอจะมาขอโทษฉันทำไม!!!"
เสียงแหบพร่าตวาดกลบทุกเสียง ดวงตาสีขาวขุ่นนั่นตวัดมองมา มันไม่ได้จอกใส่หรือดูเลื่อนลอยแบบทุกครั้ง เเต่กลับมองเเล้วน่าสงสารเสียจนหัวใจปวดหนึบไปหมด
"เธอขอโทษฉัน แต่สุดท้ายเธอก็จะทิ้งฉันไปอยู่ดีนี่"
"ฉันไม่ได้ทิ้งเธออากะ ขอร้องล่ะ เข้าใจฉันที" มือบางยกขึ้นยีเส้สผมไปมาเต็มแรง เธอเริ่มรํ้สึกปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ อายามะเเทบไม่รู้เเล้วว่าตนต้องพูดยังไงกันแน่ "มันอาจจะเห็นแก่ตัวที่ต้องพูดแบบนี้นะ อากะ เเต่.."
"เธอตายไปแล้ว เเต่ฉันยังอยู่..พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"
ความสามารถพิเศษ ::
>>ทักษะการต่อสู้มือเปล่า<< [เก่งศิลปะการต่อสู้มือเปล่ามาแต่ไหนแต่ไร บวกกับชอบเอาตัวไปอยู่แนวหน้ารับเท้าให้ชาวบ้านเขาประจำ (?) เลยฝึกไว้จนใช้ได้คล่องมือเป็นที่สุด แต่พอคู่ต่อสู้มาเยอะเข้าหน่อย ก็ไม่วายทำห้าวให้ตายใจเเล้วสับตีนเเตกเสียทุกคราไปนี่สิ..]
>>ตัวอ่อน / การเคลื่อนไหวกายภาพที่รวดเร็ว<< [ชอบยืดตัวกับหมุนไปหมุนอยู่เเล้ว จึงไม่ค่อยแปลกที่เเม่คุณจะตัวอ่อนเเละวิ่งเร็วในระดับหนึ่ง]
>>การตัดสินใจในระยะเวลาสั้นๆ ที่ดีเยี่ยม<< [ส่วนมากคล้ายจะเป็นเซนส์ซะมากกว่าการใช้หัว อนึ่ง เจ้าตัวเป็นมนุษย์หัวดีในเวลาฉุกเฉินด้วยล่ะนะ]
>>สัมผัสที่หก<< [มักมองเห็นสิ่งลี้ลับที่คนอื่นมองไม่เห็น บางครั้งก็ชอบใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการทำคดีความต่างๆ แต่บางครั้งก็รู้สึกรำคาญใจไม่น้อย เพราะพวกวิญญาณใช่ว่าจะมาดีเสมอไป]
>>เขียนพู่กัน<< [เป็นผู้หญิงที่ลายมือสวยมากเเละถนัดการเขียนพู่กันมาเเต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์เลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังเขียนเร็วสุดๆ อีกต่างหาก เรียกได้ว่าถ้าให้คัดลายมือ อายามะก็สามารถเขียนมันได้ง่ายๆ ประหนึ่งเขียนหนังสือเล่นๆ เลยล่ะ]
>>ความละเอียดอ่อนและรอบคอบ<< [ถึงจะดูโผงผางมุทะลุ แต่เป็นคนละเอียดรอบคอบมากๆ ใส่ใจทุกรายละเอียดเเละไม่เคยปล่อยให้เล็ดลอดไป ในขณะเดียวกัน ความละเอียดอ่อนของเธอทำให้อายามะสามารถทำได้ทั้งงานหนักเเละงานเบาเลยทีเดียว (กล่าวรวมๆ ก็คืองานใช้เเรงงาน กับงานประณีต (?))]
>>งานทัศนศิลป์<< [วาดภาพได้สวยมาก ทั้งการDrawing Sketch หรือพวกภาพCG ทำได้ทั้งงานมือและงานคอมพ์ หล่อนมักใช้ความสามารถนี้วาดภาพจำลองสถานการณ์หรือภาพบุคคล จากข้อมูลที่ได้มาจากพยาน หรือวิญญาณบางตนที่ไปง้างปากถามมา ถือว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับหน้าที่การงานของเธอในระดับหนึ่ง]
พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ ::
>>ขมวดคิ้วและบิดริมฝีปากงอลงเวลาเห็นวิญญาณ<< [มีปฏิกิริยาตอบรับเสมอตอนเจอวิญญาณด้วยเพราะอารามรำคาญใจ เพราะส่วนมากพวกวิญญาณมักจะพาเรื่องวุ่นวายมาให้เธอประจำ แต่คนนอกเห็นจะเหมือนเธอทำหน้าเหวี่ยงใส่เฉยๆ เป็นเหตุให้ดูหน้าดุนั่นเอง]
>>ยกนิ้วถูจมูกเมื่อกำลังโกหก<< [ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนแค่นั้นเอง---]
สิ่งที่ชอบ ::
>>โกโก้ร้อน<< [อร่อยดี อีกอย่าง รสหวานอมขมอ่อนๆ ของมันก็ทำให้สมองเธอผ่อนคลายได้ดีด้วย]
>>ดวงดาว<< [สวยมากๆ เลยนะ..ยิ่งได้มองดวงดาวที่มีอยู่ล้นพ้นขอบฟ้า ยิ่งชอบเลยล่ะ]
>>กีฬา<< [ออกแรงแล้วได้เหงื่อมันทำให้รู้สึกปลอดโปร่งดีนะ อีกอย่างกีฬามันก็สนุกดีด้วยแหละ]
>>คนจริงใจ<< [เเค่ว่าอยู่ด้วยเเล้วมันสบายใจ ไม่ชวนให้อึดอัดแบบเวลาที่อยู่กับพวกคนเสเเสร้ง มันก็แค่นั้นเเหละ]
>>ขับรถเล่น<< [ทัศนียภาพรอบตัวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กับความเงียบสงบในตัวรถมันทำให้หัวใจสงบอย่างน่าประหลาด..มิหนำซ้ำ มันยังทำให้เธอลืมเรื่องแย่ๆ มากมายในหัวไปได้เยอะมากเลยทีเดียว]
>>เตียงนอนนุ่ม ๆ<< [เป็นมนุษย์จำพวกเสพติดการนอนLv.50 (?) คือถ้าได้นอนเเล้วชีวิตจะเเฮปปี้เป็นพิเศษ ยิ่งได้นอนบนเตียงนุ่มๆ ในห้องพักของตัวเอง แล้วเปิดแอร์เบาๆ มอบความเย็นช่ำให้ตัวเองนี่จะยิ่งชอบ เพราะงั้นเลยตื่นสายประจำด้วยประการ ฉะ นี้เอง--]
>>กิน<< [ก็แค่ว่ากินจุ เลยชอบกิน (?)]
สิ่งที่ไม่ชอบ/เกลียด ::
>>อาหารฟาสต์ฟูด<< [ดีต่อสุขภาพตรงไหน? แถมบางอันยังเปี่ยมแคลอรี่สูงปรี๊ดแต่หาประโยชน์ไม่เจออีก สายตาอายามะอาหารฟาสต์ฟูดมีดีแค่ถูกและสะดวกแค่นั้นเอง--]
>>พวกชอบประชดประชัน<< [พูดตรงๆ เเล้วมันจะตาย? จะประชดอ้อมโลกอ้อมเขาทำเพื่อ ชีวิตมันขาดความอบอุ่นเหรอห๊ะ? ll เอาจริงๆ คือเจ้าตัวไม่ชอบสีหน้ากับน้ำเสียงตอนโดนประชดใส่ค่ะ อายามะเคยบอกเอาไว้ว่า น่าต่อยมาก สรุปคือเห็นเเล้วหงุดหงิดสายตานั่นเเหละค่ะ.]
>>อากาศอบอ้าว<< [เป็นผู้หญิงขี้ร้อนเลยไม่ปลื้มอากาศอบอ้าว เจอแต่ละทีอารมณ์เสียหน้าบูดบึ้งมันเเทบทั้งวัน สำคัญคือไม่ชอบเหงื่อไคลที่ไหลย้อย เหนียวเหนอะน่ารำคาญมาก]
>>โคอาล่า<< [...เห็นเเล้วรู้สึกว่าหน้าตามันกวนประสาท---(?)]
>>วิญญาณร้ายที่มีแต่จิตอาฆาต<< [วิญญาณจำพวกนี้น่ารำคาญมาก ปัญหาเยอะอีกต่างหาก เจอแต่ละทีอายามะล่ะปวดหัวเสียจนอยากกุมขมับวันละร้อยรอบ]
>>โดนหาว่าเรียกร้องความสนใจ<< [เพราะบางครั้งก็มีบางคนที่ไม่เชื่อว่าเธอสามารถมองเห็นวิญญาณได้จริงๆ บวกกับตัวอายามะไม่ใช่คนฮิตฮอตที่ใครๆ ก็อยากเข้าหาคบค้าสมาคมด้วยอยู่เเล้ว เลยมักโดนหาว่าชอบเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองประจำจนน่าหงุดหงิดเลยล่ะ..]
สิ่งที่กลัว ::
>>การเสียคนที่รักไป<< [เพราะอดีตเคยเสียไปแล้วมากมายจนตอนนี้ก็เเทบจะเหลือตัวคนเดียวอยู่เเล้ว เพราะเเบบนั้นถึงได้หวาดระเเวงว่าจะต้องเสียไปอีกครั้ง เเละพยายามที่จะรักษาคนที่รักให้อยู่ข้างกายเธอให้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้..]
>>เสือโคร่ง<< [เป็นสัตว์ที่ปธิญาณไว้ว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด..เพราะแค่เห็นมันแยกเขี้ยวใส่หน่อยก็รู้สึกหน้ามืดลมจับเเล้ว อนึ่ง สาเหตุการกลัวไม่มีเป็นพิเศษ อายามะเเค่ไม่ถูกโฉลกกับมัน เเละเกรงกลัวในเขี้ยวอันเเหลมคมนั้น เท่านั้นเอง--]
{ปฏิกิริยา - เวลาต้องไปอยู่ใกล้มักจะมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นิ่งเงียบเป็นเป่าสาก เเละจะสะดุ้งตกใจง่ายมากกว่าเวลาปกติเยอะ เพราะจดจ่อสายตาไปมองกับเสือตัวดีว่ามันจะเข้ามาตะครุบตัวเองไหม (?) อยู่เเทบตลอดเวลา..}
งานอดิเรก ::
>>วาดภาพ / เขียนพู่กัน<< [เพราะทำได้ดีเลยรู้สึกชอบที่จะทำ บวกกับบางทีอารมณ์ติสท์แตกมันก็กำเริบ เลยชอบหากระดาษมานั่งวาดนั่งเขียน แต่ปกติเวลาวาดภาพนี่จะไม่ค่อยเป็นภาพเท่าไหร่ ประมาณว่าปาดๆ ไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็ออกมาสวยอยู่ดีนั่นเเหละ (ถึงจะมองไม่ค่อยออกก็เถอะว่าวาดอะไร..)]
>>เล่นกีฬา<< [เรียกเหงื่อให้ตัวเอง เเละเผาผลาญพลังงานไปในตัว--]
>>ขับรถเล่น<< [มักทำเฉพาะเวลามีเรื่องเครียด ซึ่งด้วยหน้าที่การงานก็พบอยู่บ่อยเหมือนกัน แน่นอนว่าระดับอายามะเเล้ว ต้องเป็นสายซิ่งเหยียดจมเท้าอยู่เเล้ว---//โดนตำรวจเรียกประจำล่ะค่ะคนนี้..]
>>นอน (..)<< [สบายดี----]
>>ตระเวนหาร้านอาหารอร่อยๆ กิน<< [ด้วยความเป็นสายเขมือบในตัวสูง เลยชอบของกินอร่อยๆ เจ้าตัวเลยมักเอาเวลาว่างไปเดินเล่นในเมืองนู้นนี้ เเล้วตระเวนหาร้านอร่อยๆ มาทาน สักพักก็กลายเป็นกูรูเรื่องร้านอาหารไปอย่างงงๆ ด้วยประการฉะนี้แหละ]
>>ปรับทุกข์กับวิญญาณ (..?)<< [บางทีเเม่นางก็เกิดอารมณ์อินดี้ติสท์แตกอะไรไม่รู้ ดันไปนั่งคุยกับวิญญาณเล่น ปรับทุกข์กันสองคนเสียอย่างนั้น แน่นอนว่ามักคุยกับวิญญาณที่มีท่าทีดีๆ ไม่ดูอันตรายแต่อย่างใด แต่ประเด็นคือ..คนเป็นก็มีทำไมไม่คุย ไปคุยวิญญาณทำเพื่อ---?]
ลักษณะคำพูด :: อากิฮิโระ อายามะ เป็นผู้หญิงที่มีคำพูดคำจาฟังเเล้วดูจริงใจเกินร้อย โทนเสียงของเธอทุ้มกว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย บวกกับเจ้าตัวเองชอบที่จะกดเสียงต่ำอยู่เสมอด้วยความเคยชิน เลยทำฝ่ายตรงข้ามหากไม่เห็นหน้าก็ชอบคิดเป็นเสียงหนุ่มเสียงยังไม่แตก (?) ประจำ มีความห้าวในน้ำเสียงเเละวาจาค่อนข้างมาก มักแทนตัวว่า ฉัน เรียกผู้อื่นว่า เธอหรือนาย เป็นคนที่ไม่เคยจะลงหางเสียงเเม้จะพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่ บางทีคำพูดก็ดูแอบมีความกวนไปในทีชวนให้หาอะไรมาฟาดปากสักเพี๊ยะ--คนที่ยังไม่สนิทถ้ามาคุยกับเธอ อาจจะไม่ค่อยอยากคุยเเละพยายามเดินหนีอยู่เอาเรื่อง เพราะเจ้าตัวมีน้ำเสียงที่ดุมาก เเละด้วยความเข้มทุ้มในโทนเสียง เลยทำชาวบ้านเขากลัวได้ไม่ยากเลยทีเดียว แน่นอน แม่คุณไม่ได้รู้หรอกว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนอยากคุยด้วย งงไปตามระเบียบนั่นเเหละ--เอเมน.
}}ตัวอย่างประโยคการสนทนา{{
"อากิฮิโระ อายามะ บอกไปกี่ครั้งเเล้วทำไมยังจำไม่ได้อีกเนี่ย?" เลิกคิ้วหนักมากเมื่อโดนถามชื่อ แต่ความจริงเเล้วแม่คุณนั้นกำลังเบลอๆ เลยคิดว่าคนตรงหน้าถามชื่อตนหลายรอบ แต่ความจริงคือเธอไปนับรวมของคนอื่นมาด้วยต่างหากล่ะ..
"เฮ้ ไอ้หนู มาทำอะไรตรงนี้คนเดี---อ้าว เฮ้ย อย่าร้องสิ!" ถึงกับเงิบและไปต่อไม่เป็น เมื่อเห็นเด็กหลงและตนพยายามเข้าไปช่วย แต่ดันโดนระเบิดโฮใส่เพราะหน้าดุไป---
"มีเท่าไหร่ก็ใส่ไปให้หมด ไม่ใช่หนังนะเว้ยที่ปล่อยท่าไม้ตายตอนท้ายเเล้ว บู้มม จบอ่ะ" บ่นใส่เพื่อนร่วมงานที่ชอบเก็บของโหดเอามาใช้ทีหลัง
"อยากกินทาโกะยากิ" บอกสีหน้าสงบนิ่ง สายตาจ้องเป๋งจนน่ากลัวเบาๆ (?) อีกฝ่ายก็เลยไล่ให้ไปซื้อ แต่.. "อยากกินทาโกะยากิ" แล้วนางก็พูดซ้ำประโยคเดิมไปเรื่อยจนกว่าอีกฝ่ายจะไปซื้อหรือทำให้นางกิน...
"เเค่เพราะไม่เห็นถึงได้ไม่เชื่อเนี่ยนะ? เเล้วถ้างั้นทำไมเธอถึงเชื่อในพระเจ้า ทั้งที่เธอไม่เคยเห็นหรือพบเจอท่านล่ะห๊ะ?" เอ่ยถามอย่างหงุดหงิดเมื่อมีคนมาบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเธอมองเห็นวิญญาณ และหาว่าเธอโกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
"ถึงจะผิดพลาด แต่ก็ใช่ว่าจะเริ่มใหม่ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง" บอกกับคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้พยายามนักหนาทั้งที่ผิดพลาดซ้ำเเล้วเล่า ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายจิต "ตราบใดที่ฉันยังเชื่อในตัวเอง มันก็ต้องมีสักวันนั่นเเหละที่จะเป็นของฉัน"
ตำแหน่ง/หน้าที่การงาน :: เจ้าหน้าที่เทคนิคพิสูจน์ร่องรอยของ CSD ในญี่ปุ่น
เพิ่มเติม :: ประวัติหลังๆ ปั่นเมามากค่ะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนบอกได้นะคะ เดี๋ยวจะมาขยายความหั้ย ;w;//
}}เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร{{
-เงินมรดกที่ได้รับจากมารดาบิดาบุญธรรมนั้นถูกฝากไว้ในธนาคารเกือบทั้งหมด อายามะเเทบจะไม่เบิกออกมาใช้เลยยกเว้นเวลาที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เเรกๆ ก็ลำบากพอควร ขัดสนเงินทองในระดับหนึ่งล่ะนะ
-ถนัดเขียนหนังสือมือซ้าย แต่ชอบวาดภาพด้วยมือขวา
-ปกติไม่ค่อยจะมีคนเข้าใจอารมณ์ของอายามะเท่าไหร่ เพราะถึงจะดูโผงผางมองออกง่าย แต่จริงๆ นางอินดี้แถมประหลาดเอาเรื่องเลยนะ---
-ไม่รู้วันเกิดที่แน่ชัด มีกรุ๊ปเลือดคือ AB
-เอาจริงๆ มีผู้ชายมาหลงมาชอบอยู่บ้างประปรายแหละ แค่ว่าเเม่คุณไม่ถูกโฉลกซะส่วนมาก เลยไล่ไปหมด เพราะงั้นที่นกนี่โทษใครนอกจากตัวเองไม่ได้เลยนะ (?)
-ติดนิสัยชอบสวมกางเกงขายาวมากกว่ากระโปรง จะจำใส่พวกกระโปรงเฉพาะเวลามีงานเลี้ยงหรืองานสำคัญเท่านั้น แต่ว่าถ้าเป็นกิโมโนหรือยูกาตะอายามะก็โอเคด้วยนะ ใส่ได้ โล่งอกโล่งใจกว่ากระโปรงพองๆ นั่นเเหละ--
-เนื่องด้วยสัมผัสที่หกของอายามะ บวกกับที่ชอบคุยคนเดียว คนในหน่วยเลยชอบแซวเรียกเธอว่า 'แม่หมอ' (?)
-แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ชอบหรอก แต่ก็ไม่บ่น ปล่อยให้เรียกไปแบบนั้นเเหละ--
-ปัจจุบันพยายามหาตัวพ่อเเม่บุญธรรมทุกวิธีทางจริงๆ ทั้งพยายามใช้เส้นสายในหน้าที่การงาน ทั้งพยายามเอาความสามารถสัมผัสที่หกเข้ามาใช้ด้วย แต่สุดท้ายกลับไม่รู้อะไรเลยอยู่ดี..
-ถ้าถามว่าท้อไหม? ก็ท้อนะ..ท้อมากด้วย ตัวอายามะเองยังไม่รู้เลยว่าจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน..
Profile her boyfriend
"เธอได้ยินฉันไหม? มองเห็นฉันรึเปล่า? เเล้วอ้อมกอดของฉันที่เย็นเยียบนี้..เธอยังสัมผัสถึงมันได้อีกรึเปล่านะ ที่รัก..?"
โอทากะ เฮบิ [Otaka Hebi]
Age : Before 18 years old
Status : Dead
}เขาคือคนที่เคยอยู่ข้างกาย คือคนที่ส่งยิ้มให้กันเสมอ เป็นเหมือนดั่งเเสงสว่างอันสดใสในชีวิตที่เเปรปรวน ทว่าท้ายที่สุดนั้น เเสงสว่างที่งดงามกลับดับวูบหายไป โดยไม่อ่านหวนกลับมาอีกเลย..{
[สาเหตุการเสียชีวิต - เฮบิเสียชีวิตในวันเดียวกับที่อายามะได้พบกับวิญญาณของเขาตอนกลางดึก เขารีบร้อนออกจากบ้านไปแม้ฝนจะตกหนักเพราะห่วงใยเธอ หากแต่ไม่ระวังทำให้ถูกรถชนจนเสียชีวิต ได้เพียงเเต่ยอมรับความประมาทของตนที่พรากทุกอย่างไปและอำลากับเธอผู้เป็นที่รัก โดยไม่อาจจะโอบกอดร่างนั้นได้อีกต่อไป..]
TALK WITH ME
ไฮค่ะ .โค้งเอาหัวโหม่งพื้น(?). เรียกตามนามแฝง ฮันนี่ ได้ค่ะ ชื่อไรเอ่ยเตง? :: สวัสดีค่ะคุณฮันนี่ รันรันคนดอง2017-2037เองนะคะ แอ้ //โดนเตะ
เรื่องนี้เป็นแนวที่เพิ่งเคยแต่งค่ะ อาจดราม่าแต่ไม่สุดและปมก็อาจจะไม่สุดเช่นเดียวกันเพราะยังไม่ถนัดอะไรแบบนี้ ต้องรับให้ได้นะตัวที่การบรรยายเรากาก ;__; :: เลาสิบ่ (?) พูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันมั่ยชั่ยความจริงงงง (อย่าสนภาษาเราเลยค่ะ วิบัติอรรสรสน้า ฮื๊ออ 5555)
ขึ้นม.ปลายแล้วค่ะมีดองแน่นอนและไม่รู้ด้วยจะอัพตอนไหน ยังต้องปรับตัว รอกันได้ไหมเอ่ย? .สะกดจิตว่ารอได้รอได้(?). :: สะกดจิตนี่นาฬิกาแกว่งหรือดีดนิ้วดีคะ จะได้ตบมุขถูก (.........)
ถ้าไม่ติดจะเป็นอะไรมั้ยคะ จะบึ้มบ้านเราไหม ถถถถ. :: สนใจรับเขยไหมคะบ้านนั้น--------------------#ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกในขนาดนี้.
ถ้าเกิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆจะอนุญาตให้เรานำตัวลูกสาวไปเป็นตัวประกอบหลังฉากได้หรือไม่ บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าบางคนออกแค่ชื่อหรือนานๆทีออกมาทั้งตัว(?) รับกลับได้นะคะไม่ต้องกลัวบอกมาเยยยย >< :: คนนี้ยัดเเล้วกันค่ะ! เป็นตัวสร้างสีสันได้อยู่นา 55555
คิดว่าตัวเองจะได้คู่กับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษมั้ยเอ่ยย? :: คนนี้เหรอคะ..เอ...//หันไปกะพริบตามองหนุ่มๆ 2.5วิ (?)//เอ่อ อาจจะเป็นเรียวเฮก็เป็นได้ค่---ดูจะไฮเปอร์สายบวกเหมือนกัล (หลักเกณฑ์เดาอะไรของฉัน----)
ขอคำนิยามให้ลูกสาวตัวเองหน่อยค่ะ! :: คิดว่าน่าจะเป็น 'หัวใจที่เเข็งแกร่งดั่งหินผานั้นน่าชื่นชม แต่ท้ายสุดเเล้วก็เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง' ประมาณนั้นน่ะค่ะ!
I'm going to live in this cruel world.
Although I have to be alone.
-By Ayama-
ความคิดเห็น