ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦

    ลำดับตอนที่ #16 : [AU KHR | Reborn] Crime Scene [อากิฮิโระ อายามะ]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 60


    T
    B
    {♦ ♦ CiTy StaR § ♦ ♦ }
     
     




    สเก็ดดาราดวงที่สิบสาม

    สตรีโฉมงามผู้ครอบครองหทัยอันแข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยความหนักแน่น

    นางผู้กล้าที่จะเสี่ยง เเละพร้อมจะเผชิญกับขวากหนามมากมายทั้งหลาย

    ดูราวกับปราการอันแข็งแกร่งที่น่าฝากฝังชีวิต แต่แท้จริงเเล้วร่างกายนี้ก็เปราะบางมิเเพ้ใครอื่นเลย


     


     


     

    {The Lady of Hardiness

    Akihiro Ayama} 

     


     

     

    S E C R E T 


    ? ? ?



     

           





    T R O N G Girl


    Akihiro Ayama

     



    APPLICATION




    "ฉันเลือกที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเสมอ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เพราะว่าฉันกล้าหาญ
    แค่ว่าฉันเชื่อมั่นในตัวเองมากยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดบนโลกนี้ ก็แค่นั้น"

    *Full Image*

    PART 1


    ชื่อ-นามสกุล :: อากิฮิโระ อายามะ l Akihiro Ayama


    ชื่อเล่น ::

    ฮิโระ l Hiro [คนทั่วไปมักเรียกเธอเช่นนี้]

    อายามะ l Ayama [สำหรับเพื่อนๆ ที่รู้จักกันในระดับหนึ่ง]

    ยะตัน l Ya-tan [สำหรับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทกันมากๆ ll ยะตันมาจากพยางค์ที่สองในชื่อ รวมกับคำลงท้าย ตัน ที่ไว้ใช้เรียกเด็กผู้หญิงที่น่ารัก หญิงสาวที่รับเลี้ยงเธอนั้นเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้กับเธอ]


    ความหมาย :: อากิฮิโระ {ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์} l อายามะ {ฝนตกกลางคืน} ll อากิฮิโระ อายามะ {หยาดฝนซึ่งโปรยปรายลงมายามค่ำคืน เพื่อเป็นดั่งสักขีพยายานของชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์นั้น}


    สัญชาติ :: ญี่ปุ่น {เชื้อชาติ - ???}


    อายุ :: 31 ปี



    PART 2


    รูปร่างลักษณะ :: อากิฮิโระ อายามะ หน้าตาเป็นเช่นไร? คำกล่าวที่อธิบายได้อย่างครอบคลุมนั้นคือความงดงามที่เป็นดั่งกระเรียนขาวที่งามสง่า ทั้งเกศายาวจรดบั้นเอวสีเงินเเวววาวงดงาม ล้อมกรอบโครงหน้าเรียวสวยได้รูปไข่ไว้อย่างลงตัว กายบางปรากฏกลิ่นซากุระหอมอ่อนๆ อบอวลติดตัวเสมอเป็นกลิ่นประจำกาย เครื่องหน้าทั้งห้างดงามได้ทรงงามสง่า จมูกโด่งโค้งเป็นสันสวยโดยธรรมชาติ ริมฝีปากหยักมักเหยียดตรงสีอ่อนน่าจุมพิต คิ้วโก่งโค้งประหนึ่งจันทร์เสี้ยวประดับฟ้าสีเดียวกันกับเกศายาว รับไปกับนัยน์ตาคมเฉี่ยวสวยมีเสน่ห์ สีดั่งเเสงของอาทิตย์อัสดงยามตกดิน สีส้มประกายแดงอันน่าหลงใหล ตัดกับผิวกายขาวสะอาดได้รับการบำรุงอย่างดี รูปร่างสวยงามได้สัดส่วน สูงโดดถึง178ซม. ประกอบเหมาะไปกับน้ำหนัก62กก. ดูราวกับนางเเบบชั้นนำที่หลุดมาจากหน้านิตยสารอย่างไรอย่างนั้น น่าเสียดายไปหน่อยที่ว่ารสนิยมและลักษณะนิสัยของเเม่คุณ ออกจะเป็นลุคแมนมากกว่าสาวสวยสง่าตามลักษณ์ภายนอกเสียนี่



    ลักษณะนิสัย ::

    อากิฮิโระ อายามะเป็นผู้หญิงอินดี้เเละติสท์แตกชนิดนึ่ง ความสวยงามบนใบหน้าของเธอไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันความงามหยดย้อยภายในแต่อย่างใด ไม่ใช่ว่ามีนิสัยที่เน่าเฟะอะไรหรอก เพียงเเค่ตัวอายามะนั้นแทบจะไม่มีเลยที่จะมีส่วนไหนมาเหมาะสมคู่ควรกับคำว่า กุลสตรี เหมือนกับว่าเป็นเเม่เหล็กขั้วเดียวกันที่มีแต่จะผลักกันออกห่างเสียมากกว่ากระมัง คำที่เหมาะกับคนเป็นแบบเธอจริงๆ เห็นทีจะมีเเต่คำจำพวกว่า มาดเเมนเกินร้อย ห้าวเกินชาย อะไรแบบนี้เสียมากกว่าน่ะนะ อากัปกิริยาคำพูดของเธอนั้นสวนทางกับใบหน้า อย่างที่บอก อายามะเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เธอมีรูปหน้าเเละสัดส่วนทองคำที่น่าหลงใหล ไหนจะประกายตาแวววาวดั่งเเสงทับทิมเลอค่านั่นอีกเล่า มองเเล้วชวนเคลิ้มเสียจนใจเต้นเป็นส่ำไปหมด เเต่นิสัยน่ะเหรอ?..อืม อย่าคาดหวังอะไรกับมันนักเลยที่รัก

    พูดเเล้วจะบอกว่าจะเป็นจำพวกงามแต่รูป จูบไม่หอมก็คงต้องบอกว่ากึ่งๆ เพราะอายามะก็แค่ผู้หญิงแมนๆ ลุยๆ แต่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ท่าทางของเธออาจจะดูมาดเเมนไปเสียบาง อย่างการติดนิสัยชอบนั่งขัดสมาธิหรือแหกแข้งแหกขาจำพวกนี้ การกระโดดโลดโผนก็เป็นอะไรที่คุ้นๆ กันดี เหมือนกับนักกายกรรมที่ชอบกระโดดโลดเต้นไปมา อายามะเป็นคนตัวอ่อนเเละมีทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และมีความคิดประมาณว่า ธรรมดาโลกไม่จำ เธอเลยมักติดนิสัยวิ่งหลบสิ่งของหรือหมุนตัวเเบบเฟบลูลัส (?) เป็นพิเศษ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็คือธรรมชาติของเธอที่ไปเองโดยมีหน้านิ่งๆ เป็นตัวประดับ ประหนึ่งว่านี่คือเรื่องทั่วไปธรรมดาๆ ของมนุษย์โลกก็ไม่ปาน

    อายามะออกจะเป็นคนที่เเข็งแกร่งเกินหญิงไปซะหน่อย เนื่องจากเจ้าตัวคุ้นชินกับการใช้ชีวิตด้วยลำเเข้งตัวเองมาตลอด การขอร้องความช่วยเหลือหรือให้ใครมาคอยปกป้องจึงไม่ใช่สไตล์ของเธอ อายามะชอบที่จะทำเเละลุยกับสิ่งต่างๆ ด้วยตัวของเธอเองมากกว่าการวิ่งโร่ไปขอความช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างนั้น อายามะยังคงอยู่ในกฎของพระเจ้าที่ว่า ผู้ชายจะมีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงเสมอตามหลักสรีระศาสตร์ ดังนั้นร่างกายของเธอจึงไม่ได้เเข็งแรงบึกบันเป็นกระทิงลั่นแต่อย่างใด ก็เจ็บง่ายอ๋องง่ายแบบคนทั่วไปแหละ แค่ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้สึกแยแสต่อบาดเเผลอะไรเท่าไหร่ เลยไม่แคร์ที่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัวก็เท่านั้น บวกกับว่าถึงจะเจ็บตัวกลับมาเเม่คุณก็ดูเเลตัวเองให้หายขาด และรู้ลิมิตตัวเองดีว่าตรงไหนควรพอหรือลุยต่อ ดังนั้นคนทั่วไปเลยไม่ค่อยจะห่วงเธอเท่าไหร่นักเว้นแต่จะเดินเลือดโชกหัวกลับมาอ่ะนะ..

    แต่พูดงั้นงี้ไปเรื่อย ผิวพรรณของหล่อนไม่ได้เป็นริ้วลอยด่างพร้อยอะไรจากแผลพวกนั้นหรอกนะ จริงอยู่ที่อายามะออกจะวิ่งเต้นโลดโผนไปบ้าง แต่เจ้าตัวยังคงเป็นสตรีนางหนึ่ง เธอดูเเลผิวพรรณหน้าตาของตัวเองอยู่บ้าง ประมาณว่าทาครีม หรือยาลบรอยแผลเป็นอะไรงี้อยู่ เนื่องด้วยเป็นนิสัยที่ติดมาจากคุณแม่บุญธรรมที่มักขู่เข็ญให้ทาประจำตั้งเเต่เด็ก นั่นจึงถือเป็นเหตุว่าทำไมอายามะถึงเป็นสาวสวยสะพรั่งได้ขนาดนี้ทั้งที่นิสัยโคตรไม่ให้ยังไงล่ะ อีกอย่าง การทำแผลนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เธอทำได้ตั้งเเต่เเผลเล็กๆ อย่างรอยถลอกจนถึงการเย็บแผล อายามะเคยเข้ารับหลักสูตรการปฐมพยาบาลระดับกลางมาเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย บวกกับเวลาต่อมาได้นำมาปฏิบัติใช้บ่อยครั้ง เเถมเจ้าตัวยังไม่กลัวแผลหรือเลือดอะไร มันเลยเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะเห็นอายามะนั่งทำแผลให้เพื่อนร่วมงานทั้งหลายในเวลาฉุกเฉินบ่อยครั้ง ถามว่าทำไมฉุกเฉิน? ก็แม่คุณเขามันใจเหี้ยม (?) น่ะสิ มีอย่างที่ไหนราดแอลกอฮอล์ลงแผลเอาดื้อๆ แบบนั้นเล่า..ก็อายามะยังทนได้ เเล้วทำไมคนอื่นจะทนไม่ได้ล่ะหือ?

    อายามะมีนิสัยที่มุทะลุมาก ด้วยนิสัยส่วนนี้ทำให้บางครั้งเธอออกจะรีบเร่งบุ่มบ่ามจนเกินไป ทำให้เกิดเรื่องตามมาอยู่เป็นนิจ ยกตัวอย่างเวลามีปากมีเสียง อายามะก็มักเป็นคนที่ฟิวขาดง่ายกว่าใคร หรือตอนที่มีเรื่องตบตีอะไรกัน คุณมักจะเห็นอายามะวิ่งโร่ไปตบตีกับชาวบ้านเขาก่อนใครพวกเสมอ กระนั้นกระนี้ แม้แม่คุณจะทำตัวอย่างว่าก็ไม่ค่อยมีใครว้ากใส่ตอนจบงานเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็แค่ดุนิดๆ หน่อยๆ ว่าคราวหลังช่วยระวังหน่อยนะ หรืออย่าข้าวของพังล่ะ อะไรแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนห่วงกันแบบจริงจังเท่าไหร่ เหนือเหตุผลใดๆ คืออายามะเป็นคนที่สมองกับเซ้นส์กับเเรงมากในตอนฉุกเฉิน--ย้ำ แค่ช่วงเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เรียกว่าสัญชาติญาณดิบมนุษย์อะไรเถือกนั้นก็ได้ ส่วนเวลาปกตินี่บ๊ายบายไปเถอะ เรื่องใช้หัวนี่ขอpassให้หมดเลยเเล้วกัน

    เธอมีสกลิลการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในเหตุฉุกเฉินที่ดีเยี่ยม การจัดการอะไรที่มันเหนือความคาดหมายไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอายามะเลย แต่เพราะพื้นเพไม่ใช่คนฉลาดเเบบขั้นสุดอยู่เเล้ว บางทีเธอเลยอาจจะเลือกทางที่ไม่ได้ดีเลิศเป็นพิเศษอะไร แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรพอช่วยได้เลยเเล้วกันล่ะนะ อนึ่ง เจ้าตัวน่ะชอบความเสี่ยง ความแปลกใหม่ และเรื่องท้าทายอยู่เเล้ว ไม่แปลกหรอกถ้าจะกล้าลองนู่นนี่ไปเรื่อย แต่ไม่ได้มั่วซั่วไปงั้นนะ ของแบบนี้ก็ต้องมีคิดหน้าหลังบ้างเป็นธรรมดาอยู่เเล้ว..อายามะเป็นจำพวกที่ชอบคิดแผนสำรองระหว่างปฏิบัติการณ์ อย่างเวลาวิ่งไปตีกับคนอื่นนี่ถึงตอนเริ่มจะวิ่งไปแบบไม่สนเหนือใต้ใดๆ แต่ระหว่างวิ่งแม่คุณจะคิดแผนเผื่อไว้นะ ว่าแบบถ้าเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรืออะไรเหนือความคาดหมายขึ้นมาจะเป็นยังไง แถมเจ้าตัวยังตีนไวสุดๆ กะพริบตาปริบเดียวอาจจะเห็นหลังเธอไวๆ อยู่ฟากสายตาเเล้วก็ได้ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถึงหน้าตาพี่จะพร้อมบอกขนาดไหน แต่ถ้าเห็นว่าสู้เท้าเขาไม่ไหว พี่ก็วิ่งนะคะ (?)

    เห็นอายามะเป็นยัยบ้าจอมมุทะลุแบบนี้ แต่เจ้าตัวใส่ใจในรายละเอียดมากนะ อายามะมักจริงจังกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเสมอ เธอจะไม่เร่งรีบหากมันเป็นงานละเอียด เช่นพวกงานวิจิตรอย่างวาดรูปหรือเรื่องของปัญหาจิตใจ คิดเสมอว่าเร่งไปก็เท่านั้น งานไม่ได้เสร็จไวเเละดีขึ้นอะไร มีแต่จะเละลงเละลงเอาน่ะสิ เธอมักมีสมาธิจดจ่อกับงานจำพวกนี้สูงมาก อาจจะดูด่วนคิดไปบ้าง แต่ความจริงเเล้วอายามะเป็นคนรอบคอบมากเลยนะ คงเพราะท่าทีเฉยเมยในเวลาปกติ กับการลื่นไหลในการเตรียมตัวต่างๆ จนดูเป็นกิจวัตรกระมัง มันถึงกลบความรอบคอบของเธอไปจนหมด สาเหตุของความรอบคอบนี้ส่วนมากก็มาจากที่เธอต้องอยู่คนเดียวนั่นแหละ

    ในเรื่องของความอดทนของอายามะ มันจะเเยกออกเป็นสองอย่าง อย่างแรกคือเวลาที่ต้องจริงจังกับงาน ทั้งในเรื่องของงานละเอียดเเละโดยทั่วไป ถ้าเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่กระทบกับคนจำนวนมาก อายามะมักรอได้เสมอเมื่อคุณต้องการให้เธอรอ เธอสามารถนั่งเฝ้าการเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ของศพหรือร่องรอยต่างๆ ในสถานที่เดิมๆ ได้เป็นค่อนวัน ขอเเค่มีของกินกับผ้าห่มอุ่นๆ ให้แค่นั้น ก็สามารถตรึงอายามะให้นั่งเฝ้าสังเกตเเละจดบันทึกทุกอย่างได้อย่างง่ายดายเเล้ว สรุปแล้วหากเธอจดจ่อกับอะไรสักอย่าง เธอก็จะมีสมาธิอยู่กับงานนั้นมากๆ และจะไม่มีใครมาทำเธอว่อกแว่กไขว่เขว้ได้ด้วย ใครมากวนกันก็แค่โบกมือไล่ให้ไปให้พ้นเเล้วเมินซะ เป็นอันจบ เรียกได้ว่าใจเย็นผิดกับตอนปกติที่เดี๋ยววาร์ปไปวาร์ปมาอย่างกับอะไรดี เเละไอ้อาการวาร์ปไปวาร์ปมาของนางนี่แหละ คือจำพวกขีดความอดทนอย่างที่สองของเธอ

    จริงจังกับงานที่ทำเสมอ ไม่ชอบการทำอะไรทีเล่นทีจริง ทุกอย่างควรจะใส่ความพยายามอย่างเต็มที่และใส่ใจกับมัน ดังนั้นอายามะจึงไม่ชอบคนที่อะไรแค่พอผ่าน ยังไงดีล่ะ?..สำหรับเธอ มันดูเหมือนคนโดนบังคับให้ทำมากกว่าอยากจะทำเอง แล้วเเบบนั้นก็แสดงว่าอีกฝ่ายจะไม่ตั้งใจ ส่งผลให้งานออกมาแย่ เธอไม่อยากทำงานกับคนจำพวกนี้..ถ้าให้เลือกกันจริงๆ เเล้ว อายามะจะสะดวกใจกับการทำงานคนเดียวซะมากกว่า ไม่ใช่ว่าทีมเวิร์คแย่อะไรหรอก เเค่ว่าเจ้าตัวคิดว่าการทำอะไรคนเดียวมันง่ายดีน่ะ ไม่ต้องถามความเห็นใครก่อนด้วย แต่ก็รู้ดีว่ามันมีข้อเสียเยอะมากในด้านอาชีพของเธอ เจ้าตัวจึงไม่คิดปฎิเสธการทำงานเป็นทีมแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าจะรู้สึกไม่ชอบหน้าคนร่วมงามด้วยนั่นแหละ ถึงจะเริ่มทีมแหกขึ้นมา

    อายามะมีมนุษย์สัมพันธ์เรียกได้ว่าไม่ดีไม่ร้าย กึ่งๆ ไปทางไม่ทักฉันไม่คุย อะไรแบบนั้นซะมากกว่า หายากนะถ้าจะเห็นเธอเหม็นเบื่อใครจริงๆ จังๆ ได้บ้างสักที เนื่องจากว่าเเม่คุณค่อนข้างจะใจฉัน ใจเรา ไม่ยุ่งกับฉัน ฉันไม่ยุ่งกับเธออะไรแบบนี้ไง เลยไม่ค่อยจะไม่ชอบหน้าใครเท่าไหร่ เว้นก็แต่คนจำพวกที่เรียกว่า พวกขี้ประชดประชัน กับพวกชอบนินทา สำหรับอายามะผู้เป็นมนุษย์เถรตรงเเบบไม้บรรทัด เเละรักในความแมนๆ เปิดอกคุยกัน เลยไม่ปลื้มเเละหัวเสียเอาเรื่องเวลาโดนประชดใส่ อาการประมาณว่า พูดตรงเเล้วจะตาย? ประชดไปเพื่ออะไรอีกล่ะ ว่างมากหรือไงกัน อะไรอย่างนี้ขั้นสุด เธอไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาต้องพูดจาอ้อมชาติเสียดเเซะกันแบบนั้น น่ารำคาญสิ้นดี แถมยังอาจทำให้เข้าใจความหมายได้ผิดไปจากเดิมด้วยนะ..ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อคุณแม่คุณทั้งหลายจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไปทำแปะอะไรนักหนา..รำคาญแท้ชีวิต เฮ้อ สรุปแล้วคือ ไม่ได้เกลียดหรอก แม่คุณแค่รำคาญและหงุดหงิดใจตอนโดนประชดใส่แค่นั้นแหละ นับดูจริงๆ คนที่อายามะเกลียดนี่เเทบไม่มีด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าโดนเธอเกลียดขี้หน้าจริงจังขึ้นมา คุณก็ควรพิจารณาตัวเองหน่อยนะว่าเเย่ขนาดไหน ถึงทำคนโนสนด้อนแคร์แบบเเม่นี่เกลียดหน้าเอาได้ขนาดนั้น..

    อายามะมีความลื่นไหลไปตามธรรมชาติ เบสิคพื้นฐานของเธอคือความ สบายๆ เเละไม่ซีเรียสกับชีวิตมากจนเกินไป จะบอกว่าเป็นมนุษย์ชิคๆ ติสๆ ที่ชอบทำตัวสบายอารมณ์ตลอดเวลา (ยกเว้นตอนทำงาน) ก็ว่าได้ อายามะติดนิสัยที่จะทำสีหน้าเฉยเมยติดอึนมึนอยู่ตลอดเวลา เจ้าตัวดูเหมือนคนที่เบื่อหน่ายกับสรรพสิ่งรอบโลกและโคตรจะไม่แยแสต่ออะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ เรื่องตื่นตกใจเองก็เป็นอะไรที่หาได้ยากนักจากสตรีนางนี้ เนื่องจากว่าจิตเเข็งมาก..การเซอร์ไพรส์หรือจั๊มป์สแกร์ใส่อายามะคือความคิดโง่ๆ ชนิดหนึ่ง ต่อให้โผล่มา แฮ่!! ใส่กันตอนตีสาม หรือพาเธอขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา หรือจะให้นั่งแหกตาดูหนังสงคราม ฆาตกรรม เหวอหวะอะไรงี้สามเรื่องติด นางก็ไม่หวั่น มาเหอะ พี่ไม่กรี๊ดให้เสียเชิงหรอกระดับนี้แล้ว

    มนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าทำชายแท้เสียมาดมานักต่อนัก ก็คือเธอคนนี้นี่แหละ อายามะไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาปลอบ ประคบประหงมอะไรเธอไปตามอย่างที่บอก เธอน่ะเป็นสายปลอบดูเเลชาวบ้านเขาซะมากกว่า จะเรื่องงานบ้านงานเรือนหรืองานหนัก อายามะทำได้หมด อาจจะไม่ได้ให้คำปรึกษาใครเก่งอะไร แต่เรื่องการปลอบให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย อายามะมักเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างดีเสมอ รู้ว่าใครที่อยากให้แค่รับฟัง หรือใครที่อยากได้รับคำแนะนำกลับไป แต่วิธีหลักๆ ที่เธอมักใช้ นั่นคืออ้อมกอด..อ้อมกอดอุ่นๆ ที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นั่นแหละคือสิ่งที่เธอมอบให้ไปเพื่อล่อหลอมจิตใจของพวกเขาขึ้นมาใหม่ และอายามะก็มักจะชอบปิดท้ายมันด้วยประโยคเท่ๆ ประมาณว่า "เดี๋ยวมันจะต้องโอเค พยายามอีกนิดและใช้ชีวิตให้ผ่อนคลายเข้าไว้" อะไรประมาณนี้ตลอดศก เรียกได้ว่าฟิลลิ่งชายหนุ่มที่สามารถปกป้องคุณได้แม้วันที่ทั้งโลกเป็นศัตรูกับคุณที่แท้ จะว่าก็ว่า อายามะนี่2in1ของจริงเลยนะ จะงานสตรีหรืองานบุรุษก็โอเเบบนี้ ถ้าไม่ติสท์จนเกินไป คาดว่าคงหัวกระไดไม่แห้งเป็นแน่แท้ล่ะ..

    อย่างที่บอกว่าเเม่คุณจะติดนิสัยชอบทำหน้าเฉยเมย ดูนิ่งสงัดสงบทุกคำพูด เเถมบางทีก็ชอบขมวดคิ้วบิ่นปากใส่อากาศบ่อยๆ ด้วยประการนี้แม้จะเป็นคนที่สวยมากขนาดไหน แต่ก็ฟิลดูกวนตีนหาเรื่องไปในทีเช่นกัน..เพราะงั้นอย่าถามกันเลยนะว่าทำไมชาวบ้านเขาไม่ค่อยกล้ามาคุยด้วยเท่าไหร่..แต่ถ้าลองถามเจ้าตัวจริงๆ นี่ อายามะตอบไม่ได้นะว่าทำไม ถ้าให้ตอบก็คงเป็นเรื่องทั่วไปแบบ ไม่รู้ดิ ฉันมีกลิ่นปากมั้ง อะไรแบบนี้ คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมคนเขาถึงไม่ค่อยชอบตัวเอง แต่ถ้าถามว่าสนไหม? ก็ไม่อ่ะ Stay Strong , I am อ่ะรู้จักป่ะ? สรุปโดยรวมแล้วก็คือเป็นคนที่สังเกตความเปลี่ยนไปและอารมณ์ของคนอื่นได้ดี แต่ไม่ค่อยคิดจะใคร่อยากสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับรีแอคชั่นหรือฟีลลิ่งของคนนอกที่มีผลต่อตัวเองเท่าไหร่นั่นเอง

    นอกจากจะหน้าเนือยแบบนี้แล้ว มันยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้ชาวบ้านไม่คิดอยากสนิทใจกับสตรีคนนี้ หนึ่งในนั้นคือความสามารถพิเศษของเธอ อายามะมีสัมผัสที่หก..พูดเเบบภาษาชาวบ้านก็คือ เธอสัมผัสได้ถึงวิญญาณของคนตายที่ล่วงลับไปแล้วนั่นแหละ ตั้งเเต่เด็กแล้วที่จะเห็นอะไรในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่เห็น เป็นมาตลอด..ไม่รู้ด้วยทำไมถึงเป็นแบบนี้ และทำไมต้องเป็นเธอที่มีมัน และรู้อะไรไหม? ตอนแรกเธอเกลียดความสามารถนี้มากเลยนี้ แต่ตอนนี้กลับคิดว่ามันไม่ได้แย่อะไรเเล้วล่ะนะ ก็เพราะเรื่องนี้นี่เเหละที่ทำให้จิตใจของอายามะเเข็งแกร่งดั่งหินผาได้ขนาดนี้ ทั้งการฝึกปรือความอดทนต่อจั๊มป์สแกร์และแผลเหวอะเลือดสดทั้งหลาย ทั้งการฝึกปรือต่อสายตารังเกลียดหวาดกลัวของคนรอบข้างนั่นก็ด้วย..เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงถูกกีดกันเพราะเรื่องแค่นี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็เลิกที่จะคิดมาก และยอมรับที่จะปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กับมันไปตามคำบอกเล่าของบิดาบุญธรรมไปในที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ

    อายามะในตอนนี้ไม่มีความอายหรือกลัวทีจะบอกใครเขาว่าเธอมองเห็น หรือได้ยินอะไรในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ เธอกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น และเเสดงมันออกไปเสมอโดยไม่คิดปิดบัง แค่บางทีความติสท์ของเธอก็อาการหนักเกินคาด จนทำให้บ่อยครั้งเหลือเกินจะเห็นว่าคุณเธอเขายืนตอบโต้แว้ดว้ากกับวิญญาณไม่ผุดไม่เกิดอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าสำหรับคนนอกจะเห็นเธอเป็นยัยบ้าที่โต้เถียงกับอากาศก็ตามทีเถอะ แต่ก็นะ ใครมองยังไงเเล้วมันทำไม เธอต้องแคร์ด้วยเหรอ? ในเมื่อเธอเชื่อและคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เเย่ เธอก็จะเชื่อแบบนั้น ในของความเชื่อสำหรับผู้คนแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาบังคับกันได้ อายามะก็ด้วย คนอื่นไม่เชื่อไม่เป็นไรหรอก ขอแค่เธอเชื่อมั่นในความเป็นตัวของตัวเองเท่านั้นก็มากพอเเล้วล่ะ..

    สำหรับอายามะ สิ่งที่เธอเชื่อมั่นเเละไว้ใจมากที่สุดก็คือตัวของเธอเอง เธอไม่ใช่คนโลเล เมื่อตัดสินใจแล้วใครหรือจะมากรอกหูให้กลับเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ เพราะเธอเชื่อว่าตัวเองคิดมาดีมากแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปไหลตามใครเขาให้ยุ่งยากหรอกนะ เเละอายามะเองก็เป็นจำพวกที่ไม่มีทางจะพูดคำว่า ทำไม่ได้หรอก ออกมาอย่างแน่นอนถ้าเธอยังไม่ได้ลองทำมันก่อน การท้าทายคือสิ่งที่เธอชื่นชอบและพร้อมจะรับมันเข้ามาในชีวิตตลอดเวลา สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่มันคือสิ่งที่น่าค้นหาไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม และความพยายามเองก็เป็นสิ่งสำคัญในการประสบความความสำเร็จ นี่แหละคือหัวใจหลักในการทำงานของอายามะ ดังนั้นเเล้วเธอจะพยายามลองทำมันก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยบอกว่าได้ หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่อะไรหรอก อย่างน้อยก็ถือว่าได้ทำแค่นั้นเอง

    เรื่องแย่ๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้ ก็คือหล่อนมีโลกส่วนตัวสูงมากในระดับหนึ่ง คนทั่วไปมักเข้าไม่ถึงความคิดของอายามะ อาจเพราะไม่ชอบเเสดงออกทางใบหน้าในเวลาปกติทั่วไปเท่าไหร่นัก บวกกับใครต่อใครเขารู้กันดีว่าโลกที่อายามะเห็นและโลกที่พวกเขาเห็นนั้น มันแตกต่าง หลายต่อหลายคนจึงคาดเดาไม่ได้เลยว่าอายามะกำลังคิดอะไรอยู่ มันดูเหมือนเรียบง่าย แต่ก็ซับซ้อน อายามะเหมือนกับคนง่ายๆ คิดอะไรตื้นๆ แต่ความจริงแล้วเธอคิดไปลึกมากกว่านั้นเยอะหลายต่อหลายเท่า เพียงแค่ว่าไม่ได้พูดมันออกมา ก็แค่นั้น บางทีเห็นเธอนั่งทำหน้าไม่รู้นั่นอาจไม่ได้หมายถึงไม่รู้ เเต่อาจจะหมายถึงรู้ เเต่ไม่อยากยุ่ง จะทำอะไรก็ทำกันไป มากกว่า อายามะไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ยกเว้นแต่มันจะหนักหนาเเละเเย่จริงๆ เธอถึงจะเตือน แต่ก็แค่ครั้งสองครั้ง ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากความ เพราะเธอคิดว่าคนเรามีสิทธิ์จะเลือกทางเดิน เเละมนุษย์ทุกคนย่อมมีทุกข์ จะดีหรือร้ายพวกเขาก็ควรเลือกกันเอง นั่นแหละคนเราถึงจะเติบโตขึ้นมาได้

    เหนืออื่นใดคือนางนั้นโคตรจะอินดี้เเละแอบเอาแต่ใจแบบสุดๆ เป็นคนจำพวกที่แบบ ถ้าไม่ได้ ฉันก็จะย้ำมันอยู่เเบบนั้น ในมุมมองของคนสนิทก็จะรู้สึกขำๆ กับนางปนรำคาญนิดหน่อย แล้วก็ยอมให้ตามใจไปในที่สุด เเต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่จะเห็นอายามะนั่งหน้าบึ้งปากงอหนักกว่าเดิมไปทั้งวัน แถมใช้สายตาเหลือบๆ มองๆ เคืองๆ กันตลอดเวลาจนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมในที่สุดไปเองนั่นแหละ แต่ส่วนมากเเล้วแค่เธอเดินไปทักตอนแรกด้วยหน้าตาปลายตอบ เขาก็ยอมกันหมดเเล้วนะ--อายามะออกจะมีสมองที่แบบ ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ เธออาจจะดูฉับไว กระฉับกระเฉง และมีหนทางเอาตัวรอดที่ดี แต่ถ้าเกิดมันทำงานมากเกินไป อายามะก็สามารถสมองอ๋องเออเร้อได้เช่นกัน เป็นจำพวกที่ต้องค่อยๆ รับข้อมูลเข้ามาทีละอย่างสองอย่าง ถ้าจำพร้อมกันไปหมดทีเดียว เธอจะเกิดอาการเออเร้อชัดดาวน์ตัวเอง และจำโน่นจำนี่สลับกันมั่วไป แถมหัวเสียง่ายอีกต่างหาก กล่าวเเล้วคือเป็นคนที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนและเร่งด่วนในทีเดียวไม่ค่อยถนัด รวมถึงถ้าไม่ได้พักผ่อน อายามะก็ไม่สามารถผลิตผลงานคุณภาพชั้นพรีเมี่ยมให้คุณได้นั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่าพักผ่อนไม่จำเป็นต้องเป็นการนอน8ชม.หรอก แค่ชม.เดียวก็พอเเล้วล่ะของแบบนี้

    อายามะมักจะเก็บเรื่องเครียดไว้กับตัวเองคนเดียวเงียบๆ ไม่คิดจะเปิดปากบอกใครจนกว่าใครเขาจะเดินเข้ามาถามเสียเอง ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะบอกไปทั้งหมดหรอก เลือกแค่บอกเป็นบางส่วนให้อีกฝ่ายสบายใจและไม่คิดมากซะมากกว่า เหมือนจะเป็นคนเปิดเผย แต่จริงๆ แล้วเก็บเงียบมาก ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับตัวเองเท่าไหร่ แม้เเต่คนสนิทกันมากๆ ยังไม่อยากบอกเลยด้วยซ้ำ แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเเละขีดเส้นคั่นไว้อย่างชัดเจน ไม่ชอบให้ใครมาก้าวข้ามถ้าไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นพวกชอบเผือก ขี้เซ้าซี้ จึงเป็นมนุษย์สปีชี่ย์ที่จะทำให้อายามะปรี๊ดจนอยากหาโพเดียมมาทุ่มใส่หัวได้ง่ายมากที่สุดนั่นเอง เอาจริงแล้วไม่ค่อยมีคนรู้หรอกเวลาเธอเครียด อย่างแรกคืออายามะไม่เเสดงออก อย่างสองคือมันเป็นแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย เจ้าตัวมีวิธีคลายเครียดมากมายให้ทำในชีวิต ดังนั้นนิสัยพวกนี้จึงไม่เป็นปัญหากับตัวเธอเท่าไหร่ อีกอย่างค่อนข้างจะเป็นคนปล่อยวางด้วยล่ะนะ แต่ถ้ามันเกินขีดจำกัด อายามะก็ทนไม่ไหวเช่นกัน..และวิธีที่เธอมักเลือกเสมอเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ นั่นคือการไปพบจิตแพทย์เพื่อระบายความรู้สึกและขอคำเเนะนำ จากที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวล กล่าวได้เพียงว่าอายามะไม่เคยมีความคิดที่จะทำให้คนข้างตัวเธอเครียดไปกับเธอเลย และเพราะเเบบนั้น เธอจึงเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีกว่าที่คุณเห็นจากภายนอกมากนักยังไงล่ะ



    ชีวประวัติ ::

    ชื่อของเธอ..คือ อากิฮิโระ อายามะ

    ครั้งก่อน เคยใช้สกุลที่ว่า โนบุยูกิ..โนบุยูกิที่แปลว่า ความศรัทธาและความสุข

    เเละตัวเธอเมื่อครั้งก่อนเอง ก็เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและความสุขเฉกเช่นนามของเธอเช่นกัน


    อายามะคือผู้หญิงที่แปลกประหลาด ทั้งด้านนิสัยเเละความสามารถอันน่าพิศวงของเธอ..สัมผัสที่หก ไม่ว่าใครล้วนรู้สึกผวากับความสามารถอันผิดแปลกจากคนธรรมดาในข้อนี้ ทั้งนิสัยเเสนห่ามมุทะลุไม่สนคนเท่าไหร่นั้น ยิ่งทำให้ผู้คนไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้เธอเท่าไหร่นัก

    หลายครั้งเกิดคำถาม ว่าผู้หญิงคนนี้เติบโตมาอย่างไรกันนะ?

    แน่นอนว่าอายามะไม่เคยเอาเรื่องของตัวเองไปเล่าให้คนพวกนั้นฟังหรอก



    ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่แม้จะสุขสรรค์..ทว่าก็เคล้าด้วยความเศร้าจนแทบไม่อยากจะรื้อฟื้นเลยน่ะสิ..



    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}บางครั้ง สิ่งที่พระเจ้าประทานให้ก็เปรียบเป็นคำสาปมากกว่าพร{{


    อายามะ คือชื่อของเด็กหญิงคนหนึ่งในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า โนบุยูกิ

    เเละนั่นเเหละคือชื่อของเธอ

    เธอโตขึ้นมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเเห่งนี้โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ที่เเท้จริงเป็นใคร..สิ่งเดียวที่รู้และยังฝังอยู่ในหัวคือเรื่องที่ว่า เธอถูกพวกเขาทิ้งไว้ตั้งเเต่ยังเล็กๆ ที่หน้าบ้านของหญิงชราสามีภรรยาคู่หนึ่ง ก่อนชีวิตน้อยๆ จะถูกส่งต่อไปให้กับบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าในละเเวกนั้น ด้วยเพราะสาเหตุที่ว่าความชราภาพนั้นไม่สามารถทำให้พวกเขาเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยนี้ได้

    ก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ถูกพ่อแม่ของตัวเองทอดทิ้งไว้เเละหนีหายไป ชีวิตวันพรุ่งนี้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นเช่นไร

    แต่เพราะพวกเขายังเด็ก ยังคงใสซื่อและไม่รู้ความ ขอแค่วันนี้ยังคังมีความสุขทุกอย่าางก็โอเคเสมอ พวกเขาไม่เคยถามว่าพ่อแม่ของตนอยู่ที่ไหน พวกเขาไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่พวกท่านจะมารับ ไม่เคยเลยที่จะนึกถามหาครอบครัวแท้จริงของตน เพราะว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มันก็เปรียบเสมือนครอบครัวของพวกเขา

    แน่นอน อายามะไม่ได้มีความคิดต่างจากพวกเขาเลย

    ทุกครั้งที่นี่คือเพื่อนของเธอ เป็นพี่เป็นน้อง และพี่เลี้ยงที่นี่ก็ใจดีเหมือนเเม่เลยด้วย

    ก็แค่ว่าบางครั้ง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า

    'เพราะอะไร พวกเขาทิ้งเธอไปกันล่ะ?'


    คำถามที่ไม่เคยถาม เก็บฝังไว้ในหัวใจเรื่อยมาเเละไม่เคยจางหายไปไหน กระทั่งถึงวันที่เธออายุห้าขวบพอรู้ความขึ้นมาบ้าง บางสิ่งที่เห็นเริ่มแปลกตาไปจากเดิม..นอกจากเพื่อนๆ กับพวกพี่เลี้ยง เธอเริ่มจะเห็นใครบางคนที่ไม่ใช่พวกเขาเพิ่มขึ้นมาแทนที่

    ครั้งแรกคือเด็กผู้ชายผอมแห้งผิวซีด หน้าตาป่วยจัดน่าสงสาร

    ครั้งที่สองคือคุณลุงที่ฝั่งตรงข้าม เลือดอาบย้อมตัว น่ากลัวจนต้องวิ่งหนี

    และครั้งล่าสุด คือเด็กผู้หญิงที่ลำคอเขียวช้ำ และหล่อนกำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธอ..


    "เธอจะถูกทุกๆ คนทิ้งล่ะ"

    นั่นเป็นคำแรกที่ได้ยินจากปากเด็กคนนั้น

    อาจด้วยเพราะนิสัยส่วนตัวของอายามะ เป็นพวกห่ามๆ เเมนๆ ไม่สมหญิงมาแต่ไหนแต่ไร บวกกับชักจะเห็นอะไรแบบนี้จนเริ่มจะชินตา เด็กหญิงจึงรู้สึกอารมณ์เสียมากกว่าจะกลัวกับสภาพของเด็กหญิงผิวเผือด ดวงตาเป็นสีขาวขุ่นน่าขนลุกตรงหน้าเธอในตอนนี้

    "ทุกคนไม่ทิ้งฉันหรอก"

    "ไม่หรอก พวกเขาจะทิ้งเธอ" เด็กหญิงคนนั้นยังคงพูดต่อไป หัวเราะคิกคักน่ารำคาญดูราวกับคนเสียสติ

    รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาถึงขนาดใช้มือพยายามผลักร่างเล็กนั้นให้ตกเตียงไปซะ แต่กลับทะลุวืดผ่านไปราวกับว่าสัมผัสอากาศ มิหนำซ้ำตัวเธอยังถลาตกเตียงไปแทนอีกต่างหาก เด็กหญิงตัวซีดหัวเราะซ้ำ เล่นเอาเธออายจนเเทบอยากม้วนตัวหนี

    "อย่าหัวเราะนะยัยบ้า เข้ามาในห้องคนอื่นเขาตามใจยังจะมาทำตัวนิสัยไม่ดีอีก" อายามะเอ่ยปากด่าทั้งหน้าแดงปากเบ้ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเด็กคนนั้นเอ่ยต่อ

    "มันเคยเป็นห้องของฉัน"

    อายามะชะงักงัน ความสงสัยเกิดขึ้นมาในอก เด็กหญิงเกาหัวเเกร่กๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก

    "เเล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ใช่?"

    เด็กผู้หญิงคนนั้นหุบยิ้ม จ้องมองใบหน้างดงามด้วยดวงตาสีขาวขุ่นของหล่อน


    "เพราะฉันตายไปแล้ว"


    มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่แทรกแซงเข้ามาในหัว..

    ทั้งสับสนเเละงุนงง..ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

    คนตายไม่สามารถพูดได้ แต่แล้วทำไม..หล่อนถึงยังคงหัวเราะ เเละพูดคุยกับเธอได้อยู่อีก?

    อีกครั้งที่เกิดคำถามไม่ได้รับคำตอบโผล่ขึ้นมาในหัว และเเม้สงสัยขนาดไหนก็ไม่ได้รู้คำตอบเสียที เพราะตอนที่เอ่ยถามกับเด็กผู้หญิงคนนั้นไป คำตอบที่ได้รับกลับมา มีเพียงเเค่ว่า 'ฉันตายไปแล้ว' เพียงเท่านั้น..

    สุดท้ายเเล้วก็ได้เเต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจ แล้วปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่เก็บเอามาคิด

    การได้พบเจอกับเด็กผู้หญิงคนนั้น หรือที่เธอบอกให้เรียกเธอว่า 'อากะ' ที่ผันมาจากคำว่าอาคา ที่แปลได้ว่าสีเเดงนั้น ทำให้ชีวิตของอายามะเปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อย..

    ทั้งที่ดูเเล้วก็อายุเท่ากันกับเธอไม่ได้ต่างอะไรกันเลยเเท้ๆ ทว่าอากะกลับรู้เเละเข้าใจโลกได้ดีกว่าตัวอายามะมากนัก..หล่อนสอนให้อายามะรู้ในหลายๆ เรื่อง บอกให้รู้ถึงสิ่งไม่รู้ มิหนำซ้ำนิสัยยังมีความไม่กลัวอะไรมากกว่าอายมะเสียอีก คุยกันไปคุยกันมาก็ชักจะติดนิสัยเจ้าหล่อนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเเต่เดิมที่วิ่งหนีคุณลุงตรงถนนฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวนี้ดันกลายเป็นคึกจัด เดินเข้าไปทักมันดื้อๆ ซะงั้น

    ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นอายามะคุ้นชินกับวิญญาณพวกนั้น ไม่รู้สึกกลัวเเละเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติที่เคยมีคนบอกว่าไร้สาระไปเสียแต่เด็กซะอย่างนั้น

    ถึงอย่างนั้นเจ้าหล่อนยังคงสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงยังวนเวียนอยู่ในที่เเห่งนี้ หรือไม่ก็ที่ที่พวกเขาตาย

    อากะที่ได้ยินคำถามนั้นยิ้มบาง ตอบเสียงเรียบว่า "พวกเขาเหมือนกับฉัน ตายไปแล้ว และไปไหนไม่ได้"

    "ทำไมไปไม่ได้ล่ะ?"

    "ไม่รู้สิ" อากะตอบเช่นนั้น เหม่อสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะนัยน์ตานั้นเป็นสีขาวขุ่นถึงได้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ "ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงยังอยู่ ที่รู้อย่างเดียวมันก็มีแค่ว่าทุกวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อและซ้ำซาก.."

    ดวงตาคู่นั้นเหลือบมามองเธอ จดจ้องเข้ามานิ่งๆ

    "ทุกวันคือความน่าเบื่อและเงียบเหงา..จำไม่ได้เเล้วเหมือนกันว่านอกจากเธอ ฉันได้คุยกับใครมาบ้าง"

    "แสดงว่ามันทุกข์ใช่ไหม การเป็นวิญญาณเนี่ย" อายามะถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาหรี่มองคนที่ส่งเสียงอื้อตอบรับเบาๆ กลับมาในลำคอ "ถ้างั้น..ทำไมเธอถึงตายล่ะ"

    "ก็วิญญาณไม่มีความรู้สึกเจ็บทางร่างกายเท่ามนุษย์นี่ อีกอย่าง.." เสียงเงียบหายไปครู่ เเล้วจึงต่อให้จบว่า "ฉันเหมือนกับเธอนั่นเเหละ รู้ไหมล่ะ?"

    ........

    ดวงตาสองดวงของคนที่มีชีวิตเเละไม่มีจดจ้องสบกันนิ่ง หนึ่งคือความไม่เข้าใจ สองคือความสงสัยเเละสับสนเกินกว่าจะบรรยาย อากะคลี่ยิ้มขมขื่นออกมา เอ่ยบอกถ้อยคำที่เด็กตัวเเค่นี้ไม่ควรจะพูดออกมาด้วยสีหน้าหม่นหมอง

    "ฉันแตกต่างจากคนพวกนั้น เพราะงั้นเลยถูกกลั่นเเกล้งและถูกทอดทิ้งไง"

    "แต่ฉันไม่ได้ถูกแกล้งนะ อีกอย่าง ไม่ได้แปลกอะไรสักหน่อย มือก็สองมือ เท้าสองเท้า ตาสองข้าง ตรงไหนแปลกกัน?" อายามะยังคงถามด้วยความสงสัย ชี้นิ้วสัมผัสไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายไปเรื่อย

    ดวงตาสีขาวขุ่นจ้องมองมานิ่ง "งั้นเธอลองไปคุยกับพวกฉันต่อหน้าพวกเขาสิ เชื่อไหม? พวกเขาจะบอกว่าเธอเป็นบ้า กลัวเธอ ไม่ก็ไม่อยากเข้าใกล้ เเล้วพากันหนีหายไปหมด"

    คำพูดนั้นทำให้ต้องเงียบฝีปากลง เหลือเพียงความเงียบครอบงำระหว่างเด็กทั้งสอง อีกครั้งที่อากะหัวเราะ เเต่คราวนี้มันกลับเป็นเสียงหัวเราะเเสนขมขื่น คำตอบทั้งหมดของคำถามเอ่ยสรุปออกมาได้ดังนี้ว่า

    "อยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน พวกเขาไม่เห็นหัวเราอยู่เเล้วไม่ใช่หรือไง"



    ครั้งแรก อายามะไม่ได้เชื่อในคำพูดของอากะในทันที..

    เด็กหญิงยังคงคิดว่าความสามารถแปลกๆ ที่ตนมีมันไม่ได้แปลกหรือน่ากลัวอะไรเลย เด็กหญิงยังคงยิ้มเเละคุยกับสิ่งลี้ลับทั้งหลายต่อไปโดยไม่ได้สนคำเตือนของอากะ กระทั่งวันหนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าตนทำผิดพลาดไปก้าวใหญ่มากๆ เมื่อเพื่อนคนหนึ่งชี้หน้าบอกเธอว่า

    "บ้าหรือเปล่า คุยคนเดียวอยู่ได้"

    แน่นอนว่าหลังจากนั้นคือเสียงหัวเราะ เเละเเน่นอนอีกครั้งว่าอายามะต่อยหมอนั่นปากแตก..

    ถึงจะเป็นแค่เด็กเจ็ดขวบเเละเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าอายามะจะยอมให้ใครมาว่าเธอหรอกนะ ในตอนนั้นความเป็นเด็กยังทำให้ไม่รู้จักคิดเท่าไหร่ สุดท้ายเลยกลายเป็นเรื่อง แล้วไปมาดันกลายเป็นเธอผิดซะงั้นที่ไปต่อยเขาก่อน ทั้งที่เธอโดนว่าเเละหัวเราะเยาะใส่แท้ๆ

    อายามะดื้อเพ่งไม่ขอโทษ และสุดท้าย เธอเลยได้รับบทลงโทษของชีวิตในครั้งแรก

    มันคือความโดดเดี่ยว

    เพื่อนๆ เริ่มไม่คิดจะเข้ามาเล่นด้วย ด้วยหลายๆ เหตุผล..พวกผู้หญิงน่ะไม่เล่นกับเธอเพราะเธอมันห้าว แมนเกินจะหญิง ถึงร่างกายจะป้อแป้ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงคนอื่น แต่เรื่องนิสัยน่ะมันไม่ใช่ แน่นอนว่าอายามะไม่ได้ว่าอะไร ให้เธอไปนั่งเล่นตุ๊กตากับเล่นขายของเเบบเด็กพวกนั้น เธอก็ไม่เอาเหมือนกันแหละ

    แต่ที่หนักจริงๆ คือพวกผู้ชายต่างหาก..

    พวกเขาไม่เล่นกับเธอด้วยเหตุผลที่ว่า เธอประหลาด อายามะถูกกันออกมาเพียงเเค่เพราะว่าเธอมีสัมผัสที่หก เด็กหญิงไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมคนเราถึงไม่ชอบหน้ากันได้เพียงเพราะเเค่เรื่องแบบนี้ บ้างก็เกลียดหรือกลัวจริงๆ แต่บางคนกลับไม่เล่นด้วยเพียงเเค่ตามเพื่อน สุดท้ายเลยกลายเป็นเธอต้องโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเเห่งนั้นไปในที่สุด

    ทั้งที่เมื่อก่อนมีความสุขเเละรักที่เเห่งนี้มากแท้ๆ

    แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอารมณ์เสียและย่ำเเย่จนอยากจะเดินออกไปมันทุกเวลาเสียอย่างนั้น..



    "ฉันบอกเธอแล้ว"

    เด็กหญิงผู้มีดวงตาสีขาวขุ่นเอ่ยออกมา ท่ามกลางเสียงสะอื้นเเละความอ้างว้างในห้องนอนเล็ก ๆ..

    "ถ้าพวกเขารู้ว่าเราแตกต่างเเล้วล่ะก็..พวกเขาจะทิ้งเราแน่นอนเลยล่ะ.."





    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}สักวันหนึ่งคนเราย่อมต้องเอ่ยคำว่า ลาก่อน

    {{


    "ต่อจากนี้ หนูจะมาอยู่กับพวกเรานะจ๊ะ"

    มันคือคำพูดที่เปรียบเหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่าเข้ามากลางใจ จนทำให้ร่างชาด้านไปหมด ทั้งหัวยังอื้อจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยดีด้วย..

    หลังจากตอนนั้นก็ผ่านมาสองปี ตัวอายามะในตอนที่อายุได้เจ็ดปีได้เจอกับชายหญิงคู่หนึ่ง พวกเขาเป็นคนญี่ปุ่นที่มีฐานะทางบ้านปานกลาง ชีวิตมีความสุขดีเเละมีหน้าที่การงานทำ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพียงแค่ปราศจากเด็กตัวน้อยๆ ให้ไปวิ่งเล่นในบ้านของพวกเขาเท่านั้น

    ทั้งคู่อยากมีลูก แต่พวกเขามีบุตรไม่ได้..ดังนั้นถึงได้เลือกจะรับเลี้ยงอายามะ

    ตอนนั้นหัวใจเต้นระรัวไปหมด เหมือนดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่คลี่ยิ้มและพยักหน้ารับอือออจนปวดแก้ม ทั้งดีใจที่จะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับพวกเพื่อนๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เเละตัวเธอเอง..จะได้มีครอบครัวเเบบที่เป็นครอบครัวจริงๆ กับเขาเเล้ว..

    จะมีคุณแม่กับคุณพ่อ..เหมือนกับเด็กคนอื่น

    อายามะดีใจลิงโลดไปหมด เธอยิ้มรับเเละตอบตกลงทันทีโดยไม่มีที่าปฏิเสธอะไรกับว่าที่มารดาบิดาทั้งสองเลยเเม้เเต่น้อย มีสายตาจสกเด็กคนอื่นมากมายมองมาด้วยความอิจฉา ใครต่อใครต่างไม่คิดกันทั้งนั้นเเหละ ว่าเด็กที่ดูจะมีปัญหามากที่สุดในรุ่นเเละอยู่แบบโดดเดี่ยวมาสองปีแบบอายามะ จะเป็นคนแรกที่ได้รับการรับเลี้ยงเช่นนี้ เเละ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดี..แต่ตอนสารภาพบาปเลยว่าเธอหันไปแยกเขี้ยวยิ้มเย้ยใส่ไอ้พวกบ้านั่นเต็มที่เลยล่ะ

    "หนูอยากไปลาเพื่อนๆ ก่อนไหมจ๊ะ" หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่ออายามะพยักหน้ารับเต็มแรงจนหัวโยกหัวคลอน "งั้นไว้มาเจอกันตรงนี้นะ"

    "อื้อ!"

    แล้วเธอก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว..ผ่านเพื่อนที่เคยสนิทกัน ผ่านเด็กผู้หญิงที่เคยคุยด้วย เเละผ่านเด็กผู้ชายที่เคยแกล้งเธอมาก่อน อายามะไม่สนคนพวกนั้นเลยเเม้เเต่น้อย เพราะเมื่อพูดถึงคำว่าเพื่อนเเล้ว..คนเพียงคนเดียวที่เธอนึกถึง มีเเค่เด็กคนนั้นเท่านั้น

    "อากะ!"

    ประตูเปิดโพล่งออกมาพร้อมกับเสียงที่ร้องเรียก อายามะยิ้มกว้างปากแทบฉีกเมื่อเห็นเพื่อนนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม เเต่แล้วรอยยิ้มกลับต้องหุบลง บรรยากาศหม่นหมองล้อมรอบตัวของเด็กผิวซีดเอาไว้ ดวงตาสีขาวขุ่นเหลือบตามองเธอ..มันมีน้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตากลมคู่นั้น และนั่นทำให้หัวใจของอายามะหล่นตุ้บไปอยู่ตาตุ่มทันที

    "ใครทำอะไรเธอน่ะอากะ ใครทำเธอร้องไห้!" เด็กหญิงพุ่งตัวไปถาม สีหน้าห่วงใยเสียจนวิญญาณตรงหน้าตัวสั่นหนักกว่าเดิมนัก

    "เธอจะไปเเล้ว.."

    "อากะ.."

    "เธอจะไปจากที่นี่..ไปมีชีวิตดีๆ แล้วก็ทิ้งฉันไว้คนเดียว..ทิ้งฉันไปเหมือนกับคนใจร้ายพวกนั้น!!"

    ร่างของอายามะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกตวาดใส่เสียงดัง ความสับสนฉายอยู่บนเเววตา เธอไม่รู้ว่าทำไมอากะถึงร้องไห้และโกรธเธอ แต่..เธอรู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง

    "เฮ้ เพื่อน..อย่าก้มหน้าเเบบนั้นสิ" ทรุดตัวนั่งบนเตียงใกล้ๆ กับร่างนั้น เอื้อมมือไปหมายจะสัมผัสเเม้ว่าจะเเตะต้องอะไรไม่ได้ก็ตามที "เธอเป็นอะไรอากะ..บอกฉันสิ ฉันรับฟังเธออยู่เเล้ว"

    ใบหน้าซีดเผือดบิดเบี้ยวเหลือบมามองเธอ ความโกรธฉาบอยู่บนเวงหน้าของอากะ เเละอายามะรู้ดีว่าเบื้องใต้นั้นคือความเสียใจ "จะไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ที่เเสนดีของเธอ"

    "...." อายามะเงียบ ไม่ว่าอะไรกับถ้อยทีประชดประชันเหล่านั้น เธอนั่งฟังอีกฝ่ายเอ่ยคำจิกกัดสานพัดอย่างไปเงียบๆ แบบนั้น จนกระทั่งคำพูดที่อยากจะสื่อจริงๆ เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก อายามะจึงข่มตาลงแน่นทันที

    "อยู่กับฉัน..ได้โปรด อย่าไปเลยนะ.."

    มันเป็นความรู้สึกที่แย่..ทั้งอึดอัดและสับสน บรรยากาศรอบตัวพวกเธอมันเงียบมาก อายามะมองเด็กหญิงด้วยสายตาสงสาร เธอเข้าใจว่าทำไมอากะถึงพูดเเบบนั้น เข้าใจทุกอย่างในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ถึงอย่างนั้นเเล้ว..เธอจะทำอะไรได้กัน

    "ขอโทษนะ.."

    เพราะสุดท้ายเเล้วเธอมัยก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความเห็นแก่ตัวเช่นกันเท่สนั้นเอง..

    "ฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ อากะ" อายามะเอ่ยย้ำอีกรอบ เธอมองเพื่อนของตนร้องไห้ออกมามากกว่าเดิมหลายเท่านัก "ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ขอโทษ--"

    "เธอจะมาขอโทษฉันทำไม!!!"

    เสียงแหบพร่าตวาดกลบทุกเสียง ดวงตาสีขาวขุ่นนั่นตวัดมองมา มันไม่ได้จอกใส่หรือดูเลื่อนลอยแบบทุกครั้ง เเต่กลับมองเเล้วน่าสงสารเสียจนหัวใจปวดหนึบไปหมด

    "เธอขอโทษฉัน แต่สุดท้ายเธอก็จะทิ้งฉันไปอยู่ดีนี่"

    "ฉันไม่ได้ทิ้งเธออากะ ขอร้องล่ะ เข้าใจฉันที" มือบางยกขึ้นยีเส้สผมไปมาเต็มแรง เธอเริ่มรํ้สึกปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ อายามะเเทบไม่รู้เเล้วว่าตนต้องพูดยังไงกันแน่ "มันอาจจะเห็นแก่ตัวที่ต้องพูดแบบนี้นะ อากะ เเต่.."


    "เธอตายไปแล้ว เเต่ฉันยังอยู่..พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"


    ร่างนั้นเงียบเสียงไปเมื่อเธอพูดจบ
    ก่อนเสียงสะอึกสะอื้นจะดังคลอในหูของอายามะมากกว่าเดิม เด้กหญิงทำได้เพียงปลอบเธอด้วยอ้อมกอดที่แม้จะไม่อาจสัมผัสได้ กลับอ่อนโยนเสียจนใจของวิญญาณที่เเน่นิ่งอุ่นซ่านขึ้นมาทันตา..
    "ไม่เป็นไรนะอากะ"
    "ถึงจะไม่ได้อยู่กับเธอ..แต่สัญญาเลยล่ะ"
    "ว่าเรื่องของเรา ฉันจะจำไว้ไม่ลืมเลย..."
    เป็นดั่งคำสัญญาของเด็กหญิงทั้งสอง เชื่อมโยงพวกเขาด้วยรอยยิ้มเเละปลายนิ้วที่เกี่ยวกันเเม้ไม่อาจสัมผัสได้ น้ำตากลั่นออกมาจากดวงตาเเละหยดรินไม่รู้จบ เด็กหญิงไม่อาจตอบได้เลยว่าหัวใจตอนนั้นรู้สึกอย่างไรอีกต่อไปแล้ว อากะอยากจะร้องไห้ให้ลำคอแห้งผากและหยดเลือดกลั่นรินออกมาเสียแทน เธอเจ็บ ทรมาน ช้ำใจจนเเทบบ้าเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะจากไป
    เธอกลัวเหลือเกิน กลัวที่จะต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้ง..เพราะเเบบนั้นถึงได้ร้องไห้ตีโพยตีพาย พยายามเหนี่ยวรั้งร่างนี้ไว้จนจวบเท่าที่กำลังจะมากพอ
    ทว่าทำไมกันนะ..กับแค่ประโยคเเสนเรียบง่าย ทั้งยังไม่มีหลักประกันอะไรเลยแม้แต่น้อยนั่น..มันกลับทำหัวใจของเธออุ่นซ่าน ทุกอย่างดูราวกับจะสว่างขึ้นทันตา อากะรู้ในทันทีว่าเเท้จริงเเล้วเธอต้องการสิ่งใดกันแน่

    เธอก็แค่..กลัวว่าตนเองจะถูกลืมเลือนไป

    ทว่าเพราะรอยยิ้มนี้ ทว่าเพราะคำพูดเหล่านี้ และทว่าเพราะคืออายามะที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอกำลังยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เชื่อมั่นเเละอารี หัวใจของเธอถึงสั่นคลอนเเละบีบรดไปจนถึงขั้วหัวใจ
    วินาทีนั้น อากะเเย้มยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาด
    "ถ้าเธอลืม..ฉันโกรธจริงๆ ด้วยนะ.."
    เเละสิ่งที่เธอได้รับ นั่นคือเสียงหัวเราะจากเด็กผู้หญิงตรงหน้าเธอ

    "ไม่มีวันซะหรอก.."
    .
    .
    .
    วันเวลากำลังหมุนเวียนผ่านไป
    ทว่าคำสัญญานั้นไม่เคยจางหาย..
    ร่างร่างหนึ่งก้าวเท้าเข้าไปในสวนลับตาที่ปราศจากฝูงชน ฝ่ามือนั้นประคองช่อดอกไม้สีแดงสดงดงามเอาไว้อย่างเบามือ ฝ่าเท้าก้าวเดินไปจนกระทั่งมาหยุดยังสวนดอกไม้สีแดงสดงดงามแห่งหนึ่ง ย่อตัวลงเพื่อให้สายตาได้มองหลุมศพอันปราศจากซึ่งร่างกายใดๆ นั้นได้อย่างชัดเจน
    รอยยิ้มที่งดงามนั้นคลี่ออกมาบางเบา ฝ่ามือขาววางดอกสึบากิสีแดงสดลงบนหลุมศพ ลูบไล้เเท่นไม้สลักชื่อเรียบๆ ที่ลงทุนลงเเรงหามาให้ พร้อมเอ่ยออกมาอย่างเเผ่วเบาว่า..
    "ฉันยังคิดถึงเธอเสมอนะ..อากะ"

    แด่เธอผู้จากไปยังภพภูมิที่สวยงาม
    กระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนสี หรือช่วงเวลาที่ฤดูกาลหมดลง
    คำสัญญาของเรา จะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน..


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}บางครั้งชีวิตก็งดงามจนดูราวกับเป็นฟ้าหลังฝน{{

    ย้อนกลับไปเสียหน่อยในช่วงที่ชีวิตของเธอยังคงเรียบง่ายเเละเเสนธรรมดา
    เริ่มแรกคงต้องกล่าวด้วยการเกริ่นว่า ชีวิตของเธอในตอนนั้นเป็นเช่นไรบ้าง..และอายามะคงตอบอะไรมากไม่ได้ ว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเด็กสาววัยมัธยมต้นทั่วไปเลยสักนิด สำหรับเธอมันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรสักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำยังจำเจซ้ำซากสุดๆ
    แค่ใช้ชีวิตไปแบบเดิมกับที่เคยทำๆ มา ตื่นนอน กินข้าว ไปโรงเรียน เล่นกีฬา เเล้วจากนั้นก็กลับมาทานข้าวอาบน้ำนอน (ส่วนการบ้านน่ะไว้หัวเเล่นเมื่อไหร่ค่อยทำก็ไม่สายหรอก--) ส่วนครอบครัวของเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย..การไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถมาทำให้พ่อแม่บุญธรรมเเละเด็กสาวเกิดความคลางแคลงอะไรกันได้เลย อาจมีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็ปรับความเข้าใจกันได้อยู่ดี สุดท้ายเเล้วเลยกลายเป็นว่ารักใคร่กันและสนิทกันมากกว่าเก่าไปเสียอย่างนั้น
    พูดตรงๆ ว่ามันเป็นชีวิตที่เรียบง่ายเเละธรรมดามาก แต่ก็สนุกและเปี่ยมด้วยความสุขในเเบบทีเธอเคยวาดฝันอยากจะได้มาก่อนเช่นกัน
    สิ่งที่แปลกประหลาด และดูจะไม่เหมือนชาวบ้านเขาสักเท่าไหร่ เห็นทีจะมีเเค่เรื่องความสามารถพิเศษของเธอนั่นแหละ..
    หลังจากได้รับการรับเลี้ยงจากครอบครัวอากิฮิโระ อายามะก็ได้พบกับสังคมและกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ต่างจากที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าโนบุยูกิ ทุกคนไม่ได้มองเธอด้วยสายตาที่คล้ายกับมองตัวประหลาด พวกเขาไม่ด่าว่าหรือหัวเราะเยาะเย้ยใส่ ซึ่งนั่นมันทำให้อายามะรู้สึกดีมากๆ
    สิ่งเดียวที่รู้สึกแย่ นั่นคือความระเเวง..ความระเเวงที่กลัวว่าทุกอย่างมันจะซ้ำรอย ตอนนั้นอายามะหลงใหลไปกับความสุขที่ได้มีเพื่อนเสียจนสูญเสียตัวตนของตัวเองไปครู่ เธอไม่กล้าจะบอกทุกคนหรือแสดงออกชัดเจนว่ามองเห็นวิญญาณได้ เมื่อใดที่พบ ก็ได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็นไปเท่านั้น
    บอกตามตรงว่าอายามะอึดอัด..อึดอัดมากๆ เลยด้วย
    เธอใช้ชีวิตไปแบบนั้นเรื่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง อาจเพราะบิดาคนใหม่เป็นพวกเซ้นส์แรงถึงได้รู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ ท่านเรียกเธอไปคุยด้วย เเละสองพ่อลูกก็นั่งระบายทุกข์ปรับอารมณ์กันทั้งคืน จวบจนกระทั่งฟ้าสาง ความอึดอัดกนักหน่วงในอกทั้งหมดของอายามะหายวับไปทันทีเมื่อได้ฟังประโยคที่โคตรเท่ในความคิดเธออย่าง
    'เป็นในสิ่งที่เราเป็น เชื่อในสิ่งที่เราเป็น และอย่าได้กลัวในสิ่งที่เราเป็น'
    วินาทีนั้นเธอนับถือพ่อตัวเองสุดใจเลยล่ะ (?)
    เพราะงั้นวันรุ่งขึ้น อายามะจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ เเล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มเเย้มว่า
    "ด้านหลังนายมีตาลุงโชกเลือดยืนอยู่อ่ะ"
    และด้วยเหตุนี้ อายามะจึงพบเจอกับประสบการณ์เพื่อนไม่รักอีกรอบด้วยประการฉะนี้นั่นแหละ..
    ยังดีนะที่บางคนเขารับได้ ไม่งั้นอายามะได้เป็นมนุษย์เพื่อนไม่คบไปทั้งปีทั้งชาติเเน่นอน..
    เอาจริงๆ คำสอนนั่นเป็นคำสอนที่ดีนะ เเค่ว่าอายามะเข้าใจอะไรมันผิดไปเสียหน่อย เเละผู้เป็นพ่อเองก็ไม่คิดจะปรามตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือผิดพลาดจนออกนอกลู่ทางครรรลองธรรมด้วย เลยกลายเป็นว่าอายามะยึดประโยคนั้นเป็นคติประจำใจ อยากทำอะไรเธอก็ทำ สายตาคนอื่นกลายเป็นแค่ของยิบย่อยไม่น่าสนใจ อายามะเลิกสนใจทุกสิ่งรอบตัวโดยสิ้นเชิง เเละสองปีหลังจากนั้นโดยที่ไม่มีใครคิดจะห้ามปราม อายามะก็กลายเป็นมนุษย์ติสท์แตกอินดี้ขั้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อย
    บอกตามตรงว่าเป็นที่มาโคตรจะมั่วซั่ว เเต่นิสัยเเบบนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก..เเรกๆ เพื่อนอาจจะกลัวนิดหน่อยล่ะนะ ตอนเห็นเธอเเว้ดเสียงไล่วิญญาณไปเกิดใหม่เสียงดังลั่นไม่แคร์ประชาชน เเต่ไปๆ มาๆ ก็ชินเเล้วเอามาดูเป็นจำอวดหน้าม่านเเทนเเล้วล่ะ--
    ซึ่งอายามะก็ทำแบบนั้นมาตลอดตั้งเเต่เจ็ดขวบ จนแม้เเต่บัดนี้เเล้วอายุล่อไปสิบสี่ก็ยังทำไม่เลิกอยู่ดีนั่นแหละ
    อายามะไม่เคยคิดว่าการทำตัวเเบบนี้จะทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจอะไรสักนิด
    จนกระทั่ง..
    "เป็นแฟนกับฉันนะ!"
    มันมีไอ้บ้าคนหนึ่งเกิดหลงรักในความอินดี้เกินบรรยายของเธอ เเล้วหน้ามืดมาสารภาพรักกับอายามะเข้าน่ะสิ และเเน่นอนว่าอายามะย่อมให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา แถมด้วยใบกน้าราบเรียบไร้ซึ่งความเขินอายโดยสิ้นเชิงว่า
    "ไม่"
    เหมือนได้ยินเสียงใครอกหักดังเพล้ง แต่ช่างมันเหอะ
    แล้วอายามะก็เมินหมอนั่นไปทันทีเลยด้วย
    ทว่าปัญหายังไม่จบแค่นั้น..เธอได้รู้ความจริงที่ว่า ผู้ชายก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารำคาญชนิดหนึ่ง เมื่อเช้าวันต่อมาหลังจากนั้นเธอได้รับช่อดอกไม้กับขนมนมเนยกองโตจากอีกฝ่าย
    "ฉันจะซื้อมาให้เธอทุกวันจนกว่าเธอจะใจอ่อน!" ประกาศหนักแน่นด้วยสีหน้าจริงจังมากๆ ซึ่งอายามะก็ ทำเพียงตอบไปแค่ว่า
    "ตามสบาย"
    แถมแกะขนมใส่ปากอีกต่างหาก..

    เป็นคนนิสัยเเบบนี้นี่แหละ อากิฮิโระ อายามะน่ะ

    แต่..

    "อายาะ! ทำการบ้านยัง ขอฉันลอกหน่อย!"
    "อายาม๊าาา! รอด้วยยยยยยยยยยย!!"
    "ว๊ากกก อายามะ ผีหลอกก! ผีหลอกๆๆ ผีหลอกแน่ๆ เลย!"
    "ใจอ่อนสักทีสิยัยบ้า ตังค์ฉันหมดกระเป๋าเเล้วนะ!!"

    เสียงโหวกเหวกที่ทำให้รู้สึกรำคาญใจ เเละท่าทางรอยยิ้มที่เหมือนกับหมาซามอยด์แบบนั้น ทุกอย่างชัดเจนในแววตา เห็นมันอยู่เสมอจนกลายเป็นภาพชินตา ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งเเต่เมื่อใดที่เธอมักจะมองหาเสียงหัวเราะ เเละรอยยิ้มกับเสียงเรียกของอีกฝ่ายมาเสมอ..
    วันเวลาผ่านไปนานมากแล้วนะ รู้ไหม
    ฉันไม่เคยตอบรับนายเลย
    แล้วทำไมถึงยังวิ่งตามกันอยู่อีกล่ะ?

    "เป็นแฟนกันนะรอบที่เก้าสิบเก้า!!"
    ช่อดอกไม้ที่ไร้ดอกไม้แต่เต็มไปด้วยแท่งขนมหวานทำเอาเธอถึงกับหัวเราะลั่น แต่นั่นยังไม่ตลกเท่าสีหน้าปลงทว่าคาดหวังสุดหัวใจนั่น อายามะยิ้มออกมาแบบที่ไม่เคยทำเมื่อได้รับฟังประโยคนี้

    เก้าสิบแปดครั้ง กับความพยายามที่เหลวเเป๋วมาโดยตลอด
    หากว่าครั้งที่เก้าสิบเก้านี้ มันล้มเหลวอีกครั้ง..นายจะยังวิ่งตามฉันอยู่ไหม?

    ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าคำตอบนั้นคือคำว่าไม่ ฉันจะยังยิ้มได้เเบบตอนนี้รึเปล่า

    "เอาสิ"
    "ห๊ะ??"
    "ขอเป็นแฟนใช่ไหม? ก็ตกลงเเล้วนี่ไง" แม้จะเก้อเขินไปบ้าง แต่ก็ยังระบายยิ้มและพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ อายามะมองอีกฝ่ายเพียงครู่ก่อนเบนหน้าหนี ไม่อยากมองประกายตาสุกสกาวในเเววตาของคนตรงหน้าเลยจริงๆ "แต่บอกก่อนนะว่าฉันไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ระ---เฮ้ย!! ไอ้บ้า! อุ้มทำไมวะเนี่ย!!?"

    ทั้งตะโกนด่าทั้งเตะทั้งตี แต่ไร้ความหมายสิ้นดี ไอ้บ้านี่ก็ยังเป็นไอ้บ้าแบบนี้อยู่ต่อไป เสียงหัวเราะลั่นผสานหยดน้ำน้อยๆ คลอหน่วงตรงหน่วยตาทำให้ได้แต่ถอนหายใจ อายามะเลิกฟาดมือลงบนศีรษะทุยนั่น เปลี่ยนเป็นโอบรอบตัวเขาไว้หลวมๆ เสียแทน
    "ดีใจชะมัดเลย ฮึก--"
    "ถ้าดีใจก็อย่าร้องไห้สิฟ่ะ ผู้ชายซะเปล่านะนายเนี่ย.."

    ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย ทว่ากลับโอบกอดร่างนั้นเอาไว้เเน่นกว่าสิ่งใด
    ฝังใบหน้าลงกับไหล่นั้น เเละได้คาดหวัง
    ว่าเธอจะตัดสินใจถูกจริงๆ กับการเลือกในครั้งนี้..


    เรื่องราวของเธอในตอนนั้น }}เพราะโชคชะตานั้นเล่นตลกกับเราอยู่เสมอ{{

    คุณเคยได้ยินเรื่องเล่าแปลกๆ หรือเหตุการณ์ประหลาดที่หาเหตุผลไม่ได้บ้างไหม?

    "แม่!พ่อ! อยู่ไหนกันเนี่ย!!?"
    เสียงแหกปากตะโกนดังก้องไปทั่วบ้านไม่คิดเกรงว่าข้างบ้านจะด่า ร่างของเด็กสาววัยสิบแปดปีหมาดๆ วิ่งวุ่นไปทั่วบ้านหลังใหญ่ ทว่ากลับไร้เงาสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากตัวของเธอ
    "หายไปไหนกันหมดเลยเนี่ย"
    อายามะกล่าว หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ แต่ลึกๆ แล้วนึกห่วงบิดามารดาไม่น้อยเลยเชียว มือเล็กโยนกระบอกใบปริญญาจบการศึกษาในมือไปมา ได้แต่ยู่หน้าข้องใจไปคนเดียว ไม่ไปงานเรียนจบเธอไม่บ่นพวกเขาหรอก เพราะอุตส่าห์รีบกลับบ้านมาอวดเเทนเเล้วนี่ไง แต่อะไรกันล่ะ ดันหายไปหมดบ้านเเบบนี้มันหมายความว่าไง?
    เอาเถอะ คงจะมีธุระอะไรกันล่ะมั้ง
    พยายามคิดในแง่ดีแม้จะรู้สึกแปลกอยู่ลึกๆ ภายในอก อายามะตัดสินใจที่ทำกิจวัตรประจำวันของตนเองไปตามปกติ คิดเพียงว่าเดี๋ยวพวกท่านก็คงจะกลับมาเเล้ว ยังไงสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ชอบหายไปจากบ้านบ่อยๆ แบบไม่บอกกล่าวอยู่เเล้วนี่นา

    เธอหลับตาลงบนฟูกนอน หัวใจยังคงว้าวุ่น และได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เธอจะพบกับรอยยิ้มเสียงทักทายของพวกท่านเฉกเช่นวันอื่น..
    "ยังไม่กลับอีกเหรอ.."
    เสียงนุ่มติดทุ้มนิดๆ ได้แต่พึมพำออกมา บ้านหลังโตเงียบสงัดเสียจนใจหาย อายามะถอนหายใจ มองบ้านโล่งๆ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนก้าวขาเดินออกไปจากตัวบ้าน เพื่อไปพบกับแฟนหนุ่มที่นัดกันเอาไว้ตั้งนานนมเเล้ว
    ทั้งที่เป็นวันดีแท้ๆ แต่กลับรู้สึกแย่ไปเสียหมดแบบนี้..ไม่ชอบใจเลยเเฮะ



    โทรศัพท์ของอายามะปรากฏข้อความบางอย่างจากญาติทางครอบครัวของพ่อ
    ดวงตาที่กำลังทอดมองสั่นระลึกไม่ต่างจากมือเรียว เหมือนกับลมหายใจสะดุดไปครู่ครั้นจับใจความเนื้อความในเเมสเสจนั้นจบ
    [ตำรวจพบรถของเท็ตสึโร่จอดอยู่ในป่า มีข้าวของของเท็ตสึโร่กับโคยูกิ แต่ไม่พบร่องรอยของสูญหาย งัดเเงะ รวมถึงตัวผู้โดยสารด้วย พ่อแม่หลานอยู่กับหลานรึเปล่อายามะ?]
    วินาทีนั้นอายามะไม่คิดอะไรทั้งนั้น เธอกดโทรหาญาติคนนั้นทันที รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่รู้สึกหนักอกหนักใจและแปลกประหลาดมาตลอดนี่คืออะไรกันแน่ คำพูดมากมายถ่ายทอดถึงกัน ความจริงที่ได้รู้เองก็ตีแสกหน้าจนสั่นไปทั้งร่าง อายามะเหมือนตัวเองจะบ้าตายเสียให้ได้เมื่อรู้ว่าพ่อแม่ของตนนั้น..หายสาญสูญ
    ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งคำบอกใบ้หรือลากันทางอ้อมเลยด้วยซ้ำ
    วันทั้งวันหมดสิ้นไปกับการวิ่งวุ่นตามหาข่าวคราวบิดามารดา เธอเข้าออกสถานีตำรวจบ่อยยิ่งกว่าบ้านตัวเองด้วยซ้ำในตอนนั้น ไม่ว่าจะทางใด ขอแค่มีพอมีเค้าคาวให้สืบต่อหาตัวทั้งคู่เจอได้ อายามะพร้อมจะเสี่ยงเดินเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยทุกทาง
    ทว่าสุดท้ายก็พบแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น..
    ไม่ว่าจะตามหาเท่าไหร่ หรือหายังไง กลับไม่เจออะไรเลย

    "ฉันจะทำยังไงดี.."
    หยดน้ำตากลั่นออกมาอาบใบหน้าเเสนงามขณะเอ่ยออกมากับปลายสายสนทนา เเฟนหนุ่มทำได้เพียงปลอบใจหัวใจที่ร้านรานเเละสับสน อายามะร้องออกมาทั้งวันทั้งคืน รู้สึกเหนื่อยล้ากับช่วงเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา เธอนอนหลับไม่สนิทเลย..ภาพของบิดามารดาติดตรึงอยู่ในหัว กังวลและห่วงหาพวกท่านเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
    หัวใจลึกๆ กำลังกู่ร้องด้วยความกลัว..กลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง
    ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานกำลังย้อนกลับมา ความโดดเดี่ยวกลืนกินเเม้ยังรู้ว่ามีใครอื่นอีกที่ยืนเคียงข้าง แต่ มันจะมาเทียบอะไรได้กับท่านทั้งสอง
    อายามะกลัวเหลือเกินว่าจะเสียพวกเขาไป
    เหนือสิ่งอื่นใด เธอกลัวสัญชาตญาณของตัวเอง..

    สัญชาตญาณที่กำลังกู่ร้องว่าเธอจะต้องสูญเสียบางอย่าง..บางอย่างที่แสนสำคัญ และไม่ใช่เเค่เพียงบิดามารดาเเสนเคารพทั้งสองเท่านั้น..



    อยู่ๆ ชีวิตก็พลิกผันเเละดิ่งลงเหว..คุณเชื่อไหมล่ะ ว่าประโยคนี้มันอาภรรพ์กว่าอะไรทั้งหมด..

    คืนหนึ่งในวันที่ฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดไปหมดเหมือนกับหัวใจในอกซ้ายของเธอ กระนั้นใช่ว่าดวงตาจะมืดบอด เธอยังคงเห็นแสงสว่างน้อยๆ ปรากฏส่องทางในยามฟ้าครึมเช่นนี้
    "ไง"
    รอยยิ้มจางๆ เเละเสียงที่คุ้นเคยทำเอาน้ำตารื้น เด็กสาวโอบกอดร่างผู้เป็นที่รักซึ่งเปียกปอนแน่น เขารู้ดีเสมอว่าเธอเป็นอย่างไรและรู้สึกเช่นไร ในวันนี้..วันที่เธอกำลังอ่อนแอเหลือเกิน เขาปรากฏขึ้นมาตรงหน้ากันเเละกำลังโอบกอดเธอไว้ด้วยสองแขนของเขา
    น้ำตาที่ไหลชุ่มผสานไปกับหยดฝนที่เปียกซกร่างกายหนา เเม้ว่าคนตรงหน้าจะปลอบประโลมเธอขนาดไหน อายามะกลับทำได้เพียงร้องไห้ เธอกอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิมตอนที่อ้อมกอดนั้นกำลังผละไป เวลาแบบนี้ ทั้งที่ควรจะอุ่นใจแต่กลับรู้สึกโหวงในอกไปหมด หายใจไม่ออกเลยตอนที่เขากำลังผละกอดออกไป..
    สุดท้ายเเล้วเด็กหนุ่มจึงทำเพียงยืนกอดตอบเธอนิ่งๆ เขาไม่ปริปากบ่นเเม้ว่าอายามะจะดื้อรั้นไม่ยอมปล่อยตัวเขา หรือต้องยืนนิ่งให้ละอองฝนซาด เพียงแค่ปลอบเธอด้วยการลูบหลังเบาๆ เท่านั้น

    "อย่าไปไหนนะ"
    "......."
    "อยู่กับฉัน ได้โปรด.."

    คำขอซ้ำๆ ซากๆ ดังจากริมฝีปากอิ่ม ไม่รู้หรอกว่าอะไรดลใจถึงได้พูดพร่ำออกไปแบบนั้นไม่จบไม่สิ้น หรือบางอายามะอาจจะรู้ดีอยู่เเล้ว..แค่ว่ากำลังหลอกตัวเองเท่านั้นเอง

    เธอมีสัมผัสที่หก เธอมีเซ้นส์ที่แรงเเละดีกว่าคนอื่น รวมถึงสัญชาตญาณของเธอที่ถูกต้องเสมอ
    เพราะงั้นถึงได้รู็ไงล่ะว่าวันนี้ที่เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ มันมีความหมายเเอบแฝงอะไรมากกว่าการที่เขามาปรากฎตัวขึ้นเพื่อปลอบประโลมเธอ..
    ไม่อย่างนั้น อ้อมกอดที่มักรัดเเน่นจนหายใจไม่ออกนี่ จะเเผ่วบางเเละเจือจางขนาดนี้เลยหรือ?



    เตียงนอนนุ่มๆ กับฮีทเตอร์ที่ช่วยปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะทำให้รู้สึกง่วงงุนเหลือเกิน กระนั้นเปลือกตายังพยายามฝืนเอาไว้สุดกำลัง อายามะมองใบหน้าหล่อเหลาของแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงร้องไห้ไม่หยุดเลยเเบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรเลยรึเปล่านะ..?
    "นายจะไปไหนไหม.."
    เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ เขาระบายยิ้ม ไม่ยอมตอบเธออีกแล้ว..
    "จะทิ้งฉันจริงๆ เหรอ?"
    คำถามนี้ราวกับว่าครั้งนี้เคยมีใครเอ่ยถามกับเธอมาก่อน..
    เลือนรางในความทรงจำที่สับสนและแปรปรวน ไม่อยากจะใส่ใจมากนักแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลิกคิดไม่ได้เลย
    อายามะข่มตาลงขับน้ำตาหยดสุดท้ายให้ไหลเจิงออกไป เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม กำฝ่ามือเย็บเยียบไม่เหมือนทุกทีเเน่นราวกับว่าหากปล่อยมือแล้วเขาจะหายไปจากตรงนี้
    ไม่เอาเเล้ว ไม่เอา..อย่าหายไปเลยนะได้โปรด
    ฉันไม่ทนไหวเเล้วจริงๆ หากต้องสูญเสียอะไรไปอีก

    "อายามะ.."
    ท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด สติเลือนรางกระตุ้นให้รับฟังเสียงทุ้มที่หลงใหล
    ปลายนิ้วเย็นๆ เกลี่ยลงตรงผิวแก้ว แผ่วเบาเเละเจือจาง ราวกับจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ ดวงตาที่หนักอึ้งฝืนปรือมองภาพตรงหน้า รอยยิ้มของอีกฝ่ายยังชัดเจนเสมอแม้จะเป็นเวลาเเบบนี้ เช่นเดียวกับหยดน้ำใสๆ ที่ไหลอาบแก้วเนียมนั้นด้วยเช่นกัน
    "รู้ใช่ไหมว่าฉันรักเธอ"
    รู้สิ..รู้มาตลอดนั่นแหละ
    "ไม่อยากไปเลย..ทำยังไงดี"
    อย่าไปสิ อยู่กับฉันนะ อย่าทิ้งฉันไปไหน
    "ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษ"
    ขอโทษทำไมกัน..นายจะไปไหนงั้นเหรอ..?

    ปลายนิ้วผละออกไป เช่นเดียวร่างกายของคนตรงหน้าที่จางลง..จางลงทุกขณะ สติเจือจางหลงเหลือให้ทำเพียงเเค่ขยับมือหมายจะไขว่คว้าร่างนั้นไว้ หากว่าสุดท้ายเเล้วยามที่ปลายนิ้วกำลังจะสัมผัสฝ่ามือคู่นั้น ทุกอย่างกลับสลายไปเเละเหลือเพียงแค่กลิ่นฝนเย็นที่บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจเท่านั้น..

    "ขอร้องล่ะ..แม้จะไม่มีฉันอยู่ข้างๆ แต่ได้โปรด..เข้มเเข็งและยิ้มไว้เถอะนะ"


    ยามเช้ามาถึงพร้อมข่าวร้ายอีกหนึ่งข่าวที่ทำให้น้ำตาที่เหือดเเห้งหลั่งไหลอีกครั้ง
    ข่าวคราวการเสียชีวิตของว่าที่นิสิตมหาลัยชื่อดังแพร่กระฉ่อนทั่วโซเชี่ยลเเละหน้าจอทีวี สายเรียกเข้ามากว่าร้อยสายไม่ได้ทำให้เด็กสาวผละความสนใจไปมองมันเลย ร่างนั้นเพียงเเต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนตัวเดิมกับเมื่อวาน ปล่อยหยดน้ำตามากมายให้หลั่งไหลออกมาไม่จบไม่สิ้น
    ทิ้งกายลงนอนแนบกับเนื้อเนียนของตัวเตียง สูดกลิ่นจางๆ ที่เกือบจะละลายหายไปกับอากาศ..กลิ่นของเขาผู้เป็นที่รัก สัมผัสนั้นยังติดตรึง ความจริงตอกย้ำให้รู้ว่าสิ่งที่เฝ้าขอให้ไม่เป็นจริงมาทั้งคืนนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยแม้เเต่น้อย
    "ทำไม.."

    ทำได้เพียงเฝ้าถามถึงเหตุผลนั้น
    หากแต่ใครล่ะที่จะตอบคำถามของเธอ?
    ในเมื่อตอนนี้ ไม่มีอีกเเล้วใครที่จะเคียงข้างกัน..



    ความสามารถพิเศษ ::

    >>ทักษะการต่อสู้มือเปล่า<< [เก่งศิลปะการต่อสู้มือเปล่ามาแต่ไหนแต่ไร บวกกับชอบเอาตัวไปอยู่แนวหน้ารับเท้าให้ชาวบ้านเขาประจำ (?) เลยฝึกไว้จนใช้ได้คล่องมือเป็นที่สุด แต่พอคู่ต่อสู้มาเยอะเข้าหน่อย ก็ไม่วายทำห้าวให้ตายใจเเล้วสับตีนเเตกเสียทุกคราไปนี่สิ..]

    >>ตัวอ่อน / การเคลื่อนไหวกายภาพที่รวดเร็ว<< [ชอบยืดตัวกับหมุนไปหมุนอยู่เเล้ว จึงไม่ค่อยแปลกที่เเม่คุณจะตัวอ่อนเเละวิ่งเร็วในระดับหนึ่ง]

    >>การตัดสินใจในระยะเวลาสั้นๆ ที่ดีเยี่ยม<< [ส่วนมากคล้ายจะเป็นเซนส์ซะมากกว่าการใช้หัว อนึ่ง เจ้าตัวเป็นมนุษย์หัวดีในเวลาฉุกเฉินด้วยล่ะนะ]

    >>สัมผัสที่หก<< [มักมองเห็นสิ่งลี้ลับที่คนอื่นมองไม่เห็น บางครั้งก็ชอบใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการทำคดีความต่างๆ แต่บางครั้งก็รู้สึกรำคาญใจไม่น้อย เพราะพวกวิญญาณใช่ว่าจะมาดีเสมอไป]

    >>เขียนพู่กัน<< [เป็นผู้หญิงที่ลายมือสวยมากเเละถนัดการเขียนพู่กันมาเเต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์เลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังเขียนเร็วสุดๆ อีกต่างหาก เรียกได้ว่าถ้าให้คัดลายมือ อายามะก็สามารถเขียนมันได้ง่ายๆ ประหนึ่งเขียนหนังสือเล่นๆ เลยล่ะ]

    >>ความละเอียดอ่อนและรอบคอบ<< [ถึงจะดูโผงผางมุทะลุ แต่เป็นคนละเอียดรอบคอบมากๆ ใส่ใจทุกรายละเอียดเเละไม่เคยปล่อยให้เล็ดลอดไป ในขณะเดียวกัน ความละเอียดอ่อนของเธอทำให้อายามะสามารถทำได้ทั้งงานหนักเเละงานเบาเลยทีเดียว (กล่าวรวมๆ ก็คืองานใช้เเรงงาน กับงานประณีต (?))]

    >>งานทัศนศิลป์<< [วาดภาพได้สวยมาก ทั้งการDrawing Sketch หรือพวกภาพCG ทำได้ทั้งงานมือและงานคอมพ์ หล่อนมักใช้ความสามารถนี้วาดภาพจำลองสถานการณ์หรือภาพบุคคล จากข้อมูลที่ได้มาจากพยาน หรือวิญญาณบางตนที่ไปง้างปากถามมา ถือว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับหน้าที่การงานของเธอในระดับหนึ่ง]



    พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ ::

    >>ขมวดคิ้วและบิดริมฝีปากงอลงเวลาเห็นวิญญาณ<< [มีปฏิกิริยาตอบรับเสมอตอนเจอวิญญาณด้วยเพราะอารามรำคาญใจ เพราะส่วนมากพวกวิญญาณมักจะพาเรื่องวุ่นวายมาให้เธอประจำ แต่คนนอกเห็นจะเหมือนเธอทำหน้าเหวี่ยงใส่เฉยๆ เป็นเหตุให้ดูหน้าดุนั่นเอง]

    >>ยกนิ้วถูจมูกเมื่อกำลังโกหก<< [ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนแค่นั้นเอง---]



    สิ่งที่ชอบ ::

    >>โกโก้ร้อน<< [อร่อยดี อีกอย่าง รสหวานอมขมอ่อนๆ ของมันก็ทำให้สมองเธอผ่อนคลายได้ดีด้วย]

    >>ดวงดาว<< [สวยมากๆ เลยนะ..ยิ่งได้มองดวงดาวที่มีอยู่ล้นพ้นขอบฟ้า ยิ่งชอบเลยล่ะ]

    >>กีฬา<< [ออกแรงแล้วได้เหงื่อมันทำให้รู้สึกปลอดโปร่งดีนะ อีกอย่างกีฬามันก็สนุกดีด้วยแหละ]

    >>คนจริงใจ<< [เเค่ว่าอยู่ด้วยเเล้วมันสบายใจ ไม่ชวนให้อึดอัดแบบเวลาที่อยู่กับพวกคนเสเเสร้ง มันก็แค่นั้นเเหละ]

    >>ขับรถเล่น<< [ทัศนียภาพรอบตัวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กับความเงียบสงบในตัวรถมันทำให้หัวใจสงบอย่างน่าประหลาด..มิหนำซ้ำ มันยังทำให้เธอลืมเรื่องแย่ๆ มากมายในหัวไปได้เยอะมากเลยทีเดียว]

    >>เตียงนอนนุ่ม ๆ<< [เป็นมนุษย์จำพวกเสพติดการนอนLv.50 (?) คือถ้าได้นอนเเล้วชีวิตจะเเฮปปี้เป็นพิเศษ ยิ่งได้นอนบนเตียงนุ่มๆ ในห้องพักของตัวเอง แล้วเปิดแอร์เบาๆ มอบความเย็นช่ำให้ตัวเองนี่จะยิ่งชอบ เพราะงั้นเลยตื่นสายประจำด้วยประการ ฉะ นี้เอง--]

    >>กิน<< [ก็แค่ว่ากินจุ เลยชอบกิน (?)]



    สิ่งที่ไม่ชอบ/เกลียด ::

    >>อาหารฟาสต์ฟูด<< [ดีต่อสุขภาพตรงไหน? แถมบางอันยังเปี่ยมแคลอรี่สูงปรี๊ดแต่หาประโยชน์ไม่เจออีก สายตาอายามะอาหารฟาสต์ฟูดมีดีแค่ถูกและสะดวกแค่นั้นเอง--]

    >>พวกชอบประชดประชัน<< [พูดตรงๆ เเล้วมันจะตาย? จะประชดอ้อมโลกอ้อมเขาทำเพื่อ ชีวิตมันขาดความอบอุ่นเหรอห๊ะ? ll เอาจริงๆ คือเจ้าตัวไม่ชอบสีหน้ากับน้ำเสียงตอนโดนประชดใส่ค่ะ อายามะเคยบอกเอาไว้ว่า น่าต่อยมาก สรุปคือเห็นเเล้วหงุดหงิดสายตานั่นเเหละค่ะ.]

    >>อากาศอบอ้าว<< [เป็นผู้หญิงขี้ร้อนเลยไม่ปลื้มอากาศอบอ้าว เจอแต่ละทีอารมณ์เสียหน้าบูดบึ้งมันเเทบทั้งวัน สำคัญคือไม่ชอบเหงื่อไคลที่ไหลย้อย เหนียวเหนอะน่ารำคาญมาก]

    >>โคอาล่า<< [...เห็นเเล้วรู้สึกว่าหน้าตามันกวนประสาท---(?)]

    >>วิญญาณร้ายที่มีแต่จิตอาฆาต<< [วิญญาณจำพวกนี้น่ารำคาญมาก ปัญหาเยอะอีกต่างหาก เจอแต่ละทีอายามะล่ะปวดหัวเสียจนอยากกุมขมับวันละร้อยรอบ]

    >>โดนหาว่าเรียกร้องความสนใจ<< [เพราะบางครั้งก็มีบางคนที่ไม่เชื่อว่าเธอสามารถมองเห็นวิญญาณได้จริงๆ บวกกับตัวอายามะไม่ใช่คนฮิตฮอตที่ใครๆ ก็อยากเข้าหาคบค้าสมาคมด้วยอยู่เเล้ว เลยมักโดนหาว่าชอบเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองประจำจนน่าหงุดหงิดเลยล่ะ..]



    สิ่งที่กลัว ::

    >>การเสียคนที่รักไป<< [เพราะอดีตเคยเสียไปแล้วมากมายจนตอนนี้ก็เเทบจะเหลือตัวคนเดียวอยู่เเล้ว เพราะเเบบนั้นถึงได้หวาดระเเวงว่าจะต้องเสียไปอีกครั้ง เเละพยายามที่จะรักษาคนที่รักให้อยู่ข้างกายเธอให้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้..]

    >>เสือโคร่ง<< [เป็นสัตว์ที่ปธิญาณไว้ว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด..เพราะแค่เห็นมันแยกเขี้ยวใส่หน่อยก็รู้สึกหน้ามืดลมจับเเล้ว อนึ่ง สาเหตุการกลัวไม่มีเป็นพิเศษ อายามะเเค่ไม่ถูกโฉลกกับมัน เเละเกรงกลัวในเขี้ยวอันเเหลมคมนั้น เท่านั้นเอง--]

    {ปฏิกิริยา - เวลาต้องไปอยู่ใกล้มักจะมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นิ่งเงียบเป็นเป่าสาก เเละจะสะดุ้งตกใจง่ายมากกว่าเวลาปกติเยอะ เพราะจดจ่อสายตาไปมองกับเสือตัวดีว่ามันจะเข้ามาตะครุบตัวเองไหม (?) อยู่เเทบตลอดเวลา..}



    งานอดิเรก ::

    >>วาดภาพ / เขียนพู่กัน<< [เพราะทำได้ดีเลยรู้สึกชอบที่จะทำ บวกกับบางทีอารมณ์ติสท์แตกมันก็กำเริบ เลยชอบหากระดาษมานั่งวาดนั่งเขียน แต่ปกติเวลาวาดภาพนี่จะไม่ค่อยเป็นภาพเท่าไหร่ ประมาณว่าปาดๆ ไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็ออกมาสวยอยู่ดีนั่นเเหละ (ถึงจะมองไม่ค่อยออกก็เถอะว่าวาดอะไร..)]

    >>เล่นกีฬา<< [เรียกเหงื่อให้ตัวเอง เเละเผาผลาญพลังงานไปในตัว--]

    >>ขับรถเล่น<< [มักทำเฉพาะเวลามีเรื่องเครียด ซึ่งด้วยหน้าที่การงานก็พบอยู่บ่อยเหมือนกัน แน่นอนว่าระดับอายามะเเล้ว ต้องเป็นสายซิ่งเหยียดจมเท้าอยู่เเล้ว---//โดนตำรวจเรียกประจำล่ะค่ะคนนี้..]

    >>นอน (..)<< [สบายดี----]

    >>ตระเวนหาร้านอาหารอร่อยๆ กิน<< [ด้วยความเป็นสายเขมือบในตัวสูง เลยชอบของกินอร่อยๆ เจ้าตัวเลยมักเอาเวลาว่างไปเดินเล่นในเมืองนู้นนี้ เเล้วตระเวนหาร้านอร่อยๆ มาทาน สักพักก็กลายเป็นกูรูเรื่องร้านอาหารไปอย่างงงๆ ด้วยประการฉะนี้แหละ]

    >>ปรับทุกข์กับวิญญาณ (..?)<< [บางทีเเม่นางก็เกิดอารมณ์อินดี้ติสท์แตกอะไรไม่รู้ ดันไปนั่งคุยกับวิญญาณเล่น ปรับทุกข์กันสองคนเสียอย่างนั้น แน่นอนว่ามักคุยกับวิญญาณที่มีท่าทีดีๆ ไม่ดูอันตรายแต่อย่างใด แต่ประเด็นคือ..คนเป็นก็มีทำไมไม่คุย ไปคุยวิญญาณทำเพื่อ---?]



    ลักษณะคำพูด :: อากิฮิโระ อายามะ เป็นผู้หญิงที่มีคำพูดคำจาฟังเเล้วดูจริงใจเกินร้อย โทนเสียงของเธอทุ้มกว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย บวกกับเจ้าตัวเองชอบที่จะกดเสียงต่ำอยู่เสมอด้วยความเคยชิน เลยทำฝ่ายตรงข้ามหากไม่เห็นหน้าก็ชอบคิดเป็นเสียงหนุ่มเสียงยังไม่แตก (?) ประจำ มีความห้าวในน้ำเสียงเเละวาจาค่อนข้างมาก มักแทนตัวว่า ฉัน เรียกผู้อื่นว่า เธอหรือนาย เป็นคนที่ไม่เคยจะลงหางเสียงเเม้จะพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่ บางทีคำพูดก็ดูแอบมีความกวนไปในทีชวนให้หาอะไรมาฟาดปากสักเพี๊ยะ--คนที่ยังไม่สนิทถ้ามาคุยกับเธอ อาจจะไม่ค่อยอยากคุยเเละพยายามเดินหนีอยู่เอาเรื่อง เพราะเจ้าตัวมีน้ำเสียงที่ดุมาก เเละด้วยความเข้มทุ้มในโทนเสียง เลยทำชาวบ้านเขากลัวได้ไม่ยากเลยทีเดียว แน่นอน แม่คุณไม่ได้รู้หรอกว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนอยากคุยด้วย งงไปตามระเบียบนั่นเเหละ--เอเมน.

    }}ตัวอย่างประโยคการสนทนา{{


    "อากิฮิโระ อายามะ บอกไปกี่ครั้งเเล้วทำไมยังจำไม่ได้อีกเนี่ย?" เลิกคิ้วหนักมากเมื่อโดนถามชื่อ แต่ความจริงเเล้วแม่คุณนั้นกำลังเบลอๆ เลยคิดว่าคนตรงหน้าถามชื่อตนหลายรอบ แต่ความจริงคือเธอไปนับรวมของคนอื่นมาด้วยต่างหากล่ะ..


    "เฮ้ ไอ้หนู มาทำอะไรตรงนี้คนเดี---อ้าว เฮ้ย อย่าร้องสิ!" ถึงกับเงิบและไปต่อไม่เป็น เมื่อเห็นเด็กหลงและตนพยายามเข้าไปช่วย แต่ดันโดนระเบิดโฮใส่เพราะหน้าดุไป---


    "มีเท่าไหร่ก็ใส่ไปให้หมด ไม่ใช่หนังนะเว้ยที่ปล่อยท่าไม้ตายตอนท้ายเเล้ว บู้มม จบอ่ะ" บ่นใส่เพื่อนร่วมงานที่ชอบเก็บของโหดเอามาใช้ทีหลัง


    "อยากกินทาโกะยากิ" บอกสีหน้าสงบนิ่ง สายตาจ้องเป๋งจนน่ากลัวเบาๆ (?) อีกฝ่ายก็เลยไล่ให้ไปซื้อ แต่.. "อยากกินทาโกะยากิ" แล้วนางก็พูดซ้ำประโยคเดิมไปเรื่อยจนกว่าอีกฝ่ายจะไปซื้อหรือทำให้นางกิน...


    "เเค่เพราะไม่เห็นถึงได้ไม่เชื่อเนี่ยนะ? เเล้วถ้างั้นทำไมเธอถึงเชื่อในพระเจ้า ทั้งที่เธอไม่เคยเห็นหรือพบเจอท่านล่ะห๊ะ?" เอ่ยถามอย่างหงุดหงิดเมื่อมีคนมาบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเธอมองเห็นวิญญาณ และหาว่าเธอโกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจ


    "ถึงจะผิดพลาด แต่ก็ใช่ว่าจะเริ่มใหม่ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง" บอกกับคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้พยายามนักหนาทั้งที่ผิดพลาดซ้ำเเล้วเล่า ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายจิต "ตราบใดที่ฉันยังเชื่อในตัวเอง มันก็ต้องมีสักวันนั่นเเหละที่จะเป็นของฉัน"




    ตำแหน่ง/หน้าที่การงาน :: เจ้าหน้าที่เทคนิคพิสูจน์ร่องรอยของ CSD ในญี่ปุ่น



    เพิ่มเติม :: ประวัติหลังๆ ปั่นเมามากค่ะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนบอกได้นะคะ เดี๋ยวจะมาขยายความหั้ย ;w;//


    }}เพิ่มเติมรายละเอียดตัวละคร{{


    -เงินมรดกที่ได้รับจากมารดาบิดาบุญธรรมนั้นถูกฝากไว้ในธนาคารเกือบทั้งหมด อายามะเเทบจะไม่เบิกออกมาใช้เลยยกเว้นเวลาที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เเรกๆ ก็ลำบากพอควร ขัดสนเงินทองในระดับหนึ่งล่ะนะ

    -ถนัดเขียนหนังสือมือซ้าย แต่ชอบวาดภาพด้วยมือขวา

    -ปกติไม่ค่อยจะมีคนเข้าใจอารมณ์ของอายามะเท่าไหร่ เพราะถึงจะดูโผงผางมองออกง่าย แต่จริงๆ นางอินดี้แถมประหลาดเอาเรื่องเลยนะ---

    -ไม่รู้วันเกิดที่แน่ชัด มีกรุ๊ปเลือดคือ AB

    -เอาจริงๆ มีผู้ชายมาหลงมาชอบอยู่บ้างประปรายแหละ แค่ว่าเเม่คุณไม่ถูกโฉลกซะส่วนมาก เลยไล่ไปหมด เพราะงั้นที่นกนี่โทษใครนอกจากตัวเองไม่ได้เลยนะ (?)

    -ติดนิสัยชอบสวมกางเกงขายาวมากกว่ากระโปรง จะจำใส่พวกกระโปรงเฉพาะเวลามีงานเลี้ยงหรืองานสำคัญเท่านั้น แต่ว่าถ้าเป็นกิโมโนหรือยูกาตะอายามะก็โอเคด้วยนะ ใส่ได้ โล่งอกโล่งใจกว่ากระโปรงพองๆ นั่นเเหละ--

    -เนื่องด้วยสัมผัสที่หกของอายามะ บวกกับที่ชอบคุยคนเดียว คนในหน่วยเลยชอบแซวเรียกเธอว่า 'แม่หมอ' (?)

    -แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ชอบหรอก แต่ก็ไม่บ่น ปล่อยให้เรียกไปแบบนั้นเเหละ--

    -ปัจจุบันพยายามหาตัวพ่อเเม่บุญธรรมทุกวิธีทางจริงๆ ทั้งพยายามใช้เส้นสายในหน้าที่การงาน ทั้งพยายามเอาความสามารถสัมผัสที่หกเข้ามาใช้ด้วย แต่สุดท้ายกลับไม่รู้อะไรเลยอยู่ดี..

    -ถ้าถามว่าท้อไหม? ก็ท้อนะ..ท้อมากด้วย ตัวอายามะเองยังไม่รู้เลยว่าจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน..



    เพิ่มเติมเนื้อหาตัวละคร

    [ครอบครัว - ไม่มีใครรู้ว่าครอบครัวจริงๆ ของอายามะเป็นใครอยู่ที่ไหน รู้เพียงเเค่ว่าพวกเขาทิ้งเธอเอาไว้หน้าบ้านสามีภรรยาชราภาพคู่หนึ่งเท่านั้นเอง หากนับที่เป็นครอบครัวจริงๆ เห็นจะเป็นพี่ๆ น้องๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโนบุยูกิ กับท่านทั้งสองที่รับเธอมาเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนซะมากกว่า แต่ตอนนี้..ทั้งพี่น้องในวันนั้น กับครอบครัวที่เคยรักใคร่ กลับไม่มีเหลือเลยสักคน..พวกเขาหายไปจากชีวิตของเธอจนหมดเเล้ว แน่นอน อายามะไม่เคยล้มเลิกความพยายามในการตามหาทั้งสอง แต่ถึงอย่างนั้นจนถึงทุกวันนี้ เธอก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของพวกเขาอีกเลย..ll ในเรื่องของชื่อ พ่อบุญธรรมของอายามะชื่อว่า อากิฮิโระ เท็ตสึโร่ ส่วนมารดาบุญธรรมนั้นชื่อว่า อากิฮิโระ โคยูกิ ค่ะ ]
                  {ญาติ ๆ - ไม่มี}

    [การศึกษา - จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมจากโรงเรียนรัฐบาลด้วยเกรดเฉลี่ยธรรมดา จากนั้นก็ไม่ได้เรียนต่อระดับมหาลัยในทันที ทว่าดรอปเรียนไปเก็บเงินหาค่าเลี้ยงดูตนเเละส่งเสียการเรียนอยู่อีกเกือบสองปีเต็ม อนึ่งเจ้าตัวไม่ได้ใช้เงินมรดกในการเรียนเพราะอยากเก็บไว้เผื่อกรณีเจอท่านทั้งสองเเล้วเกิดเหตุร้ายอะไร จะได้เอาเงินส่วนนี้ไปช่วยได้ เเละด้วยความที่ไม่ได้ฉลาดมากมายนักจึงไม่สามารถสอบชิงทุนได้ อายามะจึงต้องส่งเสียตัวเองเรียนเอง จนกระทั่งจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ค่อนข้างล่อแล่ทั้งยังจบช้ากว่าชาวบ้านเขาถึงสองปีอีกต่างหาก แต่ก็ถือว่ารอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิดล่ะนะ..ll วุฒิการศึกษาปริญญาตรี]

    [มิตรสหาย - เป็นผู้หญิงที่มีคนรู้จักเยอะมากๆ แต่หาคนสนิทด้วยจริงๆ อยากเหลือแสน ทั้งยังมีความสามารถที่แปลกประหลาดกว่าคนทั่วไป บวกกับนิสัยของเจ้าตัวเองเเล้ว เลยหาคนสนิทสนมด้วยยากในระดับหนึ่ง ปัจจุบันไม่มีเพื่อนสนิทเเบบไปไหนไปกัน แต่มีคนที่พอจะคุยแบบฉันท์เพื่อนปรองดองได้อยู่ในที่ทำงานสองท่าน ทำงานในหน่วยเดียวกันทั้งคู่ คนแรกคือ ฟุมิโอะ ฮิเดโอะ เพื่อนชายสายเนิร์ด (?) สองคือ มาซารุ โนบุ เพื่อนชายสายห่าม สรุปก็มีเเต่เพื่อนผู้ชายนี่แหละ---]

    [ความรัก - เฮบิเป็นรักครั้งเเรกเเละเธอก็ไม่เคยมีแฟนอีกเลย ทุกวันนี้ยังคิดถึงอีกฝ่าย ทว่าไม่ได้ผูกพันขนาดที่จะไม่สามารถมองใครได้อีกเเล้ว แค่ว่ายังไม่มีคนที่ดีมากพอจะมาอยู่เคียงข้างเธอไปกับเขาได้ก็เท่านั้นเอง ll ไม่เคยคิดจะหาคนมาแทนที่เฮบิ แต่คิดว่ามันเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่มีเขาเฝ้ามองห่างๆ มากกว่าค่ะ]

     [ประวัติกิจกรรม - เคยลงแข่งบาสเกตบอลระดับเขตเมื่อตอนม.ต้นได้เหรียญเงิน และเคยประกวดเขียนพู่กันได้ชนะเลิศสามปีซ้อนตอนม.ปลาย ช่วงมหาลัยก็เคยไปประกวดวาดภาพกับเขียนพู่กันชิงเงินรางวัลอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่ากวาดมาเรียบก็ว่าได้ ทั้งนี้เจ้าตัวเคยไปแข่งรถซิ่งมาครั้งหนึ่ง ได้ที่สามมาแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้ไปอีกเป็นครั้งที่สองเพราะรอบนั้นดันห่ามไปหน่อย เลยได้มาเเผลกลับมาเป็นกอง..ไม่คุ้มกับที่ได้คืนมาสักนิด]

    [การกีฬา - เล่นได้ทุกอย่างที่เป็นกีฬาสากล ถนัดบาสเกตบอล ว่ายน้ำ แบตมินตันเป็นพิเศษ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เเรงเยอะเกินหญิงแต่อย่างใด]

    [ที่อยู่อาศัย - อาศัยอยู่คอนโดใจกลางเมืองเพียงลำพัง อนึ่งเป็นคอนโดที่เรียกได้ว่าหรูหราโอ่อ่าระดับหนึ่ง เเละเจ้าตัวซื้อสองห้องเอามายุบรวม มันเลยกว้างมากแบบที่มีพื้นที่เหลือใช้เป็นกอง ซึ่งก็ไม่มีคนเข้าใจเหมือนกันว่าเเม่คุณจะซื้อสองห้องไปเพื่ออะไรทั้งที่อยู่คนเดียว บางทีอาจเป็นอารมณ์อินดี้อยากอยู่ที่กว้างของแม่นางก็เป็นได้..ll บ้านที่เคยอยู่กับบิดามารดานั้นเปิดให้เช่าเพื่อหาเงินเข้าร่ายจาย ไม่ใช่ว่าขัดสน แค่ทำใจอยู่ในที่ที่เคยมีความสุขมากขนาดนั้นไม่ไหวก็แค่นั้น..]



    Profile her boyfriend 

     


    "เธอได้ยินฉันไหม? มองเห็นฉันรึเปล่า? เเล้วอ้อมกอดของฉันที่เย็นเยียบนี้..เธอยังสัมผัสถึงมันได้อีกรึเปล่านะ ที่รัก..?"

    โอทากะ เฮบิ [Otaka Hebi]

    Age : Before 18 years old

    Status : Dead 

    }เขาคือคนที่เคยอยู่ข้างกาย คือคนที่ส่งยิ้มให้กันเสมอ เป็นเหมือนดั่งเเสงสว่างอันสดใสในชีวิตที่เเปรปรวน ทว่าท้ายที่สุดนั้น เเสงสว่างที่งดงามกลับดับวูบหายไป โดยไม่อ่านหวนกลับมาอีกเลย..{


    [สาเหตุการเสียชีวิต - เฮบิเสียชีวิตในวันเดียวกับที่อายามะได้พบกับวิญญาณของเขาตอนกลางดึก เขารีบร้อนออกจากบ้านไปแม้ฝนจะตกหนักเพราะห่วงใยเธอ หากแต่ไม่ระวังทำให้ถูกรถชนจนเสียชีวิต ได้เพียงเเต่ยอมรับความประมาทของตนที่พรากทุกอย่างไปและอำลากับเธอผู้เป็นที่รัก โดยไม่อาจจะโอบกอดร่างนั้นได้อีกต่อไป..]



    TALK WITH ME


    ไฮค่ะ .โค้งเอาหัวโหม่งพื้น(?). เรียกตามนามแฝง ฮันนี่ ได้ค่ะ ชื่อไรเอ่ยเตง? :: สวัสดีค่ะคุณฮันนี่ รันรันคนดอง2017-2037เองนะคะ แอ้ //โดนเตะ


    เรื่องนี้เป็นแนวที่เพิ่งเคยแต่งค่ะ อาจดราม่าแต่ไม่สุดและปมก็อาจจะไม่สุดเช่นเดียวกันเพราะยังไม่ถนัดอะไรแบบนี้ ต้องรับให้ได้นะตัวที่การบรรยายเรากาก ;__; :: เลาสิบ่ (?) พูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันมั่ยชั่ยความจริงงงง (อย่าสนภาษาเราเลยค่ะ วิบัติอรรสรสน้า ฮื๊ออ 5555)


    ขึ้นม.ปลายแล้วค่ะมีดองแน่นอนและไม่รู้ด้วยจะอัพตอนไหน ยังต้องปรับตัว รอกันได้ไหมเอ่ย? .สะกดจิตว่ารอได้รอได้(?). :: สะกดจิตนี่นาฬิกาแกว่งหรือดีดนิ้วดีคะ จะได้ตบมุขถูก (.........)


    ถ้าไม่ติดจะเป็นอะไรมั้ยคะ จะบึ้มบ้านเราไหม ถถถถ. :: สนใจรับเขยไหมคะบ้านนั้น--------------------#ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกในขนาดนี้.


    ถ้าเกิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆจะอนุญาตให้เรานำตัวลูกสาวไปเป็นตัวประกอบหลังฉากได้หรือไม่ บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าบางคนออกแค่ชื่อหรือนานๆทีออกมาทั้งตัว(?) รับกลับได้นะคะไม่ต้องกลัวบอกมาเยยยย >< :: คนนี้ยัดเเล้วกันค่ะ! เป็นตัวสร้างสีสันได้อยู่นา 55555


    คิดว่าตัวเองจะได้คู่กับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษมั้ยเอ่ยย? :: คนนี้เหรอคะ..เอ...//หันไปกะพริบตามองหนุ่มๆ 2.5วิ (?)//เอ่อ อาจจะเป็นเรียวเฮก็เป็นได้ค่---ดูจะไฮเปอร์สายบวกเหมือนกัล (หลักเกณฑ์เดาอะไรของฉัน----)


    ขอคำนิยามให้ลูกสาวตัวเองหน่อยค่ะ! :: คิดว่าน่าจะเป็น 'หัวใจที่เเข็งแกร่งดั่งหินผานั้นน่าชื่นชม แต่ท้ายสุดเเล้วก็เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง' ประมาณนั้นน่ะค่ะ!


    สุดท้ายนี้ก็ขอใหโชคดีมีชัย เดินทางปลอดภัย ข้ามถนนก็ระวังรถ--- แค่ก :: นี่เลยค่ะ เพิ่งโดนรถชนมา---รถอะไร รถจักรยานเด็กค่ะ สามล้อด้วยนะ----------

    I'm going to live in this cruel world.

    Although I have to be alone.


    -By Ayama-




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×