คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Prakan's side story
ค่ายมวย ส.เอกศาสตรา
ค่ายมวยแห่งนี้เป็นตึกสามชั้น ชั้นแรกเปิดเป็นค่ายมวย
ส่วนชั้นสองและชั้นสามเปิดเป็นที่พักของเจ้าของค่ายและครอบครัว วันนี้ค่ายนี้ก็ยังคงคึกคักดังเช่นทุกวัน
เหล่านักมวยตั้งแต่รุ่นเด็กชายไปจนถึงชายวัยกลางคนต่าง ขะมักเขม้นกันอย่างเต็มที่
ใช่ว่าจะมีแต่เพศชาย เพศหญิงก็มีมาฝึกซ้อมเช่นกันเพียงแต่จำนวนไม่มากเท่า แต่จุดเด่นในวันนี้คือบนเวทีมวยที่มีชายหนุ่มร่างโปร่งนัยน์ตาคมดุ
ย้อมผมสีทอง และเจาะหางคิ้ว เจาะหู เจาะคาง และเจาะจมูกแลดูเฮ้วและนักเลงเต็มขั้นกับชายหนุ่มที่สูงกว่าชายหน้านักเลงเพียงเล็กน้อย
ผู้มีใบหน้าอ่อนโยน ผมสีน้ำตาล เรียกได้ว่าให้ความรู้สึกต่างจากชายคนแรกโดยสิ้นเชิง
“เข้ามาเลย ‘ปาร์ค’
”ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแย้มยิ้มท้าทาย “อย่าออมมือนะน้องชาย”ดูเหมือนประโยคนี้ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วมุ่น และเมื่อขมวดคิ้ว
ชายหน้านักเลงก็ดูเหมือนจะพุ่งมาเสยคางคนอื่นได้ทุกเมื่อ
“พี่หมอ ‘นิค’ ท้าปาร์คเองนะ”สรรพนามมุ้งมิ้งที่น้อยคนจะได้ยินถูกเอ่ยออกมา
“ถ้าปาร์คทำพี่หมอร้องไห้ ปาร์คไม่ขอโทษจริงๆด้วย”ปราการ เอกศาสตรา เชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่คิดว่าแมนเต็มที่
เล่นเอาคนที่เป็นพี่ชายอย่าง กฤตภาส
เอกศาสตรา กลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ แต่เมื่อเสียงระฆังบอกยกดังขึ้น
บรรยากาศก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที ทำเอาคนทั้งค่ายมวยต้องคอยลุ้นไปด้วย
“ฟึ่บ”ปาร์คเป็นคนเปิดฉากด้วยท่า
ขุนยักษ์พานาง ก่อน ชายหนุ่มปล่อยหมัดซ้ายตรงไปยังเป้าหมาย
ส่วนหมัดขวาก็คุมเสมอคาง แต่นิคแค่เบนตัวหนีเบาๆ หมัดก็พลาดเป้า
ทำเอาคนต่อยพลาดเบากัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด “ฟึ่บ” นิคเป็นฝ่ายโต้ด้วย บาทาลูบพักตร์ คุมเชิงโดยหมัดซ้ายนำ พร้อมทั้งก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
หมัดขวาตรียมจะชกหน้าฝ่าย ปาร์คจิ๊ปากแบบขัดใจแต่ก็ใช้ท่า ไกรสรข้ามห้วย
แก้ลำท่าของอีกฝ่าย โดยก้าวเท้าซ้ายกระโดดหลบปลายเท้าขวาของอีกคนที่ตรงมา
โน้มตัวไปทางซ้าย ยืนบนเท้าซ้าย พร้อมกับรีบสอดเท้าขวา ถีบขาหลังอีกฝ่ายบริเวณหัวเข่า….
“แก๊งๆๆๆๆๆ”เสียงระฆังสั่นรัวทำให้การต่อสู้ชะงักลง
สองพี่น้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าผู้ที่สั่นระฆังเมื่อครู่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นแม่ของพวกเขาที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่
ส่วนคนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างแม่คือน้องสาวตัวแสบของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง… “นิค! ปาร์ค! แม่บอกกี่ครั้งแล้วใช่มั๊ย
ว่าอย่าชกกันเองน่ะ! หา!” กรัณฑา
เอกศาสตรา คุณหมอวัยสี่สิบกว่าที่ยังสาวท้าวเอวถลึงตามองลูกชายตัวดีทั้งสอง
“โธ่ แค่กระชับมิตรเองครับแม่ ก็แค่เสาร์อาทิตย์ที่นิคจะได้กลับบ้าน
เดี๋ยวต้องไปอยู่หออีกแล้ว”นิคค้านมารดาเสียงอ่อน พลางยิ้มแว่นกรอบแดงจากกระเป๋าของตนที่วางไว้ข้างเวทีมวย
“นานๆที จะได้เจอกัน เขาก็พูดคุยแบบลูกผู้ช—โอ๊ย! แม่ นิคเจ็บนะ”คุณหมอหนุ่มวัยยี่สิบห้าเบ้ปากเมื่อมะเหงกของแม่แลนดิ้งกลางหัว
“หมัดเราเองก็ไม่ใช่เบาๆนะนิค ถึงแม้เราจะควบคุมแรงได้ก็เถอะ”ผู้เป็นแม่กล่าวเสียงอ่อนลง “เราไม่ต้องไปทำตาขวางใส่น้องเลยนะ
ปาร์ค มานี่..มารับบทลงโทษซะดีๆ”หันไปเอ็ดหนุ่มวัยยี่สิบสี่ที่กำลังทำตาขวางใส่น้องสาววัยยี่สิบอย่าง
กรินฐา เอกศาสตรา
“แม่ ก็ยัย ‘ปิ่น’ มันทำหน้ากวนตีนปาร์ค”คนหน้าดุฟ้องคนเป็นแม่ราวกับเด็กๆ
“โอ๊ย ทำไมเขกตั้งสองทีอ่ะแม่”กุมหัวแล้วร้องโอดโอยเพราะโดนมะเหงกแบบดับเบิ้ลคิล(?)
“พูดไม่เพราะต่อหน้าแม่ไงล่ะ”น้องสาวคนเล็กอย่างปิ่นลอยหน้าลอยตาตอบแทนแม่ “เนอะ
แม่ ‘นัน’เนอะ”ซึ่งมารดาเพียงแต่ยิ้มเอ็นดูให้บุตรสาวเท่านั้น
“ปิ่น เดี๋ยวไปช่วยแม่จัดโต๊ะในครัวกัน”ผู้เป็นแม่เอ่ยชักชวนลูกสาวคนเล็ก “ปล่อยหนุ่มๆเขาคุยดีๆกันไป”
เมื่อสองแม่ลูกลับสายตาไปแล้ว
สองพี่น้องเดินไปหาที่สงบๆปลอดจากสายตาจากคนในค่ายมวยเพื่อรำลึกความหลังให้คุ้มกับที่ไม่เจอกันนาน
หลังค่ายมวยมีศาลาเล็กๆ เมื่อนิคทรุดตัวนั่งลงแล้ว
ปาร์คไม่รอช้ารีบนอนหนุนตักผู้เป็นพี่อย่างออดอ้อน
“พี่นิค…ปาร์คโคตรคิดถึงพี่เลย”คนอ่อนกว่าเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างต้องการจะอ้อนคนแก่กว่า
ดวงตาคมดุกระพริบปริบๆมองดวงตาอ่อนโยนของนิค “เห็นหน้าพี่แล้วคิดถึงวันเก่าๆ
เนอะ..”
“นั่นสินะ”นิคตอบเพียงเท่านั้น
แต่มือเรียวก็ลูบกลุ่มผมนุ่มสีทองสว่างของคนนอนตักไปเรื่อยๆ“จากวันนั้น..ผ่านมานานแล้วนะ..”คุณหมอหนุ่มมองออกไปไกล
จากนั้นสองพี่น้องก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมพร้อมจมสู่ห้วงอดีตที่ตนต่างนึกถึง..
สิบปีที่แล้ว..โรงเรียนอุดมนิสิต
ในห้องน้ำชายชั้นสองที่ร้างผู้คนเพราะเย็นย่ำมากแล้ว
เด็กชายวัยสิบสี่ร่างเล็กนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นรอบกายเขามีเด็กชายตัวโตกว่าสี่ห้าคนล้อมไว้
“ฮึก..ปล่อยปาร์คไปเถอะ
ปาร์คอยากกลับบ้าน”เด็กชายตัวน้อยสะอื้นฮักๆ
หวังว่าจะมีใครซักคนมาช่วยเขาออกไปจากคนน่ากลัวพวกนี้ซักที “ปาร์คไม่ใช่ผู้หญิง
ปาร์คทำแบบนั้นไม่ได้หรอก..ฮึก ปาร์คเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายบ้าอะไรหน้าตายังกะผู้หญิง
เป็นตุ๊ดสิไม่ว่า”เด็กชายร่างใหญ่ที่ดูจะเป็นหัวโจกเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“เป็นตุ๊ดก็ทำแบบที่ผู้หญิงทำได้ เฮ้ย! กดมันไว้!”หันไปพยักเพยิดกับลูกน้องอีกสองคน
ซึ่งกุลีกุจอมาผลักเด็กชายร่างเล็กนอนราบไปกับพื้นทันที พร้อมกับกดร่างไว้ไม่เห็นกระดุกกระดิก
“ฮือออ ปล่อยนะ
พี่นิคช่วยปาร์คด้วย”ร้องอย่างขวัญเสียเมื่อกระดุมนักเรียนของตนถูกปลดทีละเม็ด
“พี่นิค ปาร์คกลัว พี่นิค!!”เร่งระดับเสียงจนสุดเมื่อนักเรียนชายร่างใหญ่ทาบทับลงมา
“หุบปาก!
นี่มึ.งนึกว่าพี่มึ.งจะมาช่วยได้ทันหรือไง..”นักเรียนหัวโจกตะคอก “ยอมซะด---ปั่ก!”ร่างใหญ่โงเงนและฟุ่บลงเพราะถูกใช้สันมือสับลงที่ท้ายทอย
ต่อด้วยจัดการสองคนที่กดร่างปาร์คกับพื้นจนสลบเหมือด ร่างที่ปรากฏคือเด็กหนุ่มวัยสิบห้าผู้ใส่แว่นกรอบแดง
ผู้ล้มเด็กชายทั้งหมดสี่ห้าคนด้วยตัวคนเดียว และดูเหมือนจะมีคนนึงแขนหักด้วย!
“ไม่เป็นไรนะ..พี่มาแล้วนะปาร์ค ปาร์คปลอดภัยแล้ว”นิคโผเข้ากอดร่างของน้องชายที่สั่นระริก
ถ้าเขาไม่เอะใจถามเพื่อนร่วมห้องของคนตัวเล็กดู
เขาคงไม่รู้ว่าน้องชายถูกลากมาที่ห้องน้ำนี้ และปาร์คคงโดนพวกนั้นทำอะไรระยำๆไปแล้ว..เด็กชายวัยสิบห้ากัดฟันกรอด อดนึกโทษตัวเองไม่ได้ “ปาร์คต้องเข้มแข็งนะ..”
“ฮึก ปาร์คจะเข้มแข็ง..”เด็กชายวัยสิบสี่ซุกหน้ากับไหล่พี่ชาย “ปาร์คจะเข้มแข็ง…เหมือนพี่นิค..”
สองปีต่อมา…
“เฮ้ย! กระทืบแม่.ง!”เสียงทุ้มห้าวตะโกนประกาศศักดา ปาร์คกลายเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบหกและเริ่มเป็นเด็กเกเร
ย้อมสีผม เจาะหู ลิ้น จมูก คิ้ว แบบแบดบอยทำกัน ลองสูบบุหรี่และกินเหล้า
ไต่เต้าจากลูกกระจ็อกของแก๊งเล็กๆ มาตั้งแก๊งนักเลงของตัวเอง และเขาก็ติดอันดับท็อปเทนคนในอุดมนิสิตที่เข้าห้องปกครองบ่อยที่สุด
“อย่าออมแรง จัดไปเว้ย!”หัวหน้าแก๊งหนุ่มกระโจนเข้าวงไปตะลุมบอนกับคู่อริหลังจากยืนห้าวเป็นกำลังใจให้เหล่าลูกน้องแล้ว..
ห้องปกครอง
“มาสาย สิบครั้ง
ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ยี่สิบแปดครั้ง แหกกฎการห้ามย้อมสีผม การแต่งกาย
และการเจาะตามร่างกาย พร้อมด้วยการหนีคาบเรียนอีก”ครูวัยกลางคนไล่อ่านทีละข้อ“มีอะไรจะแก้ตัวมั๊ยนายปราการ?”
“ได้เกรดสี่จุดศูนย์ศูนย์ทุกเทอม
นำชมรมมวยไทยคว้าแชมป์มวยไทยเยาวชนสี่สมัย สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ”ปราการยักคิ้วกวนๆ “ลุงไม่เห็นจะพูดเรื่องนี้เลย
ปาร์คทำเรื่องดีๆตั้งเยอะ”ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองผู้มีศักดิ์เป็นลุงส่ายหน้าอย่างระอา
“นั่นมันก็จริงอยู่..”คนอาวุโสกว่ายอมรับอย่างเสียไม่ได้ “แต่คนอื่นจะมองปาร์คไม่ดีนะรู้ตัวมั๊ย? ถึงแม้ปาร์คจะได้รับการอนุโลมเล็กๆน้อยๆ
แต่ปาร์คก็ต้องอยู่ในกฏระเบียบบ้างนะ”เอ่ยตักเตือนด้วยความหวังดีและสรรพนามที่เป็นกันเอง
“คนอื่นจะคิดว่าปาร์คเลวยังไงก็ช่างหัวแม่.ง”คนตาดุต้องรีบสงบคำผรุสวาทเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นลุง
“ปาร์คจะทำตามอย่างที่ลุงว่าก็ได้ครับ..ปาร์คเป็นเด็กดีว่าง่ายแถมหล่อด้วย..”ไหวไหล่อย่างยอตัวเอง
ห้าปีถัดมา…
ปราการตอนนี้เป็นหนุ่มมหาลัยวัยยี่สิบเอ็ดแล้ว
แต่เนื่องจากการโดนรุมทำร้ายจนเขาต้องเข้าห้องไอซียูเป็นสัปดาห์ ทำให้เขาเห็นพ่อและแม่ร้องไห้เป็นครั้งแรก
เห็นพี่ชายอย่างนิคโกรธจัดจนจะตามไปเล่นงานพวกที่ทำร้ายเขา
เห็นน้องสาวที่เคยสดใสอย่างปิ่นซึมเศร้าและฝันร้ายว่าเขาจะตาย ปาร์คเลยคิดว่า..เขาควรจะพอ เพราะแม่ได้ขอร้องไว้ด้วยแหละนะ..ชายหนุ่มอัดควันบุหรี่เข้าปอดเฮือกสุดท้าย
ก่อนทิ้งลงพื้นและใช้ส้นรองเท้าขยี้ก้นกรอง
“พวกมึง กูมีอะไรจะบอก”ปราการกวาดสายตามองลูกน้องทุกคน “ถึงแม้แก๊งของเราจะสลายไป
แต่ไม่ใช่ทางพวกมึงจะจบสิ้นลง พวกมึงยังมีอนาคต ยังมีหวัง ไอ้ต้นอยากเป็นวิดวะ
ส่วนไอ้เก่งอยากเป็นเชฟ และอีกหลายๆคนที่มีอาชีพที่ฝันไว้..กูก็เช่นกัน
ถึงเวลาที่พวกมึงจะเดินไปตามเส้นทางอื่นแล้วว่ะ”ประโยคนี้เรียกน้ำตาของลูกผู้ชายในแก๊งได้อย่างดี
รวมถึงหัวหน้าแก๊งที่หันหลังให้ทุกคนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
สำหรับแก๊งนี้…มันมากกว่านักเลง..มันเหมือนครอบครัว…
ปัจจุบัน..
“ฮั่นแหน่ มาแอบสวีทหวานกันอยู่นี่เอง”เสียงสดใสร่าเริงดึงทั้งคู่ออกมาจากห้วงอดีต “กับข้าวเตรียมเสร็จแล้วจ้า!
”ปิ่นกล่าวแล้วตบท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง ถ้าใครมาเห็นสาวร่างเล็ก
ใบหน้าประดับดูรอยยิ้มร่าเริงตลอดเวลาคงไม่เชื่อแน่ว่าเธอเคยเป็นแชมป์มวยหญิงเยาวชนเจ็ดปีซ้อน..
“สวีทบ้าอะไรเล่า”ปาร์คผุดลุกขึ้นยืนทันที
ใบหน้านักเลงยามแดงระเรื่อเพราะความเขินดูน่ารักน่าแกล้งไม่เบา “แค่มาคิดถึงความหลัง..เนอะพี่นิคเนอะ”ไม่วายจะหันไปทำตาขวางใส่นิคให้ช่วยตนพูดแก้ตัวบ้าง
“ก็อย่างที่ปาร์คพูดนั่นแหละยัยตัวแสบ”นิคอมยิ้มขำกริยาของน้องชาย “อ้าว พ่อ สวัสดีครับ ”เอ่ยทักทายชายกลางคนร่างกำยำเหมือนคนออกกำลังกายทั่วไปที่เดินเข้ามา ป้อมยุทธ์
เอกศาสตรา รับไหว้ลูกชายคนโต
“แม่พวกแกให้มาตามอีกแรง
เพราะถ้าให้ยัยลูกหมาตัวเปี๊ยกมาตามคงคุยกันเพลินแน่”ป้อมยุทธ์กล่าวพลางส่ายหน้า
“ไปได้แล้วไป๊ ไอ้ลูกหมาพวกนี้นี่
จะได้กินข้าวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาหน่อย..เอ้า ยังยืนอยู่อีก
เดี๋ยวหลังแหวนเลย”ง้างมือขู่ลูกๆทั้งสามที่ยังไม่ขยับ
เมื่อสิ้นคำขู่ทั้งสามก็รีบวิ่งปรู๊ดเข้าบ้านไปทันที ป้อมยุทธ์ลดมือลงและอมยิ้มมองตามแผ่นหลังลูกๆทั้งสามไป…และครอบครัวเอกศาสตราก็ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นเหมือนทุกวัน…
น้องปาร์ค (14 ขวบ) พี่ปาร์ค( 24 ขวบ(?))
น้องนิค(15 ขวบ) พี่นิค (25 ขวบ(?))
ความคิดเห็น