ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #15 : chapter 14 เพราะนายไม่มีรอยยิ้ม

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 54


     

    Chapter 14

     

                ซีวอนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในตอนเช้า นอกจากเขาจะต้องเรียนหนังสือแล้ว ซีวอนยังเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทอีกด้วย ข่าวเศรษฐกิจระหว่างประเทศจึงจำเป็นต่อธุรกิจการส่งออกของบริษัทในครอบครัว

     

                กาแฟถ้วยหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างนอบน้อม กลิ่นกาแฟที่หอมฉุยและคุ้นเคยทำให้ซีวอนรู้ได้ทันทีว่าคนชงรู้ใจเขามากแค่ไหน

     

                หมับ!

     

                “เอ่อ...คุณซีวอน...” คยูฮยอนเอ่ยเรียกเจ้านายพลางพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออก ทว่าซีวอนกลับดึงเขาไปนั่งบนตักแล้วสูดความหอมจากแก้มนุ่มเข้าเต็มปอด

     

                “หอมจัง”

     

                “ปล่อยเถอะครับ ผมจะรีบไปทำงาน” เขาบอกแล้วเบือนหน้าหนี

     

                “ฉันเป็นเจ้านายของนายนะ ยังไม่ได้สั่งให้นายไปเลย นายจะขัดคำสั่งฉันเหรอ?”

     

                จมูกโด่งซุกไซร้ไปที่ซอกคอขาวเนียนอย่างหยอกล้อ ยิ่งคยูฮยอนเอียงคอหนี ซีวอนก็ยิ่งรู้สึกว่าคนบนตักกำลังท้าทายให้เขาเข้าไปหามากยิ่งขึ้น มือสากไล้ลงต่ำจากเอวคอดไปยังขอบกางเกง ก่อนจะสอดเข้าไปใต้กางเกงผ้าเนื้อบาง ทว่า...

     

                หมับ!

     

                “พอเถอะครับ ผมต้องรีบไปซักผ้า และรดน้ำต้นไม้ก่อนจะสายไปมากกว่านี้”

     

                คยูฮยอนจับมือของซีวอนออกจากกางเกงของตัวเอง ทว่ามือแกร่งของซีวอนกลับรวบเข้าไว้ด้วยแรงมหาศาล คนรับใช้จึงได้แต่นั่งนิ่งแล้วปล่อยให้เจ้านายเสพสมตามความปรารถนา

     

                “คืนนี้ไปรับใช้ฉันที่ห้องด้วยนะ” เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ คยูฮยอนได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่องช้าและจำยอม

     

                “ซีวอน!

     

                เสียงแหลมสูงแผดดังลั่นบ้าน ในขณะที่ซีวอนชักมือออกกางเกงผ้าของร่างโปร่งในอ้อมกอด คยูฮยอนรีบลุกขึ้นยืนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากแต่ฮีชอลกลับเดินมุ่งหน้ามาทางเขา แล้วฟาดทั้งมือเข้าเต็มใบหน้าหวานจนคยูฮยอนร่วงลงไปที่พื้น

     

                “อยากได้คนของฉันมากนักหรือไงห๊ะ!” ฮีชอลเอ่ยถามแล้วโน้มลงไปตบคยูฮยอนซ้ำ เด็กรับใช้ที่ไม่มีทางสู้ได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกันไว้อย่างเจ็บปวด

     

                “พี่ฮีชอล มาที่นี่ได้ไงครับ?” ซีวอนเอ่ยถามเสียงสั่น ทว่าฮีชอลกลับไม่ฟังเลย

     

                “ฉันถามว่าอยากได้นักเหรอถึงมาอ่อยแฟนฉันน่ะ ซีวอนให้เงินแกหรือไง”

     

                “...ฮึก...ผมเปล่านะครับ...โอ๊ย!” ทั้งกำปั้นทั้งฝ่ามือทุบตีรัวบนร่างกายของคยูฮยอนด้วยความโมโห ฮีชอลอาละวาดเพราะเขาตั้งใจจะกลับมาหาซีวอนและให้อภัยในสิ่งที่ซีวอนทำผิด หากแต่ภาพที่เห็นมันน่าเกลียดกว่าตอนที่ซีวอนจูบคนรับใช้ที่มหาวิทยาลัยเสียอีก

     

                “ฉันเกลียดแก! ออกจากบ้านของซีวอนไปซะ จะไปตายที่ไหนก็ไป!

     

                “พี่ฮีชอล พอเถอะครับ...พอได้แล้ว”

     

                ซีวอนดึงคนรักออกมาแล้วรวบมือทั้งสองด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองคยูฮยอนว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไม่แม้แต่จะสนใจเลย...

     

                “ดูสิ! มือช้ำหมดแล้ว” ซีวอนยกมือเรียวสวยขึ้นมาเป่าอย่างทะนุถนอม

     

                “ทำแบบนั้นทำไม” ฮีชอลถามเสียงแข็ง ทว่าซีวอนกลับทำหน้าตาเหรอหราไม่รู้เรื่อง

     

                “ทำอะไรเหรอครับ”

     

                “ก...ก็...”

                “คยูฮยอนเขามายั่วผมเองนะครับ เขาบอกว่าถ้าผมคิดถึงพี่ฮีชอลให้ทำกับเขาแทน ก็พี่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของผมเองนี่นา”

     

                ร่างสูงโปร่งเริ่มทำตัวออดอ้อนน่ารักเป็นเด็กๆ ฮีชอลมองคนรักกับคยูฮยอนสลับกันไปมา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

                “จริงเหรอคยูฮยอน?”

     

                “...ครับ...ฮึก...เป็นความจริงครับ...” คยูฮยอนพูดจบก็รีบย้ายตัวเองออกมาจากบริเวณนั้น เมื่อพ้นสายตาของเจ้านาย เขาก็ยืนพิงกำแพงด้วยความหมดแรง ได้แต่ถามตัวเองว่ามีความสุขแล้วเหรอที่ปกป้องซีวอนไปแบบนั้น

     

                ถ้าทำ...แล้วคยูฮยอนจะมีความสุขใช่ไหม

     

                หัวใจตอบออกมาเสียงดังว่า...ไม่เลยสักนิดเดียว

     

     

     

                ที่ห้องเรียนพื้นฐานในมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งเดินไปที่หน้าห้องแล้วตบโต๊ะเสียงดังจนทุกคนหันไปมอง

     

                “ทุกคนฟังทางนี้!” เขายืดตัวตรง ก่อนจะคลี่กระดาษเอสี่ออกมาอ่าน “สัปดาห์หน้าจะมีการไปทัศนะศึกษาที่เกาะเชจู ค่าใช้จ่ายต่อคนคือห้าแสนวอน”

     

                ทงเฮอ้าปากค้างกับเงินค่าทัศนะศึกษาจนคิบอมต้องมาตีคางให้เขาหุบปากลง ร่างบางเอียงหน้าไปทางคิบอมก่อนจะกระซิบถาม

     

                “ทำไมมันถึงแพงขนาดนั้นล่ะคิบอม”

     

                “แพงค่าที่พักกับค่าอาหารน่ะ” คิบอมกระซิบกลับไปบ้าง เพราะว่าพวกเขามักจะต้องอยู่รีสอร์ทที่ติดชายหาดเท่านั้น และค่าที่พักก็สูงลิบลิ่วแม้ว่าจะได้ส่วนลดมาแล้วก็ตาม ส่วนค่าอาหารก็ต้องเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ทุกมื้อ ไม่มีทางเป็นข้าวกล่องเหมือนที่ทงเฮไปเที่ยวพระราชวังกับโรงเรียนตอนเด็กๆ แน่นอน

     

                “ฉันไม่มีเงินไปหรอก” ร่างบางบอกหน้าเสีย

     

                “ไม่ไปไม่ได้ เดี๋ยวเรียนไม่จบ”

     

                “เฮ้อ...” คนน่ารักได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดแรง ทำไมค่ากิจกรรมนักศึกษาที่เขาจ่ายไปมันไม่ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายในการไปทัศนะศึกษาด้วยนะ คนตัวเล็กก้มหน้างุดเพื่อซ่อนความกังวลใจจากคนในห้อง ในขณะที่ฮยอกแจที่นั่งถัดไปจากคิบอมกลับสังเกตเห็นอาการเหล่านั้นได้ดี

     

     

     

                หลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จแล้ว ทงเฮก็รีบกลับบ้านโดยที่ไม่รอคิบอมไปส่งเหมือนทุกครั้ง เขารีบไปร้านสะดวกซื้อเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ แต่เมื่อเจอผู้จัดการร้าน ทงเฮกลับทำหน้าเศร้าแล้วคุกเข่าลงไปขอร้อง

     

                “ผมขอเบิกเงินล่วงหน้าได้ไหมครับ นะครับผู้จัดการ”

     

                “เธอนี่แปลกคนนะ เข้ามาทำงานได้แค่สัปดาห์เดียวกล้ามาเบิกเงินล่วงหน้าได้ยังไง”

     

                ผู้จัดการเดินหนีไปทันทีที่ได้ยินความประสงค์จากร่างเล็ก หากแต่ทงเฮกลับไม่ยอมลุกไปไหน เขารีบวิ่งไปหาผู้จัดการและเกาะขาของอีกฝ่ายไว้แน่น

     

                “ช่วยผมด้วยนะครับ ผมจำเป็นต้องหาเงินไปทัศนะศึกษา” ทงเฮบอกอย่างหน้าไม่อาย

     

                “เท่าไร?”

     

                “ห้าแสนวอนครับ”

     

                “จะบ้าหรือไง นั่นมันมากเท่ากับเงินเดือนของฉันเลยนะ ฉันให้เธอไม่ได้หรอก” เขาหันมาบอกก่อนจะดึงมือของทงเฮออกจากขาตัวเอง

     

                “ผมขอร้องล่ะครับ ขอเบิกแค่ครึ่งเดียวก็ได้” เขาพนมมือและถูกันไปมาเพื่อแสดงถึงความอ้อนวอน ผู้จัดการเดินหายเข้าไปหลังร้าน ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับธนบัตรหนึ่งใบ

     

                “ฉันมีให้แค่แสนเดียวเท่านั้น จะเอาไม่เอา”

     

                “ครับ...แสนเดียวก็ได้ครับ แล้วผมจะทำงานให้หนักขึ้นนะครับ”

     

                ทงเฮรับเงินมาด้วยท่าทางมีความสุขราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ผู้จัดการส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น ทิ้งให้ทงเฮยืนจ้องมองธนบัตรในมืออยู่เพียงลำพัง

     

                แค่หนึ่งแสนวอนก็ยังดีกว่าไม่มีเลยสักวอนเดียว

     

                “ทำงานแบบนี้ ทำให้ตายก็หาเงินไปจ่ายไม่ได้หรอก” เสียงคุ้นเคยทำให้ทงเฮเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนตรงข้ามเคาน์เตอร์ ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นฮยอกแจ ก่อนจะรีบเก็บเงินใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง

     

                “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”

     

                “ก็ไม่ว่าอะไรนี่ ฉันก็แค่...เวทนาเพื่อนร่วมโลก” ฮยอกแจทำหน้าตาดูถูกเมื่อเขาพูดคำนั้นออกมา ทงเฮไม่รู้หรอกว่าฮยอกแจขับรถตามเขามาตั้งแต่มหาวิทยาลัยแล้ว ฮยอกแจไม่คิดเลยว่าทงเฮจะต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ ทว่าเมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้าทงเฮ เขากลับพูดดีๆ กับร่างเล็กออกไปไม่ได้เลย

     

                “ไม่ต้องมาเวทนาฉัน”

     

                “คิบอมนี่ใจร้ายนะ แฟนไม่มีเงินใช้ยังไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือเลย”

     

                ทงเฮรีบเดินหนีไปที่ชั้นวางของ เขาเริ่มทำงานโดยที่ไม่สนใจเสียงของฮยอกแจอีกต่อไป ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไร จะแดกดันอะไร ทงเฮก็จะทำเป็นหูทวนลมเท่านั้น ทว่าคนที่รู้สึกเดือดพล่านกลับเป็นอี ฮยอกแจเสียเอง ขาเรียวก้าวไปหาทงเฮอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าข้อมือบางให้ยืนขึ้น

     

                “ปล่อย!” ทงเฮบอกสั้นๆ

     

                “ตามมานี่”

     

                “โอ๊ย! ปล่อยฉันนะฮยอกแจ ฉันต้องไปทำงาน บอกให้ปล่อยไงเล่า!

     

                แม้ว่าจะโวยวายแค่ไหน แต่ทงเฮก็ถูกฮยอกแจลากไปนั่งบนรถยนต์ส่วนตัวของฮยอกแจจนได้ ร่างบางได้แต่ขบฟันด้วยความโกรธ เขาอยากจะกระโดดลงจากรถไปเสียตอนนี้ ทว่าฮยอกแจกลับขับด้วยความเร็วสูงเหลือเกิน

     

     

     

                อีกสองชั่วโมงต่อมา ฮยอกแจก็พาทงเฮมาถึงชายหาดแห่งหนึ่ง ทงเฮค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วพบว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี เขาหันมามองฮยอกแจที่ยืนพิงรถด้วยท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

                “พามาที่นี่ทำไม”

     

                ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย เขาเปิดกระโปรงหลัง แล้วหยิบของบางอย่างออกมา มันเป็นขาตั้งวาดภาพและกระดาษอีกมากมายที่ทงเฮมองแล้วก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าหมายถึงอะไร

     

                “ที่นี่มีชาวต่างชาติมากมาย นายสามารถหาเงินจากการวาดรูป”

     

                “ฮยอกแจ...” ทงเฮเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่น ต่อให้ฮยอกแจจะพูดจาไม่ดีกับเขาแค่ไหนก็ตาม แต่การทำแบบนี้ทำให้ทงเฮซาบซึ้งและรู้สึกได้ว่าฮยอกแจเข้าใจเขามากแค่ไหน คนตัวเล็กโผเข้ากอดฮยอกแจจนคนถูกกอดยืนนิ่งงันเพราะทำตัวไม่ถูกเลย

     

                “ปล่อยนะ นายมันสกปรก!” เขาพูดในขณะที่ดันร่างของทงเฮออกห่าง

     

                “ขออยู่แบบนี้ซักพักนะฮยอกแจ ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ อี ฮยอกแจ” ใบหน้าหวานซุกเข้าหาอกแกร่งอย่างเต็มความรัก เขาสูดกลิ่นน้ำหอมของฮยอกแจเข้าเต็มปอดเพราะทงเฮไม่รู้เลยว่าชาตินี้เขาจะได้ทำแบบนี้อีกหรือไม่ ก่อนจะค่อยๆ ผละออกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความละอายใจ

     

                “เอาของพวกนี้ไปซะ ฉันให้เวลาแค่สามชั่วโมงเท่านั้น”

     

                “นายไม่ไปด้วยกันเหรอ” ทงเฮเอ่ยถามในขณะที่ถืออุปกรณ์ทั้งหมดมาไว้ในมือ

     

                “ไม่ล่ะ ฉันอายที่ต้องทำแบบนั้น”

     

                ฮยอกแจบอกอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอย่างสบายใจ ทงเฮค่อยๆ เดินไปยังชายหาดเบื้องหน้า ดวงไฟหลากสีค่อยๆ เปิดไล่มาเป็นแนวยาวของชายหาด มันสวยงามเสียจนทงเฮอยากจะเก็บภาพนี้เอาไว้

     

                ทงเฮค่อยๆ กางขาตั้งวาดภาพลงบนพื้นทราย ก่อนจะนั่งลงและวาดภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกเด็กผู้ชายอีกคนสวมกอดในขณะที่เขายืนพิงรถยนต์ มันเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ หากแต่รูปภาพของคนสองคนนั้นกลับเป็นภาพเมื่อหกปีก่อน ช่วงที่ฮยอกแจยังคงอ่อนโยนกับเพื่อนเล่นที่ชื่อว่า...อี ทงเฮ

     

                ชาวต่างชาติคู่หนึ่งเดินมาหาทงเฮและขอให้วาดภาพให้ หลังจากนั้นก็มีลูกค้าเดินเข้ามาเรื่อยๆ จากเงินอีกสี่แสนวอนที่ทงเฮต้องการหา ตอนนี้เขามีเงินในกระเป๋าเกือบเจ็ดแสนวอนแล้ว ไม่ใช่แค่ค่าจ้างจากการวาดภาพ แต่เป็นเงินที่ให้จากความประทับใจในฝีมือของทงเฮ ฮยอกแจที่มองอยู่ตลอดเวลาก็ยิ้มตามไปด้วย

     

                มีคนบอกว่า...

     

                การทำให้คนๆ หนึ่งมีปลากินตลอดชีวิต คุณจะต้องสอนวิธีจับปลาให้แก่เขา

     

                ตอนนี้ฮยอกแจกำลังทำเช่นนั้น

     

     

     

                เกือบสามชั่วโมงแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มบางตาในขณะที่ทงเฮเองก็เมื่อยล้าไปหมด เขาบิดตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเงาของใครบางคนมาบดบังแสงไฟที่ส่องมาทางเขา

     

                “วาดรูปให้ฉันหน่อยสิ” ฮยอกแจเอ่ยบอกและนั่งลงตรงหน้าทงเฮ เขามีสีหน้าเรียบเฉยเสียจนทงเฮไม่รู้ว่าตอนนี้ฮยอกแจคิดอะไรอยู่

     

                ฮยอกแจเป็นคนที่อ่านได้ยากเหลือเกิน

     

                “ฉันไม่วาด” เขาตอบเสียงเรียบ

     

                “แต่ฉันเป็นลูกค้านะ นายจะปฏิเสธลูกค้าได้ยังไง” ฮยอกแจเอียงศีรษะถาม ทำเอาทงเฮขมุบขมิบปากนินทาอยู่ในใจ มือเรียวเปลี่ยนกระดาษเป็นแผ่นใหม่ ก่อนจะจรดดินสอลงบนกระดาษ ทว่ามือเขากลับแข็งทื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวให้ปรากฏเป็นภาพได้เลย

     

                “ฉันวาดไม่ได้!

     

                “ไม่จริงหรอก นายวาดรูปคนอื่นตั้งหลายสิบคนยังวาดได้เลย ทำไมรูปฉันคนเดียวนายถึงวาดให้ไม่ได้”

     

                “เพราะนายไม่มีรอยยิ้ม”

     

                ในขณะที่บอกไปนั้น ทงเฮกลับเสมองไปทางอื่น ฮยอกแจเองก็เงียบลงไปเช่นกัน เขามองเสี้ยวหน้าของทงเฮด้วยความเจ็บปวด ทงเฮไม่เคยรู้หรอกว่าฮยอกแจต้องเจ็บปวดกับการหักห้ามใจตัวเองมากแค่ไหน เพราะคำพูดของแม่ทงเฮในวันนั้นทำให้ทุกครั้งที่ฮยอกแจต้องการจะเข้าใกล้ทงเฮมันเจ็บปวดและทรมานมากเหลือเกิน

     

                “นั่นรูปอะไร ขอดูหน่อยได้ไหม” ฮยอกแจชี้ไปที่ภาพวาดภาพหนึ่งที่ทงเฮคว่ำเอาไว้

     

                “เอ่อ...รูปเสียน่ะ ฉันวาดไม่ค่อยดี เลยจะเอาไปทิ้ง” ทงเฮเฉไฉไปทางอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างบางรู้สึกว่าเขาโกหกไม่เนียนเอาเสียเลย

     

                “ขอดูหน่อยสิ!” ฮยอกแจยังคงตามตื๊อ

     

                “จะดูทำไม ก็บอกว่ามัน...”

     

                ทงเฮถึงกับพูดไม่ออกเมื่อฮยอกแจดึงกระดาษแผ่นนั้นไปไว้ในมืออย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางหนักอึ้ง และรีบเก็บของที่อยู่ตรงหน้าอย่างลนลาน

     

                “ฉันขอซื้อภาพนี้นะ” เขาบอก แต่ไม่ได้ถามเจ้าของภาพว่าสมัครใจขายหรือไม่

     

                “เอามันไปทิ้งเถอะ”

     

                “ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสดเลย ขอติดไว้ก่อนแล้วกัน”

     

                ฮยอกแจไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายเลย เขาถือภาพเด็กผู้ชายสองคนที่ทงเฮวาดไปที่รถยนต์ของตัวเองทันที ทงเฮได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจ

     

                เขาไม่รู้เลยว่าฮยอกแจกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

     

                ไม่รู้เลย...

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                ตอนนี้หน้าปกเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ คนที่ตามซีนในทวิตเตอร์คงได้เห็นกันบ้าง

    แต่อาจจะมีการปรับแก้อีกนิดหน่อย และทำเพิ่มอีกหนึ่งเวอร์ชั่น เป็นเวอร์ชั่นที่มีสีสันสดใส

    แต่ให้ความรู้สึกที่น่าค้นหา ใครอยากได้หน้าปกแบบไหนก็เลือกกันตามใจชอบได้เลย เริ่ดไหม ฮ่าๆ

    อีกเรื่อง...ช่วงนี้เป็นช่วงสอบไฟนอลเทอมซัมเมอร์ของลีซีน อาจจะมาอัพล่าช้าหน่อยนะคะ

    รายละเอียดราคาหนังสือและหน้าปกจะนำมาลงให้ประมาณวันที่ 19 พ.ค.ค่ะ

     

    ขอคอมเม้นท์ด้วย

    สำหรับคนที่ไม่มียูสของเด็กดีก็เม้นท์ได้นะคะ อย่ามาเนียนไม่เม้นท์ ฮ่าๆๆๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×