ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : + + Chapter 14 + + [Fixed : แก้คำผิด]
ซู่มมมมมมม !!!
เอี๊ยดดดดดดดดดด !!!!!!
รถที่พุ่งลงทะเลไปทำให้ทางตำรวจต้องรีบเหยียบเบรคในทันที คาร์ลอสที่ลงมาจากรถตรงเข้าจับกุมชายคนที่กระโดดออกมาได้เอาไว้สำเร็จ เอฟเวอร์ลีนและมิลล่าเพื่อนสาวมาหยุดยืนอยู่ที่ขอบรั้วกั้นและมองลงไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า
“บ้าเอ๊ย !!”
เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับเอามือเสยผมที่ปรกหน้าอยู่อย่างเซ็งๆ
เอฟเวอร์ลีนหันไปหาลูกน้องของอิวานคอฟที่ถูกล๊อคกุญแจมือเอาไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าไป
“สั่งให้บินสำรวจดีๆ มันคงไปไหนไม่ได้ไกล ยังไงมันก็ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจแน่ๆ”
“ครับ !”
คาร์ลอสตอบรับ ก่อนที่จะหันไปสั่งการให้เฮลิคอปเตอร์นั้นบินลาดตระเวนให้ทั่ว เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่อิวานคอฟก็ยังไม่ยอมโผล่ขึ้นมาสักที ทำให้เอฟเวอร์ลีนและมิลล่าต่างก็หันไปมองหน้ากันอย่างสงสัย
หรือว่ามันตายแล้ว
?
ข้อสันนิษฐานแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ทั้งเอฟเวอร์ลีนและมิลล่าต่างก็เดินมาหยุดอยู่ที่ขอบรั้วกั้นอีกครั้ง สายตาของพวกเธอยังคงจับจ้องลงไปยังผืนน้ำเบื้องล่าง
“จัดทีมดำน้ำ ลงไปสำรวจด้านล่าง จัดหาเครนมายกซากรถมันขึ้นมาด้วย !”
เอฟเวอร์ลีนหันไปสั่งงานลูกน้องที่อยู่บรืเวณนั้น
“สำรวจความเสียหายแล้วประเมิณค่าด้วย !”
“ครับ...”
“พวกเราขอกลับไปตามหาหัวหน้าของเราก่อนนะครับ...” อเล็กซ์พูดขึ้น ซึ่งทางเอฟเวอร์ลีนก็อนุญาติ ทางฝ่าย FBI จึงได้พากันกลับมายังอาคารที่เจสสิก้าได้หายสาปสูญไปอีกครั้ง
แมทธิวที่ได้รู้ว่าเพื่อนสาวนั้นหายไปจึงได้เร่งระดมคนมาช่วยในการเปิดทาง ความรู้สึกกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ครั้งที่ได้ยกเอาเศษหินและเศษปูนออก
ขอให้เธอปลอดภัยทีเถอะ
เจสสิก้า
การเปิดขนย้ายสิ่งกีดขวางยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับกองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ที่ต่างก็ทำหน้าที่ในส่วนของตนเองไป
เศษหินและคอนกรีตที่ถูกขนออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่ายิ่งทำให้ความกังวลของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คอนกรีตแผ่นหนึ่งที่เพิ่งจะถูกยกขึ้นเผยให้เห็นเศษซากของโทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสารที่แตกกระจายอยู่กับพื้น แมทธิวรีบเดินเข้าไปพร้อมกับหยิบมันขึ้นมาถือไว้ทันที
“ของยัยนั่นไม่ผิดแน่
”
แมทธิวพูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องลงมือทำงานต่ออีกครั้ง ซึ่งไม่นานนักหนทางก็ถูกเปิดออก โดยไร้ซึ่งวี่แววของเจสสิก้าเพื่อนสาวเลย
เธอไปอยู่ไหนกันนะ
เจสสิก้า
ท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้การค้นหาคนร้าย และการตามหาเจ้าหน้าที่ๆ หายสาปสูญไปอย่างเจสสิก้า เป็นไปอย่างยากลำบาก จนพวกเขาต้องเริ่มตัดใจ
ถึงแม้ว่าการขยายขอบเขตในการตามหาตัวของนายอิวานคอฟนั้นจะเพิ่มออกไปในรัศมี 2 กิโลจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้หาตัวได้ง่ายๆ เลย ทีมดำน้ำที่ลงไปนั้นก็ต้องยกเลิกการปฏิบัติการเสีย เพราะทะเลในตอนกลางคืนนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ทาง CIA รู้สึกหัวเสียไม่น้อย
“คืนนี้พอก่อนเถอะเอฟ
พรุ่งนี้เราค่อยว่ากันอีกที” มิลล่าเพื่อนสาวพูดพร้อมกับตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ
เอฟเวอร์ลีนหันมามองเพื่อนสาวอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอหันหลังกลับไปมองผืนทะเลสีดำสนิทอีกครั้ง ก่อนที่จะก้าวเดินกลับไปยังรถพร้อมๆ กับเพื่อนสาวของเธอ และปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือได้ทำงานกันต่อไป
ในส่วนของ FBI ที่ต่างก็รู้สึกท้อในการตามหาเจสสิก้า จึงได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ อเล็กซ์เดินเข้ามาหาแมทธิวและยืนดูอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร เพราะต่างคนก็ต่างรู้สึกเศร้าจนแทบจะไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลย
“หัวหน้า... วันนี้เราพอก่อนเถอะครับ”
อเล็กซ์พูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่แมทธิวจะหันมาหาเขาและพยักหน้าเบาๆ
“พรุ่งนี้เราค่อยมาหากันต่อแล้วกัน...”
พูดจบทาง FBI ก็พากันออกมาจากตัวอาคาร แมทธิวหันกลับไปมองสภาพของอาคารที่ถล่มลงมาทางด้านหลังอีกครั้ง ก่อนที่จะหันกลับมาทางเดิมและก้าวเดินออกมาจากตรงนั้น
ปึงง !!
ทันทีที่มากันครบแล้ว พวกเขาจึงขับรถออกมาจากบริเวณดังกล่าวทันที และปล่อยให้ทางตำรวจท้องถิ่นนั้นจัดการในส่วนที่เหลือต่อ
ตลอดเส้นทางไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดก็กลับมาถึงสำนักงานของตน
แมทธิวเปิดประตูออกจากรถมาและเดินกลับเข้ามาในตัวสำนักงานทันที ไฟในห้องที่เขาจำได้ว่าเป็นคนปิดเองกับมือก่อนที่จะออกไป แต่นี่กลับเปิดสว่างสร้างความแปลกใจให้กับเขาได้ไม่น้อย
แมทธิวค่อยๆ ย่องเข้ามาอย่างเงียบๆ จนหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู
แกร๊กกก...
และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็ต้องตกใจเพราะคนที่นั่งทำแผลอยู่ด้านในนั้นไม่ใช่ใครอื่น... แต่เป็นเจสสิก้าคนที่พวกเขาตามหามาตลอดนั่นเอง
“เจสสิก้า...”
เธอแหงนหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ พร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“นายหายไปไหนมา ! แล้วปล่อยให้ชั้นนั่งอยู่คนเดียวได้ตั้งนาน !!”
เสียงของเจสสิก้าที่ดังออกไปนอกห้องทำให้บรรดาลูกน้องต่างก็รีบวิ่งมาดูในทันที
“หัวหน้า !!”
“ก็ชั้นน่ะสิ !” เธอตอบกลับและทำแผลของเธอต่อ
“แล้ว... แล้วเธอรอดจากระเบิดนั่นได้ไงน่ะ ?”
แมทธิวถามขึ้นอย่างสงสัย
“นั่นสิ ! หัวหน้าหนีออกมาได้ไงน่ะ ?”
เจสสิก้าวางอุปกรณ์ทำแผลของเธอลงที่ถาดข้างๆ ตัวและถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มต้นเล่า
“ยอมให้จับซะดีๆ เถอะน่า !!”
“ใครมันจะไปโง่ให้จับกันเล่า !!” ชายคนหนึ่งตะโกนกลับมา
เคร้ง... เคร้ง...
เจสสิก้าเหลือบหันไปมองตามวัตถุทรงกลมที่ลอยผ่านเธอไป
“บัดซบ !!”
เจสสิก้าอาศัยช่วงก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีนั้น พุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างทันที
เพล้งงงง !!
เศษกระจกที่หน้าต่างบาดที่แขนของเธอจนเป็นทางยาว แต่ยังถือว่าโชคดีที่มันไม่ลึกนัก เบื้องหน้าที่มีระยะห่างไม่มากนักก่อนที่จะถึงคลอง ทำให้เธอต้องใช้ขาเหยียบที่ขอบหน้าต่างและทำการกระโดดออกไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เกิดการระเบิดขึ้นพอดี
ตูมมมมมมมมมมมมม !!!!
แรงระเบิดทำให้ร่างของเจสสิก้าพุ่งออกไปไกลพอสมควร
ซู่มมมม !!!
ถือว่าเป็นโชคดีของเธอทีเดียวที่ลงน้ำได้อย่างพอดิบพอดี เพราะหากไกลกว่านี้อีกเพียงสัก 5 เซนติเมตร หัวของเธอจะต้องฟาดกับพื้นอย่างแรงเป็นแน่
เจสสิก้าค่อยๆ ว่ายขึ้นมายังผิวน้ำด้านบนเพื่อสูดอากาศหายใจ
“ฮ้าาาาาา !!!”
เธอค่อยๆ ตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้ามายังฝั่งและค่อยๆ ปีนขึ้นมาด้านบน ความรู้สึกเจ็บแปลบที่บาดแผลทำให้การเคลื่อนที่ของเธอไม่เต็มที่เท่าที่ควรนัก เจสสิก้ามองดูแผลที่แขนของตัวเองอีกครั้งซึ่งเลือดนั้นยังคงไหลซึมออกมาไม่หยุด
“บ้าชะมัด !”
เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนยังอาคารที่เธอกระโดดออกมา
ปังง ปังง ปังงง !!!
เสียงปืนที่ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเกิดเสียงระเบิดขึ้นโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
ตูมมมมมมมมมม !!!!
เจสสิก้าหันไปมองตามเสียงระเบิดก่อนที่เธอจะรีบเดินไปทางบันไดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก เมื่อขึ้นมาถึง ภาพที่เธอเห็นเป็นอย่างแรกก็คือ สภาพของกองตำรวจที่เละไม่มีชิ้นดี ทั้งเลือดสีแดงสดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ และเศษชิ้นส่วนของร่างกายที่กระจัดกระจายไปคนละทางทำให้เจสสิก้ารู้สึกคลื่นไส้เป็นอย่างมาก
“อุ๊บ !!”
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงทำให้ข้าวเย็นที่กินไปได้ไม่นานแทบจะพุ่งออกมา
เจสสิก้าเลือกที่จะปลีกตัวออกมาจากบริเวณนั้นทันที เธอหันเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ และขับตรงกลับมายังสำนักงานทันที ซึ่งระหว่างทาง เธอก็ได้สวนทางกับแมทธิวไปอย่างไม่รู้ตัวเลย
“ก็อย่างที่เล่าไปนั่นแหล่ะ
ชั้นถึงได้กลับมานั่งทำแผลอยู่ตรงนี้”
เจสสิก้าตอบอย่างเซ็งๆ พร้อมกับหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาทำแผลอีกครั้ง ก่อนที่จะถามขึ้น
“แล้วสรุปจับไอหมอนั่นได้มั๊ย ?”
“ไม่เห็นแม้แต่วี่แวว
”
แมทธิวตอบกลับอย่างเซ็งๆ ก่อนที่เขาจะหันมาหาเธออีกครั้ง
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอปลอดภัย
”
พร้อมกับตบที่ไหล่ของเจสสิก้าเบาๆ
ทันทีที่นึกได้ เจสสิก้าจึงหันมาหาแมทธิวอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น
“ขอยืมโทรศัพท์ของนายหน่อยสิ !”
เธอพูดพร้อมกับแบมือขอ แมทธิวถึงแม้จะยังงงๆ กับเพื่อนสาว แต่สักพักเขาก็เข้าใจและยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาและส่งมันให้กับเธอ
“ขอบใจ !”
พูดจบเจสสิก้าก็เดินออกมาจากห้องทันที เธอเดินกดเบอร์โทรศัพท์ของยูริคนรักไปด้วย จนมาหยุดอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ซึ่งสายลมนั้นก็พัดผ่านไปมาให้ความรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
ทางด้านของยูริ เธอยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับคนรักของเธอเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ลองพยายามมาแล้วหลายร้อยครั้งในการติดต่อเธอ แต่ผลก็ยังคงเช่นเดิม
“ยูลจ๋า
รับสายของสิก้าหน่อยสิ”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ยูริรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องทันที
“ถ้าไม่รับสิก้าโกรธจริงๆ นะ !”
เธอรีบวิ่งมาและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
“ฮัลโหล !!”
เธอกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์อย่างเหนื่อยหอบ ซึ่งปลายสายที่ได้ยินเสียงของคนรักก็ยิ้มออกมาทันที
/นี่สิก้าเองนะยูล
/
“สิก้า ! ขอบคุณพระเจ้าที่เธอไม่เป็นอะไร
”
ยูริพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมา ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอสั่นคลอนในทันที
“ชั้น ชั้นนึกว่าเธอจะเป็นอะไรไปซะอีก ชั้นเป็นห่วงเธอมากเลยรู้ไหมสิก้า
เธอทำให้ชั้นแทบคลั่ง”
ยูริพูดพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาออก
/สิก้าขอโทษนะยูล
แต่สิก้าไม่ได้เป็นอะไร พอดีมือถือของสิก้าตกพื้นแล้วเจ๊งน่ะ/
เจสสิก้าตอบกลับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการพูดถึงควาจริงทั้งหมด แต่นั่นก็คลายความกังวลของยูริลงได้ และที่เธอไม่สามารถบอกความจริงได้ ก็เพราะเธอไม่อยากจะให้ยูริต้องมาเป็นห่วงนั่นเอง
“สิก้าขอโทษนะยูล
”
เจสสิก้าตอบกลับไปพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าด้านบน ความมืดมิดที่เข้าปกคลุมทำให้รู้สึกปล่าวเปลี่ยวและรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ
เจสสิก้าเดินขึ้นบันไดด้านข้างอาคารมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ขึ้นมาถึงดาดฟ้าของอาคาร
สวนหย่อมขนาดเล็กที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงามเพื่อใช้ในการพักผ่อนจากการทำงาน เจสสิก้าเหลือบหันไปมองทางขอบรั้วที่กั้นเอาไว้ ซึ่งตรงนั้นมีเสาไฟคอยให้แสงสว่างได้อย่างพอดิบพอดี
สายลมยังคงพัดผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย
“แล้วตอนนี้ยูลทำอะไรอยู่เหรอ ?”
เจสสิก้าถามขึ้นพร้อมกับหมุนตัวกลับและเอาหลังพิงขอบระเบียงเอาไว้อย่างสบายๆ
/ก็กำลังคิดถึงเธออยู่ไงล่ะ สิก้า
/
คำตอบดังกล่าวทำให้เจสสิก้ายิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งความสุขที่เติมเต็มหัวใจของเธอในตอนนี้ ทำให้ความเจ็บปวดที่บาดแผลนั้นถูกกลบจนหายไปหมด
ทั้งคู่ใช้เวลาคุยด้วยกันอยู่นานพอสมควร ก่อนที่เจสสิก้าจะเป็นฝ่ายวางโทรศัพท์ไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ทางด้านของยูริ วันที่ 5 ตุลาคม เวลา 07.30 ไมอามี่, ฟลอริด้า
เธอยังคงเฝ้าจับตาดูเป้าหมายของเธอในครั้งนี้ไม่เปลี่ยนไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการออกไปเดินเล่น การเดินทางออกไปทำธุระข้างนอก การออกไปซื้อของ หรือแม้กระทั่งการไปดินเนอร์กับทางครอบครัว ยูริตามสะกดรอยและจับตาดูนายจัสตินทุกฝีก้าว โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งหลังจากที่แน่ใจในข้อมูลของเหยื่อครั้งนี้แล้ว ยูริจึงเดินออกมาจากภัตตาคารดังกล่าวและเตรียมที่จะเดินทางกลับห้องพักของตน เธอเดินเลียบฟุตบาทมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะเรียกแท๊กซี่ที่วิ่งผ่านมาและเข้าไปนั่งด้านใน
ชายคนหนึ่งที่เดินสูบบุหรี่มาตามทางเหลือบหันมาเห็นยูริเข้าอย่างพอดิบพอดี เขาจึงไม่รอช้าที่จะรีบแจ้งไปยังหัวหน้าของตน พร้อมกับมองดูยูรินั่งรถผ่านไป
“หัวหน้าครับ ! นี่ผมเองเซคเคิร์น (second) เป้าหมายของเรามาอยู่ที่ฟลอริด้าแล้วครับ !”
สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่รถแท๊กซี่คันดังกล่าว จนมันหายลับไปจากสายตา
“ครับ
ทราบแล้วครับ”
พูดจบเขาก็กดวางโทรศัพท์ไปในทันที
องค์กรนักฆ่า SFAG
“ที่พูดมานั่นจริงรึ ?”
ชายผู้ที่เป็นหัวหน้าถามขึ้น ก่อนที่เซคเคิร์นจะรายงานในสิ่งที่ตนเองได้เห็นมากับตาอีกครั้ง ซึ่งบอสของพวกเขาก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีพร้อมกับคิดวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ว่าทำไมอยู่ๆ ยูริถึงได้ไปโผล่ที่นั่น
“ได้ตรวจสอบดูรึยัง ว่าทำไมยัยนั่นถึงได้ไปที่นั่น ?”
“มีบันทึกรายชื่อการจองโต๊ะของนาย จัสติน ฟรอสเตอร์ ด้วยครับ
”
ลูกน้องคนหนึ่งรายงาน ชื่อดังกล่าวทำมให้บอสของพวกเขาคิดได้ในทันที
“ส่งคนไปดูแลความปลอดภัยของจัสติน แล้วก็เรียกซีโร่กับเฟิร์สกลับมาทันทีด้วย !”
ชายผู้เป็นหัวหน้าพูดอย่างเจ็บใจและเดินออกมาจากห้องนั้นตรงกลับห้องทำงานของตนในทันที
มันจะมากเกินไปแล้วนะ ควอนยูริ
ไม่แปลกเลยที่ชายคนนี้จะรู้สึกโกรธ เพราะนายจัสติน ฟรอสเตอร์นั้นคืออีก 1 ในหุ้นส่วนรายใหญ่
ของเขา และการที่ยูริโผล่มา ณ ที่นี้ก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการฆ่าชายผู้นี้
ของเขา และการที่ยูริโผล่มา ณ ที่นี้ก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการฆ่าชายผู้นี้
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนที่ชายคนนี้จะตอบกลับไป
“เข้ามา !”
ประตูห้องที่เปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเซคเคิร์นและเธิร์ด (second & third)
“พวกแกไปจับตาดูจัสตินเอาไว้ แล้วก็คอยระวังยัยนั่นไว้ด้วย
”
“แล้วซีโร่กับเฟิร์สล่ะครัย ?”
เซคเคิร์นถามขึ้น
“เอาไว้ชั้นจะส่งตามไปเก็บยัยนั่นเอง
”
“ครับ !”
เมื่อได้ยินแล้วทั้งสองคนจึงพากันเดินออกมาจากห้อง เธิร์ดที่เดินตามหลังเซคเคิร์นมากำหมัดแน่นพร้อมกับนึกไปถึงใบหน้าของยูริ หญิงสาวที่ฆ่าหญิงคนรักของตนไป
ใบหน้าของบีที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทำให้ความรู้สึกโกรธนั้นพวยพุ่งออกมาจนแม้แต่เซคเคิร์นที่เดินนำหน้าอยู่เล็กน้อยยังสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันของชายคนนี้
รอยยิ้มเย็นๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซคเคิร์นอีกครั้ง ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป
เธิร์ดหยุดยืนอยู่ที่ของหน้าต่างพร้อมกับมองออกไปยังด้านนอก มือของเขากำมัดจนแน่นด้วยความโกรธแค้น
ชั้นจะต้องฆ่าเธอให้ได้
ควอนยูริ
มอร์เฟียสบอสของทาง SFAG ยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานของตน ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นอีกครั้ง
ก๊อกๆ ก๊อก
ลูกน้องคนหนึ่งเปิดประตูและเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าไม่ไกลเท่าไรนัก
“มีอะไรรึ ?”
“มีการติดต่อกลับมาจากคุณ อิวานคอฟครับ
”
พูดจบเขาก็ส่งโทรศัพท์ไปให้บอสของตนทันที ซึ่งมอร์เฟียสก็รับมาและพูดขึ้นทันที
“ว่าไง ?”
/
/
“อะไรนะ !?”
น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่เพียงนายจัสตินกำลังตกเป็นเหยื่อของยูริเท่านั้น แต่นายอิวานคอฟก็กำลังตกเป็นเหยื่อของทางตำรวจด้วยเช่นกัน
“อืม
เข้าใจแล้ว”
พูดจบเขาก็วางสายไปในทันที ก่อนที่จะโทรไปหาซีโร่ต่อ
“นี่ชั้นเอง
เปลี่ยนแผนนิดหน่อย” มอร์เฟียสเงียบไปสักพักเพื่อใช้ความคิดในการหาวิธีเอาตัวรอดให้กับนายอิวานคอฟ เพราะเขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ในเรื่องของอาวุธ และการที่จะยอมเสียหุ้นส่วนไปอีกคนมันเป็นไปไม่ได้สำหรับมอร์เฟียสอย่างแน่นอน
“เป้าหมายใหม่ของนาย ชั้นจะส่งไปให้หลังจากกดวางสายไปแล้ว
งานนี้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ก็ห้ามพลาดเด็ดขาด เข้าใจไหม ?”
/ครับ
/
ซีโร่ตอบกลับมา ก่อนที่มอร์เฟียสจะกดวางสายไปและหันไปคุยกับลูกน้องอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง
“ส่งรายระเอียดงานในครั้งนี้ให้ซีโร่ด้วย
”
“ครับท่าน !!”
ชายคนนั้นตอบรับและเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้มอร์เฟียสยืนอยู่ตามลำพังในห้องเท่านั้น
“ชิท !!”
เขาสบถออกมพร้อมกับกำหมัดแน่น
อย่าให้งานครั้งนี้พลาดล่ะ
เขานึกในใจก่อนที่จะเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของตนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น