คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 : ชะตากรรม (Re.0.3)
UP : 04/08/60
Re-write : 18/08/60
Re-write 2 : 22/09/61
Re-write 3 : 24/06/64
บทที่
14 : ชะตากรรม
เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงภายในบ้านกริฟฟินดอร์
เพื่อนร่วมหอคนอื่นๆ หลับกันไปหมดแล้วเหลือเด็กสาวที่ยังคงตื่นอยู่เพียงลำพัง
แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาผ่านหน้าต่างบานใหญ่สว่างมากพอที่ทำให้เธอเห็นทุกอย่าง หีบ
กรงนกฮูก หนังสือหลายเล่มที่วางกองกันไว้บนโต๊ะหัวเตียง
หลายคืนแล้วที่เฮเลนไม่กล้านอนหลับเพราะกลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่ได้พบกับเดรโก
มันน่าประหลาดใจที่เธอตกหลุมรักเขาได้อย่างง่ายดายทั้งๆ ที่ความจริงเดรโก
มัลฟอยเป็นคนที่ไม่น่าทำความรู้จักด้วยตั้งแต่แรก
ยึดมั่นในเลือดบริสุทธิ์หรือแม้กระทั่งเหยียดพวกเลือดผสม
แต่โชคร้ายนะที่เธอตกหลุมรักเขาในขณะที่เธอเพียงแค่ต้องการให้เขาเข้ามาร่วมในทัพดัมเบิลดอร์และย้ายมาเป็นฝั่งเดียวกับแฮร์รี่
ครั้งสุดท้ายที่เธอย้ำกับตัวเองเรื่องการให้ความสำคัญกับความรู้สึกแสนเปราะบางนี่มันเมื่อไหร่กันนะ
มือเรียวเลื่อนเข้าไปที่กรงนกฮูกทักทายเฮนรี่ตัวน้อยนิดหน่อยในขณะที่มันทำความสะอาดขนของตัวเองอยู่
เฮเลนคิดว่าไม่ควรจะกวนมันจึงดึงมือกลับมาที่เดิม
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เด็กสาวถอนหายใจออกมาตลอดเทอมนี้
สิ่งที่เธอกังวลใจมาตลอดมีเพียงเรื่องเดียวคือการกลับไปแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งมีความรู้สึกให้กับเดรโกมากเท่าไหร่
ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากเท่านั้นเมื่อคิดว่ายังไงก็ต้องกลับไป
ทั้งที่พยายามปล่อยวางแต่ก็ไม่เคยปล่อยวางลงได้เสียที
“โอ๊ย!”
ความรู้สึกเจ็บแปลบบนหน้าผากทำให้เด็กสาวสะดุ้ง
แต่นั่นก็เป็นการเตือนให้สังเกตรอบกายได้เป็นอย่างดี เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นที่บันไดหอหญิง
เฮเลนสะดุ้งเฮือกและแอบหวังว่าคงไม่ใช่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินขึ้นมาตรวจเด็กนักเรียนที่ยังไม่นอนหรอกนะ
แต่โชคร้ายของเธอมันยิ่งกว่านั้น
“คุณพอตเตอร์
คุณพอตเตอร์! ตามฉันมา
เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน”
เสียงเรียกดังขึ้นมาพร้อมร่างของศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินเข้ามาหาเธอที่เตียงในขณะที่เฮเลนกำลังจะแกล้งหลับ
เธอดึงแขนของเฮเลนและพาเดินออกไปพร้อมกับจินนี่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
ในห้องนั่งเล่นพวกเขาได้พบกับเฟร็ด จอร์จ รอนและแฮร์รี่รออยู่ที่นั่น
เกิดอะไรขึ้น?
“ไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่กันเถอะ”
และทั้งหมดก็เดินตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปยังห้องพักอาจารย์ใหญ่หรือนั่นก็คือพวกเขาต้องเข้าพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ที่ไม่เคยโผล่มาให้พวกเขาเห็นเลยตั้งแต่เปิดเทอม! พวกเขาเดินตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลผ่านช่องหลังรูปภาพและเดินตามทางเดินของสุภาพสตรีอ้วนที่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง
พวกเขาผ่านคุณนายนอร์ริสที่ส่งเสียงขู่เบาๆ
ออกมา
และไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงตุ๊กตาหินรูปสัตว์ประหลาดที่ยืนตระหง่านเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพาพวกเขาผ่านมันขึ้นไปถึงหน้าประตูไม้โอ๊คขัดมันวับ
มีที่เคาะประตูสีเหลืองทองเป็นรูปกริฟฟิน แม้ว่าเวลานี้จะเลยเที่ยงคืนไปนานมากแล้วแต่ก็ยังมีเสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้อง
เป็นเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ราวกับว่าดัมเบิลดอร์กำลังพูดคุยกับแขกอย่างน้อยๆ
ก็สักโหลหนึ่งได้
ศาสตราจารย์มักกินนากัลเคาะประตูสามที
เสียงพูดเงียบกริบลงในทันทีราวกับมีใครกดปุ่มปิด เมื่อประตูเปิดออก
พวกเขาก้าวเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ในห้องนั้นมืดสลัว
ภาพของอดีตอาจารย์ใหญที่ติดอยู่ตามผนังทั้งหมดกำลังสัปหงกอยู่ในกรอบรูปของพวกเขา
“อ้อ
ศาสตราจารย์มักกอนนากัล และ...”
ดัมเบิลดอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูงหลังโต๊ะทำงาน
เขาเอนตัวมาอยู่ในวงแสงเทียนที่ส่องสว่างอยู่เบื้องหน้า
เขาสวมเสื้อคลุมนอนสีทองและม่วงปักลายแต่ดูตื่นตัวเต็มที่
ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องเขม็งมาที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัล
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
พอตเตอร์เพิ่งจะ... เอ่อ... เขาบอกว่า...” เธอเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ผม
เอ่อ... ผมกำลังหลับ” แฮร์รี่พูดเสียงสั่น
เฮเลนเลื่อนตัวไปแตะมือเย็นเฉียบของเขาเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เขาค่อยๆ
เล่าและใจเย็นลง แฮร์รี่หันมามองเธอนิดหน่อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดต่อ “มันไม่ใช่ความฝันทั่วๆ
ไป ผมเห็นมันเกิดขึ้น! คุณวีสลีย์ถูกงูยักษ์ทำร้าย”
คำพูดนั้นสะท้อนไปในอากาศ
ดัมเบิลดอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเอนตัวพิงเก้าอี้และมองขึ้นไปบนเพดาน
“ในความฝัน
เธอกำลังยืนอยู่ติดกับเหยื่อหรือว่ากำลังมองดูเหตุการณ์อยู่”
“ไม่ทั้งคู่
ผมเป็นงูตัวนั้น” เขาตอบ “ผมเห็นทุกอย่างผ่านตาของงู”
ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
ดัมเบิลดอร์มองไปยังใบหน้าของรอนก่อนจะเอ่ยถาม “เขาบาดเจ็บสาหัสรึเปล่า”
“ใช่ครับ!” แฮร์รี่เน้นเสียง
เฮเลนจับความรู้สึกได้ว่าเขากำลังโกรธ แต่ดัมเบิลดอร์อยู่ๆ
ก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนทุกคนในห้องนั้นสะดุ้งและหันไปพูดกับรูปภาพเก่าๆ
ที่แขวนอยู่จนเกือบสุดเพดาน
“เอเวอราร์ด! คุณด้วย ดีลีส!” เขาพูดอย่างรวดเร็ว รูปพ่อมดผมสีดำสั้นปรกหน้าและแม่มดชราผมม้วนลืมตาขึ้นมาทันที
“คุณฟังอยู่ใช่ไหม”
“แน่นอน”
พวกเขาทั้งสองพยักหน้า
“ผู้ชายคนนั้นผมแดงและใส่แว่นตา”
ดัมเบิลดอร์บอก “เอเวอราร์ด คุณต้องกระจายข่าวนี้
ทำให้แน่ใจว่าฝ่ายที่ถูกต้องเป็นคนที่ได้พบเขา”
ทั้งสองพนักหน้าและหายไปจากกรอบรูป
และดูเหมือนว่ารูปภาพอาจารย์ใหญ่อีกหลายคนจะไม่ได้หลับอยู่จริงๆ
เฮเลนเข้าใจได้ทันทีเลยว่าใครที่กำลังคุยกันอยู่หลังประตูในตอนแรก
“ดัมเบิลดอร์!”
ในที่สุดเอเวอราร์ดก็กลับมาพร้อมกับเสียงหอบน้อยๆ “พวกเขาลงไปตรวจดูข้างล่างนั่นให้
แล้วก็หอบหิ้วเขาขึ้นมา ดูไม่ดีเลย มีเลือดท่วมตัวไปหมด”
“ดีมาก”
ดัมเบิลดอร์ตอบและไม่นานดิลีสก็กลับมาด้วย เธอไอแค่กๆ ก่อนจะตอบ
“ใช่! พวกนั้นพาเขาไปที่เซนต์มังโก้พวกนั้นแบกเขาผ่านรูปฉัน
เขาดูแย่มาก”
“ฟังผมสิ!!”
จนในที่สุดเหมือนแฮร์รี่จะหมดความอดทน
เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนเฮเลนยังสะดุ้ง ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ชะงักไปนิดหน่อย
เขาหยุดสั่งการรูปภาพภายในห้องแล้วหันไปมองหน้าแฮร์รี่ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
ศาสตราจารย์สเนปก็โผล่พรวดเข้ามาเสียก่อน
“เรียกหาผมเหรอครับอาจารย์ใหญ่”
“เซเวอร์รัส
คุณมาก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องให้คุณต้องช่วย” ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเครียด “เราคอยไม่ได้แล้ว
ถึงพรุ่งนี้เช้าก็คงไม่ทัน ไม่งั้นเราทุกคนคงเป็นอันตราย”
แฮร์รี่หันไปทางสเนปพลางมองสลับกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
มือเรียวเลื่อนมาจับมือของเฮเลนเอาไว้ราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
เหงื่อซึมออกมาทางร่องนิ้วมากพอๆ กับเหงื่อที่ออกมาบนใบหน้าของเขาตอนนี้เลย
และแล้วเฮเลนก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
แฮร์รี่จะถูกส่งตัวไปอยู่กับสเนปและเขาจะรู้เรื่องราวในอดีตที่พ่อตัวเองเคยทำและหลังจากนั้น...
“ไหวไหมแฮร์รี่”
เด็กสาวเอ่ยเสียงกระซิบและบีบมือนั้นแน่นขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น
มันบีบคั้นหัวใจมากมายเหลือเกิน เพราะบางทีนั่นคงเป็นสิ่งที่เฮเลน
พอตเตอร์ควรจะเป็นเมื่อต้องรับรู้ว่าใครจะตาย...
“ไหว"
เขาพูดแล้วกุมมือของเธอแน่นขึ้น "ไหวอยู่แล้ว”
ยังไม่ทันได้คุยกันให้มากกว่านี้
ดัมเบิลดอร์ก็สั่งให้สเนปพาตัวแฮร์รี่ไปและให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพาพวกวีสลีย์กลับไปที่หอ
เหลือเพียงเฮเลนที่ยังอยู่ในห้องทำงานของดัมเบิลดอร์เพียงลำพัง
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตถูกเชิญให้นั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามกับอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะทำลายความเงียบนั้นด้วยน้ำเสียงสุขุม
“ฉันไม่คิดว่าแฮร์รี่จะเป็นคนเดียวที่จ้าวแห่งศาสตร์มืดเข้าถึงเขา" ดัมเบิลดอร์จ้องมองเข้ามาในดวงตาของเด็กสาว
“เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันไหม เฮเลน?”
คำถามนั้นทำให้เด็กสาวรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรเข้ามาจุกอยู่ในลำคอ
เฮเลนไม่รู้จะเริ่มต้นบอกอะไรกับดัมเบิลดอร์ก่อนดี
เธอหลุบตาลงเพื่อหลบสายตาของอาจารย์ใหญ่ที่กำลังจ้องมองมา
สิ่งที่พวกเขากล่าวว่าเธอมีพลังที่คนอื่นไม่มี
และมันพิเศษมากกว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอนัก
โชคชะตาพยากรณ์ที่ไม่ว่าใครได้ยินออกจากปากของเธอมันมักจะเป็นความจริงอยู่เสมอ
“ซีบิลพูดกับฉันเสมอว่าเธอทำได้ดีในวิชาพยากรณ์ศาสตร์และฉันคิดว่าครั้งนี้มันอาจจะเป็นประโยชน์ถ้าหากว่าเธอ..."
ดัมเบิลดอร์เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง "-- เห็นบางสิ่งในการทำนายชะตาของพวกเรา”
“หนู
-- ” เฮเลนชั่งใจ ไม่มั่นใจกับสิ่งที่จะพูดออกไป การตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับนักพยากรณ์ศาสตร์
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นพวกลวงโลกจำเป็นต้องคิดให้หนักก่อนจะพูดถึงมัน
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดกับเธอเอาไว้แบบนั้น “เขาจะกลับมา -- ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้เพราะเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการหลังจจากนี้
ถ้าหากว่าใครคนใดคนหนึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ จะต้องมีอีกคนตาย
คุณรู้ความหมายของมันใช่ไหมคะศาสตราจารย์?”
ดัมเบิลดอร์เงียบ
และรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อจากนี้อย่างตั้งใจ
“มันเป็นชะตากรรม”
เฮเลนพูด "ชะตากรรมที่ทุกคนในโลกเวทมนตร์ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ --
ชะตากรรมที่หนูกับแฮร์รี่มีร่วมกัน"
เฮเลนเดินออกมาจากห้องอาจารย์ใหญ่พลางถอนหายใจออกมา
เรื่องที่เธอได้บอกกับดัมเบิลดอร์นั้นเป็นสิ่งที่เธอเห็นในลูกแก้วพยากรณ์ตอนที่เรียนอยู่ในชั่วโมงพยากรณ์ศาสตร์เมื่อวานนี้
เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นนักเรียนดีเด่นในวิชาพยากรณ์ศาสตร์ที่รอนพูดถึงคือแบบนี้นี่เอง
-- มันน่ากลัว และหวั่นใจ
ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เธอเห็นได้แม้กระทั่งตัวเธอเอง
ศาสตราจารย์ทรีลอว์นี่มักจะบอกอยู่เสมอว่าเธอจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
เธอสามารถพยากรณ์ได้ไม่ว่าจะเป็นอนาคตที่อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลออกไป
เพียงแค่คิดอยากจะรู้... และถ้ามันถูกต้อง
ถ้าสิ่งที่เธอเห็นมันกลายเป็นจริงมันคงจะกลายเป็นบทสรุปที่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากพบเจอ
มันต่างจากที่เธอเคยรับรู้ มันต่างจากแฮร์รี่
พอตเตอร์ที่เธอนั้นเคยได้อ่านเรื่องราวของมันมาก่อน
จุดจบ ที่ต่างไปจากเดิม
เวลาตีห้าสิบนาที
เด็กๆ ถูกส่งมาอยู่ที่กริมโมเพลซ
ประตูห้องครัวถูกเหวี่ยงออกพร้อมกับนางวีสลีย์ที่เดินเข้ามาในห้องครัว
ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอส่งยิ้มอ่อนระโหยมาให้พวกเขา
เธอเพิ่งกลับมาจากการไปหาอาเธอร์ที่โรงพยาบาลเซนต์มังโก้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน
“เขาจะหายดี”
เธอบอกเสียงแผ่ว “ตอนนี้เขาหลับอยู่ อีกไม่นานเราจะไปเยี่ยมเขาได้
บิลลางานครึ่งวันเช้ากลับมาเฝ้าเขา”
เฟร็ดยกมือขึ้นปิดหน้า
จอร์จและจินนี่ลุกไปหาแม่และกอดเธอแน่น รอนหัวเราะเสียงสั่นๆ
แล้วดื่มบัตเตอร์เบียร์ที่ซีเรียสนำออกมาให้ตอนแรกหมดในคราวเดียว
“อาหารเช้า! ไอ้เจ้าครีเชอร์มันหายไปไหนนะ! ครีเชอร์! ครีเชอร์!!” ซีเรียสร้องเรียกเอล์ฟประจำบ้านเสียงดังลั่น มันไม่ตอบเสียงเรียกเขา
“โอ๊ย! ช่างหัวมันเถอะ อาหารเช้าสำหรับแปดคนนะ
เบคอนกับไข่ดาว”
แฮร์รี่และเฮเลนรีบรี่ไปที่เตาทันทีเพื่อช่วยทำอาหาร
ทั้งสองไม่ต้องการไปแทรกความสุขที่มีอยู่น้อยนิดของครอบครัววีสลีย์
แฮร์รี่กลัวว่าเธอจะขอให้เขาเล่าเรื่องความฝันนั้นให้ฟัง
เฮเลนเดินไปแย่งกระทะจากมือของซีเรียสและพยายามไม่ทำให้มันไหม้
นางวีสลีย์เดินเข้าไปกอดแฮร์รี่และหันมาขอบคุณซีเรียสที่คอยช่วยดูแลลูกๆ
ของเธอตลอดทั้งคืน
“ซีเรียส!” แฮร์รี่พึมพำ “ผมขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม
เฮเลนด้วย -- ตอนนี้เลย!”
เมื่อนางวีสลีย์ตกลงจะทำอาหารเช้าแทนพวกเขา
แฮร์รี่ก็ดึงทั้งสองเข้าไปในห้องเก็บอาหารมืดๆ แฮร์รี่เล่ารายละเอียดทั้งหมด
รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็นงูตัวร้ายที่ทำร้ายนายวีสลีย์ด้วย เฮเลนจ้องหน้าซีเรียสเงียบๆ
เธออยากบอกเขาเหลือเกินว่าอย่าใจร้อน อย่าออกไปไหน อย่า -- แต่ไม่อาจพูดออกไปได้
มันจุกไปหมด
เพียงแค่คิดความเจ็บปวดที่แล่นปลาบเข้ามามันทำให้เธอรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
“เธอบอกดัมเบิลดอร์แล้วใช่ไหม”
ซีเรียสถาม แฮร์รี่พยักหน้าและพูดต่อ
“แต่มันไม่ใช่แค่นี้นะครับ
ผมคิดว่าตัวเองเป็นงู!" แฮร์รี่เอามือกุมศีรษะราวกับกำลังประสาทเสีย
"ผมเจ็บแผลมากและผมก็รู้สึกอยากจะทำร้ายเขา!!”
เฮเลนสะดุ้ง
เด็กสาวเดินเข้าไปโอบกอดแฮร์รี่เอาไว้เบาๆ อย่างปลอบใจ เด็กหนุ่มตัวสั่นเทา
กำมือแน่นราวกับกำลังโกรธจัด ในขณะที่เฮเลนรู้สึกปวดใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนั้น
เธออยากจะพูดออกมาเสียตรงนี้ว่าซีเรียสกำลังจะตาย --
แต่จะทำได้อย่างไรในเมื่อไม่มีทาง ไม่มีทางเลย ที่จะห้ามความตายไม่ให้เกิดขึ้นได้
-- ถ้าซีเรียสรอดตาย แฮร์รี่ก็จะต้องตาย!
“ควันหลงรึเปล่า
เธอคิดมากเรื่องความฝันนั้นเกินไปไหม” ซีเรียสพูด
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”
เขาตอบ ซุกใบหน้าลงบนบ่าของเฮเลน “มันเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในตัวผม”
“นายต้องพัก”
เฮเลนว่า “ไปกินอาหารเช้าแล้วเราก็ไปพักกันข้างบนดีกว่านะแฮร์รี่”
ซีเรียสพยักหน้าเห็นด้วย
แฮร์รี่ไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่ทั้งสามคนจะออกไปทานอาหารเช้า
แต่สุดท้าย
แฮร์รี่กลับเป็นเหมือนเฮเลนที่ไม่ยอมแม้แต่จะหลับตาลงเลยสักเพียงวินาทีเดียว
เฮเลนมองเขาเหมือนว่าเขากำลังกลัวว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นงูและทำร้ายทุกคนอีก
ในขณะที่เฮเลนรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน อึดอัดจนนอนไม่หลับ
ไม่อาจหลับลงได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
สองวันถัดมาเฮเลนเอาแต่หมกมุ่นคิดในเรื่องที่ยังไม่เกิด
ท็องส์แวะมาหาพวกเขาและบอกว่าในครอบครัวหรือเครือญาติสกุลพอตเตอร์ไม่มีใครเป็นสายเลือดผู้พยากรณ์เลยสักคนเดียวทำให้เธอคิดหนักว่าอำนาจการพยากรณ์นี้เธอได้เชื้อสายมาจากใคร
-- ตระกูลเอฟเวนส์งั้นหรือ?
ตอนนี้ครอบครัววีสลีย์และคนอื่นๆ
ออกไปรับนายวีสลีย์ที่เซนต์มังโก้ เหลือซีเรียส
แฮร์รี่กับเฮเลนอยู่ที่บ้านเตรียมของรอต้อนรับการกลับมาของพวกเขา
ความเงียบภายในบ้านยิ่งทำให้เฮเลนฟุ้งซ่านยิ่งกว่าเดิมเพราะแฮร์รี่ไม่ยอมออกมาจากห้องเลยแถมซีเรียสก็เอาแต่หมกตัวอยู่ชั้นบนเงียบๆ
อีก!
สาบานเลยว่าเธอคงได้ไปเซนต์มังโก้อีกคนแน่ถ้ายังไม่รีบไล่ความคิดพวกนี้ออกไปจากหัว
แต่ความคิดพวกนั้นก็ได้หายไปเมื่อมีเสียงอะไรจิกที่หน้าต่างของบ้านตรงที่เธอยืนอยู่
ดวงตากลมโตมองไปยังนกฮูกเหยี่ยวประจำตระกูลมัลฟอยที่ถือกระดาษม้วนสีขาวเอาไว้ที่เท้าขวาของมัน
มือเล็กวางจานที่กำลังจะหยิบไปเรียงลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างให้มันบินเข้ามา
นกฮูกตัวใหญ่ปล่อยกระดาษม้วนนั้นลงบนโต๊ะก่อนจะบินกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนัก
เฮเลนหยิบกระดาษม้วนนั้นขึ้นมา มันถูกผูกเอาไว้ด้วยโบว์สีดำห้อยกระดาษสีขาวใบเล็กเอาไว้ด้วย เฮเลนคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกและอ่านมันด้วยรอยยิ้ม
ถึง เฮเลน พอตเตอร์ ที่รัก
สวัสดีวันคริสมาสต์อีฟ
อากาศที่วิลเชียร์ตอนนี้กำลังหนาวเย็นได้ที่เลยล่ะ
ที่คฤหาสน์ของฉันกำลังจัดงานสังสรรค์ที่จะต้องเชิญพวกเพื่อนๆ
เลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายของฉันมาที่งาน --
แต่ว่าฉันกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปยังไงอย่างนั้นแหละนะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าปีนี้ของขวัญวันคริสมาสต์จะได้เยอะมากแค่ไหน
แต่ก็หวังว่าจะได้นั่นล่ะ! (และฉันไม่คิดว่าเธอจะลืมของขวัญของฉันหรอกใช่ไหม!)
ฉันฝากของขวัญของฉันไปให้เธอด้วย
ถึงมันจะไม่ได้มีราคามากมายนักแต่ว่าก็หวังว่าเธอจะชอบมัน --
ตอนแรกฉันว่าจะเลือกผ้าพันคอหรืออะไรอย่างอื่นมาให้
แต่ว่าเป็นไอ้นี่คงดีที่สุดแล้วล่ะ เวลาเธอใช้มันเธอจะได้คิดถึงฉันมากๆ ไง่ล่ะ!
แล้วก็ฉันกลับไปคิดเรื่องที่เธอเคยบอกกับฉันในห้องต้องประสงค์มาแล้วล่ะ
เรื่องของแพนซี่ ตอนแรกฉันก็ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะ
เพราะว่าเราสนิทกันมาตั้งแต่แรก -- แต่พอเธอพูดเท่านั้นล่ะ
ฉันก็เริ่มลองสังเกตดูบ้างเหมือนกัน
แล้วก็เหมือนยัยนั่นจะชอบฉันจริงๆ ด้วยล่ะนะ --
เฮ้อ ให้ตายสิ อยากขี้เหร่
เฮเลนรู้สึกอยากจะอ้วกทันทีที่อ่านถึงประโยคนี้
ทำไมไม่รู้ ใบหน้ากวนๆ ของเขาลอยขึ้นมาในหัวทันทีที่อ่านจบประโยค --
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เหมือนว่าเดรโกจะฝากของมากับนอกฮูกตัวนี้
แต่มันก็ไม่ได้คาบอะไรมาด้วยเสียหน่อย
เธอพยายามมองหาของขวัญที่อาจจะผูกมากับขาหรืออะไรทำนองนั้นที่ตัวมัน แต่กลับไม่เจอแม้แต่ของสักชิ้น
ล่าสุดที่แพนซี่มางาน
เธอเกาะแขนฉันเหมือนกับปลากหมึกพันปี -- จะเหนียวแน่นอะไรขนาดนั้น!
ฉันพยายามที่จะไปหาเครื่องดื่มอยู่ตลอด
หรือแม้แต่เดินไปหาแม่เพื่อที่จะไม่ให้แพนซี่พุ่งเข้าใส่ฉัน
แต่มันก็ยุ่งยากน่าดูเลยโดยเฉพาะเวลาที่พ่ออยู่ด้วย เหมือนเขาจะปลื้มใจมากที่เห็นฉันกับแพนซี่อยู่ด้วยกัน
-- ให้ตายสิน่า! --
แต่ว่าถึงอย่างนั้นฉันก็แอบหลบมาเขียนจดหมายแล้วก็แอบเอาของส่งมาให้เธอจนได้
จนแล้วจนรอดเธอก็ทำให้ฉันต้องเขียนจดหมายมาหาเธอก่อนจนได้สินะ
-- อย่าลืมเขียนตอบกลับฉันมาด้วยล่ะ ยัยบื้อ! ฉันคิดถึงเธอใจแทบขาดแล้ว
รู้ตัวซะบ้าง
ปล. นกฮูกชอบเล่นซ่อนแอบ
บางทีเธออาจจะหาของขวัญไม่เจอนะ
ปล.2 แนะนำให้เอาขนมปังกรอบมาแลก
จาก เดรโก มัลฟอย
คนหน้าตาดีที่สุดในโลกของเธอ
เฮเลนอยากจะเขวี้ยงจดหมายทิ้งด้วยความหมั่นไส้
และยิ่งโดยเฉพาะคำลงท้ายทำให้เธอหมั่นไส้เข้าไปใหญ่
แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มออกมาแก้มแทบแตกเช่นกัน --
ในความกวนประสาทนั้นก็ยังมีความน่ารักผสมอยู่ล่ะนะ --
หลังจากพับจดหมายเก็บเข้าไปในกระเป๋าแล้วเธอก็มองหน้าเจ้านกฮูกเหยี่ยวตัวนั้นด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่มันก็มองกลับมาที่เธอด้วยสายตาออดอ้อนเช่นกัน
สงสัยจะอยากกินขนมปังกรอบสินะ...
"รออยู่ตรงนี้แหละ"
เฮเลนพูดพลางเอานิ้วชี้จิ้มไปที่จะงอยปากของมันเบาๆ "เดี๋ยวเอามาให้ --
อย่าได้หนีไปไหนซะล่ะ"
ให้ตายสิ!
นี่ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย!
ติดตามตอนต่อไป...
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากท่านผู้อ่านเอาไว้
เมื่อวานนี้ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ได้เสียชีวิตลงแล้ว
ด้วยวัย 91 ปี ในวันที่ 3 สิงหาคม 2560
ขอไว้อาลัยแด่การจากไปของเขา
โรเบิร์ด ฮาร์ดี้
Rest in Peace to Robert Hardy. He'll be in our
memories forever.
CORNELIUS FUDGE MINISTER OF MAGIC
ความคิดเห็น