ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องนอน ออริ ห้ามเข้านะเออ

    ลำดับตอนที่ #148 : ตอนที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 60


    ✿ Application 
     
     
     

    "ปล่อยฉันเอาไว้แบบนี้....ก็ดีแล้วล่ะค่ะ"

    "เพราะไม่อยากทำให้ใครเจ็บปวด ฉันจึงต้องอยู่เพียงลำพัง..."

    "ขอโทษนะ.....ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะฉันเองค่ะ...เป็นเพราะฉันเอง...."

     

    คู่ :: มายุสึมิ จิฮิโระ 

     
    ชื่อ ::  ฮินางิคุ ริน [Hinagiku Rin]
     

    ชื่อเล่น :: ริน [Rin]
     

    ความหมายของชื่อ :: ฮินางิคุ ริน 
                                   ตัวสกุลนั้นเเปลว่าดอกเดซี่ [ฮินางิคุ]
                                    ส่วนตัวชื่อเเปลว่าความหนาวเย็น [ริน]

    ด้วยในวันที่รินเกิดนั้นมีพายุหิมะเข้าอย่างหนัก พ่อกับแม่ของเด็กน้อยจึงตั้งชื่อนี้ให้ เพราะคิดว่าเด็กน้อยมาพร้อมกับพรของฤดูหนาว (คิดในแง่ดีมากเลยนะเคอะ) ดังนั้นถ้าหากเอาทั้งชื่อทั้งสกุลมาจับขยำรวมความหมายเข้าด้วยกัน ก็คงเป็น ดอกเดซี่ท่ามกลางความหนาวเย็น (แถจนสีข้างหลุด) นั่นล่ะครับ
     

    อายุ :: 23 ปี
     

    ลักษณะรูปร่างหน้าตา :: รินเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเปรียบกับดอกท้อที่แย้มบานในฤดูหนาว แน่นอนว่านั่นหมายถึงเธอเป็นคนสวยมีเสน่ห์อย่างน่ากลัว แต่หญิงสาวก็มักกลบความงดงามนั้นโดยการใส่แว่นหนาเตอะ เลนส์ทึบ ปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่งรวมถึงดวงตากลมโตสีฟ้าใส ริมฝีปากบางสีแดงเรื่อไม่เคยยกยิ้มให้ใคร เธอเอาแต่เม้มปาก ไม่ก็ทำสีหน้าอมทุกข์ และมักเอาเรือนผมสีดำยาวสลวยดุจเส้นไหมของตนมาโกยๆ บดบังหน้าตาเอาไว้ จนคลับคล้ายคลับคลากับวิญญาณหลอน... ยิ่งผิวของรินมีสีขาวซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด และมักมีแผลถลอกเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าหรือตามผิวเนื้อที่โผล่พ้นเนื้อผ้า กับรูปร่างที่ดูผอมบอบบางเหมือนไม่ได้ทานข้าวเช้า (แต่อันที่จริงซ่อนรูปพอสมควร) เจ้าตัวมักสวมใส่เสื้อผ้าหลวมโพรกไม่ได้เข้าไซส์ อย่างเช่นเสื้อไหมพรมเชยๆ ตัวใหญ่ทับเสื้อเชิ้ตเเขนยาว กับกระโปรงผ้าแบบคุณป้ายาวเลยเข่า และรองเท้าคัชชู ซึ่งนี่เป็นการแต่งตัวสไตล์ปกติของรินเขาล่ะ....
     

    ลักษณะคำพูด :: รินเป็นคนที่พูดจาได้เหมือนเสียงหวีดหวิวของสายลม ซึ่งหากไม่ได้ตั้งใจฟังหรือรอบด้านไม่ได้เงียบสงัดจริงๆ ก็คงเเทบไม่ได้ยินเสียงสาวเจ้า ตามปกติรินเป็นพวกชอบพูดจาตะกุกตะกักฟังไม่ได้ศัพท์เวลาอยู่กับผู้อื่นซ้ำยังเสียงเบาราวกระซิบทำให้คนอื่นๆ ส่วนใหญ่รู้สึกรำคาญเวลาคุยกับเธอ เวลาพูดแล้วเกิดรู้สึกไม่มั่นใจหรือประหม่ารินมักจะขยำกระโปรง ส่วนเวลาโกหกเจ้าตัวจะเกี่ยวนิ้วตัวเองไปมา นั่นเป็นลักษณะท่าทางเวลาพูดที่เป็นเอกลักษณ์ รินเป็นคนพูดจาสุภาพและยึดถือเรื่องมารยาททั้งกับคนอายุน้อยกว่า รุ่นเดียวกัน หรือมากกว่า นั่นทำให้เจ้าตัวเกร็งเวลาพูดจากับคนอื่น ส่วนหนึ่งเพราะขาดความมั่นใจในการพูดด้วยล่ะนะ เธอจะพูดลงท้ายด้วย "ค่ะ/คะ" และเรียกคนอื่นว่า "คุณ (ซัง)" ไม่ว่าจะวัยไหน เรียกแทนตัวเองว่า "ฉัน (วาตาชิ)" ไม่เคยเรียกใคร ไม่สิ...ไม่กล้าเรียกใครด้วยชื่อต้นแม้คนๆ นั้นจะบอกให้เรียกได้ก็ตาม และจะพูดจาอย่างเป็นกันเองขึ้นแค่กับแมวที่เป็นทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว หากกระนั้นเจ้าตัวก็ยังเรียกแมวด้วย "คุณ" และพูดสุภาพอยู่ดี แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ได้พูดจาตะกุกตะกักกับแมวหรอกนะ 

                              ตัวอย่างคำพูด
                                                   "ขะ ขอ...ขอ..โทษด้วย..ค่ะ...หนะ..หนังสือ..ที่หา..มะ หมดไปแล้ว..ค่ะ" -มีคนมาถามหาหนังสือ
                                                   "ไม่..ไม่เป็น..ไรค่ะ...คะ..คือ ฉันซุ่ม..ซ่ามเอง" -มีคนวิ่งมาชน
                                                   "ตะ ตัวฉันเองจะ..จะพบ..ได้เหรอ..ค..คะ..ความสุขน่ะ.."
                                                   "ถ..ถ้าหากมายุ่ง..กะ กับ..ฉันแล้วล่ะก็..คุณ...จ..จะโชคร้าย..นะคะ" 
                                                   "คุณมิเกะ..วันนี้ฉันเจอคนพิลึกค่ะ เขาอ่านไลท์โนเวลสาวน้อยเวทย์มนต์ด้วยล่ะ" -คุยกับคุณมิเกะ
                                                   
                                 อ้อ ใช่ลืมไปอย่างหนึ่ง ถ้าหากรินเจอใครที่ทำให้ตัวเองไว้วางใจและไม่รู้สึกประหม่าเวลาคุยด้วยได้ เจ้าตัวก็จะพูดจาด้วยเหมือนที่คุยกับคุณมิเกะนั่นล่ะครับ
     


    ส่วนสูง :: 163 ซม. 

    น้ำหนัก :: 46 กก.
     

    อาชีพ :: นักศึกษามหาวิทยาลัยปี4 คณะอักษรศาสตร์ (เข้าเรียนช้า) และพนักงานพาร์ทไทม์ร้านขายหนังสือ
     

    วันเกิด :: 12 / 01 / 1xxx
     

    ราศี :: มังกร
     

    กรุ๊ปเลือด :: O
     

    ลักษณะนิสัย :: ฮินางิคุ ริน มีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร เราจะเริ่มกันด้วยการสัมภาษณ์คุณแมววัย11ปี นามมิเกะซัง แมวสามสีพันธุ์ทาง เพศเมีย ซึ่งอยู่กับรินมาตั้งแต่เจ้าตัวอายุ 12 กันนะครับ! (อย่างกับรายการเกมโชว์)

                           มิเกะซัง :: "รินน่ะเหรอ เมี้ยว...ก่อนอื่นนิสัยของเด็กคนนั้นก็"

                           ขี้แยสุดๆ ไปเลยล่ะเมี้ยว...แต่ก็อ่อนโยนกว่าใครๆ นะเมี้ยว 
     
    รินน่ะพอเจอเรื่องอะไรเจ้าตัวก็มักจะร้องไห้ก่อนเป็นอันดับแรกมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งขี้แยและบ่อน้ำตาตื้น และแค่เห็นใครร้องไห้ตรงหน้าเจ้าตัวก็พร้อมร้องไห้ตามอย่างง่ายดายโดยไม่รู้เหตุผล เหมือนว่าน้ำตาของรินน่ะมันเป็นหัวก๊อกน้ำรั่วๆ เลยล่ะเมี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะร้องไห้เพราะเรื่องของตัวเองอย่างเดียวนะเมี้ยว รินน่ะมักร้องไห้ให้กับหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของคนอื่นเอย เช่นกังวลเเทนคนอื่นบ้างล่ะ เป็นห่วงคนอื่นจนร้องไห้ออกมาบ้างล่ะ ทั้งเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเองเอย เช่น เห็นเจ้าหมาโดนรถชน รินนี่ล่ะที่วิ่งไปอุ้มศพมันขึ้นมาทั้งน้ำตาแล้วจัดการเอาไปฝังดิน ทั้งที่ไม่ได้รู้จักเจ้าหมาตัวนั้นหรือเคยเจอมาก่อนแท้ๆ ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจกับทุกเรื่องเลยนะเมี้ยว แต่เพราะแบบนั้นเเหละเมี้ยว ฉันถึงได้รู้ว่ารินเป็นคนอ่อนโยนกว่าใครๆ มีความเห็นอกเห็นใจกว่าคนอื่น เธอเป็นคนเก็บฉันที่เป็นลูกแมวถูกทิ้งกลางสายฝนขึ้นมาและอุ้มพาไปหาหมอในสภาพที่ตามตัวเต็มไปด้วยแผล ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เถอะนะเมี้ยว แต่นิสัยพวกนั้นก็อดทำให้เป็นห่วงไม่ได้นะเมี้ยว เพราะรินชอบห่วงคนอื่นมากว่าตัวเอง ประมาณว่าแค่คนอื่นมีแผลถลอกที่หัวเข่า แต่ตัวเองหัวแตก รินก็เลือกที่จะบอกว่า "แผลฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ" และให้หมอไปดูอีกคนแทน จนบางทีก็อยากให้เด็กคนนั้นรู้จักเป็นห่วงตัวเองซะบ้างล่ะนะเมี้ยว 

                            ซุ่มซ่ามสุดๆ ไปเลยล่ะเมี้ยว แถมโชคร้ายเสียจนน่าเป็นห่วง

    รินน่ะ ตั้งแต่ที่ฉันเห็นเธอมาตั้งแต่อายุ12ขวบ เธอก็มักกลับบ้านมาในสภาพมีแผลถลอก บางวันก็ตัวเปียก บางวันก็เลอะเทอะไปหมด หรือไม่แย่สุดๆ ก็รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เจ้าตัวน่ะมักส่งยิ้มให้ฉันอย่างเศร้าสร้อยแล้วเข้ามากอดพร้อมบอกว่า "ค่อยยังช่วย โชคดีจริงๆ ที่ยังมีคุณมิเกะอยู่" ฉันที่เป็นแมวไม่อาจพูดจาปลอบใจเธอได้ เลยได้เเต่ปลอบแบบแมวๆ เธอระบายทุกอย่างให้ฉันฟังเสมอ ทั้งตอนเช้าขณะเดินไปโรงเรียนก็โดนขี้นกหล่นใส่หัวบ้างล่ะ โดนหมาพันธุ์ชิสุ (!?) ของคนข้างบ้างไล่กวดเพราะไปเหยียบหางมันเข้าบ้างล่ะ เวลาอยู่โรงเรียนมักสะดุดล้มบ้างล่ะ บางที่ก็ลื่นลงบ่อน้ำตอนกำลังให้อาหารปลาบ้างล่ะ พยายามเอาลูกนกไปไว้บนรังแล้วลื่นถไลตกลงมาบ้างล่ะ แต่เวลาเล่าเรื่องพวกนั้นรินก็มักจะยิ้มแล้วหัวเราะแหะๆ อยู่เสมอ ทำเอาฉันอดถอนหายใจแบบแมวๆ ไม่ได้เลย เพราะแม้แต่อยู่ที่บ้านเจ้าตัวก็มักทำจานแตกบ้าง แก้วแตกบ้าง ลื่นขณะเดินในบ้านบ้าง นั่นคงเป็นความซุ่มซ่ามขนาดหนักที่แก้ไขไม่ได้ของรินล่ะมั้ง ก็นะ...เจ้าตัวเขาชอบเหม่อลอยบ่อยๆ ด้วยล่ะนะเมี้ยว แต่นอกเหนือจากเรื่องพวกนั้น รินก็มักเล่าพลางทำหน้าเจ็บปวดเศร้าสร้อยเสมอ เธอบอกว่าตัวเองมักนำพาโชคร้ายมาให้คนอื่น ทั้งเรื่องรายงานที่ทำร่วมกับคนอื่นๆ พอเธอเอาไปส่งแล้ว มันดันหายไปบ้างล่ะ ทั้งเรื่องที่พยายามช่วยกรรมการห้องสมุดจัดหนังสือแล้วชั้นหนังสือบังเอิญล้มลงมาใส่กรรมการคนนั้นจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะแขนหักบ้างล่ะ และอื่นๆ อีกมากมายที่รินมักกลับมาเล่าให้ฉันฟัง ในบางครั้งเธอก็ร้องไห้ ในบางครั้งก็กอดฉันเอาไว้ รินมักพูดจาย้ำๆ ว่าตัวเองเป็นตัวนำโชคร้าย เป็นคนที่ไม่ควรอยู่ใกล้กับใครเพราะจะนำพามาแต่เรื่องร้ายๆ ให้กับคนรอบตัว แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เพราะรินน่ะทั้งอ่อนโยนกว่าใคร คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง และเธอเป็นโชคดีของฉันเสมอ ก็เลยได้แต่หวังว่าสักวันหากไม่มีคุณมิเกะตัวนี้แล้ว เธอจะสามารถเจอใครสักคนที่จะปลอบโยนและคอยอยู่เคียงข้างเธอได้ โดยก้าวผ่านมองข้ามความโชคร้ายของรินไปล่ะนะเมี้ยว

                        เอาล่ะขอคุณสำหรับการสัมภาษณ์นะครับ ต่อไปกระผมคุไซจะขอดำเนินรายการต่อเอง (-โดนอุ้งตีนแมวยัน)

                        นิสัยอันดับต่อมาของรินที่น่าจะเห็นได้ชัดคือเจ้าตัวเป็นคนที่ ซื่อบื้อ ใสซื่อ ขาดความั่นใจแบบสุดกู่

    ด้วยความที่รินเป็นคนซื่อ(บื้อ)มาแต่กำเนิด อะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนความซื่อ(บื้อ)ของเธอไปได้ เธอมักจะตามใครเขาไม่ทันและเป็นคนโดนหลอกเอาง่ายๆ ถ้าหากไม่มีใครคอยดูแล จะว่ารินเป็นคนจำพวกเอ๋อโดยธรรมชาติก็ได้ แถมยังความรู้สึกช้ากว่าคนทั่วไปอีกต่างหาก จะให้เทียบก็เหมือน...มีคนมาจี้เอวเธอแล้วผ่านไปประมาณห้าวิ รินค่อยสะดุ้ง ไม่ก็ มีคนบอกรินว่า กระโปรงเปิดอยู่ เจ้าตัวก็จะนิ่งไปเพื่อประมวลผลประมาณสามวิแล้วหน้าแดงก่อนจะลนลานหันดูกระโปรง (ปรากฏว่าโดนหลอกจ้า) เจ้าตัวมักมองคนอื่นในแง่ดีแต่มองตัวเองในแง่ร้าย จะว่ายังไงดีล่ะ รินจะไม่มีทิฐิในการมองคนและมักมองข้อดีของคนอื่นก่อนมองข้อเสีย และกับตัวเองเธอมักจะพูดว่า "ฉันมันแย่" "ฉันเป็นตัวนำความโชคร้าย" "ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน" ฯลฯ เรียกได้ว่าทั้งมองตัวเองในแง่ร้าย มีอะไรชอบโทษตัวเองและขาดความมั่นใจด้วย รินมักไม่ค่อยกล้าแทรกเข้าไปในวงสนทนาหรือออกความเห็น ไม่กล้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองออกมาชัดๆ หรือแม้กระทั่งการพูดปฏิเสธ (เพราะแบบนั้นเวลาทำพาร์ทไทม์เจ้าตัวเลยโดยพนักงานคนอื่นใช้แหลกลาน) ไม่สู้คนค่อนข้างจะยอมคนเลยทีเดียว ไร้ซึ่งการต่อปากต่อคำใดๆ กับผู้อื่น ส่วนใหญ่มักพูดขอโทษก่อนเป็นอันดับแรก (ให้คิดถึงน้องเห็ดเรียว) ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และชอบก้มหน้าก้มตาเหมือนหาเศษเหรียญประจำ (ด้วยเหตุนี้ทำให้เวลาเดินชอบหัวโหม่งกำแพงหรือเสา) เป็นคนซื่อๆ ที่เรียกได้ว่าไร้พิษภัยโดยสิ้นเชิง ไม่เคยคิดอะไรร้ายๆ กับใคร มีแต่ความหวังดีให้ผู้อื่น จนไม่ดูสังขารตัวเอง ช่วยเหลืออะไรใครได้จะช่วยเต็มที่ (โดยไม่ดูสังขารตัวเองอีกเช่นเคย) 

                          ต่อไปคือขี้อายและมีมนุษยสัมพันธุ์กับผู้คนเข้าขั้นติดลบ อาการโคม่า

    แน่นอน เจ้าตัวที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวนำโชคร้าย ตัวซวย บลาๆๆ ก็มักไม่กล้าเข้าหาผู้คนเพราะกลัวไปทำชาวบ้านเขาโชคร้าย และด้วยความที่เธอมักคิดว่าตัวเองเป็นตัวนำโชคร้าย ก็ทำให้รอบกายมักแผ่รังสีออร่ามาคุสีม่วงๆ ออกมาตลอดเวลาบวกกับรูปลักษณ์เหมือนคุณป้ามาชั่งเข่งขายหนังสือ ยิ่งชวนให้ผู้คนรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้หรือจะว่าชวนคุยยากก็ไม่ผิดนัก มีความขัดแย้งในตัวเอง คือใจหนึ่งอยากเข้าไปหาไปทักทายไปผูกมิตรกับชาวบ้านเขานะ คือพยายามฝึกพูดจาเเบบเป็นกันเองหน้ากระจกทุกวันนั่นแหละ แต่พอถึงเวลาก็คิดว่า "ไม่ๆๆ ถ้าหากฉันเข้าไปทัก คนๆ นั้นต้องผจญกับเรื่องร้ายๆ" และพับโครงการผูกมิตรกับชาวโลกไป เป็นแบบนี้ซ้ำไปมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน นอกเหนือจากนั้นเจ้าตัวที่เป็นคนขี้อาย เวลามีคนมาผูกมิตรก่อนหรือทักทาย เธอก็จะหน้าแดงแปร๊ด ตะโกนว่า "ขะ ขอโทษค่ะ!" เสียงดัง (กว่าเสียงกระซิบหน่อย) แล้ววิ่งหนีไป (ซึ่งตามประวัติการณ์ส่วนใหญ่ก่อนจะหนีพ้นมักชนอะไรก็ตามที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นเสา กำแพง บลาๆ) ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้ทั้งชีวิตรินมีเพื่อนคือคุณมิเกะตัวเดียวเท่านั้นล่ะนะ รินมักชอบเก็บเนื้อเก็บตัว สงวนคำพูดจนแทบเงียบกริบ ด้วยความที่เป็นคนใส่ใจคนอื่นและขี้เกรงใจ ทำให้เวลาพูดอะไรก็มักจะคิดแล้วคิดอีกกว่าจะพูดออกมาสักประโยค (แถมพูดทีก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยนะ..) ยิ่งไปกว่านั้นคือรินกลัวผู้ชายมากค่ะ แค่เข้าใกล้กันในระยะหนึ่งเมตรเด็กสาวก็ตัวสั่น หน้าซีดเซียว น้ำตาคลอเบ้า แทบเป็นลมไปตรงนั้นเลยล่ะ เพราะเธอมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับพวกผู้ชายเท่าไหร่นัก หญิงสาวเลยมักหลีกเลี่ยงมนุษย์เพศผู้ค่ะ แต่เวลาผู้ชายมาซื้อหนังสือ เธอก็จะพยายามข่มความกลัวสุดชีวิตนะ เเค่พูดจาไม่รู้เรื่องกว่าปกติเท่านั้นเองล่ะ...

                             ต่อมาคือเป็นคนใจดีมาก ใจดีสุดๆ จริงๆนะเออ

    อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เธอทั้งอ่อนโยน เอาใจใส่ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่นอกจากนั้นเจ้าตัวยังมีความใจดีต่อสัตว์โลก (?) ยกตัวอย่างก็ เธอหิวนะ หิวโคตรๆ เลยด้วย แต่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งท้องร้องอยู่ใกล้ๆ เจ้าตัวก็ยกเอาข้าวกล่องที่เป็นอาหารมื้อกลางวัน (ซื้อโดยเงินค่าอาหารทั้งหมดของวันนั้น) ให้เด็กคนนั้นโดยไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิด มีครั้งหนึ่ง รินเห็นผู้หญิงมีครรภ์ยืนในรถไฟ เธอก็จะเสียสละยืนให้ทั้งๆที่ขาตัวเองเดาะอยู่ (มันเรียกไม่เจียมตัว) และวีรกรรมอื่นๆ ที่เป็นการปิดทองหลังพระของริน ตัวรินเองไม่เคยโกรธใคร (เหตุผลหลักๆ คือคิดว่าเป็นความผิดตัวเองซะหมด) ไม่ว่าจะมีคนมาแกล้ง รังแก หรือด่าว่าใดๆ แต่มักจะโกรธและโทษตัวเองอยู่บ่อยครั้ง และด้วยความที่รินเป็นคนใจดีนั้นเอง ทำให้เธอไม่ต้องการให้ใครคิดมากหรือกังวลเรื่องของเธอ ถึงรินจะอ่อนแอ ใช่แล้ว..จิตใจของหญิงสาวคนนี้บอบบางและพร้อมแตกสลายอยู่ทุกเมื่อ แต่เธอก็ไม่เคยแบ่งปันหรือระบายความเจ็บปวดของตัวเองให้ใครรู้ ยกเว้นกับคุณมิเกะที่รินมองเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว ถึงในหลายหนเธอจะเหนื่อยใจไม่อยากลุก ล้าหัวใจจนคิดว่าตายไปซะคงดี แต่หญิงสาวยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างฝืนทน เพราะคิดว่าชีวิตนี้ที่คุณแม่และคุณพ่อสละมอบให้ เธอจะไม่ยอมทำลายมันเด็ดขาด 

                          งานบ้านทำเป็น ความสามารถพิเศษก็มี แต่อาหารที่ทำออกมาคือระเบิดปรมาณู 

    รินเป็นคนที่จัดการงานบ้านงานเรือนได้ดี ไร้ข้อบกพร่องเลยนะ เธอสามารถทำได้กระทั่งจัดดอกไม้เลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าความเป็นกุลสตรีเกือบเต็มร้อย ติดอยู่จุดหนึ่งคือทำอาหารได้ห่วยเเตกสุดๆ อาหารที่รินทำออกมาจะว่าไงดีล่ะ หน้าตานี่มันก็อาหารปกตินั่นแหละ แต่กินเข้าไปคุณอาจไปเฝ้าพระเจ้าได้ในสิบวินาทีเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นรินก็ยังชอบทำอาหารนะ และคอยฝึกทำระเบิ..แค่ก อาหารอยู่ตลอดเท่าที่มีโอกาสนั่นแหละ ที่สำคัญคือเจ้าตัวเวลากินอาหารที่ตัวเองทำก็สามารถรับรสได้ว่าห่วย แต่กลับไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายซะอย่างนั้น

                            ชอบอ่านหนังสือนิยายหลากหลายประเภท แถมยังชอบแต่งเองอีกต่างหาก

    รินเป็นเด็กที่ไม่มีเพื่อนมาแต่ไหนแต่ไร เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวมาตั้งแต่เล็ก (ก่อนมีคุณมิเกะ) คือหนังสือนวนิยาย เพราะมันทำให้รินรู้สึกเหมือนตัวละครในหนังสือนั้นเป็นเพื่อกับเธอ ดังนั้นรินเลยชอบอ่านนวนิยายหลากหลายประเภท ตั้งสืบสวน แฟนตาซี ไซไฟ แอคชั่น ย้อนยุค รักหวานแหวว หรือแม้กระทั่งไลท์โนเวลการ์ตูนเธอก็อ่าน! (ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นโอตาคุหรืออะไรหรอกนะ) พออ่านไปมากๆ รินเลยอยากลองแต่งเองดู พอแต่งเองตั้งแต่สิบขวบ มันก็เลยติดแต่งยาวมาจนถึงปัจจุบัน (เธอถึงเข้าเรียนคณะอักษรศาสตร์) แต่ถึงรินจะแต่งนวนิยายจบไปหลายต่อหลายเรื่อง แต่ก็ไม่เคยเอาให้ใครอ่านเลยสักครั้ง

                             ประสบการณ์ด้านความรักของรินนั้นเป็น0

    เพราะมืดมนอย่างนี้ กลัวผู้ชายเสียเข้าขั้นอาการหนัก และมนุษยสัมพันธ์ติดลบอย่างนั้น ทำให้รินไม่เคยมีคนรักมาก่อนและถ้าหากถามว่าเจ้าตัวคิดจะคบกับผู้ชายคนไหนบ้างมั้ย รินคงส่ายหัวจนหัวแทบหมุนรอบทิศได้แหงๆ เพราะแบบนั้นเองเจ้าตัวเลยค่อนข้างใสซื่อด้านนี้และไม่ประสาโดยสิ้นเชิงค่ะ
     


    ประวัติส่วนตัว :: ฮินางิคุ ริน เป็นเด็กที่เกิดในวันที่พายุหิมะเข้าในเกียวโต คุณพ่อกับคุณแม่ตั้งชื่อ 'ริน' นี้ให้ในวันที่เธอลืมตาดูโลก แต่โชคร้ายที่หลังจากรินเกิดมาได้แค่หนึ่งสัปดาห์ แม่ของเธอก็ด่วนจากโลกนี้ไปทิ้งเพียงเธอและพ่อเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็เติบโตขึ้นด้วยความรักของบิดา ถึงเธอจะขาดแม่ แต่ก็ไม่เคยขาดพร่องเรื่องความรักจากครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ถึงที่โรงเรียนจะขรุขระบ้างเพราะเธอทั้งซุ่มซ่ามทั้งโชคร้าย แต่ก็ไม่เป็นไร...เพราะว่ารินยังมีคุณพ่ออยู่

                             ต่อมาเมื่อรินอายุ12ปี โชคร้ายก็ดำเนินอีกครั้ง คุณพ่อเธอถูกฆ่าตายเพราะปกป้องเธอจากน้ำมือของโจรร้าย ตัวเธอถูกช่วยเอาไว้ได้ทันโดยตำรวจที่มาถึง แต่มันก็ไม่ทันพอที่จะรักษาชีวิตของพ่อเธอเอาไว้ได้ เด็กสาววัย12ปี เห็นคุณพ่อตายต่อหน้าต่อตา ตัวเธอเกือบถูกข่มขืน แต่ก็รอดมาได้ เหตุการณ์นั้นสร้างบาดเเผลลึกไว้ในใจของเด็กสาว เธอไม่อาจเข้าใกล้พวกผู้ชายได้ด้วยความกลัวฝังใจ หลังจากงานศพคุณพ่อเสร็จสิ้น เหล่าญาติก็ทุ่มเถียงกันว่าใครจะเอาเธอไปเป็น ภาระ ของครอบครัวพวกเขา รินนั่งร้องไห้กอดรูปของบิดา ไม่อาจรับรู้สิ่งใด เธอทนฟังคำพูดโยนตัวเธอไปที่นู่นที่นี่เหมือนเธอเป็นขยะไร้คนต้องการได้เพียงแค่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างบอบบางจะลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านของตนไป

                          รินวิ่งออกมาอย่างไร้จุดหมายได้ไม่ทันไรฝนก็ตกหนักเสียจนน่าฉงน ดูท่าทางวันนี้เด็กสาวจะโชคร้ายไม่จบสิ้น เธอโทษตัวเอง เป็นเพราะเธอ ตั้งแต่ที่เธอเกิดมามารดาก็เสียไป พอมาวันนี้เพราะบิดาต้องมาตายเพราะเอาตัวเข้าปกป้องคนไร้ค่าอย่างเธอ เท้าทั้งสองข้างที่ไม่ได้สวมรองเท้าถลอกไปหมด เธอทั้งวิ่งและหกล้ม จนตามตัวเต็มไปด้วยบาดเเผล สุดท้ายก็หยุดอยู่ในสถานที่ๆ ตนไม่รู้จัก พอมองซ้ายมองขวาด้วยใบหน้านองน้ำตาและตัวเปียกปอน ก็ทรุดลงไปนั่งคุดคู้ตัวอยู่ข้างๆ ฟุตบาท เด็กสาวคิดในใจตอนนั้นเอง..."อยากตาย"..."ถ้าหากตายไปซะ ก็จะไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆอีก" ขณะทอดทิ้งทุกอย่างในหัวใจไปแล้วนั้นเอง สายฝนที่ตกลงกระทบร่างราวกับเข็มน้ำแข็งก็หายไป เด็กสาวสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้น มองเห็นร่มสีใสกางอยู่เหนือหัวของตัวเอง พอหันไปมองก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขายื่นร่มมาทางเธอโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงถือร่มและยืนอยู่ข้างๆ เธอ

                          ผ่านไปสักพักฝนก็เหมือนจะตกหนักกว่าเดิมราวกับจะกลั่นแกล้ง ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะมีครอบครัวโทรมาตามเสียแล้ว เขากดวางสายก่อนจะใช้นัยน์ตาสีเทาเข้มนั้นมองมาที่เธออย่างสงบนิ่ง รินมองไปยังชายแปลกหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดที่เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือขยะแขยงเขาอย่างที่รู้สึกกับผู้ชายคนอืนๆ แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดอะไร คันร่มก็ถูกยัดใส่มือและเขาที่พยักหน้าเหมือนจะสื่อว่าเอาไปใช้เถอะ และออกตัววิ่งฝ่าสายฝนตกหนักไป ไม่ทันให้รินได้ถามอะไรเลยแม้แต่นิด เด็กสาวมองตามแผ่นหลังที่ลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรู้สึกว่านอกเหนือจากคันร่มในฝ่ามือยังมีอะไรอีกอย่าง พอเเบดูก็พบกับพลาสเตอร์ปิดแผลลายคุณแมวน้อยน่ารัก วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนว่าในวันที่โชคร้ายแบบนี้ก็ยังมีโชคดี ที่ทำให้หัวใจที่เกือบจะทิ้งทุกอย่างกลับมาเต้นอย่างมีชีวิตได้อีกครั้ง

                         ...และในวันเดียวกันนั้นเธอก็ได้เจอกับคุณมิเกะ ซึ่งกลายมาเป็นครอบครัวและเพื่อนคนสำคัญด้วย...

                            หลังจากนั้น รินตัดสินใจอยู่ในความดูแลของคุณป้า แต่แค่ในนาม เพราะเธอเลือกที่จะอยู่ที่บ้านที่คุณพ่อกับเธออยู่ร่วมกันมา โดยมีทุนสำหรับการเรียนต่อและการใช้ชีวิตเป็นเงินประกันและเงินที่คุณพ่อฝากธนาคารไว้ให้จำนวนหนึ่ง แต่พอเธอขึ้นระดับมหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นมา ทำให้รินต้องหาพาร์ทไทม์ทำ และมีคุณป้าคอยส่งเงินจำนวนหนึ่งไม่มากมายนักมาให้เป็นบางเดือน จากเด็กสาวในวันฝนตกวันนั้นก็เติบโตขึ้น ถึงแม้จะยังเป็นหญิงสาวผู้โชคร้ายดังเก่า แต่หนึ่งในสิ่งที่ทำให้รินยังพอมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อไป ก็คือร่มสีใสที่ตอนนี้เก่าแทบจะพัง กับพลาสเตอร์รูปคุณแมว ที่ได้มาจากคนๆ นั้น คนที่เป็นดั่งความหวังในวันที่เธอเสียทุกอย่างไป

                          
     

    งานอดิเรก :: อ่านนิยาย , แต่งนิยาย , คุยกับคุณมิเกะ , ฝึกยิ้มหน้ากระจก , ทำระเบิ..เเค่ก อาหาร
     

    ชอบ :: นวนิยายทุกประเภท (ยกเว้นแนวตื้ด18+ที่รินไม่อ่าน) , คุณมิเกะและสัตว์ทุกชนิด (แม้กระทั่งงู...) , ขนมหวานๆ , วันที่ความโชคร้ายของตัวเองไม่สัมแดงฤทธิ์
     

    ไม่ชอบ :: ความโชคร้ายของตัวเอง , ความซุ่มซ่ามของตัวเอง...เอาง่ายๆ รินไม่ชอบตัวเองค่ะ , ของขมๆ จำพวกกำแฟดำหรือยา , วันที่ฝนตก
     

    แพ้ :: รินแพ้อาหารทะเลจำวพกกุ้ง กั้ง ทานไม่ได้เลยแม้แต่นิด เพราะจะทำให้ผื่นขึ้น หนักสุดคือแน่นหน้าอกต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนๆ ไม่งั้นมีซี้ม่องเท่ง
     

    Character Voice ::  
     

    เพิ่มเติม :: -อาศัยอยู่คนเดียวกับแมวอีกหนึ่งในเกียวโต มีห้องหนังสือนิยายที่ตัวเองทำขึ้นเองกับมือด้วยนะเออ
     
     
    Talk To Me
     
     
    ✿ สวัสดีค่ะ..เราไดอาน่าเองง จะเรียกไดอาก็ได้นะ! แล้วผปค.ชื่ออะไรเอ่ย?
    :: คุไซอีกแล้วครับ (โดนถีบ)
     
    ✿ ใบสมัครกับคำถามเราอาจจะเยอะไป(ไม่)หน่อย ขออภัยด้วยนะคะ! *กราบงามๆ*
    :: ไม่เล๊ยยยย (ตาย)
     
    ✿ ทำไมถึงเลือกคู่กับคนนี้คะ?
    :: ตอนแรกว่าจะเอาอิสึกิ ไปๆมาๆ ดันได้อ่านfic Knb แล้วพี่มายุโคตรน่ารักเลยอ่ะครับ
     
    ✿ ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ค---แค่ก
    :: น่าสนใจดี เนื้อเรื่องดูน่าตามอ่าน
     
    ✿ เรื่องนี้อาจจะมีการดองหรือลงช้าเป็นบ้างครั้งนะคะ รอได้รึเปล่าเอ่ย?
    :: ได้คร้าบบบ
     
    ✿ ถ้าไม่ติด..เราขอโทษนะคะ ,_, ))
    :: ไม่เป็นร๊ายยยย
     
    ✿ สุดท้ายนี้ มีอะไรจะบอกเรามั้ยคะ? รักนะ ❤ 。◕‿◕
    :: ก็ ฝากด้วยนะฮะ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×